ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC SJ:WONKYU | HANTEUKCIN] :: My Bloody Valentine

    ลำดับตอนที่ #25 : 19' :ถ้าจะให้ง้อขนาดนี้ล่ะก็นะ!

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.27K
      6
      18 ก.พ. 55

    "สวัสดีฮันคยอง"

     

    "อีทึกหรอ..."

     

    "ก็ต้องฉันสิ แล้วฮันคยองกดโทรออกหาใครล่ะ"

    เสียงของอีทึกสดใสและเจือไปด้วยรอยยิ้ม...เป็นแบบนั้นมาเสมออยู่แล้วนั่นล่ะ และมันก็ทำให้เขายิ้มตามออกมาได้อยู่ตลอดทุกครั้งที่ได้ยิน อีทึกคนนั้นก็เหมือนนางฟ้าได้เท่านั้นนั่นล่ะนะ ฮันคยองอมยิ้มพลางขยับตัวไปมาอยู่บนเก้าอี้แถวหลังสุดของรถโดยสารประจำทางเล็กน้อยคล้ายกำลังพยายามหาท่านั่งที่สบายตัวที่สุดให้กับตัวเอง เขาเอนศีรษะพิงเข้ากับกระจกหน้าต่างพร้อมกับกอดกระชับตตุ๊กตาหมีสีขาวตัวใหญ่บนหน้าตักให้แน่นขึ้น

     

    "ก็ต้องชื่อของอีทึกอยู่แล้วนั่นล่ะ...นั่นอีทึก ฟังอะไรที่ฉันจะพูดหน่อยได้มั้ย"

     

    "ได้สิ ว่ามาเลย"

     

    "แค่ฟังอย่างเดียวไม่ต้องตอบอะไรหรอกนะ"

    คนที่อยู่อีกด้านหนึ่งของสายโทรศัพท์ส่งเสียงหัวเราะคิกคักมาตามสายคล้ายจะขบขันกับถ้อยคำของเขา กระนั้นก็ยอมนิ่งเงียบไปเพื่อรอคอยให้เขาได้เอ่ยอะไรออกไป...แต่เขากลับพูดอะไรไม่ออก ไม่สามารถเข้นเสียงใดๆผ่านลำคอออกมาได้แม้เพียงเสียงอุทานเล็กๆยามเมื่อรู้สึกได้ว่าคนที่อยู่ปลายสายคงกำลังมีรอยยิ้มรอคอยถ้อยคำของเขาอยู่...เขาพูดไม่ได้...เขาทำให้นางฟ้าแสนอ่อนหวานคนนั้นร้องไห้ไม่ได้

     

    "..."

     

    "..."

     

    "ฮันคยอง...?"

     

    "นี่อีทึก..."

     

    "ว่าไงล่ะ ฉันรอฟังอยู่นะ"

     

    "ขอบคุณนะที่รักฉันมากขนาดนั้น...ฉันดีใจมากจริงๆ"

    ฮันคยองไม่เคยรู้ว่าการปฏิเสธความรักจากใครสักคนที่เขารู้ว่าอีกฝ่ายรักเขามากแสนมากนั้นจะเจ็บปวดได้ยิ่งกว่าการที่ความรักของตัวเองถูกปฏิเสธกลับมาเสียอีก....ก็แล้วจะให้เขาพูดอย่างไรไม่ให้อีกฝ่ายต้องร้องไห้กัน ก็แล้วจะให้เขาทำอย่างไรไม่ให้อีกฝ่ายต้องมีน้ำตากัน  ก็เขารักไม่ได้...ไม่สามารถรักตอบได้จริงๆแบบนี้ ปล่อยให้อีกฝ่ายมีความหวังต่อไปแบบนี้มันเจ็บปวดน้อยกว่ากันตรงไหนรึไง

     

    มันไม่มีทางไหนเจ็บปวดน้อยกว่ากันเลยไม่ใช่รึไง

    แค่นานกว่ากันก็เท่านั้นเอง

     

    "ฉันไม่รู้ว่าควรจะทำยังไง ในเมื่ออีทึกเป็นเพื่อนที่แสนดีของฉัน...เป็นเพื่อนที่ฉันอยากจะดูแลให้ยิ้มอยู่แบบนี้ตลอดไป แล้ว..."

     

    "ฮันคยองก็ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น! แค่อย่า..."

     

    "ไหนสัญญากันฉันแล้วไงว่าจะฟังอย่างเดียวไม่ตอบไง ผิดสัญญานี่นา"

    ฮันคยองส่งเสียงหัวเราะเบาๆไปตามสาย และมันก็ฟังดูฝืดเคืองได้อย่างน่าโมโห เขาได้ยินเสียงหายใจผะแผ่วดังมาจากอีกด้านของโทรศัพท์คลออยู่กับเสียงคลื่น มันทำให้เขาหลุดรอยยิ้มออกมานิดเมื่อคิดว่านางฟ้าช่างหนีน้องชายตัวร้ายไปวิ่งเล่นได้ไกลดีชะมัด ชายหนุ่มชาวเจนเอนศีรษะพิงซบเข้ากับเจ้าตุ๊กตาหมีสีขาวตัวนิ่ม เหม่อสายตามองออกไปนอกหน้าต่างรถประจำทางอย่างไร้จุดหมาย

     

    "ตุ๊กตาตัวนี้ควรเป็นของอีทึกสินะ ฮีชอลบอกฉันหมดแล้วนั่นล่ะ ทั้งเรื่องกล่องข้างพวกนั้นทั้งเรื่องสมุด...ทุกอย่างที่อีทึกทำเพื่อฉันน่ะ ฉันขอบคุณมากจริงๆนะ มันอาจจะมีบางครั้งที่ฉันทำให้อีทึกต้องร้องไห้เพราะเรื่องงี่เง่าของฉัน...เพราะความงี่เง่าของฉัน ฉันก็ต้อง...ขอโทษจริงๆนะ ความรักของฉันอาจจะทำให้อีทึกเสียใจ แต่อีทึกก็ยังพยายามาเพื่อฉันตลอด ขอบคุณมากจริงๆ...ขอบคุณที่รักฉัน...ขอบคุณที่ให้ฉันเป็นคนสำคัญ"

     

    "..."

     

    "แต่ฉัน...ขอโทษนะ...ขอโทษจริงๆที่รักอีทึกไม่ได้...รักไม่ได้จริงๆ เราเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมได้มั้ย สัญญากับฉันได้มั้ยว่าจะไม่เปลี่ยนไป...จะยังยิ้มให้ฉัน จะยังแสนดีกับฉัน"

     

    "นี่ฮันคยอง..."

