ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC SJ:KIHAE] :: Bad Romance แผนรักร้ายมัดหัวใจนายตัวแสบ

    ลำดับตอนที่ #6 : Bad Thing No.4: ผู้ชายคนนั้น .. กับฉันคนนี้ (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.37K
      8
      20 ส.ค. 53

    "อัปป้าอ่าา!!"

    ลียูกึนคนดีลองพยายามเป็นครั้งสุดท้ายด้วยท่าทางที่เจ้าตัวคิดว่าอ้อนสุดๆแล้ว แต่สิ่งที่เขาได้รับกลับมาจากการทำสีหน้าน่ารักน่าชัง(จนโดนลูกค้าผู้หญิงที่นั่งจิบกาแฟอยู่ที่โต๊ะใกล้ๆหยิกแก้มเข้าให้อย่างหมั่นไส้ไปหนึ่งที)ก็คือการโดนคุณพ่อตัวเล็กของตนอุ้มขึ้นไปฟัดแก้มเสียจนช้ำไปหมด

    "หยุดเลยนะลียูกึนตัวแสบ คิดว่าทำตัวน่ารักแล้วพ่อจะใจอ่อนรึไง เจ้าเล่ห์จริงๆเลย ต้องทำโทษให้เข็ด!"

    คนโดนทำโทษหัวเราะคิกคักออกมาเสียงใสพร้อมกับออกแรงดิ้นเร้าๆอยู่ในอ้อมกอดของคุณพ่อ เพราะโดนคุณพ่อใช้ปากงับนู่นงับนี่ไปทั่ว ลูกค้าที่นั่งจิบกาแฟของตนอยู่ต่างพากันอมยิ้มให้กับภาพอันคุ้นตานั้นอย่างเอ็นดู...พ่อลูกคู่นี้ก็หาเรื่องอ้อนกันได้ทุกเช้านั่นล่ะ

    "คิๆๆ!...อ้ปป้าอ่า!...ยูกึนจั๊กจี้น้าาา!...โอ๊ะ!...อาฮันลงมาแล้ว"

    เด็กชายตัวน้อยหยุดดิ้นเมื่อเหลือบไปเห็นร่างสูงของคนที่เขาถูกบอกให้เรียกว่าอาเดินลงมาจากชั้นบน ยูกึนชูไม้ชูมือเหมือนอยากจะบอกให้อีกฝ่ายอุ้มตนบ้าง ซึ่งเขาก็ไม่ต้องรอนานนักหรอกนะ เพราะฮันคยองได้เดินมารับเขาไปอุ้มต่อโดยที่เจ้าตัวไม่ต้องเปล่งเสียงร้องเรียกเลยสักนิด...ถ้าจะถามว่าลียูกึนโดนตามใจจนเสียเด็กเพราะใคร คำตอบคงเป็นฮันคยองคนนี้นั่นล่ะนะ ไม่ใช่คุณพ่อตัวเล็กของเจ้าตัวหรอก

    "วันนี้ต้องตามใจยูกึนนะ"

    "ฉันก็ตามใจนายตลอดไม่ใช่รึไง"

    ฮันคยองใช้ปลายนิ้มจิ้มเข้าให้ที่จมูกเล็กๆของเด็กเอาแต่ใจไปเบาๆพลางกระชับร่างเล็กเข้าแนบอกมากขึ้น ชายหนุ่มชาวจีนเจ้าของสำเนียงแปลกแปร่งหันไปหาคุณพ่อตัวเล็กที่กำลังยกมือขึ้นมาจัดปกเสื้อให้เขาด้วยสีหน้าเหมือนจะเบื่อที่ต้องทำหน้าที่นี้เหลือเกิน

    ฮันคยองไม่เคยแต่งตัวให้เรียบร้อยเลยสักทีจริงๆ

    ฮยอกแจไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรในระหว่างที่ร่างกายอยู่ใกล้ชิดกับคนตัวสูงที่ไม่เคยแต่งตัวพร้อมออกนอกบ้านเลยสักครั้ง เขาเพียงแค่ขยับมือจัดปกเสื้อ ปัดผมสีดำสนิทให้เข้าที่เรียบร้อย...ลีฮยอกแจไม่ใช่คนช่างพูด เช่นเดียวกับที่ฮันคยองไม่ชอบพูด นี่กระมังทำให้พวกเขาดึงดูดซึ่งกันและกันมากเหลือเกิน

    "ดูแลยูกึนให้ผมด้วย ปิดร้านแล้วเดี๋ยวผมโทรหา"

    "อืม"

    คนไม่ชอบพูดอะไรมากความครางรับออกมาสั้นๆ เขาใช้ข้อนิ้วของมือข้างที่ว่างลูบแก้มเนียนของเจ้าของร้านกาแฟคนเก่งเบาๆคล้ายแทนคำบอกลาแล้วจึงหมุนตัวพาตัวเองและคนในอ้อมกอดเดินออกจากไปร้านไป

    "นี่ฮยอง..."

    "ว่าไง"

    ฮยอกแจมองแผ่นหลังกว้างผ่านกระจกหน้าร้านไปจนลับตาแล้วจึงหันกลับไปขานรับเสียงเรียกของอ๊คแทคยอนบาริสต้าคนเก่งของร้านที่หูข้างหนึ่งมีหูฟังเสียบไว้อยู่ เจ้าของร้านจอมเคี้ยวขมวดคิ้วฉับอย่างไม่ชอบใจในสิ่งที่ตนเห็น และไม่รอช้าที่จะเดินไปกระชากเจ้าหูฟังที่ว่าออกจากหูของคนชอบฟังเพลงทันทีก่อนที่เจ้านั่นจะได้ทันอ้าปากพูดเรื่องที่ตัวเองอยากจะพูดเสียอีก

    "ตอนทำงานห้ามเสียบหูฟัง ฉันเคยบอกนายแล้วนี่"

    "โธ่ฮยองอ่าา!...ก็ร้านฮยองมันเงียบเหมือนป่าช้าเลยอ่ะ ผมบอกให้ซื้อเครื่องเสียงมาติดก็ไม่เชื่อ"

    ดูเหมือนอ๊คแทคยอนคงจะลืมเรื่องหลักที่ตัวเองอยากจะพูดไปแล้วล่ะ

    คำว่าเครื่องเสียงทำให้ฮยอกแจชะงักไปนิด แต่เขาก็กลบเกลื่อนมันด้วยการหมุนตัวเดินไปเก็บถ้วยกาแฟเปล่าใบหนึ่งที่ลูกค้าวางทิ้งไว้...เลือกที่จะหันหลังให้คนที่เขารู้ว่าจะไม่ยอมแพ้แค่เรื่องของเครื่องเสียงแน่ๆ

