คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #49 : Eventhough My Heart Breaks
ปาร์คจองซูครับ
ตอบผมหน่อยได้มั้ย
คุณอยากให้ผมทำยังไงต่อไปครับ
เทวทูตหนุ่มค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น หากแต่แสงแดดที่ส่องตรงเข้ามายังม่านตาพอดีก็ทำให้เขาต้องปิดตากลับลงมาตามเดิมพร้อมกับพลิกกายนอนตะแคงหันหลังให้หน้าต่าง มือใหญ่ควานปะป่าย และความว่างเปล่าอันเย็นฉืดก็ทำให้เขายอมลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง
หายไปไหนแล้วนะ
ชายหนุ่มชันตัวลุกขึ้นนั่งพลางใช้มือเสยผมอันยุ่งเหยิงของตนลวกๆ ดวงตาคมที่ยังคงมีแววสะลึมสะลือกวาดมองไปทั่งห้องเพื่อมองหาใครบางคนที่นอนซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของเขาทั้งคืน แต่ก็ไม่ต้องมองหานานนักหรอก เพราะไม่กี่วินาทีต่อมา ประตูห้องน้ำก็เปิดออกให้คนที่เขากำลังมองหาก้าวออกมาพร้อมด้วยผมอันเปียกชื้น และในขณะที่อุณหภูมิด้านนอกติดลบแบบนี้ มันไม่ถูกใจฮันคยองเอาเสียเลย
"มานี่"
คำสั่งห้วนสั้นยังคงได้ผลอย่างดีเยี่ยมกับเทพธิดาผู้แสนเย็นชา เพราะอีทึกเดินเข้ามาหาเขาทันทีที่สิ้นคำ ดวงตาแสนหวานที่แลดูบวมช้ำจากการร้องไห้เมื่อคืนคู่นั้นจ้องมองเขาอย่างสงสัย แต่ก่อนที่จะได้ทันอ้าปากเอ่ยถามสิ่งใด ร่างบอบบางก็ถูกดึงให้นั่งลงบนพื้นตรงระหว่าขาที่แบกกว้างของคนที่นั่งอยู่บนขอบเตียงเสียแล้ว ฮันคยองจับอีกฝ่ายหมุนหันหลังก่อนจะยื้อแย่งผ้าขนหนูผืนเล็กที่อีกฝ่ายถืออยู่มาเช็ดผมให้
"เมื่อไรจะเลิกซื่อบื้อสักที"
เขาออกแรงขยี้ผมอันเปียกชื้นหนักๆจนศีรษะเล็กๆนั่นโยกเอนไปมาคล้ายอยากจะลงโทษที่ชอบทำตัวซื่อบื้อให้เขาต้องระอาทุกทีไป
"เปล่าซื่อบื้อสักหน่อย"
เขาได้ยินคนตัวเล็กงึมงำออกมาแบบนั้น...ไม่เห็นว่ากำลังทำสีหน้าแบบไหน แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน มันก็สามารถเรียกรอยยิ้มเล็กๆให้ปรากฏขึ้นมาบนเรียวปากของเทวทูตหนุ่มได้อย่างง่ายดาย
"มีแต่คนซื่อบื้อเท่านั้นล่ะที่เดินหัวเปียกออกมาจากห้องน้ำในวันหิมะตก...ไปหาไดร์มาเป่าผมซะ"
ฮันคยองผลักหัวคนซื่อบื้อเบาๆเหมือนจะไล่ให้ลุกขึ้นไปทำตามที่เขาสั่ง และการทำตามทันทีที่สิ้นคำสั่งก็ไม่ได้ทำให้เขาแปลกใจใดๆ แต่การแอบหันมาย่นจมูกใส่ด้วยแววตาค้อนๆนั้นต่างหากที่ทำให้เขาแปลกใจ ริมฝีปากบางขยับพึมพำบางอย่างที่เบาเกินกว่าเขาจะได้ยิน และแน่ล่ะ...มันก็ยังสามารถจุดรอยยิ้มขึ้นมาที่มุมปากของเขาได้อย่างง่ายดายไม่แพ้กัน เขาเอื้อมมมือไปรั้งข้อมือเล็กพร้อมกับดึงให้เดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงกลางระหว่างขาอีกครั้งก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปสบตาด้วยรอยยิ้มที่ยังคงระบายค้างอยู่บนใบหน้า
