ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Diaryคุณลุงปริศนา

    ลำดับตอนที่ #2 : Diaryคุณลุงปริศนา ตอน สองสาวพิศวง

    • อัปเดตล่าสุด 27 ต.ค. 56


    บันทึกของคุณลุงปริศนา 2

    ………………………………………………………………………………………

      เช้าวันนี้อากาศค่อนข้างหนาวเย็น เนื่องจากย่างเข้าฤดูหนาวแล้ว มันจะมาอย่างรวดเร็วและพัดผ่านไปอย่างเชื่องช้า เหมือนกับตั้งใจจะแกล้งเหล่าคนที่อยู่ที่นี่ก็เพราะว่าเมืองนี้เน้นการเกษตรเป็นหลัก ถ้าเกิดอากาศหนาวเช่นนี้ผลผลิตจะตาย แต่คนที่นี่ฉลาดกันมาก พวกเขามีรายได้เสริมจากตลาดนัดคนเดินซึ่งพวกเขาได้รายได้จากส่วนนี้มาค่อนข้างมากทีเดียว เพราะของที่นำมาขายพวกเขาทำเองทั้งหมด ไม่ได้ผ่านพ่อค้าคนกลางแต่อย่างใด ทั้งเสื้อผ้า ภาพวาด อาหารและของที่ระลึกต่างๆ พวกเขาตัวรอดกันได้สบายๆ ส่วนผมนั้นออกจะชื่นชอบอากาศที่เย็นยะเยือกแบบนี้แหล่ะ แต่ถ้าหน้าฝนจะดีกว่านี้นะ

    และเพราะก้าวเข้าสู่ช่วงต้นฤดูหนาวแบบนี้ผมจึงไม่มีคนไข้เข้ามาเลยตลอดสัปดาห์นี้ แต่ผมไม่ได้กังวลเรื่องเงินที่ไม่ได้มีเข้ามาหรอกนะ ผมมีเหลือเฟือ และตอนนี้ผมก็หันมาเริ่มเขียนหนังสือนิยายสยองขวัญแบบจริงจังแล้ว และขายได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยล่ะ ผมจึงมีงานรองรับเสมอ

    และในเมื่อมันว่างแบบนี้ ผมจึงเดินเตร็ดเตร่ออกไปข้างนอกพร้อมเสื้อโค้ทสีน้ำตาลตัวเดิม ทางเดินข้างนอกในตอนนี้ช่างหนาวเย็นเสียเหลือเกิน แต่เหล่าคนที่นี่ก็ยังตั้งหน้าตั้งตาจัดร้านรวงเพื่อรอเวลาเปิดตลาดอย่างใจจดใจจ่อเลยล่ะ ผมทักทายพวกเขาตอบเล็กน้อยพอเป็นมารยาทและรับขนมปังโฮลวีทฝีมือร้านขนมปังที่รู้จักกัน มันยังอุ่นอยู่เลยแต่มันเยอะเสียจนผมคงทานคนเดียวไม่ไหวและถ้าเก็บไว้ทานต่อวันหลังมันคงรสชาติไม่เหมือนเดิมแล้ว ผมจึงตัดสินใจว่าจะไปแบ่งให้วิลเจ้าของร้านกาแฟเจ้าเดิม และ เจ้าหนูนักฆ่าชาเรส

    ช่วงหน้าหนาวแบบนี้บรรยากาศนอกร้านยังคงดึงดูดผมหรือแม้กระทั่งนักท่องเที่ยวได้ตลอด ต้นไม้ที่มีหิมะน้อยๆปกคลุมและน้ำที่ยังคงใสอยู่ตลอดเวลานั้นทำให้อารมณ์ดีได้อย่างไม่น่าเชื่อจริงๆ

    สวัสดีวิล ผมเดินเข้าไปและกล่าวทักทายวิลก่อนเป็นอันดับแรก และจะมีเสียงชาเรสตะโกนถามว่าจะรับอะไรดีแบบห้วนๆเพื่อแสดงตนว่าตนยังอยู่นะ แต่วันนี้ผมกลับไม่เห็นชาเรส และวิลก็ไม่ได้ทักทายผมตอบ

    ในตอนแรกนึกว่าวิลและเรสจะแกล้งอะไรผมเสียอีก แต่กลับไร้วี่แววจากทั้งสอง มันเงียบมาก ได้ยินเพียงเสียงของโทรทัศน์ที่เปิดละครค้างไว้ ผมจึงเดินไปปิดมันและเงี่ยหูฟังเหมือนกับว่าจะมีเสียงอะไรบางอย่างอยู่ใกล้ๆนี่เอง

    อือ….” เหมือนจะเป็นเสียงครางเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน แต่ใครจะมานอนตอนนี้กันล่ะ? ผมจึงนิ่งเงียบฟังต่อไป

    งืม….” ทีนี้ผมได้ยินอีกแล้ว? ดูคล้ายๆว่าจะเป็นเสียงผู้หญิง เจ้าสองคนนั้นพาผู้หญิงเข้าร้านงั้นเหรอ? ผมสะบัดหัวรัวๆเพื่อไล่ความคิดบ้าๆนั่นออกไป แต่มันจะเป็นอะไรล่ะ? หรือผมแต่งนิยายสยองขวัญมากไปเสียแล้วกันล่ะ? แล้วสองคนนั้นหายไปไหน? ในตอนนี้ผมมีคำถามเต็มไปหมด

    อือ…. ตุบ!!”

