ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC SJ:KIHAE] :: The One I Love ลิขิตหัวใจนายมาเฟีย

    ลำดับตอนที่ #22 : Irreplacable

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.92K
      2
      12 ต.ค. 52

    "นิ่งเสียนะครับคุณทงเฮ นอนได้แล้วนะครับ...ดึกมากแล้ว"

    หากแต่คนที่ยังคงสั่นสะท้านเพราะแรงสะอื้นซึ่งอยู่ในอ้อมกอดของพี่ชายมานานนับชั่วโมงกลับดื้อดึงที่จะฟังคำสั่งและกอดกระชับร่างของพี่ชายเอาไว้แนบกายแน่นไม่ยอมปล่อย...อะไรบางอย่างทำให้ทงเฮมีน้ำตาอีกแล้ว

     

    "ผมจะโทรให้ฮยอกแจมานอนเป็นเพื่อนนะครับ เช็ดน้ำตาได้แล้ว"

    เขาประคองร่างบางให้นอนกลับลงไปบนเตียง ใช้ปลายนิ้วปาดเช็ดหยดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยนก่อนจะเลื่อนผ้าห่มขึ้นมาห่มจนแทบจรดคอ ทงเฮยังคงสะอึกสะอื้น...แต่ไม่มีน้ำตาอีกต่อไป ชายหนุ่มพลิกกายนอนตะแคงเข้าหาคนที่นั่งกล่อมเขามากว่าชั่วโมงพลางซุกตัวเข้าใต้ผ้าห่มมากขึ้น...เป็นเด็กน้อยที่ร้องไห้จนเหนื่อยและจวนเจียนจะหลับเต็มทน ฮันคยองวางมือลงบนผมนุ่ม ลูบสัมผัสมันอย่างแผ่วเบาราวกับจะเห่กล่อมให้เข้านอนขณะที่มืออีกข้างก็ขยับกดโทรศัพท์มือถือของตนเพื่อโทรหาฮยอกแจตามที่เพิ่งเอ่ยปากไป

     

    "ยอโบเซโย"

     

    "มานอนค้างกับคุณทงเฮหน่อยได้มั้ย"

     

    "คืนนี้?"

     

    "อืม"

     

    "ได้"

    ถามคำตอบคำแบบนี้ไม่ใช่นิสัยปกติของลีฮยอกแจเอาเสียเลยจริงๆ แต่ฮันคยองก็พับเก็บความสงสัยของตนไปพร้อมกับโทรศัพท์มือถือ แล้วจึงหันกลับมาสนใจนายหนุ่มของตนตามเดิม ดวงตาโตแดงก่ำช้ำน้ำตาที่ยังคงเปิดลืมอยู่เรียกให้เขาคลี่รอยยิ้มขึ้นมาบนเรียวปากได้นิด

     

    "เดี๋ยวฮยอกแจมาครับ คอยแป๊บนึง"

     

    "อืม"

     

    "แล้วบอกผมได้มั้ยครับทำไมคุณทงเฮถึงร้องไห้"

    พี่ชายคนดีปัดปอยผมออกให้พ้นจากข้างแก้มเนียนพลางกระชับผ้าห่มเข้าแนบร่างบางมากขึ้นเมื่อคนตัวเล็กเริ่มขยับดิ้นมากเกินไปราวกับอึดอัดกับคำถามนั้น...ทงเฮไม่ตอบในทันที ใบหน้าหวานซบลงกับหมอนพลางใช้มือข้างหนึ่งคว้ามือของพี่ชายมากอดไว้แนบอก

     

    "ก็เหมือนเดิมนั่นล่ะ..."

     

    "..."

     

    "เรื่องเดิมๆ...คนเดิมๆ"

     

    "..."

     

    "อย่าสนใจเลย...ก็แค่ความเจ็บปวดเดิมๆน่ะ"

     

    ............................................................

