ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC SJ:KIHAE] :: Just You พรหมลิขิตหัวใจบอกฉันให้รักเธอ

    ลำดับตอนที่ #5 : At The Graveyard

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 10.78K
      20
      20 พ.ค. 51

     

                คิบอมกลับถึงห้องด้วยความอิ่มเอม...กลิ่นกายหอมหวานของเทพธิดานัยน์ตาสีฟ้าที่ติดอยู่ที่ปลายจมูกและริมฝีปากทำให้เขารู้สึกอารมร์ดีจนนึกยิ้มออกมาเฉยๆ...อาการที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับเขาเลย

     

                "คุณคิบอม"

                เสียงร้องเรียกที่ดังขึ้นทำให้ริมฝีปากที่แต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มของชายเจ้าของชื่อหุบฉับลงมาอย่างรวดเร็ว...ผิดกับผู้ที่เป็นเจ้าของเสียงเอ่ยเรียกซึ่งมีรอยยิ้มแย้มกว้างประดับอยู่เต็มเรียวปากสวย

     

    ชายหนุ่มร่างบางใบหน้าหวานสวยกระโดดเข้ามาเกาะแขนของเขาอย่างออดอ้อนเป็นที่สุด ดวงตากลมโตจ้องมองเขาเหมือนอยากจะให้เขาเอาใจเหมือนอย่างเคย...แต่ให้ตายเหอะ!...ทำไมมันถึงทำให้เขาหงุดหงิดขึ้นมาวะ!

     

                "ฮงกี" ชายหนุ่มร่างสูงเอ่ยชื่ออีกฝ่ายออกมาเบาๆด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ...เย็นชาจนเจ้าของชื่อหน้าเสีย แต่ถึงกระนั้นฮงกีก็ยังเลือกที่จะยิ้มรับคำเรียกนั้นอย่างไม่หวั่นเกรง

     

                "วันนี้กลับดึกจังนะครับ ปล่อยให้ผมรอตั้งนาน"

                ริมฝีปากสวยช่างเจรจานั้นก็ยังเอ่ยวาจาฉอเลาะออดอ้อนอย่างที่เคยทำเป็นปกติ แต่แล้วก็ต้องหุบฉับลงมาเพราะดวงตาคมที่ตวัดกลับลงมามอง

     

                "ฉันให้เวลาเธอห้านาที..."

     

                "ครับ?"

     

                "เก็บของแล้วไสหัวไปซะ!"

                คำเอ่ยไล่แสนตรงไปตรงมาและเฉือดเฉือนทำให้คนถูกไล่ชะงักไปพร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้างขึ้น

     

                "คุณคิบอม"

     

                "เดี๋ยวนี้"

     

                "แต่ว่า..."

     

                "ฉันจะไม่พูดซ้ำหรอกนะ"

                ดวงตากลมโตพลันเอ่อล้นด้วยน้ำตาก่อนฮงกีจะรีบวิ่งหายเข้าไปในห้องนอน กวาดทุกอย่างที่ได้มาใส่กระเป๋าเดินทางใบที่ใกล้มือที่สุด...แล้วจึงวิ่งจากเขาไปทั้งน้ำตานองหน้า ทิ้งให้ร่างสูงยืนอยู่ ณ จุดเดิมด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิดขึ้นมามากกว่าเดิม

     

                คิบอมสบถพึมพำพลางเหวี่ยงเสื้อสูทราคาแพงของตนไปวางกองบนโต๊ะใกล้ๆก่อนจะพาตัวเองไปล้มตัวนอนเหยียดยาวอยู่บนโซฟาสีดำ

     

                "ทงเฮ....ลีทงเฮ..."

                ชายหนุ่มพึมพำ ความจริง...เขาไม่จำเป็นต้องไปหาเจ้าตัวเพื่อถามชื่อก็ได้ เพราะผู้จัดการร้านได้บอกข้อมูลทั้งหมดที่เขาอยากรู้ออกมาได้อย่างง่ายดายเมื่อเขาเดินไปถามเธอเมื่อก่อนหน้านั้น...แต่ก็นั่นล่ะ...มันก็คุ้มแสนคุ้มที่เขายอมเดินไปถามเองถึงตัว ริมฝีปากพลันคลี่ยิ้มออกมาอีกครั้งเมื่อนึกถึงตรงนี้

     

                เขาสอดแขนข้างหนึ่งลงไปรองใต้ศีรษะของตนพร้อมกับนำอีกข้างหนึ่งมาวางพาดไว้บนหน้าผาก...ปิดบังแสงจากหลอดไฟไม่ให้ส่องสะท้อนเข้าตาเขามากนัก...ทงเฮไม่มีทางปฏิเสธคิบอมมั่นใจ คนอย่างเขา...ไม่เคยมีคำว่าผิดพลาดอยู่ในสารบบอยูแล้ว! และเขาเชื่อเลยว่า...เขาต้องเสียเงินเป็นค่าตัวให้เทพธิดาเหยียบร้อยล้านแน่ๆ!

