ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC SJ:KIHAE] :: Just You พรหมลิขิตหัวใจบอกฉันให้รักเธอ

    ลำดับตอนที่ #46 : Flashback :: Part4...So I

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.29K
      16
      31 ม.ค. 52

                "ฉันภูมิใจในตัวแกจริงๆเลยทงเฮ ที่หนึ่งคณะวิศวะม.K...ให้ตายสิ...เก่งจริงๆเลยน้าลูกชายฉัน"

                คุณลีหัวเราะเสียยกใหญ่อย่างภาคภูมิใจพลางตบไหล่ลูกชายคนเล็กของตนหนักๆหลายที ทงเฮยิ้มกว้าง...ต่างจากดงแฮที่มีใบหน้านิ่งสนิทและยืนเยื้องห่างออกมาจากสองพ่อลูกคู่นั้น ดวงตาสีฟ้าเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง...ไม่อยากจะให้ตัวเองจมน้ำตาเพียงเพราะอะไรไร้สาระแบบนี้ แต่ดูเหมือนน้องชายฝาแฝดของเขาจะสัมผัสถึงความจริงข้อนี้ได้...ได้ยินเสียงที่สะท้อนอยู่ในหัวใจของพี่ชายอย่างชัดเจน ทงเฮเดินมาหาพี่ชายของตนพร้อมกับสอดมือเข้ามาควงแขนอย่างเคยชิน

     

                "พี่ดงแฮก็เก่งเหมือนกันนะครับพ่อ สอบเข้าวิทยาลัยศิลป์Mได้เชียวน้า ที่นี่ดังสุดๆเลยนะครับ"

     

                "ก็แค่วิทยาลัยศิลป์ ฉันบอกให้แกเลือกอย่างอื่นก็ไม่ฟัง สุดท้ายฉันก็ต้องมาเสียเงินให้แกเรียนอะไรไร้สาระดงแฮ"

                ดงแฮเบือนหน้ากลับมาจ้องตาบิดาของตนที่ดูเหมือนจะมีอคติกับทุกอย่างที่เป็นเสมออย่างเย็นชา มือเล็กข้างหนึ่งกำเอกสารสำคัญบางอย่างแน่นจนมันปรากฏรอยยับย่น ลำคอระหงยืดเชิดขึ้นด้วงท่าทางหยิ่งยโส...ปิดบังน้ำตาไว้อย่างมิดชิดภายใต้แววตาอันแข็งกร้าว...คงจะมีก็เพียงแต่น้องชายของเขาเท่านั้นที่เห็นมันเอ่อล้นออกมา

     

                "พ่อไม่ต้องกลัวว่าจะเสียเงินให้ผมเรียนหรอก ผมรู้ว่ายังไงพ่อก็ไม่ยอม...พ่อไม่ต้องห่วง ผมไม่ทำให้พ่อเดือดร้อนอยู่แล้ว...เอาเงินไปให้ที่หนึ่งวิศวะม.Kของพ่อเถอะ!..ไม่ต้องมายุ่งวุ่นวายกับผมแล้ว!!" เอกสารไม่กี่แผ่นที่ถือติดมือมาถูกเขวี้ยงลงบนโต๊ะทำงานตัวใหญ่ของบิดาอย่างก้าวร้าวก่อนเจ้าตัวจะดึงแขนออกมาจากการเกาะกุมและหมุนตัวเดินปึงปังออกจากห้องไป

     

                "พี่ดงแฮ!...เดี๋ยวสิครับ!!"

                ทงเฮร้องเรียกพี่ชายของตนก่อนจะไม่ลังเลที่จะวิ่งตามออกไป คุณลีหยิบเอกสารที่ถูกโยนทิ้งไว้บนโต๊ะขึ้นมาอ่านด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง แต่ข้อความที่ปรากฏอยู่ด้านในก็ทำให้อารมณ์ของเขาเย็นลงมาอย่างน่าประหลาด....ข้อความที่บอกว่าลีดงแฮลูกชายคนโตของเขานั้น...

     

                เป็นหนึ่งในสามคนที่ได้รับทุนเรียนฟรีจนจบปริญญาตรีของวิทยาลัยศิลป์M

     

     

     

     

     

     

                "พี่ดงแฮ!!...เดี๋ยวสิครับ พี่คอยผมด้วยสิ!!"

     

                "นายจะตามฉันมาทำซากอะไร!...ไสหัวไปซะ!!" ดงแฮตวาดออกมาอย่างกราดเกรี้ยวด้วยดวงตาแดงก่ำ แต่น้องชายจอมดื้อดึงของเขาก็ไม่แม้แต่จะหยุดรับฟัง ทงเฮรีบวิ่งเข้ามาประชิดก่อนจะคว้าเอวของพี่ชายมากอดเอาไว้จากด้านหลังอย่างรวดเร็วจนคนเป็นพี่ได้แต่ยืนตัวแข็งทื่ออย่างตื่นตะลึง

     

                "ผมรักพี่ดงแฮนะ ผมรักพี่นะ...รักมากๆเลยนะ...อย่าเดินหนีผมเลยนะ"

     

                "ปล่อย...ฉัน"

                ดงแฮรู้ดีว่าตัวเองกำลังจะร้องไห้เพราะความโกรธเคืองที่สุมอยู่เต็มหัวใจ เขาจึงรีบออกแรงดิ้นรนด้วยเสียงที่เริ่มขาดห้วงอันเนื่องมาจากลำคอที่แตกร้าว แต่น้องชายของเขาก็กอดร่างของเขาเอาไว้แน่นพร้อมกับฝั่งใบหน้าเข้ากับแผ่นหลังบาง

     

                "ผมไม่ได้ตั้งใจจะให้มันเป็นแบบนี้ ผมไม่เคยอยากให้มันเป็นแบบนี้ ผมขอโทษนะครับ...อย่าโกรธผมเลยนะ มันจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้วนะครับพี่ดงแฮ...อย่าร้องไห้นะครับ"

     

                "ฉันบอกให้นายปล่อย...ลีทงเฮ"

     

              "ถ้าอยู่บ้านนี้แล้วมันทำให้พี่ต้องร้องไห้ เราย้ายออกเข้าไปอยู่ในโซลกันก็ได้นะครับ ถ้าพี่ไม่ชอบที่นี่...ถ้าที่นี่ทำให้พี่ต้องเศร้า พี่จะย้ายออกไปอยู่ที่อื่นก็ได้ แต่เอาผมไปด้วยนะครับ...อย่าทิ้งผมไว้คนเดียวอีกเลยนะ แค่13ปีที่ไม่มีพี่...มันก็มากพอสำหรับผมแล้ว"

     

    .............................................

