คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Confused ?ความรู้สึกตนเอง
? Confused ?
- Hannibal(Dr.Lecter) + Will
- Rate : (?)
………………………………………………………………………………………………………………..
เวลา 20:00 ภายในห้องทำงานของ Dr.Lecter ที่เปรียบเสมือนห้องสมุดขนาดเล็ก มีโต๊ะทำงานของเจ้าของห้องตั้งอยู่ตรงกลางห้อง ล้อมรอบไปด้วยตู้หนังสือขนาดใหญ่จนต้องมีบันไดคอยช่วยในการปีน ยามค่ำที่แห่งนี้ช่างเงียบสงัด มีเพียงเจ้าของที่แห่งนี้เท่านั้น ที่อ่านหนังสือฆ่าเวลารอใครบางคน พลางคอยมองดูนาฬิกาข้อมือเป็นระยะๆ
เวลาผ่านไป5นาที คนที่เขารอคอยก็ยังไม่มา ปกติแล้วคนคนนั้นจะไม่เคยมาสายเลย ไม่เคยต้องให้รอนานเกิน1นาทีด้วยซ้ำ จิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอันดับ1ของNYนามว่า Hannibal ซึ่งคนไข้เรียกเขาว่า Dr.Lecter เริ่มกังวลเล็กน้อย ว่าคนไข้คนสุดท้ายของวันจะไม่มาทั้งๆที่ยังไม่ได้บอกเขาเลยว่าจะเลื่อนนัด อาจจะเกิดอะไรขึ้นก็เป็นไปได้
Hannibal ตัดสินใจวางหนังสือลงแล้วลุกไปเปิดประตูเพื่อดูว่าคนไข้ของเขาไม่มาจริงๆรึไม่ เขาเริ่มคิดไปต่างๆนาๆว่าคนไข้รายนี้จะมีอาการทรุดหนักจนถึงขั้นมาไม่ได้รึเปล่า แต่ เขาเองก็ไม่อยากจะคิดถึงกรณีเช่นนั้น
Hannibal เปิดประตูออกไปอย่างช้าๆ เขามองสำรวจออกไปข้างนอกยังที่นั่งรอของคนไข้ แต่กลับไม่มีใคร เขาถอนหายใจยาวอย่างเหนือ่ยอ่อน ความกังวลเพิ่มเป็นทวีคูณ คนไข้รายนี้มีอาการค่อนข้างสาหัสทีเดียว อาจจะเป็นลมเป็นแล้งไปหรือหนักกว่านั้นคือทำร้ายตนเอง และ อาจทำร้ายผู้อื่นโดยที่ไม่รู้ตัว
ในขณะที่Hannibalกำลังจะปิดประตูแล้วโทรศัพท์หาJackหัวหน้าของคนไข้รายนี้อยู่นั้น พลันก็มีเสียงครางต่ำเรียกให้เขาต้องหยุดชะงัก
Hannibal มองหาที่มาของเสียงนั่น ซึ่งต้องอยู่บริเวณที่นั่งรอนี้แน่นอน เพราะเสียงใกล้จุดที่เขายืนอยู่มากทีเดียว
“อือ…..” เสียงมันดังอีกครั้ง คราวนี้Hannibalเริ่มใจคอไม่ดีนัก ถึงเขาจะมีนิสัยสุขุมเยือกเย็นตลอด แต่ถ้าเจอแบบทันควันเขาเองก็คงตั้งตัวไม่ทันเช่นกัน
“กึก!” Hannibal สะดุ้งเล็กน้อย เมื่อเท้าของเขาไปเตะโดนอะไรบางอย่างเข้า คงจะไม่ใช่อย่างที่เขาคิดหรอกนะ เขาสังหรณ์ใจถึงสิ่งที่กำลังจะพบและตัดสินใจก้มลงดูสิ่งที่เขาเผลอเตะไปเมื่อซักครู่
