ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC SJ:KIHAE] :: Just You พรหมลิขิตหัวใจบอกฉันให้รักเธอ

    ลำดับตอนที่ #37 : Falling Apart :: Part4...Leavin'

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.8K
      13
      15 พ.ย. 51



    "อ๋า!!~...แจจุงอ่า ฉันเปล่าทำซักหน่อย" คนตัวสูงพูดแก้ตัวด้วยหน้าเจื่อนๆขณะกำลังโยกตัวหลบทัพพีอันเขื่องที่กำลังจะถูกนำมาใช้แพ่นกบาลเขา

     

    แจจุงสบถพึมพำลอดไรฟันออกมา มือข้างหนึ่งเท้าเอว อีกข้างหนึ่งก็เงื้อทัพพีขึ้นสูงกะจะตีไอ้คนซุ่มซ่ามให้หมอบกระแตคาที่...มีอย่างที่ไหน!...เขาหายออกไปเข้าห้องน้ำแป๊บเดียว ไอ้หมีชองยุนโฮจอมซุ่มซ่ามก็มาเดินอีท่าไหนก็ไม่รู้ทำหม้อช๊อคโกแล๊ตของเขาหกลงมา...ทั้งๆที่เขาวางมันเอาไว้อยู่กลางโต๊ะแท้ๆ...พ่อเจ้าประคุณเกิดนึกครึ้มอยากมีส่วนร่วมในการทำครัวขึ้นมาทำไมในตอนนี้ก็ไม่รู้!

     

    "ไม่ใช่นายแล้วจะเป็นหมีที่ไหนฮะชองยุนโฮ มันก็มีแค่ฉันกับนายสองคนเนี่ย!...มาให้ฉันตีนายซะดีๆนะไอ้คนโกหก!!" แจจุงตวาดแว้ดอย่างเอาเรื่องก่อนจะถลาอ้อมเค้าน์เตอร์กลางของครัวมาฟาดทัพพีลงกลางหัวของคนทำผิดอย่างรวดเร็วจนยุนโฮขยับหนีไม่ทัน จะให้เดินออกมาตอนนี้ก็ช้าไปเสียแล้ว เพราะแจจุงได้คว้าใบหูของเขาเอาไว้เป็นที่เรียบร้อย

     

    "อ้ะ!...โอ๊ยยย~ย!...เจ๊บนะแจจุง! ก็ฉันเปล่าทำจริงๆที่...อ้า!...โอ้ย!...เบาๆหน่อยสิ...ฮือ...ฉันเจ็บนะ!!" ยุนโฮร้องออกมาด้วยท่าทางเกินจริงสุดๆ ร่างสูงของเขาเอนเอียงไปตามแรงดึงของคนตัวเล็กที่พาเขาเดินกลับมา ณ จุดเกิดเหตุซึ่งมีช๊อคโกแล๊ตเหลวหกเลอะเทอะอยู่เต็มพื้น

     

    ใบหน้าหล่อเหลาเหยเกขณะที่เจ้าตัวพยายามจะเอาตัวเองให้หลุดพ้นออกมาจากการลงทัณฑ์ แต่ดูเหมือนว่ายิ่งดิ้น ยัยคนใจร้าย(ในสายตาของยุนโฮ)ก็ยิ่งบิดหูของเขาหนักมือมากขึ้นจนเขาต้องร้องโอดโอยออกมามากกว่าเดิม...ดีนะที่ตอนนี้พวกเขาทั้งคู่ได้กลับมาที่อพาร์ทเม้นต์แล้ว ไม่งั้นเขาต้องโดนไอ้พวกเด็กๆที่ร้านล้อไปทั้งอาทิตย์แน่!

     

    "อ๊ากกก~ก!!...ฉันเจ็บอ่ะแจจุง...เบาๆหน่อยสิ นี่หูนะ!"

     

    "ไม่ยอมรับผิดแล้วยังคิดชิ่งหนีหรอชองยุนโฮ...เช็ดเดี๋ยวนี้เลยนะ!"

