ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC SJ:KIHAE] :: The One I Love ลิขิตหัวใจนายมาเฟีย

    ลำดับตอนที่ #25 : Unforgettable

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.85K
      6
      25 ต.ค. 52

    "คุณทงเฮครับ..."

     

    "หยุดพูดมาแล้วมานอนซะ"

    นายหนุ่มสะบัดเสียงใส่ผู้มาเยือนห้วนๆโดยไม่แม้แต่จะพลิกตัวหันกลับมาสบตากับคนที่เขาพูดด้วย...ยังคงนอนตะแคงหันหลังให้เพราะตัวเองยังคงมีน้ำตา

     

    ลีทงเฮอนาคตของจางซึนกีต้องเข้มแข็ง

     

    ลีทงเฮอนาคตของจางซึนกีต้องไม่มีน้ำตา

     

    ฮยอกแจไม่ได้เอ่ยตอบรับอะไร...ไม่ได้เอ่ยต่อล้อต่อเถียงเหมือนอย่างเคยจนสร้างความแปลกใจให้เกิดขึ้นได้อย่างไม่ยากเย็น ทงเฮยอมพลิกกายหันกลับมา พอดีกับที่ฮยอกแจปีนขึ้นมาล้มตัวนอนบนเตียง ห้องทั้งห้องมืดสนิทไร้แสงไฟ เห็นเพียงแววตาของกันและกันในความมืด...และมันต่างก็แวววาวไปด้วยน้ำตาด้วยเหตุผลที่ต่างกัน

     

    ทงเฮกระชับผ้าห่มเข้าแนบร่างบอบบางที่นอนเผชิญหน้าอยู่กับเขา เช่นเดียวกับที่ฮยอกแจยกมือขึ้นปาดเช็ดน้ำตาที่ยังติดอยู่ที่ข้างแก้มเนียนของนายหนุ่มออก...ทำเหมือนแต่ก่อนไม่มีผิด...ทำอะไรไม่ได้นอกจากปลอบโยนซึ่งกันและกัน

     

    "คุณทงเฮร้องไห้ทำไมครับ"

     

    "ฉันต่างหากที่ต้องถาม...ใครทำอะไรนายบอกฉันมา"

     

    "ผมดูแลตัวเองได้แล้วนา คุณทงเฮเลิกถามแบบนี้สักทีสิ...ถามมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว ไม่เบื่อบ้างรึไง"

    ฮยอกแจพูดกลั้วเสียงหัวเราะอย่างไม่จริงจังอะไรมากนักพลางดึงมือเล็กที่ยังคงนุ่มนิ่มของนายหนุ่มเข้ามากอดไว้แนบอก ทงเฮทำหน้ามุ่ยให้กับคำกล่าวอ้างนั้น เขาไม่ได้ชักมือออก แต่กลับรั้งร่างของเพื่อนสนิทคนเดียวของเขาเข้ามากอดไว้แนบกาย...ใช้ไออุ่นของตนปลอบประโลมคนเจ็บปวดเหมือนเช่นเคย

     

    "ไม่ต้องมาทำเก่ง...นายก็เหมือนฉัน"

     

    "..."

     

    "โดนคนอื่นแกล้งจนร้องไห้ตลอดนั่นล่ะ"

    คนที่โดนแกล้งจนร้องไห้ตลอดแค่นยิ้มออกมานิดเหมือนอยากจะเยาะเย้ยความจริงข้อนั้นพลางยกมือขึ้นโอบกอดเอวบางของนายหนุ่มเอาไว้...แนบหน้าเข้ากับแผ่นอกบาง ใช้มันซ่อนหยดน้ำตาที่ไหลริน

     

    "แย่นะครับ...ฮึก...เป็นแบบนี้ตลอดเลย"

     

    "อืม...แย่มากๆเลย แต่ไม่ต้องห่วง...ฉันดูแลนายมาตลอดอยู่แล้ว"

     

    ลีทงเฮเพื่อนสนิทของลีฮยอกแจนั้นอ่อนหวาน

     

    ลีทงเฮเพื่อนสนิทของฮยอกแจนั้นอ่อนโยน

     

    ...............................................................

