ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC SJ:KIHAE] :: The One I Love ลิขิตหัวใจนายมาเฟีย

    ลำดับตอนที่ #13 : The Story Has Just Begun

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.35K
      3
      8 ส.ค. 52

    4 เดือนต่อมา

    พฤศจิกายน

     

     

     

    "อาทิตย์หน้าไปเยี่ยมยุนฮากันนะ พี่สาวฉันบอกว่าเธอบ่นหานายตลอดเลย"

     

    "ได้สิ...ไปสนามบินก่อนแล้วค่อยไปหายุนฮาได้มั้ย ผมต้องไปรับพี่ชายเพื่อนน่ะ"

     

    "ตามใจ...อ่า...เสร็จแล้วๆ หล่อมั้ยล่ะ ฉันบอกแล้วว่าฮันจะต้องหล่อ" คนตัวเล็กกว่าร้องออกมาเสียงดังพลางดึงผ้าขนหนูลงมาจากศีรษะของคนที่นั่งหันหลังอยู่ตรงหน้า เผยให้เห็นผมสีดำสนิทอันเปียกชื้นซึ่งเกิดจากการที่เจ้าตัวอดทนนั่งเฉยๆให้นางฟ้าเล่นผมมากว่าสองชั่วโมง จองซูก้มตัวลงมาวางคางลงบนไหล่กว้างเพื่อจะได้ปรากฏเงาสะท้อนอยู่ในกระจกบานเล็กที่คนผมดำหมาดๆถืออยู่ในมือข้างหนึ่ง เขาหัวเราะคิกคักให้กับสีหน้าประหลาดๆของคนที่กำลังเอียงหน้าไปมาเพื่อส่องกระจก

     

    "มัน...แปลกๆ" ฮันคยองว่าพลางยกมืออีกข้างเขี่นผมที่ปรกอยู่ตรงหน้าผากของตนไปมา...ดูท่าจะไม่ค่อยปลื้มกับสีผมใหม่เท่าไรนัก

     

    "แปลกตรงไหนกัน หล่อออกจะตายไป ฉันทำให้เองกับมือก็ต้องดูดีอยู่แล้วนั่นล่ะ"

    แก้มเนียนใสแนบเข้ากับแก้มสีแทนของคนร่างสูงพลางกระแซะไปมาราวกับกำลังพยายามจะทำให้อีกฝ่ายเชื่อในสิ่งที่เขาพูด...แน่ล่ะ...ก็มันจริงนี่!...ปาร์คจองซูไม่โกหกหรอกนะ! แต่คนที่ถูกชมว่าหล่อซ้ำแล้วซ้ำเล่ากลับไม่มีทีท่าว่าจะเชื่อเช่นนั้นง่ายๆ ฮันคยองยังคงมีสีหน้าตะขิดตะควงใจและยังคงจับผมของตัวเองไปมาไม่เลิก ซึ่งสำหรับจองซูแล้ว...มันเป็นอะไรที่น่ารักเสียไม่มี!!

     

    "หรอ..."

     

    "ก็ใช่น่ะสิ...ฮันของฉันหล่อที่สุดอยู่แล้ว"

    คนของนางฟ้าคลี่รอยยิ้มออกมานิดให้กับคำพูดแสนหวาน ดวงตาคมเหลือบมองใบหน้าหวานที่อยู่ใกล้เพียงอากาศกั้นก่อนในที่สุดก็ทนความยวนใจไม่ไหว ต้องหันไปใช้ปลายจมูกกดเข้าที่แก้มนิ่มนั่นเสียหนึ่งทีเพื่อสูดดมความหอมหวานของกลิ่นกุหลาบแล้วจึงค้างอยู่แบบนั้น...ปล่อยลมหายใจอุ่นๆให้รวยรินอยู่ใกล้ๆจนผิวขาวขึ้นสีระเรื่ออย่างน่ามอง แต่กระนั้นจองซูก็ยังคงยิ้มหวาน...เฝ้ามองรอยยิ้มกรุ่มกริ่มของคนเจ้าเล่ห์ที่สะท้อนออกมาจากกระจกไม่ได้ถอยห่างแต่อย่างใด

     

    "ฮันของใครนะ" เสียงทุ้มเอ่ยถามเบาๆที่ริมหู คนถูกถามหัวเราะออกมานิดพลางเดินอ้อมมานั่งคร่อมทับอยู่บนหน้าตักของเจ้าของคำถามผู้ซึ่งโยนกระจกในมือทิ้งหายไปทันทีที่บั้นท้ายนุ่มๆของคนร่างบางสัมผัสเข้ากับหน้าขาของตน

     

    "ฮันของจองซูน่ะสิ"

     

    "แล้วจองซูรักฮันของจองซูรึเปล่าครับ"

