ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC SJ:KIHAE] :: The One I Love ลิขิตหัวใจนายมาเฟีย

    ลำดับตอนที่ #10 : [SF:HBD EETEUK] :: Tears in Heaven ( 100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.84K
      5
      19 มี.ค. 53






     

     

    바람이 머문그시간 조차

    ถึงแม้ในตอนนั้นสายลมจะหยุดโบกพัด

     

    나에겐 너무모자란걸

    มันก็ไม่ได้สำคัญอะไรเลย

     

    한번의 미소마지막 인사

    ผมจะยิ้มและบอกลาเป็นครั้งสุดท้าย

     

    사랑합니다 .. 그댈

    ผมรักคุณ...แค่คุณ

     

    내 생에 단한번의 사랑아

    คุณจะเป็นความรักเพียงหนึ่งเดียวในชีวิตของผม

     

    안녕...

    ลาก่อนนะ...

     










    รู้มั้ยทำไมฝนถึงตก...

     

    เพราะน้ำตาของนางฟ้ายังไงล่ะ

     

     

     

     


    "เชี่ยเอ๊ยยยย!...ฝนแม่งตกอีกแล้ว ตกบ่อยๆแบบนี้เดี๋ยวก็ไม่ได้ซ้อมกันพอดี"

    กัปตันทีมฟุตบอลของมหา'ลัยสบถออกมาอย่างหงุดหงิดพลางเขวี้ยงลูกบอลในมือลงพื้นอย่างแรงจนมันกระดอนออกจากประตูห้องพักนักกีฬาใต้อัฒจรรย์ไปนอนนิ่งอยู่ริมสนามฟุตบอลที่เฉอะแฉะไปด้วยน้ำฝนที่ตกลงมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าในแต่ละวันราวกับคนบนฟ้าไม่รู้จักเบื่อหน่ายที่จะสาดเทมันลงมา...แต่ไอ้คนที่อยู่บนพื้นน่ะเบื่อจะแย่! เยซองบ่นพึมพำอยู่คนเดียวก่อนจะหมุนตัวเดินเบียดลูกทีมของตน(ที่มีสีหน้าหงุดหงุดไม่แพ้กัน)กลับเข้าไปนั่งคอยฝนหยุดที่ห้องด้านใน

     

    "ฝนตกบ่อยเกินไปแล้วนายว่ามั้ยฮันคยอง"

    เจ้าของร่างสูงโปร่งผู้เป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนจากจีนนามฮันคยองไม่ได้เอ่ยตอบถ้อยคำของเพื่อนที่ยืนทำหน้าเบื่ออยู่ข้างกายในทันที เขาไหวไหล่พลางยื่นมือข้างหนึ่งออกไปสัมผัสหยดน้ำอันเย็นเฉียบที่ตกกระหน่ำลงมา ใบหน้าคมหล่อเหลาเงยขึ้นทอดมองท้องฟ้าสีหม่นด้านบนเล็กน้อยก่อนจะก้มกลับลงมามองมืออันเปียกชุ่มของตนตามเดิม

     

    "นางฟ้าคงกำลังเศร้าล่ะมั้ง"

     

    ...................................................................

     

     

    "คังอินได้โปรด..."

     

    "..."

     

    "ขอร้อง...อย่าทำแบบนี้"

     

    "หวังว่านายคงพอใจยุนโฮ"

    ร่างหนาในอาภรณ์สีขาวปฏิเสธที่จะรับฟังเสียงวอนขอของชายหนุ่มหน้าหวานที่กำลังคุกเข่าจับชายเสื้อของเขาเอาไว้ด้วยน้ำตานองหน้า หากแต่กลับหันไปพูดกับชายหนุ่มร่างสูงหน้าคมผู้ซึ่งอยู่ในชุดคลุมสีดำสนิทแทนที่ แทบเท้าของชายที่ถูกเรียกว่ายุนโฮมีร่างบอบบางของชายหนุ่มคนหนึ่งถูกกดตรึงเอาไว้ให้คุกเข่าหมอบราบอยู่กับพื้นโดยชายสองคนผู้มีดาบในมือ ปีกขนนกสีขาวที่ไร้แรงที่จะบินหนีถูกมัดติดกันแน่นด้วยเชือกเส้นใหญ่...และเจ้าของร่างที่มีผิวขาวยิ่งกว่าเมฆาคนนั้นก็กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่ต่างจากอีกคน

     

    นางฟ้าแจจุงผู้น่าสงสาร

     

    "นี่ไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการคังอิน" ชายหนุ่มในชุดดำเอ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาพลางปรายตามองสิ่งที่เขาไม่ต้องการด้วยสายตาเย็นชายิ่งกว่า

     

    แค่ร้องไห้...แจจุงก็เจ็บปวดมากพอแล้ว

     

    ทำไมต้อง...ทำให้เขาเจ็บปวดเพิ่มมากขึ้นด้วยนะชองยุนโฮ

     

    คังอินเหยียดยิ้มออกมาพลางดึงกระชากร่างของชายหนุ่มที่คุกเข่าอยู่แทบเท้าของเขาให้ลุกขึ้น ใช้แขนโอบกอดเอวคอดเอาไว้อย่างแสดงความเป็นเจ้าของ...ทุกคนบนสวรรค์รู้ดี หากคังอินหมายตาใคร...ไม่ว่าจะเป็นนางสวรรค์ชั้นฟ้าหรือนางพญาบมทูต คนๆนั้นก็ต้องเป็นของเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น!...และในตอนนี้ นางฟ้าอีทึกคือหนึ่งในความต้องการนั้น

     

    "อีทึกเป็นของฉัน...ฉันคิกว่านายสำนึกความจริงข้อนี้แล้วเสียอีกนะ"

     

    "..."

     

    "แจจุงเป็นนางฟ้าของพระเจ้า ฉันอุตส่าห์มัดปีกแล้วขโมยมาจากพระเจ้าให้นาย ถ้าไม่อยากได้ก็ทิ้งไว้ตรงนี้แล้วกลับไปตัวเปล่าก็แล้วกัน" คนที่อุตส่าห์ลักลอบขโมยหนึ่งในสองของนางฟ้าของพระเจ้ามาให้ว่าพลางไหวไหล่อย่างไม่สนใจก่อนจะหมุนตัวเดินจากมาโดยไม่ลืมที่จะลากรั้งนางฟ้าอีทึกคนงามให้เดินตามมาด้วย

     

    ดวงตาคู่หวานช้ำน้ำตาเหลือบกลับมามองนางฟ้าชั้นสูงผู้แสนงดงามที่ถูกกดให้หมอบต่ำด้วยฝีมือของทหารยาม เขาพยามจะสะบัดตัวออกมาจากการเกาะกุม แต่มันก็ไม่เป็นผล...ทำอะไรไม่ได้เลยแม้เพียงนิด

     

    ขอโทษนะแจจุง...

     

     

     

    ยุนโฮกัดฟันกรอดอย่างโกรธเคืองในเล่ห์กลอันร้ายกาของเทพหนุ่มจอมกลับกลอกอย่างคังอิน ร่างสูงทำท่าจะหมุนตัวกลับ หากแต่เสียงสะอื้นเบาๆของคนที่ถูกบังคับให้หมอบอยู่แทบเท้าของเขาก็รั้งเขาเอาไว้เสียก่อน เขาหันไปโบกมือไล่ทหารยามทั้งสองคนก่อนจะก้มตัวลงไปคว้าลำคอระหงของนางฟ้าเอาไว้แล้วจึงยืดตัวขึ้นยืนตามเดิม มือใหญ่เกร็งจับลำคอเล็กแน่นพร้อมกับชูร่างเล็กขึ้นสูงจนปลายเท้าลอยขึ้นเหนือพื้น หากแต่นางฟ้าชั้นสูงผู้งดงามก็ไม่ได้ดิ้นรน...คงอาจเป็นเพราะเหนื่อยเกินกว่าที่จะต่อต้านแล้วก็เป็นได้

     

    "ชื่ออะไร" เสียงทุ้มเอ่ยถาม...เย็นชา มีอำนาจ

     

    "แจจุง....คิมแจจุง"

    ดวงตาเรียวรีพิจารณาใบหน้าแสนหวานเพียงชั่วครู่ก่อนเขาจะโยนร่างบอบบางกลับลงไปนอนกองอยู่กับพื้นอย่างไม่คิดจะถนอมแม้เพียงนิด...นางฟ้าอีทึกจะเป็นคนเดียวที่เขาทำจะทำแบบนั้น แต่ถึงกระนั้น...ชองยุนโฮจะไม่มีทางขึ้นมาบนสวรรค์อันโสโครกแห่งนี้แล้วกลับลงไปมือเปล่าเป็นแน่! ร่างสูงหมุนตัว ชายเสื้อคลุมสีดำยาวจรดพื้นแผ่ขยายออกเป็นวงตามจังหวะการขยับไหว แต่เขายังไม่ก้าวเดิน ดวงตาคมสีสนิมอันเย็นชาเหลือบกลับมามองร่างบนพื้นเล็กน้อย

     

    ไม่มีแววสงสาร...

     

    ไม่มีแววเสียใจ...

     

    ไม่มี...

     

    ไม่มีอะไรเลย...

     

    มันทำให้แจจุงเจ็บปวดกว่าเดิมเสียอีก

     

    "ลุกขึ้นแล้วเดินตามฉันมา อย่าให้ฉันต้องเรียกพวกยมทูตชั้นต่ำมาลากนายลงไปคิมแจจุง...นางฟ้าชั้นสูงของพระเจ้า"

     

    ............................................................

     

    "ทำไมทำแบบนี้....ฮึก....ทำแบบนี้ทำไม!"

    อีทึกสะบัดกายหลุดออกมาจากการเกาะกุมในที่สุด เขาหันไปผลักร่างสูงใหญ่ให้ถอยห่างพร้อมกับตะคอกใส่ด้วยน้ำตานองหน้า ถึงแม้มือเล็กๆคู่นั้นจะพยายามปาดเช็ดมันออกครั้งแล้วครั้งเล่าก็ตามที ดวงตาคู่หวานสีเปลือกไม้ทอแววชิงชังต่างจากเทพหนุ่มตรงหน้าที่ยิ้มกริ่มด้วยดวงตาอันร้ายกาจ คังอินตรงเข้าไปประชิดร่างบอบบาง ใช้มือบีบจับแก้มนวลเพื่อบังคับให้เงยหน้าขึ้นมาสบตา เขาจุ๊ปากเบาๆเหมือนอยากจะปรามไม่ให้ริมฝีปากสีสดคู่นั้นขยับพ่นถ้อยคำไม่น่าฟังออกมา

     

    "ปาร์คจองซู...นางฟ้าจองซู...อีทึกของฉัน...ว่าที่ชายาของฉัน...เพราะนายต้องเป็นแค่ของฉันเท่านั้นน่ะสิ นายควรจะขอบคุณฉันนะที่ทำให้นายไม่ต้องลงไปอยู่ในนรก ร่างกายสวยๆของนายไม่สมควรจะถูกจ้องมองโดยสายตาของพวกปีศาจชั้นต่ำข้างล่างนั่นรู้มั้ย"

     

    "แจจุงก็ไม่สมควรเหมือนกัน! พระเจ้าจะลงโทษนายถ้าพระองค์รู้ว่านายขโมยนางฟ้าคนโปรดของพระองค์ไปให้ชองยุนโฮ!" ร่างบางขึ้นเสียงด้วยแววตาไม่ยอมแพ้ และผลจากกริยาอันไม่อ่อนหวานนั้นก็คือการถูกผลักเข้าไปกระแทกกับเสาหินต้นหนึ่งอย่างแรงจนสำลักลมหายใจ คังอินบีบแก้มนิ่มแรงขึ้นจนปรากฏรอยนิ้วมือแดงขึ้นมาบนผิวอันบอบบาง หากแต่เทพหนุ่มยังคงแย้มยิ้ม

     

    "โอ้อีทึกที่รักของฉัน..." ชายหนุ่มก้มลงมากดจุมพิตเบาๆบนริมฝีปากบางแสนหวาน แต่สิ่งเดียวที่เขารู้สึกกลับเป็นความเย็นชืดอันไร้ชีวิตของนางฟ้าตาหวานผู้นิ่งเฉย ดวงตาคมทอแววมากเล่ห์ร้ายกาจจนอีกฝ่ายถึงกับหายใจติดขัดอย่างหวาดระแวง

     

    "ลองไปฟ้องสิ...แล้วเรื่องที่นายลงไปเล่นที่โลกมนุษย์ก็จะถึงหูพระองค์เช่นกัน เรื่องแจจุงน่ะ...ฉันมีข้อแก้ตัวของฉันไว้แล้ว ส่วนเรื่องของนายน่ะอีทึกที่รักของฉัน...พระเจ้าอาจจะมอบนายให้มาเป็นชายาของฉันก็ได้ถ้าฉันร้องขอ ฉันเป็นผู้พิทักษ์กฎของสวรรค์เชียวนะ...ลืมแล้วหรือไงที่รัก"

     

    "โกหก..." เสียงหวานเถียงออกมาอย่างแผ่วเบา...สับสนกับถ้อยคำของผู้พิทักษ์กฎมากเล่ห์ คังอินแค่นเสียงขึ้นจูกเหมือนจะเยาะหยัน ปลายจมูกโด่งไล้สัมผัสไปตาแนวลำคอระหง สูดดมความหอมหวานที่ไม่มีวันจางหายจากผิวเนื้อนวล

     

                "อยากลองดูมั้ยล่ะ...ฉันให้นายไปบอกก่อนเลยก็ได้นะ"

     

    ...........................................................

     

    "วันนี้ไม่ซ้อมบอลหรอวะคิบอม"

     

    "ขอกูโดดบ้างเหอะ...วันนี้ฮยอกแจญาติกูจะกลับมาจากอิตาลี กูต้องไปรับที่สนามบินว่ะ เจ้าไก่เผือกนั่นแม่งยิ่งโก๊ะๆอยู่ ไม่โดนฝรั่งจับเอาไปทำเมียก็บุญเท่าไรแล้ว ถ้าปล่อยให้กลับแท๊กซี่เองนะเดี๋ยวแม่งก็ได้โดนฉุดเอาไปขายที่ชายแดนจนได้"

     

    ฮันคยองหลุดขำออกมานิดกับท่าทางซังกะตายของพ่อหนุ่มปีสามคนเก่งดีกรีว่าที่เกียรตินิยมประจำคณะวิศวะคิมคิบอม เขาหันไปหยิบกระเป๋าใส่อุปกรณ์กีฬาใบใหญ่ขึ้นพาดบ่า ต่างจากอีกคนที่ม้วนสมุดเล่มเล็กแสนบาง(ที่เป็นสิ่งเดียวที่เจ้าตัวเอาติดตัวมาเรียนด้วยในวันนี้)สอดใส่กระเป๋ากางเกงยีนส์ของตน...ดูท่าวันนี้หนุ่มเนิร์ดคิบอมของสาวๆจะเบื่อได้ที่ทีเดียวถึงได้มาในลุดหล่อเลว ไม่รักษามาดเด็กเรียนประจำปีสามที่สั่งสมมาเป็นแรมปีแบบนี้

     

    "บอกเยซองให้กูด้วยนะเว้ย แต่อย่าให้แม่งโทรมาด่ากูล่ะ...พูดให้กูฟังดูดีนะเว้ย!"

     

    "เออๆ...รู้นา" หนุ่มชาวจีนโบกมือปัดๆอย่างไม่ใส่ใจเท่าไรนัก แต่กระนั้นเขาก็ยังมีรอยยิ้มขบขันอยู่บนเรียวปาก ร่างโปร่งเดินแทรกตัวผ่านเก้าอี้เล็คเชอร์ตามเพื่อนอีกคนออกมาจากห้อง แต่ก่อนที่เขาจะทันได้แยกตัวเดินไปที่สนามฟุตบอล เสียงของคิบอมที่หมุนตัวเดินไปอีกทางก็รั้งเขาเอาไว้เสียก่อน

     

    "เออ!...ไอ้ฮัน!!"

     

    "หืมม?"

     

    "ถ้ามึงเจอปลาน้อยของกูก็ฝากบอกด้วยว่าวันนี้กูไม่ว่างพาไปกินข้าว"

     

    "บอกเองสิวะ ปลาของมึงนี่...กลัวโดนด่าก็บอกมาเหอะ"

    ฮันคยองหัวเราะให้กับหน้าเบ้ๆของแฟนเพื่อนสนิทที่โดนเขารู้ทันเข้าจนได้ เขาโบกมือลาก่อนจะเดินออกไปที่สนามบอลในที่สุด ท้องฟ้าที่เปิดโล่งไร้เมฆแม้สักนิดทำให้เขาคลี่รอยยิ้มออกมาได้กว้างอีกหน่อย...วันนี้เยซองคงต้องดีใจมากแน่ๆ ก็ฝนเล่นตกมาทั้งอาทิตย์เลยนี่นะ เขาเดินตรงไปยังห้องเปลี่ยนเสื้อใต้อัฒจรรย์ เอ่ยทักทายเพื่อนร่วมทีมสองสามคนที่อยู่ด้านในก่อนจะเริ่มลงมือเปลี่ยนเสื้อผ้าและออกไปซ้อมอย่างเคย

     

    .....................................................