     

    "พี่ฮันอ่า...ฮึก...มันไม่ใช่อย่างนั้น...ฮึก...ไม่ใช่อย่างนั้น"

     

    "ไม่ใช่ก็ไม่ใช่สิครับ ผมไม่ได้จะดุคุณทงเฮนี่"

    เด็กหนุ่มชาวจีนพูดปลอบเบาๆพลางลูบหัวเล็กๆของคนร้องไห้อย่างปลอบโยน แต่กระนั้นลีทงเฮวัยสิบสามปีก็ยังคงร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่หยุดจนตาโตๆคู่นั้นช้ำไปหมด สองมือเล็กพยายามจะปาดเช็ดน้ำตาออกจากข้างแก้มให้หมดเพราะเขาจำได้ว่าคนร้องไห้ต้องโดนทำโทษอย่างไร แตทว่ายิ่งเช็ดก็เหมือนจะยิ่งทำให้เขาร้องไห้หนักขึ้น เดือดร้อนถึงพี่ชายคนดีที่ต้องคอยปาดเช็ดน้ำตาให้ เด็กหนุ่มพูดน้อยประจำมัธยมปลายปีสามมีรอยยิ้มน้อยๆแต้มอยู่บนเรียวปากขณะที่ย่อตัวลงมาเพื่อจะได้อยู่ในระดับสายตาเดียวกับนายน้อยของตน

     

    "เลิกร้องไห้ได้แล้วครับคุณทงเฮ"

     

    "ไม่อยาก...ฮึก...เรียนแล้วอ่ะ...ฮึก...ไม่เรียนแล้วได้มั้ยพี่ฮัน"

     

    ผลัก!

     

    "โอ้ยย!"

    เสียงร้องโอดครวญทำให้ถ้อยคำของฮันคยองที่กำลังจะพูดอะไรบางอย่างชะงักไป เช่นเดียวกับคนตัวเล็กที่เลิกมีน้ำตาในทันที ทงเฮหันไปมองตรอกแคบๆด้านหลังอย่างสนใจก่อนดวงตาช้ำน้ำตาคู่นั้นจะเบิกโตขึ้นเมื่อเห็นร่างเล็กๆของใครคนหนึ่งกำลังถูกซ้อมอยู่ด้านในตรอกตรงนั้น และก่อนที่ฮันคยองจะได้ทันคว้าตัวเอาไว้ ทงเฮก็เดินอาดๆเข้าไปตรงนั้นพร้อมกับหินก้อนหนึ่งในมือที่เจ้าตัวเพิ่งก้มเก็บระหว่างทางที่เดินไป

     

    "คุณทงเฮครับ!"

     

    "ไอ้พวกบ้า!...แกล้งคนอื่นเค้าแบบนี้ได้ยังไง!!"

    ก้อนหินก้อนนั้นได้ผลชะงักจนน่าฉงน เพราะทันทีที่ทงเฮปามันออกไปเพื่อแยกคนทั้งสองคนด้านในออกจากกัน ทุกอย่างก็หยุดนิ่งลงแทบจะในทันที เด็กหนุ่มที่เป็นผู้ลงมือมีสีหน้าแปลกใจที่เห็นเขายืนอยู่ตรงนั้น และเมื่อรู้ว่าเขาเป็นใคร...มีอำนาจมากขนาดไหน หมอนั่นก็หน้าถอดสีและวิ่งหนีหายไป แต่ทงเฮไม่อยากสนใจหมอนั่นนักหรอก

     