    จองซูเอนคอ แสร้งทำท่าครุ่นคิดได้อย่างน่ารักก่อนจะวาดมือโอบกอดลำคอแกร่งของคนตรงหน้าเพื่อจะได้เบียดกายเข้าแนบชิดมากขึ้น และเหมือนกับจะรู้หน้าที่ ฮันของจองซูคนดีก็เลื่อนมือขึ้นมาโอบเอวบางเข้ามาแนบกายเช่นกัน เขาเงยหน้าขึ้นไปเลิกคิ้วให้คนหน้าหวานเพื่อเรียกร้องขอคำตอบที่เขาอยากฟัง

     

    "จะรักดีมั้ยน้าา....ฮันของจองซูยิ่งหล่อๆอยู่ด้วย ต้องมีคนชอบฮันของจองซูเยอะมากแน่ๆเลย"

     

    "ดีสิ...จองซูรักฮันของจองซูน่ะดีแล้ว"

     

    "ทำไมล่ะ...ก็ฉันไม่อยากเสียใจนี่นาถ้าฮันของฉันไปรักคนอื่นน่ะ"

     

    "ไม่หรอก เพราะฮันของจองซูจะรักแค่จองซูคนเดียวตลอดไป...สัญญานะ"

    นางฟ้าผู้แสนสดใสคลี่ยิ้มขึ้นมาบนเรียวปากก่อนจะก้มลงไปจุมพิตเบาๆที่ริมฝีปากของคนปากหวานราวกับจะมอบมันให้แทนคำขอบคุณสำหรับคำสัญญาตลอดไปนั้น มือเล็กเลื่อนมีกอบกุมแก้มของชายหนุ่มตรงหน้าเพื่อจะได้สบตาหับตรงๆแล้วจึงก้มลงไปมอบจุมพิตซ้ำอีกครั้ง แต่คราวนี้ เขาได้มอบความหอมหวานให้อีกฝ่ายได้เข้ามาตักตวงอย่างลึกซึ้ง...รักมากมายจนสุดใจ

     

    "สัญญาตลอดไป...จริงๆนะ"

    ฮันคยองไม่ตอบในทันที เขารวบร่างบอบบางเข้ามากอดไว้แนบกายแล้วจึงกดจูบลงบนต้นคอขาวจนปรากฏรอยขึ้นมาเด่นตา...ราวกับจะย้ำให้อีกฝ่ายได้รู้ถึงหัวใจของตน

     

    "ผมจะเป็นฮันคยองของปาร์คจองซูตลอดไป...สัญญาครับ"

     

    .............................................................................

     

    "หน้านายเปื้อนน่ะยูชอน"

     

    "หืมม?...ไหน...เปื้อนตรงไหน"

     

    "ตรงนี้ๆ...เดี๋ยวฉันเช็ดให้" คนเสียงหวานว่าพลางเอามอที่เต็มไปด้วยสีชอล์กของตนปาดเข้าให้เต็มแก้มขาวๆของยูชอนที่สะอาดไร้สิ่งใดแม้แต่เศษฝุ่น จุนซูพยายามจะตีหน้านิ่ง ไม่หลุดหัวเราะออกมากลางคัน แต่เขาก็ไม่ต้องพยายามอะไรนักหรอก เพราะพ่อปาร์คยูชอนคนรักความสะอาดก็แทบจะไม่สนใจมองหน้าเขาด้วยซ้ำ เอาแต่ทำหน้าเป็นกังวลกับรายเปื้อน(ที่ไม่เคยมีตั้งแต่ต้น)อยู่นั่นล่ะจนคนแกล้งชักเริ่มหมั่นไส้ คุณครูสอนศิลปะชั้นอนุบาลคนดีเบ้ปากนิดๆก่อนจะแอบจับแท่งสีชอล์กที่อยู่ในกระเป๋าผ้ากันเปื้อนจนมันมีสีติดปลายนิ้วออกมาเพื่อเอาอีกสีไปป้ายเข้าที่หน้าหล่อๆของแฟนหนุ่ม

     

    "หมดรึยัง"

     

    "ใกล้แล้วๆ...อีกนิดนึง"

     

    "นี่คุณนึกว่าผมโง่รึไงจุนซู"

     

    "หา?!" คนตัวเล็กทำหน้าเหวอไปทันทีที่จู่ๆคนที่หน้าเปื้อนสีไปเป็นแทบก็แสยะยิ้มส่งมาให้เขาอย่างเจ้าเล่ห์สุดๆ ยูชอนดึงถังสีใบย่อมออกมาจากด้านหลังของตน(จุนซูล่ะอยากรู้นักว่าไอ้หมอนี่ไปหยิบของเขาออกมาจากชั้นวางตั้งแต่เมื่อไร หรือมันตั้งใจจะแกล้งเขาแต่แรกแล้วก็ไม่รู้!)พร้อมกับพู่กันอีกเป็นกำในมืออีกข้างหนึ่ง...อ่า ใช่เลยล่ะ...คิมจุนซูเริ่มเห็นจุดจบของตัวเองอยู่รำไรๆเสียแล้วสิ

