ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    FINAL FANTASY : Lasciviousness

    ลำดับตอนที่ #6 : บทที่1 ช่วงที่3

    • อัปเดตล่าสุด 1 ก.ย. 48


    ประตูห้องประชุมแห่งอเล็คซานเดรียช่างใหญ่โตเสียเหลือเกิน ราวกับว่า จะไม่มีอะรที่จะสามารถเล็ดรอดเข้ามาข้างในได้ หากไม่สามารถเปิดประตูนี้ได้ ทหารองครักษ์ 4 นาย ถือหอกยืนรักษาความปลอดภัยหน้าประตูด้วยเลือดเนื้อและชีวิตของพวกตน ได้ถอยออกจากประตู เพื่อให้เหล่าสหายของนายตน ได้เข้าสู่การเจรจาเพื่อการอยู่รอด เมื่อประตูบานใหญ่ถูกเปิดออกทั้ง 2 ข้าง สิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า คือ อัศวินสวมเกราะอันหรูหราและน่าหวั่นเกรงจำนวนกว่า 10 นาย ยืนอยู่เบื้องหลังของหญิงงามคนหนึ่ง ที่ยืนรอตอนรับผองเพื่อนแห่งพันธมิตร ผิวที่ขาวเนียนแสนบริสุทธิ์ ผมสีน้ำตาลเข้มเป็นเงา สะท้อนเห็นได้ถึงยศถาบรรดาศักดิ์ของนางผู้นี้ ริมฝีปากสีแดงอันน่าหลงใหล แววตาอันบริสุทธิ์ใส มองเห็นลึกถึงสิ่งที่อยู่ข้างในของกษัตรีย์ผู้นี้... “ฮิลด้า” กษัตรีย์แห่งมหาราชอานาจักรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชนเผ่า Hume และยิ่งใหญ่ที่สุดในราชอานาจักรทั้ง 9 แห่ง บนผืนพิภพ



    “นั่งลงก่อนเถิด สหายรักของข้า”



    เสียงอันนุ่มนวล ฟังดูชวนคล้อยตาม แต่มีความเป็นผู้นำของฮิลด้า ทำเอาเหล่าผู้นำทั้ง 8 คล้อยตาม และนั่งลงบนเก้าอี้ที่ได้ถูกจัดเตรียมไว้ให้สมกับฐานะของกษัตริย์



    “ข้าคิดว่า พวกท่านคงทราบดีแล้ว ถึงจุดประสงค์ในการประชุมครั้งนี้...ข้าต้องขอขอบคุณ ท่านเซซิลแห่งลินบลัม ที่เห็นสมควรแก่การหารือครั้งนี้ หากท่านไม่เป็นต้นคิดในการครั้งนี้ ข้าเองที่ยังด้อยประสบการณ์ในการปกครอง คงไม่อาจนึกได้ท่วงที”



    “ไม่หรอก ท่านฮิลด้า แม้ตัวข้าเองจะไม่ขอให้จัดการเร่งหายรือเช่นนี้ แต่ข้าก็เชื่อว่าท่าน รวมทั้งเหล่าสหายทั้งหมดที่นั่งอยู่ ณ ที่นี้ ก็คงจะคิดกระทำการเช่นนี้เหมือนกัน”



    เซซิลเอ่ยตอบพร้อมกับลูบหนวดเคราสีเทาอ่อนของตนพร้อมกับใบหน้าที่ยิ้มแย้ม แลดูเห็นรอยย่นบนใบหน้า แสดงให้เห็นถึงอายุ และวัยวุฒิของกษัตริย์ผู้นี้เลยทีเดียว



    “ท่านฮิลด้า หากท่านมิว่าอะไร ข้าขอลุกขึ้นยืนอยู่กับทหารของของข้าในการร่วมหารือครั้งนี้จะดีกว่า แต่เก้าอี้ของพวกท่านเล็กเหลือเกิน ข้าเกรงว่าข้าจะทนนั่งไปเสียมิได้ ต้องขออภัยด้วยจริงๆ”