     

    "มาพยายามตัดใจไปพร้อมๆกับฉันละกันนะ...ฮ่าๆๆ ฉันก็จะพยายามเลิกรักคิมฮีชอลเหมือนกัน มันต้องเป็นอะไรที่เหนื่อยมากๆแน่เลย นี่ฉันพูดอะไรไร้สาระเยอะไปรึเปล่า เอาเป็นว่า...เจอกันที่มหาลัยพรุ่งนี้ละกันนะอีทึก..."

     

    "นี่ฮันคยอง...ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นหรอกนะ ไม่จำเป็นเลยสักนิดเดียว มันจะไม่มีอะไรเปลี่ยนไปทั้งนั้น ฮันคยองไม่ต้องเลิกรักฮีชอลเพราะฉันก็ได้...ฉันจะไม่เป็นอะไร ฮันคยองไม่เห็นต้องทำแบบนั้นเลย ถ้าฮันคยองร้องไห้แล้วใครจะปลอบล่ะ"

    เขาอมยิ้มออกมาอีกครั้งเมื่อนึกถึงรอยยิ้มแสนอ่อนหวานของคนที่อยู่ปลายสายที่แค่ฟังจากเสียงก็รู้สึกได้ถึงรอยยิ้ม ฮันคยองไม่ได้เอ่ยปากตอบอะไรกลับไปในทันที เขาพลิกใบหน้ากลับมาแนบหน้าผากอยู่กับตุ๊กตา ก้มหน้าอยู่กับหน้าตักตัวเองเหมือนไม่อยากจะให้ใครเห็นแววตาของตัวเองในตอนนี้

     

    "เพราะฉันไม่รู้ว่าต้องทำยังไง ในเมื่ออีทึกเป็นเพื่อนที่แสนดีของฉันแล้วฉันจะให้อีทึกต้องเจ็บปวดได้ยังไง ถ้าหัวใจของฉันมันสามารถช่วยทั้งหัวใจของคิมฮีชอลและหัวใจของอีทึกได้...เป็นหัวใจของฉันนั่นล่ะดีที่สุด"

     

    ........................................................................

     

    "นี่มันหมายความว่ายังไงกันห๊าาา! ทำไมตาแก่นั่นถึงมาบอกฉันว่านายจะย้ายออกจากบ้านแล้วจะเปลี่ยนคณะเรียน ฉันไม่ยอมรับเด็ดขาด! ไม่ๆๆๆๆๆๆ! ได้ยินที่ฉันสั่งมั้ยอีทึก!"

     

    "คุณพ่อยังหล่ออยู่เลยนะฮีชอล ไปเรียกแบบนั้นเดี๋ยวคุณพ่อก็งอนอีกหรอก"

    อีทึกหัวเราะคิกคักไปตามสายโทรศัพท์ให้กับเสียงฮึดฮัดของน้องชายและเสียงบ่นหงุงหงิงของคุณพ่อที่คงนั่งอยู่ไม่ไกลมากเท่าไรนัก เขาขยับขาเพื่อคล้ายความเมื่อยขบใหักับตัวเองพลางเอนตัวพิงประตูรถยนต์คันหรูเอาไว้ ดวงตาคู่หวานนเหลือบมองหาเจ้าของรถที่ขอจอดรถกลางทางเพื่อสูบบุหรี่นิดเพื่อดูว่าอีกฝ่ายยังมีเวลาให้เขาคุยโทรศัพท์อีกนานมั้ย และเมื่อเห็นว่าคนตัวใหญ่ยังคงมีความสุขอยู่กับนิโคตินอีกกว่าครึ่งมวนอยู่ที่รั้วกั้นข้างทางไม่ไกลออกไป เขาก็หันกลับมาสนใจคุยกับปลายสายต่อตามเดิม ซึ่งแน่ล่ะ...คิมฮีชอลไม่เคยล้มเหลวที่จะทำให้เขามีรอยยิ้มได้สักที

               

    "ช่างสิ! ตอบคำถามของฉันเดี๋ยวนี้นะอีทึก นายจะไปไหน ทำไมต้องย้ายออกด้วยล่ะ! ฉันจะล่ามนายไว้กับเตียงแน่ถ้าทำอย่างนั้นตอนที่ฉันยังติดอยู่ที่นี่ล่ะก็! จำคำของฉันไว้เลยนะเจ้างี่เง่า!"

     

    "ก็ฮีชอลจะหายแล้วนี่นา คุณพ่อหาหัวใจมาให้ฮีชอลได้แล้ว ฮีชอลไม่จำเป้นต้องมีฉันอยู่ใกล้ๆอีกต่อไปแล้ว ฉันจะไปมีชีวิตของฉันยังไงล่ะ...ฮีชอลไม่ดีใจกับฉันหรอ"

     

    "ฉันพูดว่าฉันดีใจรึไงเจ้าซื่อบื้อ!"

    พี่ชายคนดีหัวเราะออกมาอีกครั้งเมื่อโดนน้องชาย(ที่สบานได้ว่ายังป่วย)สวนกลับมาแทบจะในทันทีที่เขาพูดจบ อีทึกกดสายตาลงมองปลายเท้าของตัวเอง บนเรียวปากของเขายังคงแต้มยิ้มอ่อนโยนที่เขามักจะมีไว้ให้น้องชายของตัวเองเสมอ

     

    "ทำไมล่ะ ฉันได้ชื่อของฉันคือด้วยนะ ชื่อที่พ่อแม่จริงๆของฉันตั้งให้ก่อนที่ฉันจะไปอยู่ที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าน่ะ"

     

    "ใครสนกันล่ะ! นายเป็นอีทึกของฉันนะ! ฉันแค่อยากได้อีทึกของฉันนี่!"