“??” เขาสังหรณ์ได้ถูกต้อง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องน่ายินดีอะไรเนื่องจากสิ่งที่เขาเตะไปคือศรีษะคนไข้ของเขาเอง
Will-Graham คนไข้อาการน่าเป็นห่วงที่สุดซึ่งอยู่ในการดูแลเป็นพิเศษจากเขา Hannibal ผู้นี้ เหตุเพราะเจ้าหน้าที่FBIหนุ่มผู้นี้มีความสามารถพิเศษคือเห็นภาพเหตุการณ์ของคดีที่เกิดขึ้น แต่นั่นก็เป็นผลเสียต่อระบบประสาทของเจ้าตัวอยู่มากทีเดียว Will มีอาการเห็นภาพหลอนซึ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ Jack จึงฝากWillไว้เป็นหน้าที่เขาในการดูแลรักษาอาการป่วยทางจิตนี้ ซึ่ง มันช่างน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว
“Will?” แม้Dr.Lecter จะเป็นหมอ แต่ถ้าคนไข้ล้มนอนแผ่อยู่ตรงหน้าคงจะใจเย็นอยู่ไม่ได้เช่นกัน เขารีบเข้าไปพยุงตัวให้Willลุกขึ้น แต่ดูถ้าคนไข้จะอาการหนักขนาดที่ว่าไม่สติเหลืออยู่แล้ว ตอนนี้Willอยู่ในสภาพสลบไม่ได้สติ แถมตัวร้อนเสียจนต้มน้ำได้เลยกระมัง Dr.Lecter นึกขำความคิดของเขาที่สุดจะไม่ได้เข้ากับสถานการณ์เอาเสียเลย เขาจึงต้องแบกคนไข้รายนี้ไปนอนที่โซฟาเสียก่อน
“Will…Will? ได้ยินผมไหมครับ? ” Dr.Lecter ลองเรียกชื่อเจ้าตัวด้วยเสียงอันเบา ซึ่งไร้การตอบสนองจากคนตรงหน้า มีแต่ลมหายใจที่ถี่และร้อนผ่าว
“….” Dr.Lecter ไม่คิดว่าWillจะอาการหนักขนาดนี้ แต่ถ้าเป็นถึงเพียงนี้ทำไมไม่โทรหาเขา? หรือไปพบหมอที่ใกล้ที่สุดล่ะ?
และเขาก็พบกับคำตอบ Dr.Lecter ถือวิสาสะสำรวจร่างกายของWillว่ามีอะไรติดตัวหรือไม่ เนื่องจากเขาต้องการที่จะวินิจฉัยว่าWillไม่มีสติเดินมาถึงนี่หรือไม่นั่นเอง และสิ่งที่พบในกระเป๋ากางเกงเขาWillนั่นคือโทรศัพท์มือถือ Dr.Lecter ลองเปิดเช็คดู และ เป็นไปดั่งคาดไว้ โทรโทรศัพท์แบ็ตเตอร์รี่หมดนั่นเอง ทำไมWillถึงปล่อยปละละเลยกับเรื่องแค่นี้กันนะ? Dr.Lecter ครุ่นคิดในใจ แต่ก็พบว่าแบตเหลือ3%ซึ่งรุ่นโทรศัพท์ที่Willใช้มันจะปิดตัวเองเมื่อแบตเหลือไม่ถึง5% เขาจึงช็คว่าทำไมWillถึงไม่ชาร์ตแบตกันแน่ ในบันทึกการโทรเข้า-ออก Willเพิ่งคุยกับJack หัวหน้าหน่วยที่Willรับผิดชอบอยู่นั่นเอง เวลาในการสนทนาคือ 3ชม. จะคุยอะไรนักหนา ฮึ?