     

                "ว้าววว~ว...สวยจังเลย ห้องของเราสวยมากๆเลยครับพี่"

                ทงเฮร้องออกมาอย่างตื่นเต้นพร้อมกับวิ่งวนไปรอบๆอพาร์ทเม้นต์สองห้องนอนเล็กๆของพวกเขาเหมือนเด็กชายตัวเล็กจนดงแฮที่หิ้วอุปกรณ์วาดรูปของตัวเองมาพะรุงพะรังต้องนิ่วหน้าอย่างไม่ชอบใจให้กับเสียงอึกทึกที่เกิดขึ้น....ซึ่งก็เป็นอีกครั้งที่ดูเหมือนว่าพ่อน้องชายตัวดีของเขาจะสัมผัสได้ ทงเฮทำหน้าหงอลงมาทันทีเมื่อหันไปสบตากับพี่ชาย

     

                "ขอโทษครับพี่"

     

                "ถ้านายทำตัววุ่นวายอีกล่ะก็ เตรียมตัวเก็บของกลับมกโพไม่ก็ย้ายออกไปหาที่อื่นอยู่ได้เลย"

     

                "ครับพี่"

     

                "เออ!...ทำให้ได้อย่างที่พูดละกัน...ด้านนี้ของฉัน ด้านนี้ของนาย...โอเค้?...ถ้านายล้ำเส้น อย่าหาว่าฉันไม่เตือนก็แล้วกัน"

                ดงแฮใช้กระดานวาดรูปในมือโบกไปมาในอากาศคล้ายกำลังแบ่งครึ่งห้องนั่งเล่น...แบ่งอาณาเขตความเป็นส่วนตัวกันอย่างเรียบร้อยแล้วจึงหมุนตัวเดินเข้าไปในห้องนอนที่อยู่ใกล้ที่สุดอย่างไม่คิดจะแยแสอะไรอีก

     

                ทงเฮมองห้องนั่งเล่นรวมที่ถูกแบ่งครึ่งเอาไว้อย่างไม่ค่อยเป็นธรรมเท่าไรนักอย่างไม่เข้าใจอยู่ชั่วครู่ก่อนเด็กหนุ่มจะยักไหล่และวิ่งดุ๊กๆเข้าไปหาพี่ชายในห้องอย่างไม่คิดกลัวคำขู่ใดๆอีก

     

                "พรุ่งนี้เปิดเทอมวันแรก...พี่ดงแฮไปรับผมนะ!!"

     

    .............................................

     

                "นายนี่มันเยี่ยมเลยนะทงเฮ อาจารย์หลงนายกันเป็นแถวๆเลย"

     

                "ของมันแน่ น่ารักอย่างฉันใครๆก็รักอยู่แล้ว" ทงเฮพูดโอ่ๆอย่างน่าหมั่นไส้จนทำให้เพื่อนคนแรกของเขา ในชีวิตมหา'ลัยที่บังคับให้เขาเรียกว่าเยซองอดไม่ได้ที่จะผลักหัวคนที่ว่าน่ารักนักหนาเสียจนหน้าคว่ำ

     

                "เออ!...พ่อคนน่ารัก พ่อคนหัวดีมีแต่คนรัก" เยซองพูประชดพลางมองเพื่อนใหม่ของตนด้วยสายตาจิกกัดอย่างไม่ปิดบัง ซึ่งคนร่าเริงอย่างทงเฮก็หัวเราะคิกคักออกมาอย่างไม่คิดอะไรมาก

     

                "เดี๋ยวนายเจอพี่ชายฉันนายจะอึ้ง พี่ดงแฮน่ารักกว่าฉันอีกจะบอกให้...อ๊ะ!...นั่นไง!...พี่ดงแฮทางนี้ครับ!!"

                คนตัวเล็กโบกมือเรียกหย็อยๆพลางวิ่งเข้าไปหาชายหนุ่มร่างบางคนหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงหน้ารั้วมหา'ลัย ซึ่งชายหนุ่มคนนั้นก็ทำให้เยซองอึ้งไปได้อย่างไม่ยากเย็น...ไม่ใช่เพราะว่าเป็นฝาแฝด หากแต่เป็นความเซอร์โคตรๆของไอ้หนุ่มคนนั้นต่างหาก ผมสีทองยาวคลอเคลียบ่าที่ถูกจัดให้เป็นทรงยุ่งๆช่างดูเข้ากับใบหน้าเรียบสนิท และกระดานวาดรูปที่หนีบอยู่ใต้แขนข้างหนึ่งก็บ่งบอกได้อย่างดีว่าชายหนุ่มคนนี้เรียนคณะอะไร...นี่ไม่นับกางเกงยีนส์สีซีดสุดเซอร์ที่เกาะอยู่บนสะโพกเล็กๆนั่นอีกนะ...ให้ตายสิ!...อะไรมันจะต่างกันได้ขนาดนี้วะ!!

     

                "นี่พี่ฉันนะเยซอง ชื่อดงแฮ เราเป็นฝาแฝดกันน่ะ"

                เยซองสะดุ้งขึ้นมาเบาๆเมื่อเพื่อนของเขาลากพี่ชายสุดเซอร์มายืนตรงหน้าเขาตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ ชายหนุ่มหน้ากลมโค้งตัวลงเล็กน้อยเป็นการทักทาย

     

                "ว่าไง...เรียกฉันเยซองก็แล้วกันนะ นายน่ะเรียน..."

     

                ป้าบ!!

     

                "โอ๊ย!!...ทำอะไรของแกวะทงเฮ!" เยซองหันไปโวยเพื่อนที่อยู่ดีๆก็ตีป้าบลงมาเอากลางหัวพลางลูบหัวตัวเองป้อยๆอย่างเจ็บปวด ทงเฮทำหน้าบึ้งใส่คนเจ็บตัวพลางสอดแขนเข้าไปควงกับพี่ชายอย่างเคยชิน

     

                "พูดงี้กับพี่ฉันได้ไง เรียกเขาว่าพี่สิ...ไม่มีสัมมาคารวะเลยนายนี่"

     

                "อ่าว....ดงแฮก็อายุเท่านาย ฉันก็อายุเท่านาย ทำไมฉันต้องเรียกเขาว่าพี่ด้วยล่ะ!"

     

                ป้าบ!!

     

                "เถียงรึไง!...พี่ฉันก็ต้องพี่เพื่อนฉันด้วย เรียกพี่ดงแฮว่าพี่เดี๋ยวนี้เลยนะ"

     

                "เออๆ...เรื่องมากจริงแกนี่" เยซองบ่นพึมพำก่อนจะโค้งศีรษะลงอีกครั้งด้วยท่าทางที่ทำให้ดูนอบน้อมขึ้น

     

                "สวัสดีครับพี่ดงแฮ ผมเป็นเพื่อนทงเฮชื่อเยซอง ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ"

     

                "ก็แค่เนี่ย"

     

                "จะกลับกันได้รึยัง" เสียงเรียบของคนที่นิ่งเงียบมาตลอดการสนทนาเอ่ยขึ้น นัยน์ตาสีฟ้าเบือนออกไปมองต้นไม้ที่ยืนต้นอยู่ริมรั้วห่างออกไปราวกับกำลังมองให้มันกลายเป็นภาพวาดกระนั้น

     

                "โธ่...อยู่คุยกับเยซองอีกแป๊บนึงนะพี่ดงแฮ"

     

                "จะอยู่ก็อยู่ไปคนเดียว ฉันจะกลับ"

                ดงแฮดึงแขนออกมาจากการเกาะกุมก่อนจะหมุนตัวเดินจากไปท่ามกลางสายตาไม่อยากจะเชื่อของเยซอง แต่ทว่าคนเป็นน้องดูท่าว่าจะชินเสียแล้ว ทงเฮถอนหายใจออกมาเบาๆพลางส่ายหน้า

     

                "งอนอีกแล้ว" เด็กหนุ่มพึมพำกับตัวเองเบาๆก่อนจะรีบหันมาบอกลาเพื่อนและวิ่งตามไปจับมือพี่ชายเอาไว้อย่างรวดเร็ว

     

              "รอด้วยสิครับพี่!...อย่าน้อยใจสิ พี่ดงแฮน่ะสำคัญที่หนึ่งสำหรับผมอยู่แล้วล่ะนา"

     

    ...................................................