    แว้ดออกมาได้หน่อยเดียว ฮีชอลก็เงียบหายไปราวกับจะเพิ่งรู้ตัวว่าได้หลุดพูดสิ่งที่ตัวเองกำลังรู้สึกออกมาจริงๆ...เขาล่ะอยากจะเห็นหน้าของน้องชายตอนนี้เสียจริง คงจะน่ารักน่าดูเชียวล่ะ อีทึกอมยิ้มพลางใช้ปลายเท้าข้างหนึ่งเขี่ยเศษดินเศษฝุ่นบนพื้นคอนกรีตเล่นไปมา

     

    "ฉันก็จะยังเป็นพี่ชายของฮีชอลอยู่เหมือนเดิมนั่นล่ะ แค่เปลี่ยนที่อยู่กับเปลี่ยนคณะเรียนไม่ได้ทำให้ฉันรักฮีชอลน้อยลงนี่นา ฉันไม่ได้หายไปไหนไกลสักหน่อย ฮีชอลคิดถึงฉันก็มาหาฉันก็ได้นี่ มันไม่ได้เปลี่ยนอะไรไปสักหน่อย...ฮีชอลก็จะยังเป็นน้องชายที่ฉันรักที่สุดอยู่เหมือนเดิมนั่นล่ะ"

     

    "แล้วนายจะไปอยู่ที่ไหน จะไปเรียนอะไร แล้วทำไมต้องย้ายด้วย ไปอยู่ไกลแล้วฉันจะดูแลนายได้ยังไงกันล่ะ"

    หลังจากเงียบหายไปพักใหญ่ๆ คิมฮีชอลก็เอื้อนเอ่ยออกมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงแสนเบางุบงิบอยู่ในลำคอเหมือนเด็กน้อยขี้หวาดกลัว...นานแล้วที่น้องชายของเขาไม่ได้ทำตัวงอแงเป็นเด็กๆเพื่อเรียกร้องความสนใจกับเขาแบบนี้...ก็มักจะเป็นแค่ช่วงป่วยเท่านั้นนั่นล่ะที่จะทำให้ต่อมน่ารักของคิมฮีชอลทำงานสักที แต่ก็นั่นล่ะ...มันก็ทำให้หัวใจของพี่ชายอย่างเขาอบอุ่นขึ้นมาได้อยู่ดี อีทึกเปลี่ยนมือที่ถือโทรศัพท์พลางไขว้เท้าข้างหนึ่งมาไว้ด้านหลังเพื่อเปลี่ยนท่ายืนให้สบายมากขึ้น

     

    "ฉันดูแลตัวเองได้อยู่แล้วล่ะนา ฮีชอลคิดว่าใครเป็นคนดูแลฮีชอลมาตั้งเกือบ20ปีกัน ฉันดูแลฮีชอลได้ ฉันก็ดูแลตัวเองได้เหมือนกัน คณะแพทย์ก็อยู่ห่างจากคณะศิลปศาสตร์ไปไม่เท่าไรเอง ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้จะหายไปไหนให้ฮีชอลตามหาฉันไม่เจอสักหน่อย"

               

    "แพทย์หรอ..."

     

    "แฟชั่นดีไซน์ไม่เหมาะกับฉันหรอกนะ ฉันไม่ชอบให้คนอื่นมองฉันด้วยสายตาแบบนั้นนี่ ถ้าฉันเป็นหมอ ฉันก็จะได้ดูแลฮีชอลตลอดไป...แบบนั้นไม่ดีกว่าหรอกหรอ"

    อีทึกพูดกับน้องชายด้วยน้ำเสียงเนิบช้าอย่างใจเย็นราวกับกำลังพูดอยู่กับเด็กเล็กๆที่สามารถทำตัวงอแงเอาแต่ใจได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด คนที่อยู่อีกด้านหนึ่งของสายโทรศัพท์เงียบไป...งอนก็เท่านั้นนั่นล่ะ คิมฮีชอบนิสัยเหมือนคุณพ่อน้อยกว่าที่เหมือนคุณแม่เสียที่ไหน เขาได้ยินเสียงหัวเราะของคุณพ่อดังลอดมาตามสาย เอ่ยล้อลูกชายคนดีของตัวเองว่าหน้ามุ่ยใหญ่แล้วๆสลับกับร้องไห้แล้วๆอยู่อย่างนั้นจนเขาอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้...เขาไม่ได้เห็นฮีชอลร้องไห้มาตั้งแต่จำความได้แล้วนั่นล่ะ

     

    "นี่ฮีชอล..."

     

    "อีทึกครับ"

    เสียงร้องเรียกจากด้านหลังเรียกสายตาของเขาให้ตวัดไปมองได้เล็กน้อย คิมยองอุนที่คงจะพอใจกับปริมาณนิโคตินในปอดแล้วส่งรอยยิ้มมาให้เขาพร้อมกับชี้นิ้วเข้าไปในรถ ขยับปากพูดโดยไม่มีเสียงว่าจะเข้าไปนั่งคอยด้านใน อีทึกพยักหน้ารับรู้แล้วจึงหันกลับมาสนใจโทรศัพท์ในมือต่อตามเดิม

     

    "เมื่อกี้เสียงใครน่ะอีทึก!"

     

    ดูเหมือนคิมยองอุนจะทำให้น้องชายเด็กดีของเขาหายไปเสียแล้ว

     

    "เพื่อนน่ะ แค่นี้ก่อนนะฮีชอล เดี๋ยวฉันถึงแล้วจะเข้าไปหา"

     

    "เดี๋ยวเซ่! ฉันไม่เห็นคุ้นเสียงเลย เพื่อนที่ไหน ฉันรู้จักรึเปล่า อย่าไปให้มันจับง่ายๆนะ เข้าใจที่ฉันสั่งมั้ย...นี่ฟังที่ฉันพูดอยู่รึเปล่าเจ้าบื้อ!"

     

    เป็นเด็กน้อยที่ขี้หวงดีจริงๆเลยน้าาา

     

    "แค่นี้นะฮีชอล แล้วเจอกัน"

    เขาไม่สนใจที่จะต่อปากต่อคำด้วย อีทึกบอกลาคนปลายสายอีกครั้งด้วยเสียงหัวเราะก่อนจะกดตัดสายทิ้งไปก่อนที่น้องชายคนดีจะทันได้อ้้าปากโวยวายอะไรออกมาอีกรอบ เขาอมยิ้มอยู่กับโทรศัพท์มือถือของตัวเองชั่วครู่ก่อนจะก้าวขึ้นไปนั่งบนรถที่สตาร์ทเครื่องรอเขาอยู่แล้ว

     

    "ขอโทษที่ให้รอนะยองอุน"

     

    "ไม่เป็นไรครับ เหมือนฝนจะตกเลยอีทึกว่ามั้ยครับ"

     

    "ไม่รู้สิ คิดงั้นหรอ"

    รอยยิ้มของคิมยองอุนช่างเจิดจ้าสดใสจนเขาสงสัยขึ้นมาจริงๆว่าผู้ชายคนนี้เคยรู้สึกเศร้าเหมือนคนอื่นเค้าบ้างรึเปล่า สารถีเบี่ยงรถกลับเข้าถนนใหญ่อย่างคล่องแคล่วด้วยมือเพียงข้างเดียว ส่วนมืออีกข้างก็เอื้อมมากดเปิดวิทยุให้ภายในรถไม่เงียบมากเกินไปนัก

     

    "แฟนโทรมาหรอครับ เห็นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว"

     

    ฮีชอลมาได้ยินแบบนี้ต้องเม้งแตกแน่ๆ เขามั่นใจ

     

    "ไม่ใช่หรอก เรายังไม่มีแฟนสักหน่อย"

     

    "งั้นผมก็จีบได้สิ?"