     

    คุณครูสอนศิลปะเสียงหวานตัดสินใจเอื้อมหยิบถังสีที่วางอยู่ในระยะมือเอื้อมถึงมาสาดใส่หน้าคนเจ้าเล่ห์ที่หาทางแกล้งเขาอยู่เรื่อยก่อนจะวิ่งผ่านโต๊ะยาวที่ใช้เรียนศิลปะของเด็กอนุบาลเผ่นแนบออกมาก่อนที่อีกฝ่ายจะได้ทันตั้งตัว

     

    "จุนซูอ่า!"

     

    "อะไรอ่า!...ฉันจะกลับบ้านแล้ว ยูชอนเช็ดด้วยนะ" จุนซูรีบบอกเสียงแหลมปรี๊ดที่ไม่ได้สูงไปจากคีย์เสียงธรรมดาของเขาสักเท่าไร ชายหนุ่มร่างบางรีบหลับหูหลับตาจ้ำเดินไปหยิบข้าวของของตนที่วางแอบอยู่มุมมห้อง ถึงแม้ความนิ่งเงียบที่ไล่ตามหลังเขามาจะทำให้เขานึกแปลกใจอยู่นิดหน่อย แต่เขาก็ไม่คิดจะหันไปดูหรอกนะ!...ก็ไอ้คนอย่างไอ้ปากห้อยปาร์คยูชอนน่ะ เจ้าเล่ห์เจ้ากลจะตายไป!

     

    "จุนซูอ่า!...สีเข้าตาผมอ่ะ แสบมากเลย มองไม่เห็นด้วย!...คนใจร้าย!"

    แต่ก็นั่นล่ะนะ...ถึงไอ้ปากห้อยปาร์คยูชอนจะเจ้าเล่ห์เจ้ากลขนาดไหน หมอนั่นก็ใช้ความห่วงใยของเขาให้เป็นประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพแบบน่าร้ายกาจจริงๆ เพราะเขาแทบจะวิ่งถลากลับเข้าไปดูอาการของคน(ที่อ้างว่า)เจ็บทันทีที่สิ้นเสียงฟ้อง

     

    "เข้าตาหรอ....ไหนๆ เดี๋ยวฉันจะพาไปล้างนะ แสบมากรึเปล่า ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะ"

    มือนิ่มสัมผัสเข้าที่ข้างแก้มเพื่อใช้ปลายนิ้วปาดเช็ดสีโปสเตอร์ออกให้พ้นจากดวงตาของคนที่ร้องแง้วๆว่าแสบนักแสบหนา แต่ทันทีที่เขาสัมผัสมือลงไป ดวงตาของยูชอนก็เปิดพรึ่บขึ้นมา ซึ่งแน่นอนล่ะ...พร้อมด้วยรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์แสนกลเป็นที่สุด คนที่หน้าเต็มไปด้วยสียกถังสีใบใหญ่ขึ้นสูงก่อนจะจัดการเทราดลงบนหัวของคนตัวเล็กเข้าเต็มๆจนแทบจะเปียกไปทั้งร่าง เขาหัวเราะร่าเมื่อคิมจุนซูสุดที่รักของเขาถูกย้อมให้เป็นสีเหลืองทั้งตัว...เป็นงานศิลปะชิ้นเอกของโลกจริงๆ!

     

    "ยูชอนอ่า!!" ร่างบางร้องออกมาเสียงสูงปรี๊ดพลางพยายามจะลูบสีออกจากใบหน้าไม่ให้มันไหลเข้าปากเข้าตามากไปกว่านี้ คนเจ้าเล่ห์หัวเราะให้กับท่าทางงุ่นง่านนั้นก่อนจะผลักคนที่เริ่มงอแงให้นั่งลงบนโต๊ะ แล้วจึงเป็นฝ่ายเช็ดสีออกจากใบหน้าให้อย่างอ่อนโยนจนในที่สุดเขาก็ประจักษ์เข้ากับแก้มป่องๆแล้วหน้าบึ้งของคิมจุนซู

     

    "ยูชอนแกล้งฉันอ่า!...ฉันโกรธจริงๆนะ"

     

    "ก็ไปแกล้งคนอื่นเค้าก่อนนี่ โดนแกล้งกลับแล้วมาทำเป็นงอน...เป็นเด็กนิสัยไม่ดีนี่นา"

     