     

                "พี่ดงแฮเลือดไหลเต็มเลย...ฮือ!...เจ็บมั้ยครับพี่"

     

                "นายจะร้องไห้ทำไมทงเฮ...โอ๊ย!...เบาๆหน่อยสิวะชางมิน!"

                หันไปเอ็ดน้องชายที่ร้องไห้จ้าออกมาเอาดื้อๆเพราะเขาโดนมีดคัตเตอร์บาดได้ไม่เท่าไร ดงแฮก็ต้องหันไปด่าไอ้เพื่อนตัวดีที่กำลังใส่ยาให้เขาอยู่กับเยซองที่วันนี้ขอติดสอยห้อยตามมาด้วย

     

                "มานี่ฉันทำเอง...ตัวใหญ่ตีนหนักอย่างแกถอยไป!"

                เยซองหันไปโวยใส่เพื่อนใหม่ต่างมหา'ลัยก่อนจะคว้าอุปกรณ์ทำแผลมาจัดการแทน ซึ่งดงแฮก็ต้องยอมรับว่าไอ้หนุ่มหน้ากลมเพื่อนของน้องชายคนนี้มือเบาจริงๆ

     

                "ก็...ฮึก...พี่ดงแฮเจ็บนี่...ฮึก...เลือดอาบเลยอ่า...ฮือ!"

     

                "แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนายล่ะ!...เงียบเดี๋ยวนี้เลยนะ!"

     

                "พูดกับน้องดีๆสิวะ"

     

                "ยุ่งอะไรกับแกด้วยวะชางมิน!"

     

                "เออ...กูไม่ยุ่งกับมึงแล้วก็ได้" คนหวังดีพึมพำออกมาเบาๆเหมือนจะน้อยใจก่อนจะเดินไปจัดการทำงานของตัวเองต่อตามเดิม ดงแฮสบถพึมพำ...ยิ่งหัวเสียหนักเข้าไปอีก

     

                "เฮ้ย!....ฉันบอกให้เงียบไง หยุดร้องไห้ได้แล้ว"

                ยิ่งพูดก็เหมือนยิ่งยุ เพราะทงเฮยิ่งร้องไห้ออกมาหนักกว่าเก่าเสียอีก เด็กหนุ่มพยายามจะใช้หลังมือเช็ดน้ำตาเพื่อทำตามที่พี่ชายสั่ง แต่ทว่ามันก็ดูเหมือนจะไร้ผล...ซึ่งนั่นก็ยิ่งทำให้ดงแฮกระวนกระวาย เพราะสายตาหลายคู่ที่เริ่มมองลอดเข้ามาในห้องศิลปะสามห้องนี้ตามเสียงร้องไห้อย่างสงสัย

               

                "ทงเฮพอแล้ว...เงียบได้แล้ว นี่ไงเห็นมั้ย...เฮ้ยพอแล้ว! ไม่ต้องพันบ้าพันบออะไรแล้ว" ดงแฮหันไปโวยเพื่อนของน้องชายพร้อมกับกระชากนิ้วของตนออกมาจากมือของพยาบาลจำเป็นอย่างไม่ใส่ใจว่าจะทำให้ตัวเองเจ็บรึเปล่าเพื่อนำมันไปชูให้คนขี้แงดู ถึงแม้ว่าจะพันแผลยังไม่เรียบร้อยเท่าไร แต่เลือดก็ถูกล้างออกและหยุดไหลเป็นที่เรียบร้อย ไม่ได้น่ากลัวอย่างในตอนแรก

     

                "นี่...นิ้วฉันไม่เป็นอะไรแล้วเห็นมั้ย ไม่มีเลือดแล้ว...จะหยุดร้องไห้ได้รึยัง"

                ดวงตาสีฟ้าชื้นน้ำตาช้อนขึ้นมองใบหน้าของพี่ชายสลับกับปลายนิ้วที่ถูกพันปิดด้วยผ้าพันแผล หลังมือทั้งสองข้างแตะค้างอยู่ที่ข้างแก้มแดงระเรื่อ

     

                "พี่ดงแฮไม่เจ็บแล้วหรอ"

     

                "ฉันบอกว่าฉันเจ็บรึไง"

     

              "แต่ผมเจ็บนี่!"

                ดงแฮชะงักไปนิดกับสิ่งที่น้องชายบอก...หัวใจอุ่นวาบและสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่แสนอ่อนโยน เขาถอนหายใจออกมาเบาๆพลางใช้มือข้างที่ไม่เจ็บลูบผมนุ่มของน้องชายเบาๆ

     

                "ถ้างั้นก็เลิกเจ็บได้แล้ว ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว"

     

                "จริงนะ"

     

                "เออ!...ฉันเคยโกหกนายรึไง"

     

                บัลเลเลเล...บัลเลเลเล

     

                ฝาแฝดหยุดชะงักการโต้เถียงเพื่อให้คนเป็นพี่หยิบโทรศัพท์ที่กำลังส่งเสียงร้องเรียกขึ้นมาดู เบอร์ที่ปรากฏอยู่เป็นสายเรียกเขานั้นทำให้ดงแฮต้องมุ่นหัวคิ้วขณะกดรับและยกมันขึ้นแนบหู

     

                "ครับพี่แทยัง"

     

                "คุณท่านอยากพบคุณหนูทั้งสองคนน่ะครับ อาการท่านกำลังแย่....นี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วนะครับ"

     

    ........................................................

     

                ดงแฮยืนมองเตียงคนไข้ซึ่งมีร่างของบิดานอนทอดยาวอยู่ด้วยสายตาเรียบเฉย ปล่อยให้ผู้เป็นน้องชายเข้าไปทักทายใกล้ๆเพียงคนเดียว แค่ย้ายออกมาเพียงครึ่งปี่ พ่อที่แทบจะไม่เคยเจ็บป่วยของเขากลับล้มป่วยลงเพราะความเครียดอันเกิดจากหนี้สิ้นร้อยกว่าล้านที่เกิดขึ้นและบริษัทที่ใกล้ล้มละลาย หมอบอกว่าพ่อเส้นเลือดในสมองแตก...หรือคงเป็นอะไรคล้ายๆแบบนั้น เพราะดงแฮคนโง่ไม่เข้าใจคำพูดของหมอที่อธิบายอาการของพ่อแม้สักคำ แต่เพียงแค่ร่างกายอันซูบผอมและดวงตาที่แห้งผากก็ทำให้เขารู้ได้ว่า....มันคงอีกไม่นานแล้วที่นาฬิกาทรายของพ่อจะหยุดไหลและหมดลง

     

                ทงเฮหัวเราะคิกคัก...ทำให้คุณลีมีรอยยิ้มขึ้นมาได้โดยไม่ยากเย็นอะไรนัก...เป็นแบบนี้ทุกครั้ง...และทุกครั้งกระบอกตาของเขาก็มักจะร้อนผ่าวเพราะน้ำตาที่เอ่อคลอ

     

                "พี่ดงแฮ...พ่ออยากคุยกับพี่น่ะครับ"

                ดงแฮพยักหน้ารับเนือยๆพลางเดินเข้าไปยืนประชิดอยู่ที่ริมเตียง ทำสีหน้าให้เรียบเฉยทั้งๆที่รู้ตัวเองดีว่าสภาพของพ่อกำลังจะทำให้เขาร้องไห้โฮออกมาอย่างน่าอาย

     

                "ดงแฮ..."

