ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Diaryคุณลุงปริศนา

    ลำดับตอนที่ #1 : Diaryคุณลุงปริศนา ตอน นักฆ่าหนุ่ม

    • อัปเดตล่าสุด 12 ต.ค. 56


                                                                                                                                                             Diaryคุณลุงปริศนา
    ตอน นักฆ่าหนุ่ม

     

    วันนี้ช่างเป็นวันที่ดีเสียจริงๆ ก็เพราะวันนี้สภาพอากาศมีเมฆครึ้มแต่มีลมในแบบที่ผมชอบ เมื่อตรวจคนไข้ทั้งหมดจบลง ผมก็ออกไปเดินเล่นในเย็นวันนั้น ถ้าอยู่แต่ในบ้าน(ซึ่งเป็นคลินิกในตัว)และคอยฟังอาการประสาทของเหล่าคนไข้ที่จะเข้ามาทำร้ายผมเมื่อไหร่ก็ได้นั้น มันช่างเป็นงานที่เหนื่อย และผมต้องการพักผ่อนอย่างมาก แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็เห็นใจคนไข้ทุกคน ไม่ว่าบางคนจะเคยพยายามเข้ามาทำร้ายบ้างแล้วก็ตาม คนเหล่านี้ต้องการที่ยึดเหนี่ยวที่มั่นคง

    ผมเดินไปตามทางลาดเนิน ซึ่งแถวๆบริเวณบ้านของผมอยู่ติดกับภูเขามากมายและใกล้ป่าสนซึ่งค่อนข้างจะเหงาหงอยและเปลี่ยวทีเดียว ผมเดินไปเรื่อยๆ เดินดูเหล่าผู้คนภายนอกไปเรื่อย โชคดีเสียจริงที่นอกจากแถวบ้านผมจะอยู่ติดกับธรรมชาติแล้ว ที่นี่ยังเป็นตลาดนคนเดินเสียด้วย แทบจะไม่มีซุ่มเสียงของจราจรให้หนวกหูเหมือนเมืองกรุงเลยจริงๆ คนที่นี่เองก็เป็นมิตรมากๆครับ ถึงผมจะออกมาจากบ้านน้อยครั้งแต่พวกเขาก็ทักทายและยิ้มให้ผมเสมอซึ่งคงรู้จักกันเพราะบางครั้งมีคนบาดเจ็บหนักส่งโรงพยาบาลไม่ทันหรือบาดเจ็บเล็กน้อยพวกเขาก็พาคนเจ็บมาให้ผมรักษา ซึ่งผมไม่ได้คิดเงินอะไร พวกเขาจึงชอบผมมาก บางครั้งผมไม่จำเป็นต้องออกไปซื้ออาหารข้างนอกเลย พวกเขาจะแบ่งอาหารที่เขาทำไว้มาให้ผมได้ทาน ผมรักที่นี่มาก

    ผมเดินไปเรื่อยๆดูร้านรวงต่างๆที่เริ่มมาจัดของขายเพื่อเปิดตลาดนัดยามค่ำกันแล้ว มีทั้งอาหาร ของกินเล่น ของฝาก ต่างๆนานาตระการตามากมาย ผมเพียงแค่แวะทักทายคนไข้ของผมบางคนและกล่าวสวัสดีกับคนรู้จักและเด็กๆที่เคยเตะบอลทะลุหน้าต่างบ้าน

    ในที่สุดผมหยุดอยู่หน้าร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ผมรักร้านนี้พอๆกับที่รักย่านนี้ มันตั้งอยู่ข้างๆบ่อน้ำใส น้ำใสเสียจนเห็นใบไม้หลากสีสันที่ร่วงหล่นและจมอยู่ก้นบึ้งนั้น ปลาหลากหลายสายพันธุ์ที่รอคอยให้เศษขนมปังเหลือจากร้านร่วงลงไปใส่ปากพวกมัน รอบๆร้านไม่มีเสียงอึกทึกเข้ามารบกวนเลย เนื่องจากมันห่างจากตลาดนัดเมื่อซักครู่อยู่ค่อนข้างมากอยู่ บริเวณร้านประดับไปด้วยทิวทัศน์ของต้นไม้สูง แล้วดอกไม้น้อยๆที่แทรกตัวอยู่ระหว่างต้นหญ้าที่เมื่อสัมผัสแล้วเปรียบเสมือนเหยียบอยู่บนหมอนนุ่มๆอย่างไรอย่างนั้น

    เมื่อเข้ามาในร้าน เป็นธรรมดาของที่นี่ที่จะมีลูกค้าเพียงไม่กี่คนที่เข้ามานักส่วนใหญ่เป็นลูกค้าประจำที่ติดใจกับวิวทิวทัศน์ นานๆทีจะมีนักท่องเที่ยวแบ็คแพ็คเข้ามาบ้าง เพราะคนส่วนใหญ่ในละแวกนี้ใช้เวลาไปกับการเก็บผลผลิตทางเกษตร รีดนมวัว และตั้งร้านค้าต่างๆ คงจะไม่มีเวลาเหลือมานั่งจิบกาแฟแล้วนั่งทัศนาภูเขาและหมอกหนาที่เจือกลิ่นเมล็ดโกโก้หรอกนะ

