ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC SJ:KIHAE] :: Just You พรหมลิขิตหัวใจบอกฉันให้รักเธอ

    ลำดับตอนที่ #56 : Alone In The Dark

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.65K
      23
      10 เม.ย. 52

    "บ้าเอ๊ย!" คิบอมสบถออกมาพร้อมกับรีบทิ้งกระถางต้นไม่ในมือลงเพื่อยกมือของตนที่ปรากฏรอยถลอกอยู่หลายแห่งขึ้นมาดู...มือของเขากำลังจะทนงานแบกหามนี่ไม่ไหวเสียแล้ว เขาเช็ดหยดเลือดที่เริ่มซึมออกมาจากรอยถลอกเข้ากับกางเกงยีนส์ของตน(ที่กว่าเขาจะหาจากในตู้เสื้อผ้าเจอก็เล่นไปหลายนาทีเหมือนกัน)ก่อนจะกลั้นใจก้มลงไปยกกระถางต้นไม้ใบใหญ่กลับขึ้นมาใหม่

     

    "เป็นอะไรไอ้หนุ่ม ไม่ไหวแล้วเรอะ"

     

    "เปล่าครับ" ชายหนุ่มปฏิเสธพร้อมกับรีบเดินหนีเจ้าของสวนจอมเฮียบออกมาเพื่อพาเจ้ากระถางต้นไม้แสนหนักในมือไปใส่ท้ายรถกระบะที่จอดคอยอยู่ด้านหน้า เขาพยายามสูดหายใจให้ลึกและอดทนต่อความเจ็บปวดขณะออกแรงเหวี่ยงกระถางต้นไม้ขึ้นไปใส่ท้ายรถ

     

    "โห้ย!...สภาพพี่คิบอมดูไม่จืดเลยอ่ะ" แทมินพูดขึ้น และไม่ต้องหันไปดูก็รู้ว่าเจ้าเด็กนั่นมากับใคร...เดี๋ยวนี้เจ้าเด็กช่างจ้อติดดงแฮแจเชียวล่ะ มีดงแฮอยู่ที่ไหน เป็นต้องเห็นแทมินอยู่ที่นั่นตลอด

     

    "เงียบเหอะนา" เขาเอื้อมมือไปผลักหัวสวยๆของแทมินก่อนจะหันไปสบตากับอีกคนที่อยู่ตรงนั้นด้วย ดงแฮมีสีหน้าเรียบเฉยอย่างที่เขาเห็นจนชินตาตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่ นัยน์ตาสีฟ้าจ้องมองเขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนมันจะตวัดไปมองกระถางต้นไม้บนท้ายรถที่ถูกสั่งให้มานับ

     

    "ทำไมไม่ใส่ถุงมือ" เสียงหวานที่ฟังดูเย็นชาเอ่ยถามโดยที่ไม่ยอมหันมามองหน้า

     

    "นึกว่ามันจะไม่เจ็บ"

     

    "คิดว่าตัวเองรู้ทุกอย่างรึไง"

    มือเล็กโยนถุงมือคู่หนึ่งใส่อกคนที่คิดว่าตัวเองรู้ทุกอย่างก่อนจะหันไปโบกมือทำสัญญาณให้คนขับรถแล้วจึงหมุนตัวเดินจากมาโดยมีแทมินวิ่งตามไปต้อยๆ

     

    "พี่ดงแฮไม่ชอบพี่คิบอมหรอ" เด็กหนุ่มเอ่ยถาม หน้าตาบ๊องแบ๊วที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าอยากรู้จริงๆทำให้ดงแฮคลี่รอยยิ้มออกมานิดอย่างเอ็นดู เขาเอื้อมมือไปลูบศีรษะของคนอ่อนวัยกว่าเบาๆ

     

    "เปล่าซักหน่อย ทำไมพี่ต้องไม่ชอบเขาด้วยล่ะ"

     

    "ก็พี่ไม่เคยยิ้มให้พี่คิบอมเลยน่ะสิ"

    ดงแฮชะงักไปนิด แต่เขาก็หัวเราะออกมาเบาๆในวินาทีต่อมา

     

    "นายจะยิ้มให้ทุกคนได้ยังไงกันแทมิน"

