คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #23 : Present Perfect Continuous
ชิมชางมินยังคงร้องไห้อยู่ ถึงแม้แสงแดดยามเช้าจะสาดส่องเข้ามาภายในห้องแล้วก็ตามที...ร้องไห้จนเหนื่อยอ่อนและหลับไปครู่หนึ่ง เมื่อสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะฝันร้ายก็เริ่มร้องไห้อีก....เป็นเพียงเด็กชายตัวน้อยๆที่กำลังต้องการมครสักคนมาปลอบโยน แต่โชคร้ายสำหรับชางมิน...เขาไม่เคยมีใครสักคน
ร่างสูงโปร่งแต่ทว่าบอบบางค่อยๆชันตัวลุกขึ้นนั่งเมื่อตอนนี้ไม่มีน้ำตาให้ร้องไห้อีกแล้ว ดวงตาบวมช้ำจับจ้องอยู่ที่บานประตูเขม็งราวกับกลัวซาตานร้ายโผล่เข้ามา มือเล็กควานปะป่ายไปตามลิ้นชักของลิ้นชักหัวเตียงจนสัมผัสเข้ากับความเย็นเฉียบของอาวุธสังหาร เขารีบดึงมันออกมาถือกระชับไว้ในมือพลางทรงตัวลุกขึ้นยืนเพื่อแต่งตัว แต่เพียงแค่ปลายเท้าสัมผัสพื้น เขาก็เซล้มลงกระแทกพื้นเสียงดัง เรียกคนที่อยู่ด้านนอกให้ถลาเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว
ชางมินสะดุ้งเฮือกขึ้นมาสุดตัว เขารีบดึงผ้าห่มลงมาคลุมกายพร้อมกับยกปืนขึ้นจ่อหน้าชายหนุ่มที่เพิ่งก้าวเข้ามา ร่างโปร่งชันตัวลุกขึ้นยืนด้วยใบหน้านิ่งสงบ...ไม่อยากอ่อนแออีกต่อไป
"ออกไป"
ยูชอนเหยียดยิ้มให้กับคำสั่งห้วนๆของคนปากเก่งที่แทบไม่มีแม้แต่แรงจะรั้งจับผ้าห่มปิดร่างกายอันเปลือยเปล่าของตน เขายกมือขึ้นกอดอกพลางเอนไหล่พิงกรอบประตูเอาไว้ด้วยท่าทางใจเย็น...ดูท่าไม่หวาดกลัวกระบอกปืนของคนตรงหน้าแม้เพียงนิด
"ผมสั่งให้คุณออกไป!"
เสียงหวานกร้าวแข็งขึ้น...และสำหรับยูชอนมันช่างฟังดูน่าตลกสิ้นดี เขาหลุดเสียงหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะจะยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาเสมอหัวคล้ายจะยอมแพ้...เขาไม่รีบหรอก ทรมานชิมชางมินให้เหมือนตกอยู่ในนรกน่ะ...เมื่อไรก็ได้ทั้งนั้นล่ะ!
"ไปก็ได้...ไล่แขกแบบนี้ใจร้ายจังนะเทวดาตัวน้อย"
ชายหนุ่มแกล้งโบกมือลาก่อนจะหมุนตัวหันหลังเดินออกจากห้องไปโดยไม่คิดดื้อดึง เจ้าของห้องรอคอยจนได้ยินเสียงประตูห้องพักของตนปิดลงแล้วจึงค่อยๆลดปืนในมือลงข้างตัว และทันทีที่คิดว่าตัวเองปลอดภัย ร่างบอบบางก็ทรุดล้มลงไปนอนกองอยู่กับพื้นอย่างสิ้นท่าเพราะเรียวขาไม่สามารถรับน้ำหนักของตัวเองได้อีกต่อไป แต่กระนั้นคนที่ยังคงหวาดผวาก็ยังกระเสือกกระสนพาตัวเองไปที่ประตูห้องนอนเพื่อปปิดมันและลงกลอนคล้องโซ่อย่างแน่นหนาก่อนจะค่อยๆพาตัวเองกลับมาล้มตัวนอนบนเตียงตามเดิม...ยังคงถือจับกระบอกปืนเอาไว้ปนบกายแม้ว่าจะเหนื่อยอ่อนนและเผลอหลับไปแล้วก็ตามที
.............................................................
