คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Diaryคุณลุงปริศนา ตอน Valentine's Day (ตอนพิเศษ!!)
บันทึกของคุณลุงปริศนา
Valentine's Day
…………………………………………………….
เช้าวันนี้เป็นวันที่มีลมหนาวแต่ก็มีแสงแดดเรืองรอง ท้องฟ้าสดใส แดดสีทองเป็นประกายสะท้อนผิวน้ำใสไหลเห็นตัวปลาหลากสีที่ดูมีชีวิตชีวาต้อนรำอรุณรุ่ง ภายในร้านกาแฟ William Café นั้นกกลับไม่ได้สดสัยเหมือนบรรยากาศภายนอก แต่กลับมืดมนหม่นหมองปกคลุมไปด้วยหมอกบางอยากสีดำทะมึนทึบรอบๆตัวคนภายในร้าน
“หดหู่ที่สุด” วิลที่นั่งเท้าคางอยู่ตรงเคาน์เตอร์ร้านมีสีหน้าห่อเหี่ยวหมดอาลัยตายอยากด้วยความมืดมนนี่เองจึงทำให้คนในร้านพลอยสลดไปด้วย ไม่ว่าจะเป็น ชาเรส ลาเรียล นัวร์(โนอาห์) เฌอบลอง หรือแม้กระทั่งเครย์เองก็มานั่งชุมนุมในที่นี่ด้วย ส่วนผมได้แต่นั่งแต่งนิยายตอนใหม่ในร้านไปพลางๆ
ปึ้ง!! แต่แล้วจู่ๆชาเรสก็ทุบโต๊ะอย่างแรงจนทุกคนสะดุ้งไปตามๆกัน แก้วน้ำเกือบตกพื้นแตกถ้าเครย์ไม่เข้าไปรับได้ทันท่วงที
“นี่มันวันวาเลนไทน์นะเฟร้ยยย ทำไมต้องมานั่งกร่อยกันแบบนี้ด้วย! แถมมีแต่ผู้ชายโสด ยัยขี้เซากับสก๊อยด้วยเนี่ย!” ชาเรสโวยวายขึ้นมา ใช่แล้ว วันนี้เป็นวันที่14 กุมภาพันธ์ วันแห่งความรักเฉพาะกับคนที่มีคู่เท่านั้นครับ พวกเรายังไม่มีใครนะฮะ แบบว่า เรียกว่าโสด ผมก็30แล้วก็ยังไม่มีใครหรอกครับ หรือไม่มีใครเอาก็ไม่ทราบได้
“ใช่! ทำไมเราต้องมารวมตัวกันด้วยเนี่ย!! มาหาอะไรทำกันดีกว่า!” เฌอบลองโผล่งขึ้นมาบ้างพร้อมบอดี้การ์ดที่นั่งประกบข้างๆทั้งสองฝั่ง ทุกคนในร้านต่างกระตือรือร้นขึ้นมานิดหน่อย “แล้วจะทำอะไรล่ะ?” ผมถามขึ้น
“…มาจับคู่ทำภารกิจคู่รักกันมะ” ชาเรสมีสายตาเจ้าเล่ห์ขึ้นมาทันที และยิ้มอย่างมีเลศนัยด้วย เป็นสัญญาณว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น ซึ่งมันก็เป็นแบบนี้ทุกครั้ง ทุกคนหน้าซีด อยากจะลุกออกไปจากตรงนี้เสียเหลือเกิน แต่ก็จะไม่มีอะไรทำน่ะสิ ทุกคนจึงรอฟังแผนการต่อไป
“ภารกิจคู่รัก? ยังไงอ่ะ?” ลาเรียลกับนัวร์พูดพร้อมกันเหมือนคู่แฝด ทั้งสองคนเริ่มมีดวงตาเปล่งประกายมากขึ้นเหมือนลูกแก้วใสสะท้อนแสอาทิตย์ ทำให้บรรยากาศเริ่มสดใสขึ้นมามากขึ้นแล้ว
“เราจะเล่นเกมคิงกัน รอบเดียวเท่านั้น ใครได้คู่ใครภาระกิจไหนก็ไปทำมาซะ”
*เกม King เป็นเกมที่ทำขึ้นเพื่อแกล้งกันโดยเฉพาะ จะมีสลากเบอร์ตามจำนวนผู้เล่นและมีใบนึงที่เป็นKing และใบนึงเป็น ขุนนางหรือ Queen King มีหน้าที่บอกเบอร์ที่คู่กัน Queenหรือขุนนางมีหน้าที่คิดวิธีแกล้งของแต่ละคู่ เช่น ตบหัวกัน5ที เมื่อครบทุกคนก็จับสลากใหม่
ไม่นานนักทุกคนก็มานั่ง(พื้น)ล้อมกันเป็นวงกลมกลางร้าน และวิลเป็นคนเขียนตัวเลขในเศษกระดาษให้ทุกคนได้จับกัน
“เอาล่ะ มี7สินะ! นับ 1 2 3 แล้วจับพร้อมกัน” ชาเรสตั้งท่าจะจู่โจมเอาใบที่ตัวเองเลือกแบบสุดโต่ง ทุกคนนั่งรออย่างใจจดใจจ่อ และไม่รู้ทำไมใจมันถึงเต้นเร็วขึ้นๆได้
1
.
2
.
3!!