    กษัตริย์ร่างยักษ์แห่งอานาจักรมิกัล (Migal) ชนเผ่า Galka “กาย” ลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างยากเย็น กล้ามเนื้อที่ปกคุลมไปด้วยขนเสียส่วนใหญ่ของเขานั้น เกือบจะทำให้ขาเก้าอี้พังเสียด้วยซ้ำ กษัตริย์แห่งมิกัล ค่อยๆลุกขึ้นแล้วเดินไปยืนอยู่ข้างหน้าเหล่าทหารของตนที่ยืนเป็นองครักษ์อยู่ภายในห้อง



    “ก็แล้วท่านจะสะดวกเถิด ท่านกาย”



    ฮิลด้าหัวเราะนิดๆ กับนิสัยโผงผาง ไม่ถือตัว ตรงไปตรงมาแต่จริงใจของกษัตริย์แห่งมิกัล



    “ข้าว่าเราน่าจะเริ่มต้นหารือการแก้ไขภัยพิบัติครั้งนี้ได้แล้วนะ หลังจากพูดคุยทักทายกันไปพอสมควรแล้ว”



    กษัตริย์วัยกลางคนแห่งคอสโมแคนยอน (Cosmo Canyon) ดินแดนที่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 60 กิโลเมตร ที่พำนักแห่งเผ่า Elvaan กล่าวขึ้นอย่างเคร่งขรึม หนักแน่น ...ผมสีเงินตัดกับผิวสีคล้ำของ “ริชาร์ด” ดูแล้ว ช่างลึกลับน่าค้นหายิ่งนัก



    “หากเราไม่รีบเร่ง ข้าเกรงว่าอะไรบางอย่างอาจจะสาย เกินแก้ได้...”



    ริชาร์ด กล่าวขึ้นอีก ทำให้ฮิลด้า จำต้องเริ่มการปรึกษาหารือตามจิตใจอันร้อนรุ่มของกษัตริย์แห่งคอสโมแคนยอน...



    การหารือได้เริ่มขึ้นก่อนตะวันอยู่เหนือหัวได้ไม่นาน ทำเอาแสงแดดจ้า เล็ดลอดเข้ามาตามช่องหน้าต่างบานเล็กๆในห้องประชุม สะท้อนกับเส้นผมของฮิลด้าเป็นประกายสวยงาม ลมที่พัดโชยเข้ามาอย่ากับว่าโลกนี้ช่างสงบสุขเสียยิ่งกระไร แต่ถึงกระนั้น มันก็ช่างขัดกับบรรยากาศภายในห้องประชุมอย่างยิ่งนัก



    “การรวบรวมกำลังพล เพื่อต่อกรกับกองกำลังของข้าศึก หากประชาชนเกิดความไม่เห็นชอบขึ้น พวกเราเองก็อาจลำบากได้…”



    “พวกเขามีอิสระทางความคิด แล้วสงครามเองก็มิได้จบเพียงแค่ชัยชนะของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่มันได้มีการสูญเสียรวมอยู่ในนั้นด้วย ถึงจะเป็นเรื่องธรรมดาของสนามรบ แต่นั่น ก็เป็นการสูญเสียชีวิตอันมีค่า ที่หาทดแทนได้ไม่”



    การประชุมเริ่มต้นขึ้น โดยที่ผู้นำแต่ละคนนั้น ต่างการรักและเป็นห่วงประชากรของตน ไม่การให้พวกเขาที่ไม่รู้วิชา มาเกี่ยวข้องถึงกับต้องร่วมทำสงครามในครั้งนี้ด้วย



    “ข้าหาได้คิดเช่นนั้นไม่...”