    "ทีวีก็ได้ อินเตอร์เน็ตไร้สายก็ยังดี ฮยองต้องมีลูกค้าเพิ่มแน่ถ้าร้านมีอะไรแบบนั้นเหมือนร้านคนอื่นเค้าอ่ะ ฮยองปิดหูปิดตาเจ้าหนูยูกึนเกินไปเปล่า"

    "เรื่องของฉันนา"

    ฮยอกแจบอกปัดคำถามนั้นพลางเดินไปยังอีกโต๊ะหนึ่ง แม้แต่ในที่เล็กๆแบบนี้เขาก็ยังหนี...นิสัยเสียจริงๆเลยลีฮยอกแจ ใบหน้าขาวก้มต่ำมองมือของตนที่กำลังยกแก้วกาแฟขึ้นซ้อนกันด้วยสีหน้าและแววตาอันเรียบเฉย...พยายามทำหัวใจให้กลวงเปล่าอย่างที่เคยชินเพื่อไม่ให้ตัวเองรู้สึกอะไรมากไปกว่าความเย็นชา

    "ฮยองทำเหมือนหนีใครอยู่งั้นล่ะ"

    หนีงั้นหรอ...

    พูดอะไรไร้สาระเสียจริง

    ก้อนกรวดบนพื้นจะหนีจากดวงดาวบนฟ้าได้อย่างไรกัน

    ขนาดยกมือขึ้นมาปิดตาทั้งสองข้าง

    แสงสว่างของดวงดาวยังลอดผ่านมือของเขาเข้ามาทำให้เขาร้องไห้อยู่บ่อยๆเลย

    ...........................................................

    "วันนี้มันอะไรกันนักหนาวะ"

    คนตัวเล็กบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆพลางหยิบครีมสำหรับทำวิปครีมใส่ตะกร้ารถเข็นไปลวกๆโดยไม่คิดจะนับจำนวนให้ปวดหัวก่อนจะรีบเข็นรถไปยังแผนกอื่น เขาไม่กลัวมันจะเหลือหรอกนะวันนี้น่ะ...มันจะไม่พอน่ะสิไม่ว่า!

    ไม่รู้ว่าวันนี้มันวันมหาวิปโยคอะไรสำหรับร้านกาแฟของเขากันแน่ เหล่าเด็กสาววัยรุ่นยันเด็กสาวมหาลัยถึงได้เข้ามาวุ่นวายในร้านของเขาตั้งแต่เที่ยงแบบนี้ มันก็ดีสำหรับการค้าอยู่หรอกนะ...นมหมด เมล็ดกาแฟหมด ผงโกโก้หมด เค้กที่เขาไปรับมาขายก็หมด แม้แต่แก้วกาแฟก็ยังหมด!...ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ เปิดร้านมาสามปีกว่า เขายังไม่เคยต้องออกมาซื้อของกลางคันแบบนี้มาก่อนเลย ครั้นจะโทรไปเรียกให้ฮันคยองไปซื้อให้ เจ้าคนจีนนั่นก็พาลูกของเขาไปเล่นเสียไกลโขจนเขาต้องรีบสั่งให้นั่งแท๊กซี่กลับมา...ซึ่งมันก็คงจะทันช่วยเขาซื้อของอยู่หรอก

    ฮยอกแจถอนหายใจออกมาเหนื่อยๆพลางยกใบรายการซื้อของขึ้นมาดูผ่านๆแล้วจึงรีบจ้ำอ้าวเข็นรถไปยังชั้นขายกาแฟเมื่อพบว่านั่นเป็นรายการสุดท้ายในลิสต์แล้ว ดวงตาเรียวรีกวาดมองอย่างว่องไวไปตามชั้นวางเพื่อหาเมล็ดกาแฟยี่ห้อเดิมที่เคยใช้ พยายามจะทำเป็นมองเมินบางอย่างเหมือนที่ทำมาทุกครั้งที่ซื้อกาแฟ แต่มันก็ไม่เคยได้ผลเลยสักครั้งจนเขานึกอยากจะตรงเข้าไปฉีกมันทิ้งๆไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด ร่างบางชะงักไปนิดให้กับภาพพรีเซ็นเตอร์ของกาแฟยี่ห้อหนึ่งที่ทำป้ายโฆษณายื่นออกมาจากชั้นวาง

    ผู้ชายคนนั้นยังยิ้มได้สดใสเหมือนเดิมไม่ผิด

    มันทำให้เขานึกสงสัยขึ้นมาจริงๆว่ามันมีเพียงแค่เขาคนเดียวรึเปล่าที่เสียใจ

    ก่อนกรวดจะทำให้ดวงดาวดับแสงได้ยังไงกันล่ะ...น่าขำชะมัดเลย

    "หึ..."

    ฮยอกแจรีบกวาดเมล็ดกาแฟที่ตนต้องการใส่ตระกร้ารถเข็นแล้วจึงก้มหน้าก้มตาเข็นรถหนีออกมาจากตรงนั้น มือเล็กบีบจับราวจับของรถเข็นแน่น และดวงตาของเขาก็กำลังร้อนผ่าวอย่างน่าหัวเราะ...ทำไมลีฮยอกแจถึงยังไม่เลิกเป็นแบบนี้เสียที...ทำไมลีฮยอกแจถึงยังไม่เลิกเสียใจกับการกระทำของตัวเองเสียที...น่าสมเพชสิ้นดีเลย!

    ผู้ชายคนนั้น...กับเขาคนนี้

    น่าหัวเราะชะมัด

    ดวงดาวดวงนั้น...กับก้อนกรวดก้อนนี้

    พูดเรื่องตลกอยู่รึไงกัน!

    ............................................................

    ถึงถุงพลาสติกในมือทั้งสองข้างจะหนักจนเขาต้องหยุดวางของลงเพื่อพักเอาแรงไปหลายรอบ แต่ฮยอกแจก็ยังเลือกที่จะเดินเอื่อยเฉื่อยอยู่ริมถนนแบบนี้อยู่ดี ย่านทงแดมุนวุ่นวายเสมอ ผู้คนและเสียงดนตรีที่เปิดตีกันจนฟังไม่รู้เรื่องสักเพลงอาจจะทำให้เขาหงุดหงิดบ้างในบางครั้ง แต่มันก็ทำให้เขาเลิกคิดอะไรวุ่นวายได้ในบางครั้งเช่นกัน

    คนร่างบางที่ถือถุงใบใหญ่เกินตัวอยู่มากโขกระชับถุงในมือให้แน่นมากขึ้นพลางก้าวเดินต่อไปอย่างไม่ย่อท้อต่ออากาศร้อนและผู้คนที่เดินสวนผ่านเขาไป แต่อะไรบางอย่างจากจอทีวียักษ์ที่ข้างตึกตรงหน้าก็ทำให้เขาหยุดชะงักการก้าวเดินและแหงนหน้ายืนมองดูมันเอาเสียกลางฟุตบาธแบบนั้น

    ก็บอกแล้ว...