“ว้ากกกก นั่นมันของชั้นนน เฮ้ย!ใครกัดฟระ!! อย่าตีสิ! ได้แล้วววว” ภายในร้านตอนนี้ได้เกิดเหตุจราจรขึ้นอย่างรวดเร็ว ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากครับ แต่สุดท้ายทุกคนก็จับได้เลขของตนเองโดยไม่ให้ใครเห็น ตอนนี้ทุกคนทำตัวไม่ต่างจากเด็กๆ
“ชั้นเป็นKingล่ะ!” ลาเรียลชูป้ายขึ้นอย่างร่าเริง กระโดดโลดเต้นไปมาอย่างดีใจยังกะรับปริญญา ทุกคนที่ไม่ได้เป็นต่างทำหน้าตา ‘ซวยแล้วตรู’
“ชั้นเป็นQueen ยะฮู้วววววว” นัวร์ตะโกนลั่นตามมาติดๆและกระโดดกอดเพื่อนซี้เหมือนถูกหวยรางวัลที่1 ทุกคนต่างอยู่ในอารมณ์เศร้าหมองอย่างเห็นได้ชัด ถ้าคู่ปีศาจนี่กำหนดอะไรมา มันต้องนรกสุดๆเป็นแน่แท้ชัวร์100000%
“อืม…อะไรดีน้า” ทั้งลาเรียลและนัวร์ต่างหันหลังให้ทุกคนและกระซิบกระซาบอะไรกันซักอย่าง ลางร้ายกำลังบังเกิดขึ้นแล้ว มีรังสีอันดำมืดแผ่ออกมาจากตัวสองสาวอย่างน่าสยดสยอง
“รู้แล้ว! เตรียมฟังกันให้ดีๆเลยนะหนุ่มๆทั้งหลาย เมื่อมีคนนึงที่ไม่ได้คู่ใคร ก็จะต้องมี3คนที่ต้องทำภารกิจร่วมกันทั้งวันนี้เลย!” นัวร์ทำหน้าเจ้าเล่ห์ มุมปากกระตุกยิ้มอย่างได้ใจ ก่อนจะมอบหน้าที่ให้ลาเรียลเป็นผู้ประกาศคู่ที่จะต้องทำภารกิจ
“คู่แรกกกกก ได้แก่…” ระหว่างที่ลาเรียลกำลังจะประกาศ นัวร์ก็ตีโต๊ะเป็นจังหวะชวนตื่นเต้นตามไปด้วย พร้อมกับจังหวะหัวใจของทุกคนที่บัดนี้เต้นโครมครามดั่งช่วงเวลาแห่งการรับผลสอบปลายภาคต่อหน้าพ่อแม่อย่างไรอย่างนั้น
“ได้แก่…..1กับ5!! ให้แสดงบทบาทสมมุติว่าเป็นคู่รักที่พลัดพรากจากกันไปนานและได้มาพบกันอีก! ไม่จำกัดตอนจบนะ”
“…..” ทุกคนมองหน้ากันไปมาเป็นเชิงถามว่า ใครคือผู้โชคดี 1 และ 5 กัน ไม่นานนักก็รู้คำตอบจนได้ เพราะสองคนที่ว่าได้เช็คดูกระดาษของตนเองก็พบว่า…
“ชั้น/ตรู เหรอฟระเนี่ยยยยยยยยย” ชาเรสและเฌอบลองเอาหัวโขกโต๊ะอย่างแรงพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ก่อนจะเงยหน้ามองหน้ากันอย่างเห็นใจซึ่งกันและกันหรือเป็นสายตาแห่งความอาฆาตพยาบาทกันแน่นะ ขอให้เรื่องดำเนินไปด้วยดีเถอะ
“เอ่อ…แบบนี้พวกเราสามคนก็….” วิลหันมามองผมและเครย์ที่ยังทำหน้าตาย เหมือนไม่รู้ไม่ชี้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น แต่ก็ค่อยๆรู้สึกตัวขึ้นมาว่า ผม เครย์ วิล จะต้องทำภารกิจคู่รักไปตลอดทั้งวัน!! เราสามคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ลาเรียลและนัวร์ยิ้มพร้อมกันอย่างรู้แผน
“เลข 2 3 4 ช่างโชคดีอะไรแบบนี้น้า เพราะ 3คนนี้จะต้อง…” ลาเรียลแกล้งหยุดให้พวกเราใจหายกันเล่นๆ ไม่ตลกเลยนะขอบอก แถมมีแต่ผู้ชายด้วยเนี่ย โอ้วพระเจ้าช่วยยย
“จะต้องงงง … ทำเหมือนว่าเป็นแฟนกัน คุณลุงกับคุณวิลตอนกลางวัน คุณลุงกับคุณเครย์ตอนเย็นถึงกลางคืน!! เป็นอะไรที่แจ่มมาก” นัวร์สรุป พร้อมหัวเราะได้ใจ แถมมีแปะมือกับเพื่อนสาวอย่างสะใจที่เห็นสีหน้าอยากตายของพวกเราสามคน
“เอ๊ะ!? เดี๋ยวดิๆ ทำไมชั้นถึงเป็นสองรอบเลยล่ะ?” ผมทำหน้างุนงง นัวร์และลาเรียลหันมามองหน้ากันแล้วยิ้ม สองคนนี้มักจะทำให้คุณต้องประสาทเสียก่อนที่จะเข้าใจอะไรๆที่สองคนนี้ทำเสมอ คราวนี้ก็เช่นกัน เหตุผลคงไม่ใช่ว่า ‘เพราะว่าคนดูอยากให้เป็นแบบนี้’ หรอกนะ