    1 เสียงขัดแย้งปรากฏขึ้น ผู้นำแห่งราชอานาจักรทุกคน หันไปมองต้นเสียกันอย่างพร้อมเพรียง ทางด้านหัวโต๊ะตรงกันข้ามกับกษัตรีย์ ฮิลด้า ณ ตรงนั้น กษัตริย์ “กาแลนด์” แห่งอานาจักรอิปเซ็น (Ipzen) ชนเผ่า Hume ได้นั่งสบสายตาทั้งหลายที่ต่างจ้องมองมายังเขาอย่างสบายใจ

    กาแลนด์ ผู้ไม่ยี่หระกับสงครามหรือการต่อสู้ ทุกอย่างในความคิดของเขานั้นเป็นเพียงการค้าขาย การซื้อ กับการขายเท่านั้น ที่จะทำให้ชีวิตคนเราสุขสบายและสงบสุข กาแลนด์นั้น ร่ำรวยขนาดที่สามารถซื้อเหมืองของพวก Galka ได้ เพียงแต่พวก Galka ไม่ยินยอมในข้อตกลงของการซื้อขาย เป็นเหตุให้ตัวกาแลนด์เอง ไม่ถูกโฉลกกับเผ่า Galka เอาเสียเลย



    “ท่านมีเหตุผลอันใด ที่ไม่เห็นด้วยกับการสนทนาเมื่อครู่นี้หรือ ท่านกาแลนด์”

    เซซิล แห่งลินบลัม เอ่ยถามด้วยความสงสัย



    “หึ ข้าว่ามันช่างน่าหัวเราะยิ่งนัก การที่บ้านเมืองของตนเองเกิดภัยสงคราม เหตุใด ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของอานาจักรแล้ว จะปฏิเสทการเข้าร่วมสงคราม ถ้าเหล่าประชาชนไม่ทำหน้าที่นี้แล้ว จะเป็นประชากรของอานาจักรไปได้เช่นไร”



    กาแลนด์พูดขึ้นอย่างยิ้มเหยาะ



    “นี่ ท่านกำลังจะบอกว่า บ้านเมืองใคร ใครก็ปกป้องกันเองอย่างนั้นหรือ... ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว พวกเราจะมาหารือกันที่นี่ไปเพื่อเหตุใด พวกเขาเหล่านั้นล้วนเป็นประชานของพวกเรา บ้านเมืองจะเป็นปึกแผ่นกันได้อย่างไร หากกษัตริย์ไม่สามารถดูแลประชาชนได้ และนี่ก็เป็นสงครามนะ ท่านกาแลนด์ ต้องมีการสูญเสีย ทั้งครอบครัว ทั้งบ้านเมือง เราต้องการให้ประชาชนอันเป็นที่รัก ต้องมาประสบกับเรื่องแบบนี้หรือ”



    คำพูดของกาย ราชา Galka แห่งมิกัล แย้งขึ้นมาอย่างไม่พอใจ แม้แต่ริชาร์ดและเซซิล ต่างก็อมยิ้มอย่างพอใจ ในคำพูดของกษัตริย์ร่างยักษ์



    “หรือท่านคิดจะยอมแพ้ แล้วปล่อยให้อะไรต่อมิอะไรมันล่วงเลยไปตามยะถากรรมอย่างนั้นหรือ…”



    “แล้วพวกท่านล่ะ ท่านไคเอน ท่านอามารันด์ ท่านกาลัฟ ท่านเอลโอเน่ ข้าไม่เห็นพวกท่านแสดงความคิดเห็นอะไรมาตั้งแต่เริ่มต้นการหาเรือแล้ว หรือว่า พวกท่านเองกลับไม่คิดที่จะเข้าร่วมสงครามในครั้งนี้”



    กาแลนด์เอ่ยถาม 4 ผู้นำที่ยังไม่มีโอกาสได้แสดงความทัศนะคติ “ไคเอน” กษัตริย์แห่งอานาจักรนักรบ โดมา (Doma) ยกมือขึ้นลุบหนวดเขี้ยวที่สวยงาม น่าเกรงขามของตน แล้วหัวเราะในลำคอก่อนที่จะเอ่ยขึ้นว่า