     

    "เช็ดจ้าเช็ด...ปล่อยมือก่อนสิ...เช็ดแล้วๆ"

    แจจุงดันหัวสวยๆของยุนโฮออกอย่างหมั่นไส้ก่อนจะยืนกอดอก เฝ้ามองคนตัวสูงก้มงกๆเงิ่นๆใช้ผ้าเช็ดช๊อคโกแล๊ตเหลวบนพื้นด้วยรอยยิ้มที่ดูเหมือนจะพอใจอยู่ไม่น้อย...ต่างจากอีกคนที่ทำหน้ายู่อย่างบอกบุญไม่รับอยู่กับพื้น

     

    "แจจุงใจร้ายอ่ะ แค่ทำหกนิดๆหน่อยๆเอง" ยุนโฮบ่นพึมพำพลางลูบหูแดงๆของตนปอยๆด้วยท่าทางที่ดูท่าว่าจะงอนเสียแล้ว...แต่เรื่องอะไรที่คนอย่างคิมแจจุงต้องไปนั่งง้อให้เสียเวลาล่ะ!

     

    "เหอะ!...ทำผิดแล้วยังจะมาบ่นอีก โดนแค่นี้น้อยไปด้วยซ้ำ นายรู้มั้ยว่าช๊อคโกแล๊ตหม้อนี้ใช้ได้ถึงมะรืนเลยนะ มันแพงขนาดไหนเคยรู้รึเปล่า"

     

    "ก็แหม...ฉันไม่นึกว่าหม้อมันจะร้อนนี่" ยุนโฮพูดอุบอิบ...สารภาพออกมาจนแล้วจนรอด เรียกรอยยิ้มสะใจให้ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าหวานในทันที

     

    แจจุงอิงสะโพกเข้ากับขอบเค้าน์เตอร์ ยืนเฝ้าคนที่กำลังเช็ดพื้นไปบ่นอุบอิบไปราวกับกลัวว่าอีกฝ่ายจะชิ่งหนีเอากลางคัน...และเชื่อขนมกินได้เลยว่าไอ้หมีชองยุนโฮต้องทำแบบนั้นแน่ๆทันทีที่เขาละสายตาออกมา

     

    ก๊อกๆ

     

    "ไปเปิดซิยุนโฮ"

     

    "แต่ว่า..."

     

    "บอกให้ไปเปิดก็ไปเถอะนา"

     

    "นายมันคนใจร้ายแจจุง" ร่างสูงไม่วายบ่นอุบอิบก่อนจะลุกเดินไปเปิดประตูห้อง ยุนโฮบ่นพึมพำมาตลอดทางพลางเช็ดมือเข้ากับกางเกงของตัวเองก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดประตู

     

    "ครับ?...อ่าว...ทงเฮ"

    ชายหนุ่มเจ้าของชื่อแย้มรอยยิ้มบางๆมาให้เขาพลางวางกระเป๋าสัมภาระลงแทบเท้า

     

    "พี่ยุนโฮ..."

     

    "เกิดอะไรขึ้นทงเฮ"

    นัยน์ตาคมสำรวจมองร่างบางอย่างเปิดเผย แต่เจ้าของดวงตาสีฟ้าอันบวมช้ำก็ไม่มีวี่แววว่าจะโกรธเคืองกับกริยาไร้มารยาทแบบนั้น ไหล่บางของทงเฮสั่นไหวขณะที่เขาพยายามจะทรงตัวยืนให้อยู่ เรียวปากบางแต้มยิ้ม แต่ใบหน้าหวานกลับดูคล้ายว่าจะร้องไห้...ดูบอบช้ำเหลือเกิน

     

    "ผม...ไม่รู้จะไปไหนแล้ว...ผม..."