               

    "มันไม่ใช่แบบนั้น...ไม่รู้สิ...ผมหมายถึงตาของพี่น่ะ มันไม่เหมือนตอนที่พี่มองคนอื่น"

     

    "หรอ..." ร่างบางพึมพำตอบกลับไปเบาๆ มือที่เสียดสีกันอยู่เรียกสายตาของเขาให้ตวัดลงไปมองได้เล็กน้อย...และมันก็ทำให้ลำคอของเขาเจ็บราวขึ้นมาดื้อๆ ดวงตากลมโตกระพริบถี่ๆเพื่อไล่น้ำอุ่นๆที่เอ่อคลออยู่ตรงขอบตาพลางเงยหน้ากลับขึ้นมาจ้องมองตรงไปเบื้องหน้า

     

    "นี่แทมิน..."

     

    "ครับ?"

     

    "ขอจับมือนายได้มั้ย"

     

    "ฮะ?...ได้สิครับ ได้เลย" แทมินตอบกลับไปงงๆพร้อมกับเป็นฝ่ายคว้ามือของคนขอมาจับเอาไว้เสียเอง เขากระชับมือบางๆอันเย็นเฉียบของพี่ชายหน้าหวานที่จู่ๆก็ดูเศร้าเอาไว้แน่นราวกับอยากจะถ่ายทอดความอบอุ่นไปให้...พี่ดงแฮก็ดูเศร้าเสมอนั่นล่ะในสายตาของเขาน่ะ

     

    ดงแฮก้มลงมองทางโรยกรวดที่ตนกำลังเดินอยู่พลางขยับรอยยิ้มขึ้นมาด้วยขอบตาแสนร้อนผ่าว เขาเกาะกุมมืออุ่นๆข้างนั้นเอาไว้แน่น...หลอกตัวเองว่ามันเป็นมือของใครอีกคนที่บอกว่าจะจับมือเขาเอาไว้ตลอดไป

     

    "ขอบคุณนะแทมิน...ขอบคุณมากๆเลย"

     

    .......................................................

     

    "พี่คิบอมไหวแน่หรอครับ สภาพพี่ดูไม่ได้จริงๆนะ"

    คิบอมผู้ซึ่งเพิ่งเงยหน้าขึ้นมาจากการก้มลงไปเก็บถุงมือที่เขารับมันไว้ไม่ทันหันไปยักไหล่ให้จงฮยอนที่เดินมาหาพร้อมกับจอบอันใหญ่สองอัน เขารับหนึ่งในสองนั้นมาถือพลางโบกมือไหวๆเป็นการบอกว่าเขายังโอเคและเดินนำไปราวกับรู้ว่าต้องไปทำงานที่ไหนต่อกระนั้น...มันก็มีอยู่ไม่กี่อย่างหรอกที่เป็นหน้าที่ของเขาน่ะ ไม่ไปขุดดินในเรือนกระจกก็แบกของไปนู่นไปนี่

     

    "คุณปาร์คใช้พี่หนักไปแล้วนะเนี่ย"

     

    "ไม่เป็นไรหรอก" คิบอมโบกมือปัดเรื่องนั้นเหมือนไม่อยากให้อีกฝ่ายเก็บมาใส่ใจพลางเร่งฝีเท้าให้เร็วมากขึ้นเมื่อเห็นคนที่พวกเขากำลังนินทายืนทำหน้ายักษ์อยู่ไม่ไกล

     

    "ไปทำอะไรกันนานนักหนา เจ้าเด็กกรุงโซลขุดแปลงนี้ ส่วนจงฮยอน...แกไปขุดแปลงด้านหลังนู่น"

    ปาร์คมยองซูชี้นิ้วสั่งอย่างรวดเร็วแล้วจึงเดินออกจากเรือนกระจกไปอย่างรวดเร็วพอๆกัน คิบอมถอนหายใจออกมาเบาๆ จัดการใส่ถุงมืออย่างที่มีคนบอกให้เขาทำก่อนจะเริ่มก้มหน้าก้มตาเหวี่ยงจอบอันหนักของตนโดยไม่คิดอ้อยอิ่งให้เสียเวลาเหมือนเจ้าจงฮยอนที่ยังเดินลอยหน้าลอยตาเตะดินไปมาอย่างเกียจคร้าน