    ขนาดใช้สองมือปิดตาจนมืดสนิท ดวงดาวยังส่องแสงลอดผ่านเข้ามาเลย

    �����������

    "กลับมาเกาหลีคราวนี้คงไม่หนีแฟนๆกลับไปอเมริกาแล้วนะครับคุณซีวอน"

    "ครับ ผมจัดการเรื่องเรียนเรียบร้อยหมดแล้ว คงอยู่เกาหลีให้ทุกคนเบื่อหน้ากันไปข้างเลยล่ะครับ"

    เสียงหัวเราะนุ่มๆของผู้ชายคนนั้นทำให้ฮยอกแจยิ้มออกมานิด...ยังให้ความรู้สึกอบอุ่นไม่เปลี่ยนเลยนะเชวซีวอน ชอบโปรยเสน่ห์ไม่ดูตาม้าตาเรือแบบนี้ตลอดเลย...เป็นผู้ชายแสนดีอย่างนี้เสมอเลย

    "ธุรกิจอัญมณีของครอบครัวก็กำลังรุ่ง งานในวงการก็กำลังไปได้สวย แล้วชีวิตรักล่ะครับ...ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง เมื่อไรจะเอาคนๆนั้นมาเปิดตัวสักทีล่ะครับ สาวๆทั่วประเทศ...ไม่สิ ต้องเป็นค่อนทวีปเอเชียคงอยากรู้กันจะแย่แล้ว"

    "ฮยอง!...ฮยอกแจฮยองคร้าบบบ!!"

    เสียงเรียกของอ๊คแทคยอนดึงเขาออกมาจากความเจ็บปวดได้ชั่วครู่ ฮยอกแจหันไปหาตามเสียงเรียก และเขาก็พบเข้ากับอ๊คแทคยอนที่กำลังวิ่งหน้าตาตื่นมาหาเขา ซึ่งมันทำให้เขาต้องขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจในทันที

    "นายปล่อยร้านทิ้งไว้หรอแทคยอน"

    "เปล่าครับ คุณฮันคยองกลับมาแล้ว เขาให้ผมออกมาตามฮยอกแจฮยองน่ะ"

    "แล้วไป"

    เจ้าของร้านคนสวยพึมพำพลางเหลือบสายตาขึ้นไปมองที่จอทีวีเล็กน้อย แต่รายการที่เขาดูอยู่เมื่อครู่ก็ตัดเข้าช่วงโฆษณาไปเสียแล้ว...ก็ดี เขาจะได้ไม่ต้องร้องไห้อีก แทคยอนยืนหอบหายใจอยู่ชั่วครู่ก่อนเจ้าตัวจะล้วงหยิบโทรศัพท์ไอโฟนของตนออกมา ทำท่าทำทางเหมือนอยากจะให้เขาดูอะไรสักอย่าง

    "ผมรู้แล้วครับว่าทำไมวันนี้ร้านเราสาวๆเยอะ เชวซีวอนบอกจะมาร้านฮยองในทวิตเตอร์อ่ะ เขาพูดชื่อร้านของฮยองเลยนะ ดูสิ!"


    ��



    เจ้าเด็กยักษ์หน้าแมวยื่นหน้าจอโทรศัพท์ไอโฟนของมันมาให้เขาดู และภาษาอังกฤษเป็นพรืดแบบนั้นก็ทำให้เขาต้องมุ่นหัวคิ้วเข้าหากันก่อนจะเบือนหน้าหนีออกมาเป็นเชิงเหมือนจะบอกว่าเขาไม่เข้าใจมันเสียหรอกนะ เดือดร้อนถึงเจ้าของโทรศัพท์ที่มีรกรากอยู่ที่บอสตันอีกนั่นล่ะที่ต้องแปลให้ฟัง

    "เขาบอกว่า เพิ่งถ่ายโฆษณาที่คังนัมเสร็จ อยากหากาแฟกับเค้กสักชิ้นกินก่อนไปสนามบิน แล้วเขาก็บอกชื่อร้านฮยองอ่ะ...เนี่ย คอฟฟี่เค้กคาเฟ่ เจ๋งไปเลยอ่ะ ดาราดังอย่างเชวซีวอนรู้จักร้านของฮยองด้วยนะ คงเพราะวันนั้นมาถ่ายละครแถวๆนี้แน่เลย...ฮยองว่าไง เยี่ยมไปเลยว่ามั้ยครับ"

    นี่หมายความว่าความพยายามของฉันเป็นผลรึเปล่า

    แบบนี้ฉันหวังได้รึเปล่านะ

    คงไม่ได้สินะ...ไม่มีทางอยู่แล้ว

    "ไม่เห็นจะดีตรงไหนเลย"

    ............................................................

    "ยูกึนล่ะ"

    "ฉันพาไปนอนข้างบนแล้ว"

    "อืม"

    ฮยอกแจครงรับเบาๆพลางยื่นข้าวของจำนวนหนึ่งให้คนจีนที่อยู่เฝ้าร้านอันแสนจะวุ่นวายอยู่คนเดียวมาพักใหญ่ไปเก็บที่ด้านหลังร้าน กระซิบบอกอย่างรวดเร็วว่าต้องทำอย่างไรกับของพวกนั้นบ้างก่อนจะหันไปหาแทคยอนที่วิ่งไปยังเครื่องทำกาแฟของตนทันที

    ชายหนุ่มผิวสีแทนหยิบนู่นเทนี่อย่างคล่องแคล่วรู้งาน แต่กระนั้นใบหน้าคมก็ยังประดับไปด้วยรอยยิ้มขี้เล่นและขานรับเสียงของลูกค้า(ที่ตอนนี้เป็นผู้หญิงทั้งร้านแล้ว)ที่ร้องทวงหาเครื่องดื่มของพวกหล่อนแง้วๆด้วยท่าทางที่ไม่แสดงถึงความรำคาญเลยสักนิด...ถึงอ๊คแทคยอนจะไม่หน้าตาน่ารักน่าชัง(?)เหมือนเจ้าหนุ่มพนักงานเสิร์ฟทั้งสองคนของเจ๊จางเจ้าของร้านอาหารจีนฝั่งตรงข้าม แต่ประสิทธิภาพก็พอถูๆไถๆกันได้ล่ะนะ