     

    ..................................................

     

    'ได้คะแนนสูงสุดเลยหรอ?!...เก่งจริงนะ'

     

    'สอบเข้าได้ที่หนึ่ง?!...แกนี่มันเก่งเป็นบ้าเลย! ...พ่อต้องรักแกตายแน่ๆเลย'

     

    "นาย..."

     

    'ไม่เห็นเหมือนพี่เลย...นายเก่งกว่าพี่ซะอีกนะ'

     

    "นาย!...นี่ๆ!"

     

    "ฮะ?!...คะ...ครับ!"

                คนร่างบางสะดุ้งเฮือกขึ้นมาสุดตัวจนเกือบจะทำกระเป๋าใบเก่งที่วางอยู่บนตักหล่นลงพื้นเมื่อมือนิ่มๆเย็นเฉียบของใครบางคนสัมผัสเข้ากับแก้มที่เย็นเฉียบไม่แพ้กันของตัวเอง ท่าทางตื่นตกใจที่แลดูน่าขันนั้นทำให้คนแปลกหน้าผู้ซึ่งเอ่ยเรียกอดไม่ได้ที่จะหัวเราะคิกคักออกมา ทงเฮขยับตัวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้เล็กน้อยพลางกระแอมไอเพื่อกลบเกลื่อนแก้มที่แดงระเรื่อของตน

     

                "ไม่หนาวหรอ"

     

                "ฮะ?"

     

                "แก้มแดงหมดแล้ว...ไม่หนาวบ้างรึไง" ชายหนุ่มตาโต ตัวเล็กตรงหน้าเอ่ยถามพลางปลดผ้าพันคอสีชมพูอ่อนจางออกจากลำคอของตนเพื่อนำมันไปพันให้กับคนที่นั่งทำหน้างง ริมฝีปากบางสีสวยขยับรอยยิ้มให้คนที่มีท่าทางอึกอักและดูท่าจะไม่ยอมรับผ้าพันคอของเขาง่ายๆ

     

                "แต่..."

     

                "เอาไปเถอะนะ....เราให้"

     

                "แต่นาย..."

     

                "ลีซองมินน่ะ...เราชื่อซองมิน" คนแปลกหน้าแนะนำตัวพลางยิ้มหวานจนคนมองอดที่จะยิ้มตอบอย่างเสียมิได้...ยิ้มน่ารักเสียจนทำให้คนเฝ้ามองกระหวัดกลับไปนึกถึงใครบางคน

     

                "ลีทงเฮ...ยินดีที่ได้รู้จักนะ"

                ทงเฮค้อมศีรษะลงให้คนตรงหน้าเล็กน้อย ซึ่งเขาก็ได้รอยยิ้มหวานแสนสดใสตอบกลับมา....และเมื่อประกอบกับแก้มแดงระเรื่ออย่างเป็นธรรมชาติของเจ้าตัว มันก็ทำให้ทงเฮปฏิเสธไม่ได้ว่าคนตรงหน้านั้นน่ารักน่ามองมากทีเดียว

     

                "ว่างหรอ...รึว่าไม่สบาย หน้าตาทงเฮดูไม่สดใสเลย" ซองมินเอ่ยถามอย่างอัธยาศัยดีพลางจ้องมองใบหน้าของเขาด้วยดวงตาสีดำกลมโตแสนใสซื่อ...ซึ่งมันก็เป็นอีกครั้งที่มันทำให้ทงเฮเผลอยิ้มออกมา

     

                "มานั่งพักน่ะ....เดี๋ยวเราต้องไปทำงานต่อแล้ว" ทงเฮตอบยิ้มๆพลางกระชับผ้าพันคอผืนใหม่ของตนให้เข้าที่เข้าทางมากขึ้น แต่ผ้าพันคอผืนยาวแบบนี้ดูท่าจะไม่เข้ากับคนตัวเล็กที่ไม่เคยมีผ้าพันคอเป็นของตนเองเสียเท่าไร เพราะมันช่างดูรุ่มร่ามปิดหน้าปิดตาจนแลดูน่าขำ....ซึ่งมันก็ทำให้คนเฝ้ามองอดที่จะหลุดหัวเราะออกมาไม่ได้