     

                "ครับพ่อ ผมอยู่ตรงนี้ครับ"

     

                "สัญญากับพ่อนะว่าจะดูแลบ้าน ดูแลน้อง...เป็นพี่ชายที่ดี สัญญาได้มั้ย"

     

                "ครับ"

                คุณลีชูนิ้วก้อยขึ้นมา...รอคอยลูกชายคนโตของตนมาเกี่ยวก้อยสัญญาอย่างที่พวกเขาทำกับบ่อยๆเมื่อครั้งที่ดงแฮยังเป็นเด็ก...เมื่อนานมากๆแล้ว ดงแฮฝืนกลืนน้ำลายลงลำคอที่แตกร้าวของตนก่อนจะเอื้อมมือไปเกี่ยวก้อยและบิดมือขึ้นเพื่อใช้นิ้วโป้งแตะกับนิ้วโป้งของบิดา...ทำเช่นเดียวกับเมื่อนานมากๆแล้ว ดงแฮไม่รู้ว่าลำคอที่กำลังแตกร้าวและดวงตาที่พร่ามัวนี่เกิดจากสาเหตุอะไร

     

                เพราะเวลาของพ่อใกล้จะหมดลง

     

                หรือว่า...

     

                เพราะสิ่งสุดท้ายที่พ่อห่วงใย...มันไม่มีเขาอยู่ในความคิดของพ่อแม้แต่น้อย

     

    ...........................................................

     

                และก็เป็นอย่างยองเบว่า...สามวันต่อมาคุณลีก็เสียชีวิตลง และเขาก็พาบริษัทออกแบบของเขาไปสู่จุดจบด้วยเช่นกัน งานศพถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย แต่มันก็มีคนมาร่วมงานมากมายจนฝาแฝดตระกูลลีต้องวิ่งวุ่นไปทั่วแทบทุกวัน...ไม่เหลือเวลาให้เสียใจแม้สักวินาที ซึ่งมันก็ใช้เวลาอยู่กว่าอาทิตย์ที่ทุกอย่างจะกลับมาอยู่ในสภาวะปกติ

     

                ดงแฮเช็ดผมที่เปียกชื้นพลางนั่งลงบนเตียงของตนหลังจากลับมาจากงานศพซึ่งวันนี้ก็เป็นวันสุดท้าย เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ...ไม่ลังเลที่จะล้มตัวนอนลงทันทีที่สามารถทำผมตัวเองให้แห้งได้เป็นสำเร็จ

     

                "พี่ดงแฮครับ..."

                เศษเสี้ยวของใบหน้าของน้องชายที่อยู่ที่รอยแง้มของประตูทำให้ดวงตาที่กำลังปรอยปรือเปิดลืมขึ้นมาอย่างรำคาญใจ

     

                "มีอะไร ฉันจะนอนแล้ว"

     

                "ผม...ขอนอนด้วยได้มั้ยครับ"

                ดงแฮนิ่งไปนิดก่อนจะพลิกตัวนอนหันหลังให้ประตู

     

                "จะเข้าก็รีบมา ฉันง่วงแล้ว"

                ทงเฮรีบสอดตัวเข้ามาในห้องนอนและวิ่งดุ๊กๆมาซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกับพี่ชายอย่างรวดเร็ว เตียงเดี่ยวสามฟุตครึ่งทำให้พวกเขาต้องนอนเบียดชิดกันจนไร้ช่องว่างใดๆขวางกั้น

     

                "พี่ดงแฮครับ"

     

                "...."

     

                "พี่ฝังพ่อไว้ใกล้ๆโซลได้มั้ย"

     

                "อืม...ตามใจนาย"

     

                "พี่ชายครับ..."

     

                "เลิกคุยแล้วนอนซะ....ดึกมากแล้ว"

     

                "กอดผมหน่อยได้มั้ยครับ"

                ไหล่บางของดงแฮเกร็งขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อสิ้นคำของน้องชาย เขากำลังจะอ้าปากปฏิเสธ แต่ทว่าเสียงสะอื้นเบาๆก็ทำให้เขาเปลี่ยนใจและยอมพลิกตัวกลับมานอนหันหน้าชนกับน้องชาย ดงแฮสบถพึมพำออกมาเบาๆพลางกระชับผ้าห่มเข้าหาคนที่กำลังร้องไห้แน่นขึ้น

     

                "ร้องไห้ทำไมอีก"

     

                "พี่ดงแฮ...ฮึก..."

                ทงเฮคว้าเอวบางของพี่ชายเข้ามากอดพร้อมกับซุกใบหน้าเปื้อนน้ำตาเข้ากับแผ่นอกบาง...ร้องไห้จ้าออกมาเหมือนเด็กๆในที่สุด

     

                "แล้วเรา...ฮึก...จะทำยังไงล่ะ...ฮึก...จะเป็นยังไงล่ะ...เราไม่มีใครแล้วนะ"

     

                "ไม่เห็นมีอะไรต้องร้องไห้...เงียบซะ"

                ดงแฮวาดแขนโอบกอดร่างของน้องชายเอาไว้หลวมๆ ปลอบโยนน้องชายด้วยถ้อยคำกึ่งสั่งเดิมๆที่เขามักจะใช้เสมอ

     

                "ผมรู้ว่าพี่ดงแฮก็เสียใจ....ผมได้ยินเสียงหัวใจของพี่ร้องไห้"

     

                "..."

     

                "แต่ไม่เป็นไร...ผมร้องออกมาคนเดียวก็พอแล้ว"

                เด็กหนุ่มผมสีทองเผลอกัดริมฝีปากของตน กระบอกตาร้อนผ่าว ลำคอตีบตัน...แต่ไม่ร้องไห้...ไม่มีทางที่จะร้องไห้ออกมา เขากระชับร่างของน้องชายแน่นขึ้น...กอดคนสำคัญคนเดียวที่เหลืออยู่ในชีวิตของเขาเอาไว้แน่นอย่างปกป้องพลางกดปลายคางลงบนกลุ่มผมนุ่ม

     

              "เราจะไม่เป็นไรทงเฮ ฉันสัญญา..."

     

                "..."

     

              "ฉันจะเป็นคนดูแลนายเอง ฮยองคนนี้จะอยู่กับนาย...จะทำทุกๆอย่างเพื่อนาย...หยุดร้องไห้ได้แล้ว"

     

    .......................................................

     

                พอเรื่องของงานศพจบไป สิ่งที่เข้ามาทำให้ชีวิตของฝาแฝดตระกูลีต้องวุ่นวายอีกก็คือหนี้ที่พุ่งขึ้นไปสูงเกือบพันล้านที่ผู้เป็นบิดาทิ้งเอาไว้ก่อนจะจากไป ดงแฮไม่ใช่คนฉลาดอะไรนักหนาที่จะรู้ว่าพวกเขาควรจะทำอย่างไรดีนอกจากทำงานหาเงินมาใช้คืนจนกว่าจะหมด ต่างจากทงเฮคนฉลาดที่รู้ว่าควรจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร

     

              'เราจำนองบ้านที่มกโพดีกว่านะครับพี่ บ้านที่เชจูก็ด้วย มันน่าจะมากพอที่จะใช้เงินคืนทั้งหมดนะครับ...บางที่อาจจะเหลือเป็นค่าเรียนของผมจนจบเลยก็ได้ เราปล่อยให้ธนาคารยึดไปแล้วรอมันถูกขายทอดตลาด...ถึงตอนนั้น เราค่อยเก็บเงินซื้อมันคืนก็ได้ ทำอย่างนั้นดีกว่ามั้ยครับพี่ดงแฮ'

     