คุณทำให้อีทึกอ่อนไหวอีกแล้วนะ
"พูดดังๆ"
"ผม...ไม่ได้ซื่อบื้อนะ"
สั่งมา ก็ทำตาม...น่าประทับใจเสียจริง ฮันคยองยกยิ้มกว้างขึ้นพลางเอื้อมมือขึ้นไปไล้ปลายนิ้วเข้ากับแก้มนวลที่เย็นเฉียบอยู่เสมอ ก่อนสุดท้ายแล้ว เขาจะรั้งใบหน้าหวานนั่นลงมารับจูบเบาๆที่เรียวปากของตน...รวดเร็ว แผ่วเบา หากแต่อ่อนโยนอ่อนหวานในความรู้สึกของอีทึกมากเหลือเกิน...อบอุ่นจนไม่น่าเชื่อเชียวล่ะ
"คนซื่อบื้อ"
อีทึกบึ้งหน้าหนักกว่าเก่าเสียอีกเมื่อเขากระซิบคำนี้ชัดๆใกล้ริมฝีปากที่เขายอมรับว่าหวานมากเหลือเกิน คนซื่อบื้อรีบผละตัวออกห่าง เดินปึงปังไปหยิบนู่หยิบนี่...มันก็ไม่ได้มีอาการอะไรมากขนาดนั้นหรอก หากแต่ว่าสำหรับคนที่เขาเคยเห็นเพียงความนิ่งเฉย แค่อาการนิดๆหน่อยๆมันก็จับตาเสียแล้ว...น่าเอ็นดูมากๆเลยล่ะ
"ผมจะออกไปข้างนอก"
"ไปไหน"
"ซื้อดอกไม้...ดอกกุหลาบสีแดง"
"เอาไปทำไม"
ดวงตาคู่สวยเหลือบมามองเขาเล็กน้อยด้วยแววตาอ่านยากก่อนเจ้าตัวจะหันกลับไปหยิบเสื้อโค้ตสีเข้มของตนมาสวมใส่โดยไม่ยอมหันกลับมามองเขาอีกเลย
"มันไม่ได้มีแค่หลุมศพหรอกนะครับที่อยากได้ดอกไม้น่ะ"
...........................................................
"คิๆ...คิบอม!...อย่าเล่นแบบนี้สิ หยุดนะ!!"
คนตัวเล็กหัวเราะออกมาคิกคักพลางพยายามจะผลักคนตัวสูงที่กำลังใช้ฟันขบเบาๆไปตามเนื้อนิ่มอย่างหมั่นเขี้ยว แต่แรงจิ๊บจ๊อยแบบนั้นไม่ระคายผิวหนังของคนทนน้ำทนฝนอย่างคิบอมเอาเสียหรอก เจ้าชายหนุ่มเลิกเสื้อยืดของคนที่นอนบิดไปบิดมาอยู่ใต้ร่างของเขาขึ้นสูงเพื่อให้ริมฝีปากปากของตนได้ชิมเนื้อหวานๆจริงๆเสียที
"คุณหวานไปทั้งตัวเลยนะครับคุณทงเฮ"
"เลิกเล่นสักทีคิบอม ฉันเหนื่อยแล้วนะ"
เพราะหัวใจของเขากำลังทำงานหนักมากเกินไปรู้รึเปล่า
"แต่ผมยังไม่เหนื่อยนี่ครับ"
คิบอมพึมพำอยู่กับผิวเนียนพลางเลื่อนตัวขึ้นไปกดจูบเบาๆที่ข้างลำคอระหงที่มีรอยแดงอยู่เต็มไปหมด...เขาฟัดร่างของลีทงเฮมาตั้งแต่เช้า ขบเม้มนู่นนี่ไปเรื่อยเปื่อยผ่านเนื้อผ้าบ้างผิวเนียนจริงๆบ้าง...เห็นแล้วอยากจะกัดให้จมเขี้ยวนัก เพราะวันนี้ลีทงเฮทำตัวน่าหมั่นเขี้ยวแต่เช้าด้วยการกระโดดมาปลุกเขาถึงเตียงด้วยรอยยิ้มที่เขาคิดถึงมากเหลือเกิน เห็นบอกว่าวันนี้มีงานเทศกาลในเมือง แต่ก็ช่วยไม่ได้นั่นล่ะ...เล่นทำตัวน่าหมั่นเขี้ยวแต่เช้าแบบนี้ คงจะได้หลุดออกไปเที่ยวยากอยู่หรอกหรอก