     

    "ทำไมผมไม่เดินมาตัวเล็กๆหน้าหวานๆเหมือนพี่ดงแฮบ้างนะ พี่รู้มั้ย...คุณปาร์คแทบไม่เคยสั่งพี่ดงแฮทำงานใช้แรงเลยนะ อย่างมากก็แค่ยกกระถางขึ้นรถ...ไม่แฟร์เลย"

     

    "นายจะให้คนตัวเล็กๆแบบนั้นมาเหวี่ยงจอบแบบนี้รึไง...เลิกบ่นแล้วทำงานต่อไปเถอะนา"

    ดีแล้วที่ไม่ได้สั่ง...คิบอมอยากจะพูดออกไปแบบนั้นนัก เพราะเขาคงต้องรู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่านกว่านี้แน่ๆถ้าเห็นดงแฮทำงานหนักแบบนั้น...และเขาคงต้องเหนื่อยเพิ่มแหงๆ เขาจะขึ้นเงินเดือนพนักงานทุกคนในเครือคิมกรุ๊ปนี่คือสิ่งที่เขาวางแผนเอาไว้เมื่อได้กลับไปโซล...โดยเฉพาะพวกที่ทำงานในโรงงาน เขาจะเพิ่งโบนัสให้สามเดือนเลย! คิบอมโกยดินขึ้นมาจากหลุมพลางคิดคำนวนแผนการคร่าวๆของตน ปากก็สบถพึมพำออกมาเบาๆเป็นระยะๆแก้เครียด

     

    คิมคิบอมก็แค่ต้องอดทน!

     

    ................................................

               

    "บ้าจริงเลย!" ดงแฮสบถพลางพยายามจะเขย่งปลายเท้าขึ้นไปหยิบม้วนเชือกที่วางอยู่บนชั้นบนสุดซึ่งมันสูงเกินกว่าเขาจะเอื้อมถึงเพียงแค่ปลายเส้นผม ท้องฟ้าที่มืดครึ้มเพราะฝนที่กำลังจะสาดเทลงมาทำให้โรงเก็บของเล็กๆนี่ดูน่ากลัวยิ่งกว่าเดิมเสียอีก...ไฟก็ไม่มี หน้าต่างก็ไม่มี มืดน่ากลัวเหมือนโดนขังอยู่ในห้องปิดตายกระนั้น

     

    "อีกนิดเดียวเอง...โธ่เว้ย!...อึ๊บ!...เฮ้ย!!"

    คนตัวเล็กตัดสินใจกระโดดขึ้นไปหยิบ แต่ก็คว้าได้เพียงแต่อากาศ แถมยังเหยียบอะไรซักอย่างบนพื้นจนเสียการทรงตัวอีกต่างหาก ดงแฮหลับตาปี๋เตรียมตัวรับความเจ็บปวดจากการหงายหลังล้ม แต่มันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพราะร่างเปียกชื้นของใครบางคนก้าวเข้ามารับเขาไว้ได้ทัน ดงแฮค่อยๆชันตัวขึ้นยืนตรงก่อนจะหันกลับไปหาคนที่ช่วยเขาไว้...ซึ่งมันก็ไม่ผิดไปจากการคาดเดาของเขานักเพราะเขาจำสัมผัสอุ่นๆแบบนี้ได้

     

    "คุณคิบอม..."

     

    "ทำอะไรระวังหน่อยสิ จะเอาอะไร...อันนี้ใช่มั้ย"

    คิบอมก้าวเข้าไปประชิดเพื่อเอื้อมมือไปหยิบม้วนเชือกด้านบนที่คนตัวเล็กต้องการลงมาให้...และเขาก็ทำมันได้อย่างสบายจนดงแฮนึกโมโหความสูงของตัวเอง ร่างสูงที่เกือบจะยืนแนบชิดกับเขาทำให้คนที่ยืนอยู่ตรงกลางระหว่างชั้นเก็บของและคนหวังดีต้องขยับตัวถอยชิดกับชั้นวางของมากขึ้น แต่เขาก็ยังรู้สึกเหมือนโดนกักขังไว้ใต้ร่างของคิบอมอยู่ดี