    คำพูดชะงักอยู่แค่นั้นเพราะเจ้าของถ้อยคำได้เอนล้มสลบลงมากลางคัน ยุนโฮเบิกตากว้างพร้อมกับถลาเข้าไปรับร่างบอบบางอย่างรวดเร็ว เขาอุ้มคนไม่ได้สติขึ้นแนบอกแล้วพาเข้ามาในห้องอย่างไม่ลังเล

     

    "ใครมาน่ะยุนโฮ...อ้ะ...ทงเฮนี่"

    ร่างบางรีบก้าวออกมาจากในครัวไปหยุดยืนอยู่ริมโซฟาที่ซึ่งยุนโฮได้วางร่างของทงเฮเอาไว้ แจจุงทรุดนั่งลงบนพื้นพลางแนบมือเข้ากับแก้มอันซีดเซียวที่แลดูบวมช้ำอย่างไรพิกลของคนที่ไม่ได้สติ

     

    "เกิดอะไรขึ้นยุนโฮ" เขาหันไปเอ่ยถามคนที่เพิ่งเดินกลับเข้ามาจากการไปหยิบกระเป๋าสัมภาระของทงเฮเข้ามาในห้อง ยุนโฮส่ายหน้าเป็นคำตอบพลางพาตัวเองเข้าไปยืนอยู่ด้านหลังโซฟา...เฝ้ามองอยู่อีกด้านหนึ่งด้วยความร้อนใจ

     

    "น้องตัวร้อนมากเลย นายไปเอาน้ำใส่กะละมังมายุนโฮ เอาผ้ามาด้วยนะ"

    คนถูกสั่งปฏิบัติตามอย่างว่าง่ายจนน่าฉงน แต่แจจุงก็ไม่ได้ติดใจอะไรมากนัก มือบางลูบไล้ไปตามใบหน้าขาวหวานอันไร้สีเลือดของคนป่วย...สัมผัสอย่างอ่อนโยนเพื่อวัดอุณหภูมิที่สูงมากจนน่ากลัวว่าจะต้องไปโรงพยาบาล

     

    "ทงเฮ..." แจจุงกระซิบออกมาเบาๆพลางมองเจ้าของชื่อด้วยสายตาอันแสนจะห่วงใย....ใครทำอะไรนายทงเฮ นายกำลังทำให้ยุนโฮโกรธและเศร้ารู้มั้ย แค่รอยพวกนี้ก็ทำให้หัวใจของยุนโฮร้าวมากพอแล้วนะรู้มั้ย ปลายนิ้วเรียวไล้สัมผัสลงไปตามแนวลำคอระหงที่เต็มไปด้วยรอยแดงช้ำของการแสดงความเป็นเจ้าของ ดวงตากลมโตจ้องมองมันด้วยแววตาเศร้าสร้อย เพราะเขารู้ดีว่าทันทีที่ได้เห็น...ยุนโฮก็ต้องเศร้าไม่แพ้กัน

     

    "อ่ะนี่...ได้แล้ว"

    ยุนโฮวางกะละมังใบเล็กลงบนโต๊ะกาแฟเล็กๆก่อนจะยืนเฝ้ามองเพื่อนสนิทของตนใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาดๆเช็ดไปตามร่างกายบอบบางของคนที่เขารักเหลือเกิน....เขาไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่แค่นี้ก็ทำให้ในใจของเขาร้อนรุ่มจนคล้ายจะระเบิดออกมามากพอแล้ว

     

    "นายไปเก็บเตียงของฉันที เดี๋ยวค่อยย้ายทงเฮไปนอนห้องฉัน...น้องจะได้นอนสบายๆ"

    คนโดนสั่งเดินจากไปเก็บห้องตามคำขอโดยไม่พูดอะไรซักคำ ปล่อยให้เพื่อนสนิทของตนดูแลคนป่วยต่อไป แจจุงใช้ผ้าชื้นน้ำเช็ดไปตามร่างกายบอบบางอันร้อนผ่าวอย่างแผ่วเบา...อ่อนโยนอย่างถึงที่สุด ถึงแม้เขาอยากจะเกลียดเด็กหนุ่มคนนี้จนสุดใจก็ตามที...ถึงแม้ในใจลึกๆแล้ว เขาไม่อยากจะให้เด็กหนุ่มคนนี้ปรากฏตัวเข้ามาในชีวิตของเขาเลยก็ตามที

     

    ยุนโฮเดินกลับออกมาภายในเวลาไม่นานต่อมา เขาเดินตรงเข้ามาอุ้มร่างของทงเฮขึ้นแนบอกแล้วจึงพาเดินตรงเข้าไปวางไว้บนเตียงของแจจุงโดยไม่พูดไม่จาอะไรทั้งสิ้น ทุกสัมผัสล้วนทำด้วยความทะนุถนอมและห่วงใยจนทำให้คนที่ยืนเฝ้ามองกระบอกตาร้อนผ่าว