"อืม...ไปทำงานแทนฉันที ผากบอกคุณทงเฮให้ฉันด้วย"
คนหนีงานเอ่ยงานที่จำเป็นต้องทำภายในวันนี้ให้คนปลายฟังอีกชั่วครู่แล้วจึงกดวางสายไป ดวงตาคมใต้เงามืดของหมวกปีกแคบทอดมองหิมะที่โปรยปรายลงมาผ่านกระจกติดฟิล์มสีทึบของรถคันหรูของตน ภายในรถคันหรูนั้นอุ่นจัดเพราะฮีตเตอร์คุณภาพดีสมราคารถ หากแต่หัวใจของผู้เป็นเจ้าของนั้นกลับหนาวเย็นจนเขาต้องยกมือขึ้นมากอดตัวเองเอาไว้...เขายังได้กลิ่นจุนซูอยู่ในนี้...ยังคงรู้สึกถึงจุนซูได้ในนี้ ทั้งๆที่ในหัวเต็มไปด้วยคำว่า'ถ้า...'มากมายที่เขาหาคำตอบให้กับตัวเองไม่เคยได้จนมันน่าร้องไห้
ถ้าเขาตัดสินใจไปรับจุนซูที่บ้านแทนที่จะให้จุนซูมาหา
ถ้าเขาพาจุนซูนั่งรถมาด้วยตั้งแต่ต้น
ถ้าเขาเลื่อนวันไปคังวอนโดออกไป
มีแต่คำว่าถ้าเต็มไปหมด และมันก็ยิ่งหน้าเศร้าเมื่อพบว่าคำถามเหล่านั้นมีต้นเหตุมาจากเขาทั้งหมด
ถ้าเขา...
ถ้าเขาไม่โง่...
ถ้าปาร์คยูชอน...
ถ้าปาร์คยูชอนไม่โง่...
คิมจุนซูก็ยังคงมีชีวิตอยู่
คิมจุนซูก็ยังคงไม่ตาย!
ชายหนุ่มแนบหน้าพากเข้ากับพวงมาลัยรถ...พยายามจะสูดหายใจหนักๆเพื่อไม่ให้มีน้ำตาตามที่ได้สัญญากับใครบางคนเอาไว้
"โอเคปาร์คยูชอน...พอได้แล้ว"
เขาพึมพำกับตัวเองเบาๆก่อนจะตัดสินใจยืดตัวขึ้น เอื้อมมือไปคว้าช่อดอกไม้เล็กๆที่วางอยู่บนเบาะข้างๆแล้วจึงก้าวออกจากมาเผชิญกับอากาศอันแสนหนาวเย็นเพื่อเดินตรงเข้าไปยังเขตสุสานที่เขามาจอดรถค้างเอาไว้แบบนี้นานนับชั่วโมง แต่ยิ่งเข้าใกล้...หัวใจก็ยิ่งเจ็บปวด จนในที่สุด...มันก็เป็นอีกครั้งที่ปาร์คยูชอนคนอ่อนแอมายืนมีน้ำตาต่อหน้าป้ายหลุมศพของคิมจุนซู แต่เขาก็ยังพยายามที่จะยิ้ม...พยายามที่จะเป็นเหมือนเดิมเมื่ออยู่ต่อหน้าคิมจุนซูคนที่เขารักมากเหลือเกิน...เป็นปาร์คยูชอนที่มีรอยยิ้มและร่าเริง
"ว่าไงจุนซู...ผมมาเยี่ยมคุณอีกแล้วนะ ดีใจรึเปล่า"
ช่อดอกไม้ถูกวางลงพร้อมกับมือใหญ่ที่ค่อยๆปัดละออกงหิมะอันเย็นเฉียบออกจากแผ่นหิน เรียวปากหยักมีรอยยิ้ม แน่ล่ะ...ปาร์คยูชอนมีรอยยิ้มให้สุดหัวใจของเขาเสมอ
"หนาวมั้ยครับ...จุนซูทรมานอยู่รึเปล่า ผมน่ะทรามานมากเลยนะรู้มั้ยครับ...โลกที่ไม่มีจุนซูน่ะ เจ็บปวดมากๆเลย"
ปลายนิ้วเรียวของอดีตนักเปียโนอนาคตไกลไล้สัมผัสไปตามตัวอักษรภาษาอังกฤษบนแผ่นหินก่อนชายหนุ่มจะชะโงกหน้าไปกดจูบลงบนแผ่นหินเบาๆ ความเย็นฉืดทำให้เขาตัวสั่น แต่ไม่เป็นไร...ปาร์คยูชอนทนได้
"แต่จุนซูไม่ต้องห่วงผมหรอกนะครับ ผมจะทำให้ชิบชางมินทรมานแทนผมเอง"
....................................................................