     

    "อ่ะ...ขอบคุณ"

    เขารีบคว้าของที่ตนต้องการออกมาจากมือของคนที่อุตส่าห์หยิบมันลงมาให้แล้วจึงทำท่าจะหมุนตัวเดินออกมา แต่ทว่าดวงตาคมที่จ้องเขาอยู่แน่นิ่งก็ทำให้เขาไม่สามารถขยับตัวได้อย่างใจหวัง

     

    "ผมสีดำน่าจะเข้ากับเธอมากกว่า" คิบอมว่าพลางยกมือขึ้นเกลี่ยผมที่ถูกกัดจนเป็นสีทองซีดซึ่งระอยู่ข้างแก้มใสให้ออกไปถัดใบหูด้วยสัมผัสอันแผ่วเบา ไอเย็นๆและความเปียกชื้นที่ดงแฮรู้สึกได้ผ่านร่างของชายตรงหน้าทำให้เขารู้ได้ว่าฝนคงตกลงมาแล้ว...และเสียงสายฝนที่ดังอยู่ด้านนอกก็ช่วยยืนยันความจริงข้อนั้นให้เขาเป็นอย่างดี ชายหนุ่มร่างบางไม่ได้เอ่ยตอบสิ่งใดกลับไป เขาเพียงแค่คว้ามือที่คลอเคลียอยู่ที่ข้างแก้มของเขามากุมไว้ด้วยสองมือของตน บังคับมันให้แบออกแล้วจึงใช้ปลายนิ้วลูบไปตามรอยแผลบนนั้นเบาๆ

     

    "มือคุณพังหมดแล้ว"

     

    "ไม่เจ็บเท่าไรหรอก"

     

    "แต่วันต่อไปมันจะเจ็บ คุณจะจับไม่ได้แม้แต่ปากกาของคุณ"

     

    "ถ้าฉันมีเธอ...มันก็จะไม่เป็นปัญหา"

    น้ำเสียงที่นิ่งเรียบไม่แพ้กันเรียกนัยน์ตาสีฟ้าให้ตวัดขึ้นไปมองได้อย่างรวดเร็ว และในสายตาของคิบอม...มันช่างโดดเด่นอยู่ในความมืดราวกับดวงดาวในยามคืนไร้จันทร์

     

    "คุณ..."

     

    "ผมล๊อคโรงเก็บของเลยนะครับคุณปาร์ค!"

    เสียงตะโกนแว่วๆแข่งกับเสียงฝนของไอ้หนุ่มจงฮยอนดังขึ้นที่หน้าประตูพร้อมกับเสียงคล้องโซ่ที่เรียกความตื่นตระหนกให้กับคนทั้งสองคนที่ยังอยู่ด้านในได้ทันที

     

    "จงฮยอน!...เดี๋ยวก่อน!" คิบอมตะโกนเรียกพร้อมกับเดินฝ่าของมากมายที่วางระเกะระกะอยู่บนพื้นไปทุบประตูเพื่อเรียกอีกฝ่ายให้เดินกลับมา แต่เสียงของสายฝนก็กลบเสียงร้องของเขาไปจนสิ้น

     

    "จงฮยอน!" ดงแฮพยายามบ้าง...ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่ต่างกันเท่าไรนัก คนตัวเล็กเริ่มสบถ...ต่างจากคนตัวใหญ่ที่สบถไปก่อนหน้านั้นได้หลายนาทีแล้ว

     

    "ให้ตายห่าสิ!"

     

    "เดี๋ยวมีคนมาตามหาเราเองนั่นล่ะ แทมินคงกำลังตามหาเธออยู่" คิบอมว่าพลางหมุนตัวเดินป่ะปายเข้าไปในความมืดกลับไปยืนพิงกำแพงด้านใน ข้าวของที่วางระเกะระกะอยู่เต็มพื้น(ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นฝีมือของเขาเอง)ทำให้ทุกย่างก้าวของเขาเต็มไปด้วยความเชื่องช้าและระมัดระวัง เพราะไม่อย่างนั้นเขาอาจจะโดนจอบที่เขาโยนมันมาเก็บเมื่อช่วงสายบาดเลือดอาบเอาได้