     

                "ทงเฮดูไม่ค่อยชอบผ้าพันคอเท่าไรเลยนะ" ซองมินพูดกลั้วเสียงหัวเราะพลางพยายามช่วยจับผ้าพันคอให้เข้าที่มากขึ้น

     

                "คอผมมันเล็กเกินไป" คนตัวเล็กบ่นพึมพำเสียงเล็กเสียงน้อยจนทำให้คนที่กำลังช่วยเหลือหลุดหัวเราะออกมาอีกครั้ง

     

                "นายนี่ตลกจังนะ...แถมตาสวยด้วย" ซองมินว่าพลางสะบัดผมออกให้พ้นจากข้างแก้มของตน คำชมซึ่งๆหน้าทำให้คนถูกชมชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะปล่อยเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ

     

                "ขอบคุณนะ เราว่า...เราคงต้องไปแล้วล่ะ"

                ทงเฮลุกขึ้นเพื่อเอ่ยลา...และก็ต้องพบว่าคนที่ยืนคุยอยู่กับเขาตั้งนานสองนานนั้นตัวเล็กกว่าเขาเสียอีก

     

                "หวังว่าคงจะได้เจกันอีกนะซองมิน"

                เขาโค้งตัวลงเล็กน้อยแล้วจึงหมุนตัววิ่งจากไป....ปล่อยให้คนตาโตตัวเล็กยืนยิ้มไล่หลังไปเพียงลำพัง

     

    .................................................

     

                "เป็นไง"

     

                "น่ารัก"

                คนถูกถามตอบเรียบๆพลางพยักเพยิดให้คนขับผู้เป็นเจ้าของคำถามเมื่อครู่ออกรถเสียที ซองมินเอนหลังพิงเบาะนิ่มๆของที่นั่งด้านข้างคนขับพร้อมกับหลับตาลง...การลงไปตากอากาศเย็นๆเพียงแค่ไม่กี่นาทีทำให้เขารู้สึกปวดหัวหนึบๆยังไงพิกล และเมื่อลืมตาขึ้นมา...ความสดใสทั้งหมดในแววตาก็พลันจางหายไป เหลือไว้พียงความนิ่งเฉยและหน้ากากอันเย็นชา

     

                "ดูซื่อๆ...น่าเล่นดี ในที่สุดพี่ก็เลือกตุ๊กตาให้สมราคาเป็นซะที"

     

                "เหอะ!"

                คิบอมหลุดเสียงแค่นหัวเราะออกมาเบาๆให้กับคำพูดประชดประชันนั่นพลางเหลือบตามองคนที่เริ่มเบนหน้าหนีออกไปมองนอกกระจกเล็กน้อยก่อนจะหันกลับมาสนใจถนนตรงหน้าตามเดิม

     

                "น่าเล่นในแง่ไหน"

     

                "แง่ไหนแล้วแต่พี่จะคิดเถอะ"

     

                "เหอะ!..." คิบอมอ้าปากตั้งท่าจะพูดอะไรซักอย่าง หากแต่ดวงตากลมโตที่เหลือบมามองจากคนข้างๆก็ทำให้เขาเปลี่ยนใจและเลือกที่จะเอ่ยถามออกไปแทนที่

     

                "ทำไม...มีอะไรอีกล่ะ"

     

                "อย่าทำพังเร็วนักล่ะ...ผมชอบเขา"

     

                "ชอบในแง่ไหน"

     

                "ทำไมพี่ชอบถามผมแบบนี้นักล่ะ?!" คนเป็นน้องโวยขึ้นมาเสียงดังด้วยสีหน้าบึ้งตึงอย่างไม่พอใจพลางยกมือขึ้นกอดอก...ท่าทางแสนงอนที่พี่ชายแสนจะคุ้นเคยทำให้คิบอมคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย ถึงดวงตากลมโตนั่นจะเฉยชา...แต่เขาเห็นมันได้ลึกกว่านั้น...เห็นความสดใสที่อยู่ด้านในได้ชัดเจนยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด

     

                "เออๆ...ไม่ถามแล้วก็ได้"

                ซองมินทำเสียงฮึดฮัดขัดใจพลางเบือนหน้าหนีออกไปมองนอกหน้าต่างตามเดิม...เฝ้ามองตึกอาคารต่างๆเคลื่อนผ่านรถไปด้วยสายตาว่างเปล่า

     