"แต่ฉันอยากไปเที่ยวแล้วนี่นา"
ทงเฮเริ่มทำหน้าง้ำ...ไม่ร้องไห้งอแงหรอก เขารู้ แต่ลีทงเฮจะทำอะไรที่ร้ายกว่านั้นเสียอีก...คอยดูต่อไปก็แล้วกัน คิบอมอมยิ้มกับตัวเองนิดๆก่อนจะทำเป็นไม่สนใจเสียงร้องนั่นด้วยการเลื่อนตัวลงไปฟอดเฟ้นหน้าท้องแบนราบด้วยริมฝีปากของตนตามเดิม และจากการขยับขึ้นลงที่ถี่เร็ว เขาก็รู้ได้ว่าลีทงเฮกำลังรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวกับสิ่งที่เขาทำอยู่เท่าไรนัก
"ไปเดี๋ยวนี้เลยนะ!"
ทงเฮขึ้นเสียงดังอย่างเอาแต่ใจพร้อมกับเริ่มออกแรงดิ้นรนหนักมากขึ้น หมอนหลายใบถูกเอามาใช้ตีหัวของเขาซ้ำๆผสมกับอะไรแข็งๆที่เขาไม่ทันสังเกตว่าเป็นอะไรจนเขาต้องพลิกตัวหลบเป็นพัลวัน(เพราะโดนเขาไปซ้ำๆแบบนี้มันก็เจ็บเหมือนกัน)...บอกแล้ว ลีทงเฮทำอะไรได้ร้ายกว่าร้องไห้งอแงเสียอีกนะ
"ไปแล้วครับๆ เลิกตีได้แล้ว...ผมจะไปแต่งตัวแล้ว"
..........................................................................
"คิบอมอันนั้นๆ...เอาอันนั้นด้วย"
"แต่คุณยังทานของในมือไม่หมดเลยนะครับคุณทงเฮ"
"ก็ฉันจะกินนี่!"
คนที่ยังเคี้ยวขนมตุ้ยๆเริ่มขึ้นเสียงอย่างเอาแต่ใจพลางทำท่าจะเขวี้ยงขนมในมือทิ้งพื้นจนคิบอมต้องยอมใจอ่อนเดินไปซื้อขนมที่อยากทานให้แต่โดยดี ทั้งๆที่ในมือของเขาก็ยังมีขนมอีกจำนวนหนึ่งที่คนเอาแต่ใจยังไม่ได้ทานอยู่ ทงเฮยิ้มกว้างเมื่อเห็นพี่ชายคนดีหมุนตัวเดินไปซื้อขนมให้พลางหย่อนตัวนั่งลงบนม้านั่งตัวหนึ่งที่ตั้งอยู่ใกล้ฮีตเตอร์มากที่สุด ถึงงานเทศกาลจะจัดอยู่ในเต้นท์ปิดขนาดใหญ่ หากแต่อากาศด้านในก็ยังหนาวอยู่ดีนั่นล่ะ
"อ่ะนี่ครับ...พอแล้วนะครับคุณทงเฮ ถ้าทานไม่หมดนี่ผมไม่ซื้อให้ใหม่แล้วนะครับ"
ทงเฮย่นจมูกใส่คนสั่งเล็กน้อยพลางรับถาดขนมควันกรุ่นมาวางไว้บนม้านั่งข้างตัวก่อนจะก้มหน้าก้มตาทานขนมที่ทานค้างอยู่ต่อไปโดยไม่สนใจพี่ชายอีกต่อไป แต่ถึงจะทั้งโดนใช้ทั้งโดนเมินมากขนาดไหน คิบอมก็ยังมีรอยยิ้มประดับอยู่บนเรียวปากไม่จาง
เพราะตอนนี้ทุกอย่างกำลังกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อน
เพราะตอนนี้ทุกอย่างเหมือนความฝันมากเกินไปจนเขากลัวที่จะตื่น