     

    "ดูคุณไม่เดือดร้อนเลยนะ"

     

    "ได้อยู่กับเธอนานๆแบบนี้ฉันจะไปเดือดร้อนอะไร"

    อันที่จริง...คิบอมก็เดือดร้อนอยู่นิดหน่อย เพราะตอนนี้เขาเหนื่อยจนอยากที่จะตรงกลับไปล้มตัวนอนที่ห้องพักจะแย่ แต่มันก็คุ้มที่จะได้อยู่กับเทพธิดานัยน์ตาสีฟ้าองค์นี้สองต่อสองนานๆแบบนี้...พวกเขาแทบไม่ได้มองหน้ากันด้วยซ้ำในวันๆนึงน่ะ!

     

    "ไร้สาระ!" ดงแฮตอบกลับห้วนๆตามนิสัยก่อนจะเดินฝ่าสิ่งของไปหาอีกคนที่ยื่นมือออกมารับเขาให้ก้าวเข้าไปหา เขาเอนหลังยืนพิงกำแพงอยู่ข้างๆพลางทอดสายตาออกไปในความมืดอย่างไร้จุดหมาย...นิ่งฟังเสียงฝนที่ทำให้เขาคิดถึงเรื่องต่างๆมากมายซึ่งตอนนี้มันเหลือเพียงแค่ความว่างเปล่า...เหลือเพียงแค่ลีดงแฮและความว่างเปล่า

     

    "เธอไม่เป็นไรแล้วใช่มั้ย"

     

    "..."

     

    "ยังร้องไห้อยู่อีกรึเปล่า"

     

    "คุณไม่จำเป็นต้องรู้หรอกคุณคิบอม" เสียงหวานตอบกลับความห่วงใยเหล่านั้นกลับไปอย่างเย็นชา...ทำท่าทางไว้ให้เหินห่าง ทั้งที่ลึกๆแล้ว...ลีดงแฮกำลังรู้สึกดีเหลือเกินกับการมีไออุ่นของใครบางคนอยู่ใกล้ๆ...เหมือนไม่ได้อยู่คนเดียวในโลกอันไร้แสงสว่างแห่งนี้

     

    "ผมอยู่คนเดียวได้ คุณไม่ต้องเป็นห่วง...ผมไม่เป็นอะไรหรอก" ดงแฮตอบกลับไปด้วยเสียงอันแผ่วเบาพลางขยับตัวเข้าไปชิดคนข้างกายมากขึ้นเพื่อขอแบ่งปันไออุ่นที่เริ่มจางหายไป

     

    "ฉันมี...หลายเรื่องที่อยากจะบอกกับเธอ"

     

    "ก็เอาสิครับ...เรามีเวลาทั้งคืน"

    ร่างบางกำลังพยายามทำเป็นไม่แคร์สิ่งที่อีกฝ่ายต้องการจะพูด...พยายามไม่คาดหวังถึงสิ่งที่ตนต้องการจะได้ยิน เพราะเขารู้ดีว่าการผิดหวังเป็นสิ่งที่น่าเจ็บปวดมากขนาดไหน...เจ็บปวดยิ่งกว่าตอนกำลังมีน้ำตาเสียอีก คิบอมขยับตัวไปมาอึกอักอยู่ในความมืดพลางนึกถึงสิ่งที่ตนกำลังจะพูด...เรียงร้อยมันออกมาเป็นถ้อยคำที่กลั่นออกมาจากความรู้สึกจริงๆของเขา

     

    "เรื่องในวันนั้น..."