     

    "งอนคิบอมแล้วโทรมาหากูทำไมล่ะ"

     

    "ก็คุยกับไอ้บ้านั่นแล้วหงุดหงิดอ่ะ!"

    เสียงหวานของหนุ่มน่ารักประจำคณะอย่างลีทงเฮทำเอาฮันคยองหลุดหัวเราะออกมานิดอย่างขบขัน เขากระชับสายสะพายของกระเป๋าที่กำลังจะเลื่อนหลุดเข้ากับหัวไหล่มากขึ้นพลางเปลี่ยนมือที่ถือโทรศัพท์

     

    ลีทงเฮเป็นเพื่อนสนิทของเขาตั้งแต่ปีหนึ่ง รู้จักกันตั้งแต่ปฐมนิเทศ และใบหน้าหวานน่ารักกับตัวบางๆแบบนั้นทำให้เขาอดแปลกใจนิดหน่อยไม่ได้...แหงล่ะ...หาน่ารักๆแบบนี้ในคณะวิศวะมันยากยิ่งกว่าหาเศษเหรียญตามฟุตบาธเสียอีก แต่มันก็แค่เปลือกนอกเท่านั้นล่ะ เพราะลีทงเฮคนน่าหวานคนนั้นน่ะทั้งบู๊ล้างผลาญ ทั้งปากมอมไม่มีใครเกิน แถมยังคอทองแดงยิ่งกว่าไอ้หน้าเถื่อนเชวซึงฮยอนที่กินเหล้าแทนน้ำเสียอีก เขาล่ะไม่เข้าใจจริงๆว่าไอ้เด็กเนิร์ดคิบอมมันไปทำอีท่าไหนถึงได้กดเพื่อนสนิทสุดแมนของเขามาทำเมียได้ปีกว่าแบบนี้

     

    "ไม่ตลกนะเว้ยไอ้ฮัน!....นี่กูซีเรียสนะ!" คนหน้าหวานตวาดแว้ดมาตามสายโทรศัพท์(โดยไม่ลืมที่จะพ่วงคำหยาบคายติดปากมาด้วยอย่างเคยชิน)เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะขำของเพื่อนสนิทชาวต่างชาติ

     

    "เพราะมึงเป็นแบบนี้น่ะสิ..."

     

    "เป็นแบบไหน?!...กูเป็นแบบไหน?!...ก็กูก็เป็นของกูแบบนี้อ่ะ ตอนมาแม่งมาจีบกูก็เป็นแบบนี้อ่ะ! ไอ้เนิร์ดนั่นก็ต้องชอบที่กูเป็นแบบนี้สิวะ!...ไอ้ห่านี่...อย่าพูดให้กูเม้งนะเว้ย! พ่อกูยิ่งไม่ให้กูแดกเหล้าอยู่"

     

    "หืมม?" คนฟังเลิกคิ้วขึ้นนิดเหมือนจะตามไม่ทันว่าไอ้เรื่องที่เขาเพิ่งพูดไปนั้นมันไปเกี่ยวกับที่พ่อของเจ้าตัวไม่ให้กินเหล้าตรงไหน

     

    "อย่ามาทำเสียงแบบนั้นใส่กูนะเว้ย!...เชี่ย!!...กูอยากไปแดกเหล้ากับไอ้คยูอ่ะ!!"

    ดูท่าว่าเพื่อนสนิทของเขาจะไม่ได้หงุดหงิดเพราะแฟนไม่อยู่เสียแล้ว...คงจะหงุดหงิดเพราะพ่อห้ามเที่ยวเสียมากกว่า ฮันคยองหันไปยิ้มทักทายลุงยามที่นั่งอยู่หน้าหอพักเล็กน้อยตามปกติก่อนจะตรงไปที่ลิฟต์เพื่อขึ้นไปยังห้องพักของตน

     

    "แล้วมาบ่นกับกูให้ได้อะไรล่ะวะ เงี่ยนนักก็ไปให้ไอ้คิบอมมันขย่มซักรอบสองรอบสิ...จะมาอะไรกับกูนักหนาหว้ามึงนี่"

     

    "ก็ไอ้ห่านั่นแม่งไม่ยอมรับโทรศัพท์กูอ่ะ"

     

    "หา??" คนแนะนำ(เล่นๆ)ถึงกับชะงักการก้าวเดินและย้อนถามเสียงสูงทันทีเมื่อได้ยินเสียงงุบงิบงึมงำเบาๆของเพื่อสุดห่ามตอบกลับมา...ความรู้ทางภาษาเกาหลีของเขาต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ เขาถึงได้ยินลีทงเฮพูดประโยคที่ฟังดูเคะแตกอย่างนั้นออกมา

     

    "ช่างกูเหอะ!...กูไปขย่มน้องจีฮยอนของกูก็ได้วะ!...ทีกูอยากล่ะไม่อยู่...เชอะ!...งอนแม่งชิบหายเลย!!" ทงเฮสบถออกมาเป็นคำสุดท้ายแล้วจึงกดวางสายไป ปล่อยให้อีกฝ่ายยืนมองโทรศัพท์มือถือของตนงงๆเหมือนจะตามอาการลมเพลมพัดของเพื่อนสนิทหน้าหวาน(ที่ดันหงุดหงิดเพราะคุณสามีไม่กลับบ้านไปทำหน้าที่บนเตียงเหมือนเคย)ไม่ทัน...ผู้ชายเกาหลีนี่เป็นแบบไอ้ห่ามนั่นทุกคนรึเปล่านะ ฮั

     

    นคยองส่ายหน้าเอือมๆให้กับพฤติกรรมสองวันดีสี่วันไข้(ในกรณีนี้หมายถึงสองวันกดผู้หญิงสี่วันโดนผู้ชายกดน่ะนะ)ขอพ่อหนุ่มหน้าหวานประจำคณะพลางผลักประตูห้องของตนเข้าไป เขาหันไปปิดประตู แต่ก่อนที่จะได้ทันเอื้อมมือไปเปิดไฟ หางตาของเขาก็เห็นอะไรไหวๆอยู่ที่ระเบียงเสียก่อน

     

    ร่างโปร่งหันไปมองที่ระเบียงห้องของตนพลางกำกุญแจในมือแน่นราวกับจะใช้มันป้องกันตัวถ้าเกิดว่าไอ้ที่เขาเห็นนั้นดันเป็นขโมยขึ้นมา(แหงล่ะ...ก็ยังดีกว่ามือเปล่าล่ะวะ!) และสิ่งที่เขาเห็นก็ทำให้กระเป๋าใส่ชุดนักกีฬาใบใหญ่ของเขาเลื่อนหลุดลงมาจากหัวไหล่กระแทกพื้นเสียงดังทันที ดวงตาคมของหนุ่มชาวต่างชาติเบิกกว้างอย่างตื่นตะลึง...ถึงจะไม่มีปีกขนนกสีขาวคู่นั้นอยู่ที่กลางหลัง แต่ฮันคยองก็รู้ดีว่าชายหนุ่มที่ร่อนลงมาจากฟ้ามายืนอยู่ที่ระเบียงห้องของเขานั้น...

     

    แม่งนางฟ้าชัดๆ

     

    นางฟ้าปริศนา(แถมยังลักลอบเข้ามาในพื้นที่ของห้องคนอื่นโดยพลการ)ขยับปีกขนนกของตนไปมาครู่หนึ่งก่อนจะทำให้มันหายไปกลายเป็นอากาศธาตุ ชายหนุ่มร่างบางในอาภรณ์สีขาวล้วนบิดกายไปมาก่อนจะสะดุ้งขึ้นมาเบาๆเมื่อเหลือบเข้ามาเห็นเจ้าของห้องผู้ยืนอยู่อีกฝากของบานเลื่อนกระจกเข้า เขาเอนคอมองคนด้านในอย่างสงสัย ดวงตากลมโตแสนหวานกระพริบถี่เหมือนจะไม่เข้าในว่าทำไมถึงมีใครอีกคนอยู่ตรงนี้กับเขาด้วย ก่อนไม่นานริมฝีปากสีแดงสดคู่นั้นจะคลี่ออกเป็นรอยยิ้มส่งผ่านกระจกใสไปให้เจ้าของห้อง(ที่ยิ่งอึ้งหนักกว่าเดิมเสียอีก)

     

    "นายเป็นใครหรอ"

     

     

     

    ถ้านางฟ้าของเกาหลีน่ารักแบบนี้ทุกองค์นะ

     

    ฮันคยองจะวิ่งออกไปให้รถสิบล้อชนตายเสียเดี๋ยวนี้ล่ะ

     

    ....................................................................

     

    "เป็นห่าอะไรของมึงเนี่ยไอ้ฮัน...กูเรียกมึงตั้งแต่อยู่ปากซอยแล้วนะโว้ย"

    ลีทงเฮยังคงรักษาความเถื่อนดิบเอาไว้อย่างเสมอต้นเสมอปลายถึงแม้ว่าในตอนนี้เวลาจะล่วงเลยมาเกือบจะทุ่มนึงแล้วก็ตามที คนที่เรียกแล้วไม่ยอมหันเหลือบสายตามองเพื่อนสนิทที่เขาเดินมาเจอเข้าระหว่างทางกลับหอเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆเมื่อเห็นสาวอวบอึ๋ม(ที่ต้นขาดันใหญ่กว่าคนที่ควงหล่อนมาเสียอีก)ในวงแขนข้างหนึ่งของไอ้หน้าหวานไปเจียมสังขารเข้า...ดูท่าว่าไอ้คิบอมจะจับญาติมันไปขายที่ชายแดนด้วยตัวเองแล้วกระมังถึงได้หายหัวไปข้ามคืนแบบนี้ หนุ่มชาวจีนบ่นงุบงิบพลางเร่งฝีเท้าก้าวเดินไปตามถนนให้เร็วมากขึ้นเพื่อทิ้งห่างเพื่อนสนิท(ที่ไม่เคยช่วยอะไรเขาได้เลยสักอย่าง)

     

    "เปล่า...กูแค่เจออะไรแปลกๆนิดหน่อยเมื่อคืน"

     

    "อย่างเช่นอะไรวะ"

     

    "อย่างเช่น...มีนางฟ้าตกลงมาที่ระเบียงห้องกูเมื่อวาน"

     

    "สวยป่ะล่ะ"

     

    "สวย...สัดๆอ่ะ"

     

    "ถุย!....อยู่แค่ปีสามริอาจอัพยาไม่แบ่งกูเรอะ!...กูเป็นเพื่อนคนแรกของมึงนะเว้ยย!"

    ลีทงเฮคงเข้าใจอะไรบางอย่างผิดไปแล้วล่ะ ร่างโปร่งส่ายหน้าปลงๆก่อนจะโบกมือลาคนที่ยังคงมีท่าทางกระฟัดกระเฟียดที่เขาไม่ได้แบ่งยา(ที่มันคิดไปเอง)ให้...มึงนั่นแหละเล่นยาไอ้ปลาทองเอ๊ย! เขาเก็บเอามาบ่นในใจ(บ่นออกไปดังๆเดี๋ยวไอ้ปลาทองผัวหายนั่นก็ได้มาเตะไฮคิ้กใส่หน้าเขาน่ะสิ!)พลางหมุนตัวเดินเข้าไปในหอพักของตน หันไปทักทายลุงยามตามประสาเด็กมารยาทดีเหมือนปกติแล้วจึงตรงไปที่ลิฟต์เพื่อขึ้นไปยังห้องพักของตน

     

    มือใหญ่ที่กำลังบิดกุญแจชะงักค้างไปนิดเมื่อได้ยินเสียงทีวีดังลอดออกมาจากด้านในห้อง...เป็นสัญญาญอย่างดีว่าวันนี้ของเขาต้องไม่ปกติเหมือนวันอื่นๆแน่ๆ ฮันคยองสูดหายใจลึกๆเพื่อตั้งสติแล้วจึงผลักประตูเข้าไป แต่รอยยิ้มหวานของคน(ไม่สิ...นางฟ้าต่างหากล่ะ)ที่นั่งดูทีวีอยู่ที่โซฟาก็ทำให้สติของเขาหลุดลอยไปอยู่ดีนั่นล่ะ

     

    "กลับมาแล้วหรอ"

     

    "อ่า...ครับ"

    ฮันคยองไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเขาต้องทำตัวเหมือนเป็นผู้มาอาศัย...นี่มันของเขานะ! เขาเดินเกร็งๆเข้าไปในห้อง วางกระเป๋าใส่อุปกรณ์กีฬาไว้ยังมุมประจำของมัน จัดการล้วงหยิบกระเป๋าเงิน โทรศัพท์มือถือ และของกระจุกกระจิกอีกมากมายที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงออกมาวางไว้บนตู้เล็กๆเหมือนเคย แต่ที่ไม่เหมือนเคยก็คือการที่เขามาจบด้วยการยืนค้างอยู่กลางห้องอย่างไม่รู้จะไปนั่งตรงไหนน่ะสิ!

     

    "คือ..."

     

    "ฮันคยอง..."

     

    "อ่า...คะ...ครับ"

    ดูเหมือนว่าวันนี้ ภาษาเกาหลีของหนุ่มชาวจีนจะลดมาตรฐานลงมาเสียหน่อย เพราะเพียงแค่คำขานรับง่ายๆ เขาก็ใช้เวลานึกอยู่นานหลายวินาทีจนคนเรียกต้องหัวเราะคิกออกมาเบาๆอย่างขบขัน ร่างบอบบางที่อยู่ในชุดของเขา(ซึ่งดูตัวใหญ่เกินไปยังไงพิกล)ขยับตัวลุกขึ้นก่อนจะก้าวเดินตรงมาหาเขา กลิ่นหอมอ่อนๆที่กรุ่นมาจากคนตรงหน้าทำให้หัวใจของฮันคยองเต้นแรง...แก้มร้อนฉ่าจนต้องขยับตัวถอยหนีออกมา แต่ถอยไปได้ไม่เท่าไร สะโพกของเขาก็ชนเข้ากับตู้เสียแล้ว

     

    "นะ....นี่อีทึก"

    นางฟ้าองค์นี้ชื่อปาร์คจองซู เขาได้ถามไปเมื่อวาน แต่เจ้าตัวอยากให้เขาเรียกว่าอีทึกมากกว่า...อีทึก...เป็นชื่อแระเภทไหนกันนะ ก็คงเป็นชื่อของนางฟ้านั่นล่ะ เขาส่ายหน้าไล่ความคิดไร้สาระเกี่ยวกับชื่ออันแปลกประหลาดของนางฟ้าให้ออกไปจากหัว...นี่มันใช่เวลาคิดเรื่องแบบนี้ที่ไหนกัน! อีทึกยังคงก้าวเข้ามาหาเขาด้วยรอยยิ้มแสนหวานก่อนจะหยุดยืนอยู่ห่างจากเขาเพียงไม่กี่ก้าว(และตอนนี้ฮันคยองก็แทบจะปีนขึ้นไปนั่งบนตู้เสียให้รู้แล้วรู้รอด)

     

    "ฉันหิวแล้วล่ะ"

     

    "หา?"

     

    "หิวข้าวววว" อีทึกลากเสียงยาวพลางสั่นตัวดุ๊กดิ๊กไปมาเหมือนอยากจะเรียกร้องให้เขาสนใจ(ซึ่งไม่จำเป็นสักนิด เพราะความคิดของเขามีแต่นางฟ้าองค์นี้มาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว) ฮันคยองกระพริบตาปริบๆ พยายามจะเรียบเรียงภาษาเกาหลีที่กำลังตัวเองจะพูดออกไปให้ถูกตามหลักไวยกรณ์ และคำถามแรกที่หลุดออกจากปากของเขาไปได้ก็คือประโยคที่ว่า...