“เพราะว่า พักนี้ไม่มีใครสนิทกับคุณเครย์และคุณวิลได้ขนาดลุงแล้วน่ะสิ แบบว่า…เอ่อ ตอนแรกพวกเรานึกว่าลุงกับคุณวิลเป็น….แบบนั้นน่ะ” ลาเรียล และ นัวร์มองหน้ากันสลับกับมองผม เครย์ และ วิล ก่อนจะระเบิดหัวเราะคิกคักขิขุอาโนเนะ และต่อมาชาเรส เฌอบลอง วิล ก็หลุดหัวเราะออกมา ผมก็อดไม่ได้หรอก
“ฮ่ะๆๆๆๆ จะบ้าเหรอพวกเธอ?” พวกเราหัวเราะสนุกสนานกันได้ไม่นานนัก เกมก็ถูกเริ่มขึ้น โดยที่กลุ่มแรกคือชาเรสและเฌอบลองขอแยกตัวไปแสดงในที่ลับตาคนให้นัวร์และลาเรียลได้ชม ซึ่งหายกันไปนานทีเดียว
“มีคนส่งเมลมาแน่ะครับ” วิลสะกิดผมให้ดูที่โทรศัพท์ของผมเองที่วางอยู่บนโต๊ะ นัวร์ส่งข้อความมาบอกว่า ‘ให้เริ่มได้เลย’ อะไรกันเนี่ย ยังกะหนังสยองขวัญยังไงยังงั้นที่มีคนคอยจับตาดูพวกเราอยู่ และยังไม่ทันจะคิดจบนัวร์ก็ส่งกลับมาอีกว่า ‘พวกเราไม่ได้ตามดูคุณ แต่คนในเมืองจะเล่าให้พวกเราฟังเอง’ ถึงจุดๆนี้พวกเราสามคนพูดอะไรไม่ออก ทำไมต้องมาเจอเรื่องร้ายกาจแบบนี้ด้วย
“เอาล่ะ…วิล ไปกันเถอะครับ” ผมจูงมือวิลออกจากร้านไปและทิ้งให้เครย์เฝ้าร้านไปคนเดียวก่อน ผมยอมรับว่าผมไม่เคยคบกับใครมาก่อน จึงไม่รู้เลยว่าต้องทำตัวอย่างไรให้เป็นคู่รักกัน แล้วเคสนี้มันไม่ปกติเสียด้วย แต่วิลเป็นคนน่ารักและหน้าตาดีน่าจะเคยมีใครมาคบบ้างล่ะ
“วิล เอ่อ…เคยคบกับใครไหมครับ คือ ผมไม่เคยคบใครเลยทำไม่ถูกน่ะ” วิลหัวเราะคิกคักอารมณ์ดีและหันมาตอบว่า
“ผมก็ไม่เคยล่ะ แหะๆ แต่ดูหนังดูละครเอาก็น่าจะเดาๆได้แหล่ะครับ” เราสองคนเดินไปเรื่อยๆก็พบร้านดอกไม้ ซึ่งมาลินยืนตกแต่งแจกันดอกไม้อยู่ในร้าน วิลตรงรี่เข้าไปทันทีและลากผมไปด้วย ผมชักจะสังหรใจไม่ดีตะหงิดๆแล้วสิ
“อ้าว คุณวิลคุณมิคเคลสัน มาซื้อดอกไม้รึคะ?” มาลินละมือจากการจัดดอกไม้แล้วมาต้อนรับพวกเราสองคน วิลน่าตาระรื่นแจ่มใสแต่ผมหน้าซีดเซียวเป็นกระดาษรายงาน มาลินอ้าปากจะถามแต่วิลก็พรวดพราดไปที่ซุ้มดอกไม้ซึ่งมีสีสันงดงามเป็นดอกเล็กๆน่ารัก
“คุณมิค! ซื้อให้ผมหน่อย น้า~~~~~~~~~~ครับบบบบ” วิลหันมาเกาะแขนผมแล้วกระโดดหยองแหยงชี้ไปที่ซุ้มดอกไม้นั่น ทั้งผมทั้งมาลินต่างตกตะลึงพรึงเพริดกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของวิล แต่วิลกับไม่รู้สึกรู้สาเลยว่าตัวเองทำอะไรลงไป แต่แล้วผมก็เข้าใจ เพราะวิลส่งซิกมาประมาณว่า ‘เกมไงล่ะ เกม นี่มันเป็นแค่เกม’
“อ…อ้อ! จะเอาแบบไหนล่ะ วิล” ผมพยายามทำสุ่มเสียงให้นุ่มนวลและอ่อนหวานที่สุด คุ้นๆว่าวิลเคยเปิดละครให้ดูที่ร้านก็คงจะประมาณนี้ล่ะมั้ง? ส่วนมาลินนั้นนิ่งอึ้งไปนานทีเดียว
“เอ่อ…ช่อนี้ เท่าไหร่เหรอมาลิน?” มาลินกลับมามีสติอีกครั้งก่อนจะรับช่อดอกไม้งามไปคิดราคา แล้วส่งช่อคืนให้กับวิล เมื่อเธอเริ่มปะติดปะต่อเรื่องเอาเองได้แล้ว เธอก็อมยิ้มนิดๆก่อนจะโค้งให้เราน้อยๆก่อนพวกเราจะออกจากร้านไป
.
.
.
“อายเรือหายเลยเว้ยยยยยยยยยยยยย” เมื่อออกมาจากร้านได้ซักพักมาถึงร้านขายตุ๊กตาซึ่งคนขายขอตัวไปเข้าห้องน้ำหลังร้าน ผมก็อดกลั้นไม่ไหวที่จะขอปลดปล่อยอารมณ์ที่โหมอยู่ในตัวออกมา ใครหน้าไหนมันจะไปตั้งตัวทันฟร้า! จู่ๆก็ถูกให้มาเล่นเกมมรณะยังกะฮังเxอร์เกมแบบนี้ใครมันจะไปรับไหวววว!!!