"ขอโทษด้วยจริงๆนะครับ"
"ครับ...ผมเชื่อว่าคุณลีคงเข้าใจ สะดวกเมื่อไรก็ติดต่อกลับมาอีกครั้งก็แล้วกันนะครับ"
"ครับ...ขอบคุณครับ"
ชางมินของคุณชายหนุ่มเสียงหวานคนนั้นซ้ำๆอยู่อีกหลายหนแล้วจึงกดวางหูไป เขาหันกลับมาสนใจกับการตรวงสภาพเครื่องแต่งกายของตนต่อตามเดิม ร่างโปร่งที่ถึงแม้จะยังคงสั่นเทาไปทั้งร่างแต่ก็ยังฝืนยืนเอาไว้ด้วยหลังเหยียดตรงราวกับไม่ได้รู้สึกอะไร มือเล็กที่ข้างหนึ่งพันเอาไว้ด้วยผ้าพันแผลสีขาวหนาเตอะพยายามจะติดกระดุมเสื้อเชิ้ร์ตของตนให้ครบทุกเม็ด...เขาจะไม่ทนอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว คุณซีวอนจะต้องจัดการเรื่องที่พักใหม่ให้เขาได้แน่
คนที่กำลังก้มตัวลงไปหยิบกุญแจรถชะงักค้างทันทีที่ได้ยินเสียงประตูห้องของตนเปิดออก และก่อนที่เขาจะทันได้ขยับตัวไปหยิบปืนที่วางอยู่บนเตียงได้ทัน ฝันร้ายของเขาก็ผลักประตูห้องนอนที่เขาเพิ่งปลดกลอนออกเพราะต้องเดินไปหยิบยาเข้ามาเสียก่อน ปาร์คยูชอนแสยะยิ้มร้ายกาจเมื่อเห็นมือเล็กที่ชะงักค้างอยู่ห่างจากด้ามปืนไม่เท่าไร ชายหนุ่มใช้การเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยก็สามารถตรงเข้าไปประชิดร่างผอมบางและผลักดันเข้าไปชิดผนังอย่างง่ายดาย...และก็เหมือนอย่างที่เขาคาดไว้ไม่มีผิด ดวงตาสีอำพันคู่นั้นเปื้อนน้ำตาทันทีที่เขาสบตา
"ว่าไงชางมิน...จะหนีฉันไปไหนกัน เราเพิ่งรู้จักกันเองนะ นายยังไม่ทรมานเท่าไรเลย...อ่าใช่...ลืมบอกไป ฉันขอยืมกุญแจห้องนายมา ขอโทษที่ลืมบอกนะ"
เสียงนุ่มทุ้มฟังดูไม่น่าหวั่นเกรงใดๆ แต่มันกลับทำให้ชางมินหวาดกลัวขึ้นมาจนหาเสียงของตัวเองไม่เจอ พิษไข้ที่รุมเร้าก็ยิ่งทำให้เขามึนงงสับสน
"หืมม?...ว่าไงล่ะชางมิน ไม่คิดจะทักทายฉันหน่อยเลยรึไง"
"ผะ...ผมไม่...อ่ะ!"
มือหยาบที่สอดผ่านเสื้อเข้ามาเพื่อสัมผัสกับผิวกายที่ถูกปกคลุมไปด้วยผ้าพันแผลทำให้ถ้อยคำของชางมินหยุดชะงักไป ริมฝีปากบางขยับอยู่หลายครั้งคล้ายจะเอ่ยห้าม หากแต่มันกลับไม่มีเสียงใดๆเล็ดลอดออกมา...ซึ่งนั่นก็ให้ผลอะไรไม่ต่างจากที่เขาสามารถเปล่งเสียงออกมาได้...ปาร์คยูชอนไม่เคยคิดรับฟังคำใดๆของชางมินอยู่แล้ว รอยยิ้มของปีศาจร้ายแสยะกว้างขึ้นเรื่อยๆเมื่อลูบสัมผัสไปตามผิวกายร้อนระอุต่ำลงไป
"ไม่สบายหนักแบบนี้แล้วจะไปไหนกันชางมิน นายยืนไม่ไหวด้วยซ้ำ...ยอมรับเถอะคนเก่ง"
"ดะ...ได้โปรด...อย่า"
"หืมม?...ว่าไงนะ ได้โปรดหรอ...จุนซูไม่ได้แม้แต่จะบอกลาฉัน!...เขาไม่มีสิทธิพูดอะไรเลยเพราะนายทำให้เขาตายคาที่! เพราะงั้นนะ...อย่ามาได้โปรดกับฉันชางมิน...นายไม่มีสิทธิ!"