เจ้าชายหนุ่มย่อตัวนั่งลงตรงหน้าคนตัวเล็กที่นั่งก้มหน้าก้มตาเคี้ยวขนมตุ้ยๆอยู่บนม้านั่งก่อนจะยกมือขึ้นเกี่ยวผมนุ่มที่ตกลงมาระข้างแก้มขึ้นไปทัดใบหูเล็ก อากาศยิ่งเย็นผิวของทงเฮก็ยิ่งเหมือนกระเบื้อง...ยิ่งเรียบลื่น ยิ่งซีดขาว...ยิ่งน่าสัมผัส
"กินแก่งจังนะครับ"
ทงเฮตวัดดวงตามองเขาเล็กน้อยเหมือนจะสงสัยความหมายของประโยคนั้นก่อนจะหลุบตากลับลงมามองขนมที่วางอยู่บนตักตามเดิมพร้อมกับยักไหล่ คิบอมอมยิ้มนิดๆพลางใช้ข้อนิ้วลูบเข้ากับแก้มเนียนที่ป่องออกเพราะขนมเบาๆ...เฝ้ามองลีทงเฮทานเป็นเรื่องที่เพลิดเพลิน เขาเพิ่งรู้
"นายไม่ทานหรอ"
"ไม่ล่ะครับ ผมอิ่มแล้วล่ะ"
แค่มองก็อิ่มไปหมดแล้ว
เจ้าหญิงตัวน้อยไหวไหล่อีกครั้งเหมือนจะบอกว่าก็ตามใจก่อนจะทำการไม่สนใจเขาโดยสิ้นเชิงด้วยการหยิบนู่นหยิบนี่ที่วางอยู่รอบตัวมาทานไปเรื่อยเปื่อย แต่ก็อย่างที่บอกนั่นล่ะ...คิบอมมีความสุขกับการได้แค่มอง อาจเป็นเพราะบางทีเขาทำเพียงแค่มองมาตั้งแต่เด็กๆจนเป็นนิสัยกระมัง
ไม่ว่าลีทงเฮจะทำอะไร...คิมคิบอมจะเป็นฝ่ายมอง
มองอยู่อย่างนั้นไม่เคยเบื่อเลยแม้สักวินาที
"นี่...มีปัญหาอะไรรึไง"
คนที่เพิ่งรู้สึกตัวว่าถูกจ้องมองถามออกมาเสียงห้วนด้วยท่าทางเหมือนจะไม่พอใจ และแน่ล่ะ...คิบอมทำเพียงยิ้มรับ เขาเลื่อนมือไปกอบกุมแก้มเนียนข้างหนึ่งเอาไว้ก่อนรั้งใบหน้าลงมารับจุมพิตเบาๆที่เรียวปากอย่างอ่อนหวาน
ก่อนที่ทุกอย่างจะหายไป
ก่อนที่เขาจะต้องตื่นจากฝัน
ก่อนที่ทุกอย่างจะหมุนกลับไปอยู่ที่จุดจบอีกครั้ง
ก่อนที่เขาจะหัวใจสลาย
"ผมรักคุณนะครับทงเฮ"
..............................................................
ประตูห้องพักถูกผลักเปิดเข้ามาโดยสองร่างที่กำลังกอดก่ายกันนัวเนีย คิบอมจูบ...ร้อนแรงที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้เพื่อให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขารักมากขนาดไหน เขาใช้เท้าเขี่ยประตูห้องพักปิดก่อนจะออกแรงยกคนตัวเล็กขึ้นโดยไม่ยอมแม้แต่จะผละริมฝีปากออกห่าง
ทงเฮหัวเราะออกมาคิกคักเมื่อรู้สึกได้ถึงความรีบร้อนของคนที่ใจเย็นมาตลอด เขาวาดแขนโอบกอดลำคอแกร่งพร้อมกับไขว้ขารัดเอวหนาเอาไว้กันตก แผ่นหลังของเขาถูกกระแทกเข้ากับกำแพงขณะที่คนใจร้อนไซ้ปลายจมูกไปตามแนวลำคอของเขาอย่างยั่วยวน ขบเม้มไปตามแแอ่งชีพจร ไล่ขึ้นมาถึงใบหูจนช่องท้องของเขาเสียววูบไปหมด...ร้อนมากขึ้นเรื่อยๆ
"คิบอมอ่า..."