    “?!” มันเป็นเสียงคนร้องครางเบาๆแล้วจากนั้นก็มีเสียงบางอย่างหล่นกระแทกพื้น ผมหันไปตามเสียงนั่นก็ต้องพบกับ

    เธอเป็นใครน่ะ?? ผมแปลกใจอย่างมากที่มีผู้หญิงนอนนิ่งงันอยู่ใกล้ๆจุดที่ผมยืนอยู่นี่เอง เมื่อเธอค่อยๆกลิ้งตัวมาผมก็ถอยหลังอย่างรวดเร็วจนหลังไปชนโต๊ะส่งเสียงดังครืดคราด

    อือ….ลุงเป็นใครน่ะ? หญิงสาวผมยาวนิรนามเงยหน้าขึ้นจากพื้นทักผมด้วยน้ำเสียงที่เหมือนจะยังไม่ตื่นดี และเธอเป็นอีกคนที่เรียกผมว่าลุง

    คุณผู้หญิงควรจะตอบผมมาเสียก่อนนะ มานอนทำไมในร้านกาแฟเพื่อนผมกันล่ะ? ผมยังคงพยายามถอยออกจากเธอให้ได้ระยะห่างมากที่สุด

    เห? ทำไมล่ะ? ก็ในนี้อุ่นกว่าข้างนอกเป็นไหนๆนี่น่า ลุงก็มานอนด้วยกันสิ เธอเอามือตีพื้นเบาๆ เหมือนเรียกให้ไปนอนเพราะตรงนั้นสบายดี แต่ผมไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนในชีวิตเลย ให้ตายเถอะ เธอช่างน่าพิศวงและน่ากลัวจริงๆ ผมจึงขึ้นไปนั่งยองๆบนโซฟาเพื่อจะได้ทิ้งระยะห่างจากเธออีก

    เชิญนอนต่อไปเถอะครับ ผมไม่นิยมนอนกับพื้น ผมอยากจะออกไปจากร้านอยู่หรอกแต่วิล กับ ชาเรสหายไปไหนล่ะ?

    เธอน่ะเห็นเพื่อนผมไหม? ที่เป็นพนักงานร้านนี่น่ะ

    อ๋อไปทำอะไรอุ่นๆให้พวกชั้นกินน่ะ หายไปในครัวเมื่อกี้นี่เอง นี่ไงได้กลิ่นเสต็กไหมล่ะ? เธอพูดพร้อมยักหน้าไปทางครัว และก็มีกลิ่นเสต็กกับพริกไทยลอยมาจริงๆ

    เดี๋ยวนะ? พวกชั้นงั้นเหรอ?? ผมย้อนประโยคนั้นด้วยเสียงที่ดังขึ้นมานิดหน่อย เพราะความตกใจปนความหวาดหวั่นเล็กน้อย ผมจะมีอาการแบบนี้เสมอกับผู้หญิงที่ไม่รู้จักกัน

    อื้อ อยู่ข้างใต้โซฟาที่ลุงนั่งอยู่น่ะแหล่ะ เธอพยักพเยิดมาทางใต้โซฟา และผมก็แว่วๆว่าจะได้เสียงเหมือนคนเพิ่งตื่นอีดครั้ง อยู่ข้างใต้นี่เอง

    อือ……ค่ำแล้วเหรอ? เสียงปริศนาของหญิงสาวนิรนามอีกคนที่กำลังค่อยๆคลานออกมาจากใต้โซฟาที่ผมนั่งอยู่ ผมเข้าใจความรู้สึกของถูกผีคลานมาใกล้ๆก็วันนี้เอง

    “!?” ผมสะดุ้งจนแทบจะตกจากโซฟา หญิงสาวผมสั้นที่เพิ่งโผล่ออกมาจากข้างใต้นั้นเงยหน้ามองผม สายตาเธอส่อว่ายังง่วงอยู่อย่างชัดเจนแต่ก็มีความสงสัยเหมือนกันว่าผมเป็นใคร

    ลุงเป็นใครน่ะ? พวกเธอพูดพร้อมๆกันด้วยเสียงที่นุ่มนวลดูไม่แสดงความตื่นตกใจตั้งแต่แรกแล้ว ผมสิต้องเป็นฝ่ายตกใจกว่า

    ไม่เดี๋ยวนะเอ่อพวกเธอเป็นใคร? สมองผมเริ่มชักกระตุกยังไงผมบอกไม่ถูก ผมไม่ถูกโรคกับผู้หญิงจริงๆครับ และผมต้องขอบอกตรงนี้ว่าผมไม่ได้เป็นเกย์หรืออะไรทำนองนั้น แต่มันมีเหตุผลส่วนตัวจริงๆ

    พวกเราเดินเที่ยวเล่นมาเรื่อยๆก็มาเจอร้านนี้ล่ะ เพราะอากาศข้างนอกหนาวจะตายเลยมาขอนอนในนี้พี่2คนที่เป็นพนักงานในร้านก็เลยให้พวกเรานอน เห็นบอกว่าไม่มีใครเข้ามามากนักเราก็เลยจับจองที่กัน แล้วก็….”