(หมายเหตุ: เรือ= ship)
“ใจเย็นๆน่าคุณมิค นี่มันแค่เกมเองนา พอเลยบ่ายไปก็ไม่ต้องเล่นแล้ว” วิลเท้าสะเอวอารมณ์ดีอยู่หน้าตู้โชว์ตุ๊กตาหมาน้อยตัวอ้วนน่ารักน่ากอด แต่สำหรับผมตอนนี้อะไรๆก็น่าเตะหน้าฉีกให้เละไปซะหมด!!!
“นั่นแค่เธอคนเดียวไม่ใช่เร้ออออ?! ผมต้องเล่นกับเครย์ต่ออีกนะ!!” ทำไมผมถึงต้องซวยยกกำลังสองอยู่คนเดียวด้วยเนี่ย! วิลยังคงหัวเราะคิกคักต่อไปแล้วเดินๆไปกอดตุ๊กตาตัวโน้นแล้วไถลมาหยิกแก้มตุ๊กตุ่นตัวนั้นบ้าง จนเจ้าของร้านกลับมา “วิลจะเอาตัวไหนล่ะ?” เจ้าของร้านท่าทางร่าเริงคนนี้ก็ทักขึ้น วิลหันมาทางผมช้าๆพร้อมกับแววตาระยิบระยับ
“ไม่นะ ม่าย….จะซื้อไปทำไมครับ? โตจนหมากัดตูดไม่ถึงแล้ว!!” คนขายอมยิ้มพร้อมมองผมสลับไปมากับวิล วิลเองก็เถียงผมกลับด้วยเหตุผลประมาณว่า เอ่อ…. คนมันเหงาก็ต้องมีคนคอยกอดด้วยสิ แล้วอีตาคนขายมิวายจะเสริมว่าให้ผมไปเป็นคนที่คอยไม่ให้วิลเหงาเสียอย่างนั้น มันเป็นเกมครับบบ เกมมมมเท่านั้น!!
.
.
.
“อ่า…สุดท้าย ผมก็ต้องเสียตังค์ไปกับการเล่นเกมงี่เง่านี่เรอะ” สุดท้ายแล้วผมและวิลก็มานั่งที่สวนสาธารณะประจำเมืองเล็กๆนี้ข้างหลังมีน้ำพุสวยงามสาดน้ำให้ดอกไม้ได้ชุ่มช่ำ แต่ผมห่อเหี่ยวจนไม่มีอารมณ์ร่วม แต่วิลกลับเลียไอศกรีมแผล่บๆแถมกอดตุ๊กตาหมีอ้วนไปด้วย
“เอาเถอะน่า นี่ก็จะผลัดไปเป็นคุณเครย์แล้ว เขาคงไม่ขออะไรเยอะแยะแบบผมหรอกน่า” วิลกล่าวจบก็ลุกเดินออกไป ผมยังคงงุนงงอยู่ว่าวิลจะไปไหน แต่ไม่ทันที่จะลุกเดินตามไป เครย์ก็เข้ามานั่งแทนที่วิลเสียแล้ว เครย์ยังคงทำหน้านิ่งไม่ไหวติงตามเดิม ส่วนผมก็ตกใจเล็กน้อยว่าทำไมมาไม่ให้สุ่มให้เสียง
“เอ่อ…เครย์ จะทำอะไรก่อนดีครับ?” เครย์หันมาช้าๆพร้อมด้วยสีหน้าจริงจังเล็กน้อยก่อนจะกุมมือผมขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ผมสะดุ้งเล็กน้อย แต่ก็รอดูว่าเครย์จะทำอะไรต่อไป แววตาลึกๆของเครย์สัมผัสได้ว่าเขินอายเล็กน้อยที่ต้องมาทำอะไรแบบนี้ เครย์เอ๋ย ผมเจอมาเยอะกว่าคุณนะ
“ ขอโทษด้วยครับ” ยังไม่ทันที่ผมจะได้ทำอะไร และด้วยความรวดเร็วบวกกับที่ผมยังมึนๆงงๆอยู่ เครย์ก็พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วยังกะจรวด
“!?” เครย์เอาจมูกมาแตะกับปลายจมูกผมแล้วผล่ะตัวออกไปอย่างรวดเร็วดั่งแสง ณ จุดๆนี้ผมรับรู้ได้ทันทีว่าตัวเองหน้าแดงมากแค่ไหน มันร้อนผ่าวไปหมดเหมือนมีใครเอาหม้อสุกี้มาไว้ใกล้ๆหน้า ใจผมเต้นไม่เป็นจังหว่ะ คิดว่าใจจะหยุดเต้นแล้วก็วันนี้ นี่ผมเขินเครย์งั้นเหรอ? เขินกับผู้ชายด้วยกันนี่นะ??
“คือ ขอโทษนครับ เอ่อ…ผมว่าถ้าทำแบบนี้แล้ว…อารมณ์มันจะร่วมมากกว่าน่ะครับ นัวร์บอก” เครย์เอามือบังปากไว้เล็กน้อย ที่ใบหูเครย์ก็แดงเป็นแตงโมจนเห็นได้ชัดเจน แต่ผมนี่สิต้องเอามือทั้งสองข้างมาปิดหน้าตัวเองไว้เพราะมันแดงไปทั้งหน้า แล้วตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง จะทำหน้ายังไงเวลามองหน้าเครย์ล่ะ??