    "ฉันยังโกรธอยู่นะ!" คนโกรธสะบัดเสียงใส่แฟนหนุ่มอย่างแสนงอนจนยูชอนต้องหลุดหัวเราะออกมาอีก เขาใช้ปลายนิ้วเช็ดริมฝีปากบางเบาๆก่อนจะก้มลงไปมอบจุมพิตแสนอ่อนหวานให้

     

    "หายโกรธรึยัง"

     

    "ยะ...ยัง!" คนที่แก้มแดงปลั่งกลั้นใจเชิดหน้าตอบกลับห้วนๆอย่างแสนเอาแต่ใจ...แน่ล่ะ!...เขาโกรธทีไรไอ้ปาร์คปากห้อยก็เล่นมุกนี้กับเขาทุกที คิดว่าเขาง่ายขนาดนั้นเลยรึไงกันนะ!! ยูชอนยิ้มกริ่มให้กับคำตอบที่แปลความหมายได้หลายอย่างของคนตัวเล็ก เขายกหลังมือขึ้นเช็ดสีที่ข้างแก้มของตนก่อนจะกดร่างบางลงไปนอนราวกับโต๊ะตัวยาว แทรกกายเข้าไปยืนอยู่ตรงกลางระหว่างขาแล้วจึงโน้มตัวลงไปเท้าข้อศอกคร่อมอยู่เหนือร่างของคนที่เริ่มตื่นตะลึง(และเห็นจุดจบของตัวเองอยู่รำไรๆ(อีกแล้ว)) ยูชอนเฝ้ามองสีหน้าของคนรักอย่างเพลินตา...จุนซูก็เหมือนเด็กนั่นล่ะ โกหกอะไรใครไม่เป็น แสดงอารมร์ผ่านสีหน้าออกมาเสียหมด...และยูชอนก็ชอบที่จะเฝ้าดูความเปลี่ยนแปลงนั้นมาแต่ไหนแต่ไร

     

    "แปลว่า...อยากได้เยอะกว่านี้งั้นสิ"

     

    "ฉะ....ฉันไม่ได้พูดแบบนั้นซักหน่อย!"

     

    "แต่คำพูดของคุณมันหมายความแบบนั้นนี่"

    คิ้วเข้มเลิกขึ้นราวกับกำลังเอ่ยท้าให้ปฏิเสธออกมา มือใหญ่ซุกซนเริ่มสอดเข้าไปใต้เสื้อยืดที่แฉะชื้นไปด้วยสีโปสเตอร์เพื่อลูบผิวกายอันนุ่มลื่นเหมือนกำลีงทำให้อีกฝ่านจนมุมไม่มีทางเถียง...จุนซูเถียงเสมอนั่นล่ะยูชอนรู้ดี ที่เงียบไปตอนนี้คือกำลังคิดอยู่ว่าควรจะแก้ตัวยังไงดีต่างหาก!

     

    "หึ..." ยูชอนหลุดหัวเราะออกมาเบาๆแล้วจึงก้มลงไปจูบหนักๆบนเรียวปากบางที่เปื้อนไปด้วยสี เรียวลิ้นสอดแทรกเข้าไปควานหาความลึกซึ้งอย่างอ่อนหวานจนคนตัวเล็กเผลอยกแขนขึ้นมาโอบกอดลำคอของเขาและรั้งลงไปให้แนบชิดมากขึ้น มันทำให้เขาต้องทิ้งกายทาทาบลงไปอย่างช่วยไม่ได้(แต่ก็เต็มใจเป็นที่สุด)

     

    "อาทิตย์หน้าไปสนามบินกับผมนะ"

     

    "ไปทำไม"

     

    "ไปรับพี่ของเพื่อนน่ะ แล้วจากนั้นเราจะไปคังวอนโดกันตามที่สัญญาไว้...นะ"

     

    "อืม"

    ร่างสูงให้รางวัลคนใจดีเป็นการหอมแก้มแรงๆหนึ่งทีก่อนริมฝีปากร้อนจะค่อยๆและเล็มไปตามแนวลำคอขาวที่เปื้อนไปด้วยสีเหลือง...แต่ยูชอนก็ไม่รังเกียจนักหรอก

     

    "รักจุนซูที่สุดเลยรู้มั้ย...แต่โกรธผมบ่อยๆก็ดีเหมือนกันนะ" เขางึมงำอยู่กับผิวขาวที่เขาหลงใหลมันมานานนักหนาก่อนจะวกกลับขึ้นไปหาริมฝีปากแสนหวานผู้มีเขาเป็นเจ้าของเพียงคนเดียวอีกครั้ง...ไม่เคยหยุดพอเพียงกับความหวานล้ำเสียที แต่ดูเหมือนว่าจุนซูจะเริ่มหายโกรธเขาเสียแล้ว เพราะมือเล็กเริ่มออกแรงผลักไสไหล่ของเขาให้ถอยห่าง

     

    "ยูชอน....พอแล้วนา นี่มันห้องเรียนของเด็กอนุบาลนะ"

     

    "เด็กมันไม่รู้เรื่องหรอกนาจุนซู ผมอยากจะง้อคุณจะแย่แล้วรู้มั้ยครับ"

     

    "นี่..."