                "อีกอย่าง...ผมว่าหน้าเขาคุ้นๆอยู่ เหมือนผมจะเคยเห็น"

     

                "เรียนที่มหา'ลัยเดียวกับนายรึเปล่า"

     

                "ก็อาจจะ...แต่ก็ช่างเถอะ"

                ซองมินยักไหล่ แล้วจึงปิดปากเงียบสนิท....นั่งนิ่งเงียบไปตลอดเส้นทางการเดินทาง ปล่อยให้ผู้เป็นพี่ชายต่างบิดานั่งคิดนั่นคิดนี่ไปเพียงลำพัง...ซึ่งมันก็ไม่ได้พ้นเรื่องของคนที่เพิ่งถูกเอ่ยชมว่าน่ารักอยู่ดี

     

                ...ลีทงเฮ...

     

                ไม่บ่อยนักที่ซองมินจะเอ่ยปากบอกว่าชอบใคร...โดยเฉพาะพวกตุ๊กตาของเขา ซองมินค่อนข้างเกลียดด้วยซ้ำไป...แสดงว่าไม่ใช่แค่เขาสินะที่เห็นอะไรบางอย่างจากหนุ่มร่างบางคนนั้น มันแทบจะเป็นการย้ำความจริงใส่หน้าเขาเลยทีเดียวว่า...เขากำลังจะสูญเงินจำนวนมหาศาลให้กับชายหนุ่มหน้าหวานที่ชื่อว่าลีทงเฮ!

     

                "เรากำลังจะไปไหนกัน" คนที่นั่งนิ่งเงียบไปนานเอ่ยปากถามขึ้นเมื่อบรรยากาศโดยรอบเริ่มออกมานอกเมืองทุกทีๆ คิบอมไม่ตอบในทันที เขาเหลือบมองน้องชายก่อนจะเอื้อมมือข้างหนึ่งไปลูบแก้มแดงๆของคนข้างๆอย่างแผ่วเบา....สัมผัสมันอย่างทะนุถนอมและอ่อนโยนที่สุดเท่าที่มือกร้านใหญ่ของเขาจะทำได้

     

                "ไปหาแม่ไง"

     

                "ครบรอบแล้วหรอ"

     

                "อืม....ซองมินนอนเถอะ ถึงแล้วเดี๋ยวพี่ปลุก นายดูเหมือนไม่ค่อยสบายอีกแล้วนะ...เป็นอะไรรึเปล่า"

     

                "เปล่า...แค่ปวดหัวนิดหน่อย"

     

    .........................................................

     

                ทงเฮก้าวลงจากรถเมล์พลางกวาดสายตามองไปยังต้นไม้สีเขียวครึ้มรอบกายด้วยรอยยิ้มเล็กๆบนมุมปาก...ธรรมชาติทำให้เขารู้สึกดีเสมอ โดยเฉพาะกลิ่นของอากาศบริสุทธิ์ที่ไม่ได้เจือไปด้วบฝุ่นควัน หากแต่แล้วบางอย่างก็ทำให้รอยยิ้มของเขาหุบฉับลงมาทันทีเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นเข้า...ป้ายหินเย็นชืดที่ตั้งเรียงรายเป็นทิวแถวเต็มทุ่งหญ้าสีเขียวสบายตา...สุสานมากมายที่ไม่ว่ากี่ครั้งที่เห็นก็ทำให้เขารู้สึกหดหู่หัวใจจนอยากร้องไห้เสียทุกที มันถึงทำให้เขามาที่นี่ไม่บ่อยนัก แต่วันนี้เขากลับรู้สึกอยากมาที่นี่เอาเสียดื้อๆจนต้องยอมโดดงานที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตเพื่อจับรถเมล์ขาออกเที่ยวสุดท้ายมาที่นี่

     

                ทงเฮก้าวเดินไปตามฟุตบาทแคบๆตรงไปยังตัวโบสถ์เล็กๆที่เห็นอยู่ไมไกลแล้วจึงเดินเลยไปยังด้านหลังอันเป็นที่ของป้ายหินเหล่านั้น เขาเดินผ่านพวกมันไป...ก้าวเร็วๆโดยไม่สนใจป้ายหลุมศพอันเศร้าสร้อยเหล่านั้นไปหยุดยังป้ายที่อยู่เกือบจะท้ายสุดของแถว...เป็นป้ายหลุมศพเล็กๆที่ขาดการดูแล...และดูเศร้าสร้อยยิ่งกว่าอันไหนๆ

     