    เดี๋ยวนะครับผมไม่ได้ถามว่าพวกคุณมาได้ยังไงแต่เอ่อช่างเหอะ ผมพูดขัดหญิงสาวผมสั้น แต่ผมก็ไม่ซักต่อว่าพวกเธอเป็นใคร มันสำคัญตรงไหนกันล่ะ แล้วยิ่งคนแบบผมแล้วด้วย ผมจึงลุกไปนั่งที่โต๊ะแล้วเปิดอ่านนิยายสยองขัวญที่ยังอ่านไม่จบตั้งแต่เจอชาเรส

    “….นอนต่อดีกว่า พวกเธอพูดพร้อมกันอีกครั้ง

    “….”

    “…..”

    “…………”

    เงียบเกินไปแล้ว!!’ ” ผมตะโกนอยู่ในใจ แต่ผมอยากวิ่งออกไปตะโกนนอกร้านให้รู้แล้วรู้รอดมากกว่า ผมอึดอัดมากที่ต้องมานั่งท่ามกลางผู้หญิงปริศนา2คน แถมชาเรสกับวิลก็ยังไม่ออกมาเสียที ผมตัดสินใจเลื่อนเก้าอี้อย่างช้าๆเพื่อจะลุกไปดูในครัวว่าสองคนนั้นทำไมช้าแบบนี้

    ครืดดดดดด

    “!!??” แทบจะทันทีที่เก้าอี้ถูกเลื่อน หญิงสาวผมยาวก็เงื้อขนมปังฝรั่งเศส(?)ใหญ่มากๆกำลังจะฟาดที่หัวผมร่อมร่อ โชคดีที่ผมหลบทันอย่างเฉียดฉิว ส่วนหญิงสาวผมสั้นยังคงนอนอยู่แต่เปิดเปลือกตาขึ้นมาเล็กน้อย

    เธอทำอะไรไม่ทราบครับ? ผมพูดด้วยเสียงเรียบ แต่มันฟังดูต่ำมาก ผมจ้องที่เธอเขม็งและไม่ไว้ใจหญิงผมสั้นด้วยเช่นกัน พวกเราสองคนยืนประจันหน้ากันและห่างกันไม่ถึงเมตรด้วยซ้ำ

    ? เธอชี้มาที่ผม มีเรื่องอะไรอีกล่ะนี่ เธอคงไม่ใช่นักฆ่าสาวทีถูกจ้างมาจากพวกมาเฟียอีกใช่มั้ย ชาเรสทำผมเบื่อแล้ว

    นั่น ไม่เห็นเหรอ?...อยู่นิ่งๆนะลุง สายตาของเธอนิ่งมากๆแต่ก็ดูน่ากลัวในเวลาเดียวกัน เหมือนเสือที่จ้องเหยื่อในพงหญ้า ผมไม่ขยับซักนิด ดูเหมือนจะมีอะไรซักอย่างอยู่ใกล้ๆผม

    ผัวะ!!” ก่อนที่โลกทั้งใบจะมืดลง ผมได้ยินเสียงวิล และ ชาเรสโวยวายเอ็ดตะโรมาก และเห็นใบหน้าของหญิงสาวผมสั้นเข้ามาใกล้ผม และทุกอย่างก็ดับสนิทลง

     

    “…..” ผมได้กลิ่นเหมือนดอกไม้โชยมา ผมพบว่าตัวเองยืนอยู่ท่ามกลางดอกไม้จริงๆ แต่มันถูกอาบไปด้วยเลือดแดงสด กลิ่นของเลือดปนกับดอกไม้มันไม่เข้าท่าเลยจริงๆ ผมไม่ได้กลัวมัน แต่ผมกำลังสงสัยว่ามาที่นี่ได้อย่างไร? ผมมองไปรอบๆก็พบกับเงาของร่างๆนึงยืนอยู่ไม่ไกลจากผมมากนัก มันช่างคุ้นเคยเสียจริงๆ ร่างนั้นเดินเข้ามาใกล้ๆผมมากขึ้นๆ และน่าแปลกที่ทุกย่างก้าวของร่างนั้นย่ำลงดอกไม้จะกลายเป็นสีเลือด ร่างนั้นเข้ามาใกล้ทุกทีๆ แต่ผมกลับขยับร่างกายไม่ได้ ใบหน้าของเขาชัดขึ้นๆทุกขณะ