    ดวงตาของคนขอจีบเหล่มามองเขานิดๆด้วยท่าทางทีเล่นทีจริงจนเขาอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ อีทึกกดสายตาลงมองโทรศัพท์มือถือของตัวเองที่เขายังคงถือประคองมันไว้ด้วยสองมืออยู่บนหน้าตักพลางวาดรอยยิ้มส่งไปให้มันราวกับจะมอบให้คนที่เมื่อไม่มีนาทีก่อนหน้านั้นยังอยู่ที่อีกด้านหนึ่งของปลายสาย

     

    คิมฮีชอลก็ทำให้เขารักมากได้เท่านั้นอย่างร้ายกาจจริงๆ

     

    "คงไม่ได้หรอก น้องชายเราหวงน่ะ"

     

    ...............................................................

     

    ฝนตก!

     

    ถ้าใครมาพูดคำนี้กับเขาในตอนนี้จะถือประหนึ่งว่ามาด่าว่าพ่อเขาตายและเขาจะด่ากลับ คยูฮยอนสบถพึมพำพลางย่อตัวนั่งยองๆอยู่ริมฟุตบาธใต้ชายคาร้านสะดวกซื้อประจำจุดพักรถเล็กๆที่พวกเขาเจอก่อนสาบฝนเทะกระหน่ำลงมาแค่สามวินาทีพลางยื่นมืออกไปรองน้ำฝนเล่นฆ่าเวลา ไอฝนเย็นๆขับไล่ความอบอ้าวของไอแดดให้จางหายไปเหลือทิ้งไว้เพียงอากาศเย็นสบายหากแต่ก็ชื้นจัดจนทำใหร้รู้สึกไม่สบายตัวเอาเสียเลย

     

    "ป๋าจะเอาอันไหน มีแค่นี้"

    ขาของเจ้าของเสียงสะกิดนำมาก่อนแล้วจึงตามมาด้วยถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ยื่นส่งลงมาให้เขาได้เป็นฝ่ายเลือกก่อน คยูฮยอนพึมพำขอบคุณคนที่อุตส่าห์เข้าไปซื้อให้แถมยังไม่ทวงเงินสักวอนพลางคว้าหยิบถ้วยที่อยู่ใกล้มือที่สุดมาถือไว้ ซีวอนย่อตัวนั่งยองๆลงเคียงข้างเขา ก้มหน้าก้มตาทางในส่วนของตัวเองไปเงียบๆโดยไม่หันมาเจ๊าะแจ๊ะ(?)กับเขาเหมือนเคย

     

    "นี่ซีวอน..."

     

    "อือ"

    ลูกแมวเหล่ตามองรูมเมทเพื่อดูปฏิกริยาต่อจากการครางตอบรับสั้นๆนั่น และการนิ่งเฉยไม่แม้แต่จะชายสายตามามองหน้าเขาแบบนั้นก็น่าหงุดหงิดดีชะมัด! คยูฮยอนสะบัดหน้ากลับมาสนใจอยู่กับอาหารเย็นของตน ตั้งปฏิภาณแน่วแน่อยู่ในในว่าจะไม่สนแม่งอีก...มีอย่างที่ไหนล่ะ! บอกรักเขาตอนเมาพอตื่นเช้ามาดันทำเฉย แล้วจู่ๆก็มางอนกันน่ะนะ! ไปตายเหอะมึงงงง!

     

    ตอนกูเมาถือว่ารอบนั้นฟาวล์(กูจำได้นี่ถือเป็นกรรมของกูมากอ่ะพูดตรงๆ)

    ไม่พูดให้กูได้ยินตรงๆกูไม่ง้อมึงให้เสียเวลาหรอกจะบอกให้!

     

    คนที่ไม่คิดจะง้อสูดเส้นบะหมี่เข้าปากฟืด(?)ใหญ่อย่างอารมณ์เสีย...ช่วงนี้ไอ้เชี่ยวอนทำให้เขาเป็นเหมือนพวกผู้หญิงท้องแก่อารมณ์แปรปรวนจนเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหงุดหงิดตัวเองขึ้นมาตะหวิดๆ ตอนแรกเขาก็คิดว่าบางทีไอ้สิ่งที่เขาจำได้อาจจะเป็นเพียงแค่ความฝันบ้าๆบอๆตามประสาคนเมาของเขาเอง แต่ก็แม่งเหอะ! ถ้าเขาจะเมาถึงขั้นฝันว่าโดนไอ้เชี่ยวอนบอกรักล่ะก็นะ เขายอมให้มันเป็นความจริงเสียดีกว่า! มันเป็นอะไรที่รับไม่ได้มากๆๆๆๆๆๆแบบขั้นสุดที่จะคิดว่าตัวเองถวิลหา(บรึ๋ยยยย! ใช้คำนี้แล้วขนลุกว่ะ)ความรักจากไอ้เถื่อนนั่นมากขนาดถึงกับเก็บเอาไปฝันแบบนั้น

     

    แต่เรื่องแบบนี้พูดครั้งเดียวแล้วจบไม่ได้นะไอ้ห่า!

    มึงไม่มีรีรันแบบนี้จะให้กูทำยังไงล่ะวะ!