     

    "เดี๋ยวฉันทำเอง นายไปดูงานในครัวเถอะ"

    ยุนโฮคว้ากะละมังเข้าไปในห้องนอน...นั่งเฝ้าดูแลคนป่วยอยู่ไม่ห่างยิ่งกว่าคนรักจนแจจุงได้แต่ยืนนิ่ง ทำสิ่งใดไม่ถูกนอกจากเดินตามไปหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องของตัวเอง...เฝ้ามองเศษเสี้ยวหน้าอันเคร่งขรึมของชองยุนโฮที่ฉายแววห่วงใยออกมาอย่างชัดเจน

     

    แจจุงเม้มปากแน่น ดวงตาแดงก่ำกดต่ำจ้องมองปลายเท้าของตนแทนที่...พยายามสูดหายใจให้ลึกเพื่อกลั้นน้ำตา แต่แล้วเพียงไม่กี่วินาทีต่อมาเขาก็ต้องเดินหนีออกมา เพราะตระหนักได้ว่าถ้ายืนอยู่ตรงนั้นนานอีกแม้เพียงเสี้ยววินาทีเดียว...เขาอาจจะทำตัวน่ารังเกียจออกไปก็เป็นได้

     

    ทำไมต้องที่นี่ด้วยทงเฮ

     

    นายชอบเห็นตอนที่พี่มีน้ำตามากรึไง

     

    อยากให้พี่จมน้ำตาตายเพราะชองยุนโฮจริงๆรึไงกัน

     

    ....................................................

     

    "คิบอม..."

    เสียงหวานครางออกมาเบาๆยามเปิดเปลือกตาขึ้นมาและพบว่าดวงตาของตัวเองนั้นเปียกชื้นเพียงเพราะความฝันโง่ๆที่ไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของความเป็นจริง ความมืดมิดที่ทิ้งตัวอยู่รอยห้องที่เขาถูกพาเข้ามานอนทำให้เขารู้ว่าตอนนี้คงดึกมากแล้ว และนาฬิกาดิจิตอลที่เรืองแสงอยู่บนโต๊ะหัวเตียงใกล้ๆก็ยืนยันเรื่องนั้นให้เขาได้...ตีสองสี่สิบห้า...ดึกมากเลยล่ะ

     

    ร่างบอบบางยันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง แต่ก็ติดมืออุ่นร้อนของใครบางคนที่เกาะกุมมือของเขาอยู่ไม่ปล่อย โครงหน้าอันหล่อเหลาที่เห็นเป็นเพียงโครงร่างเลือนรางอยู่ในความมืดของรุ่นพี่ร่างสูงนามชองยุนโฮปรากฏแก่สายตาของเขา ทงเฮดึงมือของตนออกมาอย่างแผ่วเบาเพื่อไม่ให้คนเฝ้าไข้ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาก่อนจะค่อยๆขยับกายมาที่ขอบเตียงแล้วลุกขึ้นยืน ถือวิสาสะเดินไปสำรวจโต๊ะเขียนหนังสือที่ตั้งอยู่ไม่ห่างจากเตียงมากนัก

     

    คงเป็นห้องของพี่แจจุง เพราะบนโต๊ะตัวนี้นอกจากตำราทำอาหารไม่กี่เล่มแล้วก็ล้วนเป็นภาพถ่ายของคิมแจจุงในอริยาบทต่างๆทั้งสิ้น...ใส่กรอบไว้บ้าง...เป็นภาพถ่ายที่อัดมาแล้วนำมาแปะไว้ด้วยเทปใสอยู่ตามชั้นหนังสือบ้าง

     