     

    "นางฟ้าหิวด้วยหรอ"

    เป็นคราของอีทึกที่ต้องกระพริบตาปริบๆบ้าง นางฟ้าคนสวยเบะปากขึ้นด้วยท่าทางแสนงอนพร้อมกับยกมือขึ้นกอดอก...โกรธได้น่ารักแบบนี้ใครจะไปกลัวล่ะนางฟ้า

     

    "ฉันไม่ใช่นางฟ้าซักหน่อย ฉันบอกฮันคยองตั้งหลายรอบแล้วนี่ ทำไมไม่เชื่อกันล่ะ"

    เชื่อตายล่ะแม่คู๊ณณณ!...เห็นร่อนลงมาจากฟ้าจะๆตาแบบนั้นแถมยังมีปีกคู่เบ้อเริ่มอยู่กลางหลัง ไม่ใช่นางฟ้า เขาก็คงเล่นยาเหมือนที่ไอ้ทงเฮมันว่าแน่ๆ แต่เมื่อเห็นท่าทางเอาเรื่อง(ที่น่ารักสุดๆ)ของคนที่ปฏิเสธวาาตนไม่ใช่นางฟ้า ฮันคยองก็เลิกคิดที่จะต่อล้อต่อเถียง ค่อยหาเวลาไปไล่ต้อนที่หลัง...ค่นี้หัวใจของเขาก็เต้นถี่มากพอแล้ว เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ

     

    "ครับๆ...ไม่ใช่นางฟ้าก็ไม่ใช่นางฟ้า"

     

    "ไม่ใช่จริงๆนะ"

     

    "ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่...หิวไม่ใช่หรอครับ เดี๋ยวผมพาไปหาอะไรทานข้างนอกแล้วกัน...เอามั้ย"

    อีทึกมีสีหน้าครุ่นคิดกับข้อเสนอของอีกฝ่ายอยู่ครู่หนึ่งก่อนเขาจะพยักหน้าหงึกหงัก...แน่ะล่ะ...ยังคงด้วยรอยยิ้ม

     

    "เอาสิ"

     

    "ถ้าเอาก็...เอ่อ...ถอยออกไปก่อน"

     

    "หืมม?...อ้อ!....ได้สิ"

    ร่างบางยังคงแย้มยิ้มขณะที่เดินถอยห่างออกไปนั่งที่โซฟาตามเดิม ต่างจากอีกคนที่แก้มร้อนฉ่าเพราะอะไรสักอย่างที่เขาอธิบายไม่ถูก ฮันคยองจัดการเดินไปหยิบกระเป๋าเงิน มือถือ และอะไรต่างๆมากมายที่เขาเพิ่งล้วงมันออกมาจากกระเป๋ากางเกงกลับใส่เข้าไปใหม่ก่อนจะหันไปกวักมือเรียกนางฟ้าตาหวานซึ่งแทบจะวิ่งถลามาหาเขาเลยทีเดดียว

     

    "ไปกินข้าวกัน"

     

    "ครับๆ...อ่า...อีกนิดนึงนะ"

    ฮันคยองทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกอะไรได้ก่อนจะขอตัวเดินเลี่ยงเข้าไปในห้องนอนของตน ไม่นานเขาก็กลับออกมาพร้อมกับเสื้อหนาวมีฮู้ดสีดำตัวหนา

     

    "มืดแล้วอากาศเย็นน่ะ คุณใส่นี่ไว้ดีกว่า" เจ้าของเสื้อว่าพลางจับเสื้อใส่ผ่านหัวเจ้าของคนใหม่ลงไปแล้วจึงปล่อยให้เจ้าตัวขยับดุ๊กดิ๊กสอดแขนใส่เข้าไปเอง อีทึกใช้สองมือขยับคอเสื้อเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้เขา...อ่า ให้ตายสิ...เขารู้สึกเหมือนจะเป็นลมเลย ชายหนุ่มแสร้งกระแอมไอพลางหลับหูหลับตาเอื้อมมือไปยกฮู้ดขึ้นมาคลุมศีรษะเล็กๆนั่นเสีย...อย่างน้อยก็ทำให้เขาเห็นตาหวานๆคู่นั้นได้ชัดน้อยลงล่ะนะ

     

    "ใส่ได้นะ"

     

    "อื้ม!"

     

    "งั้นไปกัน"

     

    .....................................................................

     

    "ถ้าอีทึกไม่ใช่นางฟ้า แล้วบ้านคุณอยู่ในล่ะครับ ผมจะได้ไปส่ง"

    คนที่กำลังเคี้ยวจาจังมยอนตุ้ยๆชะงักตะเกียบค้างงอยู่คาปากทันทีที่โดนถามแบบนั้น...แหงล่ะ....ฮันคยองกำลังตะล่อมให้นางฟ้าจนมุมน่ะสิ! แก้มเนียนที่ป่องออกเพราะเส้นบะหมี่ที่เคี้ยวค้างอยู่ในปากบวกกับตาโตๆคู่นั้นที่ทอแววไม่เข้าใจในคำถามกำลังให้คนที่นั่งอยู่อีกฝั่งของโต๊ะเกิดสภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันคาร้านอาหารริมถนนจนเขาต้องเสยกแก้วน้ำขึ้นดื่มเพื่อกลบเกลื่อนอาการอันน่าอายของตน

     

    "บ้านหรอ"

     

    "ครับ...อีทึกนอนที่ไหนล่ะ"

     

    "เอ๋??"

     

    "บนฟ้า?"

     

    "เค้าเรียกว่าสวรรค์ต่างหาก"

    ฮันคยองหลุดเสียงหัวเราะออกมานิดเมื่อนางฟ้าคนสวยหลุดปากออกมาว่าตัวเองนอนอยู่ที่ไหน...แถมยังเป็นที่ที่คนปกติเขาไม่ใช้นอนเสียด้วย เขาเอนคอมองคนที่มีท่าทีตกใจกับคำพูดของตัวเองด้วยสายตาขบขัน อีทึกอ้าปากหุบปากซ้ำๆอยู่หลายครั้งก่อนเจ้าตัวจะรีบปฏิเสธที่จะรับรู้ความโก๊ะของตัวเองด้วยการก้มหน้าลงไปโกยเส้นบะหมี่เข้าปาก

     

    "แต่ฉันไม่ใช่นางฟ้านะ" แต่ก็ยังไม่วายที่จะงึมงำออกมาให้อีกฝ่ายได้เอ็นดูเล่นอยู่ดี

     

    น่ารักจริงๆนั่นล่ะ

     

    ไม่สิ...น่ารักสุดๆเลยต่างหาก

     

    "ไม่ใช่ก็ไม่ใช่" ชายหนุ่มอมยิ้มพลางเอื้อมมือไปลูบผมที่ซ่อนอยู่ใต้หมวกฮู้ดเบาๆ

     

    "ถ้างั้นคืนนี้อีทึกจะนอนที่ไหนล่ะครับ"

     

    "นอนกับฮันคยองไง" อีทึกตอบกลับแทบจะในทันทีจนคนที่จะมีนางฟ้ามาเป็นรูมเมทด้วยเกือบจะเซหงายหลังตกเก้าอี้ เพราะไม่คิดว่านางฟ้าคนสวยจะสรุปแบบมัดมือชกเขาสุดๆแบบนี้(แถมคำพูดยังฟังดูสองแง่สองง่ามชวนคิดอีกต่างหาก) แต่ถึงกระนั้น ฮันคยองกลับมีรอยยิ้ม...ยิ้มพร้อมกับหัวใจที่อบอุ่นขึ้นมา เขาคีบเส้นบะหมี่ในชามของตนไปใส่ชามของคนหิวที่กินเกือบจะหมดแล้ว เป็นจังหวะเดียวกับที่อีทึกเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้เขาด้วยรอยยิ้มแสนหวานที่เขาเชื่อว่า...ไม่ว่านางฟ้าองค์ไหนก็คงไม่สามารถงดงามได้เทียบเท่า

     

    "ได้ใช่มั้ย"

     

    "ตลอดไปยังได้เลยครับ"

    ชายหนุ่มรับคำพลางใช้มือข้างหนึ่งเอื้อมไปเช็ดคราบเลอะบนมุมปากของคนกินไม่ระวังเบาๆราวกับกลัวว่าริมฝีปากคูานั้นจะช้ำไปเสียก่อนที่เขาจะได้สัมผัสมันด้วยสิ่งอื่น ดวงตาคมที่สาวๆหลายคนชอบหนักหนาเพราะมันช่างดูทั้งแสนอบอุ่นทั้งแสนอ่อนโยนจ้องมองรอยยิ้มของนางฟ้าที่บัดนี้ก้มหน้ากลับลงไปทางต่อแล้วด้วยแววตาที่ยิ่งอบอุ่นยิ่งอ่อนโยน

     

    แกต้องบ้าไปแล้วแน่ๆฮันคยอง

     

    แกกำลังตกหลุมรักนางฟ้าอย่างนั้นเรอะ!!

     

    บัลเลเลเล...บัลเลเลเล

     

    เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมาทำให้เขาสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากการจับจ้องนางฟ้าคนงาน มือใหญ่ล้วงหยิบเครื่องมือสื่อสารออกมาจากกระเป๋าแล้วก็ต้องนิ่งหน้าเมื่อเห็นชื่อเพื่อนรักปรากฏหลาอยู่กลางหน้าจอ

     

    "ขอตัวแป๊บนึงนะครับ" เขาหันไปบอกอีทึกก่อนจะลุกเดินเลี่ยงออกมารับโทรศัพท์ในที่ที่เงียบกว่าตรงนั้น เสียงเพลงที่ดังลั่นออกมาก่อนที่เขาจะทันได้กรอกเสียงใดๆลงไปทำให้เขาต้องเบ้หน้าหนักกว่าเก่า...ไอ้ปลานั่นคงหนีพ่อไปกินเหล้าจนได้ล่ะนะ

     

    "มึงมีอะไร"

     

    "กูน่ะนะ...กูน่ะนะ!...เชี่ยแม่ง!"

    เสียงอ้อแอ้(แถมยังสบถแบบไร้สาเหตุ)ทำให้ฮันคยองต้องถอนหายใจออกมาเบาๆอย่างเหนื่อยหน่ายถึงแม้จะรู้สึกเป็นกังวลอยู่ลึกๆก็เหอะ...เพราะแม้ว่าลีทงเฮจะเที่ยวดื่มเหล้าแทนข้าวเย็นแทบทุกวัน แต่เจ้าตัวก็ไม่เคยเมาแอ๋จนโทรมาวุ่นวายกับเขาแบบนี้ น้อยมาที่จะเห็นลีทงเฮเมาจนพูดไม่รู้เรื่อง อาจจะเป็นเพราะหนึ่งมันคอแข็งอยู่แล้ว หรืออาจจะเพราะสองมันกลัวใครที่ไหนเอามันไปทำเมียก็เป็นได้

     

    "ทำไมเมาแบบนี้ล่ะวะ ไอ้คยูอยู่ดูแลมึงรึเปล่าเนี่ย"

    แหงล่ะ...ถ้าไม่มีนายโจวคยูฮยอนผู้เป็นเพื่อนเที่ยวเพื่อนดื่มของลีทงเฮมาตั้งแต่อายุยังเข้าผับไม่ได้คนนี้ เขาจะไม่มีวันปล่อยไอ้ปลาขี้เมานี่ไปนั่งดื่มคนเดียวเสียหรอก ซึ่งนั่นหมายถึงการที่เขาต้องออกไปนั่งเป็นเพื่อนมันทุกคืน และเพราะเหตุนั่น...เขาถึงรู้สึกซึ้งใจที่โลกให้กำเนิดพ่อหนุ่มรูปหล่อเสียงดีนามโจวคยูฮยอนออกมาแบบสุดๆ

     

    "มึงรู้ม้ายยย...คิบอมของกูอ่านะ....บอมสุดหล่อของกูอ่านะ...ไอ้ห่าบอมของกูอ่านะ..."

     

    "คิบอมของมึงทำไม เขาขอมึงแต่งงานรึไง"

     

    "ป๊าวววว!....แม่งไปแดกไก่แทนกูแล้ว!!"

               

    "หาา?" ฮันคยองร้องถามเสียงสูงเมื่อรู้สึกว่าตนกำลังจับประเด็นสิ่งที่เพื่อนพูดออกมาไม่ค่อยรู้เรื่อง ทงเฮผู้อยู่ปลายสายบ่นงึมงำ(ออกแนวสบถเสียมากกว่า)อยู่คนเดียวครู่หนึ่งก่อนจู่ๆจะปล่อยโฮออกมาเสียงดังจนคนอีกด้ารแทบจะปล่อยมือถือของตนตกพื้น

     

    "เป็นอะไรของมึงทงเฮ...ร้องไห้ทำไม"

     

    "ก็บอมของกูอ่ะ...ฮึก....แม่งเปลี่ยนไปแดกไก่แทนปลาแล้วอ่ะไอ้ฮัน...ฮึก...บอมของกูอ่ะ....ฮึก...กูนี่แบบ...จี๊ดสัดๆอ่ะไอ้เชื่ยเอ๊ย!" คร่ำครวญสะอึกสะอื้นแบบน่าสงสารอยู่ได้ไม่กี่ประโยค ทงเฮก็สบถออกมาอีกแถมยังดูเหมือนจะเปลี่ยนอารมร์จากโศกเศร้ามาเป็นโกรธเกรี้ยวแทนอีกต่างหาก ฮันคยองสบถออกมาเป็นภาษาจีนเบาๆเมื่อดูท่าว่าเขาจะเอาไอ้เพื่อนขี้เมาไม่ไหวเสียแล้ว

     

    "เชี่ย!...รู้นะว่ามึงด่ากูอ่ะ! อย่าคิดว่ากูโง่นะเว้ย!!"

    ถึงจะเมาลีทงเฮก็ยังมีแววว่าจะได้เกียรตินิยมเหมือนกันนะเนี่ย

     

    "เออๆ...แล้วมึงโทรมาหากูทำไมล่ะ ไม่โทรหาบอมของมึงล่ะวะ"

     

    "ก็มันมัวแต่อยู่กับไก่อ่ะ ไม่รับโทรศัพท์กูอ่ะฮัน!!"

     

    "นั่นญาติมันรึเปล่า มันบอกว่าญาติมันเพิ่งกลับมาจากอิตาลีนะ"

     

    "ญาติส้นตี_สิ! หน้าเหมือนกันตายล่ะ แค่สีผิวก็ไม่เหมือนแล้วไอ้บะ...เฮ้ย!!...ทำไรโทรศัพท์กูวะไอ้คยู!!" พูดยังไม่ทันจบประโยค ทงเฮก็ร้องโวยวายออกมาเสียงดังลั่นก่อนจะเกิดเสียงกุกกักขึ้นครู่ใหญ่จนฮันคยองเริ่มเกิดอาการลังเลว่าเขาคสรจะตัดสายทิ้งเสียเดี๋ยวนี้เลยดีรึเปล่า

     

    "เอ่อ...ไอ้ฮันใช่มั้ย...มึงไปนั่งตรงนู้นไป!...อย่ามาทำหน้าแบบนั้นใส่กูนะเว้ย! ไม่หวั่นไหวไปกับมึงหรอก!...คิดว่าทำแก้มป่องแบบนั้นแล้วน่าจับปล้ำเหมือนซองมินของกูรึไงวะ!!"

    ถึงแม้เสียงนุ่มๆขงคยูฮยอนที่เข้ามาแทนที่เสียงหวานๆ(ที่ไม่เคยเสนาะหูของเขาเลย)ของเพื่อนสนิทจะทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อยที่จะได้พูดกับคนที่มีสติเสียที...แต่แม่งก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกปวดหัวน้อยลงเลยให้ตายห่าสิ! เขาคอยจนอีกฝ่ายทะเลาะกันทงเฮจบยกแล้วจึงกรอกเสียงลงไป

     

    "คยู...ว่าไง"

     

    "มาเอาเพื่อนมึงกลับไปทีสิ กูกำลังจะโดนห้ามเข้าร้านเพราะมันเนี่ย...แม่งเมาเป็นหมาตั้งแต่กูยังมาไม่ถึงด้วยซ้ำ ไปด่าลูกค้าเขาเปิดเปิงจนเจ้าของร้านแทบอยากจะมาตัดคอกูแล้ว กูมีนัดต่อด้วย พามันไปส่งไม่ได้ว่ะ"

     

    "เป็นห่าอะไรของมันวะ วันนี้กูยังเห็นมันควงสาวไปเที่ยวอยู่เลย...เป็นหนักขนาดนั้นเลย?"