    เขาเดินตรงเข้าไปหาเด็กหนุ่มที่นอนคุ้ดคู้อยู่บนพื้นก่อนจะพยุงให้ลุกยืนขึ้นมาอย่างเบามือ ผิวขาวๆนั่นเป็นรอยช้ำสีม่วงเข้มเต็มไปหมด แต่ไม่เป็นไร...เขารู้วิธีที่จะทำให้มันหายดีได้ภายในสองวัน มือเล็กบอบบางที่เมื่อไม่กี่นาทีก่อนกำลังเช็ดน้ำตาของตัวเองบัดนี้เปลี่ยนมาเช็ดน้ำตาให้อีกคนที่กำลังร้องไห้อยู่เงียบๆ เรียวปากบางขยับคลี่ออกเป็นรอยยิ้มเล็กๆที่ทำให้น้ำตาหยุดชะงักได้...เป็นรอยยิ้มอ่อนโยนของเจ้าหญิงตัวน้อยที่แสนบริสุทธิ์เหลือเกิน

     

    "ไม่เป็นไรนะ...ต่อจากนี้ไป ฉันจะดูแลนายนะ"

     

    ...............................................................

     

    ทงเฮเกี่ยวแว่นดำออกจากใบหน้าพลางจ้องมองร่างบอบบางของลูกน้องคนสนิทที่กำลังยืนจดๆจ้องๆอยู่นอกรั้วของบ้านหลังใหญ่...ฮยอกแจมาทำอะไรที่บ้านของตระกูลเชวกัน คนที่แอบขับรถตามมาทำท่าจะเปิดประตูออกไปคุยกับอีกฝ่ายให้รู้เรื่อง แต่เขาก็ไม่ได้ทำแบบนั้น เพราะดูเหมือนฮยอกแจจะตัดสินใจเปลี่ยนจุดมุ่งหมายของตัวเองเอาเสียดื้อๆ

     

    เจ้าไก่ตัวขาวแหงนหน้าขึ้นมามองอะไรสักอย่างก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป ทงเฮสบถพึมพำอยู่กับตัวเองพลางกระแทกมือเข้ากับพวงมาลัยรถคันใหม่เบาๆเมื่อพบว่าตัวเองได้มาเสียเที่ยวเสียแล้ว

     

    คนเค้าอุตส่าห์เป็นห่วงไอ้บ้าเอ๊ย!

     

    แต่ถึงแม้ว่าตอนนี้มันจะไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะมาอยู่ตรงนี้ ทงเฮก็ยังตัดสินใจที่จะเปิดประตูรถและก้าวลงไปเผชิญหน้ากับความหนาวเย็นของหิมะที่ยังคงโปรยปราย ใบหน้าหวานเงยขึ้นจ้องมองบ้านหลังใหญ่ที่ซ่อนอยู่ด้านหลังรั้วสูงด้วยความรู้สึกอันหลากหลาย มันยังคงมีร่องรอยของการซ่อมแซมอยู่หลายจุด...ยังคงปรากฏรอยไหม้จากเปลวเพลิงอยู่หลายแห่ง และมันก็ทำให้คนที่กำลังเฝ้ามองรู้สึกหนาวยะเยือกขึ้นมามากกว่าที่ควร ร่างบางยกมือขึ้นกอดอกเพื่อป้องกันสายลมที่พัดผ่านหอบไอหนาวมาพลางเอนตัวพิงรถ

     

    "อ่ะ...เอ่อ...จะเข้าไปข้างในหรอครับ"

    เสียงหวานของเด็กหนุ่มที่เดินผ่านมาทำให้ทงเฮชะงัก...เกือบเผลอชักปืนออกมาอย่างเคยชิน เขายืดกายเหยียดตรงพร้อมกับหันไปสบตากับเด็กหนุ่มที่มีหุ่นลองเสื้อหนีบอยู่ใต้วงแขนข้างหนึ่ง...เด็กสมัยนี้มันแต่งตัวกันได้สุดเหวี่ยงจริงๆเว้ย เจ้าเด็กสุดแนวคนนั้นขยับรอยยิ้มมาให้เขานิดพลางก้มหัวลงเล็กน้อยเป็นเชิงทักทาย

     

    "เดี๋ยวผมเข้าไปบอกคุณซะ..."