                ทงเฮทรุดตัวนั่งลงบนปลายเท้าของตนพร้อมด้วรอยยิ้มบางๆบนเรียวปาก มือบางไล่ดึงวัชพืชมากมายที่ขึ้นมาให้รกตาก่อนจะวางดอกกุหลาบสีขาวสะอาดสองดอกลง...มอบมันให้คนที่นอนอยู่เบื้องใต้ด้วยรอยยิ้มและแววตาที่แสนอ่อนโยน

     

                "พ่อครับ...ผมมาเยี่ยมพ่อแล้วนะ" เสียงอันแผ่วเบาถูกเอ่ยออกมาจากริมฝีปากบางที่กำลังคลี่ยิ้ม ทงเฮลากปลายนิ้วไปตามตัวอักษรที่แกะสลักอยู่บนแผ่นหินราวกับอยากจะสัมผัสชายเจ้าของชื่อที่นอนแน่นิ่งอยู่เบื้องล่าง

     

                "ขอโทษด้วยที่ผมไม่ได้มาหาพ่อบ่อยๆ ผมต้องทำงานเยอะมาก ไม่มีเวลาเลย อีกอย่าง...ที่นี่ชอบทำให้ผมรู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้อยู่เรื่อย พ่อก็รู้นี่ใช่มั้ยล่ะ...น่าตลกดีนะ" ร่างบางหัวเราะออกมาเบาๆพลางใช้หลังมือปาดดวงตาที่กำลังแดงก่ำของตน...แต่ยังไม่มีน้ำตา...ยังก่อนลีทงเฮ...ไม่ใช่ตอนนี้

     

                "แถมผมยังต้องมานั่งพูดอยู่คนเดียวเหมือนคนบ้า ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมต้องทำแบบนี้ด้วย พูดบ้าๆบอๆอยู่คนเดียวเหมือนพ่อจะรู้อย่างนั้นล่ะว่าผมพูดอะไรบ้าง...น่าตลกสิ้นดีเลยว่ามั้ยครับ" นัยน์ตาสีฟ้าเหลือบมองขึ้นไปยังท้องฟ้าด้านบนที่เริ่มออกสีส้มๆของยามเย็นพร้อมกับมอบรอยยิ้มไปให้...รอยยิ้มที่ดูแหยเต็มทนเพราะน้ำตาที่เอ่อคลออยู่เต็มดวงตา

     

                "ผมรู้ว่าผมคงทำให้พ่อภูมิใจไม่ได้มากเท่าไร...และครั้งนี้ก็เหมือนกัน พ่อคงผิดหวังในตัวผมมากๆสินะครับ...คงต้องเกลียดผมมากแน่ๆที่คิดจะทำอะไรแบบนั้น แต่พ่อครับ...รู้อะไรมั้ย...ผมก็เกลียดตัวเองเหมือนกันที่ทำอะไรให้มันดีกว่านี้ไม่ได้" ทงเฮยังคงยิ้ม...และถ้าหากผู้เป็นเจ้าของชื่อบนป้ายหลุมศพมองเห็น เขาก็จะเห็นว่ารอยยิ้มของลูกชายของตนนั้นเศร้าเพียงใด...แต่ป้ายหลุมศพก็ทำได้เพียงมอบความเย็นชาอันไร้ชีวิตสะท้อนกลับไปให้คนมองได้รู้สึก

     

                "ทุกอย่างใกล้เสร็จแล้ว ผมกำลังรักษาสัญญาที่ผมให้ไว้...แค่อีกนิดเดียว เห็นมั้ยล่ะ...คนที่พ่อบอกว่าไม่เอาไหนแบบผมก็รักษาสัญญาได้เหมือนกันนะ" ทงเฮหัวเราะออกมาแห้งๆพลางปัดผมให้ออกพ้นจากดวงตา....และทุกการกระทำของเขาก็ยังคงมีซึ่งรอยยิ้มอยู่บนเรียวปาก...ถึงแม้มันจะเป็นรอยยิ้มแสนเศร้าที่ทำให้ทุกอย่างดูหม่นหมองลงก็ตามที

     

                "แต่พ่อจะเกลียดจะโกรธผมยังไงผมก็ไม่ว่าพ่อหรอกนะ พ่อมีสิทธิ์ที่จะคิดแบบนั้น จะมองว่าผมเป็นพวกไร้ค่าไร้สมองยังไงก็ได้...ผมไม่โกรธพ่อหรอกนะครับ เพราะผมรักพ่อมากๆ..." นัยน์ตาสีฟ้าทอแววอ่อนโยนยามเอ่ยกล่าวถ้อยคำนั้น หากแต่มันก็แฝงไปดวยความเศร้าสร้อย...ดูปวดหัวใจยิ่งกว่าเคย