     

    Rrrrrr Rrrrrr

     

    เสียงโทรศัพท์มือถือที่ร้องดังขึ้นอยู่ในกระเป๋ากางเกงดึงความสนใจของเขาให้หลุดออกมาจากความฟุ้งซ่านของตัวเองอย่างรวดเร็ว คยูฮยอนขยับยืดตัวลุกขึ้นยืนเล็กน้อยเพื่อล้วงหยิบมันออกมาจากกรเป๋ากางเกงด้านข้างก่อนจะย่อตัวกลับลงไปนั่งอยู่ในท่าเดิม ชื่อที่ปรากฏเป็นสายเรียกเข้าอยู่บนหน้าจอทำให้เขาแสยะยิ้มออกและไม่รอช้าที่จะกดรับสาย

     

    "ย่าห์!! ชิมชางมิน! ทำไมมึงไม่รอให้กูลอยเป็นศพอยู่ในแม่น้ำฮันก่อนเลยล่ะแล้วถึงค่อยโทรหากูน่ะห๊าาา!!!"

     

    "โธ่ เพื่อนคยูครับ อย่าหยาบคายกับเพื่อนชิมนักสิครับ"

     

    "กูจะด่าพ่อมึงเดี่๋ยวนี้ล่ะถ้ามึงยังไม่หยุดพูดล่ะก็! มึงทิ้งกูอีกแล้วนะไอ้ห่า มึงหายหัวกบาลไปอยู่ที่ไหนห๊าาาา!!"

    การตะโกนใส่คู่สนทนาที่อยู่อีกด้านหนึ่งของสายโทรศัพท์ทำให้เขารู้สึกดีขึ้น(นิดหน่อย) คยูฮยอนวางพาดมือข้างที่ถือถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไว้บนหัวเข่าพลางขยับตัวนิดเพื่อสร้างความมั่นคง(?)ให้กับท่านั่งของตัวเองมากขึ้น

     

    "เพื่อนชิมแค่แว้บไปหยอดคุณนางฟ้าแจจุงคนสวยนิดเดียวเอง กลับมาอีกทีเพื่อนคยูก็หายไปแล้ว เพื่อนชิมก็นึกว่าเพื่อคยูงอนกลับหอไปแล้วเลยไม่ได้โทรหา พอตอนเย็ยไปหาที่ห้องว่าจะชวนไปทานข้าวฝีมือคุณแจจุงเลยรู้ว่าเพื่อนคยูไม่อยู่ เพื่อนชิมผิดตรงไหนล่ะครับ"

     

    "ผิดตั้งแต่มึงเริ่มรู้จักกูตั้งแต่ป.ห้าแล้วไอ้สัด! กูเป็นพี่มึงตั้งสิบห้าวันนะ ทำไมมึงไม่คิดจะดูแลกูดีๆเลยวะไอ้ห่า ถ้ากูโดนไอ้หมีนั่นจับไปขายที่ไทยจะว่ายังไง!"

     

    "ก็เดี๋ยวผัวเพื่อนคยูก็ไปซื้อเพื่อนคยูกลับมาอยู่ดีล่ะครับ บ้านเค้าเป็นเจ้าของโรงงานทำไวน์ที่ฝรั่งเศสเชียวนะ"

     

    "เหี้ยยยย! นี่ใช่เวลามาล้อเล่นกับกูหรอสาดดดด!"

    ต้องยอมรับจริงๆว่าการตะโกนให้คนทั้งโลกรับรู้แบบนี้ช่างเป็นการทำให้เขารู้สึกสบายใจมากแบบโคตรๆ แต่สายตาที่ดฟลือบมามองของคนที่เขาลืมไปว่านั่งอยู่ข้างๆ(และกำลังทำตัวขี้งอนงุงิยังกับสาวๆ)ก็ทำให้เขาหมดอารมณ์จะด่าขึ้นมากระทันหัน คยูฮยอนเหล่สายตามองตอบกลับไป และดวงตาคมๆคู่นั้นก็ทำเอาหัวใจของเขาเต้นสะดุดขึ้นมา13จังหวะติดเลยต้องรีบเบือนสายตาหนีออกมาก่อนที่อีกฝ่ายจะรู้ว่าเขากำลังเป็นเอามาก

     

    "เพื่อนคยูอย่าน้อยใจสิครับ"

     

    "ไม่คุยกับมึงแล้ว! กลับไปมึงตายแน่ไอ้เชี่ยโย่ง เตรียมความพร้อมของหัวกบาลมึงเอาไว้ได้เลย...ตายแน่! มึงได้ยินกูชัดมั้ย!"

     

    "เดี๋ยวสิครับเพื่อนคยู!...เพื่อนคยูคร้าบบบ!"

    คยูฮยอนตัดสายทิ้งโดยไม่คิดจะอยู่รอฟังประโยคอ้อนวานของเพื่อนสนิทจนจบ เขายัดโทรศัพท์เก็ยใส่กระเป๋ากางเกงด้านหลังลวกๆก่อนจะกลับมากินอาหารเย็นของตัวเองที่เริ่มชักจะอืดแล้วของตัวเองต่อตามเดิม เขารู้สึกได้ว่าผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆเขากำลังเหล่สายตามามองเขานิดๆด้วยสายตาเหมือนจะเหยียดหยามที่เขาเสียงดังในที่สาธารณะก่อนหมอนั่นจะยืดตัวลุกขึ้นเดินเอาถ้วยบะหมี่ไปทิ้ง...แต่เขาก็ไม่สนใจแม่งหรอก! จะไทำอะไรที่ไหนก็เชิญเลย ไม่พูดให้เขาได้ยินจริงๆเขาก็จะทำเป็นไม่รู้ว่ามันรู้สึกยังไงแบบนี้ต่อไปนั่นล่ะ! ก็ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่ามันหึง...นี่อย่ามามองท่านโจวคนนี้ด้วยสายตาเหยียดหยามอย่างนั้นนะขอร้อง คนอย่างท่านโจวไม่ได้โง่ขนาดนั้นนะ! แต่ถ้ามันมาบอกว่ารักโดยกะไม่ให้เขารู้ล่ะก็ เขาก็จะทำตัวไม่รู้อย่างที่มันอยากให้เขาเป็นนั่นล่ะ!

     

    แต่ว่าก็ว่าเถอะ...

    ปากบอกว่ารักกูแล้วมึงแอบมาสวิงกิ้งสองต่อสองกับคุณอีทึกคนสวยน่ะนะ?!!

    รับไม่ได้สัดๆอ่ะ! กวนส้นตีนมากแบบขั้นสุดอ่ะ!