"ต้องไม่ถึงเตียงแน่ๆเลย"
เสียงทุ้มแหบพร่าที่กระซิบพึมพำอยู่ที่ข้างหูทำให้ทงเฮหัวเราะออกมาอีกครั้งอย่างขบขัน เขายอมคลายมือที่โอบกอดลำคอเพื่อให้อีกฝ่ายดึงเสื้อของเขาออก...ปล่อยให้ผิวเนียนเปลือยเปล่าถูกริมฝีปากร้อนดูดดึงอย่างเต็มใจ
"อ๊ะ...อ๊า"
เสียงครางหวานหลุดออกมาแผ่วเบาเมื่อยอดอกสีอ่อนถูกเคล้นคลึงจากทั้งเรียวลิ้นและนิ้วมือ ทงเฮหายใจหอบถี่ ช่องท้องบิดเกร็ง...ต้องการโดนสัมผัสมากกว่านี้ ร่างบางที่ถูกกดอยู่ตรงกลางระหว่างกำแพงและคนตัวสูงเริ่มขยับแก่นกลางของตนเสียดสีกับหน้าท้องแกร่งอย่างซุกซนพร้อมด้วยรอยยิ้มยั่วเย้า แน่ล่ะ...มันทำให้สติของคิบอมมีน้อยลงไปกว่าเดิมเสียอีก เขาปล่อยคนช่างยั่วให้กลับมายืนด้วยขาของตน ใช้แขนข้างหนึ่งเกี่ยวเอวคอดเอาไว้เข้าแนบกาย เพราะดูเหมือนอีกฝ่ายจะยืนไม่ไหวเสียแล้ว เจ้าชายหนุ่มกดยิ้มพลางลากมืออีกข้างอ้อมไปด้านหลัง จับขยำก้อนเนื้อนิ่มด้วยหวังจะได้ยินเสียงหวานๆแบบเมื่อครู่อีก
"ยั่วกันแบบนี้เป็นเด็กไม่ดีเลยนะครับคุณทงเฮ ซนเกินไปแล้วนะครับ"
"ช่างฉันเถอะนา"
พวกเขาช่วยกันปลดเปลื้องเสื้อผ้าของกันและกันอย่างรีบร้อนรุนแรงจนใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีก็เหลือเพียงร่างกายอันเปลือยเปล่า คิบอมยกร่างบอบบางขึ้นอีกครั้ง จับขาเรียวไขว้เข้ากับเอวก่อนจะค่อยๆแทรกความแข็งขืนเข้าไป
"อ่า...คุณทงเฮ"
เขาครางออกมาเสียงต่ำเมื่อช่องทางด้านหลังอันร้อนระอุนั้นบีบรัดเขาจนแทบคลั่ง ทงเฮไม่ร้องอุธรณ์ถึงความเจ็บปวด...คงเป็นเพราะบางทีเขาอาจจะเคยเจ็บมามากกว่านี้แล้วก็เป็นได้ เจ้าหญิงตัวน้อยทำเพียงโอบกอดลำคอของคนที่กำลังเชื่อมร่างอยู่กับเขาแน่นพลางซบหน้าลงกับไหล่กว้าง จูบหนักๆไปตามลาดไหล่เป็นการระบายอารมณ์ของตน
"คิบอมเข้ามาเลย...ฉันไม่เจ็บหรอก"