     

    ดวงตาหวานที่แลดูแสนเย็นชาตวัดหันมามองเจ้าของห้องที่เพิ่งสอดตัวผ่านประตูเข้ามาเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปสนใจหน้าจอทีวีอันว่างเปล่าตามเดิมราวกับมันมีอะไรน่าสนใจนักหนา...นั่งนิ่งอยู่ ณ ที่เดิมไม่ขยับไปไหน...ถูกสั่งให้อยู่ตรงไหนก็อยู่ตรงนั้นคล้ายกับเป็นนิสัยที่ทำได้เพียงแค่ถูกสั่ง ฮันคยองก้าวเดินเข้าไปประชิดโซฟา กวาดสายตามองคนที่ไม่แม้แต่จะขยับตัวเปลี่ยนท่านั่งมาตั้งแต่เมื่อคืนด้วยแววตาไร้ความรู้สึก...แต่กระนั้นหัวใจก็ยังคงกระตุกไหวเพราะภาพซ้อนของใครบางคนที่มีรอยยิ้มแสนสดใส

     

    "กินอะไรรึยัง"

    เสียงทุ้มเอ่ยถาม...ไม่ได้ห่วงใย หากแต่เพียงเพื่อหยุดไม่ให้ตัวเองฟุ้งซ่านและมีน้ำตาเพราะเรื่องเดิมๆอีก อีทึกหันมามองคนถามด้วยดวงตาลูกปัดอันว่างเปล่า...ไร้ความรู้สึกใดๆจนดูราวกับไม่มีชีวิต

     

    "ผมมีสิทธิ์หยิบอะไรกินได้ด้วยรึไง"

     

    "แล้วในซ่อง...นายมีสิทธิ์กินมั้ยล่ะ"

    ไม่เหมือน...ไม่เหมือนเลยสักนิด...ไม่มีทางเหมือน! ฮันคยองพยายามจะสะบัดความคิดไร้สาระให้ออกไปจากหัวด้วยถ้อยคำถากถางที่เขาจะไม่มีวันใช้พูดกับนางฟ้าของเขา...เพราะนี่ไม่ใช่นางฟ้าของเขา!...เพราะนี่เป็นแค่อีตัวข้างถนนที่ไม่มีอะไรเทียบกับนางฟ้าของเขาได้แม้แต่เพียงนิด!

     

    "ในซ่อง....คุณมีสิทธิ์ทำได้เพียงแค่อดทน จะกินได้ก็ต่อเมื่อคุณถูกอนุญาตให้กิน แต่ถ้าอยากจะมีชีวิตรอดอยู่ในนั้น...คุณต้องรู้จักมากกว่าแค่คำว่าอดทน"

    เมื่อถามมา อีทึกก็ตอบกลับโดยไม่แม้แต่จะแสดงความรู้สึกผ่านแววตาออกมา...เหมือนเป็นเรื่องเล่าธรรมดาที่ไม่มีอะไรน่าเจ็บปวด คงมีเพียงแค่คนพูดเท่านั้นที่รู้ดีว่ามันน่าเจ็บปวดมากขนาดไหน และแล้วก็เป็นฮันคยองที่เป็นฝ่ายแพ้ในเกมส์จ้องตาครั้งนี้....เหมือนเกินไป...คล้ายเกินไป...จนมันน่าร้องไห้

     

    เขาละสายตาออกมาจากดวงตาแสนหวานที่แลดูราวกับมืดบอดคู่นั้นก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าไปในครัว...ทนไม่ได้ที่จะจ้องมองใบหน้าที่แสนคิดถึงอีกต่อไป เพราะขอบตาของเขามันแสบร้อนเกินไป...เพราะมันยากเกินไปที่จะไม่ตรงเข้าไปกอดร่างบางตรงหน้าที่ช่างดูเหมือนหัวใจของเขา...เหมือนปาร์คจองซู...เหมือนนางฟ้าของเขา

     

    ชายหนุ่มขยับไปทั่วห้องครัวเล็กๆ เปิดตู้เย็นหยิบอาหารสำเร็จรูปออกมาอุ่นทานเหมือนอย่างเคย ดวงตาคมของคนที่แสร้งทำตัววุ่นวายตวัดไปมองร่างบางที่นั่งอยู่ที่โซฟาด้านนอกเล็กน้อย...และยังคงมองอยู่อย่างนั้นแม้ว่าไมโครเวฟจะร้องขึ้นมาแล้วก็ตามที แน่ล่ะ...หัวใจของเขาเจ็บปวด เพราะทุกอย่างมันช่างเหมือนกันจนน่าเจ็บปวด...จนน่าร้องไห้

     

    "ผมคงเหมือน...คนรักของคุณมากสินะครับ"