     

    "ไม่ต้อง...ฉันไม่ได้จะเข้าไป ขอบคุณมาก"

    เด็กหนุ่มคนนั้นทำหน้างงๆเล็กน้อยก่อนจะรีบพยักหน้าเข้าใจแล้วจึงก้าวเดินไปเปิดประตูรั้วให้ตัวเอง แต่ก่อนที่เขาจะได้ทันก้าวเข้าไป ดวงตาสีหมอกแสนหม่นคู่นั้นก็สะดุดตาของทงเฮเข้าเสียแล้ว

     

    "เดี๋ยวสิ...นายน่ะ"

     

    "ครับ?"

     

    "นายเป็นอะไรกับคนในบ้านนี้หรอ ฉันคิดว่าไม่เคยเห็นนายที่นี่"

    เด็กหนุ่มคนนั้นแค่นยิ้มออกมานิดด้วยดวงตาที่ยื่งมืดหม่น เขาหลบสายตาไปจ้องมองหุ่นที่อุ้มมาเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามอบรอยยิ้มแกนๆให้คนถาม...และคนที่ฝืนตัวเองมาตลอดอย่างลีทงเฮก็รู้ดีว่ารอยยิ้มนั้นมันเปื้อนน้ำตามามากแค่ไหน

     

    "ไม่ใช่คนสำคัญอะไรหรอกครับ ผมเป็นแค่ตุ๊กตาของคุณซึงฮยอนเท่านั้นเอง...ราคาตั้งร้อยล้านเชียวนะครับ"

     

    ..........................................................

     

    คิบอมแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองที่เห็นลีทงเฮก้าวออกมาจากรถคันที่เขาและบอดี้การ์ดกว่าครึ่งโหลของตระกูลเชวกำลังจับตาเฝ้ามองอยู่ ดวงตาสีรัตติกาลวูบไหวไปเล็กน้อยเช่นเดียวกับหัวใจที่สั่นคลอน

     

    มาทำอะไรที่นี่กันลีทงเฮ

     

    ทำไมถึง...ไม่รักตัวเองบ้าง

     

    "คิบอม"

     

    "..."

     

    "คิบอม"

     

    "ครับ"

    คนที่ยืนเหม่อลอยอยู่ที่หน้าต่างเอ่ยปากขานรับพลางหมุนตัวหันไปหานายหนุ่มที่นั่งเซ็นเอกสารอยู่ที่โต๊ะตัวใหญ่...ไม่แสดงอาการออกมาให้เห็นว่าหัวใจของตนกำลังหลุดลอยไปอยู่ที่อื่นแต่อย่างใด แต่ถึงกระนั้น เชวซีวอนก็ยังมีสีหน้าแปลกใจ แน่ล่ะ...การที่ต้องเรียกซ้ำถึงสองครั้งสองคราไม่ใช่นิสัยปกติของคิมคิบอมเอาเสียเลย

     

    "เดี๋ยวฉันจะออกไปข้างนอก นายไปพักได้แล้ว"

     

    "ครับ"

    ปากว่าแบบนั้น แต่ร่างกายกลับหมุนกลับไปหากระจกบานใหญ่ตามเดิม คิบอมไขว้มือเอาไว้ด้านหลังพร้อมกับทอดมองคนด้านล่างที่กำลังเงยหน้าจ้องมองขึ้นมา...เขารู้ว่าอย่างไรเสียลีทงเฮก็ไม่มีทางเห็น แต่กระนั้นเขาก็ขยับตัวครึ่งหนึ่งไปยืนซ่อนอยู่ด้านหลังผ้าม่านสีเข้มที่ถูกรวบไว้อยู่ด้านข้าง

     

    คงซื้อรถใหม่มาเล่นเป็นแน่

     

    เขาถึงจำรถคันนี้ไม่ได้

     

    เขาลืมไปได้ยังไงกันนะว่าลีทงเฮชอบรถมากแค่ไหน

     