    นัยน์ตาสีฟ้าไล่มองไปทีละรูปพร้อมด้วยรอยยิ้มน้อยๆบนมุมปากเมื่อบางภาพแสดงให้เห็นถึงคิมแจจุงในลักษณะที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน แต่เขาก็ต้องหยุดชะงักอยู่ที่รูปถ่ายคู่สองใบที่ดูท่าว่าจะสำคัญที่สุดในบรรดารูปถ่ายทั้งหมดที่มี เพราะมันถูกติดอยู่ในตำแหน่งที่เด่นที่สุดและเจ้าของรูปจำต้องมองบ่อยที่สุด...บนกำแพงด้านหน้าโต๊ะ...ตรงระดับสายตาของคนที่นั่งโต๊ะอย่างพอดิบพอดี

     

                รูปใบแรกนั้นค่อนข้างพร่ามัวและดูท่าจะถ่ายไว้เมื่อสมัยมัธยมเพราะใบหน้าของคนที่อยู่ในรูปนั้นยังอ่อนเยาว์ คิมแจจุงผู้เป็นคนถือกล้องนั้นมีแววตาที่สดใส...แลดูร่าเริงและสดใสอย่างที่น้อยคนในร้านจะได้เห็นขณะที่กำลังจรดริมฝีปากบางสีแดงสดลงบนข้างแก้มของชองยุนโฮผู้ที่ยืนอยู่ข้างๆและมีรอยยิ้มตามแบบฉบับของเขาอยู่
    บนเรียวปาก 

    ส่วนอีกภาพนั้นดูค่อนข้างจะใหม่กว่าภาพแรกอยู่มาก...แต่ถึงกระนั้น คิมแจจุงผู้ที่อยู่ในรูปก็ยังไม่คุ้นตาของทงเฮอยู่ดี คิมแจจุงในรูปนั้นมีผมสีทองเข้มเข้ากับผิวขาวละเอียดของเขา ข้างกันก็ยังเป็นชองยุนโฮที่กำลังกอดคอของเขาอยู่...คนตัวสูงกว่ากอดคอส่วนคนตัวบางกว่านั้นโอบเอว...เป็นท่าเดินที่เพื่อนสนิททั้งสองคนนี้ทำให้คนในร้านเห็นจนชินตา

     

    ดวงตาของพี่แจจุงพูดอะไรตั้งมากมายใครๆก็รู้ทั้งนั้น...ทุกคนในร้านรู้ดีว่าดวงตาหวานอันเฉยชาที่มักจะทอประกายเศร้าอยู่ลึกๆของพี่แจจุงกำลังบอกอะไรแก่พี่ยุนโฮ...บอกออกมาตลอดเวลาที่จ้องมอง...ตะโกนออกมาจนสุดเสียงตลอดเวลาที่อยู่ใกล้...ทุกคนได้ยิน...ทุกคนได้เห็น...ยกเว้นก็แต่พี่ยุนโฮที่ไม่เคยใช้หัวใจมองเพื่อนสนิทของตนแม้สักครั้ง...สนิทกันมากเกินไปก็เท่านั้น

     

    ทงเฮผละออกมาจากโต๊ะเขียนหนังสือและเดินไปเปิดประตูห้องอย่างแผ่วเบา ร่างบางค่อยๆแทรกตัวออกไปด้านนอกห้องที่มืดมิดเช่นกัน

     

    "อ้าวทงเฮ...ฟื้นแล้วหรอ พี่กำลังจะเข้าไปดูนายอยู่พอดีเลย"

    ร่างบางของแจจุงที่เดินออกมาจากในครัวที่ไม่ได้เปิดไฟซักดวงทำให้ทงเฮสะดุ้งขึ้นมาเบาๆก่อนจะหันไปยิ้มให้เล็กน้อยเมื่อเห็นชัดตาว่าเป็นใคร

     

    "ครับ"

     

    "กินยาสิ นายกำลังมีไข้ มันจะทำให้นายรู้สึกดีขึ้น"

    แก้วน้ำและแผงยาลดไข้ในมือบางของแจจุงที่ตอนแรกตั้งใจจะเอาไปให้ถึงเตียงถูกยื่นให้คนป่วยซึ่งรับไปอย่างว่าง่ายด้วยรอยยิ้มบางบนเรียวปาก ความห่วงใยที่ได้รับอัดแน่นอยู่เต็มอกจนทำให้ลำคอตีบตัน ทงเฮกินยาเม็ดใหญ่นั่นลงไปโดยไม่เกี่ยงงอนก่อนจะเดินนำแก้วน้ำไปเก็บไว้ที่ห้องครัวด้วยตัวเอง