     

    "ไม่เชิง...ก็วันนี้กูไปซื้อของกับมัน เห็นแฟนมันเดินถือของให้ใครที่ไหนก็ไม่รู้ เคยเห็นไอ้ทงเฮแม่งช๊อคทำอะไรไม่ถูกมั้ยล่ะ กูเห็นวันนี้แล้วโคตรสงสารอ่ะ มือสั่นหน้าซีดจนกูแทบจะต้องอุ้มกลับรถอ่ะ...มึงก็รู้นี่ว่ามันก็รักของมันอ่ะ"

    เสียงที่ลดความรื่นเริ่งลงทำเอาฮันคยองรู้สึกแย่ตามไปด้วย แน่ล่ะ...เพื่อนทุกคนของทงเฮรู้ดีว่าตั้งแต่ที่มีคิมคิบอมก้าวเข้ามา ทั้งชีวิตของทงเฮก็มีแค่คิบอม...รักมากแค่ไหนทุกคนสัมผัสได้ทั้งนั้น เขาถอนหายใจออกมาเบาๆอย่างเหนื่อยใจ...แพ้ไอ้เพื่อนหน้าหวานนั่นอีกตามเคย

     

    "เออๆ...เดี๋ยวกูไปรับมันก็ได้ พวกมึงอยู่ไหนกันล่ะ"

    ฮันคยองนัดแนะสถานที่กับอีกฝ่ายอยู่ชั่วครู่ก่อนจะวางสายไปแล้วจึงเดินกลับมาหาคนที่เขาทิ้งเอาไว้ที่โต๊ะ ซึ่งมันก็ทำให้เขาต้องอมยิ้มออกมาอย่างขบบขันเมื่อเห็นชามจาจังมยอนสามใบวางเพิ่มอยู่บนโต๊ะ แถมสองในสามนั้นก็หมดเกลี้ยงแล้วเสียด้วย

     

    "ตัวแค่นี้กินเก่งจังนะครับ" เขาว่าพลางทรุดตัวนั่งลงที่เก้าอี้ตัวเดิมที่เขาลุกออกมา คนที่แอบสั่งเพิ่มคลี่ยิ้มทั้งๆที่มีอาหารเต็มอยู่สองข้างแก้ม

     

    "ก็ฉันหิวนี่"

     

    "แบบนี้ก็แย่สิครับ...กินจุแบบนี้แล้วผมจะเลี้ยงอีทึกตลอดไปได้ยังไงกัน"

    อีทึกชะงักไปนิดกับคำว่าตลอดไปพลางกลืนอาหารที่เคี้ยวอยู่ในปากลงคอ เรียวปากคู่นั้นแต้มยิ้มขณะที่มือข้างหนึ่งก็ขยับตะเกียบคีบเส้นบะหมี่ข้ามโต๊ะมาจ่อที่ริมฝีปากของคนที่กำลังจะกระเป๋าฟีบเพราะต้องเลี้ยงนางฟ้ากินจุตลอดไป

     

    "งั้นแบ่งกันกินก็ได้นะ...แบบนี้ฮันคยองก็เลี้ยงฉันตลอดไปไหวแล้วใช่มั้ยล่ะ"

     

    ...................................................................

     

    "เป็นเพื่อนคนสำคัญหรอ"

     

    "เปล่าหรอกครับ แค่เพื่อนสนิทน่ะ...อ๊ะ!...อยู่นั่นไง อีทึกยืนคอยผมตรงนี้นะครับ"

    ฮันคยองวิ่งตรงเข้าไปหาคยูฮยอนที่ยืนโบกมือเรียกเขาหย็อยๆโดยที่แขนข้างหนึ่งของพ่อหนุ่มเสียงนุ่มดีกรีนักร้องนำประจำวงดนตรีของมหา'ลัยนั้นกำลังโอบประคองร่างบางของลีทงเฮ(ที่มีสภาพเละไม่ต่างจากที่เขาจินตนาการไว้เสียเท่าไร)เอาไว้

     

    "หลับไปได้พักนึงแล้ว พามันกลับดีๆล่ะ" คยูฮยอนว่าพลางค่อยๆวางเพื่อนลงบนแผ่นหลังกว้างของหนุ่มชาวจีนที่นั่งย่อตัวและหันหลังให้อย่างรู้งาน เขาจัดการท่าของคนหลับใหลให้เรียบร้อยแล้วจึงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฮันคยองที่จะสอดแขนเข้าใต้ต้นขาเล็กๆของคนเมาแอ๋และยืดตัวขึ้นยืน

     

    "มึงนี่หาเรื่องมาให้กูได้ทุกวันเลยนะไอ้ปลาทอง ผีวมึงก็ไม่ใช่...ให้ตายห่าสิ" คนจีนสบถพึมพำออกมาเป็นภาษาจีนกับตัวเองเบาๆก่อนจะเอ่ยลาคยูฮยอนและเดินกลับไปหาคน(นางฟ้า)ที่เขาปล่อยทิ้งเอาไว้

     

    "กลับบ้าน?"

     

    "ครับ...กลับบ้าน"

    อีทึกพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มก่อนจะออกเดินนำหน้าเขาไป...เหมือนจะรู้ว่ามันต้องไปทางไหนอย่างนั้นล่ะ! เสื้อหนาวตัวใหญ่ทำให้คนสวมใส่แลดูบอบบางจนคนที่เดินตามหลังต้องเผลอยิ้มออกมาอย่างขบขัน...เห็นแล้วน่ากอดชะมัด แก้มของเขาร้อนวาบขึ้นมาเพราะความคิดของตัวเอง

     

    บ้าไปแล้วหานเกิง!!

     

    คิดจะลวนลามนางฟ้าเดี๋ยวก็ตกนรกหรอก!!

     

    "คิบอมมม....ปลาน้อยจะไม่ด่าบอมแล้วนะ อย่าไปกินไก่นะบอมมม"

    เสียงงึมงำของคนที่อยู่บนหลังเรียกให้ฮันคยองหลุดออกมาจากความคิดของตัวเอง เช่นเดียวกับนางฟ้าหูดีที่ยอมชะลอฝีเท้ามาเดินอยู่เคียงข้างเขาเพื่อฟังถ้อยคำของคนไม่ได้สติด้วยสีหน้าใคร่รู้

     

    "ใครคือคิบอมหรอ" อีทึกหันมาเอ่ยถามเสียงซื่อกับคนเพียงคนเดียวที่สามารถให้คำตอบกับเขาได้ในตอนนี้ ฮันคยองทำหน้าปั้นยากนิดพลางโยนร่างของเพื่อนขึ้นเบาๆเพื่อกระชับเข้ากับแผ่นหลังมากขึ้น

     

    "แฟนมันน่ะ"

     

    "แล้วเขารักเพื่อนของฮันคยองรึเปล่า"

     

    "รักสิ...แต่อีทึกรู้มั้ย ถ้าคิบอมรักไอ้ปลานี่เท่าฟ้านะ มันน่ะรักคิบอมยิ่งกว่าฟ้าอีก" ฮันคยองพูดยิ้มๆโดยมีเสียงของคนที่รักแฟนยิ่งกว่าฟ้าพึมพำออกมาเบาๆเหมือนเป็นคำตอบรับขนอีทึกต้องคลี่ยิ้มออกมาบ้างพร้อมกับจับแขนเล็กๆของคนไม่ได้สติที่กำลังจะเลื่อนหล่นลงมาจากไหล่กว้างให้กลับเข้าที่ด้วยสัมผัสอันแผ่วเบา

     

    "ดีจังนะ...เพื่อนของฉันคนหนึ่งก็รักใครบางคนยิ่งกว่าฟ้าเหมือนกัน แต่น่าเศร้านะ...ที่ใครบางคนคนนั้นกลับไม่เคยเห็นค่ามันเลย"

    เสียงหวานของนางฟ้าเศร้าลงจนคนฟังต้องหันกลับมามอง ฮันคยองอยากจะทำอะไรสักอย่างเพื่อจะดึงรอยยิ้มให้กลับขึ้นมาบนเรียวปากบางคู่นั้นเหมือนเดิม แต่ในเมื่อนึกอะไรไม่ออก เขาก็ทำได้เพียงแค่หันกลับไปมองถนนเบื้องหน้าและก้าวเดินต่อไป

     

    "ผมเชื่อนะครับว่าถ้าใครคนหนึ่งมอบความรักให้ใครอีกคนมากพอ เขาคนนั้นจะสัมผัสได้ แล้วสักวันหนึ่งเขาจะมอบความรักที่มากกว่านั้นกลับคืนมาให้...ก็แค่ต้องอดทนอีกหน่อยเท่านั้นเอง"

    อีทึกนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะคลี่รอยยิ้มกลับมาทั้งบนริมฝีปากและแววตา

     

    "ฮันคยองมองโลกในแง่ดีจังนะ พระเจ้าพูดเสมอว่าคนที่มองโลกในแง่ดีน่ะเป็นคนดี"

    คนดีในสายตาของพระเจ้าเลิกคิ้วขึ้นนิดคล้ายจะตามอีกฝ่ายที่จู่ๆก็พูดถึงพระเจ้าไม่ทัน แต่ไม่นานเขาก็เหยียดยิ้มออกมาอย่างขบขันเมื่อคิดหาเรื่องต้อนนางฟ้าให้จนมุมได้อีกแล้ว

     

    "แล้วเพื่อนที่อีทึกว่า...ก็เป็นนางฟ้างั้นสิครับ"

     

    "ช่ายยย...ไม่ใช่นางฟ้าธรรมดาเหมือนฉันด้วย เป็นนางฟ้าของพระเจ้าเชียวนะ...ถือเป็นนางฟ้าชั้นสูงที่งดงามที่สุดในสวรรค์เลยจะบอกให้" นางฟ้าคนสวยหลุดปากพูดออกมาเสียยาวเหยียด(แถมยังเป็นเรื่องเป็นราวเสียด้วย)จนคนฟัง(ที่แอบตกใจเล็กน้อย)หลุดหัวเราะออกมาเสียงดังอย่างขบขันระคนเอ็นดู ดวงตาคมเหลือบมองคน(นางฟ้า)ที่ดูท่าว่าจะยังไม่รู้ตัวว่าได้พูดอะไรออกมาบ้างด้วยสายตาล้อๆ....กว่าหลายวินาทีนั่นล่ะกว่าอีทึกจะรู้ว่าตัวเองพล่ามอะไรออกไปบ้าง เขารีบยกมือขึ้นอุดปากตัวเอง(ที่เหมือนจะทำช้าไปเสียหน่อ)พลางหันมามองหน้าคนข้างกายด้วยสีหน้าตื่นๆที่น่ารักชะมัดในสายตาของฮันคยอง

     

    "อ่าาา...แต่ฉันไม่ใช่นางฟ้านะ!"

     

    "ผมก็ยังไม่ได้พูดอะไรซักคำนี่"

     

    "แต่ตาของฮันคยองมันฟ้องอ่ะ...หยุดทำตาแบบนั้นนะ!!"

    มือเล็กของคน(นางฟ้า)ร้อนตัวยกขึ้นมาปิดดวงตาสีควันบุหรี่ที่กำลังทอประกายขบขันระคนล้อเลียน แต่ฮันคยองก็สะบัดมันออกได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องใช่มือช่วยเสียด้วยซ้ำ เขากระชับร่างเล็กของเพื่อนสนิทที่เกาะอยู่บนหลังของเขาให้แน่นขึ้นพลางมอบรอยยิ้มเล็กๆไปให้คนข้างกาย...เป็นรอยยิ้มแสนอ่อนโยนที่ทำให้อีทึกรู้สึกเหมือนตัวเองหยุดหายใจไปในทันที...เผลอจ้องมองรอยยิ้มนั้นนิ่งนานด้วยหัวใจอันสั่นระรัว

     

    "ถ้าเพื่อนของอีทึกเป็นนางฟ้าชั้นสูง...อีทึกก็ต้องเป็นนางฟ้าชั้นสูงกว่าน่ะสิครับ"

     

    "เอ๋??"

     

    "เพราะสำหรับผม...อีทึกต่างหากที่งดงามที่สุดในสวรรค์น่ะ"

     

    .................................................................

     

    "เพื่อนของฮันคยองนี่หลับน่ารักจังน้าาาา" อีทึกว่าพลางใช้นิ้วเขี่ยแก้มเนียนๆของคนหลับใหลเล่นด้วยรอยยิ้ม คนเป็นเพื่อนหัวเราะขำออกมานิดพร้อมกับเดินถือกะละมังใส่น้ำมาทรุดตัวนั่งบนพื้นหน้าโซฟาเคียงข้างคนร่างบางที่นั่งอยู่ก่อนหน้าแล้ว

     

    "เพราะมันไม่ได้พูดน่ะสิถึงน่ารัก" ฮันคยองบ่นพึมพำออกมาเบาๆพลางใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดไปตามหน้าหวานๆของคนที่เป็นหัวข้อสนทนาเบาๆราวกับกลัวว่าเจ้าตัวจะสะดุ้งตื่นขึ้นมา...ทำหน้าที่ประจำเหมือนเดิมนั่นล่ะ อีทึกอมยิ้ม ปลายนิ้วเรียวไล้ไปตามแก้มใสก่อนจะไปจบที่เปลือกตาสีน้ำนมที่ปรากฏร่องรอยบวมช้ำเล็กน้อย แต่ก็ด้วยผิวที่ขาวขนานั้น การสังเกตเห็นมันจึงไม่ใช่เรื่องยากอะไรนัก

     

    "แต่เพื่อนของฮันคยองร้องไห้"

     

    "เหมือนที่อีทึกร้องไห้รึเปล่"

               

    "เอ๋??"

    ร่างสูงยกนิ้วขึ้นลูบใต้ดวงตาที่เขาสังเกตเห็นว่ามันบวมช้ำมาตั้งแต่เมื่อวานเบาๆคลายไม่อยากให้มันแรากฏความบอบช้ำมากไปกว่านี้...ทะนุถนอมอย่างอ่อนโยนจนเขาเองยังแปลกใจ

     

    "เพราะแบบนี้รึเปล่าผนถึงตกมาตลอดทั้งอาทิตย์เลย"

    ต้นเหตุของสายฝนตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาไม่ตอบในทันที เขาเหยียดยิ้มออกมานิดพลางหันกลับไปสนใจแก้มนุ่มๆของคนหลับใหลต่อตามเดิมด้วยแววตาที่หม่นแสงลง...และไม่รู้ว่าฮันคยองคิดไปเองรึเปล่า ท้องฟ้าด้านนอกแลดูจะอึมครึมตามไปด้วยรางกับถูกปกคลุมด้วยเมฆฝน

     

    "ทุกคนมีเรื่องให้ต้องเศร้าทั้งนั้นนั่นล่ะ"

     

    "แต่ผมไม่อยากเห็นอีทึกเศร้านะ"

     

    "ก็ทำให้ฉันมีความสุขสิ ฉันจะได้ไม่ร้องไห้ไง"

     

    "ถ้างั้น...ขอผมเป็นความสุขของอีทึกได้มั้ยครับ"

     

    .....................................................................

     

    "มึงอย่ามาบ่นได้มั้ย กูขอร้องเหอะ"

     

    "อย่ามาใช้สำนวนแบบนี้กับกูนะเว้ยไอ้ฮัน! ใครสอนให้มึงพูดแบบนี้ห๊า!...ไอ้ห่าบอมใช่มั้ย?!!"

    มึงนั่นแหละไอ้ปลาทอง...ฮันคยองอยากจะตอบกลับไปแบบนี้นัก แต่เขาก็กลัวว่าไอ้คนที่บ่นปวดหัวมาตลอดทั้งวันจะหันมาข่วนหน้าเขาเอาเสียก่อน เขาจึงตัดสินใจที่จะนิ่งเงียบและก้าวเดินต่อไปตามทางของตนจนทงเฮยอมแพ้ที่จะเค้น คนตัวเล็กมุ่ยหน้าพลางใช้เท้าเตะก้อนหินบนพื้นด้วยท่าทางโกรธๆ

     

    "ก็กูปวดหัวนี่หว่า มึงจะให้กูบ่นว่าปวดรูตูดรึไงล่ะ"

     

    "มึงไปโดนใครเค้าเสียบมาละถึงได้ปวดรูตูดน่ะ...ผัวมึงหายสาบสูญไม่ใช่เรอะ"

     

    "ไอ้เชี่ยยย!!...ไอ้ห่าบอมสอนคำพวกนี้ให้มึงใช่มั้ยไอ้ฮัน!!!"

    พูดไม่คิด...คนจีนยังคงมีความอดทนมากพอที่จะไม่พ่นความคิดของตัวเองออกไปให้อีกฝ่ายได้ฟัง เขาไหวไหล่เหมือนอยากจะบอกให้กลับไปคิดทบทวนด้วยตัวเองก่อนจะรีบเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น...ทำไมเดี๋ยวนี้กลับบ้านทีไร เป็นต้องเจอไอ้ปลาทองผัวหายนี่ระหว่างทางทุกทีเลยวะแม่ง!

     

    "ไอ้ฮัน!...เฮ้ยไอ้ฮัน!....เดี๋ยวๆๆๆ" ทงเฮถลาเข้ามาเกาะแขนของเขา และทันทีที่หันไปสบตา เขาก็เจอเข้ากับดวงตากลมป๊อกอย่างกับเหรียญของคนตัวเล็กแทบจะในทันที คนที่มีตากลมป๊อกอย่างกับเหรียญยิ้มหวาน...มันก็น่ารักอยู่หรอก แต่มันดันทำให้เขาขนลุกซู่ถึงหัวแม่ตี_เลยทีเดียว...แม่งต้องมาตื๊อขออะไรเขาอีกแหงๆ

     

    "มึงจะเอาอะไรไอ้ทงเฮ...ขอมาตรงๆ อย่ามาทำแบบนี้ กูขนลุกเว้ย"

     

    "ฮันคยองงงง...ไปแดกเหล้ากับทงเฮน้าาาา" คนหน้าหวานใช้ลูกอ้อนเข้าว่า(ถึงแม้มันจะฟังดูทะแม่งๆก็เหอะ) ก็อีกนั่นล่ะ...ฮันคยองยอมรับว่ามันก็ดูน่ารักดี แต่แม่งทำให้เจารู้สึกจั๊กจี้ตับยังไงพิกล! อีกอย่าง...นางฟ้าของเขาน่ารักกว่าปลาทองเป็นไหนๆ! เขาขมวดคิ้วมองหน้าเพื่อนสนิทด้วยสายตาตะขิดตะขวงใจพลางพยายามจะกระชากแขนของตนออกมาจากการเกาะกุม

     

    "ไอ้คยูไปไหนล่ะ ไปชวนมันสิวะ กูไม่ว่าง!"