    เสียงหวานห้วนกระด้างที่เอ่ยขึ้นเรียกให้ฮันคยองสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากความเจ็บปวดของตัวเอง ชายหนุ่มหันไปเปิดไมโครเวฟเพื่อกลบเกลื่อนอาการเหม่อลอยของตน...ไม่ให้ใครอีกคนรู้ว่าเจ้าตัวนั่นมีอิทธิพลต่อความรู้สึกของเขามากขนาดไหน

     

    "นายจะไปรู้อะไร"

     

    "คุณมีรูปคนรักของคุณตั้งทั่วไปหมด"

    ร่างสูงชะงักการก้าวเดินไปนิดก่อนจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นด้วยการโยนข้าวกล่องไปวางไว้บนพื้นที่ว่างบนโซฟาข้างๆคนที่แอบสำรวจห้องของเขาโดยไม่ได้รับอนุญาต ใบหน้าคมอันเย็นชาเบือนหนี...ไม่สบตากับคนที่นั่งอยู่แม้เพียงนิด...กลัวจะร้องไห้ออกมาก็เท่านั้น

     

    "ทานซะ...แล้วพรุ่งนี้ก็ไสหัวออกไปจากที่นี่สักที"

    เขาว่าก่อนจะเดินเลี่ยงออกมานั่งในจุดที่ห่างจากโซฟามากที่สุด อีทึกไม่ได้ตอบรับอะไรในทันที เขาหันมาคว้าข้าวกล่องขึ้นมาวางไว้บนตักแล้วจึงค่อยๆเปิดฝาออก...จ้องมองมันอย่างว่างเปล่า และทุกการกระทำเหล่านั้นก็ตกอยู่ในสายตาของคนที่นั่งห่างออกมา

     

    "ขอบคุณครับ"

    ชายหนุ่มร่างบางเอ่ยออกมาแผ่วเบาแล้วจึงเริ่มตักข้าวเข้าปาก...และฮันคยองก็ไม่เข้าใจเอาเสียเลยว่าทำไมทุกอากัปรของคนแปลกหน้าตาหวานถึงได้น่าเจ็บปวดไปเสียหมด...ดูเศร้าสร้อยไปเสียทุกอย่าง ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบงัน อีทึกทานข้าวเย็นของตัวเองไปเงียบๆ เช่นเดียวกับที่ฮันคยองนั่งเฝ้าดูอยู่เงียบๆ...ความเจ็บปวดลอยจางๆอยู่ในอากาศจนน่าอึดอัด ทั้งสองคนรู้สึกได้...หากแต่กลับไม่มีใครคิดจะพูดอะไรออกมา...เหมือนกันเกินไปก็เท่านั้น

     

    "ถ้าคุณเจอผมก่อนคนรักของคุณ...คงจะดีนะครับ"

    เสียงหวานอันเย็นชาปลุกฮันคยองให้หลุดออกมาจากภวังค์อีกครั้ง เขาสะบัดหัวเล็กน้อยไล่อาการเหม่อลอยที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งเกินไปหน่อยพลางพยายามเข้าใจประโยคที่เพิ่งถูกเอ่ยออกมา...และเขาก็พบว่ามันเป็นประโยคที่ช่างน่าอึดอัดหัวใจ

     

    "มันเป็นไปไม่ได้"

     

    "ครับ...ผมทราบอยู่แล้ว"

    ร่างบางที่นั่งจดจ้องข้างกล่องในมืออยู่นานหลายนาทีหันกลับมาสบตากับเจ้าของห้องเป็นครั้งแรกของมื้ออาหาร...และในความเย็นชาอันงดงาม ความเจ็บปวดก็กำลังสะท้อนออกมาจากแววตาลูกปัดไร้ชีวิตคู่นั้น

     

    "ผมถึงบอกว่ามันคงจะดีไงล่ะครับ"

    อีทึกลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินถือข้าวกล่องที่พร่องลงไปไม่ถึงครึ่งกลับไปเก็บในครัว ปิดฝาแล้วใส่มันไว้ในตู้เย็นอย่างเรียบร้อย

     

    "ขอโทษที่ทานไม่หมดนะครับ พรุ่งนี้ผมจะมาทานต่อก็แล้วกัน"