    คิบอมชะงักไปนิดกับความคิดของตัวเองที่ยังคงมีเรื่องราวต่างๆของลีทงเฮอยู่เต็มไปหมด แต่มันก็ไม่นานนักเมื่อชายหนุ่มคนหนึ่งปรากฏเข้ามาในสายตาและหยุดเดินเพื่อพูดคุยกับลีทงเฮ...อ่า...เจ้าของสวนคาร์เนชั่นนี่เอง...ควอนจียง เด็กหนุ่มหยุดคุยกับคนแปลกหน้าไม่นานก็หมุนตัวเดินเข้าบ้านมา เงาสะท้อนบางอย่างที่เข้ามากระทบกระจกทำให้เจ้าชายหนุ่มยอมละสายตาออกมาจากผู้บุกรุกเพื่อหันไปมอง...และนั่นก็ทำให้เขาเห็นลูกน้องของตนกำลังยกปืนซุ่มยิงขึ้นแนบบ่า

     

    เขาลืมไปได้ยังไงกันนะว่าสำหรับที่นี่...ลีทงเฮมีค่าหัวมากมหาศาล!

     

    .............................................................

     

    ตุ๊กตาอย่างนั้นหรอ...

     

    น่าเศร้าจังนะ

     

    แต่ทงเฮก็ไม่ได้เอ่ยถ้อยคำเหล่านั้นออกไป เขาปล่อยให้เด็กหนุ่มหมุนตัวเดินเข้าไปในบ้านในขณะที่ตัวเองก็กลับมาเหม่อลอยจ้องมองบ้านหลังใหญ่ตรงหน้าตามเดิม...มันใหญ่โตหรูหราจนน่าอิจฉา แต่เขาก็รู้ดีว่าตระกูลเชวสมควรจะอยู่ในอะไรที่ใหญ่โตกว่านี้ หรูหรากว่านี้...ไม่สิ...พ่อและเขารู้ดีต่างหาก ทงเฮแค่นยิ้มออกมานิดคล้ายจะดูถูกในความจริงข้อนั้นก่อนจะหมุนตัว ทำท่าจะก้าวกลับขึ้นรถไปเพราะเขาไม่มีเหตุผลอะไรจะมายืนอยู่ตรงนี้อีกต่อไป แต่ยังไม่ทันที่เขาจะเปิดประตูรถออก ใครบางคนก็กระชากร่างของเขาอย่างรุนแรงจนเซถลาล้มลงกระแทกพื้น

     

    ปังๆ!

     

    กระจกรถคันใหม่ที่แตกละเอียดเพราะกระสุนปืนสองนัดซ้อนไม่ได้ทำให้ทงเฮตกใจได้เท่าชายที่พลิกตัวขึ้นมานอนคร่อมทับเขาเอาไว้ด้วยสีหน้าเรียบเฉยอันเย็นชา...คิมคิบอม

     

    "คิมคิบอม..."

    คิบอมไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้พูดอะไรออกมาอีก เขาดึงร่างบางให้ลุกขึ้นก่อนจะผลักดันเข้าไปในตรอกแคบๆที่เขารู้ดีว่าจะไม่มีวันมองเห็นจากตัวบ้าน มือใหญ่ขยุ้มคอเสื้อของคนที่ยังตื่นตะลึงเอาไว้พร้อมกับกระแทกร่างบอบบางเข้ากับกำแพงคล้ายอยากจะระบายความกรุ่นโกรธที่เขาไม่สามารถพูดเป็นคำพูดออกมาได้...ทำไม่ได้แม้แต่จะส่งผ่านความรู้สึกด้วยแววตา แน่ล่ะ...คิบอมโกรธ...โกรธที่ลีทงเฮไม่เคยรู้จักที่จะดูแลตัวเองเสียที...โกรธที่ตัวเองยังรู้สึกเหมือนต้องคอยปกป้องลีทงเฮอยู่ตลอดเวลา

     

    ก็แค่นิสัยเดิมๆที่เขาลืมไม่ได้ก็เท่านั้น

     

    "ทำไมออกมาคนเดียว!"