                และเพราะเหตุนั้น...พวกเขาทั้งสองคนจึงต้องมายืนเฝ้าพนักงานจากธนาคารประเมินราคาของบ้านหลังใหญ่ที่ซึ่งสำหรับดงแฮคนพี่...มันเป็นเพียงที่เดียวที่เขารู้จักมาตลอดทั้งชีวิต ลำคอของดงแฮกำลังตีบตันขณะเฝ้ามองพนักงานคนหนึ่งตรวจดูรายละเอียดของบ้าน...สิ่งต่างๆที่เขารู้จักกำลังหายไปทีละสิ่งๆ....สิ่งต่างๆที่เขารักพวกมันมากเหลือเกิน

     

                ทงเฮเหลือบมองพี่ชายของตนที่ยืนนิ่งเงียบอยู่ข้างๆ ถึงแม้ใบหน้าหวานจะเรียบเฉยและดวงตากำลังว่างเปล่า แต่เด็กหนุ่มก็รู้ดีว่าพี่ชายของตนกำลังเสียใจ...เสียใจตลอดเวลาที่ผ่านมา ดวงตาสีฟ้าคู่นั้นฟ้องทุกสิ่งอย่างออกมาจนหมดสิ้นโดยที่เจ้าตัวไม่จำเป็นต้องพูด แต่ถึงไม่ไม่ต้องพูด...ทงเฮก็สัมผัสได้อยู่ดีว่าพี่ชายของตนกำลังรู้สึกอย่างไร

     

                "เราจะเอามันคืนมานะ ผมจะทำงานหนักเพื่อให้ได้มันคืนมานะ"

                ทงเฮพูดปลอบเบาๆพลางโอบกอดเอวบางของพี่ชายเอาไว้จากด้านหลัง คางถูกวางลงบนไหล่แคบพร้อมด้วยรอยยิ้มบางบนเรียวปาก ดงแฮไม่ได้เอ่ยตอบอะไร...เขายังคงนิ่งงันและเย็นชา ทั้งๆที่หัวใจของตัวเองกำลังค่อยๆพังลงมา เพราะสิ่งที่ยึดเหนี่ยวมันเข้าไว้ด้วยกันเริ่มลดปริมาณน้อยลงทุกทีๆ...ใกล้จะแตกสลายเต็มทน

     

                "เราจะพยายามด้วยกันนะครับพี่ดงแฮ พี่ไม่ได้ผิดสัญญากับพ่อหรอกนะ"

     

                "..."

               

                "มันก็แค่ชั่วคราวเท่านั้นเอง พี่ไม่ได้อยู่คนเดียวซักหน่อย พี่ยังมีผมนะ....ผมจะอยู่ข้างๆพี่เสมอนั่นล่ะ ผมรักพี่นะครับพี่ดงแฮ...รักพี่มากๆเลยนะ"

                ร่างบางของดงแฮสั่นไหวจนน้องชายต้องโอบกอดเอาไว้แน่นขึ้น...ลีดงแฮกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาเงียบๆอยู่ในอ้อมแขนของน้องชาย

     

                น้องชายผู้ซึ่งเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวเพียงหนึ่งเดียวที่ทำให้หัวใจของเขาไม่พังทลายลงมาจริงๆ

     

                เป็นสิ่งสำคัญชิ้นสุดท้ายที่มีค่ามากกว่าทุกสิ่งในชีวิตของเขา

     

                เป็นลมหายใจของเขาที่เขาไม่มีวันที่จะยอมสูญเสียไป

     

    ..............................................................

     

                "ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ต้องทำ! เรียนไปอย่างเดียวก็พอ...สั่งแล้วทำไมไม่ฟัง!"

     

                "ก็ผมอยากช่วยพี่นี่ พี่ดงแฮทำงานหนักมากเกินไปแล้ว ตื่นตี่สี่กลับบ้านตีหนึ่งมันมากเกินไปแล้วนะครับ ผมอยู่ปีสองแล้วนะ...ผมดูแลตัวเองได้แล้วนา"

     

                "ไม่ต้องเถียง!...พรุ่งนี้ไปลาออกจากงานพวกนั้นซะ ฉันจะไม่ให้นายทำงานอะไรทั้งนั้นไม่ว่าเงินมันจะดีแค่ไหนก็ตาม ฉันทำคนเดียวก็พอ...เข้าใจมั้ย!"

     

                "แต่พี่ครับ...พี่ดงแฮ!!"

                ทงเฮร้องออกมาดังลั่นเมื่อร่างบอบบางของพี่ชายที่ยืนเถียงกับเขาอยู่ดีๆก็ทำท่าว่าจะล้มวูบไปเอาหัวฟาดพื้น เขารีบวิ่งเข้าไปประคองร่างของพี่ชายและความร้อนที่เขาสัมผัสได้ก็ทำให้เขาอุทานออกมาอย่างตกใจ...ดูท่าว่าคนที่นอนวันละไม่ถึงสามชั่วโมงจะฝืนตัวเองมากเกินไปเสียแล้ว

     

                "พี่ดงแฮป่วยนี่ครับ ตัวร้อนมากเลย"

     

                "ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน"

                ดงแฮดึงตัวออกห่างจากน้องชายพลางพยายามจะยืดตัวขึ้นตรงเหมือนเดิม แต่เขาก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า และคราวนี้เขาก็ได้ล้มหัวฟาดพื้นสมใจ ร่างที่ยิ่งทวีความผอมบางลงมากกว่าเดิมภายในเกือบปีที่ผ่านมาล้มลงไปนอนสิ้นท่าอยู่บนพื้นโดยที่ทงเฮคว้าตัวเอวไว้ไม่ทัน

     

                "พี่ดงแฮ!" ทงเฮรีบถลาเข้าไปดูอาการของพี่ชายอย่างรวดเร็วพลางใช้หลังมือแนบสัมผัสลงบนแก้มเนียนเบาๆเพื่อวัดอุณหภูมิ

     

                "ไปหาหมอกันมั้ยครับ พี่ดงแฮตัวร้อนมากเลยนะ"

     

                "ฉันไม่เป็นอะไร ปล่อยฉันแล้วกลับไปอ่านหนังสือของนายซะ"

                ดงแฮพยายามจะลุกขึ้น แต่เขาก็ทำไม่ได้แม้แต่จะยกศีรษะของตัวเองขึ้นมาจากหน้าตักของน้องชายด้วยซ้ำ คำสั่งอันแสนอ่อนแรงของเขาถูกละเลยอย่างง่ายดาย เพราะคนถูกสั่งไม่แม้แต่จะฟังเสียงของพี่ชาย

     

                ทงเฮค่อยๆประคองร่างของคนป่วยให้ลุกขึ้นก่อนจะพยุงเดินพาไปล้มตัวนอนบนเตียงของเจ้าตัวที่มีกลิ่นสีจางๆ...ดูเหมือนทุกอย่างที่อยู่ในห้องของลีดงแฮจะกรุ่นไปด้วยกลิ่นสีกลิ่นดินสอไปเสียหมด ไม่เว้นแม้แต่ตัวเจ้าของห้องเองที่กลิ่นกายหอมหวานนั้นก็ยังเจือจางไปด้วยกลิ่นสีอ่อนๆมาตั้งแต่สมัยมัธยม ทงเฮวางร่างของพี่ชายลงบนเตียงพร้อมกับห่มผ้าให้

     

                "ถ้าไม่ไปหาหมอก็นอนพักเสียนะครับ งานเดี๋ยวผมทำแทนให้ก็ได้"

     

                "ไม่ต้อง...นายไปอ่านหนังสือ ไม่ต้องไปทำงานอะไรทั้งนั้น"