    แต่วันนี้กลับแปลกไป ภายในร้านยามเย็นเช่นนี้ปกติจะมีเพียงผมเท่านั้นในละแวกนี้ที่ว่างอยู่ แต่กลับมีคนนั่งอยู่ในร้าน ดูท่าจะไม่ใช่คนแถวนี้เสียด้วย เนื่องจากคนในย่านนี้ส่วนมากแต่งตัวเป็นคนสวน ชาวนาเสียส่วนใหญ่ แต่นายคนนี้ใส่เสื้อเชิ้ตสีดำยับยู่ยี่เหมือนไม่ได้รีดมาตั้งแต่ซื้อ หรือนี่รีดแล้วกันนะ แล้วยังผูกเน็กไทที่ดูไม่เรียบร้อยนั่นเสียอีก คิดได้ดั่งนั้นผมก็อดยิ้มไม่ได้ ไม่สิ ผมเกือบจะหลุดขำด้วยซ้ำเมื่อคิดว่าเขาเป็นพวกถูกไล่ออกจากงาน แต่หน้าตาของเขานี้ยังเด็กมากอยู่ ผมกลบเสียงขำด้วยการกระแอมไอแล้วเอามือปิด แต่ดูเหมือนเด็กหนุ่มนี้จะได้ยิน เขาหันขวับแล้วมองมาที่ผมแบบสายตาไม่ค่อยจะเป็นมิตรเท่าไหร่ ผมเองก็จ้องเขาไม่วางตาอยู่ด้วยสิ แต่เมื่อเทียบกันแล้ว ผมสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวที่เรียบร้อย ทับด้วยเสื้อกั๊กสีดำสนิทที่แทบจะไม่มีฝุ่นติดอยู่ซักนิดเดียว กับกางเกงยีนส์สีดำ และรองเท้าหนังหัวแหลมสีน้ำตาลเข้มที่ถูกขัดจนมันวาวซึ่งเป็นชุดปกติที่ผมทำงานจิตแพทย์ เด็กหนุ่มที่กำลังจ้องผมเขม็งนั่นสอดสายตาสำรวจผมอย่างถี่ถ้วน เหมือนแสกนบาร์โค้ด ดูไร้มารยาทแต่สายตาที่ดูใคร่รู้และระมัดระวังนั้นทำให้ผมรู้สึกติดใจอย่างไรไม่รู้

    รับอะไรดีครับ? คุณมิคเคลสัน เสียงพนักงานในร้านซึ่งมีอยู่คนเดียวก็โพล่งขึ้นมา ผมจึงละสายตาจากเด็กหนุ่มลึกลับคนนั้นไป พนักงานผู้นี้คือเจ้าของร้านนี้นั่นล่ะ ผมชอบเขาตรงที่มีหัวคิดสร้างสรรค์ในการตกแต่งร้านแบบวินเทจ ถึงเขาจะไม่ใช่คนในเมืองนี้แต่แรกก็เถอะและ ถึงเขาจะดูเซอร์ๆแต่ก็เป็นคนมีอารมณ์ขันไม่น้อยไปกว่าผู้คนที่นี่เลย

    ชาร้อนครับ วิล ผมลืมบอกไปว่าเจ้าของร้านนี้ชื่อวิลเลี่ยม และเป็นชื่อร้านนี้ด้วย เขามักจะแวะมาหาผมที่บ้านบ่อยๆ เพื่อเอาพล็อตนิยายสยองขวัญมาให้ผมอ่าน เขาเป็นนักเขียนให้กับสำนักพิมพ์นึง ที่จริงเขามีชื่อเสียงไม่น้อยในแวดวงนักเขียน บางครั้งก็มาเล่าเรื่องผีให้ผมฟังบ่อยๆถ้าเกิดไม่มีลูกค้าคนอื่น วิลชวนผมให้เขียนนิยายสยองขวัญหลายครั้งหลายครา เพราะผมนี่เองที่เติมเต็มนิยายของเขาให้มีรสชาติของความน่ากลัวมากขึ้น แต่ผมอยากทุ่มเทเวลากับการรักษาคนไข้มากกว่า

    แต่แล้วผมก็ขนลุกขึ้นมาเสียดื้อๆเมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาที่จับจ้องมาไม่วางตาตั้งแต่เมื่อกี้นี้แล้ว ผมค่อยๆหันไปข้างหลัง  นั่นไงล่ะ เด็กหนุ่มที่จ้องกันเมื่อซักครู่นี้เอง เขายังจ้องผมอยู่เลย ผมเริ่มรู้สึกไม่ชอบมาพากลกับเจ้าหนุ่มนี่แล้ว หรือมีอะไรติดอยู่ที่ตัวผมรึยังไง?....ก็ไม่มีนี่น่า

    ได้แล้วครับชาร้อน วิลยกชามาเสริฟ กลิ่นของมันทำให้ต้องละความสนใจจากเจ้าหนุ่มนั่นอีกครั้ง แต่ก็ยังรับรู้ได้ว่าเขายังจับจ้องมาแบบไม่วางตา เหมือนงูเห่าที่จ้องเหยื่อแบบไม่กระดุกกระดิกซักนิดเดียว

    เมื่อผมเริ่มยกแก้วชาขึ้นดื่มและเปิดอ่านนิยายสยองขวัญที่เพิ่งซื้อมา ผมก็เหลือบเห็นใต้ที่รองแก้วว่ามีโน้ตอยู่ ผมหยิบมันขึ้นมาดู ข้อความถูกเขียนด้วยลายมือของวิล ที่จำลายมือได้เนื่องจากเคยตรวจต้นฉบับของเขามานักต่อนักแล้วนั่นเอง ข้อความถูกเขียนด้วยหมึกดำที่ดูท่าแล้วน่าจะเขียนด้วยความรีบร้อนมากอยู่ มันแทบจะอ่านไม่ออก แต่ก็พอแกะออกว่ามันถูกเขียนว่า

    “’ระวังผู้ชายข้างหลังคุณให้ดี’  งั้นรึ?