     

    "เหอะ! ใครสนแม่งล่ะ ทำไมกูจะต้องสนด้วย"

    คนที่ตั้งมั่นว่าจะไม่สนพึมพำบอกตัวเองอยู่กับขอบถ้วยบะหมี่พลางเกี่ยวบะหมี่คำใหญ่ขึ้นมาเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆเคล้าเสียฝนที่ตกกระหน่ำลงมาแบบไม่ลืมหูลืมตา คยูฮยอนยกไหล่ขึ้นมาเช็ดข้างแก้มที่ชักจะชื้นไอฝนมากเกินไปจนเริ่มจะเปียก และมันก็ทำให้เขาเพิ่งรู้ตัวว่าสารถีของเขา(ผู้ซึ่งเป็นทางเลือกเดียวที่เขามีในการกลับโซล)หายไปจากสายตานานเกินความจำเป็น

     

    "เหี้ยแล้วไง"

    เขาสบถพลางยืดคอมองหาคนที่หายหัวไปไม่บอก(วอนตายนักจริงๆ!) และเขาก็เจอมันยืนเปลี่ยวสูบบุหรี่อยู่ที่อีกมุมหนึ่งของฟุตบาธ หมอนั่นปลายสายตามาสบตากับเขาครู่หนึ่งก่อนจะตวัดสายตากลับไปพร้อมกับทรุดตัวนั่งยองๆลงริมฟุตบาธอย่างไม่คิดจะใส่ใจเขามากไปกว่าที่ทำอยู่

     

    นี่มึง! เมิงงงง!!

     

    "เชวซีวอน!"

    เจ้าของชื่อเหลือบสายตามามองเขาอีกครั้ง หมอนั่นใช้ปลายนิ้วดึงมวนบุหรี่ออกมาจากริมฝีปากพลางเชิดปลายคางขึ้นเพื่อพ่นควันสีขาวขุ่นให้ลยยขึ้นไปในอากาศ ทำหน้าทำตาเหมือนจะถามว่าเรียกหาส้นตีนอะไรได้วอนส้นตีนดีชะมัดจนเขาต้องรีบกลั้น(?)อาการคันปากอยากตะโกนด่ากลัยเอาไว้อย่างรวดเร็ว

     

    มึงจะเท่ห์ก็เท่ห์ไป

    แต่วอนส้นตีนมากไปแบบนี้มึงตายได้นะไอ้ห่า!

     

    คยูฮยอนตอบโต้ไม่ถูกไปชั่วขณะหนึ่งก่อนจะรีบหันหน้ากลับมาทานข้าวเย็นของตัวเองต่อตามเดิมเมื่อสุดท้ายแล้วก็ทนสายตาของดวงตาคมๆคู่นั้นไม่ไหว...มันต้องกลับมาตั้งหลักก่อน DotAแลัสตาร์คราฟต์สอนท่านโจวคนนี้มาทุกกระบวนยุทธ์(?)หมดแล้ว

     

    "โว๊ะ! แม่งจะเอาอะไรจากกูนักหนาวะ บอกรักกูอีกสักทีมึงจะตายรึไง สัดเอ๊ยยยย!"

    ลูกแมวที่กำลังโดนเจ้าของปั่นหัวสบถพึมพำกับตัวเองออกมาเบาๆพลางลุกขึ้นเดินเอาถ้วยบะหมี่ไปทิ้ง พอทิ้งเสร็จก็ได้แต่ยืนเคว้างอยู่หน้าถังขยะเพราะไม่รู้จะไปอยู่ตรงไหนในโลกใบนี้ดี(?)...เชี่ยวอนก็งอน เชี่ยโย่งก็อยู่ไกล แล้วจะให้โจวคยูฮยอนคนนี้ทำอย่างไรดีวะครับ!

     

    "นี่เชวซีวอน!"

     

    "กูจะไปห้องน้ำ"

     

    ตุ๊ดสัดอ่ะ!

     

    คนที่จู่ๆก็ปวดห้องน้ำขึ้นมากระทันหันดีดบุหรี่ลงพื้น(คือ...มึงจะทรามมึงก็ทรามทั้งตัวและหัวใจจริงๆเนอะ!)ก่อนจะลุกขึ้นยืนหมุนตัวเดินหนีเขาไปห้องน้ำเอาเสียดื้อๆ คยูฮยอนรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังอ้าปากค้างที่จู่ๆไอ้รูมเมทอึดถึกล่ำของตัวเองก็หาเรื่องหลบหน้าขึ้นมาด้วยวิธีเหมือนสาวน้อยวัยใส(?)แบบนี้ เขามุ่ยหน้า...ชักจะกวนตีนวอนตายเกินไปแล้วนะ!!

     

    "อย่ามาหลบหน้ากูนะเชวซีวอน!"

    เขาก้าวฉับๆไปกระชากตัวของอีกฝ่ายให้หันกลับมาก่อนจะผลักร่างใหญ่ๆนั่นเข้าไปกระแทกกับกำแพงด้านหลังสุดแรง คยูฮยอนตามเข้าไปยันมือทั้งสองข้างเข้ากับกำแพงเพื่อกันไม่ให้อีกฝ่ายได้หลบหนีเขาหายไปไหนอีก ซีวอนยืนนิ่งอยู่ใต้เงาของเขาโดยไม่มีทีท่าว่าจะตื่นตระหนกอะไรมากมายนัก หมอนั่นมองหน้าเขาด้วยสายตานิ่งๆเหมือนจะบอกว่ามีอะไรก็ให้รีบพูดมา

     

    "ไม่หลบล่ะ ว่ามาอยากจะพูดอะไร"

    คือ...ถ้าเชวซีวอนยังไม่เลิกทำหน้าและน้ำเสียงให้กวนตีนอยู่อย่างนี้ล่ะก็นะ...กูจะทำให้มึงตายเดี๋ยวนี้ล่ะไอ้ห่า! คยูฮยอนพยายามจะอดทนกับสายตาและสีหน้าเรียบเฉยที่แลดูวอนส้นตีนเป็นบ้านั่นให้มากเพื่อไม่ให้ตัวเองกระทำการบุ่มบ่าม(?)ใดๆออกไปให้เสียเรื่อง

     

    "มึงโกรธกู?"

     

    "กูพูดสักคำว่าโกรธรึเปล่าล่ะ"

     

    ถ้ากูยังดูออกแบบนี้ ความก็ดูออกแล้วล่ะไอ้ห่า!

     

    "มึงอย่ากวนได้ป้ะ! ถ้ามึงโกรธกูจะได้ขอโทษ"

     

    "ป๋าไม่เคยรู้อะไร แล้วจะขอโทษทำไม คำขอโทษที่ไม่มีความหมายกูไม่เอาหรอกนะ"

     

    เรื่องมากอีกนะมึง!