     

                "ผมแค่อยากให้พ่อรู้เอาไว้ว่าทุกๆสิ่งที่ผมทำ....ทุกๆอย่างที่ผมเลือกที่จะเป็น....ก็เพื่อทุกๆอย่างที่พ่อรัก....ทุกๆอย่างที่พ่อแคร์นะครับ มันไม่เป็นไรถ้ามันไม่มีผมอยู่ในทุกๆอย่างนั่น...ผมเข้าใจและผมก็รู้ว่าไม่มีทางที่ผมจะเข้าไปอยู่ในทุกๆอย่างนั่นได้ แต่ผมก็หวังว่า...ทุกๆอย่างที่ผมทำมา มันคงมีค่ามากพอให้พ่อเห็นว่าผมรักพ่อมากแค่ไหน ทำให้พ่อเกลียดผมน้อยซักนิดลงก็ยังดี...เห็นแก่ตัวดีจังนะครับว่ามั้ย"

                ทงเฮหัวเราะอีกครั้งพลางยืดตัวขึ้นยืนเต็มความสูง สายลมที่โบกพัดมาทำให้ผมสีน้ำตาลยาวคลอเคลียบ่ายุ่งเหยิง อุณหภูมิที่ลดต่ำตามท้องฟ้าที่เริ่มมืดลงก็ทำให้ผิวขาวแลดูซีดมากกว่าเคย...หากแต่เรียวปากแดงยังคงมีรอยยิ้ม

     

                "ผมว่าพ่อคงเข้าใจนะครับ ตอนนี้คงต้องไปแล้ว รถเมล์ขากลับเที่ยวสุดท้ายกำลังจะมาแล้ว...วันหลังจะมาเยี่ยมใหม่นะครับ" ทงเฮโค้งตัวลงเล็กน้อย ยืนเฝ้ามองแผ่นหินไร้ชีวิตนั่นอยู่อีกชั่วครู่แล้วจึงหมุนตัวเดินกลับออกมา

     

     

     

     

                "จะกลับรึยังซองมิน...อากาศเริ่มเย็นแล้วนะ"

     

                "ขออีกนิดเดียวนะ"

                คนตัวเล็กที่นั่งเฝ้ามองแผ่นหินไร้ชีวิตมากว่าชั่วโมงตอบกลับมาเบาๆโดยไม่แม้แต่จะหันมาสนใจพี่ชายที่ยืนเฝ้าอยู่ใกล้ๆ มันทำให้คิบอมต้องถอนหายใจให้กับความดื้อดึงนั้นก่อนจะถอดเสื้อสูทตัวใหญ่ของตนไปคลุมให้คนที่นั่งอยู่ ทั้งที่เจ้าตัวก็มีเสื้อหนาวตัวหนาสวมไว้แล้วก็ตาม...ถึงแม้มันจะยังไม่เข้าหน้าหนาว แต่สุขภาพของซองมินก็บอบบางเกินไปสำหรับอากาศเย็นๆแบบนี้

     

                "ให้อีกห้านาทีนะ เดี๋ยวนายจะไม่สบายไปซะก่อน"

     

                "อืม"

                คิบอมถอนหายใจอีกครั้งพลางล้วงมือทั้งสองข้างใส่กระเป๋ากางเกงเพื่อไม่ให้สายลมที่พัดมาบาดผิวของเขามากจนเกินไป...ยอมยืนรอคอยต่อไปอย่างใจเย็น เขาไม่ชอบที่นี่เขายอมรับ...สถานที่อันสงบและงดงาม หากแต่ให้ความรู้สึกแสนหดหู่และเศร้าหมอง...ป้ายหินพวกนี้ทำให้เขารู้สึกเศร้า...ทำให้ต้นไม้ดูเป็นสีหม่นมากกว่าที่ไหน

     

                ดวงตาคมกวาดมองรอบกายไปอย่างเรื่อยเปื่อย ก่อนจู่ๆลมหายใจก็แทบหยุดชะงักลงเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นใครบางคนที่กำลังก้าวเดินเข้ามาในพื้นที่

     

                "ลีทงเฮ"