     

    "..."

     

    "เคยสอนไปแล้วไม่ใช่รึไงว่าห้ามออกไปไหนคนเดียว!"

     

    "..."

     

    "ตัวเองเป็นใครลืมไปแล้วรึไง"

     

    "..."

     

    "ทำไมถึง....ชอบทำให้คนอื่นเป็นห่วงอยู่เรื่อยลีทงเฮ"

    หัวใจของคนที่กำลังหนาวเย็นอุ่นวาบขึ้นมาอย่างประหลาดจนต้องกระพริบตาซ้ำๆเพื่อดูให้ชัดว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขานั้นเป็นคนที่เขาคิดว่าเป็นจริงๆ...และไม่ว่าจะกระพริบตาอีกกี่ครั้ง คนตรงหน้าเขาก็ยังเป็นคิมคิบอมผู้มีสีหน้าเรียบเฉยหากแต่แววตาวูบไหวอยู่เช่นเดิม แต่ทงเฮไม่รู้...ไม่รู้ว่าคำพูดนั้นหมายถึงสิ่งใด...ไม่รู้ว่าเจ้าของคำพูดนั้นต้องการให้เขาคิดอย่างไร

     

    แต่รู้อะไรมั้ย...

     

    มันรู้สึกดีนะ...ดีมากๆเลยล่ะ

     

    "ถ้าผมมาไม่ทันจะเกิดอะไรขึ้น...เคยคิดบ้างรึเปล่า"

    และแววตาของทงเฮก็ตอบออกมาอย่างดีว่าเคย...เคยสิ...เคยบ่อยด้วยล่ะ  แต่มันก็เป็นการคิดที่น่าเบื่อเกินไปเสียแล้ว...เพราะคิมคิบอมไม่เคยมาทันมาตั้งนานแล้ว...มันไม่เคยมีคิมคิบอมวิ่งเข้ามาปกป้องเขามาตั้งนานแล้ว มันเป็นบางอย่างที่...ไร้สาระเกินไปแล้ว เพราะเขารู้ดีว่าไม่ว่าจะคิดแบบนั้นมากเท่าไร...คิมคิบอมก็จะไม่มีวันมา...ไม่มาตั้งนานแล้ว

     

    "ฉันก็แค่ตาย...นายจะมาเดือดร้อนอะไรด้วยล่ะ"

    ลีทงเฮก็ยังเป็นผู้ชายปากดีที่คำพูดมักไม่ตรงกับหัวใจ...และคิบอมก็จัดการลงโทษคนปากไม่ตรงกับใจด้วยการใช้มือบีบแก้มนุ่มอย่างแรงจนมันขึ้นรอยช้ำ...ลืมไปได้อย่างไรกันนะว่าลีทงเฮได้เปลี่ยนไปแล้ว ทำไมถึงลืมไม่ได้เสียทีว่าไม่มีลีทงเฮที่เขาจำเป็นต้องปกป้องอีกต่อไปแล้ว

     

    ทำไมถึง...ทำตัวเหมือนคนลืมไม่เป็นแบบนี้ล่ะคิมคิบอม

     

    "เดือดร้อนสิลีทงเฮ..."

    เจ้าชายแห่งรัตติกาลเหยียดยิ้มออกมาพลางใช้ปลายจมูกไล้เล็มไปตามผิวขาวที่แสนหอมหวานจนน่าลิ้มลอง...ลืมไปได้ยังไงกันนะว่าสำหรับลีทงเฮ เขาคือเจ้าชายแห่งรัตติกาลของโซเฮยอน และคนที่อยู่ตรงหน้าเขาก็คือเจ้าหญิงแห่งจางซึนกี...ลืมไปได้ยังไงกันนะว่ามันเปลี่ยนไปแล้ว...เปลี่ยนไปหมดแล้ว

     

    "เพราะคุณต้องตาย...ด้วยน้ำมือของผมเท่านั้น"

     

    อ่า...