นิ้วเรียวสวยของอดีตนักเปียโนยกขึ้นบีบแก้มนุ่มเพื่อบังคับให้สบตาที่กำลังวาวโรจน์ไปด้วยความร้ายกาจของปีศาจ...ปาร์คยูชอนไม่มีรอยยิ้มอีกต่อไป เช่นเดียวกับที่ชิมชางมินยังคงมีน้ำตาไหลรินอยู่ต่อไป แก้วตาของเด็กหนุ่มสั่นระริกอย่างหวาดกลัว ร่างกายสั่นไหวจนสัมผัสได้...และนั่นคือสิ่งที่เขาต้องการจะเห็นจากเด็กหนุ่มผู้ชอบสวมหน้ากากคนนี้ ยูชอนยกมุมปากข้างหนึ่งขึ้นเป็นรอยยิ้มเหยียด ปลายจมูกโด่งเหลี่ยไล้อยู่กับปลายจมูกของอีกฝ่ายขณะที่ริมฝีปากก็สัมผัสพัดผ่านไปมาเหนือเรียวปากบาง...ยั่วยวนอย่างข่มขวัญ
"ทำไมชางมิน...กลัวฉันหรอ กลัวรึเปล่าตอบมาซิคนเก่ง"
และชางมินก็เป็นคนเก่งอย่างที่โดนกล่าวหา เพราะเด็กหนุ่มคนเก่งปฏิเสธความรู้สึกของตัวเองด้วยการส่ายหน้าพร้อมกับแววตาที่แข็งกร้าวขึ้น...เริ่มตั้งสติกลับมาได้อีกครั้ง
"ไม่กลัว?...กล้าจังนะคนเก่ง"
มือใหญ่จับสัมผัสลงไปลึกขึ้น สอดผ่านขอบกางเกงไปแตะที่ช่องทางด้านหลัง คิ้วเข้มเลิกขึ้นอย่างแปลกใจทันทีที่สัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นที่ยังคั่งค้างอยู่
"ทำไมไม่ล้างออกล่ะคนเก่ง"
ไม่รอฟังคำตอบให้เสียเวลา ยูชอนรวบร่างบางเข้าหาตัวก่อนจะฉุดกระชากตรงเข้าไปในห้องน้ำโดยไม่ฟังเสียงทัดท้านใดๆ เขาจัดการเอาทั้งตัวเองและคนอ่อนแรงใส่เข้าไปในตู้อาบน้ำแล้วจึงเปิดฝักบัวให้น้ำรินรดลงมา คนเป็นไข้สะท้านเฮือกขึ้นมาสุดตัวเมื่อผิวกายสัมผัสเข้ากับน้ำเย็นเฉียบจนต้องผวาเข้าหาไออุ่นเดียวที่อยู่ใกล้อย่างลืมตัวว่ากำลังหวาดกลัวคนๆนี้อยู่มากแค่ไหน
"คะ...คุณยูชอน...ขอร้อง"
"มันต้องล้างออกรู้มั้ยของแบบนี้น่ะ...สอดนิ้วเข้าไปแล้วเอามันออกมา"
ยูชอนใช้แขนข้างหนึ่งโอบประคองเอวของคนป่วยเข้าแนบตัวเพื่อไม่ให้ทรุดล้มลงไปนอนกองอยู่กับพื้น มืออีกข้างหนึ่งก็พยายามปลดกางเกงของอีกฝ่ายออกโดยมีแรงขยับขัดขืนมาให้เขาต้องขึงตาดุใส่เป็นพักๆ เขาใช้เข่าดันกางเกงสแล็คสีดำลงไปกองอยู่กับพื้นกระเบื้องแล้วจึงสอดนิ้วเข้าไปยังช่องทางด้านหลังตามคำพูดของตน
ร่างของชางมินเกร็วสะท้านระหว่างที่อีกฝ่ายกำลังควานนิ้วไปมาเพื่อเอาคราบใคร่ของเมื่อวานออกให้หมด ปากก็พึมพำคำร้องห้ามออกมา หากแต่มันก็แผ่วเบาจนถูกละเลย พิษไข้ที่กำลังทำให้เขารู้สึกเหมือนจะวูบจนต้องเกาะเกี่ยวร่างตรงหน้าเอาไว้เพื่อพยุงร่างกายอันหนาวสั่นของตน
"แค่นี้ล่ะ...เข้าใจรึยังชางมิน"