    คนทานเหลือหันมาบอกพลางก้มหัวลงเล็กน้อยเป็นการขอโทษ...สุภาพและนอบน้อมอย่างน่าประหลาดใจก่อนจะเดินผ่านร่างสูงออกไปที่ระเบียงโดยไม่ปล่อยให้ใครได้เอ่ยถาม ร่างบางยิ่งแลดูบอบบางและเย็นชา...ยิ่งดูไร้ชีวิตไร้ความรู้สึก อีทึกหันหลังให้ประตูกระจก เท้าข้อศอกทั้งสองข้างลงบนราวกั้นก่อนจะจุดบุหรี่ขึ้นสูบอย่างไม่คิดสนใจอะไรอีก

     

    ฮันคยองเหลือบมองเทพธิดาไร้ชีวิตที่ยืนอยู่ท่ามกลางหิมะด้านนอกห้องเล็กน้อย...ย้ำกับตัวเองว่าอย่าได้ไปใส่ใจเพราะนั่นไม่เหมือนปาร์คจองซูของเขาเลยสักนิดก่อนจะลุกขึ้นเดินก้าวเข้าไปในห้องนอนของตนอย่างไม่คิดสนใจใดๆอีก

     

    ..............................................................

     

    "ผมไม่ทำแล้ว"

     

    "ทำไมล่ะอีทึก งานไม่สนุกรึไง"

    อีทึกเหม่อสายตาออกไปยังท้องฟ้าสีหม่นที่เต็มไปด้วยเกล็ดหิมะที่ร่วงหล่นลงมา...ตกลงมาเรื่อยๆอย่างทำอะไรไม่ได้นอกจากละลายหายไป เขายกบุหรี่ที่คีบอยู่ด้วยสองนิ้วขึ้นมาสูดควันลงปอดทีหนึ่งก่อนจะเอ่ยตอบเหตุผลที่อีกฝ่ายต้องการกลับไป

     

    "ผมไม่ยุ่งกับคนดีๆ คุณก็น่าจะรู้นี่คุณซีวอน"

     

    "คนดีๆ?" ปลายสายพึมพำออกมานิดก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างขบขัน

     

    "ทำไม...เขาอ่อนโยนกับนายรึไงอีทึก"

    น้ำเสียงเหมือนกำลังเยาะหยันทำให้เรียวปากแดงสีสดเม้มเข้าหากันเล็กน้อยคล้ายไม่ชอบใจ หรืออันที่จริง...อาจจะกำลังซ่อนความเจ็บปวดอยู่ก็เป็นได้ อีทึกเคาะเถ้าบุหรี่ออกไปนอกระเบียงก่อนจะยกมันขึ้นมาแนบริมฝีปากอีกรอบ

     

    "เปล่าหรอก เขาก็แค่...เป็นคนดี ผมไม่อยากทำร้ายเขา"

     

    "ฟังฉันนะอีทึก...หมอนั่นไม่ใช่คนดีหรอกนะ"

     

    "..."

     

    "หมอนั่นฆ่าลุงของฉัน นายจะว่ามันเป็นคนดีอย่างนั้นหรอ มือปืนของจางซึนกีไม่มีทางเป็นคนดี หมอนั่นฆ่าคนนะ...และเขาจะฆ่านายถ้ารู้ว่าใครส่งนายไป"

    อีทึกเข้าใจตรงนั้น...เขาเข้าใจ หากแต่ความรู้สึกของเขามันบอกว่าไม่ใช่...หมอนั่นก็แค่เจ็บปวด...หมอนั่นก็แค่ต้องการแสงสว่าง มันก็เพียงเท่านั้น ซีวอนที่อยู่ปลายสายถอนหายใจออกมาเบาๆเมื่ออีกฝ่ายนิ่งเงียบไป...เหมือนเหนื่อยใจกับคนที่เคยอยู่แค่เพียงในความมืดมนอันทุกข์ระทม

     

    "หมอนั่นอ่อนโยนกับนาย เพราะนายแค่หน้าเหมือนคนรักของเขา...มันก็แค่นั้นอีทึก"

     

    "..."

     

    "เขาไม่มีทางรักคนแบบนายหรอก...นายก็รู้นี่"

     

    รู้สิ...

     

    เพราะรู้อย่างนั้นยังไงล่ะ

     

    มันถึงทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดมากขนาดนี้

     

    ............................................................................

     

    "บอกรักฉันก่อนเร็ว แล้วเดี๋ยวฉันจะบอกบ้าง...เร็วๆสิ!"

     

    "..."

     

    "ไม่ต้องมาทำแก้มแดงเลยนะฮันคยอง!"

     

    "ก็..."