    ร่างนั่นหยุดตรงหน้าผม สูงกว่าผมเสียอีก เขายื่นมือออกมาสัมผัสที่ใบหน้าของผมอย่างเชื่องช้าแต่ดูอ่อนโยนและโหยหา มือนั่นลูบไล้ไปตามใบหน้า มือของเขาช่างอุ่นเหลือเกิน ทั้งๆที่ทุกก้าวที่เขาเดินมาเป็นสีเลือดแต่เมื่อมาหยุดตรงหน้าของผมมันกลับเป็นดอกไม้สดที่สวยงามทุกดอก ผมขยับร่างกายได้แล้ว มือของผมยื่นไปจับใบหน้าของร่างนั้นอย่างนุ่มนวล ปากของผมเปิดออกเพื่อที่จะเรียกชื่อของร่างตรงหน้า

    คุณมิคเค่ล!!”

    ?? ผมค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น และก็พบว่าตัวผมเองนั้นนอนบนโซฟาของร้านกาแฟของวิล ข้างๆผมคือวิลที่กำลังบีบไหล่ผมเบาๆและสีหน้าของเขาดูโล่งอกมากเมื่อผมลืมตาขึ้น หลังประตูครัวคือชาเรสที่มองมายังผมไม่กี่อึดใจเขาก็เดินหายไปในครัว ข้างหลังวิลคือหญิงสาวสองคนนั้นซึ่ง….พวกเธฮทำร้ายผมไปแล้วด้วย คิดได้ดังนั้นผมก็กระเด้งตัวลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วแล้วดึงตัววิลให้ห่างจากพวกเธอ วิลมองหน้าผมแบบงงงวย

    พวกเธอเมื่อกี้นี้ทำอะไรผมน่ะ?

    นี่…” สาวผมสั้นชี้ไปตรงจุดที่ผมล้มลง มันมีซากแมงมุมซึ่งถ้าจำไม่ผิดมาน่าจะมีพิษด้วย มันเกาะบนตัวผมเหรอนี่?

    พวกเราเห็นมันติดอยู่ที่หลังคุณแน่ะ แต่ต้องขอโทษด้วยที่ตีจนสลบไป นึกว่าจะหัวแข็งเสียอีก สาวผมสั้นพูดขึ้น และมองหน้ากันกับสาวผมยาวแล้วยิ้มมุมปากน้อยๆ

    “….ขอบคุณครับ ผมยันตัวลุกขึ้น มันยังปวดตุบๆอยู่เลย แม่สาวนั่นเอาอะไรตีกันน่ะ?

    ชั้นโนอาห์ หรือเรียก นัวร์ก็ได้

    เราลาเรียลนะ เธอทั้งสองยื่นมือมาจะจับมือผม แต่ผมถอยหนี มันดูไร้มารยาทสิ้นดี แต่ผมไม่ชอบอยู่ใกล้ๆกับผู้หญิงที่ไม่รู้จักดีนี่น่า

    ?? พวกเธอสองคนมองผมแบบงงๆ และเอียงคอไปคนละข้างเหมือนนกฮูกไม่มีผิด ผมไม่รู้จะอธิบายยังไงดี

    ลุงนั่นเป็นเกย์ ไม่รู้รึไง? เสียงชาเรสดังขึ้นจากหลังเคาน์เตอร์ พวกเธอหันไปมองชาเรสซึ่งกำลังยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ แล้วพวกเธอก็หันมามองผมพร้อมกัน และก็มองหน้ากันสลับกับมองหน้าผมสองสามรอบแล้วก็หัวเราะในลำคออย่างน่ากลัว

    ม ไม่ใช่นะครับชาเรส…” ผมหันไปช้าๆทำให้ชาเรสสดุ้งเล็กน้อยแล้วหันหลังให้ผมอย่างรวดเร็ว

    อื้ม….พวกเราเข้าใจ ต้องขอโทษด้วยจริงๆที่เข้าใจผิดมาตลอดนสาวผมยาวลาเรียลพูดขึ้นอย่างเอื่อยๆพร้อมกับพยักหน้าช้าๆ

    ไม่ใช่แบบนั้นซะหน่อย! ผมแค่…” แล้วผมจะอธิบายยังไงล่ะว่าผมไม่ชอบผู้หญิงแปลกหน้าน่ะ

    “….แค่? สาวผมสั้นที่ชื่อโนอาห์เลิกคิ้วสูงแบบรอคำตอบ

    “….ผมไม่ชอบผู้หญิงที่ไม่รู้จักกันมาก่อนอยู่ใกล้ๆน่ะ มันไม่ชอบจริงๆ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่ต้องขอโทษด้วย ผมทำสีหน้าค่อนข้างจะลำบากใจอยู่ไม่น้อยเลยจริงๆนะ