(เวลาการสนทนาคือ5โมงเย็นถึง1ทุ่มกว่าๆ ในระหว่างการคุยWillอาจจะเหนื่อย จึงกลับบ้านไปพักที่บ้าน และจะโทรมาบอกเลื่อนนัด แต่เพราะแบตเหลือนิดเดียวแบบนี้ทำให้Willซึ่งสมองอ่อนล้าอาจจะคิดว่า ‘ช่างมันเถอะ’ ก็เป็นไปได้ และเมื่อWillหลับลงก็เกิดอาการหลอนบวกกับสมองที่เจอเรื่องมามากมายในวันวันนึงก็อาจจะอาการหลอนกำเริบแล้วเดินมาที่นี่โดยไม่รู้ตัว) Dr.Lecter ลองวิเคราะห์จากข้อมูลที่มีอยู่เท่าที่เห็นนี้ และก็ค่อนข้างที่จะมีความเป็นไปได้สูงทีเดียว แต่ถึงยังไงก็ต้องฟังจากปากของWillเอง
“เอาล่ะ…รอผมตรงนี้ละกันนะ” Dr.Lecter เดินหายเข้าไปในห้องครัวสักพักหนึ่ง แล้วจึงกลับออกมาพร้อมกับผ้าขนหนูสีขาวดูสะอาดสะอ้านแต่ค่อนข้างชื้นด้วยน้ำ
Dr.Lecter นั่งลงอย่างนุ่มนวลข้างๆWill แล้วเริ่มบรรจงเช็ดผิวหน้าที่อ่อนแรงของคนไข้คนสำคัญนี้ น้ำหนักมือของDr.Lecterช่างอ่อนโยนจนWillเริ่มผ่อนคลายลงเรื่อยๆ
“…อือ….”Willเริ่มรู้สึกตัวบ้างแล้วถึงแม้สัมผัสของDr.Lecterจะทำให้อยากหลับต่ออีกซักหน่อยก็ตาม
“รู้สึกเป็นยังไงบ้างครับWill? ผมเอาผ้ามาเช็ดให้หน่อยแล้ว” เมื่อWillเริ่มฟื้นคืนสติเต็มที่ก็ต้องสะดุ้งจนสุดตัวลุกขึ้นมานั่งสำรวจสภาพของตนเอง ในตอนนี้เขานั่งชิดติดกับDr.Lecterกว่าปกติ และที่สำคัญ ….. Dr.Lecterเป็นคนเช็ดตัวให้เขาแถมยังเห็นสภาพย่ำแย่สุดๆเข้าเสียอีก!!
“D…Dr.Lecter!!? ผ…ผมมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่กันครับ? เกิดอะไรขึ้นกับผม?”Will โวยวายทันทีที่ตื่นขึ้นมา Dr.Lecterถอนหายใจเล็กน้อยเนื่องจากกังวลกับอาการของWillที่จำอะไรไม่ได้ถึงเพียงนี้
“Will ใจเย็นๆก่อนเถอะครับ เดี๋ยวผมค่อยเล่าให้ฟังว่าคุณมาหาผมได้ยังไง แต่ตอนนี้คุณโทรไปหาJackก่อนดีกว่าครับ ป่านนี้คงเป็นห่วงคุณอยู่” Dr.Lecter สัญญากับJackไว้ว่าถ้าWillไร้สติมาหาเขาที่บ้านต้องดูแลWillให้ดีๆ Jackรวมถึงคนในกองสืบสวนไม่ต่างกับพ่อแม่พี่น้องที่คอยดูแลWillอยู่ไม่ห่างแม้บางคนจะหมั่นไส้Willนิดหน่อยเรื่องผลงานแต่เอาเข้าจริงๆก็คล้ายๆกับพี่น้องทะเลาะกันไม่มีผิด
“นั่นสินะ…เอ่อ….Dr.Lecter ตอนที่ผมไม่ได้สติน่ะ…ผมสร้างปัญหาอะไรรึเปล่า?”Will กังวลอย่างมากว่าเขาจะไปก่อเรื่องให้ใครที่ไหน โดยเฉพาะกับแพทย์คนนี้
“ไม่เลยครับเพียงแต่คุณตัวหนักไปจนผมต้องลากคุณมานอนอย่างยากลำบากนิดหน่อยก็เท่านั้น” Dr.Lecterตอบด้วยรอยยิ้มอย่างนึกขำกับหน้าของคนไข้ของเขาที่เริ่มแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย
