ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    @_@ [[ห้องเก็บของ]] @_@

    ลำดับตอนที่ #2 : อินโทร

    • อัปเดตล่าสุด 4 เม.ย. 52


    อากาศยามค่ำคืนในเมืองคาซานหนาวเสียจนเด็กชายตัวสั่น เสื้อเนื้อบางสีตุ่นๆกับกางเกงสามส่วนตัวเก่าที่ใส่อยู่แทบจะไม่ได้ช่วยอะไรเลย  เขามองไปยังลูกแมวสีขาวตัวน้อยที่นอนนิ่งอยู่ชิดกำแพง  เกล็ดน้ำแข็งบางๆเกาะกันเป็นก้อน  ดวงตาของมันเบิ่งค้าง

     

    ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปี  ฤดูหนาวในคาซานก็โหดร้ายเสมอ  แต่ปีนี้ดูจะแย่ยิ่งกว่าครั้งไหนๆ

     

    เด็กชายคนเดิมเดินเข้าไปหาร่างเย็นชืดไร้วิญญาณนั้น เขาคุกเข่าลงกับพื้นที่ถูกปกคุลมด้วยเกล็ดหิมะ แล้วค่อยๆอุ้มร่างนั้นขึ้นมาอย่างทะนุถนอมก่อนใช้มือปิดตาให้ลูกแมวตัวนั้นอย่างแผ่วเบา

     

    สกปรกน่า แองกัส

     

    เสียงหนึ่งดังขึ้นในหัว  สีหน้าของเด็กชายที่ถูกเรียกว่าแองกัสหม่นลง  เขาวางลูกแมวลงบนตักอย่างระมัดระวังแล้วพยายามเช็ดมือกับกางเกง  ก่อนจะเอื้อมมือไปอุ้มลูกแมวนั้นขึ้นมาอีกหน

     

    ไม่ใช่มือเจ้า  เจ้าบื้อ เสียงนั้นดังขึ้น  ฟังดูไม่สบอารมณ์  แองกัสตระหนกที่ถูกเสียงลึกลับนั่นตวาดใส่ ที่ว่าสกปรกน่ะ ข้าหมายถึงศพนั่นต่างหากเล่า

     

    ซุญญา...แองกัสครางเสียงแผ่ว ผม...  ไม่... ปล่อยไว้... แบบนี้...  ไม่เอา

     

    เสียงของ ซุญญาเงียบไป  แองกัสเริ่มร้อนรน  เมื่อครู่เขาทำให้ซุญญาโกรธอีกแล้วรึเปล่านะ  เพราะว่าเขาไม่เชื่อฟัง

     

    ซุญญา...เด็กน้อยเรียกหาวิญญาณปิศาจในตัวอีกครั้ง  แต่ก็ไม่มีเสียงใดตอบกลับมา นานทีเดียวที่แองกัสคุกเข่า พร่ำเรียกชื่อซุญญาเพื่อให้ช่วยเหลือ  แล้วความพยายามก็ประสบผลสำเร็จ

     

    เจ้าอยากให้ข้าช่วยหรือ

     

    คะ.. ครับ เด็กน้อยพยักหน้ารัวเร็ว  ใบหน้าที่เห็นไม่ชัดเพราะความมืดปกคลุมปรากฏรอยยิ้มอย่างมีความหวัง

     

    แน่ใจนะ เสียงนั้นถามขึ้นอีกครั้ง คราวนี้แฝงแววเจ้าเล่ห์อย่างน่าประหลาด เด็กชายไม่ทันสงสัยอะไรแม้แต่น้อย

     

    ครับ...  ได้โปรด

     

    หึหึ...

     

    เสียงหัวเราะของซุญญาแว่วเข้ามาในหัว  แองกัสรู้สึกใจคอไม่ดีเลย  เขามองร่างเล็กที่นอนนิ่งในมือ  ขนสีขาวเริ่มยุบลงจนเห็นกระดูกปูดโปนขึ้นมาชัดเจน  เด็กชายทำท่าเลิกลั่ก

     

    ซะ... ซุญญา!”  แองกัสส่งเสียง .. ทำ... อะไร... 