“… ไปเดินเล่นกันก่อนไหมครับ?” เครย์พยายามปรับสีหน้าให้นิ่งเหมือนเดิมแต่ใบหูยังคงแดงแจ่อยู่ส่วนผมก็สมองตื้อ รับอะไรไม่ไหวแล้ว มารู้สึกตัวอีกทีเครย์ก็จูงมือผมไปเดินเล่นสนามหญ้าข้างๆลำธารใสเหมือนเพชร ปลาหางนกยูงหางหลากสีสันสดสวยตามชื่อก็ว่ายทวนน้ำเป็นฝูงเล็กๆ นั่นจึงทำให้ผมสติกลับเข้ามาทีละน้อยๆ
“ผมขอโทษนะครับ ที่จู่ๆก็ทำอะไรแบบนั้นลงไป” ในที่สุดเครย์ก็พูดทำลายความเงียบลง ผมคลี่ยิ้มบางให้ นั่นทำให้เครย์มีสีหน้าผ่อนคลายลงบ้าง พวกเราเดินไปเรื่อยๆ และผมก็ก็พูดขึ้น “ผมไม่ได้โกรธหรอก แค่…ตกใจน่ะ” เครย์หัวเราะหึๆ และยิ้มเล็กน้อย
“หาอะไรทานกันไหมครับ คุณยังไม่ได้ทานมื้อกลางวันเลยนี่” มันก็จริง ตอนนี้ผมหิวมากเลยเสียด้วยแต่ก็ไม่กล้าเอ่ยปากชวน พวกเราเดินไปเรื่อยๆจนไปพบกับร้านอาหารอิตาลี่เล็กๆประจำสวนสาธารณะแห่งนี้ พวกเราไม่มีร้านอื่นในยามนี้แล้ว ตอนนี้ 3โมงเย็น ฟ้าเริ่มเป็นสีส้ม บอกเวลาใกล้จะค่ำแล้ว
เมื่อเปิดประตูร้านเข้าไป มีคนในร้านเพียงไม่กี่คนมีซัก 6ได้ ทุกคนเป็นผู้หญิงด้วยกันทั้งสิ้น ดูจากเครื่องแต่งกายแล้วน่าจะเป็นนักศึกษาจากเมืองข้างๆ พวกเธอมองเราเล็กน้อยก่อนจะก้มหน้าก้มตาทานอาหารของพวกเธอต่อไป ไม่มีเสียงคุยอะไรมากนักแต่ก็มีเพลงบรรเลงให้ฟังเสนาะหู
“เชิญนั่งก่อนครับ” เครย์ลากเก้าอี้ให้ผมนั่ง ถึงตอนนี้สาวๆเริ่มอมยิ้มกันนิดหน่อยแล้ว ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ว่ามันน่าขำตรงไหน เครย์เองก็เช่นกันที่ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“รับอะไรดีคะ?” พนักงานในร้านซึ่งเป็นเจ้าของร้านคนเดียวในนี้ก็เข้ามาถามและส่งเมนูให้ ดูราคาแต่ละอย่างแล้วเหมาะกับนักเรียนนักศึกษาอย่างมาก ไม่แพงเท่าไหร่ ผมเลือกสเต็กปลาแซลม่อน เครย์สั่งสเต็ก พ็อคช็อป
“รอสักครู่นะคะ” เจ้าของร้านเดินหายไปในครัว จึงเกิดความเงียบขึ้นอีกครั้งหนึ่ง สาวๆพวกนั้นไม่คุยอะไรกันบ้างเลยเหรอ? แปลกจริงๆ แต่ผมสังเกตมาระยะนึงแล้วว่าพวกเธอมักจะเหลือบมองผมกับเครย์เป็นระยะๆ เหมือนรออะไรซักอย่าง
“…เอ่อ เครย์ งานของคุณเป็นยังไงบ้างล่ะ?” ผมทำลายความวิเวกวังเวงนี่ลง เครย์มีสีหน้าคลายเครียดลงเมื่อได้สนทนากันเสียที "ก็…ส่งไปแล้วครับ เจ้านายผมเลยให้พักตามสบายจนกว่าจะมีงานใหมมาอีก" ผมพยักหน้าน้อยๆให้เพียงเท่านั้น
“แล้ว…คนไข้ช่วงนี้มีมาบ้างไหมล่ะครับ?” เครย์กอดอกแล้วหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างผ่อนคลาย แววตาของเครย์ดูอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา เขาต้องการรู้เรื่องของผมให้มากกว่านี้เพื่อสนิทด้วยกันได้ง่ายขึ้น ซึ่งผมก็พยายามทำเช่นนั้นอยู่
“อ่า…ก็ ช่วงนี้เริ่มมีมาแล้วล่ะครับ วันละ2-4คน มากสุดก็ 8คน แทบจะต้องให้เขาค้างที่บ้านเลยล่ะครับ ฮ่ะๆๆ” เครย์ยิ้มน้อยๆให้ แล้วสาวๆที่นั่งโต๊ะข้างๆเองก็พยายามกลั้นยิ้มแบบสุดกู่ พวกเราทำอะไรที่ดูน่าตลกงั้นหรือ? ไม่เข้าใจเลยจริงๆ
“เห็นว่าเคยมีคนไข้เข้ามาทำร้ายคุณด้วยนี่ จริงหรือครับ?” เครย์มีสีหน้าจริงจังเล็กน้อยเมื่อพูดถึงเรื่องความปลอดภัย สาวๆเองก็หุบยิ้มแต่คงพยายามฟังอย่างตั้งใจแน่ๆ
“ก็…มีนะครับ ไม่ได้เป็นเพราะว่าผมพูดอะไรผิดๆนะ แต่มี2กรณีคือ 1 จู่ๆก็เข้ามาทำร้ายเพราะคลุ่มคลั่งมาก่อนแล้ว และ2 จู่ๆก็เข้ามาทำร้ายทั้งๆที่เพิ่งเริ่มเล่า ผมจึงต้องป้องกันตัวตลอดเวลาครับ” เครย์มองผมด้วยสายตาที่สื่อว่า ‘ทำไมถึงดูสบายๆจังล่ะ?’