                เสียงทุ้มหลุดลอดออกมาจากเรียวปากอย่างแผ่วเบา...ฟังดูเหมือนจะเพ้อออกมาเสียมากกว่า คิบอมจ้องมองเจ้าของชื่อไม่วางตา...เฝ้ามองยามร่างบางนั่งลงพูดคุยกับป้ายหลุมศพ...ยามร่างบางเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าและเปล่งเสียงหัวเราะ...โครงหน้าสวยหวานอย่างที่เขาจำได้ หากแต่บนริมฝีปากสีสดนั่นกลับเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มที่เศร้าจับขั้วหัวใจ...รอยยิ้มที่อาจทำให้ใครบางคนร้องไห้ได้แม้เพียงแค่มอง...นานนับนาทีที่คิบอมเหม่อมองจนร่างบางทำท่าจะหมุนตัวกลับ

     

                "นั่นทงเฮรึเปล่าน่ะ"

                คนที่ได้เวลาไปห้านาทีเอ่ยถามขึ้นพลางจ้องมองเจ้าของชื่อที่กำลังก้าวเดินกลับไปตามทางเดินโรยกรวดเล็กๆตรงไปยังถนนใหญ่ ซองมินเหลือบมองพี่ชายของตนที่ดูเหมือนจะโดนมนต์สะกดของเทพธิดาที่มีชื่อว่าทงเฮร่ายให้ตกอยู่ในภวังค์ด้วยสายตาตะขิดตะขวงใจก่อนจะต้องถอนหายใจออกมาเบาๆ

     

                "ไม่คิดจะเข้าไปทักหน่อยรึไง เขาดูเศร้ามากเลยนะ"

     

                "ไม่ล่ะ..." คิบอมนิ่งคิดไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยตอบออกมา เขาเฝ้ามองร่างบางเดินหายไปจนลับตาก่อนจะหันมาพาน้องชายของตนกลับออกไปบ้าง

     

                "เดี๋ยวเราก็เจอกันแล้ว"

     

              บัลเลเลเล....บัลเลเลเล

     

                โทรศัพท์มือถือที่ร้องดังขึ้นทำให้คิบอมต้องหยุดการก้าวเดินเพื่อหยิบมันออกมาดูจากกระเป๋ากางเกง และเบอร์ที่ปรากฏหลาอยู่บนหน้าจอก็ทำให้เขาถึงกับต้องนิ่วหน้า...อีทึก...ไม่บ่อยนักหรอกที่อีทึกจะโทรมาตามเขานอกเวลางานแบบนี้

     

                "นายนั่งรอตรงนี้นะซองมิน" เขาหันมาสั่งน้องชายเร็วๆแล้วจึงก้าวเดินห่างออกไปเพื่อรับโทรศัพท์ ซองมินทรุดตัวนั่งลงบนม้านั่งใกล้ๆตามที่ถูกสั่งอย่างว่าง่าย...ถึงคราวเป็นฝ่ายที่ต้องใจเย็นนั่งรอบ้าง

     

                ท้องฟ้าที่เริ่มมืดมาพร้อมกับอากาศที่ลดอุณหภูมิต่ำลงจนทำให้คนตัวเล็กต้องกระชับทั้งเสื้อหนาวของตัวเองทั้งเสื้อสูทของพี่ชายเข้าหาตัวแน่นขึ้น เสียงตะโกนแบบไม่เกรงใจสถานที่ของพี่ชายที่ดังแว่วเข้าหูมาเป็นพักๆทำให้เขาอดรู้สึกสงสารอีทึกเลขาตาสวยของพี่ชายไม่ได้

     

                ซองมินเคยเจอลีทึกที่บ้านครั้งนึง...มาดูแลเขาที่กำลังไม่สบายตามคำสั่งของพี่ชายที่ให้ไว้ก่อนบินไปทำงานที่อเมริกา และมันก็ทำให้เขาไม่เข้าใจจริงๆว่าน่ารักถึงขนาดนั้น ใจดีถึงขนาดนั้น ทำไมถึงต้องมาทำงานเป็นเลขาแบบนี้ด้วย...ไปเป็นพี่เลี้ยงเด็กคงจะรุ่งกว่าโดนพี่ชายของเขาด่าวันเว้นวันแบบนี้แน่ๆ...แต่ก็นั่นล่ะ...ถ้าเลือกจะมาทำงานกับคิมคิบอมผู้เอาแต่ใจเป็นที่หนึ่งก็แบบนี้แล้วล่ะก็...คงทำอะไรไปไม่ได้มากกว่าทำใจและปรับตัว

     

                "ซองมิน...พี่ต้องไปพูซานเดี๋ยวนี้เลย"