     

    "อยู่โกรธผมตลอดไปเลยนะ เพราะผมจะอยู่ง้อจุนซูตลอดไปเหมือนกัน"

     

    ..................................................................................

     

    "จับดีๆเซ่!...เดี๋ยวมันกัดนิ้วฉันทำยังไงล่ะ"

     

    "ผมก็จับลูกพี่อยู่นี่ไงล่ะ!...ลูกเจี๊ยบมันใช้กัดที่ไหนล่ะ มันใช้คำว่าจิกต่างหาก ลูกพี่นี่ล่ะก็"

     

    "เออ!....ช่างฉันเหอะนา!!" คนใช้คำผิดตวัดเสียงใส่ลูกน้องพลางกระชับมือเล็กๆ(ที่นุ่มนิ่มไม่ต่างจากของตัวเอง)ของฮยอกแจที่ยืนอยู่ห่างออกไปให้แน่นขึ้น ร่างบอบบางที่นั่งยองๆอยู่บนพื้นขยับเข้าไปใกล้เจ้าลูกเจี๊ยบตัวเล็กมากขึ้นเท่าที่ช่วงแขนที่เกาะกุมกันอยู่จะอำนวย มืออีกข้างหนึ่งก็เอื้อมออกไป หวังจะคว้าตัวเจ้าลูกไก่ตัวเล็กเอาไว้ แต่มันก็ยังไกลเกินไปอยู่ดี จะบอกให้ฮยอกแจขยับเข้ามาอีกเพื่อจะได้เอื้อมมือออกไปได้ไกลขึ้นก็กลัวว่าแม่ไก่กับพ่อไก่ตัวโตจะมารุมจิกมือของเขาที่คิดจะมาลักพาตัวลูกของมันเป็นแผลไปเสียก่อน...กลัวก็กลัว อยากจับเอามาเล่นก็อยาก ลีทงเฮกับลีฮยอกแจจึงมาจบอยู่ในท่าทางทุลักทุเลแบบนี้อย่างที่เห็น สร้างความขบขันระคนเอ็นดูให้กับลูกน้องอีกหลายคนที่ตามพวกเขามาเยี่ยมครอบครัวของคนในปกครองคนหนึ่งของลีทงเฮด้วยจนสามารถเรียกรอยยิ้มให้คลี่กว้างขึ้นมาบนเรียวปากได้อย่างง่ายดาย

     

    "อย่าปล่อยมือฉันนะเว้ยฮยอกแจ!...อีกนิดเดียวก็ได้แล้ว"

     

    "ไม่ปล่อยหรอกนา ลูกพี่รีบๆจับมันเข้าเหอะ ผมเมื่อยแล้วนาาา...เฮ้ยลูกพี่!...ไก่มันวิ่งมาหาลูกพี่อ่ะ!!"

     

    "ไหนๆๆ....เฮ้ยๆๆๆๆ!!....เชี่ยๆๆๆ!!!" คนตัวเล็กที่นั่งยองๆอยู่บนพื้นสบถคำหยาบคายออกมาเสียงดังลั่นอย่างไม่เกรงใจแม่เจ้าของบ้านที่นั่งอมยิ้มอยู่บนชานบ้านพร้อมกับรีบขยับตัวถอยหนีห่างออกมาทันทีเมื่อไก่ตัวใหญ่ตัวกนึ่งทำท่าจะพุ่งเข้ามาหามือของเขา ฮยอกแจผู้ซึ่งยืนเป็นหลักให้ลูกพี่ของตนมากว่าครึ่งชั่วโมงเบิกตาขึ้นกว้างพลางรีบดึงร่างบางๆของลูกพี่ของตนให้ถอยห่างออกมาอย่างรวดเร็ว...แหงล่ะ...เขาเองก็กลัวเหมือนกันนี่!