     

    วิญญาณปิศาจไม่ตอบคำถาม เพียงแต่กรีดเสียงหัวเราะสะใจกับท่าทางของเด็กชายที่เบิกตากว้าง  ร่างไร้วิญญาณของลูกแมวกระตุกเมื่อกระดูกภายในแทงทะลุออกมา  เลือดสีแดงข้นไหลทะลักตามบาดแผลจนชุ่มร่าง  น้ำตาเลือดไหลลงมาจากดวงตาที่แองกัสลูบปิด  เด็กชายเบือนหน้าหนี  สุดท้ายร่างนั้นก็กระจายออกเป็นชิ้นๆท่ามกลางความตกใจอย่างถึงที่สุดของแองกัส กับเสียงหัวเราะของซุญญาที่ดังก้องในหัวของเด็กชาย

     

    @ _ @ _ @ _ @ _ @

     

    ท่ามกลางความมือที่โรยตัว เด็กน้อยฝืนก้าวเท้าเปลือยเปล่าออกจากตรอกมืดแล้วเดินต่อไปตามถนนอิฐบล็อกเย็นเชียบ ใบหน้าที่ก้มมองพื้นปรากฏคราบน้ำตา ชายเสื้อด้านหน้าถูกอะไรบางอย่างย้อมจนกลายเป็นสีแดงฉาน  เด็กชายก้มมองสองมือที่สั่นระริกของตน 

     

    สั่นเพราะความหนาว  สั่นเพราะความกลัว

     

    เมื่อกี้... เลือด  ...เหนียวเหนอะไปหมด  ฮึก...

     

    เมื่อคิดถึงเรื่องที่เพิ่งผ่านไปแล้วแองกัสก็สั่นไปทั้งตัว  น้ำตาที่เพิ่งแห้งเหือดไปก็รื้นขึ้นมาคลอ แต่เสียงสะอื้นถูกเด็กชายกลั้นไว้จนสุดความสามารถ  พอเริ่มสงบใจได้จึงเริ่มเดินต่อไป

     

    ขนมปัง... ซื้อ...  ให้แม่

     

    ถังขยะข้างทางที่ล้มคว่ำกับเศษปฎิกูลที่กระจายเกลื่อนทำให้เขาหยุดชะงักก่อนจะถอนหายใจออกมาเป็นไอสีขาวขุ่น

     

    ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเดินย่ำไปทั้งอย่างนั้น 

     

    แองกัสยกมือขึ้นกอดอก มือเล็กๆที่หยาบกร้านลูบแขนตนเองไปมา  หวังให้ความหนาวเย็นคลายลงสักเล็กน้อยก็ยังดี  ใบหน้าที่ก้มมองพื้นอิฐเงยขึ้นเล็กน้อย  ดวงตาเรียวเล็กกวาดมองรอบกาย

     

    ที่ตรงนี้เคยเป็นตลาดของเมือง  เคยมีผู้คนพลุกพล่าน เต็มไปด้วยเสียงเซ็งแซ่ของพ่อค้าแม่ค้า  เต็มไปด้วยกรรมกรแบกของกับรถเข็นบรรจุสินค้า  แม่บ้านกับตะกร้าสานในมือ  นักเดินทางกับกระเป๋าใบโต  วณิพกเร่ร่อนกับเสียงเพลงและเรื่องเล่ามากมาย...