ร่างบางเป็นฝ่ายกระแทกตัวสวนเข้าไป...เจ็บจนจุก หากแต่ก็รู้สึกดีมากเหลือเกิน และรางวัลที่คนอดทนได้รับก็คือจุมพิตแสนหวานของคนที่กำลังอดทนยิ่งกว่า...ผนังอ่อนนุ่มอันอบอุ่นบีบรัดราวกับกำลังทดสอบความอดกลั้นของเขา แต่คิบอมรู้ว่าเจ้าหญิงของเขากำลังเจ็บ นั่นทำให้เขายอมแช่ตัวค้างอยู่นิ่งเฉยและทำเพียงมอบจูบอ่อนหวานไปให้
"รู้สึกเหมือนอยู่ใกล้นายที่สุดเลย"
เรียวปากบวมช้ำคู่นั้นขยับส่งรอยยิ้มแสนหวานมาให้เขา และด้วยดวงตาที่ฉ่ำเยิ้มเพราะแรงอารมณ์ก็ทำให้คิบอมรู้สึกว่ามันยิ่งดูอ่อนหวาน เขาปัดผมนิ่มออกจากแก้มนวลที่ขึ้นสีแดงปลั่งอย่างน่าชังด้วยรอยยิ้มเล็กๆบนมุมปาก...มอบความอ่อนโยนในแววตาให้จนหมดสิ้นราวกับอยากให้อีกฝ่ายเห็นเข้าไปถึงหัวใจที่กำลังบอกว่ารักลีทงเฮมากมายขนาดไหน
"ครับ...ผมก็รู้สึกดีเหมือนกัน"
ท่ามกลางเสียงครางและเสียงเสียดสีของผิวกาย...คงไม่มีใครได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือทั้งสองเครื่องซึ่งกำลังแข่งกันส่งเสียงร้องอยู่ในกระเป๋ากางเกงเป็นแน่
.........................................................
"ครับคุณซีวอน"
"ถึงเวลาจัดการแล้ว"
"ผมจะรีบกลับไปครับ"
"แน่ใจนะว่าทำได้"
ร่างที่นั่งกุมขมับอยู่ที่ขอบเตียงชะงักไปนิดเมื่อถูกคนปลายสายย้อนถาม...ไม่ใช่ด้วยน้ำเสียงไม่ไว้ใจ หากแต่ด้วยความเป็นห่วงที่สัมผัสได้ คิบอมไม่ได้เอ่ยตอบอะไรกลับไปในทันที เขาหันกลับไปมองร่างบอบบางที่หลับสนิทอยู่ที่ด้านหลังเล็กน้อยด้วยรอยยิ้มบางบนเรียวปากเมื่อเห็นว่าใบหน้าแสนหวานนั้นแลดูพิสุทธิ์มากขนาดไหนยามหลับใหล
"ครับ"
ปลายนิ้วเรียวลากสัมผัสไปตามข้ามแก้ม เลื่อนต่ำลงไปตามแนวลำคอและลาดไหล่เปลือยเปล่าที่อยู่พ้นออกมาจากผ้านวม...คิบอมกำลังยิ้ม แต่ทว่าข้างในไม่ได้กำลังทำเช่นนั้น
"ไม่ว่าผมจะทำหรือไม่...สุดท้ายแล้ว เขาก็จะเกลียดผมอยู่ดีนั่นล่ะครับ"
"ตามใจ...อย่าลืมกำจัดคนที่รู้เห็นด้วยล่ะ"
"คุณซีวอนหมายถึง...?"
"ฉันหมายถึง...ทุกคนที่นายคิดว่าไม่จำเป็นต้องใช้อีกต่อไปแล้ว"
.................................................................