“แสดงว่าคุณก็ต้องเคยเรียนป้องกันตัวน่ะสิ? เก่งเสียด้วย” เครย์ยิ้มเล็กน้อยเพื่อรอฟังคำตอบจากผม มันดูท้าทายยังไงก็ไม่ทราบได้
“ครับเคยเรียนกับ…เพื่อน…เพื่อนเก่าน่ะครับ แล้วผมก็ไม่ได้เก่งขนาดนั้นหรอกแค่ป้องกันตัวเอง” เครย์ทำท่าทีพอใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าดูผมมั่นใจกับการปกป้องตัวเอง เพราะถ้าไม่มั่นใจก็คงไม่อยู่มาจนถึงตอนนี้แน่นอน
“อาหารได้แล้วค่ะ” พนักงานสาวเดินมาเสริฟอาหารทั้งที่จานใหญ่ล้นมือเช่นนี้ น่าจะติดป้ายว่าบริการตัวเองนะ แถมมีตัวคนเดียวเช่นนี้อีก “ขอบคุณครับ” พวกเรากล่าวพร้อมกันก่อนจะรับอาหารมาทาน รสชาติถือว่าไม่เลวเลยจริงๆ
พวกเราสองคนทานอาหารกันไปเรื่อยๆ โดยไม่พูดจากันสาวๆที่นั่งข้างๆโต๊ะพวกเราเองก็ไม่พูดจากันเลย สงสัยจังว่าสาวๆสมัยนี้คุยกันบ้างไหมเนี่ย?
“….เอ่อ ขอถามอะไรที่เสียมารยาทซักหน่อยนะคะ” สุดท้ายแล้วหญิงสาวผู้หนึ่งก็ทนไม่ไหว เพื่อนๆของเธอทำหน้าตาตื่น แต่เธอคนนี้ก็ยังมุ่งมั่นที่จะคาดคั้นเอาคำตอบบางอย่างจากพวกเราสองคน ผมและเครย์มองหน้ากันเลิ่กลั่ก “ม มีอะไรหรือครับ?” พวกเราถามพร้อมกัน
“เอ่อ…พ พวกคุณสองคน…เป็น…คู่รักกัน?” เธอมีใบหน้าที่แดงก่ำขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพื่อนๆเธอก็เช่นกัน พวกเราสองคนก็ไม่ต่างกัน รวมทั้งเจ้าของร้านด้วย พวกเราต่างตกตะลึงงันกันไป เหมือนเวลาหยุดนิ่ง โลกหยุดหมุน นาฬิกาหยุดเดิน หัวใจหยุดเต้น
“อ่า…เอ่อ ทำไมหรือครับ?” เครย์ได้สติก่อนเพื่อน จึงเจาะประเด็นทันที เด็กสาวทั้งหลายก็ทำท่าทีเขินอายเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็มีผู้กล้าในหมู่พวกเธอเดินออกมา
“เห็นท่าทีของพวกคุณแล้วมันชวนคิดน่ะค่ะ แล้วอีกอย่า มาลินก็เล่าให้พวกเราฟังว่าคุณมิคเคลสันใช่มั้ยคะ? ดูแปลกไป….ในทางนั้นน่ะค่ะ” เมื่อผมได้ฟังเหตุผลอันแยบยลนั่นแล้ว ก็อดคิดที่อยากจะฆ่าตัวตายขึ้นมาไมได้ คนที่อยากจะตายเขาคิดกันอย่างนี้เองหรือ?
“เอ่อ นี่มันเป็นแค่เกมน่ะครับ พวกผมโดนแกล้งน่ะ อย่าเข้าใจผิดนะ” ผมกับเครย์หน้าซีดเผือดไปตามกัน สาวๆก็ยิ้มให้เล็กน้อยกล่าวว่าเข้าใจแล้วแต่ก็ยังขอถ่ายรูปพวกเราคู่กันกับพวกเธอทีละคน ไม่ใช่ดารานะครับแหม่
“ไปด้วยกันดีๆนะค้า~~~~~~” เมื่อพวกเราทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว แล้วเดินออกจากร้านมา พวกสาวๆในร้านก็โบกไม้โบกมือลาพวกเราไป ผมกับเครย์ก็โบกมือลาเช่นกัน ตอนนี้เวลา 5โมงเย็นจะครึ่งแล้ว ท้องฟ้าเป็นสีม่วงมืด ใกล้ค่ำเข้าไปทุกทีๆ
“แล้ว ปกติเครย์นอนที่ไหนหรือครับ” ระหว่างที่เดินกลับไปที่บ้านของผม ก็มีหัวข้อสนทนาไม่มากนัก แต่ผมก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเครย์มาอยู่ที่นี่หลายสัปดาห์แล้ว เขาไปพักที่ไหนกัน? แถวนี้มีโรงแรมก็จริงแต่ราคาแพงจนผมยังคิดว่าเงินในบัญชีผมคงร่อยหรอลงแน่ๆถ้าไปพักที่นั่นซัก5-6คืน
“…นอนที่ร้านกาแฟครับ ร้านของวิล ที่โซฟา โชคดีที่แถวนี้มีรงอาบน้ำสะอาดๆ แล้วผมก็มีเสื้อผ้ามาเปลี่ยนอยู่แล้วด้วย” ผมหยุดชะงักลง เครย์หันมามองหน้างงๆเล็กน้อย ไม่คิดเลยว่าเครย์จะไม่มีที่นอนต้องไปลำบากรบกวนวิล