    “!?” เด็กหนุ่มที่เอาแต่จ้องมองผมเมื่อกี้นี้มาอยู่ข้างหลังและมาอ่านข้อความในโน้ตนี้แบบที่ไม่ทันรู้ตัวได้เลย ใบหน้าของเด็กหนุ่มในตอนนี้ชัดเจนว่าไม่ได้มาดีแน่ สายตาของเด็กหนุ่มเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด แววตาที่เตรียมจะจู่โจมเหยื่อเหมือนงูจงอางที่แผ่แม่เบี้ย และกระตุกมุมปากเหมือนพยายามที่จะยิ้มแต่มันกลับเป็นใบหน้าที่น่ากลัวเมื่อมือของเจ้าหนูนี่ถือมีดพกแบบคมกริบอยู่ แสงสะท้อนใบมีดมากระทบกับดวงตาก็พอรู้ได้ว่ามีดเล่มนี้ถูกรักษามาอย่างดี เพื่อรอเวลาที่จะได้เชือดเฉือนเลือดเนื้ออย่างบ้าคลั่ง

    รีบหนีไปเร็วเข้า คุณมิคเคล!!” เสียงวิลจากหลังเค้าท์เตอร์ที่ตะโกนมานั้นเปี่ยมไปด้วยความตื่นตระหนกเต็มที เขาพยายามที่จะโทรเรียกตำรวจแต่กลับถูกเจ้าหนูตรงหน้าของผมนี่ขว้างมีดไปตัดสายโทรศัพท์อย่างแม่นยำ

    ไอ้คุณเจ้าของร้านอย่างคิดกระดิกไปไหนแม้แต่มิลเดียว โทรศัพท์ของแกอยู่ที่ชั้นแล้ว ประตูล็อกก็ไว้แบบนี้ก็ขอให้อยู่ในความสงบ และ ตั้งใจฟังชั้นให้ดีนะลุง!”

    ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่นอกจากเด็กๆที่อยู่แถวนี้ไม่เคยมีใครเรียกผมว่าลุงเลยซักคนครับ แต่เจ้าหนูนี่กลับเรียกผมทั้งๆที่ไม่รู้จักกันมาก่อนแถมดูท่าทางจะเข้ามาปาดคอผมเมื่อไหร่ก็ได้เสียด้วยสิ ถึงผมจะไม่ซีเรียสเรื่องการถูกเรียกสรรพนามอย่างไร แต่ผมกลัวว่าวิลจะเป็นอันตรายไปด้วยมากกว่า ผมพอเอาตัวรอดได้ แต่ บ้าจริง ประตูล็อกและไม่มีใครผ่านมาแถวนี้เลย วันนี้ซวยจริงๆ

    เฮ้ เจ้าหนู ใจเย็นๆก่อนนะ มีอะไรก็คุยๆกันดีๆก็ได้ อย่างที่เธอว่าแหล่ะ ไม่มีใครอยู่นอกจากพวกเราหรอกนะ ลดมีดในมือลง แล้วจะไปเก็บมีดอีกเล่มที่ตกอยู่ใกล้ๆเพื่อนชั้นก็ไม่ว่าหรอกนะ ช่วงเวลาตอนนี้จะเกิดอะไรขึ้นก็ได้ ดูจากการที่เด็กหนุ่มคนนี้เข้ามาอยู่ข้างหลังผมแบบไม่รู้ตัวก็เดาได้ว่าไม่ได้เป็นโจรกระจอก เล่นเอาผมตื่นเต้นอยู่นิดหน่อยเหมือนกัน

    ก็ได้ เฮ้ย!เจ้าของร้านั่นน่ะ วางมีดชั้นลงตรงโต๊ะนี้ให้หน่อยชั้นจะคุยกับลุงนี่แบบที่มีอาวุธอยู่ครบมือ นายจะได้ไม่กล้าเล่นตุกติกกับชั้น เข้าใจนะ นั่งนิ่งๆฟังชั้นพูดไป เจ้าหนูนิรนามนี่กำมีดสั้นและมีดพกไว้ทั้งมือซ้ายและขวา คงกะว่าถ้าผมกระดิกตัวนิดเดียวคงเข้ามากระซวกผมได้ตลอดเวลา

    ไม่นั่งเหรอ? เขาสั่งให้ผมนั่งลงตรงข้ามเขาแต่ไม่ยักกะนั่งเสียเอง คงเตรียมพร้อมตลอดเวลา  แบบนี้ดูท่าว่าจะไม่ธรรมดาจริงๆ ผมเองก็จ้องการกระทำของเขาแบบไม่วางตาเช่นกัน

    ถ้ายืน จะได้สังเกตแกได้ง่ายๆหน่อย เอ้า ตั้งใจฟังให้ดีๆล่ะลุง เขาจ้องผมแทบไม่กระพริบตา ผมคงไม่วาร์ปหนีไปเหมือนในเกมหรอกน่า เป็นอีกครั้งที่ผมรู้สึกอย่างจะหลุดขำท่าทางของเจ้าหนุ่มนี้ขึ้นมาอีก

    มีอะไรก็ว่ามาครับ ชาผมจะหายร้อนแล้วนะ ไม่รู้ว่าทำไมผมจึงอยากจะก่อกวนจิตใจเขามากนักนะ นี่ผมคงไม่กลัวตายเสียแล้ว

    เฮอะ ช่างหัวชามันเถอะน่าลุง มาเข้าเรื่องซะที เจ้าหนุ่มที่ยืนค้ำหัวผมอยู่นั้นแสยะยิ้มมุมปากแบบไม่มีอารมณ์ขันให้เห็นในรอยยิ้มนั่นเลย คงจริงจังน่าดู ผมจึงนิ่งเงียบเพื่อฟังธุระของเขา

    มีคนต้องการตัวลุง เป็นพวกมาเฟียที่บอกว่าเคยมีเรื่องกับลุงจนต้องกระจัดกระจายเพื่อหนีลุง หรือตำรวจอะไรเนี่ยแหล่ะ อันนี้พวกมันไม่ได้บอกอะไรมาก แค่บอกว่าต้องการตัวลุงให้ได้ยิ่งเร็วเท่าไหร่ผมก็ยิ่งได้ค่าจ้างเยอะเท่านั้น เพราะงั้น ลุงยอมให้ผมพาตัวไปเถอะ เจ้าหนุ่มนิรนามนี่คงอยากจะจบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดเพื่อจะได้ค่าตอบแทนอย่างงามๆ แต่ผมก็นึกไม่ออกว่าผมไปมีเรื่องกับมาเฟียที่ไหน ไม่สิ มันเยอะจนผมจำไม่ได้หมดมากกว่า