ยูชอนผละออกห่างทันทีที่เสร็จสิ้นการสอนเล็กๆน้อยๆของเขา ซึ่งทันทีที่ไร้คนให้จับเกาะ ชางมินก็ทรุดฮวบลงไปนอนกองอยู่กับพื้นกระเบื้องที่เอ่อนองไปด้วยน้ำพร้อมกับลมหายใจหอบกระชั้นราวกับกำลังจะขาดอากาศหายใจ
ร่างโปร่งขดกายเข้าหากันด้วยดวงตาปรอยปรืออย่างคนใกล้หมดสติ และภาพของปาร์คยูชอนที่ทรุดตัวนั่งลงบนปลายเท้าโดยใช้แผ่นหลังบังสายน้ำไม่ให้ตกลงมากระทบตัวของเขานั้นก็เลือนรางเต็มทน...เลือนรางจนเขาคิดว่าความห่วงใยที่ทอแววพาดผ่านเข้ามาในดวงตาคู่นั้นแค่ชั่วเสี้ยววินาทีสั้นๆเป็นเพียงภาพหลอนของตน
"ชางมิน?...หึ...นายมันก็เก่งแค่ปากเท่านั้นล่ะนะ"
ถึงแม้ทุกอย่างจะพร่าเบลอ ปต่รอยยิ้มเหยียดบนเรียวปากหยักคู่นั้นกลับชัดเจนนักจนคนที่ไม่เคยแพ้ใครมาก่อนต้องกัดฟันชันตัวลุกยืนขึ้นมา ยูชอนเงยหน้าขึ้นมองคนที่กำลังใส่กางเกงด้วยสายตาประหลาดใจ แต่กระนั้นมันก็ยังแฝงไปด้วยแววเยาะหยันอยู่ดี เขายืดกายยืนขึ้น เอื้อมมือไปปิดน้ำ แล้วจึงก้าวเดินตามหลังคนอวดเก่งไป
ชางมินค่อยๆเกาะไปตามผนังเพื่อพาร่างของตนกลับไปยังห้องนอน มันไม่ไกลนักเพราะห้องน้ำของเขาไม่ได้ใหญ่โตอะไรนักหนา...เพียงแค่สามสี่ก้าวเท้านั้นเอง หากแต่เขากลับใช้มากกว่านั้น เด็กหนุ่มสูดหายใจเข้าลึก อดทนกัดฟันเดินต่อไป แต่ยังไม่ถึงประตูด้วยซ้ำ ภาพในตาของเขาก็ดับวูบลง ร่างโปร่งล้มลงฟาดพื้นโดยไร้การช่วยเหลือจากผู้เห็นเหตุการณ์ ยูชอนยกมือขึ้นกอดอกพลางเอนไหล่พิงพนังห้องน้ำ จ้องมองร่างบนพื้นด้วยสายตาเหยียดหยามที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง
"เดินสิคนเก่ง...จะกลับห้องไม่ใช่รึไง"
"อึก..."
ชางมินกัดปากพลางค่อยๆพยุงตัวเองขึ้นมา...พยายามจะยืนอีกครั้ง แต่เขาก็ล้มกลับลงมาอีก...ลุกแล้วล้มอยู่หลายครั้งจนคนเฝ้ามองทนไม่ได้อีกต่อไป ยูชอนสบถพึมพำกับตัวเองเบาๆพลางเดินตรงเข้าไปฉุดกระชากต้นแขนของเด็กหนุ่มให้ลุกขึ้นมา...ซึ่งมันก็ทำให้เขาพบว่าคนที่กำลังทรมานนั้นกลับมามีน้ำตาอีกครั้ง เขาลากรั้งคนป่วยกลับเข้ามาในห้อง จัดการเปลี่ยนเสื้อและผ้าพันแผลให้โดยอีกฝ่ายทำไม่ได้แม้เพียงร้องห้ามก่อนจะจัดการผลักร่างที่บัดนี้แห้งสนิทกลับลงไปนอนบนเตียง
"วันนี้...นายทรมานแค่นี้พอแล้วชางมิน"
คนที่ได้รับบทลงโทษเพียงพอแล้วสำหรับวันนี้ซุกกายเข้าหาผ้าห่มพลางพลิกตัวหันหลังให้คนใจร้ายก่อนจะหลับไปทั้งน้ำตาเพราะพิษไข้ที่รุมเร้า
....................................................