     

    "ลูกพี่เลิกเหอะผมว่า ให้เด็กมันจับให้ดีกว่า" ฮยอกแจพยายามจะโยนงานเสี่ยงตายไปให้พวกลูกน้องของเขาที่ยืนกลั้นหัวเราะกันสะล่อนอยู่รอบตัว แต่ดูเหมือนว่าคนดื้อดึงจะไม่อยากได้ลูกเจี๊ยบกลับไปเล่นที่บ้านด้วยวิธีง่ายๆแบบนั้น ทงเฮค่อยๆขยับตัวเข้าไปใกล้เจ้าลูกเจี๊ยบตัวเป้าหมายอีกครั้งโดยมีหลักกู้ชีพตัวขาวเดินตามไปด้วยอย่าไร้ทางเลือก

     

    "แค่ลูกไก่...ฉันมีปัญญาจับเองโว้ย!" คนมีปัญญาจับเองประกาศกร้าวด้วยน้ำเสียงหยิ่งๆที่ฟังดูถือดีตามนิสัยก่อนจะเริ่มเอื้อมมือออกไปเพื่อไขว่คว้าหาเป้าหมายอีกครั้ง ฮยอกแจจึงได้แต่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายและยืนเป็นหลักต่อไป

     

    "พี่ผมจะกลับมาแล้วนะลูกพี่รู้มั้ย"

     

    "คนที่ไปเรียนหมอที่จีนน่ะหรอ"

    ถึงแม้ทุกความตั้งใจของทงเฮจะไปอยู่ที่เจ้าลูกเจี๊ยบตัวเล็กที่ห่าวกันเพียงแค่อากาศกั้น แต่เขาก็ยังคงใส่ใจลูกน้องทุกคนของเขามากพอที่จะฟังทุกคำพูดที่ถูกเอ่ยออกมา...และยิ่งโดยน้ำเสียงอบอุ่นแบบนั้น เขาก็รู้ได้โดยไม่ต้องหันไปสบตาว่ามันเป็นเรื่องสำคัญ...ทำไมเจาถึงรู้สึกเศร้าขึ้นมานะ

     

    "ครับ...คนนั้นล่ะ"

     

    "นายจะ...ไปอยู่กับพี่นายแล้วหรอ"

    ทงเฮคงไม่รู้ว่าเสียงของตนนั้นแผ่วเบาและฟังดูเหมือนเด็กที่ต้องจากเพื่อนเพื่อย้ายไปอยู่โรงเรียนมากแค่ไหน ฮยอกแจได้แต่อมยิ้มให้กับท่าทางที่ดูซึมลงแบบนั้นของนายหนุ่ม ถึงจะพยายามปกปิดมากแค่ไหน แต่เขาก็ยังมองออกอยู่ดีนั่นล่ะ...ก็ลีทงเฮเป็นเพื่อนคนแรกของเขานี่ เช่นเดียวกับที่เขาเป็นเพื่อนคนแรกของลีทงเฮ...เพื่อนกันน่ะ โกหกกันไม่ได้หรอกนะ

     

    "เปล่าซักหน่อย...ผมจะชวนลูกพี่ไปรับพี่ของผมด้วยกันเท่านั้นเอง คิดว่าผมจะทิ้งลูกพี่ไปรึไง ลูกพี่ขาดผมไม่ได้หรอก ถ้าจางซึนกีขาดผมแล้วใครจะปลอมตัวไปหาข่าวมาให้ลูกพี่ล่ะครับ ลูกพี่ไม่มีคนเก่งสุดๆอย่างผมก็แย่น่ะสิครับ" ฮยอกแจพูดโอ่ๆ คิดว่าคงจะได้คำตวาดเดิมๆกลับมาเป็นแน่ แต่เขาก็คิดผิด เพราะลูกพี่ของเขากลับหัวเราะออกมาเบาๆพร้อมกับเงยหน้าหันมายิ้มให้เขาด้วยรอยยิ้มแสนหวานที่นานๆเขาจะได้เห็นเสียที(คนเห็นบ่อยต้องยกให้ฮันคยอง เพราะรายนั้นโดนนายหนุ่มไปอ้อนขอนู้นขอนี่ประจำ) มือเล็กบางกระชับมือของเขาแน่นขึ้นราวกับจะย้ำให้เขาอยู่ข้างกายแบบนี้ตลอดไป...เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดแบบนี้ตลอดไป

     

    "ขอบคุณนะฮยอกแจ"

     

    ......................................................................

     

    "ชนแก้ววว!!!"

    เสียงเฮดังลั่นขึ้นพร้อมกับแก้วเหล้าหลายใบที่ถูกยกขึ้นไปชนกันที่กลางโต๊ะ บัณฑิตจบใหม่หลายสิบชีวิตหรอกของเหลวสีอำพันลงคอไม่ยั้งราวกับจะชดเชยช่วงเวลาหกปีที่พวกเขาสูญเสียไปกับการเรียนตับไตไส้พุงของมนุษย์

     