     

    "ดึกแล้ว พี่แจจุงยังไม่นอนีอกหรอครับ" เขาเอ่ยถามคนที่เดินตามเข้ามาในครัวด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบาราวกับกลัวอีกหนึ่งชีวิตที่อยู่อีกห้องหนึ่งจะสะดุ้งตื่นขึ้นมา แจจุงไม่ตอบในทันที เขายอมเดินไปเปิดไฟแล้วจึงเดินไปใช้ทัพพีคนหม้อใบใหญ่ที่ตั้งอยู่บนเตา

     

    "ของสำหรับขนมปังพรุ่งนี้ยังไม่เสร็จเลย จะให้พี่นอนได้ยังไง ตอนบ่ายจู่ๆนายก็ล้มลงไปแถมยังมีไข้ แล้วก็มี...รอยช้ำเต็มไปหมด มันก็เลยวุ่นๆ" เสียงที่ค่อนข้างทิ้งตัวลงแผ่วเบาในท่อนท้ายของพี่แจจุงทำให้เลือดในการของทงเฮแข็งค้าง...โดนตรึงอยู่กับที่ด้วยหัวสมองที่กลวงเปล่าและท้องที่บิดเกร็ง...ลีทงเฮคนน่ารังเกียจ

     

    "ผม..."

     

    "นายไม่ต้องพูดหรอกถ้านายไม่อยากจะพูด พี่จะไม่ถามนายหรอกนะว่ามันเกิดอะไรขึ้น มันเป็นสิทธิ์ของนายที่จะไม่พูด...พี่เข้าใจ แต่ถ้าอยากจะเล่าเมื่อไรพี่ก็จะคอยรับฟังให้" แจจุงว่าโดยไม่แม้แต่จะละความสนใจออกมาจากช๊อคโกแล๊ตเหลวที่เขากำลังเคี่ยวอยู่...ไม่แม้แต่จะหันมาสนใจคนที่ตนกำลังพูดด้วย

     

    น้ำเสียงหวานของแจจุงนั้นเรียบเฉย...นิ่งเรียบจนฟังดูแข็งกระด้างเย็นชาด้วยซ้ำ...ไม่ได้ฟังดูอบอุ่นอ่อนโยนเมื่อน้ำเสียงของชองยุนโฮ....แต่ทว่ามันกลับให้ความรู้สึกห่วงใยได้มากกว่านัก...คิมแจจุงน่ะอ่อนโยน ใครๆต่างก็รู้ความจริงข้อนี้ได้ทั้งนั้นแค่เพียงได้ฟังเสียงของเขา

     

    "ขอบคุณครับ"

     

    "ไม่ต้องขอบคุณก็ได้ มันไม่ใช่อะไรซักหน่อย"

     

    "แล้วผมก็...ขอโทษด้วยครับที่มาทำให้พวกพี่วุ่นวาย"

     

    "ไม่ต้องขอโทษหรอก...แค่นายเลือกที่จะคิดถึงที่นี่เป็นที่แรกตอนไม่รู้จะไปไหน ยุนโฮก็มีความสุขมากแล้ว"

    มือบางที่กำลังใช้ทัพพีคนช๊อคโกแล๊ตเหลวชะงักค้างไปเพราะคำพูดของตัวเอง...ดวงตาแสบเคืองขึ้นมาในทันที

     

    ใช่แล้วล่ะ

     

    แค่เห็นนาย...ชองยุนโฮก็มีความสุขมากพอแล้ว

     

    แค่ได้ยินเสียงนาย...ชองยุนโฮก็ยิ้มได้ทั้งวันแล้ว

     

    ง่ายดายเหลือเกิน

     

    "พี่แจจุง..."

     

    "เขาเป็นห่วงนายมากนะรู้มั้ย...ยุนโฮน่ะ"

    แจจุงปิดแก๊ซ เอื้อมมือไปหยิบผ้าขนหนูใกล้ๆมาใช้รองจับที่หูหม้อก่อนจะยกหม้อใบใหญ่ลงมาวางไว้บนโต๊ะกลางท่ามกลางความเงียบงันที่โรยตัวลงมาจนน่าอึดอัด

     

    "พี่แจจุงผมไม่ได้..."