     

    "คยูเพื่อนรักของทงเฮไปไล่ปล้ำกระต่ายอ้วน ไม่ว่างไปกับทงเฮอ่า ผัวทงเฮก็ไปอยู่กับไก่...น้าาาาา....ฮันเพื่อนสุดที่รักขาดใจของทงเฮ...ไปเป็นเพื่อนทงเฮน้าาาาา"

     

    "ก็กูบอกแล้วว่ากูไม่ว่าง มึงนี่อะไรนักหนาวะ อยากมากก็ซื้อไปแดกคนเดียวที่บ้านไม่ได้รึไง"

     

    "ไม่ได้ๆ...แม่ยังไม่รู้เลยว่าทงเฮแดกเหล้าอ่า....นะฮันน้าาาา...ไม่กลัวทงเฮโดนปล้ำหรอ ทงเฮเป็นเพื่อนสนิทที่แสนดีโคตรๆจนหาที่สุดไม่ได้ของฮันเชียวนะ"

    ตอนแรกก็กะจะหันไปด่าเสียหน่อย แต่พอป๊ะเข้ากับดวงตาแสนบ๊องแบ๊ว(ที่แม่งหาดูได้ยากยิ่งกว่า4.ooในใบเกรด)แถมยังซื่อสุดใจ(ที่ไม่รู้แม่งทำได้ยังไง)ของลีทงเฮเข้าเท่านั้นล่ะ ฮันคยองก็เข้าใจในทันทีเลยว่าทำไมคิบอมถึงยอมไอ้ปลาทองนี่ไปเสียทุกเรื่องจนมันเคยตัว

     

     

    "มึงนี่แอ๊บแบ๊วเก่งพอๆกับแดกเหล้าเลยนะ" เขาผลักหัวคนแอ๊บแบ๊วเก่งๆเบาหนึ่งทีเหมือนจะเอือมระอาก่อนจะคว้ามือเล็กมาจับไว้และหมุนตัวพาเดินไปยังอีกทาง...และเมื่อรู้ว่ากำลังจะถูกพาไปไหน ทงเฮก็ร้องออกมาลั่นพลางทำท่าจะกระโดดขึ้นมาหอมแก้มคนใจดีเสียให้ได้

     

    "รักฮัน!...มามะ ทงเฮแจกจุ๊บทีนึง"

     

    "ไม่ต้อง!...ไอ้เชี่ย!! กูไม่นิยมสัตว์น้ำ กูชอบนางฟ้าเว้ย!!"

     

    แค่สองสามชั่วโมง

     

    นางฟ้าคงหากินเองได้ล่ะมั้ง

     

    ..............................................................

     

    "มึนหัวชิบหายเลยเว้ย"

    ฮันคยองพึมพำพลางผลักประตูห้องเปิดเข้าไป มือใหญ่ควานเปะปะหาสวิตช์ไป แต่เมื่อดันหาไม่เจอ เขาก็ตัดสินใจทิ้งข้าวของลงพื้นและเดินโงนเงนไปล้มตัวนอนลงบนโซฟาที่เขาใช้มันเป็นรังนอนมาหลายวันทั้งมืดๆอย่างนั้นล่ะ น้ำสารพัดสีไม่กี่แก้วที่ไอ้ทงเฮจับกรอกปากมาทำให้เขาเริ่มรู้สึกเหมือนโลกหมุนเร็วเกินไปเสียหน่อย...ไม่น่าไปยอมมันเลยพับผ่าสิ!...ไอ้ปลาทองขี้เมานั่นทำเขาเดือดร้อนตลอดนั่นล่ะ! แล้วนี่นางฟ้าของเขาทางข้าวเย็นรึยังก็ไม่รู้...

     

    ดวงตาคมที่กำลังปรอยปรือเปิดลืมขึ้นมาทันทีที่นึกถึงสาเหตุที่ทำให้เขาต้องมาใช้โซฟาเป็นรังนอนขึ้นมาได้ ร่างสูงชันตัวลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินไปยังห้องนอนของตน...และความว่างเปล่าของเตียงด้านในก็ทำเอาเขาสร่างเมาในทันที

     

    นางฟ้าของเขาบินหายไปไหนวะ!!

     

    ...............................................................

     

    "เราเจอตัวนางฟ้าอีทึกแล้วครับท่านคังอิน"

    ชายหนุ่มร่างใหญ่ที่นั่งอยู่บนโซฟาสีขาวยกมุมปากข้างหนึ่งขึ้นเป็นรอยยิ้มพอใจกับข่าวที่ตนได้ยิน เขาเบนสายตามามองทหารหนุ่มใต้อาณัติของตนซึ่งนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปสนใจแก้วไวน์ในมือตามเดิม

     

    "ดี..."

     

    "จะให้จับกลับขึ้นมาเลยมั้ยครับ"

     

    "ไม่ต้อง...แกแค่พาฉันลงไปก็พอ ฉันจะไปรับชายาของฉันด้วยตัวเอง"

     

    ................................................................

     

    ฮันคบองสบถพึมพำออกมาเป็นภาษาจีนเบาๆพลางก้าวข้ามถนนไปยังฝั่งตรงข้ามหลังจากได้ไต่ถามคนแถวนั้นแล้วว่าเห็นใครสักคนที่คับคล้ายคับคากับนางฟ้าของเขาได้เดินไปพร้อมกับผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้...ไปไหนของหมอนั่นนะ! สงสัยว่าเขาคงต้องยอมเสียเงินซื้อโทรศัพท์มือถือให้นางฟ้าพกติดตัวเอาไว้เสียหน่อแล้ว แต่ให้ตายห่าเหอะ!...เขาไม่ได้บอกทิ้งไว้รึไงนะว่าอย่าออกไปไหนน่ะ!...ซ้ำร้าย ยังไปกับคนแปลกหน้าเสียด้วย!

     

    "อยู่ไหนล่ะวะเนี่ย"

    ชายหนุ่มเสยผมที่ปรกหน้าผากขึ้นด้วยท่าทางที่เริ่มหงุดงหิดพลางสอดสายตาไปมาเผื่อพระเจ้าจะเข้าข้างเขาบ้าง...และก็ดูเหมือนพระองค์จะรักเขามากจริงๆ เพราะเขาเหลือบไปเห็นร่างคุ้นตาของใครคนหนึ่งเดินอยู่ในซอยเล็กๆที่เขาเพิ่งเดินผ่านมา...แถมไม่ได้อยู่คนเดียวตามที่มีคนเห็นจริงๆเสียด้วย!

     

    "อีทึก!!"

    เจ้าของชื่อหันขวับมาตามเสียงเรียกก่อนจะยิ้มหวานออกมาเมื่อเห็นว่าเป็นเขา ฮันคยองรีบสาวเท้าเข้าไปหา กระชากร่างบอบบางให้มายืนอยู่ด้านหลังก่อนจะหันไปหาชายหนุ่มแปลกหน้าที่เขาเดาว่ามันต้องพาอีทึกของเขามาทำอะไรมิดีมิร้ายเป็นแน่

     

    "ทำอะไรแฟนกูวะ!?"

    เสียงทุ้มตะคอกถามอย่างไม่เป็นมิตร...พูดอะไรออกไปโดนไม่ทันคิด ชายหนุ่มคนนั้นส่ายหน้าก่อนจะวิ่งหนีหายไปในความมืด ซึ่งนั่นทำให้ฮันคยองรู้สึกโล่งใจที่จะได้ไม่ต้องเล่นบทบู๊ทั้งๆที่ปวดหัวอยู่แบบนี้ เขาหันกลับมาดันร่างบอบบางของนางฟ้าที่ดูท่าจะยังไม่เข้าใจถึงความตึงเครียดของสถานการณ์ให้ไปแนบชิดกับกำแพงตึกแล้วจึงกางแขนกักกั้นเอาไว้ใต้เงาของตน

     

    "ออกมาทำไม!"

     

    "ก็ฉันหิวนี่ ห้องของฮันคยองไม่มีอะไรเลยอ่ะ!"

    นางฟ้าตัวเล็ก(ที่คงเริ่มรู้สึกแล้วว่าตัวเองกำลังโดนดุ)เถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้ แต่เสียงห้วนๆของคนที่เขินอายกับรอยยิ้มของเขาเสมอก็ทำให้เขาใจฟ่อลงเล็กน้อยด้วยความหวาดกลัว

     

    "ผมบอกว่าอย่าออกไปไหนทำไมไม่ฟัง!...เกิดอะไรขึ้นมาจะทำยังไง!"

     

    "ก็ฮันคยองไม่กลับมาซักทีนี่ แถม...ฮันคยองระวัง!!"

     

    เพล้ง!!

     

    ขวดแก้วถูกฟาดเข้าให้โครมเบ้อเริ่มลงบนหัวของคนที่กำลังดุนางฟ้าจนเลือดไหลรินลงมาทันที แรงกระแทกทำให้ขวดแก้วแตกกะจาย เศษแก้วบินว่อนไปหมด ฮันคยองไม่ได้มีท่าทางว่ากำลังเจ็บปวด เขาใช้ปลายนิ้วลูบเศษแก้วที่ตกอยู่บนแก้มเนียนของคนใต้ร่างของเขาออกเบาๆราวกับกลัวว่าถ้ากดลงไปแรงกว่านี้ มันจะบาดคนที่ช่างแสนบอบบางจนเลือดไหนเอาได้ เมื่อสำรวจดูแล้วว่านางฟ้าจะไม่ได้รับอันตรายใดๆอีกจากเศษแก้ว ชายหนุ่มก็หันไปตวัดขาใส่คนลงมือแถมด้วยฮุกซ้ายอีกหนึ่งครั้ง...ศิลปะการป้องกันตัวขั้นสูงที่โดนแม่บังคับให้เรียนมายังได้ผลดีอยู่เสมอนั่นล่ะ

     

    "เห็นกูพูดอยู่มั้ยไอ้สัด!"

    เตะซ้ำคนที่ล้มสลบลงไปอีกหนึ่งที่สำหรับการเสียมารยาทก่อนจะหันกลับมากางแขนกักกั้นนางฟ้าเอาไว้ใต้ร่างของตนตามเดิม...และคราวนี้เลือดที่ไหลรินลงมาตามแนวแก้มก็ทำให้ดวงตากุๆกับหน้าบึ้งๆนั้นแลดูน่ากลัวขึ้นมาอีกเป็นเท่าตัว

     

    "ฮันคยอง..."

     

    "อย่าเพิ่งพูด...เงียบก่อน!"

    อีทึกหุบปากฉันลงมาทันทีที่โดนคนจีน(ที่ดูท่าว่าจะอารมณ์เสียแบบกู่ไม่กลับเสียแล้ว)ตวาดเข้าให้ เขายืนนิ่ง...รอคอยให้ฮันคยองที่ดูเหมือนกำลังข่มความรู้สึกบางอย่างไว้ให้ใจเย็นลง แต่เลือดที่ไหลอาบลงมาแบบไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่ายๆก็ทำให้เขาหมดความอดทนที่จะนิ่งเฉยลงในที่สุด

     

    "เจ็บรึเปล่า...ขอฉันดูแผลหน่อยนะ ฉันจะไม่พูดก็ได้ แต่ขอฉันดูแผลนิดนึงนะ"

    ไมว่าเปล่า มือเล็กสัมผัสลงเบาๆที่ข้างแก้มของคนเจ็บเพื่อดึงรั้งใบหน้าให้เข้ามาใกล้ ปลายเท้าเขย่งขึ้นเพื่อจะได้มองดูบาดแผลที่อยู่บนศีรษะของคนตัวสูงได้ชัดตามากขึ้น ผิวกายขาวบริเวณลำคอที่อยู่ใกล้เขาอย่างเหลือเชื่อทำให้ฮันคยองเผลอชะงักลมหายใจ...เหลือบสายตาขึ้นมาริมฝีปากสีเชอร์รี่ที่อยู่ห่างจากหน้าของเขาเพียงอากาศกั้นอย่างเหม่อลอย...ลืมความโกรธเคีองไปเสียสนิท

     

    คิดอะไรอยู่น่ะฮันคยอง

     

    ต้องการอะไรอยู่น่ะฮันคยอง

     

    ไม่หรอก...

     

    ไม่ได้คิดอะไรเลย

     

    ไม่ได้ต้องการอะไรเลย

     

    ก็แค่...

     

    รู้สึกเหมือนกำลังตกหลุมรักนางฟ้าบางองค์เท่านั้นเอง

     

    "อีทึก..."

     

    "หืมม?"

    ใบหน้าหวานก้มลงมาสบตาตามเสียงเรียกด้วยแววตาสงสัยเหมือนอยากจะถามว่าเรียกทำไม ฮันคยองไม่ตอบในทันที เขาดึงมือเล็กข้างหนึ่งที่เกาะกุมแก้มของเขาอยู่ให้ออกห่างและกดตรึงมันเอาไว้กับกำแพงตึก...ไม่แน่นหนา ไม่รุนแรง เพราะเพียงแค่สายตาคู่นั้นที่จ้องมองตรงมาก็มากพอที่จะทำให้อีทึกไม่กล้าขยับกาย

     

    "ผมขอจูบอีทึกได้มั้ยครับ"

     

    "เอ๋?!"

     

    "และถ้าผมจูบแล้ว...อีทึกจะมาเป็นคนสำคัญของผมได้มั้ยครับ"

    ดวงตาคู่หวานเบิกขึ้นกว้างทันทีที่สิ้นคำ...หัวใจสั่นระรัวรังผลให้แก้มเนียนขึ้นสีแดงก่ำอย่างน่ามอง นางฟ้าคนสวยเหลือบสายตาลอกแลกเพื่อหาตัวช่วยให้กับคำถามที่ช่างมีอิทธิพลต่อหัวใจ แต่ดวงตาคมคู่นั้นที่จ้องตรงมาที่เขาอย่างหวังเอาคำตอบก็ทำให้อีทีกต้องจำใจหันกลับมาสบตา...ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะมันยิ่งทำให้เขาหัวใจสั่นไหว...เหมือนจะระเบิดออกมา

     

    "ละ...แล้วคนพิเศษนี่หมายถึงอะไรล่ะ"

    อีทึกละลักละล้ำถามออกไปเพื่อยืดเวลาสำหรับคำตอบของคำถามที่ช่างอันตรายต่อหัวใจออกไปให้นานกว่านี้...เพราะอยากให้แก้มของตัวเองร้อนน้อยกว่านี้...เพราะอยากให้หัวใจของตัวเองเต้นช้าลงกว่านี้ ฮันคยองลดใลหน้าของตัวเองลงต่ำ ใช้ปลายจมูกไล้ไปตามพวงแก้มใสราวกับกำลังใช้เวลาในการคิดหาคำตอบ ก่อนในที่สุดจะผละออกและหันไปกดริมฝีปากลงบนข้อมือเล็กที่เขากดแนบไว้อยู่กับกำแพงเป็นการให้คำตอบ

     

    "คนพิเศษคือคนที่ผมจะห่วงมากที่สุด..."

    จมูกโด่งคมสัมผัสไปตามท่อนแขนขาวแล้วจึงกลับมาจบที่ข้างลำคอระหง ปลดปล่อยลมหายใจอุ่นในรวยรินรดผิวกายชั่วครู่ก่อนจะกดจูบลงไป...ทำให้ลมหายใจของอีกฝ่ายสะดุดด้วยการดูดคลึงหนักๆลงมันปรากฏรอยขึ้นมาเด่นตาบนผิวนวล

     

    "คนพิเศษคือคนที่ผมจะแคร์มากที่สุด..."

    ริมฝีปากอุ่นลากระเรื่อยขึ้นไปหยุดที่ปรางค์แก้มเนียนแล้วจึงกดสัมผัสลงไปอย่างแผ่วเบาราวกับกลัวมันจะช้ำไป...เพียงแค่สูดดมความหอมหวานให้อบอุ่นหัวใจเพียงเท่านั้น

     

    "คนพิเศษคือคนที่ผมจะปกป้องมากที่สุด..."

    อีทึกนิ่งงันเมื่อริมฝีปากอุ่นที่เพียรมอบจุมพิตให้เขาไปทั่วมาหยุดอยู่เหนือเรียวปากของตน...ห่างกันเพียงอากาศกั้น...สัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นบนผิวแก้ม ดวงตาคมเข้มที่จ้องมองเขาราวกับอยากจะดูดกลืนเขาลงไปทำให้เขารู้สึกเหมือนจะระเบิดยิ่งกว่าเก่าจนไม่แน่ใจว่าตัวเองจะทรงตัวยืนอยู่ได้อีกนานเท่าไร

     

    "คนพิเศษคือ...คนที่ผมจะรักมากที่สุด..."