    “….”  ผมนิ่งคิดไปชั่วครู่ ไม่ได้กลัวว่าผมจะถูกมาเฟียท้ายแถวหรือแนวหน้าจับนั่งยางหรืออะไรเถือกนั้น แต่กำลังคิดว่าจะทำอย่างไรให้เรื่องมันจบไวๆโดยที่ทุกคนที่นี่จะไม่มีส่วนเอี่ยวด้วย ผมไม่ได้เป็นฮีโร่อะไร แต่ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมาที่นี่ขึ้นมา….ที่นี่คงวุ่นวายแน่นอน และอีกอย่างผมเกลียดไม่ว่าจะใครหน้าไหนที่มาสร้างปัญหาให้คนที่นี่ผมเกลียดทุกคน

    “…..เฮ้ย ลุง เข้าใจนะว่ากลัวน่ะ แต่มันช่วยไม่ได้นะเรื่องนี้ แล้วผมก็มีคิวงานยาวเป็นหางไดโนเสาร์ เพราะงั้นรีบๆไปกับผมเสียที เจ้าหนูนี่แสดงความรำคาญออกมาอย่างเห็นได้ชัด ผมจึงจำเป็นต้องรีบตัดสินใจ

    “…งั้นไปกันเถอะ ผมลุกจากเก้าอี้ส่งเสียงดังสนั่นร้าน ผมเหลือบเห็นเจ้าหนูนี่สะดุ้งนิดหน่อยแต่ถ้าไม่สังเกตจะไม่รู้เลย เด็กก็คือเด็กอยู่วันยันค่ำน่ะแหล่ะ ผมกระตุกยิ้มมุมปาก

    ผมบอกลาวิลที่ยืนอยู่หลังเค้าท์เตอร์ วิลดูจะห่วงผมมาก แต่ผมก็บอกกับเขาว่า  ผมจะกลับมา ซึ่งผมก็คิดว่าผมจะกลับมาจริงๆ ถึงผมจะไม่กลัวตาย แต่ผมก็ไม่ต้องการที่จะให้ผมจบชีวิตในแบบที่ผมไม่ได้เลือก เมื่อออกจากร้านและเดินไปได้ซักพักมันเริ่มเปลี่ยวและมืดลงทุกทีพวกเราเดินเข้าไปในป่าที่รกขึ้นทุกขณะ ไม่นานเจ้าหนูนี่ก็คงทนบรรยากาศอึดอัดไม่ไหวล่ะมั้งจึงเริ่มกระสับกระส่าย

    ฮึ กลัวผีเหรอ พ่อหนุ่มนักฆ่า ผมล่ะชอบหน้าตาของเจ้าหนูนี่ตอนถูกผมล้อเล่นชะมัด

    ลุง! เงียบปากไปเลย แล้วลุงล่ะ ดูท่าทางไม่กลัวตายเลยนี่ เขาเชิดหน้าและยักยิ้มมุมปากแบบท้าทายความรู้สึกของผม ที่เขาต้องเชิดหน้าเพราะเขาตัวเล็กกว่าผมมากโขรึเปล่านะ

    ไม่กลัวหรอก ไม่ใช่ว่าผมไม่กลัวตายหรอกนะ แต่ผมชินแล้วกับการถูกลักพาตัวบ้าง เอาตัวไปทรมานบ้าง แต่เดี๋ยวนี้ผมไม่เคยเจอแล้วล่ะ ทั้งๆที่คิดว่าถ้าออกจากวงการแล้วจะสงบซะที แต่พอมาวันนี้แล้วผมคิดผิดจริงๆ ผมหัวเราะแบบไม่ใส่อารมณ์นัก

    “…ลุงเป็นใครกันแน่ ไหนคนที่นี่ถึงบอกว่าลุงเป็นจิตแพทย์ แถมดูท่าลุงก็ไม่ได้เป็นพวกเลวร้ายอะไร ยกเว้นไอ้รอยยิ้มน่ากลัวๆนั่นน่ะ เจ้าหนุ่มทำท่าเหมือนเห็นคนสั่งน้ำมูกแล้วไหลเยิ้มยังไงยังงั้นล่ะ

    ถ้าเก่งจริงก็สืบสิครับ ผมเองไม่ได้อยากเข้าไปเกี่ยวนักหรอกนะ กับแวดวงนักเลงอะไรบบนี้น่ะ ผมพูดจากใจจริง ผมไม่ได้เลือกเส้นทางของตนในตอนแรก แต่พอคนคนนั้นเสียไป ผมก็ประกาศตัวออกจากวงการ แล้วมาเปิดคลินิกที่เมืองห่างไกลคามเจริญ

    ฮึ ผมไม่เห็นสนใจเท่าไหร่เลย เมื่อผมได้ยินเสียงลูกปืนทะลุหัวคุณเมื่อไหร่ งานผมก็จบ เขาพุดอย่างไม่ยี่หระนัก และเราสองคนก็เดินต่อไปซักพักนึงก็พบกับกระท่อมที่ทำจากไม้ใกล้พัง อยู่ในความมืดที่ต้นไม้สูงบดบังไว้

    พร้อมมั้ยลุง? ถ้าฉี่จะเร็ดเมื่อไหร่บอกนะ จะได้ให้ฉี่ครั้งสุดท้ายในชีวิต ทั้งๆที่ผมอาจจะตายอยู่ร่อมร่อ เจ้าหนูนี่ก็ยังคงไม่เลิกที่จะกวนผมเสียที ผมเพียงแต่ขำในลำคอ ไม่ใช่เพราะผมกลัวตาย แต่ผมไม่ค่อยชอบบรรยากาศมืดๆยุงบินกันเป็นกองทัพอากาศสมัยสงครามโลกครั้ง2 และดูเหมือนเจ้าหนูนี่จะรู้ว่าผมรู้สึกยังไงเขาจึงเงียบไป