     

    "ฮันคยองไม่รักปาร์คจองซูอย่างนั้นหรอ"

     

    "รักสิครับ"

     

    "รักมากๆ?"

     

    "มากที่สุดเลยครับ"

     

    "คิๆ...ปากหวานจังน้าาา ปาร์คจองซูก็รักฮันคยองมากที่สุดเหมือนกันนะ"

     

    เฮือก!!

     

    ร่างสูงสะดุ้งลุกนั่งขึ้นมาด้วยดวงตาเบิกกว้าง หอบหายใจหนัก เหงื่อโทรมกาย...ฝันแสนดีที่มีผลร้ายกาจกับหัวใจ ฮันคยองยกมือขึ้นเสยผมพลางถอนหายใจออกมาเบาๆ...รู้สึกเหนื่อยราวกับเพิ่งออกไปวิ่ง...คงเป็นการวิ่งหนีความจริงกระมัง เขาถอนหายใจอีกครั้งพร้อมกับสะบัดผ้าห่มออกเพื่อลุกขึ้นเดินออกไปหาน้ำดื่ม

     

    อากาศอันหนาวยะเยือกทำให้เขาต้องห่อไหล่เข้าหากัน...ดูท่าว่าฮีตเตอร์ห้องเขาคงต้องถึงเวลาเปลี่ยนจริงๆเสียแล้ว มือที่กำลังรินน้ำใส่แก้วชะงักไปนิดเมื่อดวงตาเหลือบไปเห็นโซฟาที่สมควรจะมีใครบางคนนอนอยู่ หากแต่มันกลับว่าเปล่าอย่างน่าสงสัย ชายหนุ่มยกน้ำขึ้นดื่มอย่างที่ตั้งใจออกมาทำตั้งแต่แรกก่อนจะเดินไปยืนอยู่หน้าประตูกระจกที่เชื่อมติดอยู่กับระเบียงอันเป็นที่ที่เขาเห็นคนตาหวานเป็นครั้งสุดท้าย...อยู่ที่เดิมจริงๆด้วย

     

    เขาถอนหายใจออกมาคล้ายอ่อนอกอ่อนใจพลางเลื่อนประตูเปิดและก้าวออกไปด้านนอก ดึกมากแล้ว หิมะก็ยิ่งตกหนักจนหายใจแทบไม่ออก แล้วหมอนี่เผลอหลับไปได้ยังไงนะ ฮันคยองย่อตัวนั่งลงใกล้ๆคนที่เผลอหลับไปท่ามกลางหิมะอันร่วงโรยพลางค่อยๆดึงบุหรี่ที่ยังคงมอดไหม้อยู่ออกมาจากนิ้วเรียวของคนหลับใหลอย่างแผ่วเบาราวกับจะกลัวทำให้รู้สึกตัว ดวงตาคมกวาดสำรวจก้นบุหรี่มากมายที่ถูกวางกองอยู่ใกล้ๆแล้วจึงเบนกลับมาหาคนสูบจัดอีกครั้ง...ตัวแค่นี้สูบบุหรี่เยอะเกินไปรึเปล่านะ

     

    "นี่..."

    มืออุ่นเอื้อมออกหมายเขย่าปลุก หากแต่แค่เพียงปลายนิ้วสัมผัสลงไป อีทึกก็สะดุ้งขึ้นตื่นด้วยม่านตาเบิกกว้างอย่างตื่นกลัว

     

    "ออกไป...ออกไป!"

    มือเล็กผลักไสทุกอย่างให้ออกห่างเช่นเดียวกับร่างกายที่ดิ้นรนถอยหนีจากความอบอุ่นเดียวที่เข้าใกล้....หวาดผวาโดยไร้เหตุผลจนฮันคยองต้องรีบยึดจับไหล่บางทั้งสองข้างเอาไว้ก่อนที่อีกฝ่ายจะคิดกระโดดออกไปจากระเบียงจริงๆ แต่ยิ่งเขายึดจับ คนร่างบางก็ยิ่งดิ้นรนแบบไม่คิดชีวิต

     

    "นี่....ฉันเอง...มองฉันสิ"

    ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำและการออกแรงเขย่าเพียงไม่กี่ครั้ง อีทึกก็สงบลงได้อย่างน่าประหลาด ดวงตาคู่หวานที่ยังคงเบิกกว้างจ้องมองเขาแน่นิ่งราวกับอยากจะให้แน่ใจว่าเป็นคนที่คุ้นเคยก่อนอากาศที่หนาวเย็นจะทำให้เจ้าตัวค่อยๆเคลิ้มหลับกลับไปตามเดิม...หรือบางทีอาจจะแน่ใจว่าตัวเองปลอดภัยแล้วก็เป็นได้

     

    "นี่...ตะ..."