"แน่ใจนะว่าไม่เป็นไร"
"ครับ...ผมพร้อมเริ่มงานครับ"
ทงเฮหรี่ตามองเด็กหนุ่มร่างโปร่งที่ยืนอยู่ตรงหน้าโต๊ะของเขาด้วยสายตาจับผิด แต่ไม่ถึงกับต้องจับผิด ใบหน้าซีดเผือดของชิมชางมินก็ฟ้องออกมาอยู่ดีว่าเจ้าตัวกำลังไม่สบาย...เด็กหนุ่มทำท่าจะล้มวูบลงมาหลายครั้งจนเขาลังเลใจที่จะให้เริ่มงาน...ลีทงเฮอ่อนโยนแบบนี้เสมอนั่นล่ะ คนอ่อนโยนกัดปากนิดเมื่อมาเจอกับความดื้อรั้นอันร้ายกาจของพนักงานคนใหม่ของเขา...นี่เขาดื้อกับไอ้พวกนั้นแบบนี้รึเปล่านะ
"นั่งก่อนสิ คนที่ฉันให้มาสอนงานนายยังไม่มาน่ะ"
ชายหนุ่มหน้าหวานพยักเพยิดไปยังโซฟาตัวยาวริมห้องเป็นเชิงบอกให้ไปนั่งคอยตรงนั้น ซึ่งพนักงานใหม่(ที่ดูท่าว่าจะมีแนวโน้มได้รับตำแหน่งพนักงานดีเด่นสองปีซ้อน)ก็เดินไปทรุดตัวนั่งอย่างว่าง่าย ปล่อยให้ประธานบริษัทคนเก่งทำงานของตัวเองต่อไปเงียบๆ ชางมินรู้สึกดีใจที่ในที่สุดเขาก็ได้นั่งเสียที เพราะเขาคิดว่าถ้าเขาต้องยืนนานกว่านี้แม้วินาทีเดียว พิษไข้ที่ยังคงรุมเร้าต้องทำให้เขาล้มลงมาหัวฟาดพื้นจริงๆแน่ๆ
ดวงตาสีอำพันกวาดมองไปรอบห้องทำงานอันหรูหรา...สำรวจทุกรายละเอียดอย่างที่ถูกสั่งมา แต่บ่อยครั้งที่เขาจะหันกลับไปสนใจชายหนุ่มร่างเล็กที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่...อนาคตของจางซึนกี...ลีทงเฮ เขายอมรับว่าลีทงเฮให้ความรู้สึกแตกต่างจากเชวซีววอน...มันอบอุ่นกว่า...มันอ่อนโยนกว่า...มันเหมือนครอบครัวมากกว่า แต่ถ้าเทียบกับสิ่งที่เชวซีวอนทำให้เขาแล้ว...มันช่างน้อยนิดนัก!
ก๊อกๆ
ประตูที่ถูกเคาะอย่างแผ่วเบาเรียกสายตาจากชายหนุ่มทั้งสองคนภายในห้องได้ทันที เจ้าของห้องตะโกนเรียกให้ผู้มาใหม่เข้ามา และทันทีที่เขาก้าวเข้ามา...ชางมินก็รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบถล่มลงมาใส่ตัวของเขาอย่างไม่เป็นธรรมอย่างที่สุด
นี่คือผลกรรมของคนที่มาหลอกลวงคนอื่นรึไงนะ
"นายหายหัวไปไหนมายูชอน คนอื่นเค้ามารอตั้งนานแล้วนะ"
"หิมะตกน่ะครับ เลยต้องขับรถช้าหน่อย"
คนมาช้าเอ่ยแก้ตัวพลางโค้งศีรษะลงเล็กน้อยเป็นการขอโทษ แต่ทงเฮก็ดูเหมือนจะไม่จริงจังกับคำต่อว่าของตัวเองเท่าไรนัก...ก็แค่หมั่นไส้เท่านั้นล่ะ ปกติต่อให้ฟ้าผ่าดินถล่ม ไอ้หมอนี่ก็ขับรถเร็วยังกับมีคนใกล้คลอดนั่งติดรถมาด้วย...ตอแหลชัดๆเลย คนตัวเล็กพึมพำกับตัวเองเบาๆ(สบถนั่นล่ะ)ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าทำไมต้องเรียกยูชอนเข้ามาพบ
"เด็กของนายมาคอยนานแล้ว...ชางมินมานี่เร็ว"
ชื่อคุ้นหูทำให้ยูชอนเลิกคิ้วขึ้นนิดอย่างแปลกใจ และเมื่อเขาหันไปสบตากับคนที่นั่งอึ้งอยู่ที่โซฟา เขาก็ยิ่งแปลกใจ
โลกกลมเกินไปจริงๆด้วย
"ชางมิน?"