    เมื่อเปิดประตูเข้าไป ก็พบกับคนท่าทางซ่อมซ่อแต่ใส่ชุดสูทขาดวิ่น และเปรอะไปด้วยโคลนและฝุ่นมี6คนได้ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผมเคยมีเรื่องกับกุ๊ยพวกนี้ด้วย

    แกคงจำพวกเราไม่ได้ ก็ดูสภาพพวกเราสิ ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะแก!! แกทำลายชีวิตพวกเรา ทำไมแก้ต้องปลดตัวเองออกจากหัวหน้าแก๊งแล้วไปมอบตัววะ! ” ไม่ทันไรหนึ่งในกุ๊ยพวกนั้นก็โวยวายขึ้นและทำท่าจะเข้ามาต่อยผม แต่ถูกอีกคนที่ดูท่าทางฉลาดที่สุดมาหยุดไว้ซะก่อน

    ความทรงจำเก่าๆของผมเริ่มกลับมาทีละน้อยๆ มันเป็นวันที่คนคนนั้นเสีย และผมก็ได้ขึ้นเป็นหัวหน้ากลุ่มมาเฟียที่ยิ่งใหญ่มาก แต่ผมเบื่อกับชีวิตที่ต้องกร่างไปทั่วและดูการกดขี่ผู้คน ผมจึงล้มกลุ่มและส่งสมาชิกบางคนให้ตำรวจ คงจะโทษจำคุกตลอดชีวิต แต่พวกนี้คงหนีออกมาได้

    พวกคุณทำตัวเองไม่ใช่เหรอ? ตอนที่พ่อผมตาย ผมก็อุตส่าห์เสนอกลุ่มอื่นให้ซึ่งเป็นของลุงผมเอง แต่พวกคุณก็ไม่ฟัง กลับมาสร้างความวุ่นวายให้ครอบครัวของผมอีก ดูท่าผมจะหาเรื่องเข้าซะแล้ว สีหน้าของเจ้าพวกนี้แต่ละคนแดงก่ำเปี่ยมไปด้วยความโกรธแค้นอย่างมาก พวกมันกระโจนเงื้อหมัดจะต่อยผมพร้อมกัน12หมัด แต่ผมไม่คิดจะหลบหรอกก็ในเมื่อผมทำลายชีวิตพวกเขาจริงๆ ผมปิดตาลงและรอให้ทุกอย่างเป็นไปในความมืด

    “………………………..”

    ทุกอย่างเงียบสงัดทั้งๆที่ผมคิดว่าน่าจะบินขึ้นฟ้าไปแล้ว ผมลืมตาขึ้นก็พบกับภาพที่ไม่คิดว่าชีวิตนี้จะเป็นไปได้

    ลุง! หลบไปเลยป่ะ! อยากจะดูฉากบู๊เลือดสาดซะหน่อย มาเสียเที่ยวเป็นบ้า!!” เจ้าหนุ่มนักฆ่าเข้ามาขวางผมกับเจ้าพวกอดีตมาเฟียไว้ โดยมือสองข้างถือมีดไว้ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเจ้าหนูนี่จะเข้ามาปกป้องผมแบบนี้

    เธอทำอะไรเนี่ย?? อยากโดนลากเข้ามาเกี่ยวด้วยรึไง?!” นี่เป็นครั้งแรกที่ผมมาอยู่ที่นี่แล้วตะโกน ทำเอาเจ้าหนุ่มนี่สะดุ้งไปอีกรอบ

    อะ อะไรเล่า เฮ้ย! เงียบไปเลย มาช่วยกันจัดการเจ้าพวกนี้แล้วเผ่นกันเถอะน่า!!” เขาตะคอกใส่ผม ทั้งๆที่เสียงยังสั่นๆหลังจากที่เห็นผมตะโกนไปเมื่อซักครู่

    “…..ก็ได้ ที่นี่ไม่มีกล้องใช่มั้ย? ผมเริ่มคันไม้คันมือขึ้นมา หลังจากที่ผมไม่มีเรื่องกับใครมาซะนาน ยกเว้นแต่ว่าขโมยจะขึ้นบ้านน่ะล่ะ

    เออ! คิดว่านี่ล้อเล่นรึไง? จัดเต็มไปเลยลุง!! เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นรอยยิ้มแบบจริงใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเจ้าหนุ่มนี่ เขาคงรอเวลานี้มานาน มันเป็นรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยชีวิตและความสนุกสนานต่างกับที่ผมเจอเขาในร้านกาแฟ

    ฮึๆ อย่ามาขวางมือขวางเท้าผมล่ะ เจ้าหนู ผมคว้ามีดจากมือของเจ้าหนุ่มไปเล่มนึง อย่างรวดเร็ว และฟันเข้าที่ขาของกุ๊ยกระจอกไปทีเดียว4คนพวกมันล้มลงกับพื้นและดิ้นทุรนทุราย ผมกระโจนเข้าเหยียบบนอกของเจ้าหน้าโง่ที่จะเข้ามาชกผมในตอนแรก แววตาของมันแสดงความกลัวอย่างสุดขีด มันยกมือไหว้อ้อนวอนผม และนี่คือช่วงที่ผมชอบมากที่สุด

    มีกี่คนแล้วล่ะที่อ้อนวอนขอชีวิตแกแบบนี้ แต่แกกลับไม่สนใจใยดีน่ะ หืม ผมคลี่ยิ้มให้มัน แต่ดูท่ามันคงเป็นรอยยิ้มที่น่ากลัวที่สุดสำหรับไอ้หน้าโง่นี่ เล่นเอามันปัสสาวะราดเลยทีเดียว เมื่อคิดว่าแกล้งพวกมันสมใจแล้วผมจึงมัดพวกมัน4คนรวมกันและตบท้ายด้วยผาดท้ายทอยจนพวกมันสลบไปพร้อมๆกัน และมันคงได้ตื่นในคุกอีกครั้ง