………
“Jackบอกว่าให้ผมหยุดพักวันนี้ คดีใกล้จบแล้วก็เลยให้ผมหยุดพักร้อนก่อนคนอื่นวันนึงน่ะ” Willดูอารมณ์ดีขึ้นนิดหน่อยที่รู้ว่าตัวเองจะได้หยุดยาวจนกว่าจะมีคดีเข้ามาใหม่
“ดีจังนะครับ แล้วอาการตอนนี้คุณเป็นยังไงบ้างครับ?” Dr.Lecterยังคงห่วงอาการของวิลเล็กน้อยเพราะวิลยังหายใจถี่และร้อนอยู่
“ไม่เป็นอะไรหรอกครับ คงแค่ไข้ขึ้นผมไปทานยาที่บ้านก็ได้…..??” เสียงโทรศัพท์ของWillดังขึ้น เบอร์ที่แสดงขึ้นมาคือเบอร์ของJackที่เขาเพิ่งวางสายไปเมื่อสักครู่นี่เอง
“ฮัลโหล? ครับ….ผมสบายขึ้นแล้วครับ…ไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆครับ…อะไรนะครับ??...ด…เดี๋ยวสิ แบบนั้นผมไม่เอาหรอกน่า ผมกลับบ้านได้แล้วจริงๆนะ!...โธ่!!ทุกคน!!เดี๋ยว!....” ดูเหมือนสายจะถูกวางไปแล้ว ตอนนี้วิลหน้าแดงก่ำ
“มีอะไรหรือครับ?”Dr.Lecterสังเกตสีหน้าของวิลแล้วรู้ได้ทันทีว่าคงมีเรื่องไม่สบายใจอย่างมากแน่นอน
“เมื่อกี้น่ะสิครับ…พวกคนในกองสืบสวนร่วมกันประสานเสียงสั่งให้ผมพักอยู่ที่นี่จนกว่าอาการทางจิตผมจะดีขึ้น!! ขอโทษเถอะนะครับ ผมไม่อยากรบกวนคุณจริงๆ ผมหนีกลับบ้านดีกว่า ขอบคุณที่ดูแลตอนผมหมดสตินะครับ นัดผมใหม่ได้เลยครับ” Will ทำท่าจะวิ่งออกไปอยู่ร่อมร่อ แต่ก็ถูกมือแกร่งยั้งไว้
“Will ผมเห็นด้วยกับความคิดของเพื่อนๆของคุณนะครับ ในตอนนี้ยังไมรู้แน่ชัดว่าคุณจะอาการกำเริบอีกเมื่อไหร่ ดูอย่าวันนี้ที่คุณมาหาผมทั้งๆยังงี้ก็เป็นตัวตัดสินแล้วล่ะครับว่าคุณอาการหนักแค่ไหน ผมขอสั่งคุณ ไม่สิ ขอให้คุณอยู่ที่นี้ในความดูแลของผมอย่างใกล้ชิด ในฐานะแพทย์ประจำตัวของคุณ” Dr.Lecter มีน้ำเสียงที่จริงจังแต่สายตาเปี่ยมไปด้วยความห่วงใยเต็มเปี่ยม
“….ถ้าคุณพูดแบบนั้น…” Willเริ่มใจอ่อนเมื่อแพทย์ของเขาออกปากเองเช่นนี้ แต่ถ้าเขาอยู่ที่นี่เขาต้องใจเต้นไม่เป็นจังหวะจนหัวใจวายตายก่อนเป็นแน่ ถึงเขาจะพูดว่าเกรงใจเจ้าของบ้านแต่ในใจลึกๆแล้วมันมีเหตุผลมากกว่านั้น
“นะครับ…ถ้าคุณเป็นอะไรไปอีกผมคงไม่มีหน้าไปพูดขอโทษขอโพยกับJack Alana ทุกๆคนที่เป็นห่วงคุณ รวมถึงตัวผมที่จะเอาแต่โทษตัวเองไปตลอดแน่ๆ” ดร.เล็คเตอร์ บีบแขนของวิลแรงขึ้นเล็กน้อย สายตาที่วิงวอนฉุดให้ทั้งร่างของวิลต้องหยุดขัดขืนไปโดยปริยาย
“….ดร.เล็คเตอร์…คือ…ไม่กลัวว่าผมจะสร้างปัญหาให้คุณเหรอ?”