    "ฉันจะไปเอาเค้กนะแทคยอน ฮันคยองอยู่หลังร้าน ไม่ไหวก็ไปเรียกเขามาช่วยนะ"

    เจ้าของร้านร่างบางป้องปากบอกบาริสต้าของตนซึ่งพยักหน้ารับรู้อย่างว่าง่าย ฮยอกแจตั้งท่าจะก้าวออกจากร้าน แต่สายตาเจ้ากรรมก็ยังไม่วายกวาดมองไปทั่วคาเฟ่อันวุ่นวายของตนเพื่อมองหาใครบางคนที่ทวีตบอกแฟนๆไปเมื่อตอนเที่ยงๆว่าจะมาหากาแฟทานที่นี่ ก่อนเขาจะถอนหายใจออกมาเมื่อพบว่านอกจากเขา ฮันคยองที่อยู่หลังร้านและแทคยอนแล้ว ไม่มีใครในร้านตอนนี้เป็นผู้ชายเลยสักคนเดียว คนเย็นชาที่ตอนนี้รู้สึกเหมือนหัวใจกำลังกลวงเปล่าส่ายหน้าให้กับความรู้สึกของตนแล้วจึงรีบเดินออกจากร้านมา

    ความรู้สึกแบบนี้...

    มันดีใจหรือเสียใจกันนะ

    .....................................................

    เจ้าอ๊คแทคยอนต้องทำเรื่องบ้าอะไรแน่ๆ

    นั่นเป็นสิ่งแรกที่เขาคิดเลยล่ะ หลังจากหายออกจากร้านไปกว่าชั่วโมง และกลับมาพบว่าร้านของเขาตอนนี้มีสภาพเหมือนเพิ่งเปิดใหม่ไม่มีผิด! ความวุ่นวายในตลอดช่วงบ่ายหายวับไปราวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงละครฉากหนึ่งที่พอเลิกกองทุกอย่างก็กลับเข้ามาสู่สภาพปกติอย่างที่ควรจะเป็น นั่นคือคาเฟ่อันเงียบงันที่กรุ่นไปด้วยกลิ่นของกาแฟจางๆและลูกค้าอีกไม่กี่คนที่ไม่นั่งจมอยู่กับหนังสือของตนก็นั่งเหม่อสายตาออกไปเรื่อยเปื่อยยังท้องถนนอันวุ่นวายของย่านทงแดมุน

    ฮยอกแจขมวดคิ้วพลางก้าวดุ่มๆเข้าไปในร้านกาแฟเล็กๆของตนอย่างไม่คิดจะรอหาคำตอบอยู่ที่ด้านนอกร้าน(ถึงแม้เขาจะยังเห็นเด็กสาวหลายคนทำตัวด้อมๆมองๆอยู่ที่ร้านข้างๆก็ตาม) เขาแทบจะเหวี่ยงกล่องเค้กสี่กล่องที่เขาไปขอให้ร้านเบเกอรี่เจ้าประจำทำเพิ่มให้แบบด่วนพิเศษลงบนเค้าน์เตอร์จนมันล้มคว่ำก่อนจะไม่รอช้าที่จะเดินไปหาเจ้าบาริสต้าตัวดีที่ยืนเช็ดแก้วอยู่ด้วยสภาพเรียบร้อยเจียมเนื้อเจียมตัวยังไงพิกล

    "เกิดอะไรขึ้นอ๊คแทคยอน แล้วฮันคยองไปไหน"

    เจ้าของร้านกระซิบถามลูกจ้างตัวใหญ่ของตนเสียงดุพร้อมด้วยดวงตาเขียวปัดคล้ายเตรียมจะเล่นงานทันทีถ้าอีกฝ่ายตอบคำถามได้ไม่ถูกใจแม้เพียงสักข้อเดียว แทคยอนที่กำลังใช้ผ้าขนหนูเช็ดแก้วกาแฟให้แห้งเหลือบสายตามองเจ้าของร้านจอมเคี้ยวน้อยๆเหมือนจะค้อนพร้อมกับเบ้ปากนิดๆคล้ายจะงอนที่อีกฝ่ายชอบมองเขาในแง่ร้ายเหลือเกิน

    "ผมเปล่าทำอะไรสักหน่อยนะฮยอง ทำไมฮยองชอบมองผมในแง่ร้านนักล่ะ พอคุณคนนั้นเค้าเข้ามานะ พวกผู้หญิงก็ละลายไหลออกไปนอกร้านกันหมดเลย เจ๋งชะมัดอ่ะ ส่วนคุณฮันคยองกำลังล้างแก้วให้อยู่ครับ คิดว่าตอนนี้คงไปอยู่เป็นเพื่อนเจ้ายูกึนแล้วล่ะมั้ง"

    "คุณคนไหน"

    "ก็จะมีคุณคนไหนล่ะ คุณเชวซีวอนคนดังน่ะสิ"

    หัวใจของฮยอกแจตกหายไปทันทีเมื่อได้ยินชื่อของใครอีกคนปรากฏเข้ามาในบทสนทนา ตัวของเขาชาและอากาศรอบข้างก็หนาวเย็นไปหมด...รู้สึกเหมือนหัวใจหยุดเต้นจริงๆ และกว่าเขาจะตั้งสติพร้อมกับกลับมาทำตัวให้ว่างเปล่าตามเดิมได้ มันก็สายไปเสียแล้ว เพราะแทคยอนทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกอะไรออกก่อนจะหันไปยิ้มกว้างให้กับหนึ่งในกลุ่มของลูกค้า...ซึ่งเขาก็ไม่อยากจะรู้นักหรอกว่าเป็นใคร

    "เออใช่!...คุณซีวอนครับ เค้กมาแล้วนะครับ"

    ฮยอกแจได้ยินเสียงร้องตอบรับ เสียงเก้าอี้เลื่อนครูดกับพื้น และเสียงฝีเท้าก้าวเดินตรงมาทางเค้าน์เตอร์ หากแต่เขาก็ไม่กล้าแม้เพียงเหลือบสายตาหันไปมอง แทคยอนสะกิดเขาเบาๆที่หัวไหล่พร้อมกับพยักเพยิดไปยังกล่องเค้กที่วางระเนระนาดอยู่บนเค้าน์เตอร์ด้านหน้าเหมือนจะเตือนว่าเขาควรจะเตรียมมันให้พร้อมขายนะ ฮยอกแจหันไปมองกล่องเค้ก...และเขาก็สบตาเข้ากับเชวซีวอนที่เดินมาถึงเค้าน์เตอร์ตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้