    หืม…” พวกเธอพูดพร้อมกันเหมือนลำโพงสองข้างที่เปิดเสียงให้ดังพอๆกันเลยแหะ

    อาการนี้น่าเป็นห่วงนะ เพราะแบบนี้ไงลุงถึงได้ เอ่อโสด? โนอาห์ตาโตเมื่อนึกได้ว่าพูดอะไรออกไป

    “….เรื่องนั้นช่างมันเถอะ ผมชื่อมิคเคลสัน ผมรวบรวมความกล้ายื่นมืออกไปตรงหน้าพวกเธอสองคน

    “…ไหนบอกไม่ชอบไง? ผู้หญิงที่ไม่รู้จักน่ะ? ลาเรียลพูดขึ้นแล้วเอามือไพร่หลังและเชยตามองผมเล็กน้อยเหมือนงอน

    ถ้าไม่ทำความรู้จักกันซะก่อนแล้วจะรู้จักกันตอนไหนล่ะ? ใช่มั้ยลุง? โนอาห์กระทุ้งศอกไปที่ไหล่ลาเรียลเบาๆเป็นเชิงว่าให้จับมือผมพร้อมกัน และลาเรียลก็ตอบตกลงด้วยการพยักหน้านิดๆ

    ยินดีที่ได้รู้จักนะ ลุงมิคเค่ล!” พวกเธอเขย่ามือผมแรงๆจนผมได้ยินเหมือนเสียงกระดูกข้อต่อแขนจะดังกร็อบแกร็บเหมือนมันฝรั่งทอดที่ถูกเหยียบและบดซ้ำ

    ย ยินดีที่ได้รู้จัก โนอาห์และลาเรียล ผมกระตุกยิ้มมุมปาก น่าแปลกที่ผมไม่รู้สึกรังเกียจหรือชักมือกลับเหมือนที่ทำกับผู้หญิงคนอื่น แต่ผมกลับรู้สึกมั่นคงและยินดีที่ได้รู้จักกับพวกเธอ

    เดี๋ยวผมไปชงกาแฟให้ละกันนะ จะได้ทำความรู้จักกันดีๆ วิลเดินยิ้มกว้างหายไปหลังร้าน เรสก็ทำท่าจะเดินเข้าไปเหมือนกัน แต่ถูกสองสาวจับตัวมานั่งร่วมโต๊ะกับพวกเรา สีหน้าของเจ้าหนูชาเรสนั้นดูทุกข์ทรมานเหมือนถูกจับให้กินบอระเพ็ดขมๆทั้งต้นอย่างไรอย่างนั้น

    พวกเธอเดินเล่นมาเรื่อยๆงั้นเหรอ? ทำไมถึงมาที่นี่ได้ล่ะ?ดูๆแล้วไม่น่าใช่คนแถวนี้เลยนะ ผมดูจากการแต่งตัวของพวกเธอซึ่งดูดีทีเดียวไม่เหมือนชาวไร่ชาวสวนแถวนี้แล้วก็แต่งคล้ายๆกันด้วยนั่นคือ เสื้อเชิ้ตสีขาวทับด้วยชุดเอี้ยมสีน้ำตาล แต่ลาเรียลจะเป็นสีชมพูอ่อน และรองเท้าบูทสั้นสีน้ำตาลอ่อนๆ พวกเธอคงแต่งตัวให้เข้ากับสถานที่เข้าไว้ ซึ่งที่จริงแล้วไม่ใช่แบบนั้นเลย ก็คล้ายๆสาวในฟาร์มที่นี่อยู่หรอกนะ แต่ขาดก็แต่รอยเปื้อนโคลนนิดๆ

    ก็มาเที่ยวกันน่ะแหล่ะ พวกเราตัดสินใจจะมาเที่ยวแบบไม่พกอะไรมาเลยดู ก็เลยหาที่นอนฟรีๆแล้วก็ข้าวฟรี ที่แน่ๆคือพวกเราชอบบรรยากาศที่นี่น่ะ ดีกว่าที่ๆเราไปมาทุกทีเลยนะเนี่ย

    แต่นี่มันหน้าหนาวนะ ผมมองหน้าพวกเธอแบบไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าเดินเล่นกันได้ยังไงหนาวขนาดนี้ น่าจะซัก15-0องศาได้

    ก็นะ ต้องอดทนไงล่ะ แล้วแม่นี่ก็ดีเลย์อยู่แล้ว ด้านชาจะตาย เนอะ โนอาห์สะกิดเพื่อนแรงๆ

    หือ? อะไรนะ?