“จะกลัวทำไมล่ะครับ ผมเป็นคนที่ต้องรักษาคุณในเรื่องนั้นอยู่แล้วนะ ไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้นล่ะครับ”ดร. เล็คเตอร์ ตอบโดยไม่ต้องคิดเลยเสียสักนิด เขานี่เองที่จะต้องดูแลวิลให้ดีที่สุด
“ดร. ….ผมขอบคุณคุณมากจริงๆ แต่ว่า…สุนัขของผมล่ะ” วิลไม่ห่วงเรื่องเสื้อผ้าหรือเรื่องอื่นๆของตนเองเลย แต่กลับห่วงว่าเพือนๆของเขาจะอยู่ดีกันหรือไม่
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงครับ Alanaรับเอาไปเลี้ยงที่บ้านของเธอเรียบร้อยแล้วล่ะครับ เรื่องของใช้ของคุณเดี๋ยวพวกเพื่อนๆของคุณจะขนเอามาให้เท่าที่จำเป็นนะครับ”
“…ขอบคุณครับที่จัดการทุกเรื่องให้ผมนะ ผมเกรงใจคุณจริงๆ” วิลเริ่มไม่สะบายใจที่ต้องมารบกวน ดร.เล็คเตอร์เช่นนี้ เห็นทีถ้าเขาหายดีเมื่อไหร่เขาต้องคุยกับแจ็คเรื่องนี้เสียแล้ว
“เอาล่ะครับ นับตั้งแต่วินาทีนี้คุณต้องทำตามที่ผมแนะนำทุกอย่าง แต่ให้ทำตัวสบายๆภายในบ้านผมได้เลยครับ ” ดร.เล็คเตอร์ ใช้ความเกรงใจของวิลให้เป็นประโยชน์ โดยการควบคุมวิลให้อยู่ในความดูแลของเขา
“อ…เอ้อ…ผมรับรองว่าผมจะทำตัวดีๆครับ!” วิลหน้าแดงยิ่งกว่ามะเขือเทศแต่ก็ตอบด้วยเสียงดังฟังชัดเพื่อกลบความเขินอายของเขา
“อืม ดีมากครับ งั้นต่อจากนี้คุณทำตัวให้เหมือนเป็นคนในบ้านนี้เลยก้ได้นะครับ …. เอ้อ! ผมลืมเร่องนี้ไปได้ยังไงนะ?” ดร.เลคเตอร์ส่ายหัวให้กับความไม่รอบคอบของเขา
“ม..มีอะไรหรือครับ? ”วิลเริ่มเห็นอากัปกิริยาของดร.เลคเตอร์แบบใหม่ๆมามากขึ้น เขาเริ่มใจเต้นอีกครั้งเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขาอยากมีเวลาในอยู่กับดร.เล็คเตอร์เพื่ออยากรู้จักให้มากกว่านี้อีก ซึ่งตอนนี้ก็เป็นจริงแล้ว
“วิล….คุณจะนอนที่ไหนล่ะ? ผมมีห้องนอนแค่ห้องเดียวนะครับ ผมไม่เคยนึกว่าจะมีแขกมาพักที่คลินิกผม ผมต้องขออภัยในความไม่รอบคอบของผมด้วย” ดร.เล็คเตอร์แสดงสีหน้าลำบากใจแต่ดูเหมือนเขาพยายามที่จะทำหน้าให้ดูปกติที่สุดตามนิสัยเยือกเย็นของเขาอยู่ดั้งเดิม