     

    "นายไปนอนพักเถอะไป พรุ่งนี้จะได้หาย"

     

    "ให้ผมช่วยพี่ดีกว่ามั้ยครับ...ดึกแล้ว เดี๋ยวพี่ก็ต้องตื่นไปดูร้านแล้ว"

     

    "ไม่ต้องๆ...ไปนอนไป๊"

    แจจุงไล่คนดื้อแพ่งให้กลับไปนอนพักได้สำเร็จ เขาเดินกลับเข้ามาในครัวเพื่อจัดการที่เหลือซึ่งไม่มีอะไรมากขนาดนั้น...แจจุงก็แค่ไม่อยากจะข่มตาหลับ เลยแสร้งทำตัวให้วุ่นวายเพื่อให้ลืมความง่วงงุน ถ้าหลับแล้วต้องเจอกับฝันร้ายที่ทำให้เขามีน้ำตานองหน้า....เขายอมทนเหนื่อยดีกว่า...ดีกว่าไปนอนร้องไห้อย่างน่าสมเพชบนเตียงที่เต็มไปด้วยกลิ่นกายของชองยุนโฮที่เขารักเหลือเกิน

     

    .........................................................

     

    ดวงตาสีฟ้าทอดมองออกไปนอกหน้าต่าง...มองลงไปยังท้องถนนที่วุ่นวายไปด้วยผู้คนของเช้าวันใหม่ด้วยสายตาเบื่อหน่าย ห้องของพี่แจจุงและพี่ยุนโฮไม่มีระเบียง จะมีก็เพียงแต่หน้าต่างบานนี้ที่อยู่ในห้องนอนของพี่แจจุงเท่านั้นที่สามารถทำให้เขาเห็นถนนใหญ่ได้...ทำให้เขาเห็นท้องฟ้าได้ในมุมที่กว้างที่สุด

     

    บ่ายสี่โมงแล้ว...ร้านคงกำลังจะปิด และคนที่อยู่ในความคิดของเขาตอนนี้ก็คือฮยอกแจ...เขาไม่อยู่แล้วฮยอกแจจะเป็นยังไงบ้าง...จะเดือดร้อนเพราะเขารึเปล่า แต่ทงเฮก็คิดเรื่องของฮยอกแจได้ไม่นานนัก เพราะท้องฟ้าที่เริ่มมืดครึ้มเหมือนฝนใกล้จะตกก็ทำให้หัวที่กลวงเปล่าของเขาถูกถมเต็มด้วยความซึมเศร้าแทนที่...ก็แค่บรรยากาศเดิมๆที่เขาทนอยู่ได้คนเดียวมานานนับปี...แต่คราวนี้มันกลับทำให้ลำคอของเขาตีบตันและร่างกายหนาวสั่น

     

    เพียงแค่ฝนตกเท่านั้นเอง

     

    จะอ่อนแอเกินไปหน่อยแล้วลีทงเฮ

     

    อ่อนแอจนน่าสมเพชแล้วนะ

     

    พอแล้วลีทงเฮ

     

    มากเกินพอแล้ว!!

     

    ทงเฮผละออกมาจากหน้าต่าง คว้ากระเป๋าใบเก่งของตัวเองขึ้นมาสะพายแล้วจึงก้าวหายออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว

     

    ............................................

     

    "ให้ตายสิ!...พี่เป็นห่วงนายแทบแย่ ออกไปข้างนอกจะทิ้งโน้ตบอกไว้หน่อยก็ไม่ได้ ร่มก็ไม่ยอมหยิบไป ตากฝนแบบนี้เดี๋ยวก็ได้ไม่สบายอีก...เพิ่งหายไข้แท้ๆ" ยุนโฮบ่นพึมพำพลางใช้ผ้าขนหนูขยี้ผมเปียกชื้นของคนที่โดนเขาบังคับให้นั่งนิ่งๆอยู่บนเตียงแรงขึ้นเหมือนอยากจะลงโทษ ทงเฮได้แต่ยิ้มอ่อนๆ...นั่งหัวสั่นหัวคลอนไปตามแรงเช็ดผมโดยไม่ได้เถียงพี่ชายกลับแม้ซักคำ

     

    "ขอโทษครับ ผมไม่นึกว่าจะกลับช้าขนาดนี้"

     

    "ไปทำอะไรมาล่ะ" ยุนโฮถามต่อด้วยท่าทางไม่ใส่ใจมากนัก

     

    "โอนเงินน่ะครับ"

     

    "โอนเงิน?"