“เอ่อ…ถ้าไม่รังเกียจ…” เครย์หันมาเพชิญหน้ากับผมตรงๆ และสีหน้าตั้งใจฟังอย่างจริงจัง โชคดีที่ไม่มีคนอยู่ตรงนั้น ไม่งั้นเขาคงเข้าใจผิดเป็นการใหญ่โตที่สุด
“…ไป….ไปนอนบ้านผมไหม? จนกว่าคุณจะย้ายไปหรืออะไรทำนองนั้น” ผมยักไหล่ ไม่คิดเลยว่าจะชวนผู้ชายเข้าบ้าน ผมชักจะเขินหน่อยๆแล้วเมื่อเครย์เลิกคิ้วสูง แล้วเดินมาหาผมช้าๆอย่างสุขุม สายตาจดจ้องมาที่แววนัยน์ตาของผมไม่เว้นวาง
“ถ้าไม่เป็นการรบกวน…ก็ขอความกรุณาด้วยครับ” เครยืโค้งให้ผมช้าๆอย่างมีมารยาท ผมก็โค้งตอบเล็กน้อย เพราะคนละวัฒนธรรมกันล่ะมั้งถึงรู้สึกประหม่าพิลึกๆ เมื่อเครย์เงยหน้าขึ้นมาก็พบว่ามีรอยยิ้มบางประดับบนใบหน้า
“วู้วววว!! เจ้าประคุณเอ๊ยยยยยยยย!! สองคนนี้ก็ว่าอยู่แล้วทำไมแปลกๆ!!” เสียงปริศนานี้โผล่งขึ้นมาจากหลังพุ่มไม้ และเจ้าของเสียงที่โผล่พรวดออกมานั่นคือ โชเฟอร์นักตกปลาและมาลิน รวมถึงลูกชายอีก2คน พวกเราสองคนตกใจจนหน้าซีด ที่มีคนเห็นเหตุการณ์เมื่อกี้นี้ด้วย
“ย อย่าเข้าใจผิดนะครับ! นี่มันเป็นแค่เกมเท่านั้นเอง” ผมละล่ำละลักแก้ตัวอย่างเขินอาย เครย์ได้แต่ก้มหน้ามองพื้นรอเวลานรกนี่ผ่านพ้นไปเท่านั้น โชเฟอร์นักตกปลาพยักหน้าหงึกๆพร้อมลุกๆแต่ใบหน้ายังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้มกว้าง “เอาเถอะ คุณหมอ ผมก็ดีใจด้วยนะที่สละโสดได้เสียที ฮ่าๆๆๆๆๆ” เมื่อสิ้นเสียงหัวเราะลุงโชเฟอร์และลูกๆก็เดินเข้าบ้านไปอย่างอารมณ์ดี
“…เสียใจด้วยนะครับที่….มีคนมาเห็น” เครย์เงียบไปนานพวกเราเดินไปตามท้องถนน ตอนนี้ฟ้ามืดไฟตามทางได้ถูกเปิดขึ้นอัตโนมัติ แม้จะสลัวๆแต่ก็เห็นทางชัดเจน จนมาถึงบ้านของผมซึ่งกระเป๋าของเครย์ได้ถูกมาวางหน้าบ้านแล้วเพราะเครย์โทรหาวิลให้ช่วยเอามาให้หน่อยระหว่างกลับมา
เมื่อเราเข้ามาในบ้านและปิดประตูเรียบร้อย จู่ๆเครย์ก็หัวเราะออกมาในลำคอ แต่ก็ดูร่าเริงผิดปกติ ผมนึกว่าเขาจะสติหลุดไปเสียแล้ว ผมจึงเชิญให้เขาไปนั่งที่โซฟาก่อน เผื่อจะดีขึ้น เขาซับน้ำตาเนื่องจากกลั้นหัวเราะไว้ แล้วเผยรอยยิ้มน้อยๆ
“ขอโทษที ผมหัวเราะเพราะทุกคนดูอารมณ์ดีกันมากเมื่อรู้ว่า ไม่สิ เข้าใจผิดว่าเราเป็นคู่รักกัน” เมื่อผมนึกย้อนไปว่าพวกเขาเหล่านั้นยิ้มและหัวเราะได้ก็เพราะพวกเราเล่นเกมบ้าๆนี่ ผมก็คิดว่ามันตลกเสียจริงๆนะ คงปล่อยให้พวกคนเหล่านั้นเข้าใจผิดไปซักพักคงจะสนุกน่าดู
“…เครย์ครับ…ไปดูห้องของคุณกันดีกว่า” พวกเราสองคนเดินขึ้นบันได้ไปยังชั้นสองของบ้าน ห้องของเครย์เป็นห้องสำหรับคนไข้ที่เดินทางมาไกลและต้องการจะพักที่นี่โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ภายในห้องมีอยู่ทั้งหมด3เตียง และมีที่กั้นไว้เป็นฉากที่ทำจากผ้าเหมือนประตูของประเทศญี่ปุ่น
“นอนได้ไหมครับ?” เครย์พยักหน้าให้เล็กน้อยก่อนจะเอาเสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้ต่างๆในกระเป๋าจัดให้อยู่ในตู้ โดยที่ผมช่วยเอาแปลงสีฟันยาสีฟันไปไว้ในห้องน้ำในห้อง ของมีไม่มากนักจึงจัดได้อย่างรวดเร็ว เครย์ลองนั่งบนเตียงก็พบว่ามันนุ่มน่านอนอย่างมาก