“เอ๋? ไม่เห็นต้องำบากเลยครับ ผมนอนโซฟาก็ได้นะครับ โซฟาที่นี่ยังนอนสบายกว่าเตียงบ้านผมอีกมั้ง ฮะๆ” วิลพูดออกมาด้วยความใสซื่อปนความเกรงใจอย่างสุดซึ้ง
“ผมสิจะเป็นฝ่ายลำบากใจนะครับ มันแสดงถึงว่าผมดูแลคุณไม่ดีพอนะครับ…..งั้นเอาแบบนี้นะครับ” พูดจบดร.ก็ลากแขนวิลไปบนชั้นสอง วิลไม่เคยถูกดร.เล็คเตอร์จับต้องตัวขนาดนี้มาก่อน อย่างมากที่สุดก็แค่บีบไหล่ วิลหน้าแดงอีกครั้งทั้งตกใจทั้งเขินอายเลยเผลอกระชากแขนกลับ ทำเอาดร.เลคเตอร์หน้าเหวอไปนิดหน่อยเลยทีเดียว
“ข…ขอโทษครับ!ผม…ผมตกใจนิดหน่อย”วิลยังหน้แดงไม่หาย และดร.เล็คเตอร์เองก็เริ่มสังเกตเห็นท่าทีของวิลที่แปลกไป
“ผมสิต้องขออภัยอย่างสูงจริงๆครับ ผมเผลอจับเนื้อต้องตัวคุณโดยพละการแบบนั้นได้ยังไง…?”
ดร.เล็คเตอร์แปลกใจกับท่าทางของวิลในตอนนี้มากทีเดียว เพราะในขณะนี้วิลหน้าแดงยิ่งกว่าอะไร แถมยังอมยิ้มแบบหุบไม่ค่อยจะอยู่เสียด้วย ดร.เล็คเตอร์เองก็เริ่มรู้จักวิลแบบใหม่ๆมากขึ้นเช่นกัน เมื่อคิดถึงตรงนี้ดร.เล็คเตอร์ก็อดไม่ได้ที่จะใจเต้นขึ้นมา
“อุ๊บ!..ฮะๆ…ขอโทษจริงๆนะครับแต่…แต่เมื่อกี้เหมือนในฉากละครเลยเนอะ แบบว่าผมยังกะนางเอกที่ไม่เคยจับต้องผู้ชายมาก่อน แล้วคุณก็เป็นผู้ชายที่ถือวิสาสะจับตัวผมยังงั้นเลยนะครับ ฮะๆๆ”วิลหัวเราะจนหน้าแดง ดร.เล็คเตอร์เห็นท่าทีเช่นนั้แล้วก็เกิดความรู้สึกแปลกใหม่ขึ้นมา มันคล้ายๆกับความเอ็นดูความน่ารักของวิลแต่มันยิ่งกว่านั้น
“ฮะๆๆ นั่นสินะครับ แย่จริง…วิลครับ..” จู่ๆดร.เลคเตอร์ก็มีเสียงที่จริงจังขึ้นแต่ไม่ถึงกับรู้สึกกดดัน
“ครับ?”
“มานอนที่ห้องของผมไหม?”
TBC.
จบไปบทนึงนะคะ แหม่ ตอนนี้แม้กระทั่งตอนนอนยังนึกพล็อตที่จะเเต่งเลยนะคะ ใครมีพล็อตเจ๋งๆมากระซิบกันได้นะคะ//โดนตบ
BONUS!
ความคิดเห็น