     

    "ผมไม่อยากฟังเรื่องนั้น...เปลี่ยนเรื่องเถอะครับ" ดงแฮตัดบทเอากลางประโยคพร้อมกับเบือนสายตาหนีออกมา ถึงแม้ผลของมันก็คือความมืดมนเหมือนเดิม....ทุกอย่างที่เขาเห็นในตอนนี้มีเพียงความมืดเท่านั้นเอง เขาไม่อยากทำให้ตัวเองต้องร้องไห้ด้วยเรื่องไร้สาระพวกนั้นอีกแล้ว...มันน่าเจ็บปวดกับการที่ต้องร้องไห้ออกมาเพราะเรื่องบางอย่างที่แก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว...เรียกอะไรคืนกลับมาไม่ได้อีกต่อไป

     

    "ฉันแค่อยากจะขอโทษ...ที่ไม่ยอมฟังเธอ ฉันน่าจะฟังเธออธิบาย"

     

    "คุณไม่จำเป็นต้องพูดหรอกครับ ผมไม่สนใจมันแล้ว...ช่างมันเถอะครับ"

     

    "ฉันก็แค่โกรธ...ที่คนอื่นได้สัมผัสเธอเหมือนกับที่ฉันทำ"

     

    "คุณหวงตุ๊กตาของคุณมันก็ไม่ผิดนี่ครับ...ก็มันเป็นของคุณนี่ แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว...ไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว" ดวงตาสีฟ้าเบือนกลับมาจ้องตาตอบอีกฝ่าย...ทำไมลีดงแฮถึงรู้สึกเจ็บปวดกับคำว่าตุ๊กตานักนะ แล้วคิมคิบอมจะรู้สึกเจ็บปวดเหมือนเขาบ้างรึเปล่า...คงไม่หรอก...ก็คิมคิบอมไม่เคยเห็นค่าของตุ๊กตาตัวนั้นนี่ จะไปเจ็บปวดเรื่องอะไรล่ะ...น่าสมเพชสิ้นดีลีดงแฮ...กำลังคิดว่าคิมคิบอมจะหลงรักตุ๊กตาของตัวเองรึไง

     

    "ไม่ใช่...เพราะตอนนี้เธอไม่ใช่ลีทงเฮ สำหรับฉัน...เธอคือลีดงแฮ"

     

    "แล้วมันต่างกันตรงไหน...มันไม่ต่างกันหรอกครับ มันเปลี่ยนแปลงความจริงไม่ได้อยู่ดีนั่นล่ะ" เสียงหวานช่างแผ่วเบายามเอ่ยถ้อยคำ...และดงแฮก็ตอบไม่ได้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังรู้สึกเช่นไร ควรจะดีใจรึเปล่า...หรือว่าควรจะเสียใจกันแน่...ไม่รู้เลยจริงๆ

     

    "พอเถอะครับคุณคิบอม...ผมไม่อยากฟังเรื่องแบบนี้แล้ว มัน....น่าร้องไห้"

    ร่างบางขยับตัวขยุกขยิกเพื่อคลายความหนาวเหน็บที่มาพร้อมกับเสียงฝนพลางเหลือบมองไปยังคนตัวสูงข้างๆที่ยังคงจ้องมองหน้าเขาอย่างจริงจัง...มอบความจริงใจทั้งหมดผ่านแววตาและท่าทางจนดงแฮใจสั่นขึ้นมา...อ่อนไหวไปอย่างง่ายดาย เขาทำเสียงฮึดฮัดอย่างขัดใจให้กับความใจอ่อนของตัวเองก่อนจะขยับตัวเข้าไปเบียดชิดคนข้างกายมากขึ้นเพื่อขอแบ่งปันไออุ่นที่ตอนนี้ตัวเขาเองมีน้อยเหลือเกิน...ไม่มีใครอยู่ข้างกายมากพอที่จะคอยมอบให้ไออุ่นอีกต่อไป

     

    แต่อย่างน้อย...

     

    ขอให้ลีดงแฮหลอกตัวเองไปได้อีกสักหน่อยก็แล้วกันว่ายังมีใครบางคนอยู่เคียงข้าง

     

    ยังมีใครบางคนอยู่ในชีวิตอันว่างเปล่าของเขา

     

    ขอแค่นิดเดียวเท่านั้นล่ะ...

     

    "คุณคิบอม..."

     

    "หืม?"

               

    "ขอกอดหน่อย...ได้มั้ย"

    ดวงตาคมตวัดมามองคนเอ่ยขอทันทีที่สิ้นคำก่อนเขาจะพลิกตัวมากักขังร่างเล็กไว้ใต้เงาของตน มือใหญ่ยกขึ้นลูบไล้ผิวแก้มเนียนราวกับร้องเรียกให้เงยหน้าขึ้นมาสบตา แต่เมื่อมันไม่สำเร็จ...คิบอมจึงใช้สองมือของตนตระคองแก้มนิ่งเอาไว้และบังคับดวงตาสีฟ้าให้เบือนมาสบตา

     

    "ดงแฮ..."