    “ท่านกาแลนด์ ท่านเองก็น่าจะรู้นี่ ว่าอานาจักรโดมาของข้าน่ะ เป็นหนึ่งในด้านการรบ การทำสงครามแห่ง Hume มีหรือที่จะไม่ช่วยพวกท่านในศึกสงครามครั้งนี้ อีกทั้งประชาชนของข้าต่างก็มีฝีมือในแบบแผนของการรบไม่เป็นรองใคร แต่ถึงกระนั้น ข้าเองก็ยังเห็นด้วยกับความคิดของท่านกายอยู่ดี”



    ส่วน “กาลัฟ” กษัตริย์แห่งบาลัม (Balum) อานาจักรหนึ่งเดียวของของ Tarutaru ด้วยร่างที่เล็ก แลดูเหมือนเด็กที่น่ารักของกาลัฟ และเผ่า Tarutaru มักจะทำให้ตกเป็นรองในลำดับการหารือตามงานต่างๆ เสมอ กาลัฟลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินไปยังหน้าต่างแล้วหันกลับมามองหน้ากับ “เอลโอเน่” กษัตรีย์แห่งกัลบาเดียน (Galbadian) อานาจักรหนึ่งเดี่ยวแห่ง Mithra



    “ข้าเองได้เคยปรึกษาเรื่องนี้กับท่านเอลโอเน่ ก่อนที่วันนี้จะมาถึงแล้ว...”



    “พวกเรา เผ่า Tarutaru ขอปฏิเสทการร่วมศึกสงครามในครานี้...พวกท่านเอง ก็คงรู้ดีว่าเผ่า Tarutaru ของเรานั้น ไม่เหมาะสมกับการสู้รบอย่างยิ่ง ร่างกายที่ทั้งเล็ก ทั้งอ่อนแอ อีกทั้งภูมิปัญญาดั้งเดิมของพวกเรา ไม่สามารถที่จะจับอาวุธขึ้นสู้กับใครได้ สิ่งเดียวที่พวกเราพอจะช่วยเหลือพวกท่านได้ ก็คงมีแต่อาหารและยาเท่านั้น”



    กาลัฟ พูดอย่างรู้สึกผิด แต่ต้องทำใจ เมื่อไร้หนทางที่จะเลือกได้



    “Mithra เองก็ต้องขอปฏิเสทด้วยเช่นกัน แม้พวกเรา จะมีความสามารถมากพอที่จะช่วยพวกท่านได้ แต่เหตุผลเดียวที่เราไม่สามารถร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับพวกท่านได้นั้น เป็นเพราะ ข้ากลัวการสูญเสียอย่างใหญ่หลวงแก่เผ่าพันธุ์ของข้า เผ่า Galka ของท่านกาย มีแต่เพศผู้ ส่วนMithra ของเรานั้น มีแต่เพศเมีย อีกทั้งจำนวนประชากรของเรานั้น มีอยู่ไม่ถึง 700 คน ข้าเกรงว่า ข้าคงไม่สามารถให้ประชาชนอันเป็นที่รักของข้า ต้องมาบาดเจ็บล้มตายในสงครามได้ แต่แน่นอนว่า ทางเรา จะช่วยเหลือสิ่งอื่น เท่าที่พวกเราจะช่วยพวกท่านได้อย่างแน่นอน”



    คำพูดของเอลโอเน่ที่สอดคล้องกับกาลัฟนั้น ทำเอาเหล่าผู้นำทั้งหลาย ต่างเข้าใจและไม่สามคำโต้แย้งได้แต่อย่างใด



    “แล้วท่านล่ะ ท่านอามารันด์...”