                คิบอมเดินมาแจ้งข่าวร้ายด้วยใบหน้าที่ออกจะบึ้งตึง และถึงแม้จะพอรู้ได้คร่าวๆจากบทสนทนาที่แว่วมากับสายลมแล้ว แต่ซองมินก็ยังอดที่จะแปลกใจไม่ได้อยู่ดี

     

                "ทำไม...มีอะไรงั้นหรอ"

     

                "ปัญหานิดหน่อยน่ะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก...ซองมินกลับกับคยูฮยอนได้มั้ย"

                ชื่อของคยูฮยอนทำให้ซองมินเลิกคิ้วขึ้นมาได้เล็กน้อยอย่างแปลกใจ...แล้วไอ้หนุ่มจีนฮันคยองไปไหนเสียงแล้วล่ะ

     

                "ทำไมไม่ให้ฮันคยองมารับผมล่ะ"

     

                "ฮันคยองเพิ่งกลับมาจากอินชอน จะถึงโซลก็คงอีกซักสามชั่วโมง พี่ไม่ปล่อยให้นายนั่งคอยนานขนาดนั้นหรอกนะ พอดีไอ้คยูฮยอนมันมาดูงานอยู่แถวนี้พอดี พี่ก็เลยอยากให้นายกลับกับมัน"

            คำอธิบายพร้อมเหตุผลทุกข้อสงสัยทำให้ซองมินถึงกับทำหน้ายู่อย่างไม่ชอบใจ...ก็ไม่ใช่ไม่พอใจอะไรหรอก หากแต่เขาก็ไม่ได้สนิทกับคยูฮยอนเพื่อนของพี่ชายที่เขารู้จักผ่านหน้าหนังสือพิมพ์เพียงแค่ว่าเป็นสถาปนิกหนุ่มอนาคตไกลมากขนาดที่จะให้พากลับไปส่งบ้านแบบนี้นี่นา...มันต้องนั่งอยู่ในรถตั้งเกือบสองชั่วโมงเชียวนะ! แต่ชายหนุ่มก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆพร้อมกับพยักหน้าเข้าใจอย่างจำใจ

     

                "ก็ได้...คอยคยูฮยอนมาแค่แป๊บเดียวใช่มั้ย"

     

                "นี่...อย่าเพิ่งงอนสิซองมิน พี่จะอยู่เป็นเพื่อนจนกว่าคยูฮยอนจะมาตกลงมั้ย"

                คิบอมงอตัวพร้อมกับวางมือทั้งสองข้างลงบนหัวเข่าเพื่อจะได้สบตากับคนที่นั่งทำหน้ามุ่ยอยู่บนเก้าอี้ รอยยิ้มอ่อนโยนถูกคลี่ขึ้นมาบนเรียวปากเล็กน้อยอย่างเอาใจ...แต่ถึงแม้มันจะเพียงเล็กน้อย มันก็ทำให้หน้าหล่อเหลาดูอ่อนโยนได้อย่างไม่น่าเชื่อ

     

                "ตกลงมั้ยซองมิน"

                มือใหญ่ยกขึ้นไปใช้ข้อนิ้วไล้สัมผัสแก้มขาวๆนั้นอย่างแผ่วเบาเหมือนจะงอนง้อ ซองมินแค่นเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าพี่ชายจะงัดไม้นี้ออกมาใช้....ไม่น่าล่ะ ทั้งหญิงทั้งชายถึงได้ยอมคิมคิบอมกันหมด!

     

                "เออ...ตามใจพี่แล้วกัน!"

     

    ................................................



    เศร้านิดนึงเนอะสำหรับตอนนี้ ยาวมากด้วย
    ตอนแรกกะจะอัพให้ทันวันเกิดท่านชายชเวซักหน่อย...แต่ดันพิมพ์ไม่ทัน- -* มาเส็ดเอาเมื่อคืน....แย่จริงๆ มีแต่คนอยากรู้เนอะว่านู๋หมวยจะเอาเงินไปทำไรเยอะแยะ...รออ่านต่อไปสิคะ^^(ออกแนวกวนนะเนี่ย) นู๋มินโผล่ออกมาแล้วในตอนนี้...อืม...จะมีบทบาทยังไงก็ลองตามดูต่อไปล่ะกันเนอะ


    ใกล้สงกรานแล้ว มีใครไปไหนป่าวเอ่ย เราอยู่บ้านแหละ-
    -...


    ปล.จูบคุณzelonหนึ่งทีที่อวยพรให้ ขอบคุณมากคร่า^^ เอ็นท์ปีหน้านี้แหละจ้า



    รักคนอ่านคนเม้นต์มากค่า!!!



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×