    การสบตากันครั้งแรกในรอบสี่ปี

    เจ็บปวดกว่าที่เขาคิดไว้เสียอีก

    เชวซีวอนมีสีหน้างุนงงในชั่ววินาทีแรก ก่อนเจ้าตัวจะคลี่ยิ้มกว้างออกมาจนปรากฏลักยิ้มบุ๋มลงไปที่ข้างแก้มทั้งสองข้าง สีหน้ายินดีของคนตัวสูงผู้มีมัดกล้ามสมส่วนซ่อนอยู่ใต้เสื้อผ้ามียี่ห้อราคาแพงนั้นชัดเจน ดวงตาของซีวอนทอประกายวิบวับขึ้นมา...ยังคงเป็นคนที่แสดงอารมณ์ของตัวเองออกมาอย่างไม่มีปิดบังเช่นเดียวกับเด็กชายตัวน้อยแสนซนเหมือนเดิมไม่มีผิด

    ฮยอกแจได้แต่เก็บมันเอามาอมยิ้มกับตัวเองเพียงลำพัง มือใหญ่ตั้งท่าจะเอื้อมข้ามเค้าน์เตอร์มาสัมผัสที่ไหล่ของเขา หากแต่ลีฮยอกแจคนขี้ขลาดกลับถอยหนีและเบียดกายเข้าหาแทคยอนเพื่อหลบเลี่ยง แต่ซีวอนก็ดูเหมือนจะไม่ใส่ใจท่าทางแบบนั้นเท่าไรนัก...เชวซีวอนก็ชอบทำเหมือนมองไม่เห็นอะไรแบบนี้ตลอดนั่นล่ะ

    "ฮยอกแจนี่นา"

    ชื่อของเขาเคยฟังดูอบอุ่นกว่านี้รึเปล่านะ

    ลีฮยอกแจทำตัวงี่เง่าอีกแล้ว

    "อืม"

    ฮยอกแจขานตอบรับคำเอ่ยทักครั้งแรกในรอบสี่ปีกลับไปเพียงแค่นั้นก่อนจะเลือกที่จะหันหลังให้กับดวงตาคมๆคู่นั้นโดยการคว้ากล่องเค้กและหมุนตัวหันมายังเค้าน์เตอร์ด้านหลัง

    "มีช๊อคโกแล๊ตมาชแมลโลว์ ช๊อคโกแล๊ตฟัดจ์ไวท์ช๊อคโกแลตแมคคาเดเมีย กับ ช๊อคโก้บานาน่า"

    คนที่กำลังวุ่นวายอยู่กับการนำเค้กออกมาจากกล่องเอ่ยกล่าวออกมาเสียงเรียบโดยไม่แม้แต่จะเหลือบสายตากลับไปมองคนที่เขารู้ว่ากำลังมีรอยยิ้มเลยสักนิด

    ร้านของเขาไม่ได้ทำเค้กเอง เขาทำไม่เป็น และก็ไม่อยากเสียเงินจ้างใครเข้ามาวุ่นวายในร้านอีกคน เขาเลยตัดสินใจที่จะรับฝากขายจากร้านด้านนอกแทนที่ และเพื่อเป็นการลดความวุ่นวาย เขาเลือกที่จะขายมันวันละหนึ่งรสเท่านั้น ซึ่งในวันศุกร์แสนสบายที่ลูกค้ามักจะเยอะเป็นพิเศษแบบนี้ เขาเลือกที่จะใช้ช๊อคโกแล๊ต และมันก็น่าเศร้าที่เขายังคงจำได้ว่าเชวซีวอนคนนั้นโปรดปรานช๊อคโกแล๊ตมากพอๆกับกาแฟ

    ฮยอกแจได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆดังขึ้นเมื่อเขาร่ายรายการเค้กจนจบ...และมันก็อบอุ่นที่หัวใจมากๆจนเขาเกือบจะร้องไห้ออกมา

    "ผมมาถูกวันจริงๆด้วยสินะครับ ตอนแรกผมนึกว่าฟังที่พี่สตาฟเล่ามาผิดเสียอีก"

    "อืม"

    ฮยอกแจไม่ได้ตอบอะไรมากไปกว่านั้นจนแทคยอนที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ใกล้ๆต้องหันมามองอย่างประหลาดใจ...ถึงฮยอกแจฮยองจะเป็นคนพูดน้อย แต่ถามคำ (คราง)ตอบคำแบบนี้มันน้อยเกินไปรึเปล่านะ

    "ขอเป็นช๊อคโกแล๊ตฟัดจ์ล่ะกันนะครับ"

    "อืม"

    เชวซีวอนเดินกลับไปนั่งที่เดิมแล้ว แต่ฮยอกแจกลับยังคงยืนหันหลังให้กับประตูร้านของตนอยู่แบบนั้น ก้มหน้านิ่งมองมือของตนอย่างว่างเปล่า...บอกความรู้สึกของตัวเองไม่ถูกเลยจริงๆ และก็เป็นบาริสต้าคนเก่งอีกนั่นล่ะที่ต้องเดินเข้ามาสะกิดให้รู้สึกตัว

    "ฮยอกแจฮยองรู้สึกไม่ดีหรอครับ"

    "เปล่า"

    "จะให้ผมไปเรียกคุณฮันคยองให้ลงมาช่วยมั้ยครับ"

    "ไม่ต้องหรอก"

    คนตัวเล็กบอกปัดก่อนจะจัดการหยิบเค้กช๊อกโกแล๊ตฟัดจ์ชิ้นหนึ่งออกมาใส่จาน จัดมันให้เข้าที่เรียบร้อยแล้วจึงนำมันออกไปเสิร์ฟให้กับคนสั่งด้วยตัวเอง...ลีฮยอกแจไม่เป็นอะไรหรอก ก็แค่ตั้งรับไม่ทันเท่านั้นเอง แต่ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้ว...ทนไหวอยู่แล้ว

    "เค้กครับ"

    "อยู่คุยกันก่อนสิครับฮยอกแจ"

    มืออุ่นเอื้อมมาคว้าข้อมือของเขาเอาไว้ทันทีเมื่อเขาตั้งท่าจะหมุนตัวเดินหนีกลับไป ซีวอนเพียงแค่ออกแรงกระตุกนิดหน่อย ร่างของเขาก็เซถลาลงไปนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวข้างๆคนเอ่ยชวนอย่างง่ายดาย และแน่ล่ะ...อยู่ใกล้กันมากขนาดนี้ทำให้ฮยอกแจหายใจไม่ออก เพราะมันใกล้มากเหลือเกิน...ใกล้จนเอื้อมคว้าเอาไว้ได้เลยล่ะ