     

    ตอนนี้... ตลอดสองข้างทางเหลือแค่ถนนเปล่าๆ กับร้านรวงอีกสองสามร้านเท่านั้น

     

    เด็กชายคิดเปรียบเทียบพลางล้วงกระเป๋า หยิบเหรียญที่มีอยู่ขึ้นมา

     

    ห้าโกลด์  คงได้แค่ขนมปังครึ่งชิ้น ไม่รู้ว่าร้านจะยอมแบ่งขายให้ไหม

     

    เขาขยับเหรียญในมือที่สะท้อนแสงไฟจากตะเกียง  แสงวูบวาบทำให้เขากระพริบตา และเมื่อแองกัสรู้สึกตัวอีกทีเหรียญก็หายไปแล้ว  มันไปอยู่ในมือของเด็กหนุ่มผมทองตัวสูงเบื้องหน้าเขา ข้างหลังเด็กคนนั้นก็ยังมีอีกสองคนฉีกยิ้มเหมือนหมาป่าดีใจที่เห็นเหยื่อ 

     

    เฮอะ!  ห้าโกลด์รึคนพูดจงใจเหยียดเสียงอย่างดูถูก  แองกัสหลุบตาลง  นัยน์ตาสีเข้มนั้นฉายแววขลาดกลัว แกจะเอาเหรียญนี่ไปทำอะไรเด็กหนุ่มคนเดิมถามเยาะ

     

     ผะ... ผม  ซื้อ... เด็กชายพยายามเค้นเสียงตอบ แต่ก็กลัวจนสั่นไปหมด แองกัสรู้ดีว่าการกลั่นแกล้งครั้งนี้จะลงเอยด้วยอะไร  แม้จะเป็นแบบนี้บ่อยๆ แต่อย่างไรเสียเขาก็ไม่ชินชากับมัน

     

    แลกเศษขยะรึไงสองคนข้างหลังตะโกนตอบแล้วหัวเราะร่วน 

     

    ไม่มีใครยอมขายของให้แกหรอก เจ้าเด็กปีศาจ!!” แองกัสสะอึกกับวาจากล่าวร้าย  พยายามก้มหน้าลงให้ต่ำที่สุด  เด็กทั้งสามคนก้าวเข้ามาล้อมเขาไว้  ก่อนที่กำปั้นของใครคนหนึ่งจะซัดลงมาเต็มๆหน้า  แรงเสียจนเด็กชายน้ำตารื้นด้วยความเจ็บ แล้วอีกสองคนที่เหลือก็กรูกันเข้ามาซ้อมเขาราวกับเป็นกระสอบทราย  ขนาดแองกัสล้มลงกับพื้นทั้งสามก็ยังรุมเตะซ้ำพลางตะโกนว่ากล่าว

     

    ไอ้อัปลักษณ์  ตัวซวย!”

     

    เพราะแม่แก อากาศเมืองนี้ถึงได้แปรปรวนแบบนี้!”

     

    ยายแม่มดชั่วร้ายที่ทำพิธีสาปแช่งเมืองเรา

     

    วิญญาณร้ายที่แม่แกเรียกมา ทำให้เมืองเราล่มจม!!”

     

    วิญญาณร้ายรึ  ข้าไม่รังเกียจชื่อนี้หรอกนะ เสียงของซุญญาดังขึ้นอีกครั้ง  หล่อนหัวเราะอย่างพึงใจทั้งกับชื่อที่ได้รับ ทั้งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  แต่ตอนนี้แองกัสไม่สนใจเสียงนั้น  เขาไอค่อกแค่กอย่างทรมาน น้ำตาร่วงเผาะ เนื้อตัวเจ็บไปหมด  เด็กโตกว่าสามคนนี้ไม่มีเบามือเลย  ในขณะที่แองกัสคิดว่าการกลั่นแกล้งกำลังจะหยุดลง  เขาก็ต้องนิ่วหน้าอย่างเจ็บปวดเมื่อเท้าข้างหนึ่งเหยียบขยี้ลงบนศีรษะ  บริเวณแผลไฟไหม้พอดี  เด็กชายกลัวจนไม่กล้าร้องเจ็บด้วยซ้ำ

     

                    แต่วันนี้แหละมันจะจบลง!” เด็กหนุ่มที่เป็นหัวโจกก้มมองเด็กชายที่อยู่ใต้ฝ่าเท้า  แองกัสมองร่างตะคุ่มที่มีดวงตาแววโรจน์อย่างหวาดกลัวระคนงุนงง  เขาไม่เข้าใจเรื่องที่บอกว่ามันจะจบลง  หมายถึงการรุมรังแกนี่งั้นหรือ