     

    "แล้วมึงอยากให้กูรู้อะไรล่ะ อยากให้กูรู้เรื่องอะไรก็บอกสิวะสัด!"

    พอโดนเขาต้อนบ้าง เชวซีวอนก็ปิดปากฉับและเบือนหน้าหนีออกไปมองทางอื่นเสียอย่างนั้นราวกับไม่อยากจะสนทนาเรื่องนี้กับเขาอีกต่อไป คยูฮยอนกัดริมฝีปากของตัวเองอย่างขัดเคือง...เพิ่งเข้าใจอารมณ์ของแฟนคนก่อนๆก็ตอนนี้ว่าทำไมถึงอยากจะให้เขาบอกรักนักหนา

     

    บางทียืนยันให้กูมั่นใจหน่อยก็ดีนะไอ้เชี่ยยย!

     

    ...................................................................

     

    "สรุปคือเอาห้องเดียว?"

     

    "ก็พี่เหลือแค่ห้องเดียวไม่ใช่หรอ"

     

    "แต่ผู้ชาสองคนนอนเตียงเดียวกันมัน..."

     

    "แล้วพี่มีห้องที่มีเตียงคู่ให้ผมป้ะล่ะ"

     

    "บอกแล้วไงว่าคืนนี้ฝนตก ห้องเตียงเต็มหมดตั้งแต่หกโมงแล้ว เหลือแค่ห้องนี้ห้องเดียว"

     

    "ก็นั่นน่ะสิ เตียงเสริมพี่ก็บอกว่ามีไม่พอ พี่เห็นผมมีทางเลือกอื่นมั้ยล่ะ"

               

    "แต่ผู้ชายสองคนมานอนด้วยกันมันไม่ค่อย..."

     

    "แล้วมึงจะให้กูทำยังไงล่ะวะไอ้ห่า! กูจะเอากับเพื่อนกูในห้องมันเดือดร้อนมึงมากรึไง! เอากุญแจมา! เออ!...แค่นี้ล่ะ ขอบคุณมาก!"

    คยูฮยอนจัดการเม้ง(?)ใส่ผู้จัดการของที่พักประจำจุดพักรถไปชุดใหญ่พร้อมกับกระชากกุญแจห้องออกมาจากมือก่อนจะหมุนตัวย้ำโครมๆเดินขึ้นบันไดไปโดยมีเชวซีวอนเดินตามหลังมาต้อยๆ...เขาก็ไม่ได้อยากจะหยาบคายหรืออะไรหรอกนะ แต่ฝนแม่งตกไม่หยุดเลย แค่ฝนก็ทำให้เขาหงุดหงิดมาพออยู่แล้ว ไอ้ผู้จัดการหน้าเนิร์ดนั่นยังมาสะเออะกวนตีนแบบไม่ดูเวล่ำเวลาอีก...จะตีสองอยู่แล้วมันใช่เวลาจะมาถามว่ามาทำอะไรที่โรงแรมสองดาวมั้ยล่ะ! แถมห้องยังเหลือแค่ห้องเดียวอีก...แม่งเอ๊ยยยย!

     

    คุณพระคุณเจ้าเหอะ! คือ...พระเจ้าอยากให้พวกเขาสนิทชิดใกล้กันขนาดนั้นเลย?

     

    ห้องพักแบบอยู่แค่ประเดี๋ยวประด๋าวช่างไม่น่าประทับใจเอาเสียเลย คยูฮยอนย่นจมูกให้กับกลิ่นอับประหลาดๆที่ลอยฟุ้งอยู่ในห้องที่ลอยมากระทบจมูกทันทีที่เขาเปิดประตูเข้าไป เขาผลักบานประตูให้เปิดอ้าออกกว้างจนสุดเพื่อให้อากาศด้านในได้ไหลออกมาข้างนอกบ้างก่อนจะเดินเข้าไปวางข้าวของลงบนโต๊ะเล็กๆตัวเดียวที่มีอยู่ในห้อง

     

    "แม่งเอ๊ย ตื่นมากูอาจตายได้เลยน่ะเนี่ย"

    เขาสบถพึมพำพลางเดินย้ำไปทั่วห้องคล้ายการทำแบบนั้นจะช่วยให้ห้องหายเหม็นอับมากขึ้นกระนั้น เขาได้ยินเสียงประตูงับปิดเบาๆ พอจะหันไปด่าไอ้คนปิดว่าจะปิดทำซากอะไร สีหน้าตายด้าน(?)ของไอ้เชี่ยวอนก็ทำเอาเขาปิดปากสนิทในทันที เชวซีวอนปรายสายตามามองเขานิดก่อนจะเดินก้าวผ่านหน้าเขาหายไปในห้องน้ำ เปิดน้ำล้างหน้าแปรงฟันได้หน่อยก็เดินออกมาล้มตัวลงนอนบนเตียงเฉย ไม่มีการหันมาไถ่ถามเขาบ้างเลยสักนิดว่าจะเอายังไง

     

    นี่มึง! ถ้าจะเมินกันแบบนี้ล่ะก็นะ...!

     

    คยูฮยอนทำหน้าบึ้ง เขาเข้าไปล้างหน้าช้างตาบ้างก่อนจะเดินไปหยุดอยู่ริมเตียงที่มีไอ้เชี่ยวอนนอนตะแคงตัวหันหลังให้ เขายกมือขึ้นเท้าเอว พยายามอดทนอยู่กับตัวเองว่าอย่าได้เม้งแตกออกไปอีกเป็นรอบที่ล้านของวัน

     

    "ขยับไปอีก กูนอนไม่ได้"

     

    "จะให้กูนอนพื้นมั้ยล่ะ"

     

    ถ้ากูบอกว่าใช่ มึงจะเสียสละเพื่อกูได้มั้ยล่ะไอ้ห่า!