     

    "..."

     

    "เข้าใจรึยังครับ"

     

    "อ่ะ...อืม"

     

    "แล้วทีนี้...ผมจะจูบอีทึกได้รึเปล่า"

     

    "อ่ะ...อืม...ตามใจสิ"

     

    "ขอบคุณนะครับ...เป็นนางฟ้าคนพิเศษของผมตลอดไปเลยนะครับอีทึกชอนซา"

    ริมฝีปากอุ่นก้มลงครอบครองเรียวปากของนางฟ้าคนพิเศษของตนในทันทีอย่างไม่คิดเอ้อระเหยอีกต่อไป...เป็นจูบที่อ่อนหวาน...เป็นสัมผัสที่อ่อนโยนจนทำให้อีทึกลืมอะไรหลายๆเรื่องไปอย่างน่าเศร้า

     

    แล้วนางฟ้ามีปีกอย่างปาร์คจองซู...

     

    จะอยู่เป็นคนพิเศษให้ฮันคยองบนโลกนี้ได้อีกนานสักเท่าไรกันนะ

     

    .............................................................

     

    "ท่านคังอินจะให้ผม..."

     

    "ไม่ต้อง!"

    ร่างใหญ่ยกมือขึ้นห้ามทหารของตนที่ทำท่าว่าจะถลาลงไปจัดการกับเหตุการณ์ด้านล่าง เทพบุตรหนุ่มที่ยืนอยู่บนขอบดาดฟ้ากดสายตาจ้องมองร่างของชายหนุ่มสองคนด้านล่างที่กำลังบดเบียดร่างกายเข้าหากันด้วยสายตาเย็นชาที่ทำให้อากาศหนาวเย็นและท้องฟ้าปั่นป่วน

     

    "อีทึกที่รักของฉัน...ครั้งนี้ซนมากเกินไปแล้วรู้ตัวมั้ย"

    เขาพึมพำกับตัวเองเบาๆพลางแผดเผามนุษย์ปริศนาคนนั้นที่กำลังสัมผัสจับต้องนางฟ้าของเขาด้วยแววตาอันแสนร้ายกาจ...วาวโรจน์อย่างโกรธเคือง

     

    "ติดต่อเทพธิดาแห่งชะตาชีวิตยุนอาให้ฉันที"

    คังอินเอ่ยสั่งคนใต้อาณัติของตนโดยไม่แม้แต่จะเบือนสายตาออกมาจากภาพด้านล่าง ปีกขนนกสีขาวคู่ใหญ่ถูกสะบัดออกมาจากกลางหลัง แผ่ขยายกว้างราวกับจะประกาศอำนาจของตน ร่างสูงใหญ่ของเทพบุตรหนุ่มในอาภรณ์สีขาวล้วนช่างดูเด่นนักเมื่อท้องฟ้าด้านบนนั้นมืดสนิทไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของแสงจันทร์

     

    "ชะตาชีวิตของใครบางคนคงต้องถึงเวลาขาดเสียที"

     

    ..........................................................................

     

    "ฮันคยองงงง..."

     

    "หืมม?"

     

    "ฮันนนน..."

     

    "ครับ?"

     

    "ฮันนี่อ่าาา..."

    เสียงหวานที่ลากยาวอย่างออดอ้อน(เหมือนจะบอกว่าถ้าต้องเรียกอีกจะงอนจริงๆแล้วนะอย่างงั้นแหละ!)ทำให้ฮันคยองยอมแพ้ที่จะเอาใจจดจ่ออยู่กับการท่องตำราที่กำลังจะมีสอบในอีกสองวันจนได้ เขาหมุนตัวหันมายิ้มให้นางฟ้าตัวเล็กที่นั่งทำหน้าแบ๊วอยู่กลางเตียงในเสื้อแขนยาวสีขาวตัวใหญ่เกินไซส์

     

    "ว่าไงครับอีทึก"

     

    "เมื่อไรฮันคยองจะเลิกอ่านหนังสือสักทีล่ะ...ฉันเบื่อแล้วนะ"

     

    "ผมไม่ได้บอกให้อีทึกนั่งมองผมเสียหน่อย เบื่อก็ออกไปดูทีวีสิครับ"

    ฮันคยองพูดกลั้วเสียงหัวเราะพลางจ้องมองอีทึกทำหน้ามุ่นขณะที่เจ้าตัวกำลังคลานมานั่งที่ปลายเตียงด้วยแววตาแสนอบอุ่น

     

    "ก็ฉันชอบมองฮันคยองนี่ แต่ฮันคยองไม่ได้ขยับไปไหนเลยมาตั้งครึ่งวันแล้วนะ...มันก็น่าเบื่อน่ะสิ"

    คนที่ชอบเฝ้ามองเถียงกลับด้วยริมฝีปากที่เบะลงอย่างขัดใจ งานอดิเรกที่แสนประหลาดของนางฟ้าตาหวานทำเอาฮันคยองชะงักไปนิดด้วยความคาดไม่ถึงก่อนเขาจะหัวเราะออกมาเบาๆอย่างขบขัน ชายหนุ่มหันไปปิดหนังสือที่ตนให้ความสนใจมากว่าครึ่งวันลงแล้วจึงลุกขึ้นเดินไปหยุดที่ปลายเตียงตรงหน้าของคนที่เขาทำให้เบื่อซึ่งช้องตาขึ้นมองเขาอย่างสงสัย

     

    "อีทึกเบื่อหรอครับ"

     

    "อื้ม!"

    ฮันคยองก้าวขึ้นไปคุกเข่าบนเตียง อยู่ตรงกลางระหว่างขาของคนที่นั่งพับขาออกด้านข้างก่อนจะเอื้อมมือสอดเข้าไปให้ท้ายทอย ประคองใบหน้าหวานให้แหงนหงายรับจูบลึกซึ้งจากตน เรียวลิ้นอุ่นชำแรกแทรกผ่านกลีบปากบางเข้าไปลิ้มลองความหวานที่ไม่ว่าจะกี่ครั้ง...มันก็ยังไม่เคยพอสำหรับเขาเสียทุกทีไป เขาเอนร่างบางลงแนบเตียงพร้อมกับทาทาบร่างชองตนตามลงไปอย่างไม่รั้งรอ มือใหญ่เลื่อนสัมผัสสอดผ่านเสื้อตัวโคร่งเข้าไปเคล้นคลึงเอวคอด...อ่อนโยน แต่ทว่าก็ยั่วยวนจนอีทึกเริ่มหายใจติดขัด

     

    "ตอนนี้หายเบื่อรึยังครับ ผมขยับแล้วนี่ไง"

     

    "เอ๋?"

    อีทึกจ้องมองรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของคนด้านบนด้วยแววตาไม่เข้าใจ...ยังคงมึนเมากับรสจูบแสนอ่อนหวานจนไม่เข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายเอ่ยถามออกมา แก้มใสขึ้นสีแดงกำทุกขณะเมื่อมือของคนซุกซนค่อนๆลูบไล้สูงขึ้นมา

     

    "หรือว่า...อีทึกอยากให้ผมขยับมากกว่านี้อีก"

     

    "ขยับมากกว่านี้?"

     

    "ผมทำได้นะ..."

     

    "เอ๋?"

     

    "แต่ขอเป็นข้างนตัวของอีทึกนะครับ"

    ฮันคยองสาบานได้ว่าเห็นฟันเฟืองหมุนเร็วจี๋อยู่ในหัวของนางฟ้าคนสวยของเขา...ซึ่งเขาก็ไม่อยากจะไปเร่งกระบวนการคิดของอีกฝ่ายหรอกนะ อีทึกนิ่งคิดไปนิดก่อนใบหน้าหวานๆจะเอนไปด้านหนึ่งพร้อมกับดวงตาที่ใส่แป๋ว...บ๊องแบ๊วแบบธรรมชาตไร้สารปนเปื้อน(ไม่เหมือนไอ้ปลาทองแอ๊บแบ๊วลีทงเฮเลยสักนิด!)

     

    "แล้วฮันคยองจะเข้าไปข้างในตัวฉันได้ยังไงล่ะ"

     

    "หาา??"

    ฮันคยองอยากจะคิดว่าอีกฝ่ายล้อเล่นเพื่อหาเรื่องเปลี่ยนประเด็นแก้เขิน แต่ดวงตาที่เขาขอย้ำอีกครั้งเลยว่าใสกิ๊งและโคตรซื่อก็ทำให้เขาล้มเลิกความคิดนั้นไปทันที...บนสวรรค์มันไม่มีอะไรแบบนี้หรอวะ!...แต่ก็น่าแกล้งชะมัด! คนจีนที่เหวอไปชั่วเสี้ยววินาทีสั้นๆเพราะคำพูดที่คาดไม่ถึงของนางฟ้าคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์กลับขึ้นมาบนเรียวปาก

     

    "แล้วอีทึกอยากลองมั้ยล่ะครับ"

     

    "ก็เอาสิ"

     

    "แต่มันเจ็บนะ"

               

    "งั้นไม่เอาแล้ว"

    คนสวยปฏิเสธควับทันทีที่รู้ว่าจะต้องเจ็บตัวด้วยถ้าอยากลอง ทำเอาคนจีนช่างแกล้งหลุดเสียงหัวเราะออกมาเสียงดังลั่นอย่างไม่คิดถนอมน้ำใจในทันที เขาฟุบหน้าลงกับไหล่ลาด ตัวสั่นตัวคลอนไปตามแรงหัวเราะ ปล่อยให้อีกฝ่ายได้แต่ทำหน้างงอย่างไม่เข้าใจสถานการณ์

     

    "ทำไมหรอฮันคยอง"

     

    "เปล่าหรอกครับ...เราลืมเรื่องนี้กันไปเถอะนะ"

     

    "อ่า...ก็ได้"

    ร่างสูงพลิกตัวลงมานอนเคียงข้างนางฟ้าแสนซื่อก่อนแขนยาวจะตวัดรัดร่างบางให้หันหน้าพลิกมาและรั้งเข้าแนบชิดจนปลายจมูกแทบจะสัมผัสกัน...ห่างกันเพียงแค่ช่วงลมหายใจ

     

    "อีทึกจะอยู่ที่นี่ตลอดไปได้มั้ยครับ"

     

    "..."

     

    "ไม่กลับบ้านได้มั้ย"

    ดวงตาแสนหวานที่ดูเหมือนจะมอบรอยยิ้มให้แก่ทุกคนจ้องมองใบหน้าคมที่แลดูเคร่งขรึมลงแน่นิ่ง...คิดอะไรไม่ออกไปชั่วครู่...จงใจลืมบางอย่างไม่ชั่วคราว...เพราะหัวใจที่อบอุ่น...เพราะสัมผัสที่อ่อนโยน

     

    "ทำไมหรอฮันคยอง"

     

    "ผมแค่...ไม่อยากให้อีทึกบินหนีผมไป"

     

    "..."

     

    "เพราะผมเป็นแค่คนธรรมดาที่ไม่มีปีก ผมบินขึ้นไปหาอีทึกไม่ได้...บินขึ้นไปเอาตัวอีทึกกลับลงมาไม่ได้...ผมขึ้นไปอ้อนวอนให้อีทึกกลับลงมาหาผมไม่ได้"

     

    "ถ้างั้น...ฉันให้ฮันคยองตัดปีกเลยเอามั้ย ฮันคยองจะได้มั่นใจว่าฉันจะไม่บินหนีไปไหนไง"

     

    "ไม่เอาหรอกครับ...ถ้าอีทึกไม่มีปีกแล้วอีทึกจะเป็นนางฟ้าของผมได้ยังไง ผมจะไม่เปลี่ยนคนที่ผมรักเพื่อตัวของผมเองหรอก...มันน่าเจ็บปวดน่ะครับ"

    รอยยิ้มแสนงดงามแย้มกว้างขึ้นมาบนเรียวปากสีสดของนางฟ้าผู้มีปีก ร่างบางขยับกายเข้าหาพลางวางมือทั้งสองข้างลงบนแก้มสาก...ให้อีกฝ่ายได้รู้สึกอบอุ่นด้วยสัมผัสเพียงแค่นั้น

     

    "ถึงฮันคยองจะเป็นคนธรรมดาที่ไม่มีปีก แต่ฉันก็รักคนธรรมดาคนนี้มากนะ"

     

    "..."

     

    "ฮันคยองไม่ต้องห่วงหรอก ฉันจะไม่บินหนีไปไหน"

     

    "..."

     

    "ฮันคยองไม่ต้องบินขึ้นไปตามฉันลงมาก็ได้ เพราะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าฉันจะอยู่ที่ไหน...ฉันจะเฝ้ามองดูฮันคยองอยู่แบบนี้ตลอดไปอยู่แล้วล่ะ...สัญญาเลยก็ได้"

     

    .............................................................

     

    "หาตัวยากจริงนะเทพธิดาแห่งชะตาชีวิต"

     

    "เวลาเป็นเงินเป็นทอง ธุระรัดตัวไปหมด มีอะไรว่ามาคังอิน"

    เทพธิดายุนอาพาร่างของตนไปทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยท่าทางเหมือนไม่อยากจะรับแขกเท่าไรนักพลางยกขาขึ้นมาพาดไว้บนโต๊ะอย่างไม่คิดรักษามารยาท มือเล็กทั้งสองข้างทักทอเส้นไหมมากมายไปมาจนมันพันกันยุ่งวุ่นวาย...ทำให้มันพันมากกว่าเดิมแทนที่จะแก้มมันออกมา ซึ่งนั่นก็ดูเหมือนจะไม่ใช่ปัญหาสำหรับเธอเท่าไรนัก

     

    "ทักทายกันตามประสาเพื่อนเก่าหน่อยก็ไม่ได้"

     

    "สำหรับคนอย่างนาย...ไม่ได้ ว่าธุระของนายมาเร็วๆเข้า ฉันไม่มีเวลามานั่งโอ้เอ้ทั้งวันหรอกนะ"

    หญิงสาวกองเส้นไหมไว้บนโต๊ะก่อนจะดึงมันออกมาเส้นหนึ่ง...ราวกับจะรู้ว่าควรจะหยิบเส้นไหน ดวงตากลมโตจ้องมองลูกแก้วสีขาวขุ่นที่วางอยู่บนโต๊ะซึ่งกำลังปรากฏภาพเหตุการณ์บางอย่างชั่วครู่ก่อนมือเล็กทั้งสองข้างจะจัดการออกแรงดึงกระชากเส้นไหมเส้นนั้นจนมันขาดออกจากกัน...ปล่อยให้มันสลายหายไปคามือแล้วจึงตวัดตากลับขึ้นมามองแขกผู้มาเยือนอีกครั้ง

     

    "ว่าไง...อยากให้ฉันตัดเส้นไหมชีวิตของใครก่อนเวลาก็บอกมาตรงๆคังอิน"

     

    "เธอนี่รู้ใจฉันดีจังนะ"

    เทพธิดาสาวแค่นเสียงขึ้นจมูกเหมือนอยากจะเยาะหยันให้กับความเดาแม่นของตัวเองพลางใช้นิ้วเกี่ยวเส้นไหมอีกเส้นหนึ่งออกมาจากกองอันยุ่งเหยิง และทันทีที่เธอสัมผัส ภาพในลูกแก้มสีขาวขุ่นก็พลันเปลี่ยนไปเป็นอีกเหตุการณ์หนึ่ง แต่ถึงกระนั้น...ดวงตาของเธอก็ยังคงจับจ้องอยู่ที่รอยยิ้มอันร้ายกาจของเพื่อนเก่าผู้มากเล่ห์อย่างระแวดระวัง

     

    "ฉันไม่ช่วยนายหรอกนะ พระเจ้าจะได้ตัดปีกฉันน่ะสิถ้าพระองค์รู้เข้า"

     

    "จะไม่มีใครรู้เรื่องนี้นอกจากฉันกับเธอ"

     

    "มีสิ!...มีแน่อยู่แล้ว ชองยุนโฮคนหนึ่งล่ะที่จะรู้!"

    คังอินเหยียดยิ้มออกมานิดเมื่อเขาลืมคู่กรณีเก่าผู้เป็นเจ้าแห่งนรกไปเสียสนิท เทพบุตรหนุ่มเดินเข้ามาทรุดตัวนั่งอยู่บนขอบโต๊ะตรงหน้ายุนอาก่อนจะก้มลงไปคลี่ยิ้มกว้างจนตาหยี...ให้หญิงสาวได้สัมผัสได้ถึงความร้ายกาจได้อย่างชัดเจน

     

    "ชองยุนโฮจะไม่พูดอะไรหรอกฉันรับประกันได้ น้ำตาของนางฟ้าอีทึกน่ะละลายทุกอย่างได้เสมอนั่นล่ะถ้าเธอยังไม่รู้ล่ะก็นะยุนอา"

     

    ...................................................................