    เห็นไหมล่ะ? เธอดูภูมิใจกับอาการประสาทเชื่องช้าของลาเรียลมาก และลาเรียลก็มองหน้าเพื่อนแบบดีเลย์ๆต่อไป

    เอ่ออะไรน่ะ ชาเรสเอาขาขึ้นมาวางบนโต๊ะแบบไม่เกรงใจใครหน้าไหนทั้งนั้น ผมเพียงชำเลืองมองด้วยหางตาที่ชาเรสและยิ้มเล็กน้อย แต่เจ้าหนูชาเรสกลับแลบลิ้นใส่ผมซะอย่างงั้น

    ?? เห็นรึเปล่าเมื่อกี้?เสียงโนอาห์กระซิบกระซาบกับลาเรียลต่อหน้าพวกผมสองคน แล้วก็ยิ้มมุมปากกันนิดหน่อย พอพวกเธอเหมือนว่าจะนินทาพวกเราสองคนจบก็หันมาส่งยิ้มให้เล็กน้อยและนั่งเงียบ ใช่เลยพวกเธอกำลังรอให้ผมหรือชาเรสทำอะไรซักอย่าง

    มองอะไรไม่ทราบ? ชาเรสกระดิกเท้าที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างไม่พอใจสองสาวเท่าใดนัก ผมฟาดมือไปที่ขาของชาเรสแบบเต็มแรง เจ้าหนูชาเรสถึงกับสะดุ้งโหยงเพราะความเจ็บหรือเพราะตกใจก็ไม่ทราบได้ แต่น่าจะเป็นทั้งสองอย่าง และเมื่อเอาเท้าลงแล้วก็หันมาตีแขนผมยกใหญ่พร้อมกับปากที่ด่าทอผมไม่หยุด

    พวกสองสาวมองพวกเราทะเลาะกันแบบไม่วางตา (ที่จริงคือชาเรสทำผมฝ่ายเดียว) พวกเธอก็ทำท่าทางเหมือนกับอมยิ้มและกลั้นขำ ผมเริ่มสังเกตพวกเธอ แต่ชาเรสก็ยังตีผมไม่เลิกเสียที ผมเลยจัดการดึงเสื้อยืดชาเรสยกเขาขึ้นจากพื้นซักหนึ่งไม้บรรทัดได้ ชาเรสก็เอาขาถีบผมรัวๆยังกับแมวแน่ะ แล้วทางด้านสองสาวนี่ก็ แววตาเต็มไปด้วยความปิติยินดีที่ได้เห็นพวกเราทะเลาะกัน โรคจิตแน่ๆ ผมจึงตัดสินใจถามพวดเธอ ตรงๆ

    นี่คุณผู้หญิงครับ เป็นอะไรมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะครับ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เลย ผมไม่ชอบทีท่าของพวกเธอตอนนี้เลย เห็นแล้วรู้สึกขนลุกอย่างน่าแปลก

    อืม…..จะบอกพวกเค้าดีมั้ย? ลาเรียลหันไปถามความคิดเห็นเพื่อนสาว ดูเธอจะลังเลที่จะตอบคำถามผม มันยังไงกัน?

    “….ตอบไปเลยละกันเนอะ ไหนๆก็ไหนๆแล้วนี่? โนอาห์ยักไหล่เล็กน้อยก่อนจะหันมาจ้องผม และตอบคำถามถึงพฤติกรรมแปลกประหลาดของพวกเธอ

    ลุงกับเอ่อ….”

    ชาเรส!” เจ้าหนูนักฆ่าตะคอกใส่หน้าโนอาห์แบบจังๆไม่เกรงใจความเป็นสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีบ้างเลยจริงๆ

    เอ่อ นั่นล่ะๆ เป็นอะไรกันรึเปล่า? ประโยคหลังที่ถามว่าเป็นอะไรกันรึเปล่าพวกเธอสองคนพูดพร้อมเพรียงกันเหมือนเตี๊ยมกันมาก่อน

    ผมและชาเรสมองหน้ากันซักพัก และก็หัวเราะฮึๆในลำคออย่างขมขื่นว่าทำไมหนอ ถึงมีคนเข้าใจผิดๆแบบนี้ได้ล่ะ? มันดูเป็นแบบนั้นจริงๆงั้นเหรอ?

    ม ไม่ใช่ซะหน่อย! ชั้นเพิ่งรู้จักกับตาลุงนี่ไม่ถึงเดือนเลยนะ แล้วก็แค่รู้จักกันเท่านั้น ชาเรสพูดติดขัดด้วยความสับสน ถึงจะพูดว่าคนรู้จักก็เถอะ แต่เขากับผมก็เคยช่วยเหลืกันมาก่อนจากเหตุการณ์วันนั้นเป็นต้นมา

    อ่า ครับ แถมชอบทะเลาะกันบ่อยๆด้วย ผมพูดเสริมขึ้นมา ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพวกเธอคิดแบบนั้น ทั้งๆที่เราสองคนก็ทะเลาะกันให้เห็นอยู่บ่อยๆ

    อืม….บอกไปเลยมั้ยว่าเราเป็นอะไร ลาเรียลหันไปถามเพื่อนอีกครั้ง

    “….เค้าอาจจะไม่รู้จักก็ได้นะ แต่ช่างเหอะ…” เมื่อโนอาห์พูดจบ เธอก็หันมาจ้องพวกเราสองคนเขม็ง เหมือนจะพูดสิ่งสำคัญสุดๆ

    พวกเรา….” เธอดูลังเลที่จะตอบเล็กน้อย ผมและชาเรสตั้งใจฟังเต็มที่ พูดออกมาเสียทีเถอะ!!เป็นอะไรของพวกเธอกัน

    พวกเราเป็น…..”