    “ท่านมีความคิดเห็นอันใดบ้าง”



    ฮิลด้า เอ่ยถามแก่ “อามารันด์” แห่งราชอานาจักรโทราเปีย (Torapia) กษัตริย์หนุ่มเผ่า Elvaan ที่ได้แต่นั่งก้มหน้ามาตลอด ก็เงยหน้าขึ้นมา สบตาแก่ทุกผู้ ณ ห้องประชุมนั้น



    “โทราเปียของข้า... ประชาชนของข้า ทุกๆ คน ต่างตัดสินใจกันอย่างพร้อมเพรียงแล้วว่า ... พวกเรา โทราเปีย จะยอมร่วมสู้เคียงข้างพวกท่าน ทั้งในฐานะเผ่า Elvaan และในฐานะของ 1 ในอานาจักรพันธมิตร ผู้เป็นสหายของพวกท่าน ประชาชนของข้า ต่างก็สมัครใจ ร่วมรบในสงครามครั้งนี้ ทั้งหนุ่มสาว และผู้ที่สามารถร่วมรบทำสงครามได้ ต่างก็เริ่มฝึกฝนในกองกำลังของข้าแล้ว...”



    “และสิ่งที่ข้าอยากจะบอกแก่ทุกท่านในที่นี้คือเรื่องนี้แหละ เรื่องที่ประชาชน ต่างสมัครใจมาเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพ โดยที่ไม่มีใครได้ไปบังคับขู่เข็ญ หากพวกท่านเชื่อมั่นในประชาชนของพวกท่านแล้ว ข้าเชื่อว่า ปาฏิหาริย์ จะบังเกิดขึ้น ในศึกครั้งนี้ แสงสว่างจะเป็นผู้ชนะ เพราะอนาคตนั้นขึ้นอยู่กับทุกๆ คน มิใช่แค่เพียงผู้ใดผู้หนึ่งในที่นี้”



    สิ้นสุดเสียงของอามารันด์ แววตาของเหล่าทหารองครักษ์ทั้ง 9 อานาจักรภายในห้อง ก็เปี่ยมไปด้วยสิ่งที่เรียกว่า “ความเชื่อมั่น” ความเชื่อมั่นในบางสิ่ง ความไว้วางใจในบางอย่างที่ไม่สามารถปลดปล่อยออกมาเป็นคำพูดได้ มันเป็นเพียงสิ่งที่อยู่ในใจ ที่จะรู้สึกได้เท่านั้น



    “สมกับเป็นน้องข้า ไม่สิ สมกับเป็น 1 ใน ประชากรของโลกใบนี้ อามารันด์”



    ริชาร์ดพูดขึ้น ณ ที่ประชุม บนใบหน้าของฮิลด้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มแห่งความหวัง การประชุมครั้งนี้ ได้เป็นเอกฉันท์แล้ว....



    หลังจากการประชุมแล้ว เหล่าผู้นำเริ่มทยอยกลับอานาจักรของตน เพื่อกลับไปทำหน้าที่อันสมควรของกษัตริย์ โดยที่มีราชินีฮิลด้ากับกองทัพแห่งอเล็คซานเดรีย ยืนส่งอยู่หน้าปราสาทอย่างสมเกียรติ

    ริชาร์ด กับองครักษ์ และอัศวินอารักขาขบวน ได้ออกจากที่นี่เป็นกลุ่มสุดท้าย ทันทีที่ก้าวออกจากปราสาท ริชาร์ด ได้สังเกตเห็นใครบางคน ที่จ้องมองมาจากชั้นบนของปราสาท แม้จะไม่ชัดนัก แต่ก็รู้ได้ทันทีว่า ใครคนนั้นคือผู้ใด



    “ลูกสาวของท่านโตเป็นสาวแล้วหรือ ฮิลด้า ...ทั้งรูปร่าง หน้าตา ถอดแบบท่านมามิผิดเพี้ยน”



    ได้ฟังกระนั้นแล้ว ฮิลด้าเอง ก็เงยหน้ามองไปยังหน้าต่างห้องของลูกสาวตนเอง ก็แลเห็นลูกสาว ยืนมองขบวนทัพที่ค่อยๆ ทยอยออกจากตัวเมืองไปเป็นแถวเป็นแนว



    “ปีนี้อายุได้ 17 ปีแล้วกระมัง ลูกชายคนเล็กของท่านเองก็คงจะรุ่นราวคราวเดียวกันมิใช่หรือ”