    ลุงนี่ไม่ใช่หมอธรรมดาจริงๆด้วยแหะ ผมหันไปตามเสียงของเจ้าหนุ่มนิรนาม ก็พบว่าเขานั่งอยู่บนตัวของไอ้กุ๊ยที่ไม่ได้สติ2คนเรียบร้อยแล้ว

    เธอเองก็ไม่ธรรมดาเหมือนกันนะ ที่จัดการกับคนที่ตัวใหญ่กว่าตั้งเท่าตัวถึง2คนในเวลาแป็บเดียวน่ะ ผมขว้างมีดคืนให้ และเจ้าหนุ่มก็รับได้อย่างว่องไว ผมชักชอบเจ้าหนูนี่ขึ้นมาแล้วสิ

    เมื่อโทรเรียกตำรวจเรียบร้อยแล้วนั้น พวกเราสองคนก็เดินออกมาผ่านป่าที่รกทึบเหมือนเดิม และเจ้าหนูนี่ก็กระสับส่ายอีกเช่นเคย มันมืดกว่าเดิมมาก ตอนนี้คงราวๆ2ทุ่มได้แล้ว

    นี่…” เสียงของเจ้าหนุ่มนักฆ่าพูดทำลายความเงียบในที่สุด

    ทำไมไม่ฆ่าพวกมันซะล่ะ ดูสายตาของลุงแล้วทำแบบนั้นได้สบายๆเลยนี่ แววตางของเจ้าเด็กนี่ส่อแววอยากรู้อยากเห็นเหมือนสุนัขที่เห็นของเล่นชิ้นใหม่

    ไม่ทำหรอก ผมไม่เคยฆ่าใครแค่อยากแกล้งให้มันกลัวจนไม่กล้ามายุ่งเท่านั้น….. ผมนิ่งไปซักพัก เพราะไม่รู้ว่าจะพูดต่อดีมั้ย แต่สายตาของเจ้าหนูนี่เปร่งประกายมากขึ้น และมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นอีกครั้ง

    แล้ว….” เจ้าหนูนี่หัวเราะในลำคอเมื่อเห็นผมเงียบไป และสายตาที่คาดหวังที่จะให้ผมพูดอะไรซักอย่างที่เขาอยากฟังเอามากๆ

    โอเคๆ ผมรู้ตั้งนานแล้วล่ะ นายจ้างพวกนั้นมาสินะ เพราะถ้าเป็นคนที่ผมเคยรู้จักล่ะก็จะจำได้หมดนั่นแหล่ะ เธอทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรล่ะ? ผมหยุดเดินและยืนกอดอกเพ่งมองเข้าไปในแววตาของเด็กหนุ่มผู้นี้อย่างใคร่รู้

    ชั้นรู้มาว่าลุงน่ะไม่ธรรมดาเลยล่ะ ที่รู้ก็เพราะได้ฟังมาจากพวกขโมย ขโจรที่เข้าไปในบ้านลุงนั่นแหล่ะ ชั้นแวะไปเยี่ยมพวกมันในซังเตซะหน่อยน่ะ พวกมันบอกว่าลุงน่ะต้องเป็นปีศาจในคราบมนุษย์แน่ๆ ผมจึงอยากดูให้เห็นกับตา แต่ลุงดันปล่อยให้พวกนั้นเข้ามาทำร้ายง่ายๆเสียนี่ เจ้าหนูนี่ทำท่าไม่พอใจและจ้องตาผมแบบขวางๆ

    ฮึๆ ก็เพราะรู้น่ะสิว่าเธอต้องไม่ปล่อยให้ผมถูกฆ่าแน่ๆ แล้วรู้ข้อมูลของผมมากน้อยแค่ไหนล่ะ? ผมมองเขาแบบท้าทาย อยากรู้ท่าทางของเจ้าหนูนี่จริงๆ

    อะไร? ก็ลุงพร่ามมาซะหมดเปลือกแล้วไม่ใช่เหรอ นั่นไง เจ้าหนูนี่ทำตาโตแบบตกใจอยู่ไม่น้อยเลยเชียวล่ะ และอ้าปากค้างนิดๆ นี่แหล่ะที่ผมอยากเห็นล่ะ

    ฮึ ผมบอกเธอไปแล้วนะว่าผมรู้อยู่แล้วว่าพวกนั้นน่ะเธอจ้างมา ผมไม่ใช่มาเฟียเก่าหรืออะไรทำนองนั้นหรอกนะ และผมก็บอกอีกว่าให้ปืบมาไง คราวนี้เจ้าหนูนี่ทำหน้าเหมือนเห็นผีจริงๆ และกระโดดไปมาแบบขัดใจตัวเองสุดๆ

    ลุงเป็นใครกันแน่ฟร่ะ!!” ในท้ายที่สุดแล้วเจ้าหนูนี่ก็ทนไม่ไหวชี้หน้าแล้วตะคอกใส่ผมแบบนี้สินะ

    เรื่องอะไรจะบอกเล่า ฮะๆๆ ผมอดไม่ไหวที่จะขยี้ผมของเจ้าหนูนี่ ถึงจะเป็นนักฆ่าที่ท่าทางจะแข็งแกร่งแค่ไหนแต่ก็เป็นเด็กดีๆนี่เอง

    เฮ้ย!! เอามือสกปรกออกไปนะเว้ย!!ไอ้ลุงบ้านี่!!!”เจ้าหนูนี่ตัวเล็กซะจนชกหน้าผมไม่ถึงเอาแต่เตะขาผมอยู่นั่นล่ะ เห็นแล้วชวนให้นึกขำเสียจริง

    โอ๊ยๆๆ พอได้แล้วๆ ฮะๆ ผมไม่เจ็บหรอกนะ แต่ทำไมไม่รู้ถึงได้จั๊กจี้ซะอย่างนั้น แต่ไม่ทันที่เจ้าหนูนี่จะเลิกทำร้ายผมก็ได้ยินเสียงบางอย่างขึ้นมา….คล้ายๆเสียงท้องร้องน่ะ