    หนึ่งในนั้นคือลีซองมิน หนุ่มหน้าหวานที่เพิ่งซดแอลกอฮอล์ดีกรีสูงขวดแรกหมดไปหมาดๆ(ถ้าไม่รวมน้ำอะไรต่อมิอะไรอีกหลายแก้วที่เขาดื่นเข้าไปก่อนหน้านั้นน่ะนะ) แก้มเนียนแดงปลั่งจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่เจ้าตัวอัดเข้าไปอยู่มากโขตั้งแต่ช่วงหัวค่ำ แต่เหล่าเพื่อนๆก็ไม่กลัวว่าคนตัวเล็กหน้าหวานสวยล่อเสือสิงกระทิงแรดคนนี้จะโดนใครที่ไหนฉุดไปทำมิดีมิร้ายหรอกนะ เพราะวันนี้เจ้าตัวลงทุนหนีบ(แกมโดนบังคับให้)เอาหวานใจคนล่าสุด(ซึ่งหลายๆคนยืนยันมาแล้วว่าเป็นคนสุดท้ายแน่ๆเพราะขานั้นทั้งรักทั้งหวงคนตัวเล็กคนนี้แบบสุดๆ)มานั่งคุมอยู่ข้างๆด้วย และยิ่งชายหนุ่มสุดสวาทหวานใจลีซองมินคนนี้มีชื่อว่าโจวคยูฮยอนที่ซึ่งรู้จักกันดีไปทั่วปักกิ่งว่าเป็นหนึ่งในอัจฉริยะของนักธุรกิจไฟแรงเชวซีวอนแล้วด้วยล่ะก็...ลีซองมินก็ยิ่งโคตรของโคตรปลอดภัย

     

    "คยูฮยอนอ่าาา..." คนตัวเล็กครางพึมพำเบาๆพลางขยับกายเข้าหาแฟนหนุ่มที่นั่งโอบไหล่อยู่เคียงข้างมากขึ้น จมูกโด่งรั้นปัดป่ายเข้าที่ซอกคอของคนร่างสูงพร้อมกับหัวเราะคิกคักออกมาราวกับสนุกที่ได้ทำแบบนั้น

     

    "เมาแล้วซนหรอครับซองมิน"

     

    "ฉันเป็นหมอแล้วน้าาา นายต้องเรียกฉันว่าคุณหมอรู้มั้ย"

    คุณหมอจบใหม่แสร้งทำหน้าดุใส่คนข้างกายพลางใช้นิ้วชี้จิ้มเข้าที่แผ่นอกกว้างหลายๆทีเหมือนอยากจะให้อีกฝ่ายจำมันเอ่ไว้ให้ขึ้นใจ ซึ่งคยูฮยอนคนดีก็ได้แต่หัวเราะให้กับท่าทางเมาไม่รู้เรื่องของคุณหมอคนสวยก่อนจะรวบมือเล็กๆคู่นั้นเข้ามากดไว้แนบอก ปล่อยให้คนซุกซนเล่นกับซอกคอของตนต่อไปอย่างไม่คิดห้าม

     

    "แล้วเป็นคุณหมอมาดื่มเมาแบบนี้ได้หรอครับคุณหมอซองมิน"

     

    "ฉันยังไม่ได้เริ่มงานซักหน่อย...ไม่ถือๆ" หัวกลมส่ายไปมาอยู่กับหัวไหล่ของเขาก่อนเจ้าตัวจะเริ่มซนหนักขึ้นโดยการปีนขึ้นมานั่งคร่อมตักของเขาเอาไว้ แขนเรียวยกขึ้นโอบกอดลำคอของเขาพลางเบียดกายเข้าแนบชิดมากขึ้น ใบหน้าหวานซุกซบเข้ากับซอกคอ...ปล่อยลมหายใจอุ่นๆให้รวยรินอยู่ใกล้ๆ ปัดป่ายริมฝีปากผ่านผิวกายให้คนตัวโตสะดุดลมหายใจเล่นอย่างแสนซน...พอเมาแล้วดูเหมือนคุณหมอลีซองมินคนเก่งจะกลายมาเป็นกระต่ายน้อยแสนซนช่างยั่ว แต่ก็นั่นล่ะ...ไม่ว่าแบบไหนลีซองมินคนนี้ก็เป็นสุดหัวใจของโจวคยูฮยอนเสมอนั่นล่ะ

     

    "อาทิตย์หน้าต้องกลับเกาหลีแล้ว คยูฮยอนกลับบ้านกับฉันนะ ขอคุณซีวอนกลับไปทำงานที่เกาหลีนะ...ฉันมีคนอยากให้นายรู้จักด้วย"

    คยูฮยอนคลี่ยิ้มออกมานิดให้กับเสียงอ้อนๆของคนบนตักพลางโอบรั้งเอวบางเข้ามาใกล้ท่ามกลางเสียงโห่แซวของเพื่อนร่วมคณะของซองมินที่เหลือบมาเห็นฉากไม่เหมาะสมกับเยาวชนเข้าพอดี

     