     

                "ทำไมล่ะครับ ผมอยากดูแลพี่นะ"

     

                "ฉันไม่ต้องการ! ฉันไม่ต้องการให้นายดูแลฉัน!...ฉันดูแลนายได้"

                มือเล็กของพี่ชายพยายามจะไขว่คว้าหาอะไรบางอย่างมารั้งจับเอาไว้ และสิ่งเดียวที่เขาจับได้ก็คือมือนิ่มๆของน้องชาย ทงเฮคลี่ยิ้มให้กับคนที่นอนสิ้นแรงอยู่บนเตียงพลางขยับตัวขึ้นไปล้มตัวนอนอยู่เคียงข้าง ใช้แขนโอบกอดเอวบางของพี่ชายเอาไว้อย่างแสนรักพลางยกศีรษะขึ้นมานอนหนุนแผ่นอกเล็กที่กำลังสะท้อนขึ้นลง

     

                "ผมรักพี่ชายนะครับ ผมก็อยากดูแลพี่ชายเหมือนกัน พี่ไม่ต้องทำทุกอย่างเพื่อผมก็ได้...ผมรู้นะครับว่าพี่ไม่อยากให้ผมเหนื่อย ไม่อยากให้ผมต้องลำบาก...ค่าเทอมของผมกำลังจะไม่พอ พี่ไม่บอกผมก็รู้ พี่ไม่จำเป็นต้องปิดผมแล้วทำงานหนักขึ้นก็ได้...เราคุยกันได้นี่ครับ ไม่ต้องลำบากเพื่อผมก็ได้...ถ้ามันทำให้พี่ต้องร้องไห้แลกกับการที่ผมได้เรียน ผมยอมไม่เรียนก็ได้นะ ผมรู้ว่าพี่ร้องไห้...ผมได้ยินเสียงพี่ร้องไห้...พี่เหนื่อยจนร้องไห้...อย่าทำแบบนั้นเลยนะครับ ผมไม่อยากเห็นพี่ร้องไห้ พอพี่เศร้า ผมก็จะเศร้าไปด้วย...เป็นแบบนั้นรู้สึกไม่ดีเลย ให้ผมได้ดูแลพี่บ้างนะครับ ผมอยากดูแลพี่ชายที่ผมรักมากๆคนนี้เหมือนกัน พี่สำคัญกับผมมากๆเลยนะ...เป็นทุกๆสิ่งทุกๆอย่างในชีวิตของผมเลยนะ พี่เป็นอะไรไปแล้วผมจะทำยังไงล่ะ"

     

                "ก็ไม่ต้องทำอะไรเลยน่ะสิ" คนป่วยพึมพำออกมาด้วยเสียงอันแหบเครือพลางกระชับวงแขนรอบตัวน้องชายที่ขดตัวนอนหนุนอกเขาอยู่ให้แน่นขึ้นราวกับกลัวว่าจะหายไป

     

                "ปล่อยให้ฉันเป็นอย่างที่เป็นนั่นล่ะ...มันไม่มีค่ามากขนาดนั้นหรอก"

     

                "อย่าพูดในสิ่งที่จะทำให้พี่ร้องไห้สิครับ"

                คนตัวเล็กซุกหน้าลงกับแผ่นอกบางที่กระเพื่อมขึ้นลงเพราะแรงหายใจ จมูกโด่งแนบชิดอยู่กับเนื้อผ้าจนได้กลิ่นกายหวานๆที่เจือปนไปด้วยกลิ่นสีของพี่ชาย...กลิ่นที่เขามักจะมีติดอยู่ที่ปลายจมูกยามหลับตานอนเสมอ

     

              "ผมรักพี่มากๆเลยนะครับ....รักมากๆๆๆๆ....มากที่สุดเท่าที่ผมจะรักพี่ชายคนหนึ่งได้....รักที่สุด...รักมากกว่าอะไรทั้งหมด ผมรักพี่มากขนาดนี้แล้ว มันทำให้ทุกอย่างมีค่ามากพอขึ้นมาบ้างรึยังครับ สำหรับผม....พี่ดงแฮมีค่ามากๆเลยนะครับ"

                ดงแฮไม่ได้เอ่ยตอบสิ่งใด เขากอดกระชับน้องชายแน่นขึ้นก่อนพิษไข้จะทำให้เขาหลับไปทั้งน้ำตาเต็มขอบตา

     

                ทงเฮคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อรู้สึกได้ถึงจับหวะการหายใจที่ช้าและแผ่วเบาลงของพี่ชาย มือเล็กค่อยๆเลื่อนไปตามขอบกางเกงของพี่ชายก่อนจะล้วงลึกเข้าไปในกระเป๋าด้านหลังเพื่อหยิบกระเป๋าเงินหนังสีดำออกมา

     

                "หลับให้สบายนะครับ งานเดี๋ยวผมจัดการแทนพี่เอง...ผมเหมือนพี่จะตายไป"

                ร่างเล็กชันตัวลุกออกมาก่อนจะก้มลงกระซิบบอกถ้อยคำอยู่ริมหูคนหลับสนิท เขาจัดการห่มผ้า จัดท่าคนป่วยให้นอนได้สบายแล้วจึงจบท้ายด้วยการกดริมฝีปากลงบนแก้มนิ่มก่อนจะหมุนตัวเดินออกมาพร้อมกับกระเป๋าเงินของพี่ชายที่เอาไปเป็นบัตรแสดงตัวที่ทำงาน

     

    .............................................................

     

                "อะ...อืม"

                ดงแฮกระสับกระส่ายตื่นขึ้นมาในกลางดึกเพราะความไม่สบายตัว มือบางควานเปะปะเพื่อหานาฬิกาตั้งโต๊ะ และเวลาที่ล่วงเลยมาเกือบจะเข้าวันใหม่อยู่ในอีกไม่กี่นาทีก็ทำให้เข้าต้องจิ๊ปากอย่างไม่พอใจกับสังขารของตัวเอง

     

                ร่างบางชันตัวขึ้นนั่ง ดวงตากระพริบถี่เพื่อมองหาคนที่มักจะมาอ้อนนอนกอดเขาทุกคืนด้วยหวังว่าจะวานให้ช่วยเดินไปหยิบน้ำให้หน่อย แต่ทว่ากลับไร้เงาของคนที่เขาต้องการหาอยู่ข้างกายเหมือนอย่างเคย...และก็ไม่ปรากฏเงาในทุกส่วนของอพาร์ทเม้นต์เลย จะมีก็แต่โน้ตแผ่นเล็กๆที่เหมือนเจ้าตัวนึกได้ว่าต้องเขียนบอกไว้ว่าหายไปไหนก่อนจะก้าวออกจากห้องไปไม่กี่วินาทีที่บ่งบอกว่าเจ้าคนที่เขาตามหาไปอยู่เสียที่ไหน(ก็มันถูกแปะอยู่ตรงตู้ร้องเท้าหน้าบ้านเลยน่ะสิ!)

     

                'ผมไปทำงานแทนพี่นะครับ ดึกๆแล้วจะกลับ รักพี่ชายนะครับ   ทงเฮ^^'

     

                "ไอ้เด็กบ้าไร้สัมมาคารวะแส่ไม่เข้าเรื่อง!"