     

    ลีทงเฮหาเรื่องให้ตัวเองเจ็บปวดอีกแล้ว

     

    แย่จังนะ...

     

    น่าร้องไห้ชะมัดเลย

     

    ผิดหวังน่ะ...

     

    มันน่าร้องไห้เป็นบ้าเลย

     

    .............................................................

     

    "หิมะตกไม่หยุดเลยเว้ย"

    ฮยอกแจบ่นพึมพำออกมาเบาๆกับตัวเองพลางสอดมืออันเย็นเฉียบของตนเข้ากระเป๋าเสื้อแจ๊คเก็ตทั้งสองข้าง สองขาเล็กพาเจ้าของเดินไปตามฟุตบาธเรื่อยๆคล้ายไม่มีอะไรต้องรีบ ทั้งๆที่รู้ดีว่าถ้าไม่รีบเข้าบริษัทตอนนี้ มีอันต้องโดนคุณทงเฮด่าหูชาอีกเป็นแน่ กลิ่นหอมหวานของดอกไม้บางอย่างดึงสายตาของเขาให้ตวัดหันกลับไปยังร้านเล็กๆที่เขาเพิ่งเดินผ่าน และดอกกุหลาบพุ่มเบ้อเริ่มที่หน้าร้านก็ทำเอาเขาอดที่จะคลี่ยิ้มออกมานิดๆอย่างช่วยไม่ได้...เห็นดอกไม้ที่ไรก็อารมณ์ดีทุกทีสินา

     

    ฮยอกแจส่ายหัวเหมือนจะเบื่อนิสัยตัวเองที่ใจอ่อนให้กับดอดกไม้ช่อโตๆไปเสียทุกทีพลางหมุนตัวเดินย้อนกลับไปที่ร้านขายดอกไม้เล็กๆร้านนั้น...ดอกกุหลาบช่อโตๆสักช่อคงทำให้คุณทงเฮด่าเขาน้อยลงล่ะวะ! เขาคิดแบบเข้าข้างตัวเองสุดๆพร้อมกับผลักประตูร้านเข้าไป และรอยยิ้มสดใสของชายหนุ่มเจ้าของร้านก็ทำให้คนที่กำลังหนาวรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาแทบจะในทันที

     

    "ยินดีต้อนรับครับ"

    ฮยอกแจอดไม่ได้ที่จะขยับรอยยิ้มของตัวเองให้กว้างขึ้น เพราะเจ้าของร้านหนุ่มคนสวยนั้นช่างสดใสจนเหมือนเป็นแสงอาทิตย์อันอบอุ่นที่น่าถวิลหาในคืนอันหนาวเย็นที่เต็มไปด้วยหิมะและน้ำตา ปลายนิ้วเรียวของลูกค้าผู้มีผิวขาวดังหิมะไล้สัมผัสลงบนกลีบดอกกุหลาบที่ตั้งอยู่บนโต๊ะใกล้ๆเบาๆ...เหม่อลอยไปชั่วขณะ

     

    "ขอดอกกุหลาบได้มั้ยครับ"

     

    "กุหลาบ?"

     

    "ครับ....เอากุหลาบสีขาว ช่อใหญ่ๆเลยนะ...ใหญ่แบบสุดๆเลยนะ"

    คนที่ต้องจัดช่อดอกกุหลาบสีขาวแบบใหญ่สุดๆหลุดเสียงหัวเราะคิกคักออกมานิดเมื่อได้ยินการย้ำคำแบบนั้นจากลูกค้าตัวเล็กของตน เขาเดินกลับไปที่ด้านหลังเค้าน์เตอร์เพื่อเตรียมดอกกุหลาบสีขาวและอุปกรณ์ที่เขาจำเป็นต้องใช้ แต่กระนั้นก็ยังไม่วายหันมาเอ่ยถามคนที่ยังเหม่อลอยอยู่กับกลีบกุหลาบ

     

    "จะเอาไปให้แฟนหรอครับ เธอเห็นคงดีใจแย่เลย"

     

    "เปล่าสักหน่อย"

     

    "เอ๋?"