     

    ลูกแมวที่โดนเจ้าของประชดใส่มาทั้งวันกัดริมฝีปากของตัวเองฉับอย่างขัดเคืองเป็นที่สุด หากแต่สุดท้ายแล้วก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากล้มตัวลงนอนเท่าที่ที่คนบนเตียงเหลือที่ไว้ให้นอน เขาขยับตัวพลิกหันหลังให้อีกฝ่ายพลางยื้อผ้าห่มผืนบางเข้าหาตัวเองมากขึ้น เสียงแอร์ที่ดังหึ่งๆอยู่ในห้องทำให้การนอนหลับบนเตียงที่มีไออุ่นของคนที่บอกเขาว่ารัก(ตอนเขาเมา)แนบอยู่ที่แผ่นหลังแม่งไม่ใช่อะไรที่ทำได้ง่ายๆเลยสักนิด เขาใจเต้นไปหมด และการข่มตาให้หลับก็ทำได้ยากพอๆกับการพยายามหายใจให้เป็นปกติ

     

    "มึงหลับรึยัง"

     

    "หลับแล้ว"

     

    ถ้าจะกวนตีนกันขนาดนี้...!

     

    "นี่เชวซีวอน วันนี้มึงเป็นอะไรมากป้ะ!"

     

    "แล้วป๋าว่ากูควรจะเป็นมากมั้ยล่ะ"

    ถึงวันนี้เชวซีวอนจะทำตัวงุงิขี้งอนมาทั้งวัน หากแต่ความสามารถในการแกว่งปากหาตีนของหมอนั่นกลับไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่นิดเดียว คยูฮยอนเม้มริมฝีปากเข้ากันพลางยกมือขึ้นมากอดตัวเองเอาไว้หลวมๆเพื่อให้กำลังใจตัวเอง(?)ในการพูดต่อไป

     

    "เออก็ได้! กูขอโทษมึงที่มากับคิมยองอุนก็ได้ เขาเป็นญาติมึงไม่ใช่รึไงล่ะ มึงก็รู้จักเขานี่ ไม่เห็นจะต้องโกรธเลย...กูขอโทษมึงแล้วนะ!"

     

    "ไม่หายโกรธ"

     

    วอนมาก! ท่านโจวคุกเข่า(?)ขอโทษมึงขนาดนี้มึงคิดว่ามึงจะหยิ่งได้อย่างงั้นเรอะ!

     

    คยูฮยอนรู่สึกเหมือนตอนนี้ตัวเองกำลังทำหน้าเหมือนแมว คือแบบ...ทำหน้าพองๆแบบนั้นอ่ะ(?) เขาพยายามจะสูดหายใจใหลึกเพื่อไม่ให้หัวใจของตัวเองเต้นแรงเกินไปนัก...เขากลัวว่าเสียงมันจะดังออกมาจนคนที่นอนอยู่ด้านหลังจะได้ยินมันเข้า...แบบนั้นน่ะเสียฟอร์มชะมัด! แต่กระนั้นเขาก็ยังอยากจะหันไปข่วนหมอนั่นสักทีสองทีจริงๆ!

     

    "หายโกรธเหอะ กูขอโทษที่ทำให้มึงหึงแล้วไง"

    เขาไม่แน่ใจ่าโจวคยูฮญอนพูดอะไรออกมา...เขาไม่แน่ใจว่าจะหาความหมายจากถ้อยคำนั้นได้มากเท่าไร เลยทำได้แต่นอนลืมตาอยู่ในความมืด จ้องมองผนังห้องที่อยู่ห่างออกไปด้วยสายตาเรียบเฉยว่างเปล่า ซีวอนกำลังคิดว่าเขาเหนื่อยเกินไปที่จะมาต่อล้อต่อเถียงกับลูกแมวในวันนี้...การพยายามห้ามตัวเองไม่ให้หลุดพูดอะไรออกไปช่างเป็นเรื่องน่าเหนื่อยหน่าย เขาขยับตัวเองนิดเพื่อถอยห่างออกมาจากแผ่นหลังผอมบางของคนตัวผอมที่นอนร่วมเตียงอยู่กับเขา

     

    "นี่เชวซีวอน จะไม่หายโกรธจริงๆหรอ"

     

    "..."

    ความเงียบที่เขาให้ตอบกลับไปเรียกเสียงสบถเบาๆให้ดังขึ้น เขารู้สึกได้ถึงแรงขยับจากคนที่นอนอยู่ตรงด้านหลัง ก่อนแขนเรียวที่สอดเข้ามากอดเอวหลวมๆของเขาจากด้านหลังพร้อมกับใบหน้าที่ฝังแนบเข้ามาที่แผ่นหลังจะทำให้เขารู้จักการหยุดหายใจไปจริงๆเป็นครั้งแรก ลูกแมวเบียดตัวเข้าหาเขาเหมือนกำลังอ้อนขอขนมพลางกระชับวงแขนให้แน่นขึ้น

     

    "กูง้อขนาดนี้ มึงต้องบอกรักกูอีกสิบสามล้านครั้งด้วย เข้าใจป้ะ!"

     

    ................................................................

     







     

    เอาคู่สามพีก่อนละกันนะคะ หัวใจที่ฮันหมายถึงไม่ได้หมายถึงหัวใจในเชิงกายภาพนะคะ แต่เปรียบเทียบในเชิงของความรู้สึกน่ะค่ะ ถ้าการที่ฮันคยองเลิกรักฮีชอลจะทำให้อีทึกเลิกเจ็บปวดและเลิกรักเขาได้ และสามารถทำฮีชอลไม่ต้องลำบากใจว่าจะต้องทำยังไง เขาก็ควรจะเป็นฝ่ายที่ถอยห่างออกมาดีกว่า...อะไรทำนองนั้น คนดี๊คนดีจริงๆ! การเป็นคนที่ถูกให้ความรักแต่ไม่สามารถรักตอบได้นี่ก็น่าเศร้าพอๆกับการที่รักเค้าแล้วเค้าไม่รักตอบเลยเนอะ ส่วยคู่หลักของเราก็...แหมมมม อิหนูของเราแม่งช่างงุงิขี้งอนเปนสาวน้อยเลยยย ต้องให้คุณป๋าของเรารุกก่อนตัลหลอดดด^^

     

     

    ตอนหน้า ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด จะเป็นตอนสุดท้ายแล้วค่ะ(แต่ถ้าผิดพลาด ก็จะเป็นตอนรองสุดท้ายค่ะ) มาดูบทสรุปของคุณป๋ากับอิหนูกันค่ะว่าสุดท้ายแล้วจะเลื่อนเป็นคนรักได้มั้ย^^

     

    ส่วนเรื่องรวมเล่ม แรงงานทาสครบแล้วนะคะ จำนวนเล่มก็ถึงยอดแล้ว เพราะงั้น...เตรียมเสียเงินได้เลยค่ะ^^ 






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×