    ฮันคยองชะงักคำพูดของตัวเองเมื่อเห็นใบหน้ายามหลับใหลของชายหนุ่มตรงหน้า เพราะมันช่างบริสุทธิ์จนเขาทนใจร้ายไม่ไหว...ยิ่งเหมือนปาร์คจองซูของเขาจนเขาเผลอใจอ่อนอย่างไม่น่าให้อภัย เขาถอนหายใจก่อนจะตัดสินใจช้อนร่างบอบบางขึ้นแนบอกและพาเดินเข้าไปด้านในห้อง ยืนลังเลอยู่ที่โซฟาเล็กน้อย แต่ผิวกายอันเย็นเฉียบของคนในอ้อมแขนก็ทำให้เขาเปลี่ยนใจหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในห้องนอนของตนแทนที่

     

    เทพธิดาผู้หลับใหลแทบจะไม่ขยับตัวยามที่เขาวางร่างของเจ้าตัวลงบนเตียงนุ่ม เขาจัดการห่มผ้าให้ก่อนจะผละห่างออกมาเพื่อเฝ้ามอง...และก็เหมือนทุกครั้งที่มันมักจะมีภาพของปาร์คจองซูขึ้นมาซ้อนทับเสมอ...ตอนจองซูหลับก็เป็นแบบนี้...เหมือนแบบนี้ไม่มีผิด

     

    "ผมรักคุณมากนะ...รักมากจริงๆ"

     

    ...........................................................

     

    ดวงตาคมทอดมองดอกกุหลาบสีขาวที่ตนเพิ่งมันวางลงไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย...มีอะไรอยากจะพูดมากมาย แต่เขากลับคิดไม่ออกว่าตนอยากจะพูดสิ่งใดกันแน่ ฮันคยองจึงทำได้เพียงแค่ยืนอยู่อย่างเงียบงันบนพื้นแผ่นดินเหนือร่างของปาร์คจองซู....ทำได้เพียงแค่เฝ้ามองด้วยหัวใจที่เจ็บปวดจนชินชา

     

    "จองซู..."

    เกล็ดหิมะที่ร่วงหล่นลงทำให้ชายหนุ่มต้องดึงผ้าพันคอผืนยาวให้สูงขึ้นจนปิดถึงปลายจมูก ความหนาวเย็นเกาะกินผิวกายจนมันเย็นเฉียบ แต่เขาก็ไม่คิดใส่ใจ...ไม่สามารถละสายตาออกมาจากป้ายหลุมศพได้แม้เพียงชั่ววินาที

     

    "จะไม่มีใครแทนที่คุณได้...ผมสัญญา"

     

    ..........................................................

     

    ร่างบอบบางนอนตะแคงขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนา....แลดูตัวเล็กยิ่งกว่าเคยเมื่อนอนอยู่บนเตียงใหญ่ขนาดนี้ มือเล็กกระชับผ้าห่มแนบเข้าหาตัวแน่น ดวงตาคู่สวยที่เปิดลืมทำให้คนที่เพิ่งเดินเข้ามารู้ว่าอีกฝ่ายได้รู้สึกตัวตื่นแล้ว...และตอนนี้ก็ทำเพียงแค่นอนเหม่อสายตาออกไปนอกหน้าต่างอย่างว่าเปล่า ปล่อยให้แสงแดดอุ่นๆของยามเช้าลอดผ่านรอยแง้มของม่านเข้ามากระทบผิวหน้า...มันยิ่งทำให้ผิวขาวเนียนดูซีดจาง แต่ทว่าก็งดงามน่ามองราวกับเทพธิดาที่ถูกเนรเทศลงมาจากฟากฟ้า ฮันคยองที่เพิ่งกลับมาถึงห้องไม่ได้ขยับก้าวเข้าไปหา เขาทำเพียงยืนค้างอยู่ที่หน้าประตูห้อง...ทำเพียงจ้องมองดั่งเช่นเคย

     

    "ฉันบอกให้นายออกไปไม่ใช่รึไง"