    แต่ลีฮยอกแจไม่มีสิทธิ์ที่จะทำแบบนั้นหรอก

    "ฮยอกแจเป็นไงบ้างครับ สบายดีรึเปล่า"

    "อืม"

    ซีวอนยกมือขึ้นเท้าคาง เอนคอมองคนที่นั่งก้มหน้าก้มตาหลบสายตาของเขาด้วยแววตาอบอุ่นและรอยยิ้มอ่อนโยน...แต่หัวใจกำลังรู้สึกอย่างไร มันชาจนเขาบอกไม่ได้แล้วล่ะ เขาตักเค้กฟัดจ์นุ่มลิ้นเข้าปากพลางเฝ้ามองคนข้างกายต่อไปอย่างไม่คิดยอมแพ้ แล้วเขาก็ต้องหลุดหัาเราะออกมาเบาๆเมื่ออีกฝ่ายไม่มีทีท่าว่าจะเงยหน้าขึ้นมาคุยกับเขาดีๆเลยสักนิดจนเขาต้องทำการเรียกร้องความสนใจด้วยการใช้มือข้างที่จับส้อมเอื้อมไปปัดปอยผมสีดำที่ตกระอยู่ข้างแก้มเนียนขึ้นไปทัดใบหูเล็ก และทันทีที่ปลายนิ้วของเขาสัมผัสเข้ากับแก้มใส ร่างของฮยอกแจก็กระตุกเกร็งพร้อมกับผงะถอยหนี...หนีเขาเป็นครั้งที่สองแล้วนะลีฮยอกแจ

    "ฮยอกแจจะไม่ถามผมหน่อยหรอครับ"

    �����������

    "ฉันรู้จากรายการทีวีหมดแล้ว คงไม่ต้องถามหรอก"

    ฮยอกแจหวังว่าน้ำเสียงของตนนั้นจะเย็นชาและห้วนกระด้างมากพอที่จะทำให้อีกฝ่ายเลิกคุยกับเขาเสียที ทั้งๆที่เขาก็น่าจะรู้ว่าความเย็นชาและเฉยเมยไม่เคยใช้ได้ผลกับเชวซีวอนคนนั้นมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว...และมันก็ยังคงเป็นแบบนั้นไม่เปลี่ยน เพราะเจ้าชายแห่งวงการมายาคนดังยังคงมีรอยยิ้มมาให้เขาเหมือนไม่ได้กำลังรู้สึกอะไร คนตัวสูงยกกาแฟขึ้นจิบนิดพลางขยับตัวเล็กน้อยคล้ายรู้สึกไม่สบายตัว...หรือข้างในกำลังเจ็บปวดกันแน่นะ?

    "ผมคิดถึงฮยอกแจนะครับ"

    คิดถึงมาก...จริงๆนะ

    "แต่ฉันเลิกคิดถึงนายมานานแล้ว"

    ถ้าหัวใจของคนเราหยุดเต้นได้จริงๆ...เชวซีวอนก็รู้แล้วว่ามันรู้สึกยังไง

    ซีวอนชะงักนิ่งไป และภายใต้รอยยิ้ม...หัวใจของเขากำลังเจ็บปวด ลีฮยอกแจคนเย็นชายังคงมีคำพูดที่ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดได้เสมอ...ไม่ว่าครั้งแรกที่รู้จักกัน ครั้งสุดท้ายที่รักกัน หรือแม้แต่การเจอกันครั้งแรกเมื่อตอนไม่รักกัน...ลีฮยอกแจก็ยังทำให้เขาเจ็บปวดด้วยคำพูดแสนเย็นชาทั้งๆที่เขาอยากจะยิ้มให้

    ทว่าเขาก็รักคนเย็นชาคนนี้มากเหลือเกิน

    แม้แต่ตอนนี้...ก็ยังคิดว่ารัก

    คนที่เขาฝันถึงอยู่ทุกคืน...ไม่เรียกว่าความรักแล้วจะให้เรียกว่าอย่างไร

    เชวซีวอนช่างเป็นคนโง่งมไม่สมกับปริญญาที่เขาได้มาจากอเมริกาเอาเสียเลย

    "งั้นหรอครับ..."

    เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาที่ดังขึ้นมาเสียก่อนที่เขาจะได้พูดประโยคทั้งหมดออกไปจนจบ ดาราหนุ่มล้วงหยิบมันขึ้นมากดรับ และผู้ที่อยู่ปลายสายก็คือผู้จัดการส่วนตัวคนดีของเขาเอง ซีวอนแย้มรอยยิ้มออกมานิดเมื่อได้ยินเสียงฟึดฟัดดังมาตามสาย...เขาทำคิมฮีชอลองค์ลงอีกแล้วล่ะ

    "ครับฮีชอล"

    "รู้มั้ยตอนนี้ฉันโกรธนายมากขนาดไหน"

    "โกรธมากใช่มั้ยล่ะครับ"

    "เออ!"

    เขาหลุดหัวเราะออกมานิดเมื่อในที่สุดคิมฮีชอลคนสวยของเขาก็ระเบิดออกมา คนปลายสายร้องโวยวายแว้ดๆที่เขาทวีตบอกตำแหน่งให้แฟนๆรู้ผ่านมาตามสาย แต่เขาก็ไม่ได้สนใจฟังอะไรจริงจังนักหรอก...ใจความสำคัญของคำพูดของคิมฮีชอลมักจะอยู่ที่แค่ประโยคแรกไม่ก็ประโยคสุดท้ายของการสนทนาเท่านั้นนั่นล่ะ

    "ฉันให้เวลานายแค่ห้าวินาทีเท่านั้นนะเชวซีวอนกับการก้าวออกมาจากร้านกาแฟนั่นแล้วเดินอีกสามก้าวมาขึ้นรถ...เข้าใจที่ฉันสั่งมั้ยยะ!"