                ดงแฮสบถออกมายาวเหยียดพลางขยำขยี้เจ้ากระดาษโน้ตแผ่นเล็กนั่นจนยับย่นและเขวี้ยงมันทิ้งไปที่มุมห้องสุดแรงอย่างหงุดหงิด เขาควานหากระเป๋าเงินของตัวเอง และความว่างเปล่าก็ทำให้เขาสบถออกมาหนักกว่าเดิม เด็กหนุ่มเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ควานหาเศษเงินในทุกซอกทุกมุมของบ้านเพื่อให้พอเป็นค่าแท๊กซี่ หยิบมือถือยัดใส่กางเกงแล้วจึงหุนหันเดินออกไปจากบ้านเพื่อไปตามน้องชายที่ยุ่งไม่เข้าเรื่องของตนกลับบ้าน...ลืมอาการป่วยของตัวเองไม่เสียสนิท

     

                เพราะเขาสัญญากับพ่อไว้

     

                เพราะเขารับปากไว้ว่าจะดูแล

     

                เข้าถึงจำเป็นต้องดูแล

     

                ไม่อยากให้เหนื่อย...ไม่อยากให้ลำบาก

     

                ไม่จำเป็นต้องเหนื่อย...ไม่จำเป็นต้องลำบาก

     

                เพราะคนที่ลีดงแฮรักจนสุดใจไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้น

     

                แค่อยู่ให้ลีดงแฮรัก...อยู่ให้ลีดงแฮดูแลก็พอแล้ว

     

                แค่ช่วยอยู่เป็นลมหายใจให้ลีดงแฮก็พอแล้ว

     

                ไม่ได้ขออะไรมากไปกว่านี้เลย

     

    ...........................................................

     

                "นี่ครับ...ค่าโดยสาร"

                ร่างบางยื่นเงินทั้งหมดที่เขารวบรวมได้ให้คนขับแท๊กซี่แล้วจึงก้าวลงมาจากรถ ดวงตาสีฟ้าทอดมองไปยังบาร์ที่อยู่อีกฝากถนนอย่างหมายมาดก่อนมือเล็กจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดหาคนที่เป็นตัวแทนของเขาอยู่ในนั้น....และเขาก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงให้มากความเมื่อมีคนรับสาย

     

                "ฉันให้เวลานายแค่ห้านาทีเท่านั้นลีทงเฮ"

     

                "เอ๋?...พี่ดงแฮหายแล้วหรอครับ"

     

                "แค่ห้านาที...ออกมาจากบาร์นั่นแล้วข้ามถนนมาหาฉันเดี๋ยวนี้!"

     

                "ฮะ?!...พี่ดงแฮ...."

     

                "เหลือสี่นาทีแล้วลีทงเฮ"

     

                "ครับๆๆ...ผมไปเดี๋ยวนี้ล่ะ ไม่เห็นต้องดุเลยนี่นา" คนเจ้าปัญหาจงใจบ่นงุบงิบให้พี่ชายได้ยินก่อนจะวางสายไป

     

                ดงแฮเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงและยืนกอดอกจับเวลารอคอยอย่างใจเย็น ภายในเวลาสามนาทีต่อมา น้องชายของเขาก็เดินออกมายืนยิ้มแป้นให้เขาอยู่ที่ถนนฝั่งตรงข้าม

     

                "40วินาทีลีทงเฮ!" เขาตะโกนข้ามไป ทงเฮหัวเราะคิกคักก่อนจะก้าวข้ามมาหาเขา...ทุกอย่างดูช่างเรียบร้อย จนกระทั่งมีเสียงบีบแตรดังขึ้น ดวงตาของดงแฮเบิกกว้างพร้อมกับร่างที่พุ่งออกไปโดยไม่คิด

     

                "ทงเฮหลบเร็ว!!"

     

                เอี๊ยดดด~ด!!

     

                โครมมม~ม!!

     

                เรื่องราวต่อจากนั้นช่างวุ่นวายให้ความทรงจำขอดงแฮ ร่างของน้องชายของเขาชุ่มโชกไปด้วยเลือดและไม่ได้สติ...หายใจแผ่วเบาจนดูราวกับสามารถที่จะหยุดลงไปได้ทุกเมื่อ เขากอดร่างของน้องชายเอาไว้แบบนั้น และยังคงกอดอยู่เมื่อรถพยาบาลมาถึง ดวงตาของเขาแดงก่ำและแสบเคืองไปด้วยน้ำตาที่เอ่อคลอ...แต่เขายังไม่ร้องไห้ เพราะเขายังคงเชื่อว่าน้องชายคนเก่งของเขาจะไม่เป็นอะไรและเพียงแค่สลบไปเท่านั้น แต่นายแพทย์ที่ออกมาจากห้องผ่าตัดก็ทำให้ทุกอย่างในชีวิตของเขาพังทลายลงมาภายในไม่กี่วินาที

     

                "น้องชายของคุณได้รับการกระทบกระเทือนที่สมองอย่างหนัก มันทำให้เขาเป็นเจ้าชายนิทรา"

     

                นั่นคือสิ่งที่ลีดงแฮคนโง่สามารถจับใจความได้จากศัพท์ทางการแพทย์ยากๆที่คุณหมอพูด...มันทำให้ทุกอย่างที่เขาเห็นขาวโพลนไปในทันที มือบางพลันอ่อนแรงจนข้าวของเปื้อนเลือดของน้องชายที่เขาถืออยู่ในมือร่วงหล่นลงมากระทบพื้น ดวงตาสีฟ้าพลันเบิกกว้าง...เลื่อนลอย

     

                "เขามีโอกาสจะฟื้นใช่มั้ยครับ" เสียงหวานเอ่ยถามออกไปเบาๆราวกับกลัวว่ามันจะทำให้หัวใจของเขาร้าวลงมาจริงๆ คุณหมอหน้าหวานตัวเล็กมีทีท่าลังเลใจก่อนในที่สุดจะพยักหน้ายอมรับ

     

                "มีครับ...แต่น้อยมาก"

     

                "เขาอาจจะฟื้นขึ้นมาก็ได้...ใช่มั้ยครับ"

     

                "ครับ"

     

                "ขอบคุณครับ" ดงแฮกล่าวขอบคุณ และปล่อยให้คุณหมอเดินกลับไปจัดการงานที่ค้างไว้ต่อ เขาก้มลงเก็บของที่หล่นอยู่เกลื่อนพื้นขึ้นมาก่อนจะก้าวเดินต่อไปอย่างไร้จุดหมาย

     

                ผลั่ก!

     

                เดินไปได้ไม่เท่าไร คนเหม่อลอยก็โดนชนจนเซล้มหงายหลังลงไป ชายตัวเล็กในชุดคนไข้สีเขียวเข้มขอโทษเขายกใหญ่พลางก้มลงเก็บของที่หล่นกระจัดกระจายของเขาขึ้นมา ดงแฮจ้องมองใบหน้าหวานน่ารักนั่นนิ่งขณะชันตัวลุกขึ้นยืน เขายื่นมือออกไปรับของที่ทำตกแล้วจึงเดินจากไปท่ามกลางสายตางุนงงของเด็กหนุ่มคนนั้น

     

                บัลเลเลเล....บัลเลเลเล

     

                โทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กในมือของเขาส่งเสียงดังขึ้น...โทรศัพท์ของทงเฮ สายเรียกเขาปรากฏเป็นชื่อเยซอง ดงแฮลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจหยิบมันขึ้นมากดรับ

     

                "ยอโบเซโย"

     

                "ทงเฮ!!...แกมาคณะด่วน!!...อาจารย์จะฟันคอฉันขาดแล้ว!! ของที่ต้องจัดนิทรรศการพรุ่งนี้หาย ทุกคนกำลังต้องการแกนะเฟ้ย!!"