     

    "..."

     

    "ลีดงแฮ..."

     

    "..."

     

    "อย่าเศร้าอีกเลยนะ"

     

    "..."

     

    "ได้โปรด...มีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อฉันได้มั้ย"

    ริมฝีปากอุ่นก้มลงมอบจุมพิตลงบนเปลือกตาบางที่เริ่มเปียกชื้นเพราะน้ำตา คิบอมจูบซับน้ำตาเหล่านั้นจนหมดก่อนจะวกกลับลงมาหาริมฝีปากแสนหวานที่เผยอขึ้นรับเขาราวกับปรารถนาสัมผัสที่แนบสนิทกว่านี้ แขนเล็กสอดเข้าไปโอบกอดเอวหนา...รั้งให้เข้ามาแนบชิดจนรู้สึกได้ถึงไออุ่นและจังหวะเสียงหัวใจ

     

    เพื่อให้ตัวเองได้รู้สึกว่ายังมีใครอีกคนอยู่ตรงนี้

     

    อยู่ใกล้ๆเขาไม่ห่างไปไหน

     

    "ได้โปรด...ร้องไห้แค่เพื่อฉัน...เพียงเพื่อฉันคนเดียวได้มั้ย"

     

    "..."

     

    "ได้โปรด...มาเป็นลมหายใจให้ฉันได้มั้ย"

     

    "..."

     

    "ฉันจะมีแค่เธอเป็นลมหายใจ...จะมีแค่เธออยู่ในหัวใจ"

     

    "..."

     

    "ได้โปรดลีดงแฮ...ฉันต้องการแค่เธอเท่านั้น"

     

    ลีดงแฮนึกไม่ออกว่าเขาเคยกอดใครแน่นเท่านี้มาก่อนรึเปล่าในชีวิต

     

    เคยถูกต้องการมากเท่านี้มาก่อนรึเปล่าในชีวิต

     

    .......................................................

     

    "อ้าวเฮ้ยพี่คิบอม!...มาทำอะไรอยู่ในนี้ครับเนี่ย?!"

    แสงแดดที่แยงตาเข้ามาพร้อมกับเสียงตะโกนลั่นเรียกคิบอมผู้ซึ่งนั่งพิงผนังอยู่บนพื้นให้กระพริบตาตื่นขึ้นมาอย่างยอมจำนนทั้งๆที่ขมับของเขากำลังปวดตุบๆได้ที่ เขายกสองมือป้องแสงแดดที่สาดเข้ามาทางประตูที่เปิดอ้าเพื่อมองว่าไอ้เจ้าของเสียงตะโกนนั่นเป็นใคร ซึ่งเขาก็ไม่ต้องพยายามอะไรมากนักเพราะไม่นานเจ้าหนุ่มนั่นก็เดินมาหาเขาด้วยตัวเอง...และก็ปรากฏว่าเป็นคนเดียวกับไอ้คนเมื่อคืนเสียด้วย

     

    "พี่คิบอมอยู่ในนี้ทั้งคืนเลยหรอครับ?!"

     

    "ความผิดนายนั่นล่ะ" คิบอมสวนกลับเรียบๆพลางขยับร่างบางที่นั่งซ้อนอยู่บนตักให้เขากอดทั้งคืนเล็กน้อยก่อนจะชันตัวลุกขึ้นยืนโดยมีคนที่ยังคงหลับใหลอยู่ในอ้อมแขน เขาเซเล็กน้อยเพราะความมึนศีรษะที่กำลังโจมตีเขาอย่างหนัก แต่โชคดีที่จงฮยอนกระโจนเข้ามาคว้าตัวเขาเอาไว้ได้ทัน

     

    "สภาพพี่ดูแย่กว่าเมื่อวานอีกนะ"

     

    "ลองมาอยู่ในนี้ทั้งคืนดูสิ"

     