     

                    ไม่เข้าใจหรือ  แองกัสเด็กคนนั้นฉีกยิ้มเหี้ยมเกรียมจนแองกัสพรั่นพรึง

     

                    ยายแม่มดชั่วร้ายกำลังจะได้รับโทษไงล่ะ!” เด็กหนุ่มอีกคนเฉลย 

     

    ในคืนเดือนมืด  เราจะเผามันทั้งเป็นที่จัตุรัสตอนเที่ยงคืน!!!” 

     

    แองกัสตัวแข็งเมื่อรู้ถึงความหมาย น้ำตาร่วงอย่างไม่อาจอดกลั้น  ซุญญากรีดร้องด้วยความยินดีเหลือประมาณ  เสียงหัวเราะของเธอดังก้องยิ่งกว่าครั้งไหนๆ

     

    สามสมแล้ว! นังแม่มดเจ้าเล่ห์!!’

     

    สาสมแล้ว!!!’

     

    @ _ @ _ @ _ @ _ @

     

    รุ่งสางแล้วแต่ในคุกใต้ดินเมืองคาซานยังมืดสนิท  ซุญญาสะดุดใจกับเรื่องนี้นิดหน่อย   แม่มดเมรีสและลูกชายถูกขังแยกกันอยู่ในส่วนที่ลึกที่สุด  เด็กน้อยนั่งกอดเข่าพิงกำแพงอยู่ในห้องขังอับชื้น  ดวงตาสีดำเข้มเหม่อลอย 

     

    ทุกคนในเมืองเห็นด้วยกับสิ่งนี้หรือ...  พวกเขาแม่ลูกสมควรได้รับมันงั้นหรือ...

     

    สมควรที่สุด แองกัส

     

    ฮึก... ฮือออออเมื่อได้ยินเสียงซุญญาตอกย้ำ แองกัสก็ซบหน้าลงกับเข่า ร้องสะอื้นจนตัวโยน  เมรีสที่อยู่ในกรงขังห้องข้างๆละลายตาจากกองฟางชื้นๆมามองลูกชายผ่านซี่เหล็กสีทะมึนเพียงครู่หนึ่ง  ก่อนจะเมินหน้าไปโดยไม่ปริปากพูดอะไร  สีหน้าของเธอสงบนิ่งเหมือนปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่าง

     

    กลัวรึไง เจ้าหนูชายร่างใหญ่ซึ่งเป็นผู้คุมหันหน้ามาถาม  คนที่จะถูกเผาน่ะ มียายแม่มดคนเดียวเท่านั้นล่ะ  ส่วนแกต้องอยู่ในนี้ไปชั่วชีวิต พูดไปแล้วนึกนึกสงสารเจ้าหนูปิศาจ จึงเอ่ยเสริมเพื่อปลอบ ไม่น่ากลัวหรอกน่า  มีอาหารให้กิน  มีที่ให้นอน อาจไม่สะอาดนิดหน่อย แต่ก็ไม่เลวร้าย

     

    แองกัสยิ่งร้องไห้หนักขึ้น  เขาไม่เคยรู้เลยว่าในเมืองมีคุกใต้ดินแบบนี้อยู่  ยิ่งผู้คุมร่างใหญ่น่ากลัวถือดาบเล่มเบ่อเริ่มมาคุยด้วยแบบนี้แองกัสยิ่งกลัวลนลานเข้าไปใหญ่  ผู้คุมยักไหล่ ทำหน้าเบื่อแล้วหันหลังเดินออกไป  เขาไม่กลัวนักโทษทั้งสองแหกคุกหนี  ทางที่นี่เป็นเขาวงกตอยู่แล้ว ถ้าหนีไปอย่างโง่ๆยังไงก็ไม่พ้นจะต้องติดอยู่ในนี้ทั้งชีวิตอยู่ดี