    .

    .

    .

    สาววายน่ะ รู้จักกันไหมครับ? จู่ๆเสียงของวิลก็ดังขึ้นมา เขายืนชกกาแฟหอมกรุ่มอยู่ตรงเคาน์เตอร์ร้าน วิลยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นหน้าของผมและชาเรส ใช่ ผมและชาเรสรู้จักคำๆนี้ เพราะ….

     เมื่อไม่กี่วันมานี้ก็มีกลุ่มสามสาวนักท่องเที่ยวเดินเข้ามาในร้านเพื่อมารอรถที่จะมารับกลับที่พักในร้านกาแฟแห่งนี้ แล้วพวกเธอก็ได้เห็นผมและวิลนั่งคุยกันเรื่องต้นฉบับของวิล ผมติวิลไปหลายข้อทำให้วิลเกิดอาการต่อมน้ำตาแตกขึ้นมา ก็เลยวุ่นวายกันยกใหญ่ ผมไม่มีเจตนาจะว่าเขาเลย(น้ำเสียงก็ไม่ด้ดุ)ผมจึกขอโทษขอโพยและส่งผ้าเช็ดหน้าให้ ซึ่งสามสาวในร้านนั้นก็วี้ดว้ายออกมา แล้วแถมพวกเธอยังเดินมาบอกอีกนะว่าพวกเธอเป็น สาววาย ที่ว่า ชารเสก็ได้รู้กิตติมศักดิ์ของสาววายแล้วเช่นกัน

    เอ่อ….” ผมและชาเรสถึงกับเอ๋อไปเลยเมื่อได้ยินคำนั้นอีกครั้งนึง ผมไม่อยากพบเจอคำๆนี้อีกตลอดกาล แต่ก็มีสองสาวนี้เข้ามาซะได้

    อืมตัดสินใจล่ะ พวกเราจะอยู่กันแถวๆนี้ไปก่อนล่ะกัน เนอะ ลาเรียล โนอาห์หันไปถามเพื่อนซึ่งก็นั่งเหม่ออยู่

    อ๋อ เอ่อ เอาสิๆ หลังจากโดนโนอาห์ตีเข้าที่ไหล่อย่างแรง เธอก็ตอบกลับด้วยสีหน้าง่วงงุนเต็มที

    หา!!” ผมและชาเรสร้องประสานเสียง ทั้งตกใจและตื่นตระหนกพร้อมๆกัน ถึงอยากจะปฏิเสธพวกเธอแค่ไหน แต่พวกผมมีสิทธิ์อะไรล่ะ?

    ดีจริง! ขอต้อนรับสู่หมู่บ้านแห่งนี้นะครับ เสียงของวิลช่างร่าเริงเหมือนอย่างเคย ผมและชาเรสหันไปมองวิลตาเขียวปัด แล้วพวกเธอจะนอนที่ไหนกันเหรอ?

    “….อืม….เราเอาเต้นท์มานี่เนาะ โนอาห์จิ้มนิ้วไปที่ปากอย่างคนกำลังคิด งืม…” และดูเหมือนว่าลาเรียลจะหลับไปเป็นที่เรียบร้อย

    โอเค! พวกเราสองคนจะนอนในป่าหลังร้านคุณ แค่นี้หลับได้สบายๆ ไม่ต้องห่วง ขอบคุณที่ให้เรานอนหลบหนาวนะ แล้วจะตอบแทนให้ พูดจบโนอาห์ก็ลากลาเรียลซึ่งไม่รู้สึกตัวแล้วออกไปจากร้านหายเข้าไปในป่าลึก

    “…” ผมกับชาเรสยังอ้าปากค้าง หัวสมองยังคงว่างเปล่าเหมือนคนไม่มีทางออกในชีวิต วิลเห็นอย่างนั้นจึงหัวเราะเล็กน้อย แล้วจึงนำกาแฟมาเสริฟท์ให้ผมกับชาเรส และขอให้ผมช่วยติเรื่องนิยายของเขาอีก ในตอนนั้นเองที่สติกลับมาเสียที ผมจึงหัวเราะน้อยๆให้ แล้วเริ่มต้นอ่านต้นฉบับ ส่วนชาเรสก็ลุกไปหยิบคุ้กกี้ในจานมากินอย่างนิ่งเงียบ

    ภายในร้านยามนี้เงียบสงัด และมีไฟที่เปิดไว้เพียงตรงที่พวกเราสามคนนั่ง มันมืดสลัวๆแต่ก็พอที่จะทำให้ผมอ่านต้นฉบับของวิลฉบับที่4ต่อไปได้