“ยังกะโรงแรมห้าดาวแน่ะครับ” เครย์กล่าวทีเล่นทีจริง ผมอดยิ้มไม่ได้ ในตอนนี้เวลา2ทุ่มครึ่งแล้ว ผมต้องไปตรวจตารางนัดคนไข้ แต่ถ้าจำไม่ผิดว่าพรุ่งนี้ไม่มีคนไข้ จะได้เตรียมบ้านให้พร้อมกว่านี้ก่อนดีกว่า เพราะมีคนเข้ามาอยู่เพิ่มแล้ว
“เอ่อ…ขอบคุณมากจริงๆครับ ผมยังไม่ได้ตอบแทนอะไรคุณเลย” เครย์เดินออกมาส่งหน้าห้อง ผมยิ้มให้แล้วยื่นมือไป เครย์ก็จับมือเขย่าเล็กน้อยพอเป็นพิธี ยังกะงานแลกเปลี่ยนวิฒนธรรมอย่างไรอย่างนั้นเชียว และก่อนที่ผมจะเดินออกไปเครย์ก็รั้งแขน ไม่สิ ดึงแขนผมให้หันกลับมาอย่างไม่ทันตั้งตัว
“จุ๊บ” ริมฝีปากของเครย์สัมผัสเข้าที่แก้มผมอย่างนุ่มนวลแต่มันช่างยาวนานเหมือนเป็นชาติ ผมรู้ตัวเองทันทีว่าหน้าแดงเป็นผลมะเขือเทศอีกครั้ง คราวนี้แดง แดง แดงเสียยิ่งกว่าตอนแตะจมูกคราวนั้น เมื่อเครย์ถอนจูบไปอย่างเชื่องช้า และก่อนจะปิดประตู ผมก็เห็นเครย์ยิ้มกว้างที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา พร้อมกับคำพูดที่ผมอยากจะทรุดนั่งพับเพียบลงกับพื้น
“Good Night นะคุณลุงของผม หลับฝันดี”
.
.
.
วันต่อมา
“เมื่อวานเป็นไงมั่งล่ะเครย์” ชาเรสเดินมาตบหลังเครย์ปั่กๆ แต่ไม่ยักกะสดุ้งสะเทือนอะไร ยังคงจิบกาแฟอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่ร้านของวิล ทุกคนเข้ามาล้อมเครย์ ทั้งลาเรียล นัวร์ วิล ชาเรส ฌอบอลง ซึ่งมีร่างๆหนึ่งนอนอยู่บนตักของเครย์ ใบหน้าขาวสะอาดนั่นดูสงบ แต่ผมกับกระเซอะกระเซิงไม่มีอันดี
“เครย์…ตอนกลางคืนไปทำอะไรลุงเขาเข้าล่ะ?” วิลถามแบบขำๆ แต่ทุกคนกลับคิดกันจริงๆ เพราะรุ่งเช้าทุกคนในเมืองเล็กๆนี้และคนในร้านของวิลต่างเห็นกันเต็ม2ตาว่า เครย์อุ้มมิคเคลสันจิตแพทย์ประจำเมืองนี้มาทานมื้อเช้า ซึ่งไม่ว่าจะทำวิธีไหนก็ปลุกไม่ตื่น
“เปล่า…แค่บอกลาก่อนนอน” เครย์ยังคงจิบกาแฟต่อไป ทั้งที่ริมฝีปากกระตุกยิ้มเล็กน้อย ทุกคนมองหน้าลุงอย่างฉงนงุนงงเป็นที่สุด ไม่ทราบได้ว่าเมื่อคืนคุณหมอคนนี้ไปพบเจอกับอะไรมา
“ทำไมไม่ตื่นล่ะ หรือเครย์จะทำอะไรไปจริงๆ??” นัวร์ทำท่าตกใจตาโตเป็นไข่เป็ด ทุกคนสะดุ้งโหยงไปตามๆกัน เครย์มองหน้าทุกคนแล้วหัวเราะในลำคอก่อนจะบรรยายความจริงที่ทุกคนอยากจะรู้เสียให้ได้ไม่เช่นนั้นคงถูกเข้าใจผิดไปใหญ่โตเสียหายไปกันใหญ่แน่ๆ
“ก็ไม่มีอะไรจริงๆครับ แค่ผมบอกลาคุณมิคเคลสันไป แล้วพอผมเปิดประตูมาตอนเช้าก็เห็นเขานอนแน่นิ่งอยู่หน้าประตูที่เดียวกับตอนที่เขายืนมาส่งผมนั่นแหล่ะครับ คง…เขินจนสลบไปล่ะมั้ง” เครย์จิบกาแฟเล็กน้อยก่อนจะดื่มมันรวดเดียวหมดแก้ว ทุกคนมองตามการเคลื่อนไหว เมื่อเครย์วางแก้ว ทุกคนก็พร้อมใจถามว่า
“เขินอะไร??” เครย์มองหน้าทุกคนอย่างช้าๆ ก่อนจะเอาหนังสือพิมพ์บังหน้าตนที่ประดับไปด้วยรอยยิ้มก่อนตอบอย่างมีปริศนาว่า
“ความลับ”
END.
(TBC Next Season)
โอร๊ยยยยย มันไม่ใช่อีกต่อไปแล้วค่ะ ไม่ใช่นอมอลอีกต่อไปย์ยยยยย ถ้าใครไม่ชอบแนวนี้ก็ขอโทษด้วยนะคะ (แต่อ่านๆไปอาจจะชอบขึ้นมาก็ได้ ฮึๆๆๆ) นี่มันเลยวาเลนไทน์วันนรกของคนโสดมา2วันแล้วก็ยังไม่ลง มาลงเอาวันเนี้ย แหม่ๆๆ ขอโทษจริงๆนะคะ ^3^
ความคิดเห็น