    บางครั้งซีวอนก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าใครเป็นคนจ้างใครมาทำงานกันแน่

    �����������เขาเหลียวหลังกลับไปมองที่หน้าร้าน และที่จอดขวางอยู่ตรงหน้าประตูร้านแบบพอดิบพอดีนั่นก็คือรถตู้ติดฟิล์มสีดำสนิทประจำตัวของเขาเอง ซึ่งมันก็เดาได้อีกไม่ยากนั่นว่าคิมฮีชอลคนดีคงนั่งถลึงตามองเขาอยู่ในรถคันนั้นเป็นแน่ ซีวอนส่งรอยยิ้มไปให้คนที่เขารู้ว่ากำลังนั่งจับเวลาห้าวินาทีอยู่ในรถเล็กน้อยก่อนจะหันกลับมานั่งดีๆตามเดิม

    "ครับ"

    ชายหนุ่มรับคำสั้นๆแล้วจึงกดวางสายไป เขาหันมายิ้มให้กับเจ้าของร้านตัวเล็กที่ก้มหน้าไม่ยอมสบตากับเขาเลยสักนิดพลางหยิบเงินค่ากาแฟและขนมเค้กออกมาวางไว้บนโต๊ะทั้งๆที่เพิ่งทานไปได้เพียงไม่กี่คำแล้วจึงขยับตัวลุกขึ้นยืน กระนั้นแล้ว...ลีฮยอกแจก็ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตาให้เขาหายคิดถึงดวงตาคู่นั้นเสียที

    "ผมคงต้องไปแล้วล่ะครับฮยอกแจ"

    "อืม"

    "เค้กกับกาแฟอร่อยมาก แต่ต้องขอโทษด้วยนะครับที่ทานเหลือ ผมต้องไปขึ้นเครื่องแล้วล่ะ ถ้าผมว่างจะแวะมาทานอีกนะครับ"

    "อืม"

    ซีวอนยิ้มค้างอยู่อย่างนั้นด้วยหวังว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรออกมามากกว่านั้น แต่มันก็ค่อยๆเจื่อนลงเมื่อเขาพบว่ามันคงเป็นการหวังมากเกินไป เขาหันไปค้อมศีรษะให้บาริสต้าที่ยืนอยู่ด้านหลังเค้าน์เตอร์เล็กน้อยเป็นการบอกลาแล้วจึงหมุนตัวเดินออกจากร้านไป และแผ่นหลังกว้างที่ค่อยๆเดินห่างออกไปก็ช่างทำร้ายความรู้สึกของคนที่เงยหน้าขึ้นมามองได้มากเหลือเกิน

    "ฮยอกแจฮยองครับ..."

    แทคยอนเอ่ยเรียกคนที่เริ่มขยับตัวลุกขึ้นยืนเพื่อเก็บถ้วยชามที่คนที่เพิ่งจากไปกินเหลือทิ้งไว้ด้วยน้ำเสียงหวาดๆที่แลดูเป็นกังวล เขาทำท่าจะเดินเข้าไปช่วยเพราะมือบอบบางคู่นั้นยามถือแก้วกาแฟมันช่างสั่นมากเหลือเกินจนเขากลัวว่าอีกฝ่ายจะทำมันตกแตกมาเสียก่อน หากแต่มันก็ยังช้ากว่าใครอีกคนที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ที่หน้าประตูครัวมาพักใหญ่ ฮันคยองก้าวเดินเข้าไปหาคนที่เดินอยู่กลางร้าน ยื่อแย่งเจ้าจานชามเหล่านั้นมาถือเอาไว้เสียเองก่อนจะจับมือคนตัวเล็กพาเดินเข้าไปเก็บด้วยกันที่ด้านในครัว

    "ผมทำตัวไม่ดีเลยใช่มั้ยครับ"

    เสียงหวานเอ่ยถามเขาออกมาแผ่วเบายามที่เขาวางแก้วลงในอ่างล้างจานและเริ่มเปิดน้ำเพื่อเตรียมทำความสะอาดมัน ฮันคยองไม่ได้เอ่ยตอบอะไรในทันที เขาหันไปเกี่ยวปอยผมนิ่มออกจากดวงตาเรียวรีที่จ้องแน่นิ่งอยู่ที่สายน้ำที่ไหลออกมาจากก๊อกก่อนจะเลื่อนนิ้วไปลูบสัมผัสที่แก้มเนียนอย่างแผ่วเบา...ทำอย่างที่เขาชอบทำเสมอโดยไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาแม้สักคำ

    "ผมทำให้เขา...เกลียดผมอีกแล้ว"

    "..."

    "ต้องไม่เจอกันอีกแล้ว...แน่ๆเลย"

    "นายต้องการให้มันเป็นแบบนั้นไม่ใช่รึไง"

    เจ้าของร่างสูงโปร่งเอ่ยออกมาเพียงแค่นั้นก่อนจะยกแขนข้างหนึ่งโอบกอดไหล่แคบ รั้งใบหน้าหวานเข้ามาสบอยู่ที่หัวไหล่ของตนโดยที่มืออีกข้างหนึ่งของตนก็ขยับจัดการล้างถ้วยชามที่วางอยู่ในอ่างล้างจาน...ทำเหมือนไม่ได้รู้สึกถึงความเปียกชุ่มที่บริเวณหัวไหล่ของตน...ปล่อยให้คนเย็นชาที่ชอบทำร้ายหัวใจของตัวเองอยู่เรื่อยยืนนิ่งๆร้องไห้เงียบๆอยู่ในวงแขนเหมือนอย่างเคย

    "นั่นสินะ...เป็นแบบนี้น่ะดีที่สุดแล้ว"

    ผู้ชายคนนั้น...กับเขาคนนี้

    เชวซีวอนคนนั้น...กับลีฮยอกแจคนนี้

    ดวงดาวดวงนั้น...กับก้อนกรวดก้อนนี้

    แค่คิด...หัวใจก็เจ็บปวดจนหายใจไม่ออกเสียแล้ว

    ............................................................

    เชวซีวอนก้าวเท้าขึ้นรถ...และมันก็เป็นสามก้าวอย่างที่คิมฮีชอลบอกเอาไว้เสียด้วย เขาเลื่อนประตูปิด หันไปคลี่ยิ้มให้ผู้จัดการคนสวยที่นั่งอยู่ที่เบาะข้างๆเล็กน้อยก่อนจะทำสัญญาณให้พี่คนขับออกรถไปเสียที

    "วันนี้อยากเช็คเรตติ้งรึไงเชวซีอวน"

    คิมฮีชอลเริ่มต้นแขวะเขาในทันทีที่รถเริ่มเคลื่อนตัว คนอยากเช็คเรตติ้งไม่ได้ตอบอะไรออกไปในทันที ดวงตาคมที่สาวๆกว่าค่อนเอเชียหลงใหลเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างรถอยู่ชั่วครู่ก่อนเขาจะหันมาคลี่ยิ้มให้กับผู้จัดการของตนที่นั่งทำหน้าบึ้งอยู่ข้างๆอีกครั้ง

    ร่างสูงเอนตัวลงนอนโดยใช้ตักของผู้จัดการคนสวยต่างหมอนพร้อมกับค่อยๆปิดเปลือกตาลงคล้ายอ่อนแรงที่จะมองเห็นทุกอย่างวิ่งวนอยู่รอบตัวอีกต่อไป และนั่นก็ทำให้สายตาของฮีชอลอ่อนแสงลงในทันที มือเล็กบางลูบสัมผัสเบาๆเข้าที่ศีรษะที่หนุนนอนอยู่ที่ตักของตนด้วยรอยยิ้มจางๆบนริมฝีปาก...คิมฮีชอลช่างเข้าอกเข้าใจเขาเสียจริงว่าตอนนี้เขาต้องการสิ่งใด

    "เป็นอะไรเจ้าสิงโต โดนฉันดุหน่อยทำมาเป็นอ้อนงั้นเหรอ"

    "รักคนเย็นชานี่เหนื่อยจังเลยนะครับฮีชอลว่ามั้ย แบบนี้แย่มากเลย...ผมเหนื่อยจนใกล้จะหมดแรงอยู่แล้ว"

    ...............................................................