     

    ซุญญาฟังคำที่ผู้คุมกล่าวแล้วนิ่งไป  เธอไม่ต้องการแบบนี้  ลูกของนางแม่มดนั่นแค่ถูกขังยังไม่สาสมกับความแค้นของเธอ!  เธอต้องทำอะไรสักอย่าง

     

    แองกัสพยายามหยุดร้องไห้  น้ำตาไม่ไหลออกมาแล้วแต่เขาก็ยังสะอื้นอยู่  ขณะที่ความเงียบเริ่มปกคลุม  เขาได้ยินเสียงบางอย่างแว่วเข้ามา

     

    หากยามใดโลกไร้ผู้กอบกู้                           อมิตรฟื้นคืนศัตรูผู้ล้างผลาญ

    ฟ้ามืดมนดินมืดมัวไปชั่วกาล                                     จะหาใครแก้การณ์นั้นไม่มี

     

    ซุญญาเองก็ตั้งใจสดับฟัง ส่วนเมรีสดูจะไม่สนใจอะไรอีกแล้ว  แองกัสมองซ้ายขวาอย่างตระหนกกับเสียงซึ่งไร้ที่มา 

     

    นามแห่งข้าไม่เคยอยู่คู่จารึก                        แต่การศึกข้ามองเห็นเป็นสักขี

    สิ่งใดเล่าจะช่วยข้าผู้นี้                                              นอกจากสร้อยร้อยจี้สีทองคำ

    ข้าตระเวนไปมาหลายโลกนัก                                    จนเนตรจักษุชามาจนหนำ

    สิ่งใดใดในหล้าจะเลิศล้ำ                                          และอยู่ค้ำโลกาได้เยี่ยงไร?”

     

    ในความมืดนั้น เขาเห็นละอองแสงลอยละล่องออกมาจากความว่างเปล่า  แสงทองนวลตาส่องประกายงดงามทำให้เด็กชายเบิกตากว้างด้วยความอัศจรรย์ใจ

     

    สร้อยของข้าอยู่มาแต่ข้าเกิด                        จงฟังเถิดผู้กล้าอย่าสงสัย

    จิตของเจ้าประสงค์ซึ่งสิ่งใด                                       เมื่อมีชัยหนึ่งข้อจงขอมา

     

    ประกายแสงดูเบาหวิวราวขนนก  มันลอยลงมาหยุดตรงหน้าเด็กชายที่ถดกายหนีพลางส่งเสียงครางอย่างหวาดกลัว  ซุญญารู้สึกรำคาญใจจึงตวาดให้แองกัสเงียบ 

     

    ข้าจะให้พรเจ้าอย่างที่อยาก                         เพียงขอแลกความเหนื่อยยากของเจ้าหนา

    จงต่อสู้เพื่อให้ได้ซึ่งทิวา                                            แล้วถึงคราพรแห่งข้าจะคลาไคล

     

    เมื่อบทลำนำนั้นจบลง  วิญญาณปิศาจก็ครุ่นคิด  เธอเชื่อมโยงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับความวิปริตของอากาศในคาซาน   

     

    ฟ้ามืดดินมัว...   ต่อสู้...  เพื่อทิวา...

     

    เป็นเช่นนี้นี่เอง!  ใครบางคนทำให้แสงอาทิตย์หายไป!! 

     

    คาซานเป็นเมืองทางเหนือ  อากาศที่เหน็บหนาวทำให้ไม่สามารถปลูกพืช  ไม่สามารถเลี้ยงสัตว์  ดังนั้นชาวคาซานที่ต้องการทำมาหากินอย่างจริงจังจึงพยายามอพยพไปยังเมืองอื่น  ประชากรน้อยลงทุกทีๆ  ยิ่งแสงอาทิตย์หายไป  ที่นี่ก็ยิ่งเหน็บหนาวกว่าทุกครั้ง  หนาวจนแม้แต่มนุษย์ยังแทบทนไม่ไหว  มีเงินหน่อยก็ย้ายหนีกันไปหมด  พวกชาวเมืองที่เหลือจึงได้หันมาโทษเมรีสและแองกัส  แต่ต่อให้สังหารแม่มดทั้งโลกก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้อยู่ดี