    "โธ่พี่...ก็ผมไม่รู้นี่" จงฮยอนตอบด้วยท่าทางที่หงอลงมาทันตาเห็น เด็กหนุ่มพยายามทำตัวลีบเล็กให้เป็นที่น่าเอ็นดูก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่องไปยังคนที่ยังคงไม่ตื่นจากนิทรา

     

    "แล้วนี่พี่ดงแฮเป็นอะไรรึเปล่าครับ"

     

    "แค่เหนื่อยน่ะ...ช่างเถอะ นายรู้มั้ยว่าดงแฮพักอยู่ที่ไหน"

     

    "อ้อรู้ครับ...อพาร์ทเม้นต์ตรงนี้เอง"

     

    ..........................................................

     

    คิบอมกัดฟันก้าวขึ้นบันไดขั้นสุดท้ายก่อนจะเดินตรงไปยังประตูห้องพักเล็กๆที่เขาแทบจะไม่ต้องลองก็รู้ว่าล๊อคไว้ เขาเหลือบมองร่างในอ้อมแขนเล็กน้อยแล้วก็ต้องถอนหายใจออกมาเบาๆเมื่อตัดใจทำลายนิทราแสนสุขของเทพธิดาไม่ลง เขาพยายามจะใช้ทักษะส่วนตัวในการล้วงไปตามกระเป๋ากางเกงของคนหลับใหลขณะที่สองแขนก็ต้องอุ้มเอาไว้ไม่ให้หล่นลงมา...ซึ่งเขาก็ประสบความสำเร็จในเวลาต่อมาไม่นาน

     

    คิบอมไขประตูห้องเข้าไปอย่างทุลักทุเลและปิดมันตามหลังอย่างทุลักทุเลพอกัน เขาเดินตรงไปวางร่างบางลงบนเตียงเล็กๆของเจ้าตัว จัดการห่มผ้าให้อย่างอบอุ่นและจบท้ายด้วยการจุมพิตเบาๆที่หน้าผากมนก่อนจะลุกเดินจากมา แต่เดินยังไม่ทันถึงประตูห้อง ดวงตาของเขาก็พร่ามัวก่อนสติของเขาจะดับวูบลงไปพร้อมกับร่างสูงใหญ่ของคิมคิบอมผู้ซึ่งตากฝนมาตั้งแต่เมื่อคืนแถมยังต้องนอนตากอากาศเย็นๆแบบนั้นด้วยลำตัวเปียกโชกที่ล้มลงไปนอนกองอยู่กับพื้น

     

    ....................................................................

     

     


    มาอัพแล้วจ้า^^...ตาบอมของเรานี่คนโคตรเมืองกรุงเลย ป่วยง่ายเหลือเกิน - -* จะว่าตอนนี้หวานมั้ย...ก้ไม่ค่อยเนอะ ออกแนวเน่ามากกว่า ตาบอมนี่ก้ช่างพุดเหมือนกันนะเนี่ย แม่ยกปลื้มล่ะสิ ต้องขอบคุณตาบลิงนะเนี่ยสำหรับตอนนี้


    ตอนหน้าพบกับตอนจบของเรื่องนี้ค่ะ...อีกตอนเดียวก้อจบแล้วน้า^^  มาดูบทสรุปของคิเฮ(ที่เห็นทางสว่างกันกว่าครึ่งไปแล้วในตอนนี้- -*)กันค่ะ ว่าจะแฮปปี้ได้ขนาดไหน


    ส่วน97ชีวิตที่จองมา คอยเลขบัญชีนะคะ จะมาภายในอาทิตย์หน้าแน่นอนค่ะ



    เจอกันอาทิตย์หน้าเป็นครั้งสุดท้ายจ้า^^


    พีเอส.   มีคนถามคังทึกกันเยอะมาก ซึ่งไรเตอร์ก็ไม่รู้จะไปหาคำตอบมาให้จากที่ไหน(อ่าว...มึงแต่งมิใช่เรอะ- -*)  เราบอกได้แค่ว่า บอมบอกให้นไปจัดการกับคังอิน แล้วฮันก็ยกหน้าที่นั้นให้ทึกไป...และมันก็จบลงแบบร้อนแรงเช่นนี้แล- -*






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×