"คระ...ครับ"
เด็กหนุ่มรีบชันตัวลุกขึ้นเมื่อถูกเรียกซ้ำ เขาเดินเซๆเข้าไปยืนอยู่หน้าโต๊ะ...รู้สึกเหมือนจะเป็นลมขึ้นมาจริงๆเมื่อถูกจ้องมองด้วยแววตาของปีศาจคู่นั้น
"นี่ชิมชางมิน...นายดูแลเขาดีๆนะยูชอน"
พี่เลี้ยงจำเป็นแสยะยิ้มออกมาพลางเอื้อมมือไปคว้าข้อมือเล็กมาจับไว้....ดูท่าทางเหมือนเข้ากันเข้าได้ดี แต่คงมีเพียงชางมินคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่าข้อมือของตนกำลังเจ็บร้าวเพราะแรงบีบมากแค่ไหน
"เขาป่วยอยู่...อย่าให้เขาหักโหมมากนักล่ะ"
"ครับ...ผมจะดูแลอย่างดีเลย"
ยูชอนโค้งตัวลงก่อนจะพาคนใต้การดูแลของเขาออกมาจากห้อง กระชากรั้งให้ก้าวเดินตามไปอย่างไม่ปราณี ถึงแม้อีกฝ่ายจะแทบไม่ยอมก้าวขาเลยก็ตามที ชางมินพยายามจะอ้าปากร้อง แต่ทุกครั้งที่เขาพยายามจะส่งเสียง ข้อมือของเขาก็ร้าวระบมยิ่งกว่าเดิมจนต้องสงบปากทั้งน้ำตา
ยูชอนเหวี่ยงร่างโปร่งบางเข้าไปในห้องเก็บเอกสารเก่าก่อนจะล๊อคประตูปิดตามหลัง ชายหนุ่มตรงเข้าไปยึดจับลำคอระหงเอาไว้แล้วจึงผลักกดันไปชิดชั้นวางของที่เต็มไปด้วยฝุ่น ในห้องเก็บเอกสารแคบๆนั้นมืดสนิท หากแต่ชางมินกลับเห็นดวงตาที่กำลังวาวโรจน์ของปีศาจร้ายได้ชัดนัก
"เราคงยังรู้จักกันไม่ดีพอใช่มั้ยชางมิน"
"ผะ....ผม..."
"นายเป็นใคร!...พูด!!"
"กะ...ก็แค่พนักงานธรรมดา"
"ใครส่งนายมาชางมิน!"
"มะ...ไม่มี...ฮึก...ไม่มี!"
แรงบีบที่หนักมือมากขึ้นเริ่มทำให้ดวงตาของชางมินพร่ามัวไปด้วยน้ำตา มือเล็กพยายามจะผลักคนใจร้ายตรงหน้าให้ถอยห่าง หากแต่เขาก็ทำไม่ได้แม้เพียงทำร้ายคนตรงหน้าด้วยซ้ำ
แต่ถึงแม้ชิมชางมินจะเป็นคนอ่อนแอ
เขาก็จะไม่มีวันทรยศเชวซีวอน
จะไม่มีวันทำร้ายคนแสนดีของเขา
"หึ...ทำแววตาได้ดี"
ยูชอนเอ่ยเยาะพลางแนบริมฝีปากลงบนข้างแก้มเนียนที่ร้อนระอุไปด้วยพิษไข้ราวกับเป็นจูบต้อนรับการเข้ามาทำงานวันแรก
"ฉันจะทำให้นายทรมาน...เพราะนายเอาจุนซูของฉันไป"
"มะ...อึก..."