     

    "เอาไปให้เจ้านายต่างหากล่ะครับ"

     

    ..................................................

     

    ซีวอนหรี่ตามองแผ่นหลังบอบบางของชายหนุ่มร่างเล็กคนหนึ่งที่เพิ่งก้าวออกมาจากร้านดอกไม้ร้านโปรดของเขาพร้อมกับช่ดอกกุหลาบสีขาวช่อเบ้อเริ่มคล้ายอยากจะพยายามนึกให้ออกว่าเป็นใคร ตัวเล็กๆผิวขาวๆแบบนั้นเขาควรจะจำได้สิ แล้วในที่สุดเขาก็ต้องร้องอ้อออกมาเมื่อชายหนุ่มคนนั้นหมุนตัวโบกแท๊กซี่...ลีฮยอกแจคนดีของเขานี่เอง ซีวอนเหยียดรอยยิ้มออกมานิดก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าไปในร้าน

     

    "ยินดะ...อ้าว!....มาอีกแล้วหรอครับ"

    ฮีชอลที่กำลังวุ่นวายอยู่กับการเก็บก้านดอกไม้ทำท่าจะร้องทักออกมาเหมือนอย่างเคย แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมาพบกับรอยยิ้มซนๆของลูกค้าขาประจำ เขาก็หยุดประโยคเอากลางคันและเอ่ยทักด้วยประโยคที่แสดงถึงความแปลกใจแทนที่

     

    "ก็ผมอยากได้ดอกไม้นี่ครับ"

     

    "แหม...มาซื้อทุกวันแบบนี้ คบผู้หญิงเยอะเกินไปแล้วมั้งครับคุณซีวอน"

     

    "มีที่ไหนกันล่ะครับ...ซื้อทุกวัน ผมก็ให้ฮีชอลทุกวันไม่ใช่รึไงล่ะครับ"

     

    "จะจีบผมว่างั้นเถอะ"

     

    "ก็รู้นี่นา...แล้วเมื่อไรจะไปกินข้าวกับผมสักทีล่ะครับฮีชอล"

     

    .....................................................

     

     

    จบไปแล้วสำหรับคิเฮ(ที่ออกแนวอึนเฮซะเกือบค่อนเรื่อง- -“)ตอนนี้นะ เปนคิเฮสั้นๆที่แทบจะไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเท่าไรเลยเนอะ ทั้งสองคนได้อยู่ด้วยกันแค่ช็อตเดียวเท่านั้นเอง แต่เราว่ามันเปนตอนที่ค่อนข้างใช้อารมณ์พอสมควรเลยนะ  แบบคิดนู่นคิดนี่ สับสนอะไรเยอแยะไปหมดเลย แต่ก้คงได้ใจแม่ยกไปไม่มากก้น้อยล่ะนะ^^

     

    ตอนหน้าพบกับคู่อึดอัดแห่งปี(ที่สองยกให้คิเฮ) ฮันทึกค่ะ มาดุกันว่าฮันจะรับมือกับเทพธิดาคนสวยยังไงนะ^^

     

    ตอนนี้มาอัพให้เร็วเพราะพรุ่งนี้ต้องไปต่างจังหวัด กลับวันเสาร์ และถ้าวันอาทิตย์ไรเตอร์ยังไม่มาแก้คำผิดให้ ก้อยากให้รุ้ไว้ว่าไรเตอร์ตายในหน้าที่อยู่ที่พารากอนฮอลนะคะ บอกแม่ไรเตอร์ให้ด้วยว่าต้องไปเอาผิดกับใครนะ- -“

     

    ไปแระจ้า รักทุกคนเลยนะจุ๊บๆ^^





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×