    “…..” เจ้าหนุ่มนี่ถึงกับก้มหน้างุดและถึงจะมืดแต่ผมก็รู้ได้ว่าตอนนี้หน้าของเขาแดงแค่ไหน

    “….ร้านกาแฟนั่นมีของกินอร่อยๆอยู่นะ ไปที่นั่นกันเถอะ ผมก็ชักจะหิวแล้วสิ ถ้าไม่ตามมาระวังเจออะไรก็ไม่รู้โผล่มาล่ะ ผมเดินนำหน้าไปอย่างว่องไว เพราะรู้อยู่แล้วล่ะว่าเจ้าหนูนี่ไม่กล้าอยู่คนเดียวแน่นอน

    คุณมิคเคล!? ขอบคุณสวรรค์ที่คุณครบ32 หรือว่านี่เป็นผีกันล่ะนี่?? เมื่อผมโผล่เข้าไปในร้านกาแฟวิลก็เข้ามาโผกอดผมไว้แน่นซะจนผมไม่แน่ใจว่าเสียงกร๊อบแกร๊บที่ได้ยินใช่เสียงซี่โครงผมเคลื่อนหรือเปล่า

    เฮ้ย!! นี่มันเจ้าฆาตรกรนั่นนี่? มันเกิดอะไรขึ้นครับ?

    ช่างเรื่องนั้นก่อนเถอะ เดี่ยวมาบอกคุณอีกที แต่ตอนนี้ขออะไรก็ได้ที่ทำให้เจ้าหนูนักฆ่านี่อิ่มหน่อยนะครับ ผมด้วย ผมยิ้มให้ นั่นเป็นสัญญาณที่ทำให้วิลต้องวิ่งเข้าครัว

    เฮ้…”หลังจากที่เงียบไปนานเจ้าหนูนี่ก็ส่งสัญญาณว่ายังไม่ได้เป็นลมไปซะก่อน

    ไม่ต้องขอบคุณก็ได้ครับ ผมแค่ประทับใจฝีมือของคุณก็เท่านั้น

    ไม่ใช่เว้ย ชั้นกำลังจะบอกว่า….ชั้นไม่ได้กระเป๋าตังค์มา….” ผมเงียบไปได้แค่ไม่กี่วินาทีก็ต้องลงไปนั่งกุมท้องเพราะกลั้นขำไม่ไหวจริงๆครับคราวนี้

    อุ๊บ! ฮะๆๆ โธ่เอ๊ย แค่นี้เอง ผมจ่ายให้ก็ได้ครับก็บอกแล้วไงว่าผมถูกใจฝีมือเธอน่ะ ดูจากแววตาของเจ้าหนูนี่แล้วโกรธที่ผมหัวเราะได้แป็บเดียวเท่านั้นล่ะ พอได้ยินว่าผมจะจ่ายให้ก็มานั่งที่โต๊ะทันที แถมผูกผ้ากันเปื้อนเสียเรียบร้อย

    มาแล้วครับ ทีโบนแบบพิเศษเลย กลิ่นของเนื้อคุณภาพดีโชยมาแต่ไกล แต่ผมก็เหลือบมองวิลที่บอกว่าให้ไปจัดอาหารที่ทำให้อิ่มไม่ใช่อาหารแพงๆเสียหน่อย

    ทานล่ะน้า!!!” ผมยังไม่ทันจะนั่งลงดีเลย เจ้าหนูนี่ก็ฟาดเสต็กไปอย่างรวดเร็ว ผมอยากจะบอกจริงๆว่าผมไม่แย่งหรอกน่า

    คืนนี้นายจะกลับเลยรึเปล่า ถ้างั้นเราคงไม่ได้เจอกันอีกแล้วสินะ เจ้าหนุ่มชะงักไปเล็กน้อย และเงยหน้ามามองผม แต่ผมก้มหน้าทานอยู่จึงไม่รู้ว่าเจ้าหนูนี่มีแววตาแบบไหนกัน

    บ้านชั้นอยู่ไกลจากนี่ตั้งหลายไมล์ เพราะงั้น ชั้นจะพักที่นี่ซักคืน

    จะค้างที่บ้านผมเหรอ? ผมหยุดทานซักแป็บเพื่อรอฟังคำตอบของเจ้าหนุ่มนิรนาม ถ้าเขามานอน ผมคงต้องลงไปนอนที่โซฟาแล้วล่ะ

    เฮอะ จะบ้าเรอะลุง ถ้าผมไปนอนกับลุงผมจะแน่ใจได้ไงว่าลุงจะไม่มาทำอะไรผมน่ะ ผมจะนอนที่ร้านนี้แหล่ะ ตรงนั้นมีโซฟาอยู่นี่น่า ใช่มั้ยคุณเจ้าของร้าน เจ้าหนูนี่หันขวับไปทางวิลที่กำลังจะย่องเข้าไปในครัว

    น แน่นอนๆ เชิญเลย เฝ้าร้านให้ผมไปเลยล่ะกันนะ วิลตอบอย่างกล้าๆกลัวๆและหายเข้าไปหลังร้าน คงจะไปสูบบุหรี่ซักมวนคลายเครียดล่ะมั้ง

    อ่ะ ผมจ่ายให้แล้วนะ ผมไปล่ะ เราคงไม่ได้เจอกันอีกแล้วล่ะนะ เจ้าหนูนักฆ่าที่ผมไม่รู้แม้แต่ชื่อ ผมวางเงินไว้ที่โต๊ะอาหาร แล้วเดินออกจากร้านไป โดยที่ไม่ได้หันไปมองที่เจ้าหนูนั่นอีก ถึงจะติดใจกับนักฆ่าหนุ่มผู้มากฝีมือคนนี้มากแค่ไหน แต่เจ้าหนูนั่นก็แค่อยากเห็นฝีมือผมเท่านั้น น่าเสียดายเสียจริงๆ ที่ผมยังไม่ได้แสดงฝีมือที่แท้จริงให้เขาเห็นเลย แต่เมื่อผมเดินออกมา ผมก็ยังรับรู้ได้ว่าเจ้าหนูนั่นยังจ้องผมไม่วางตาจนผมเดินลับสายตาเขาไปนั่นแหล่ะ