    "คุณซีวอนก็จะกลับไปเกาหลีเหมือนกันครับ ผมตามกลับไปดูแลซองมินที่เกาหลีอยู่แล้วล่ะ"

     

    "ดีจัง...ฮยอกแจต้องดีใจมากแน่ๆ ฉันจะแนะนำให้นายรู้จักกับเจ้าไก่ตัวเล็กของฉัน ฮยอกแจน่ารักที่สุดในโลกเลยนายรู้รึเปล่า...ฉันรักฮยอกแจเท่าโลกเลย"

     

    "ซองมินรักน้องมากกว่าผมอีกหรอเนี่ย....น่าน้อยใจจังนะ"

     

    "โอ๋ๆๆๆๆ...คยูสุดหล่อของซองมิน อย่างอนน้าาาา ฉันรักคยูฮยอนที่สุดอยู่แล้วล่ะ อย่าน้อยใจนะที่รักของซองมิน...มาจุ๊บๆทีนึงก่อนเร็ว"

     

    .....................................................................................

     




    แอบเอาเอสเอฟมาลงให้นิดหน่อยอย่างเงียบๆเมื่อวานก่อน วันนี้ก็เข็นตอนใหม่มาลงให้ในที่สุด ตอนแรกนึกว่าจะไม่ทัน แต่มนัก็ดันทันจนได้ คงเป็นเพราะเป็นตอนที่ไรเตอร์ชอบส่วนตัวด้วยล่ะมั้ง ถึงได้พิมพ์เร็วผิดปกติไปเล็กน้อย ตอนนี้น่ารักดีเนอะ^^ แถมเปนการเปิดตัวของคู่ใหม่ประจำเรื่องนี้ นั่นคือคยูมินนั่นเอง ซึ่งไรเตอร์ขอเตือนว่าอย่าคาดหวังอะไรกับคู่นี้มากเพราะมันจะไม่ใช่คู่หลักของเรื่อง(แต่เอารูปขึ้นไปงั้นๆเอง- -“) อาจจะมีบทค่อนข้างน้อยถึงน้อยมาก อย่าน้อยใจกันน้า มีคนบอกอยากให้เรื่องเดินเร็วขึ้น ไรเตอร์หายไปอาทิตย์เดียว ผ่านไปสี่เดือนเลย เหมือนประชดเลยเนอะ- -“

     

    ตอนหน้า...ขอเชิญพบกับการเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ของตัวละครที่มีค่าตัวแพงที่สุดในเรื่องค่ะ- -“ ...ไม่เว่อร์ไปเนอะ

     

    เจอกันอาทิตย์หน้านะจ้ะ^^

     

    ปล. สำหรับเอสเอฟ ยังคงยืนยันค่ะว่าจะพยายามเข็นมันออกมาให้จบก่อนวันเกิดคิมคิ เพราะเนื้อเรื่องมันจะต่อกัน และก็จะต่อกันยาวไปถึงวันเกิดของนู๋ด๊อง(ส่วนเรื่องจะเป็นยังไง หรือย้อนเรื่องไปแบบไหนนั้นรอติดตามกันเอาเอง) และที่พิเศษสุดๆ(ในความคิดของเราเอง- -“)ก็คือ ไรเตอร์จะแต่งเอสเอฟของคู่ยุนแจให้อีกหนึ่งตอน ซึ่งก็คือเรื่องราวต่อจากตอนต้นที่เริ่มมาอย่างเศร้านั่นเอง ส่วนจะลงให้วันไหนนั้น ขอเปนคร่าวๆคือวันเกิดของแจจ๋าในปีหน้านะคะ แต่ถ้าเนื้อเรื่องหลักจบเร็วกว่านั้น ก็จะลงให้ก่อนนั้นค่ะ

     

    กล่าวโดยสรุป(เพิ่งสอบเส็ดมาก็เงี้ยแหละน้า- -“)นะคะ ไรเตอร์สัญญาแน่ๆว่าจะแต่งเอสเอฟให้ทั้งหมดสี่เรื่องซึ่งเป็นเรื่องที่ต่อเนื่องกันหมดเลย นั่นคือ tears in heaven, why I like you, why did I fall in love with you และ love really hurts(ชื่อไม่เปนทางการ) ฮันทึก คิเฮ คิเฮ และยุนแจนะจ้ะ แต่ถ้ามีคนอ้อนจะเอาอีก ก็อาจจะมีเอสเอฟไปให้นอนอ่านเล่นกันมากกว่านี้(แต่อย่าเหอะ...ขอร้องนะ- -“) รออ่านกันนะคะ^^

     

    ปลล. ให้ตายสิ ทำไมพูดถึงยุนแจแล้วไรเตอร์รู้สึกเศร้านะ แย่จิงๆเลย

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×