    เจ้าของห้องเอ่ยทวงคำสั่งของตนอีกครั้งด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่น้ำเสียงกลับแฝงความไม่พอใจเอาไว้ลึกๆ คนถูกไล่ไม่แม้เพียงหันกลับมาสบตาเพื่อเอ่ยขอร้องอ้อนวอน อีทึกขดตัวเข้าหากันมากขึ้นจนปลายจมูกหายเข้าไปใต้ผ้าห่ม โผล่พ้นออกมาเพียงดวงตาคู่หวานอันไร้ชีวิตที่ยังคงจับจ้องอยู่ที่ท้องฟ้าด้านนอก

     

    "ผมจะอยู่...ที่นี่"

     

    "อย่าให้ฉันต้องโยนนายออกไป"

     

    "ผม...ไม่มีที่อื่นแล้ว"

    ร่างสูงเดินตรงเข้าไปหาคนที่ยืนยันความตั้งใจของตนอย่างชัดเจนก่อจะใช้มือกระชากไหล่บอบบางให้เจ้าตัวพลิกขึ้นมานอนหงายเพื่อสบตา แล้วจึงใช้มืออีกข้างตรงเข้าไปบีบกระชับที่ลำคอเล็ก...ทำทุกอย่างด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนแม้เพียงนิด และก็เหมือนทุกครั้ง...อีทึกไม่ได้ดิ้นรนเพื่อให้ตัวเองหลุดรอดออกมาจากความโหดร้าย เขาทำเพียงนิ่งเฉย...และจ้องมอง

     

    "อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าเชวซีวอนส่งนายมา"

    ความจริงที่ถูกเปิดเผยออกมาอย่างง่ายดายหาได้ทำให้แม่นกต่อตัวน้อยตื่นตระหนกไม่ กลับกัน...อีทึกยิ่งนิ่งเฉยจนคนที่เริ่มสับสนกลายเป็นคนลงมือเสียเอง

     

    "ถ้าอย่างนั้น...คุณคงเข้าใจว่าทำไมผมถึงจะอยู่ที่นี่"

     

    "หึ..."

    มือใหญ่บีบกระชับลำคอเล็กแน่นขึ้นด้วยดวงตาที่ทอประกายวาวโรจน์...ดูคล้ายซาตานกระหายเลือดในร่างของเทวทูตรูปงาม เทวทูตแห่งความตายขยับกายขึ้นคร่อมทับคนที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงราวกับตุ๊กตาไร้ชีวิต

     

    "ที่นี่ไม่มีที่ว่างสำหรับนายหรอกนะ"

     

    "คนรักของคุณ...ว่างอยู่ไม่ใช่หรอครับ"

     

    เพี้ย!!

     

    ฝ่ามือใหญ่เงื้อขึ้นก่อนจะฟาดลงไปสุดแรงบนแก้มนวลจนอีกฝ่ายหน้าหัน แต่คนใจร้ายก็ดูเหมือนจะยังไม่พอใจแค่นั้น...เพราะใบหน้าที่ว่างเปล่านิ่งเฉยมันทำให้เขาหงุดหงิด...เพราะใบหน้าว่างเปล่านิ่งเฉยมันทำให้เขาเจ็บปวด ฮันคยองฟาดซ้ำลงไปอีกครั้งด้วยความรุนแรงที่ไม่ต่างกับครั้งแรก...และครั้งนี้เขาก็พอใจกับผลลัพธ์ของมัน เพราะเลือดที่ไหลซึมออกมาตามมุมปาก แต่อีทึกก็ไม่มีท่าทีว่ากำลังเจ็บปวด...ไม่เลย เทพธิดาคนงามที่มีใบหน้าซีกซ้ายบวมช้ำและเลือดกบปากทำเพียงแค่เบือนหน้าหนีออกไปมองนอกหน้าต่างด้วยท่าทางเหมือนไม่ได้กำลังรู้สึกอะไร แต่คนใจร้ายก็บีบบังคับให้เขาหันกลับมาสบตาด้วยการใช้มือบีบแก้มนุ่มจนมันยิ่งช้ำ

     

    "คนชั้นต่ำ...สกปรกโสโครกอย่างนาย ไม่มีทางแทนที่จองซูได้...ไม่มีทาง!....จำใส่สมองกลวงๆของนายเอาไว้ด้วย!"