     

    หึหึ... มนุษย์ช่างโง่เขลานัก 

     

    นี่เป็นครั้งแรกที่ซุญญาคิดว่า ความโง่เขลาก็มีประโยชน์บ้างเหมือนกันและเธอเองก็ได้ประโยชน์นั้นมาเต็มๆ  เมรีสที่กักขังเธอในร่างกายลูกชายร่ายคำสาปใส่ตัวเธอไว้ด้วย  ผลของคำสาปทำให้เธอไม่สามารถใช้พลังเพื่อคร่าชีวิตมนุษย์ได้  หากเธอทำ... วิญญาณของเธอจะสลายไปในทันที  ซุญญาจึงต้องอดทนใช้ชีวิตอยู่ในตัวเด็กน้อยคนหนึ่งมานานถึงเจ็ดปีโดยไม่สามารถกำจัดเมรีสและแองกัสเพื่อดับความโกรธแค้นได้

     

    เป็นวันที่ดีจริงๆ...  เมรีสกำลังจะได้รับโทษตายอย่างทรมาน  และเจ้าหนูนี่ก็ต้องได้รับสิ่งนั้นเช่นกัน!!

     

    แองกัส ซุญญาส่งเสียงเรียกเด็กชายที่พยายามทำตัวเองให้จมลงไปกับผนังอิฐ  เพื่อถอยหนีแสงสีทองซึ่งลอยขึ้นลงช้าๆอยู่ตรงหน้า

     

    คะ.. ครับ?  แองกัสขาน  เด็กชายแปลกใจมากที่ซุญญาเป็นฝ่ายเรียกเขาก่อน (โดยไม่ได้มีเจตนาว่ากล่าว)

     

    แตะแสงนั่นซะ  แล้วเราจะได้ออกไปจากที่นี่กัน เธอกล่าวเสียงเรียบ แต่แองกัสส่ายหน้าอย่างบ้าคลั่ง

     

    แตะ...  สะ.. สู้ ... ไม่!”

     

    แองกัส!’ เธอตวาด  ทำไมหมู่นี้เจ้าเด็กนี่ถึงได้ดื้อขึ้นนะ  แสนจะโมโหแต่ก็พยายามสงบใจ

     

    ไม่อยากออกไปจากที่นี่รึ  ไม่อยากช่วยแม่ของเจ้าเหรอซุญญาเริ่มเกลี้ยกล่อม  เด็กชายกัดริมฝีปากราวกับกำลังคิดหนัก  ดวงตาของแองกัสส่อแววสับสน 

     

    จริงอยู่แม่เมรีสอาจไม่ใช่แม่ที่ดีนัก  แต่ว่า...

    ถ้าเจ้าชนะล่ะก็  เจ้าจะขออะไรก็ได้นะวิญญาณปีศาจพูดต่อ  เธอฉีกยิ้มเมื่อเห็นแองกัสเริ่มคล้อยตาม

     

    ลองผู้ส่งสาสน์มีอำนาจขนาดส่งเจ้านี่ไปทั่วโลกได้  แค่ขอให้พวกเจ้าแม่ลูกได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขน่ะ ง่ายเสียยิ่งกว่าง่าย

     

    เด็กชายค่อยๆเขยิบกายออกจากกำแพง  แต่ยังไม่ยอมเอื้อมมือจับต้องสิ่งแปลกปลอม

     

    ทะ... ทำได้  แน่... หรือ  ผม...

     

                    ทำได้สิ  ข้ารับรอง  ซุญญารีบกระซิบตอบ  เด็กน้อยจึงค่อยๆยื่นมืออันสั่นเทาออกไปข้างหน้าทีละน้อย  จนกระทั่งสัมผัสแสงนวลตานั่นในที่สุด!

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×