    …………………………………………………

    เช้าวันรุ่งขึ้นผมก็เพิ่งรู้ตัวว่าวันนี้ไม่มีคนไข้จองไว้เลย ผมจึงคว้าเสื้อโค้ทสีน้ำตาลคลุมทับเสื้อเชิ้ตสีดำสบายๆไว้ เนื่องจากวันนี้ผมไม่ได้ทำงาน จึงแต่งตัวสบายๆกว่าทุกวัน และในที่สุดผมก็มีโอกาสสวมรองเท้าหุ้มส้นที่ซื้อมาตั้งนานแต่เพิ่งจะมีโอกาสได้ใส่มันก็วันนี้

    ผมเดินไปเรื่อยๆมันยังเช้ามากอยู่ หมอกยังปกคลุมท้องถนน ข้างทางแทบจะไม่มีคนยกเว้นแต่ว่ามีชาวนาและชาวไร่มาเก็บเกี่ยวเลี้ยงดูผลผลิตตนเอง และเช่นเคยที่คนเหล่านี้จะโบกไม้โบกมือทักทายผม ผมก็ทักทายกลับไปอย่างมีความสุขอย่างไรบอกไม่ถูก

    ผมเดินมาหยุดอยู่หน้าร้านของวิลตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ ผมมองเข้าไปในร้านก็ไม่พบกับเด็กหนุ่มคนนั้นแล้ว แต่ร้านก็ติดป้ายว่าเปิดอยู่ ถ้ามองเข้าไปข้างในดีๆจะพบกับวิลที่นั่งอ่านนิยายสยองขวัญอยู่

    ปัง!! วิลสะดุ้งโหยงจนตกเก้าอี้เมื่อผมทุบประตูกระจกซะแรง ไม่รู้ทำไมผมจึงชอบแกล้งเขานักนะ

    โฮ้ย!! คุณมิคเคล เปิดดีๆก็ได้นี่ครับ ตกใจหมดเลยกำลังอ่านถึงฉากน่ากลัวๆอยู่ด้วย วิลลุกมาเปิดประตูให้ผมและเมื่อเขาก็เอานิยายนั่นให้ผมมันคือนิยายของผมเองที่ผมลืมทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อวานนั่นเอง ที่จริงแล้วผมแต่งมันเอง แต่ผมไม่ได้บอกเขา แต่เมื่อเขารู้แล้วผมก็ให้เขาไปวิลทำท่าดีใจเหมือนถูกหวยรางวัลที1

    เดี๋ยวผมไปชงกาแฟให้ละกันนะครับ ค่าตอบแทนที่ให้ผมได้อ่านนิยายสยองๆของคุณ ผมควรจะดีใจสินะที่ได้รับคำชมแบบนี้

    กริ๊ง!เสียงกริ่งประตูดังขึ้น ผมไม่ได้สนใจอะไรมาก และนั่งอ่านนิยายของวิลต่อไป เมื่อไหร่ที่ผมเริ่มอ่านหนังสือทุกอย่างรอบๆตัวผมก็จะเงียบไปโดยปริยาย

    อ้าว มาแล้วเหรอ? พนักงานใหม่ รีบไปสวมผ้ากันเปื้อนเร็วเข้า เสียงวิลโผล่งขึ้นมาหลังเค้าท์เตอร์ น้ำเสียงดูจะตื้นเต้นและดีใจผสมปนเปกันอยู่ ผมจึงละสายตาจากหนังสือได้เมื่อได้ยินว่ามีพนักงานเพิ่มมาที่นี่

    “??” ผมถึงกับมือไม้อ่อนจนหนังสือร่วงลงจากมือผม ผมไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลยจริงๆ ผมลองหยิกมือตัวเองก็พบว่าตัวเองไม่ได้ฝันไป

    ไงลุง งงเป็นไก่ตาแตกเลยเชียวนะเฮ้ย เจ้าหนุ่มนักฆ่าแสยะยิ้มให้ผมจนเห็นฟันเคี้ยว ไม่รู้ว่าทำไมผมจึงดีใจที่ได้เห็นรอยยิ้มกวนๆนั่นอีกครั้ง

    อรุณสวัสดิ์ ดีใจที่ได้พบกันอีกนะ เจ้าหนู ผมยิ้มอย่างอารมณ์ดี วันนี้ต้องเป็นวันที่ดีมากแน่ๆ

    เลิกเรียกชั้นว่าเจ้าหนูได้แล้วลุง!!  ชั้นชื่อ

    ชาเรส เฟอาเนส มันเขียนอยู่ที่ใบรายชื่อพนักงานในร้านน่ะ” ผมชี้ไปด้านหลังของชาเรส เขาหันมาส่งสายตาเขียวปัดเลยทีเดียวล่ะ โทษฐานที่ทำให้เขาไม่ได้บอกชื่อตัวเอง

    ลุงมิเคลสัน สินะ ยังไงชั้นก็จะเรียกว่าลุงอยู่ดีแหล่ะ มิคเคลสันมันเรียกยาก ชาเรส กอดอกพูด

    มิคเคลสัน ลีเวนจ์ เรียกว่าลุงก็ได้ดูท่าจะห่างกันหลายปีอยู่นะ ฮะๆ และนี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นเจ้าหนุ่มนี่ ไม่สิ ชาเรสหัวเราะออกมา คราวนี้ชีวิตผมคงมีสีสันมากขึ้นเสียแล้วล่ะนะ

    TBC.

     มีอะไรติชมได้นะคะ =w=u

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×