     

                "แต่ว่า..."

     

                "ไม่มีแต่ทั้งนั้น แกคิดดู...ดึกขนาดนี้ฉันยังไม่ได้กลับบ้านเลยนะเว้ย มาช่วยฉันเดี๋ยวนี้เลย!"

     

                "อ่ะ...อืม...เดี๋ยวฉันไป"

                การสนทนาจบลงโดยที่คนปลายสายไม่ได้ระแคะระคายใดๆเลยว่าคนที่เขาพูดคุยด้วยอยู่นานสองนานนั้นไม่ใช่คนที่เขาต้องการ ดงแฮเดินไปที่เค้าน์เตอร์ติดต่อ บอกรายละเอียดว่าเขาเป็นญาติของคนที่ได้รับอุบัติเหตุเมื่อครู่และต้องการมาขอห้องพักเดี่ยว

     

                เอกสารที่เขาได้รับทำให้มือของเขาพลันสั่นไหวจนแทบจะจับปากกาเอาไว้ไม่อยู่...รายละเอียดของผู้ที่ประสบอุบัติเหตุ ปลายปากกาจรดอยู่ที่ช่องว่างด้วยดวงตาสั่นไหวก่อนร่างเล็กจะตัดสินใจ...กรอกชื่อของตนเองลงไป เขียนประวัติทุกอย่างของตนลงไปจนหมดสิ้น และเมื่อเขียนเสร็จ ปากกาก็ร่วงหลุดออกมาจากมืออันอ่อนแรงพร้อมกับร่างของลีดงแฮที่ล้มลงไปนอนขดตัวอยู่กับพื้น พยาบาลที่ทำหน้าที่อยู่ตรงหน้าเค้าน์เตอร์ต่างพากันตกใจและวิ่งกรูกันออกมาหาคนที่ล้มลงไป...แต่เธอเหล่านั้นก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งปลอบคนที่ขดตัวร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาราวกับจะขาดใจ

     

              ลีทงเฮที่มีแต่คนต้องการ

     

              ลีทงเฮที่มีแต่คนรักใครและห่วงใย

     

              กับ

     

              ลีดงแฮที่ไม่เคยไม่ใครต้องการ

     

              ลีดงแฮที่เป็นเพียงแค่ส่วนเกิน

     

                มันต่างกันมากนัก...รู้มั้ย

     

              ลีทงเฮไม่ได้เป็นเพียงแค่ใครบางคนที่จู่ๆจะหายตัวไปก็ได้

     

              ไม่เหมือนลีดงแฮที่เป็นเพียงแค่ใครบางคน...ที่ไม่เคยมีใครสนใจ

     

                มันต่างกันมากนัก...รู้มั้ย

     

              คนที่สำคัญจำต้องอยู่ต่อ

     

              มาอยู่เป็นลมหายใจให้เขาต่อไป

     

              คนที่ไม่สำคัญ...ไม่เคยมีใครแคร์คนนี้

     

              ลีดงแฮไม่จำเป็นต้องอยู่ก็ได้...ไม่จำเป็นเลยสักนิด

     

                คุณค่ามันต่างกัน...รู้มั้ย

     

     

     

              "ฉันสัญญานะ...ฮึก....จะทำให้นายฟื้นขึ้นมา ทำทุกอย่างที่ฉันทำได้...ฮึก...ให้ฉันขายวิญญาณของฉันก็ได้...ฮึก...เพื่อนายนะลมหายใจของฉัน ฟื้นขึ้นมา...เอาชื่อของนายคืนไปนะลมหายใจของฉัน....ฟื้นขึ้นมา...เอาชีวิตของนายคืนไปนะ ส่วนชีวิตของฉัน...ไม่จำเป็นก็ได้....ฉันให้นายทุกอย่างเลยนะ....ฮึก...เอาชีวิตของฉันไปเลยก็ได้...ให้ลีดงแฮคนไม่สำคัญนอนอยู่ตรงนั้น ส่วนนาย...ชีวิตของนาย...ฉันจะดูแลมันให้นะ...ฮึก...ขอร้องนะ...ฟื้นขึ้นมาเถอะนะทงเฮ"

     

     

     

                ความสำคัญมันต่างกันมากนัก....รู้มั้ย

     

    ..............................................................

     






    ต้องกราบขออภัยงามๆจจริงๆค่ะที่จุ่ๆก็หายไป เพราะคอมที่บ้านมันเจ๊งไปตั้งแต่วันอังคารที่แล้ว(เหมือนมันรู้ว่าเจ้าของต้องสอบไฟนอลอาทิตย์ต่อมางั้นแหละ!) ก้อเลยไม่ได้เอามาลงให้ ขอโทษจริงๆนะคะ บวกกับไรเตอร์กำลังอยู่ในช่วงสอบไฟนอลก้อเลยวุ่นๆอยู่นิดหน่อย(อ่า...ไรเตอร์จะไม่ได้เป็นนักเรียนแล้วค่ะ^^;;) พอดีวันนี้พ่อเอาโน้ตบุ๊คมาก้อเลลยขอยืมใช้หน่อย ต้องขอโทษจิงๆน้า แต่ไรเตอร์ก้อดีใจนะที่มีคนเข้ามาทวงทุกวันเลย


    ก้อจบไปแล้วเนอะกับย้อนอดีตของฝาแฝด งั้นเราก้จะมาสรุปเรื่องให้ละกันเผื่อมีคนไหนไม่เข้าใจ...ก้อ ดงแฮเป็นคนพี่ ส่วนทงเฮเป็นคนน้อง คนพี่อ่ะจะแมนๆหน่อยใช่ม่ะ ส่วนคนน้องอ่ะออกแบ๊วๆนิดนึง(ไรเตอร์ชอบส่วนตัว^^) ทงเฮคนน้องเนี่ยโตที่อังกิด เก่งไปซะทุกอย่าง แต่คนพี่โตที่มกโพค่ะ เก่งศิลปะมากๆ ทุกอย่างก็ไปเรื่อยๆเหมือนสองสามตอนที่แล้วใช่ม่ะ พอมาถึงงตอนนี้ ทงเฮคนน้องโดนรถชน ดงแฮเลยเขียนชื่อตัวเองลงในใบประวัติคนไข้ อันนี้คงตอบคำถามได้ว่าทำไมคุณหมอจียง(ที่ออกมาเมื่อหลายๆตอนก่อน)ถึงเรียกคนที่นอนอยู่ว่าดงแฮค่ะ ส่งดงแฮตัวจริงนั้นก้อใช้ชื่อของน้องในการดำเนินชีวิตอ่ะค่ะ พอจะเข้าใจกันบ้างแล้วรึยังเอ่ย เพราะงั้น คนที่ตาบอมเอาไปเป็นตุ๊กตาเนี่ยก็คือดงแฮคนพี่ตั้งแต่ต้นค่ะ แค่ใช้ชื่อของน้องเท่านั้นเอง  ถ้าใครเคยดูเรื่องแฝดที่มาช่าเล่นก็น่าจะนึกออกเนอะ...เป็นอะไรคล้ายๆอย่างนั้นแหละค่ะ



    ตอนต่อไปก้อเปนการกลับมารวมตัวกันอีกครั้งของสี่คุ่ชุชื่นประจำฟิคเรื่องนี้ หลังจากดังแล้วมีตอนเดี่ยวเป็นของตัวเองมานาน- -"


    ไปแระค่า รักคนอ่านทุกคนเลยน้า ดูแลสุขภาพด้วย เจอกันอาทิตย์หน้าค่ะ^^




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×