     

    "ฮันคยองสัญญาแล้ว..."

     

    "ครับแต่ว่า..."

     

    "คนโกหกต้องตกนรก!"

     

    "ผมเปล่าเสียหน่อย แค่..."

     

    "ในนรกน่ะร้อนมากแล้วก็มืดมากด้วย แถมชองยุนโฮยังเป็นคนที่เลือดเย็นมากๆอีกด้วย...ฮันคยองต้องทรมานมากแน่ๆ!"

    คนที่ต้องตกนรกเพราะพูดโกหกถอนหายใจออกมาเบาๆอย่างเหนื่อยใจกับเหตุผลร้อยแปดของนางฟ้า(ที่ทั้งขู่เขาด้วยเรื่องนรกแถมยังเอาชื่อใครที่ไหนก็ไม่รู้มาอ้างว่าเป็นคนเลือดเย็นอีกต่างหาก)...สรุปสุดท้ายเขาก็ต้องยอมเหมือนเดิมนั่นล่ะ

     

    "ก็ได้ครับนางฟ้า...ขึ้นมาเลยครับ"

    ฮันคยองย่อเข่าลงเล็กน้อย ซึ่งคนที่ดูเหมือนจะยอมรับแล้วว่าตัวเองเป็นนางฟ้าก็ไม่รอช้าที่จะวิ่งตุบตับเข้าไปกระโดดเกาะหลังอย่างไม่กลัวว่าหัวเข่าของนักฟุตบอลคนเก่งจะพังเอาก่อนวันแข่งจริง อีทึกหัวเราะคิกคักขณะที่อีกฝ่ายค่อยๆยกตัวของเขาขึ้นและก้าวเดินไปตามฟุตบาท แขนเรียวโอบกอดลำคอแกร่งเอาไว้พลางซบหน้าเข้ากับไหล่กว้าง

     

    "ผมคงไม่ตกนรกแล้วใช่มั้ยครับ"

     

    "คนอย่างฮันคยองไม่มีทางตกนรกหรอก ฮันคยองเป็นคนดีจะตายไป!"

     

    "เมื่อกี้อีทึกยังบอกว่าผมจะตกนรกอยู่เลย"

     

    "ก็ตอนนั้นฮันคยองเป็นคนไม่ดีนี่"

     

    "นี่...พูดแบบนี้ผมโกรธนะ"

    คนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนไม่ดี(ถึงแม้จะแค่ชั่วเสี้ยววินาทีสั้นๆก็เหอะ)พูดด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนมาเป็นเรียบเฉย...ฟังดูเย็นชาจนคนกล่าวหาหน้าเสีย อีทึกรีบกระวีกระวาดโอบกอดอีกฝ่ายแน่นพร้อมกับไซ้ปลายจมูกเข้าที่ข้างซอกคอของอีกฝ่ายอย่างออดอ้อน

     

    "ขอโทษนะ...ไม่ได้ตั้งใจพูดแบบนั้นซักหน่อย อย่าโกรธฉันเลยนะ...คนแสนดีของอีทึก หายโกรธน้าาา"

    นางฟ้าคนสวยชะโงกหน้ามาหอมแก้มอีกฝ่ายซ้ายททีขวาทีขนคนแสนดีที่ตอนแรกกะจะโกรธนานๆเสียหน่อยหลุดเสียงหัวเราะออกมาอย่างขบขันพลางกระชับร่างบางเข้าแนบหลังมากขึ้น

     

    "จูบปากด้วยสิ"

     

    "หืม?...ก็ได้ๆ...มาจุ๊บๆเร็ว....จุ๊บๆแล้วต้องหายโกรธด้วยนะ"

    และแล้วฮันคยองก็ได้จุ๊บๆจากนางฟ้าแสนซื่อ(ที่ชอบบ้าจี้ทำตามที่เขาขออยู่เรื่อย)ตามประสงค์จนถึงกับยิ้มปลื้มออกนอกหน้านอกตาเกินไปเสียหน่อย

     

    "หายโกรธรึยัง"

     

    "หายโกรธแล้ว"

     

    "ดีจัง!"

    อีทึกร้องออกมาเสียงดัง(เหมือนจะยังไม่รู้ตัวว่าเพิ่งโดนคนจีนแกล้งไป)อย่างดีใจสุดๆก่อนจะแถมจุ๊บๆให้ที่ข้างแก้มของคนจีนทีนึง...แหงล่ะ...คนจีนอิ่มอกอิ่มใจสุดๆเลยน่ะสิ!

     

    "จูบอีกได้มั้ย"

               

    "เอ๋?"

     

    "กำลังเพลินเลย"

     

    "ฮันคยองแกล้งฉันอ่าา!!"

    ในที่สุดนางฟ้าคนดีก็รู้ตัวเสียทีว่าโดนคนต่างชาติภาษาเกาหลีไม่ค่อยแข็งแรง(แถมยิ่งอยู่นานก็ยิ่งอ่อนแอลงเรื่อยๆอย่างน่าประหลาดใจ)แกล้งเอา อีทึกดิ้นดุ๊กดิ๊กจนสามารถหล่นลงมาจากหลังของคนช่างแกล้งได้ในที่สุด

     

    "โกรธฮันคยองแล้ว!"

    ร่างบางวิ่งนำเข้าไปในสวนสาธารณะใกล้ๆ แต่ก็ไม่วายที่จะหันมาแลบลิ้นใส่อีกฝ่ายก่อนที่จะวิ่งหายลับตาไป ซึ่งฮันคยองก็ได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆให้กับความน่ารักนั่นและก้าวยาวๆตามไปอย่างไม่รีบร้อนอะไร เพราะเขารูว่าอีทึกจะไม่ไปไหนไกลเกินกว่าสายตาของเขาจะมองเห็นตามที่ได้ตกลงกันไว้...ซึ่งนางฟ้าก็เป็นคนรักษาสัญญาเสียด้วย ฮันคยองคลี่ยิ้มไปให้คนที่นั่งรอเขาอยู่บนเก้าอี้พลางค่อยๆสาวเท้าเดินเข้าไปหา

     

    "เดินช้าจังเลย!"

     

    "ก็รู้ว่ายังไงอีทึกก็ต้องคอยผม เลยไม่รีบ"

     

    "ชิ!"

     

    "ไปหัดทำเสียงแบบนี้มาจากไหนครับนางฟ้า"

    ชายหนุ่มโน้มตัวลงไปยันมือเข้ากับพนักเก้าอี้พลางเอ่ยถามด้วยคำถามที่เขารู้สึกเหมือนเคยได้ยินใครสักคนเอ่ยถามเขามาก่อน...แต่ก็ช่างมันเถอะนะ! เขาเลิกคิ้วขึ้นเหมือนกำลังรอคอยคำตอบของคำถามของเขา ซึ่งผลก็ค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจ เพราะนางฟ้าทำหน้ามุ่ยใส่เขาได้อย่างน่ารักจนเขาต้องเผลอยิ้มออกมา

     

    "ฮันคยองสอนมา!"

    คำตอบก็ฟังดูคุ้นๆเหมือนกันนาาา...ฮันคยองส่ายหน้าไล่ความคิดไร้สาระนี้ออกจากหัวเพื่อหันกลับมาสนใจนางฟ้าของเขาตามเดิม เขาเหยียดยิ้มออกมานิดพลางก้มลงไปสัมผัสเรียวปากบางด้วยริมฝีปากของเขาเบาๆ...เหมือนที่อีกฝ่ายทำให้เขาเมื่อครู่

               

    "แล้วจุ๊บๆแบบนี้ล่ะครับ...ใครสอนมา"

     

    "อ่ะ...ก็ฮันคยองนั่นล่ะสอนมา!"

     

    "มั่วแล้ว...ผมสอนแต่แบบนี้ต่างหาก"

    ริมฝีปากอุ่นกดจูบลงมาอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นจูบที่หนักหน่วงและลึกซึ้งราวกับจะดูดกลืนลมหายใจให้หมดไป...ลิ้มรสความหอมหวานอย่างไม่เคยรู้จักพอ

     

    "ใช่มั้ยล่ะ..."

    อีทึกนิ่งอึ้ง...มึนเมาไปกับรสจูยแสนหวานเหมือนอย่างเคย เรียกเสียงหัวเราะเบาๆได้จากหนุ่มจีนช่างแกล้งอีกครั้ง ฮันคยองใช้ปลายนิ้วเกี่ยวผมนิ่มไปทัดใบหูเล็กก่อนจะกดจูบลงเบาๆที่หน้าผากเนียนคล้ายจะเรียกสติของคนนิ่งงันให้กลับมา

     

    "ผมรักอีทึกนะครับ"

     

    "ละ...แล้วทำไมต้องมาบอกตอนนี้ด้วยล่ะ!...ฉันไม่หายโกรธหรอกนะ"

    ในที่สุดนางฟ้าอีทึกก็หายเหวอเสียที ฮันคยองอมยิ้มพลางเลื่อนมือไปสัมผัสแก้มเนียนเบาๆ...ทำให้หัวใจของอีกฝ่ายสับสนได้ง่ายๆเพียงเพราะสัมผัสแค่นั้น

     

    "ก็ผมรักอีทึกตลอดเวลาที่หายใจนี่ครับ"

     

     

     

    "ช่วยด้วยยย!!"

     

    ............................................................................

     

    มือเล็กชูเส้นไหมที่เพิ่งถูกดึงขาดออกจากกันให้อีกฝ่ายได้เห็นว่าเธอได้ปฏิบัติตามคำขอเป็นที่เรียบร้อยแล้วก่อนจะปล่ยอให้มันสลายหายไปเหมือนเส้นอื่นๆ

     

    "เรียบร้อยแล้วคังอิน...จะไปได้รึยัง อยู่กับนายแล้วฉันรู้สึกเหมือนกำลังทำเรื่องไม่ดีทุกที"

    คนโดนไล่ยืดกายขึ้นยืนตรงพลางเหยียดยิ้มไปให้เทพธิดาสาว เขาขยับเสื้อคลุมสีขาวของตนเล็กน้อยด้วยท่าทางที่ดูยโสอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเทพเจ้าหนุ่มองค์นี้อยู่แล้ว

     

    "อย่ามาทำตัวเป็นคนดีนักเลยเทพธิดายุนอาเพื่อนรัก มันน่าหมั่นไส้รู้มั้ย...คนดีๆน่ะเค้าไม่มาเป็นเพื่อนกับฉันหรอก"

    ชายหนุ่มสยายปีกออกมาจากกลางหลัง แต่ก่อนที่จะได้บินจากไป เขาก็ยังไม่วายหันกลับมาสั่งลาเทพธิดาคนสวยที่นั่งทำหน้ามุ่ยอย่างไม่ชอบใจอยู่บนเก้าอี้

     

    "ขอตัวนะ...คงต้องไปรับชายาของฉันกลับบ้านแล้วล่ะ"

     

    ..................................................................................

     

    "ช่วยด้วยย!!"

     

    ชายหนุ่มยืดตัวขึ้นยืนเต็มความสูงพร้อมกับหันไปมองทางต้นเสียงอย่างสงสัยเช่นเดียวกับคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้

     

    "ทำไมหรอ"

    นางฟ้าคนดีเอ่ยถาม ซึ่งฮันคยองก็ได้แต่ไหวไหล่เหมือนจะบอกว่าเขาก็ไม่รู้เช่นกันว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก้าวห่างออกมาจากเก้าอี้เล็กน้อยเพื่อจะได้มองดูเหตุการณ์ได้ชัดเจนมากขึ้น

     

    "กระเป๋าของฉัน!...จับเขาไว้ที!....ใครก็ได้!!"

     

    ฮันคยองหันกลับหลังควับไปอีกด้านหนึ่งเมื่อตระหนักได้ว่าเสียงนั้นมาจากทางด้านนี้ และทันทีที่หันไป ร่างของเขาก็พลันปะทะเข้ากับชายหนุ่มคนหนึ่งคนหนึ่งซึ่งวิ่งเข้ามาชนเขาเต็มแรงจนเกือบจะเซล้มลง

     

    ผลั่ก!

     

    ฉึก!!

     

    ดวงตาของชายหนุ่มปริศนาคนนั้นเบิกกว้าง...เช่นเดียวหับชายหนุ่มชาวจีนที่เริ่มหายใจกระตุก...คนทั้งคู่ตื่นตะลึง ชายหนุ่มคนนั้นหันมองซ้ายขวาเลิกลั่กก่อนจะวิ่งหนีหายไปพร้อมกับกระเป๋าถือของผู้หญิงใบเล็กในมือ ร่างสูงของฮันคยองงองงุ้มลง...แลดูสั่นไหวจนอีกคนที่นั่งมองต้องขมวดคิ้วอย่างสงสัยกับท่าทางผผิดปกติของคนรักของตน

     

    "ฮันคยอง?"

     

    "ครับ...อีทึก"

    ชายหนุ่มเจ้าของชื่อหันกลับมาสบตาคนเอ่ยเรียกอย่างเชื่องช้า และทันทีที่เห็นเต็มตา อีทึกก็เบิกตาขึ้นกว้างพร้อมกับรีบลุกขึ้นวิ่งตรงเข้าไปหา...ทันรับร่างที่ทรุดล้มลงได้อย่างทันท่วงที ดวงตาคู่หวานมองสลับกันไปมาระหว่างใบหน้าคมที่เริ่มซีดเผือดกับด้ามมีดที่โผล่พ้นออกมาจากหน้าท้องแกร่ง

     

    "ฮันคยอง!...ฮันคยอง!...ฉันจะดึงมันออกนะ คอยเดี๋ยวนะ"

    อีทึกพยายามจะประคองสติของตนเอาไว้...พยายามไม่ตื่นตระหนกกับเลือดที่ไหลซึมออกมา เขาเหลือบมองแฟนหนุ่มที่ทำท่าจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับไม่มีสิ่งใดเล็ดลอดผ่านริมฝีปากหยักคู่นั้นออกมา...มันทำให้อีทึกเลิกที่จะรอฟังอีกต่อไป มือเล็กเย็นเฉียบเอื้อมไปจับด้ามมีดก่อนจะออกแรงดึงมันออกมา...แต่ดูเหมือนการทำแบบนั้นจะทำให้เลือดไหลทะลักออกมาเพิ่มขึ้นก็เท่านั้น นางฟ้าตาหวานโยนมีดทิ้งก่อนจะโอบกอดร่างของคนรักขึ้นมากอดไว้แนบอก...ร้องไห้ออกมาในที่สุด

     

    "ฮันคยอง!...อย่าเพิ่งนะ!...มองฉันเอาไว้นะ ลืมตามองฉันสิ"

    ฮันคยองพยายามจะพูดอะไรบางอย่างอีกครั้ง มือเปื้อนเลือดข้างหนึ่งยกขึ้นไปปาดเช็ดน้ำตาออกจากดวงตาคู่หวานที่เขารักหนักหนาอย่างแผ่วเบาด้วยรอยยิ้มที่เขามักจะมีประดับไว้บนเรียวปากเสมอ

     

    "ผมจะไม่บอกรักอีทึกหรอกนะ..."

     

    "..."

     

    "เพราะผมเพิ่งบอกรักอีทึกไปเมื่อกี้เอง"

    คนที่เริ่มหายใจติขัดหัวเราะออกมานิดเมื่อคนที่เพิ่งถูกบอกรักทำหน้าง้ำทั้งน้ำตานองหน้า อีทึกพยายามจะยิ้ม...พยายามจะหัวเราะ แต่ทว่าเขาทำแบบนั้นไม่ได้...ทำไม่ไหว เพราะเขามองเห็น...นางฟ้าอย่างเขามองเห็น...เห็นอนาคตที่ถูกดับลงของฮันคยอง...อนาคตที่มืดมน นางฟ้าองค์นี้จึงได้แต่หลั่งน้ำตา...ทำให้ท้องฟ้าอึมครึมไปด้วยเมฆฝนจนทุกอย่างบนพื้นดินมืดมัว

     

    "ถ้าผมตายแล้วผมจะได้ไปอยู่บนสวรรค์กับอีทึกรึเปล่า"

     

    "นี่...อย่าพูดแบบนี้สิ ฮันคยองจะอยู่กับฉันบนพื้นไม่ใช่หรอ"

     

    "ถ้าขึ้นไปอยู่บนสวรรค์แล้ว ผมก็จะมีปีกเหมือนอีทึก...ทีนี้ผมก็บินตามหาอีทึกได้แล้ว"

    รอยยิ้มของฮันคยองทำให้นางฟ้าผู้มีปีกสะอื้นออกมา อีทึกส่ายหน้า....ปฏิเสธทุกอย่างที่อีกฝ่ายพูดมา...ไม่อยากฟังความจริงแบบนั้น มือเล็กแนบลงเข้าที่ข้างแก้มซากอันเย็นเฉียบซีดขาว....พยายามถ่ายทอดความอบอุ่นลงไป แต่ดวงตาที่เริ่มเลื่อนลอยของอีกฝ่านก็ทำให้มือของเขาสั่นเกินกว่าที่จะทนจับไหวอีกต่อไป

     

    "ดีจังนะครับ...อีทึกว่ามั้ย"

    ดวงตาคมค่อยๆปิดสนิทลง...พร้อมกับลงหายใจสุดท้ายที่ถูกผ่อนออกมา อีทึกตัวแข็งค้าง ดาเบิกกว้าง...กำลังพยายามทำความเข้าใจเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นด้วยหัวใจที่รู้สึกเหมือนแตกสลายลง

     

    "ฮันคยอง..."