     

    อีทึกเจ็บปวดนะ

     

    "คนอย่างนายน่ะ...เป็นได้แค่อีตัวทุเรศๆข้างถนนที่มีไว้แค่เซ็กส์ แต่จองซูไม่ใช่!...ไม่มีวันใช่!...อย่าเอาตัวต่ำๆของนายมาเปรียบเทียบกับเขา"

     

    อีทึกเจ็บปวดมากๆเลยนะ

     

    "อย่าให้ฉันรู้ว่านายกำลังจะทำอะไร...ฉันจะฆ่านายทิ้งโดยไม่ลังเลแม้แต่นิดเดียวรู้ไว้ซะด้วย!"

     

    "ผมรู้..."

     

    รู้สิ...

     

    รู้ดีเสียด้วย

     

    แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ...

     

    มันก็ยังเจ็บปวดมากๆอยู่ดีนั่นล่ะ

     

    "ไม่มีใครแทนที่ใครได้หรอกครับ"

     

    .......................................................






    ได้ข่าวว่าวันเสาร์สอบ แต่ไรเตอร์บ้าพลังสุดๆ เลยเอามาลงให้ก่อนสอบค่ะ^^ ตอนนี้ก็เจ็บจี๊ดสุดๆไปเลยเนอะ ขนาดนั่งพิมพ์เองยังเจ็บเอง แล้วคนโดนว่าอย่างทึกจะเจ็บขนาดไหนนะที่โดนฮันว่าซะขนาดนั้นอ่ะ(เรื่องทำให้คนอ่านหดหู่ไรเตอร์ล่ะที่หนึ่ง- -) เป็นตอนเล็กๆที่ไม่มีอะไรมากเนอะ แถมมีคนดำเนินเรื่องก็มีบทพูดอยู่แค่ไม่กี่ประโยค(ลองไปสังเกตดูว่าคู่ฮันทึกเค้าพูดกันกี่ประโยคในตอนนี้- -) แต่ก็ช่างเถอะนะ(ปัดความรับผิดชอบกันแบบเห็นๆเลยทีเดียว)

     

    ตอนหน้าขอเปนคู่คิสก่อนนะจ้ะ ไปดุชางมินกันซักนิดว่าสุดหล่อเค้าจะรอดมากจากปาร์ครึเปล่า- -

     

    ส่วนเรื่องเอสเอ็ฟของบอมและหมวย(ที่กำลังจะมีขึ้นภายในไม่กี่วันนี้) ไรเตอร์มีทางเลือกให้เลือกค่ะ สั้นๆง่ายๆและได้ใจความสุดๆ...จะเอาเรื่องใหม่หรือเอาแค่เอสเอ็ฟสองตอนคะ^^ (หาเรื่องเหนื่อยตลอดเลยกุ- -) อันเนื่องมาจากว่า ไรเตอร์คิดพล็อตของสองตอนนั้นไม่ออกค่ะ ถ้าเอาแบบเดิมอย่างที่สัญญาไว้ตั้งแต่ต้น(ที่บอกว่ามันจะต่อจากเรื่องนางฟ้าอ่ะค่ะ) เรื่องใหม่ของไรเตอร์ก็จะเปนหมันโดยสมบูรณ์เพราะว่าพล็อตมันเหมือนกันมาก คอนเซปคล้ายกันสุดๆไปเลย- - ...ไม่อยากทำให้เบื่ออ่ะนะตัวเอง ก้ลองตัดสินใจดูนะคะว่าจะเอาเรื่องใหม่แลกกับการไม่เอาเอสเอ็ฟสองตอน ซึ่งไรเตอร์ก็จะพยายามเอามาลงให้เร็วที่สุดเท่าที่สังขารจะอำนวยเพื่อชดเชยเอสเอฟสองตอนนั้น ไม่เกินปีนี้แน่ค่ะ หรือถ้าไม่แคร์ อ่านพล็ตซ้ำๆได้ไม่เปนไร ก้บอกกันมาละกันนะจ้ะ^^

     

    เราพูดไม่งงใช่ม่ะเพราะตอนนี้มึนมากเลย- -

     

    ไปแระจ้ะ รักนะจุ๊บๆ^^

     

    ปล. ถามอีกก็ตอบอีก ไรเตอร์อยู่ปีหนึ่งแล้วค่ะ^^...แต่ถ้าใครถามอีก เค้าจะเริ่มโกรธแล้วนะตัวเอง- -




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×