    “เจ้าเด็กคนนั้นน่ะหรือ...วันๆ เอาแต่ตั้งแคมป์กับเพื่อนๆ อยู่นอกเมือง ออกล่าหากินกันเองตามประสาวัยรุ่น ไม่เหมือนกับพี่ชายมัน ที่สนใจในการเมืองการปกครอง นี่ข้าเองก็ไม่ได้เจอหน้ามันมาร่วมอาทิตย์”



    “วัยรุ่นก็เช่นนี้แหละ อีกทั้งเกิดมาเป็นลูกผู้ชาย คงอยากจะออกไปโลดโผนในโลกภายนอกบ้าง...ลูกข้าเอง ทุกวันนี้ ยังขอร้องพวกครูดาบ ให้สอนเพลงดาบเฉกเช่นผู้ชายมิผิดเพี้ยน ทั้งๆ ที่เป็นสาวเป็นนางเสียโดยแท้”



    “เหมือนพ่อของเขาก็มิปาน อ่อนแอ แต่พยายาม...”



    “...ใช่...เหมือนพ่อของเขา...ถ้าพ่อของเขายังอยู่...”



    “ช่างเถอะ ฮิลด้า อย่าไปใส่ใจกับเรื่องในอดีตเลย มองอนาคตในวันข้างหน้า ให้สมกับเป็นกษัตรียาแห่งอเล็คซานเดรียเถอะ....บัดนี้ ข้าเองคงต้องขอลา”



    “เดินทางระวังตัวด้วย...”



    ทันทีที่ขบวนของริชาร์ด กษัตริย์แห่งคอสโมแคนยอน ผ่านพ้นประตูเมืองไป สาวน้อยคนหนึ่ง ก็วิ่งลงมาจากตัวปราสาท มาหาราชินีฮิลด้า...



    ใบหน้าอันขาวนวล ริมฝีปากอนชมพู กับเส้นผมสีน้ำตาลเข้มเป็นเงา ถอดแบบกษัตรีย์แห่งอล็คซานเดรียผู้นี้มามิผิดเพี้ยนเลยทีเดียว



    “ท่านแม่ ท่านผู้นั้นที่สนทนาก่อนจากไปกับท่านแม่คือ...”



    “ลูกรัก ท่านผู้นั้น เป็นสหายร่วมศึกในครั้งสมัยสงครามแย่งชิงดินแดนของพ่อเจ้า เค้าคือท่านริชาร์ด กษัตริย์แห่งคอสโมแคนยอน หากวันหน้าวันหลัง เจ้าได้พบปะกับคนผู้นั้นแล้ว จงให้ความเคารพแก่เขาดุจญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งนะลูก”



    “ถ้าเช่นนั้นแล้ว ข้าเองก็สามารถไถ่ถามเรื่องราวของท่านพ่อจากชายคนนั้นได้ อย่างนั้นใช่มั๊ยเพคะ ท่านแม่”



    “ก็แล้วแต่ท่านริชาร์ดจะให้คำตอบ เขาเอง อาจจะแวะเวียนมาที่นี่บ่อยๆ ในอีกไม่นาน ลูกเองก็รู้ว่าภัยสงครามนั้น กำลังจะมาถึงในไม่ช้า”



    “...ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว ข้าเองคงต้องขอให้ครูดาบประจำราชสำนัก ช่วยฝึกสอนให้ เมื่อยามคับขัน ข้าเอง จะได้ช่วยเหลือท่านแม่ได้...”



    สาวน้อยผู้สูงศักดิ์ เดินจากไปพร้อมราชองครักษ์อีก 2 คน ท่าทางเอาแต่ใจ แต่ใฝ่ไปด้วยคุณธรรมของสาวน้อยผู้นี้ พลอยทำให้ราชินีฮิลด้า นึกถึงชายผู้เป็นที่รักอันล่วงลับของตน...



    “ลีน ลูกสาวคนเดียวของแม่...เจ้าจะรู้สึกเช่นไรกันนะ เมื่อความจริงนั้นมาถึง...”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×