"แต่รู้อะไรมั้ยชางมิน...ถ้านายเพียงแค่คิดทำร้ายคุณทงเฮ...แค่ทำให้คุณทงเฮต้องร้องไห้..."
"..."
"ฉันจะฆ่านายทิ้งโดยไม่ฟังคำอธิบายใดๆทั้งสิ้น...จำเอาไว้ดีๆนะชางมิน อย่าหาว่าฉันไม่เตือนก็แล้วกัน"
...................................................................
มากับแบบเจ็บตัวนิดๆทีเดียวสำหรับตอนนี้ ชางมินของเราร้องไห้ทั้งตอนเลยเนอะ น่าสงสารจิงๆเลย ชื่อตอนก็ฟังดูมีสาระทีเดียว มาภาษอังกิดวันละคำดีกว่าเนอะ present perfect con. ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่อดีต กำลังเกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน และมีแนวโน้มว่าจะเกิดต่อไปอีกในอนาคต(เด็กพี่แนนยกมือเร็ว!!)...เข้าใจกันมั้ยเอ่ยว่าหมายถึงอะไร^^
มาสรุปเรื่องที่เราตกลงกันเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนิดนึงละกันเนอะ เปนออะไรที่ทำให้ไรเตอร์ปรี๊ดมากๆ เพราะว่าปกติแล้วก็ไม่เคยถามความเห็นอะไรแบบนี้อยู่แล้ว(เผด็จการแบบสุดๆ- -) แต่พอจะถามความเห็นทั้งที นับเบ็ดเสร็จบวกอำนาจมืดอีกสองสามแต้มแล้ว...ดันเท่ากันซะงั้น- -“ ทำไมมันถึงเปนแบบนั้นล่ะรีดเดอร์ที่รักของไรเตอร์!!
ไรเตอร์ก็เลยตัดสินใจ...เนื่องจากตอนนี้อารมณ์ดีมาก(ซึ่งแน่นอนคงไม่ใช่เพราะบัตรคอนเอสเจ- -“...เรื่องนี้ทำเราปวดกบาลสุดๆเลยตอนนี้) ไรเตอร์เลยจัดให้สองอย่างเลย...ใจป้ำ(หาเรื่องเหนื่อย)สุดๆ!! จะพยายามลงเรื่องใหม่ให้(อาจจะขึ้นชื่อเรื่องไว้แล้วแต่ไม่มีเนื้อหา คอยนิดนึงนะที่รัก) ในขณะเดียวกับ ก้จะพยายามแต่งเอสเอ็ฟให้ ซึ่งกว่าจะได้อ่านกันคาดว่าก็คงจะเปนตอนใกล้ๆจบเรื่อง(เหมือนตอนจัสต์ยูที่ไรเตอร์ทยอยเอาเอสเอฟมาลงให้ตอนท้ายๆ)...นะ...ตกลงนะคะ ส่วนคนที่บอกจะเอาเรื่องใหม่เพราะอยากให้ไรเตอร์เหนื่อยเพิ่มขึ้น- -“...แหม...น่าจับมาตีก้นจริงๆให้ดิ้นตายสิ ส่วนเรื่องการอัพ ถ้าไม่มีปันหาอะไร(ซึ่งหมายถึงไรเตอร์ไม่ตายไปซะก่อนอ่ะนะ) ก็จะพยายามอัพให้ทุกอาทิตเหมือนกันทั้งสองเรื่องนะคะ แต่ถ้าไม่ทัน อาจจะต้องเปนอาทิดนึงเรื่องนึง อาทิดหน้าค่อยเป้นอีกเรื่องนึง อะไรทำนองนั้น
ตอนหน้าคิเฮที่รอคอย(มานาน)ค่ะ อาจมีอึนเฮให้ปวดใจเล่นนิดๆ- -“...แต่มันก็ยังเปนคิเฮล่ะน้า
เจอกันตอนหน้าค่ะ^^
ปล. ไรเตอร์ยังทำใจไม่ได้เรื่องการซื้อบัตรคอนจริงๆนะ อะไรทำให้ทรูคิดว่าเราจะไปตบตีกับเด็กมัธยมเพื่อต่อคิวซื้อบัตรได้ฟะ! ชั้นแก่แล้วนะยะ! เด็กเด๋วนี้ก็ทุ่มทุนสร้างกันจริงๆ...ไรเตอร์ขอคารวะเลย สังขารไรเตอร์ไม่เที่ยงแล้วอ่ะ- -
ความคิดเห็น