    ทันทีที่สิ้นเสียงหวาน ทุกอย่างรอบกายก็ดูเหมือนจะหยุดนิ่งลง...สายลมหยุดโบกพัด...ผู้คนหยุดขยับไหว...เวลาหยุดก้าวเดิน....หยุดไปพร้อมกับการปรากฏตัวของชายหนุ่มร่างสูงในชุดคลุมสีดำสนิทผู้มีใบหน้าหล่อเหลาแสนเย็นชา ด้านหลังของเขามีร่างบอบบางของนางฟ้าของพระเจ้ายืนอยู่ในชุดสีเพลิงราวเปลวไฟ...ขับให้ผิวอันซีดขาวนั้นยิ่งดูขาวจัดกว่าเก่า...ยิ่งดูบอบบาง อีทึกเงยหน้าขึ้นมาองผู้มาใหม่ทั้งน้ำตาพร้อมกับกอดกระชับร่างไร้วิญญาณในอ้อมแขนให้แน่นขึ้นอย่างห่วงแหน...รู้ดีว่าชายหนุ่มตรงหน้ามาปรากฏตัวเพราะเหตุใด

     

    "ชองยุนโฮ..."

    ชายหนุ่มเจ้าของนามไม่ขานตอบเสียงเรียก เขาย่อตัวนั่งลงบนเข่าข้างหนึ่งตรงหน้านางฟ้าที่เขาหลงใหลก่อนจะวางมือข้างหนึ่งลงบนแผ่นอกกว้างของคนที่นอนแน่นิ่งไร้ลมหายใจ และเพียงไม่นาน เขาก็ยืดกายขึ้นยืนตามเดิม...แต่ครั้งนี้ ข้างกายของเขาปรากฏร่างโปรงใสของคนไร้ชีวิตอยู่ด้วย ดวงตาสีสนิมคมกริบของเจ้าแห่งนรกตวัดมองร่างทั้งสองร่างที่ทรุดตัวนั่งอยู่แทบเท้าของเขาเล็กน้อยด้วยความรู้สึกมากมาย

     

    "ฉันคงต้องเอาวิญญาณเขาไป"

     

    "ท่านยุนโฮได้โปรด...อย่าเอาเขาไป..."

    "เขาต้องลงไปชดใช้ความผิดทั้งหมดในชีวิตของเขาที่นรกก่อนแล้วจึงจะได้ขึ้นสวรรค์ นายรู้กฎดีอีทึก...ไม่นานนายก็จะได้เจอเขาอีก"

    เสียงทุ้มโทนเบสยังคงไว้ซึ่งความเรียบเฉยเย็นชา ถึงแม้เสียงสะอึกสะอื้นของคนตรงหน้ากำลังทำร้ายหัวใจของเขาจนเจ็บปวดไปหมดก็ตาม...น้ำตาของนางฟ้าอีทึกทำแบบนี้เสมอ

     

    "จะเอาอะไรก็ได้...ฮึก...แต่อย่าเอาเขาไปเลยนะ ผมขอร้องล่ะครับ...อย่าทำให้เขาทรมานเลยนะ...ฮึก..."

     

    "รักมันมากเหลือเกินนะนางฟ้าอีทึกที่รักของฉัน"

    ชายหนุ่มร่างใหญ่ในอาภรณ์สีขาวผู้มีปีกขนนกสีขาวบริสุทธิ์แผ่ขยายปรากฏกายขึ้นที่ด้านหลังของอีทึกพร้อมด้วยถ้อยคำประชดประชันที่ทำให้นางฟ้าที่หลงรักมนุษย์มากเหลือเกินสะดุ้งขึ้นมาเบาๆด้วยท่าทีหวั่นเกรง...โดนจับได้เสียแล้ว

     

    "คังอิน..."

     

    "ถึงเวลากลับบ้านแล้วนางฟ้า"

     

    "บอกให้ชองยุนโฮช่วยเขานะคังอิน...ฮึก...แล้วฉันจะ...ฮึก...กลับไปกับนาย...ขอให้เขาช่วยฮันคยองนะ...ฮึก...ได้โปรดนะ"

    อีทึกหันไปอ้อนวอนคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง...และเหมือนที่คังอินเคยพูดไว้ น้ำตาของนางฟ้าอีทึกละลายอะไรได้มากมาย ซึ่งในหลายๆสิ่งนั้นคือหัวใจอันด้านชาของเจ้าแห่งนรกชองยุนโฮและความแข็งกร้าวของผู้รักษากฎแห่งสวรรค์คังอิน เทพบุตรหนุ่มละสายตาออกมาจากใบหน้าหวานที่เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตาของว่าที่ชายาของเขาเพื่อเงยหน้าขึ้นสบตากับคนที่อยู่ในชุดคลุมสีดำแทนที่

     

    "ได้ยินแล้วนี่ยุนโฮ...ช่วยมนุษย์มันหน่อยจะเป็นไร"

     

    "หึ..."

    ยุนโฮแค่เสียงขึ้นจมูกเหมือนจะเยาะหยัน...และอีกฝ่านก็เหมือนจะรู้สึกถึงความนัยที่แผงมาในน้ำเสียงนั้น เพราะคังอินเหยียดรอยยิ้มร้ายกาจขึ้นมาบนเรียวปากตอบกลับไปเช่นกัน

     

    "ท่านยุนโฮ...ฮึก...ได้โปรดนะ...ฮึก...อย่าเอาเขาไปนะ"

    หัวใจของคนถูกขอร้องปวดหนึบเพราะน้ำตาของนางฟ้าที่เขาแอบหลงรัก...และมันก็ยิ่งเจ็บปวดเหมือนคล้ายแตกร้าวใกล้พังทลายลงมาเมื่อสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าอีทึกรักมนุษย์คนนั้นมากแค่ไหน

     

    "ยุนโฮ..."

    เสียงหวานที่เอ่ยเรียกพร้อมกับมือที่สัมผัสลงมาบนต้นแขนของเขาทำให้ชายหนุ่มเจ้าของชื่อหลุดออกมาจากภวังค์ความคิดของตน เขาเหลือบตาไปมองใบหน้าสวยปานรูปสลักของคิมแจจุงเล็กน้อย...เย็นชา เรียบเฉยคล้ายกำลังมองสิ่งที่ไม่มีชีวิต...ไม่มีหัวใจ

     

    "ช่วยอีทึกเถอะนะ...ถือว่าฉันขอร้องก็ได้"

    และก็เหมือนอย่างเคย...ทุกอย่างที่คิมแจจุงทำมักจะทำให้เขารำคาญเสมอ ร่างสูงหันควับกลับไปคว้าลำคอเล็กเอาไว้ในอุ้งมือก่อนจะยกร่างบอบบางขึ้นเหนือพื้นด้วยสีหน้าเย็นช่ หากแต่ดวงตาวาวโรจน์อย่างน่ากลัว

     

    "มีใครขอความเห็นนายรึเปล่าคิมแจจุง"

     

    "อึก...ปะ..."

     

    "เคยบอกแล้วไม่ใช่รึไง ถ้าฉันไม่อนุญาตให้นายพูดก็อย่พูด ถ้าฉันไม่ได้ขอก็ไม่ต้องให้ บอกแล้วทำไมไม่จำ...หรือว่าลงไปอยู่นรกแค่สองสามวันจะทำให้สมองของนางฟ้าชั้นสูงอย่างนายกลวงจนจำอะไรไม่ได้กันคิมแจจุง"

    มือเล็กทั้งสองข้างพยายามจะดึงมือของอีกฝ่ายออก แต่ดูเหมือนว่ายิ่งดื้อดึง แรงบีบก็ยิ่งเพิ่มขึ้นจนปอดเริ่มปวดร้าว...และยิ่งเมื่อลำคอกำลังแสบเคืองเพราะน้ำตา...ทุกอย่างก็ยิ่งทรมาน

     

    "ขอ...อึก...โทษ"

    และก็เหมือนอย่างเคยอีกนั่นล่ะ...คิมแจจุงทำได้เพียงเอ่ยขอโทษและมีน้ำตาอย่างน่าสมเพชเพราะไม่มีสิทธิ์พูดสิ่งใดอีก ริมฝีปากบางพยายามจะขยับเอ่ยคำขอโทษออกมาอีก แต่ดูเหมือนว่ายุนโฮจะเบื่อฟังมันเสียแล้ว เขาโยนร่างบางกลับลงไปกองอยู่กับพื้น...จ้องมองหยดน้ำตาเหล่านั้นเล็กน้อยก่อนจะหันกลับมาหาหัวใจของเขาที่ยังคงพยายามอ้อมวอนเขาอย่างน่าสงสาร ดวงตาคมทอแววต่างๆมากมาย

     

    "ถ้าเขาฟื้น...ความทรงจำของเขาจะหายไป"

    ดวงตาคู่หวานตวัดขึ้นมาเจ้าแห่งนรกทันทีที่สิ้นคำ...หยุดสะอึกสะอื้นโดยพลัน

     

    "แต่เขาจะหายใจใช่มั้ย"

     

    "ความทรงจำจะค่อยๆเลือกหายไปเมื่อวิญญาณออกจากร่าง และสำหรับมนุษย์คนนี้ วิญญาณของเขาออกมาได้สักพักแล้ว...ความทรงจำช่วงหนึ่งของเขาจะหายไป...เป็นไปได้ว่าเขาจะลืมนาย และใช่...เขาจะหายใจ"

    ยุนโฮอธิบายถ้อยคำยาวเหยียดเหล่านั้นออกมาด้วยใบหน้าเรียบเฉย เช่นเดียวกับอีทึกที่รับฟังมันอย่างสงบ มือเล็กลูบใบหน้าคมของคนที่เขารักมากเหลือเกินเบาด้วยดวงตาที่แสบเคืองไปด้วยน้ำตา

     

    "ถึงเขาจะลืมฉัน...แต่เขาก็จะหายใจใช่มั้ย"

    นางฟ้าเงยหน้าขึ้นมาถามซ้าอีกครั้งราวกับไม่แน่ใจ และเมื่อได้รับคำยืนยันตอบกลับมา เรียวปากบางก็คลี่รอยยิ้มแสนงดงามขึ้นมาบนเรียวปาก เขาก้มลงไปกดจูบลงเบาๆที่หน้าผากของคนในอ้อมกอด...ด้วยรอยยิ้มที่มาพร้อมน้ำตา

     

    "ไม่เป็นไร...แค่นั้นก็ได้"

     

    "..."

     

    "ขอให้ฉันได้เฝ้ามองเขาหายใจ...แค่นั้นก็พอแล้ว"

     

    .................................................................

     

    'ฮันคยอง...ได้ยินฉันมั้ย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น...ไม่ว่าฉันจะอยู่ที่ไหน ก็แค่อยากให้นายรู้ไว้ว่าฉันก็จะรักนายตลอดเวลาที่หายใจเหมือนกัน ฉันจะไม่ร้องไห้เพราะนายจะเป็นความสุขของฉัน นายจะเป็น...ความรักเพียงหนึ่งเดียวของฉันนะ'

     

    เปลือกตาบางขยับขยุกขยิกอยู่ชั่วครู่ก่อนจะค่อยๆเปิดลืมขึ้นอย่างเชื่องช้า เพดานสีขาวไม่คุ้นตาทำให้เขารู้สึกเคว้งและสับสนเล็กน้อยก่อนใบหน้าหวานน่ารักทั้งน้ำตาของเพื่อนสนิทที่จู่ๆที่โผล่เข้ามาในสายตาจะทำให้เขาตกใจจนแทบจะพลิกตัวตกจากเตียง

     

    "ไอ้ห่าฮัน!...กูคิดว่ามึง...ฮึก...ไอ้เชี่ย!...ห้ามทำแบบนี้อีกนะ!! อย่าทำแบบนี้อีกนะเว้ย...ฮึก...ไม่งั้นกูจะ...ฮึก...กูจะ...ฮึก...ไอ้ฮันอ่า!!"

    ทงเฮปล่อยโฮออกมาลั่นพร้อมกับโถมตัวลงมากอดรัดเขาเสียเต็มแรงอย่างไม่เกรงใจว่าเขาเป็นคนเจ็บที่เพิ่งฟื้นจากฤทธิ์ยาจนคยูฮยอนต้องมาดึงออกไปก่อนที่มันจะทำให้เขาต้องนอนโรงพยาบาลนานกว่าที่ควรจะเป็น

     

    "มึงนี่...ไปกอดมันแบบนั้นได้ไง เดี๋ยวแผลก็ได้เปิดหรอก"

    คยูฮยอนหันไปเอ็ดคนหน้าหวานก่อนจะหันมายิ้มให้กับคนป่วย...อย่างนี้สิค่อยสมกับเป็นการต้อนรับที่เขาฟื้นขึ้นมาหน่อย

     

    "ดีใจที่มึงฟื้นนะฮัน"

     

    "กูเป็นอะไร"

     

    "มีคนเจอมึงโดนแทงสลบอยู่ที่สวนสาธารณะ"

     

    "หรอ..."

    ฮันคยองพึมพำออกมาเบาๆพลางขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ เพราะเขานึกไม่ออกว่าตัวเองไม่ทำอะไรที่สวนสาธารณะ สิ่งสุดท้ายที่เขาจำได้มีเพียงว่าเดินแยกกับทงเฮเพื่อกลับหอพักก็เท่านั้น คยูฮยอนไหวไหล่เหมือนจะบอกว่าถ้ามึงนึกไม่ออก กูก็บอกไม่ได้เหมือนกันก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปเปิดตู้เย็นหาอะไรทาน ปล่อยให้ปลาขี้แยเดินเข้าไปประชิดเตียงอีกรอบซึ่งเสียงสูดจมูกฟึดฟัดแบบนั้นก็ทำให้หนุ่มชาวจีนเลิกสงสัยประเด็นนั้นไปทันที...อาจจะเป็นผลข้างเคียงจากการเสียเลือดมากเกินไปล่ะมั้ง เขาหันไปยิ้มให้เพื่อนสนิทพลางยกมือขึ้นลูบผมนิ่มเบาๆอย่างปลอบโยน

     

    "เป็นอะไรของมึง...กูฟื้นแล้วนี่ไง"

     

    "ก็มึงอ่ะ...ฮึก...หมอบอกว่ามึง...ฮึก...หยุดหายใจด้วยอ่ะ...ฮึก...มึงอ่ะ"

     

    "ไอ้ปลาทองขี้แย เงียบได้แล้วนา เดี๋ยวคิบอมก็หาว่ากูไปแกล้งมึงหรอก"

     

    "ช่างหัวมันสิ!...กูไม่แคร์มันหรอก!...ฮึก...แต่มึงเป็นเพื่อนสนิทกูนะ...ฮึก....มึงหยุดหายใจด้วยอ่ะ!"

    ดูเหมือนว่าลีทงเฮจะติดใจประเด็นที่เขาหยุดหายใจมากทีเดียว ฮันคยองได้แต่ยิ้มขำ...แต่หัวใจกลับตวัดไปคิดถึงเสียงหวานๆที่เขาได้ยินอยู่ในหัว...เสียงใครกันนะ ไม่คุ้นเอาเสียเลย

     

    "แล้วเพื่อนมึงคนนั้นเขารู้เรื่องมึงรึยังไอ้ฮัน"

    คยูฮยอนที่กลับมาพร้อมส้มสองผลในมือเอ่ยถามขึ้นพลางทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ใกล้ๆ คำถามของเขาเรียกแววสงสัยให้ปรากฏขึ้นมาในนัยน์ตาของคนป่วยเล็กน้อย

     

    "เพื่อนไหน"

     

    "คนที่ตาหวานๆอ่ะ ที่มึงพาไปรับไอ้ทงเฮวันนั้นด้วยอ่ะ...อย่าคิดว่าทิ้งเขาไว้อีกฝากถนนแล้วกูจะไม่เห็นนะเว้ย"

    ฮันคยองนิ่งไปนิด...พยายามจะนึกให้ออก แต่ทว่าทุกอย่างกลับมีเพียงความว่างเปล่าราวกับถูกลบหายไป ดวงตาคมตวัดไปมองนอกหน้าต่างที่เริ่มปรากฏเค้ารางของเมฆฝนให้เห็น...เหมือนมีใครบางคนกำลังใกล้มีน้ำตา

     

    "จำไม่เห็นได้เลย"

     

    ......................................................................

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×