ฮันคยองก้มมองช่อดอกกุหลายสีแดงสดในมืออย่างไม่แน่ใจ มันไม่ใช่ช่อดอกไม้ที่ใหญ่โตอะไรนักหนา แค่ดอกกุหลาบแปดดอกห่อด้วยกระดาษสีเงินและริบบิ้นอย่างง่ายๆ...เป็นเพียงช่อดอกไม้เล็กๆที่แลดูน่าทะนุถนอมและบอบบาง...เหมือนอีทึก
"ขอบคุณครับ"
เขาเอ่ยขอบคุณป้าเจ้าของร้านที่อุตส่าห์ยอมบอกเขาว่ามีผู้ชายตาหวานคนหนึ่งเพิ่งเข้ามาซื้อดอกกุหลาบไปสองดอกและได้เดินออกไปยังสวนสาธารณะใกล้ๆ เทวทูตหนุ่มถือประคองช่อดอกไม้ของตนเอาไว้อย่างระมัดระวังพลางกึ่งวิ่งกึ่งเดินตามผู้ที่กำลังจะได้เป็นเจ้าของมันไป
อีทึกยกดอกไม้ของตนขึ้นมาแนบจมูกเพื่อสูดดมกลิ่นหอมของมัน และนั่นก็เรียกรอยยิ้มจางๆให้เกิดขึ้นบนเรียวปากบางของคนที่นั่งแกว่งชิงช้าอยู่ในสนามเด็กเล่นของสวนสาธารณะได้อย่างง่ายดาย เท้าเล็กแตะเบาๆเข้าที่พื้นทรายเพื่อไกวชิงช้าให้เหวี่ยงแรงกว่าเดิม...เขาไม่อยากรู้หรอกว่าคนโง่จะซื้อให้เขารึเปล่า เพราะการผิดหวังเป็นเรื่องน่าเจ็บปวด เขารู้ เทพธิดาจูบสัมผัสกลีบดอกไม้ของตนเบาๆราวกับอยากจะใช้มันปลอบหัวใจของตนก่อนร่างสูงของใครบางคนจะปรากฏเข้ามาในสายตา
ในมือนั่นเป็นดอกไม้ของเขารึเปล่านะ
ปัง!
"อีทึก!!"
นั่นเรียกชื่อของเขารึเปล่านะ
...................................................
มาจบกันด้วยเสียงปืนแบบนี้ หน้าของรีดเดอร์คงเป็นแบบ =0= อีกากกกกกก ทำไมจบด้วยเสียงปืนอีกแล้ววะ!!...ทำนองนั้นนะ- -“ คิเฮมาเล็กน้อยให้พออิ่มเอมใจ เป็นncแรก(รึเปล่า)ของฟิคเรื่องนี้เนอะที่เป็นncแบบหวานๆ แบบให้ยิ้มตามได้ แต่ไรเตอร์ว่า คิเฮก็คงโดนฮันทึกขโมยซีนไปอีกเหมือนเดิมใช่ม่ะ ยิ่งฉากของฮันทึกถูกตัดดด้วยเสียงปืน(อีกแล้ว)แบบนี้....ลุ้นกันต่อไปละกันเนอะ ส่วนคิเฮก็ถูกตัดฉากไปค่อนข้างเศร้าพอสมควรเนอะ ไม่รู้ว่าจะมีใครเข้าใจที่คิมคิพูดรึเปล่านะที่ว่าไม่ว่าจะทำหรือไม่ทำ ด๊องก็จะเกลียดเขาอยู่ดี ก็...ถึงคิมคิจะไม่ทำ(อะไรก็ตามที่ต้องกลับไปทำ) แต่การหนีไปแบบนั้นมันก็ยังชวนให้คิดอยู่ดีใช่ม่ะ อาจจะไม่เข้าใจ รออ่านตอนหน้าละกันนะ^^
ตอนหน้า ซึ่งจะมาพร้อมกันสองตอนติด เพราะเป็นตอนสุดท้ายของเรื่องนี้แล้ว ไปดูบทสรุปของความแค้นของเรื่องนี้กันค่ะ ว่าสุดท้ายแล้ว เรื่องที่ขมวดกันมาเป็นปมให้งงกันอยู่ตั้งนานนั้นจะคลายออกมายังไงนะ^^
ใครยังไม่ได้โอนเงิน(ประมาณเก้าชีวิตถ้าไรเตอร์นับไม่พลาดนะ) พุ่งนี้วันสุดท้ายแล้วนะเออออ ไม่สะดวกยังไง เมลมาบอกเลื่อนได้น้า(เพราะไรเตอร์ยังแต่งเอสเอ็ฟไม่จบตั้งสามเรื่องแน่ะT__T)
ไปแระจ้า เจอกันอาทิตย์หน้านะคะ
ปล. ตอนก่อนหน้านั้น ไรเตอร์ให้เบอร์เกินไป ไม่เห็นมีใครทักเลยอ่ะ ไรเตอร์เพิ่งไปสังเกตว่ามันเกินมาตัวหนึ่ง...โก๊ะจริงๆเลยกู- -“
ความคิดเห็น