    คำถาม .. ใครเจ็บปวดกว่ากันระหว่างลีฮยอกแจกับเชวซีวอน




    เมื่อผู้ชายของเราฮิตทวิตเตอร์ เราก็ฮิตตามมั่งนะ= = และขอบอกตามตรง ไรเตอร์ล่ะโคดเกลียดทวิตเตอร์เลย เล่นก็ยาก เว็บก็ล่มบ่อย แถมยังโพสได้แค่ไม่กี่คำอีก ไรเตอร์ไม่เห็นมันจะมีดีที่ตรงไหนเลยนะ แต่ไม่เป็นไร เมื่อผู้ชายของเรา(?)ใช้ เราก็ใช้บ้างนะ เรียกได้ว่าตอนนี้ทุ่มทุนสร้างมหาศาลเลยทีเดียว ตาแทคก็ไม่ได้ฟอลโลว์เสี่ยเชวอีก เดือดร้อนไรเตอร์อีกนั่นเองแลที่ต้องมานั่งตัดต่อนู่นนี่อ่านะ อินเทรนด์อัพเดตสุดๆ อย่างเดียวที่ตลกสำหรับตอนนี้ก็คืออ๊คแทคยอนของเราใช้เครือข่ายDTACด้วย= =...เจ๋งป่ะล่ะ สำหรับคู่นี้ก็...ไม่มีอะไรจะพูดแฮะ เพราะคอนเซปคู่นี้เข้าใจง่ายเว่อร์จริงๆ คิดว่าถ้าเข้าใจเรื่องก้อนกรวดกับดวงดาวก็น่าจะพอเดาธีมของคู่นี้ออกแล้วล่ะ แต่ฮยอกแจคนดีของเราเจอปันหาโคตรใหญ่เลยล่ะตอนนี้ เรียกได้ว่าภารกิจหาสามีจำเป็นของนังหมวยแรดดูจิ๊บจ๊อยไปเลยเมื่อเทียบกับของฮยอกน้อยและพ่อคนดังเชวซีวอน(ที่โผล่ออกมาแว้บเดียวสมกับที่เป็นดาราดังค่าตัวแพงจริงๆ)อ่านะ ส่วนคิมฮีคนสวยที่โผล่ออกมานิดหน่อย เราก็มาดูกันต่อไปว่าเจ๊แกจะมีบทบาทมากขนาดไหน(จะโผล่ออกมาน้อยแต่ชนะขาดเหมือนเรื่องมาเฟียรึเปล่าก็ต้องลุ้นกันต่อไปนะ)ส่วนพี่ฮันคนดี...มันดูยังไงๆ อยุ่นาาาาา�และมันก็เป็นฮยอกน้อยของไรเตอร์อีกเหมือนเดิม(และก็ดูเหมือนจะเป็นคู่กรณีคนเดิมจากเรื่องมาเฟียด้วย)ที่จะมาช่วยไรเตอร์วัดว่าระหว่างเคะตัวน้อยๆกับเมะหน้าหล่อๆ ใครจะเรียกคะแนนสงสารจากแม่ยกได้เยอะกว่ากันนะ หลังจากเสียเชวแพ้ขาดลอยไปในเรื่องมาเฟีย และฮยอกแจก็โดนซะเละในเรื่องปลาทองอ่านะ- -




    ตอนหน้าพบกับอีกครึ่งหนึ่งของคู่หกพีของเราค่ะ ฮันทึกฮยอกนั่นเองแล (รีดเดอร์คงจะเริ่มเห็นว่าใครคือตัวปันหาของแพ๊คหกพีของเรานะ ไรเตอร์ว่าเรื่องนี้ป๋าฮันคงต้องดับสนิทอีกเหมือนเดิมแน่เลย= =)




    ใครตามหาฟิคมาเฟียอยู่ งานKFCเสาร์(หรืออาทิตย์นะ?)นี้มีคนเอาไปขายนะคะ พี่ไรเตอร์ไม่ได้ไปขายเองเน้อ แต่มีร้านเค้าเอาไปขายให้ ใครตามหาอยู่ก็ไปซื้อที่งานได้นะคะ เพราะพี่ไรเตอร์เข้าใจว่าที่ร้านเพอร์เพิ้ลไลน์หมดแล้ว และก็ร้านพี่แนนก็หมดแล้วเหมือนกันนะ



    เจอกันครั้งหน้าค่ะ^^


    ปล. น้องที่รีเควสแทคคุณมา....งืม...เรื่องหลักไม่น่าจะใส่พออ่าค่ะ(ตอนนี้คิเฮคู่นำโชคของเราก็มีลางว่าจะโดนหกพีกับยุนแจแย่งซีนมากพออยู่แล้วนะ= =) แต่ถ้าเป็นสเปล่ะก็ไม่แน่ค่ะ^^



    ปลล.�สำหรับคนที่เคยอ่านฟิคมาเฟียแล้ว และยังค้างคามึนงงสงสัยติดใจกับฮันทึกเรื่องนั้นอยู่ คาดว่าน่าจะมีข่าวดีนะคะ แอบมาเปิดเรื่องไว้แล้ว แต่ว่าจะได้อ่านเมื่อไรนั้นก้ต้องรอดูกันก่อนเน้อ หรืออาจจะไม่ได้อ่านเลย(น้องรีดเดอร์บอก มึงนี่ชอบหลอกให้กูอยากแล้วจากไปอยู่เรื่อยเลยนะ- -) ใครอยากอ่านติดตามกันต่อไปค่ะ


    ปลลล. อีกสักที ใครที่สงสัยว่ายูกึนเป็นลูกของฮยอกจริงๆรึเปล่า ไรเตอร์ขอบอกตรงๆเลยว่า...ยูกึนเป็นลูกของฮยอกจริงๆค่ะ^^(ยิ้มหวานแล้วจากไป ปล่อยให้ช๊อคกันอยู่หน้าคอมนี่แหละ)


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×