    สนุกไหมครับ? เสียงวิลที่แจ่มใสอยู่เสมอเอ่ยถามขึ้นมาเบาๆเมื่อเห็นว่าชาเรสหลับไปแล้ว ผมเงยหน้ามองเขาอย่างแปลกใจเล็กน้อย เพราะผมเพิ่งอ่านบทนำยังไม่จบเลยด้วยซ้ำ

    เธอหมายถึงต้นฉบับที่1-3เหรอ? ก็สนุกนะครับ ผมตอบออกไปโดยไม่ได้คิดเลยจริงๆ วิลยิ้มและเอามือปิดปากเมื่อจะหัวเราะออกมา นั่นยิ่งทำให้ผมงงเข้าไปอีก

    ฮะๆ ผมหมายถึงวันี้น่ะครับ สายตาของวิลฉายแววว่ากำลังยิ้มอยู่ในใจออกมา ผมมองเขาซักครู่ ยิ้มให้เขาและจึงวางต้นฉบับลงอย่างแผ่วเบา

    ผมพูดตามตรงนะ ครั้งแรกที่เห็นว่าเธอกับชาเรสหายไป ผมตกใจจริงๆเลย แล้วไหนจะสองสาวพิลึกๆนั่นอีก แต่ก็นะพวกเธอก็ดูแปลกๆ สนุกดีออกใช่มั้ย? แถมไม่ใช่คนไม่ดีออะไรด้วย ถึงจะฟาดผมจนสลบก็เถอะ วิลหัวเราะอีกครั้งอย่างมีความสุข แต่แล้ววิลก็หยุดหัวเราะมุมปากยังคงยิ้มน้อยๆแต่ครั้งนี้มันดูเศร้าสร้อยอย่างไรพิกล

    ที่นี่ผู้คนที่นี่ พวกเราทำให้คุณลืม เรื่องนั้นไปได้บ้างไหมครับ? วิลจ้องตาผมเพื่อขอความจริงจากผม เรื่องนั้น งั้นเหรอ? ผมไม่เคยลืมมันไปได้เลย ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่

    วิลมันช่วยบรรเทาได้จริงๆนะครับ ผมลืมไปบ้างแล้วล่ะ ใช่ เหล่าคนที่นี่ และบรรยากาศอันแสนสบายของที่นี่ทำให้ผมผ่อนคลายไปมากจริงๆ

    “…มันผ่านไปแล้วนะครับ ลืมมันไปเถอะครับ คนคนนั้น ตามหาคุณไม่พบหรอกครับ วิลปลอบใจผมด้วยความเป็นห่วง

    ผมรอเขาอยู่ รอให้เขามาล้างแค้นผม ผมหลุบตาลงต่ำ แสร้งทำเป็นจ้องตัวหนังสือในนิยายของวิล

    คนคนนั้น เขาทำตัวเองแท้ๆนะครับ แล้วคุณก็แค่ช่วยเขาไว้เท่านั้นเองทำไมถึง วิลชะงักทันทีเมื่อผมเอามือปิดปากเขาไว้ ผมไม่แน่ใจว่าตอนนี้มือผมสั่นเทาหรือไม่ ถ้ามันสั่น แล้วเพราะความกลัว หรือความเสียใจที่นึกถึงอดีตครั้งนั้นกันแน่

    ตรงนี้ต้องเขียนว่า ปฏิวัติ นะครับ ไม่ใช่ ปติวัด ผมเงยหน้าขึ้นมามองวิลและยิ้มให้ก่อนที่วิลจะหัวเราแล้วเกาศรีษะอย่างเขินอายที่เขียนผิดๆ

    เรื่องนั้นช่างมันเถอะครับ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด แต่เจ้านั่นเจอผมเมื่อไหร่ ผมจะคุยกับเขาให้รู้เรื่องเสียที ขอบคุณที่พูดให้กำลังใจผมนะวิล ผมยิ้มออกมาจากใจจริงให้วิล เขายิ้มกว้างตอบ และเราสองคนก็ก้มหน้าก้มตาแก้ไขต้นฉบับต่อไป  

    โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่า มีสายตาคู่หนึ่งในเงามืดจับจ้องพวกเราอยู่อย่างเคียดแค้น มันแดงก่ำไปด้วยความโกรธกริ้ว

    เจอกันเสียที My old friend ฮึๆๆ”                                                                                                    TBC .
     

    โฮกกกกกกกกกกกก!! (คำรามอย่างก้าวร้าว) หลังๆมั่วมากเลยค่า ต้องขออภัยมากๆนะคะ T[]T พรุ่งนี้จะเปิดเทอมแล้วค่า เลยจะแต่งให้จบโดยเร็ว คาดว่าถ้าว่างๆจะแต่งต่อนะคะ ติได้นะคะ เพราะว่า....มัน มั่ว มาก ค่ะ 5555

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×