    ชายหนุ่มเลิกชายผ้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อที่เขาจะได้เห็นใบหน้าหวานของคนตอบได้ถนัดตา...จะได้อ่านจากแววตาได้ว่าเจ้าของฟากฟ้าแสนหม่นหมองนั้นแท้จริงแล้วกำลังต้องการสื่อสิ่งใดกันแน่ ทงเฮเบือนหน้าหนีออกไปมองทางอื่น...ประกายตามุ่งมั่น...ตัดสินใจแล้วและไม่คิดจะเปลี่ยนใจ

     

    ลีทงเฮคนนี้จะลืมทุกๆอย่าง

     

    จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ไม่มีคำว่าคิมคิบอม

     

    จะเป็นลีทงเฮคนใหม่ที่ไม่เคยใช่ตุ๊กตาของใคร

     

    ลีทงเฮ...ขอเลือกที่จะเดินหนี

     

    "ครับ....ผมจะกลับบ้าน"

     

    "บ้าน?"

     

    "ครับ...ผมจะย้ายกลับไปอยู่มกโพ"

     

    "เมื่อไร"

     

    "พรุ่งนี้ครับ"

    ความเงียบงันโรยตัวลงมาทันทีที่สิ้นคำ ยุนโฮชะงักนิ่งไปนิดก่อนเขาจะเริ่มลงมือเช็ดผมสีน้ำตาลเข้มของคนตัวเล็กต่ออย่างเบามือตามเดิม ดวงตาจับจ้องนิ่งอยู่ที่เสี้ยวหน้าของเจ้าของศีรษะที่โผล่พ้นผ้าขนหนูออกมาเพียงบางส่วน

     

    "นายมาจากมกโพ?"

     

    "ครับ"

     

    "งั้น...พี่จะไปกับนายด้วย"

     

    "หา?"

    นัยน์ตาสีฟ้าช้อนขึ้นสบตากับคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า ยุนโฮขยับผ้าขนหนูออกให้พ้นใบหน้าหวานก่อนจะคลี่ยิ้มให้คนที่ยังไม่เข้าใจ นิ้วเรียวลากผมเปียกชื้นที่ระอยู่ข้างแก้มให้ขึ้นไปทัดใบหูเล็กด้วยสัมผัสอันอ่อนโยน

     

    "พี่จะไปกับนายด้วย นายอยู่คนเดียวแล้วใครจะดูแล...อย่างนายต้องคอยมีคนดูแลรู้มั้ย" ยุนโฮย้ำถ้อยคำของเขาอีกครั้งพลางใช้ปลายนิ้วจิ้มจมูกโด่งรั้นเบาๆ...แต่ทงเฮก็ยังคงมีท่าทีไม่เข้าใจอยู่ดี

     

    "พี่ยุนโฮไม่ต้อง..."

     

    "พี่อยากดูแลนาย มันก็แค่นั้น....พี่จะไปกับนายด้วยไม่ว่านายจะยอมหรือไม่ก็ตาม"

               

    "แล้วพี่แจจุงล่ะครับ"

    ยุนโฮชะงักไปอีกครั้ง นัยน์ตาคมเบือนออกไปมองรูปถ่ายของเพื่อนสนิทของตนที่ถูกแปะอยู่ตามโต๊ะเขียนหนังสือ...หัวใจพลันหนักอึ้งทันทีที่ชื่อของคิมแจจุงปรากฏขึ้นมาในบทสนทนา...นั่นสินะ....แล้วแจจุงล่ะ คนบอบบางอย่างนั้นจะอยู่คนเดียวได้ยังไง แค่ยกลังใส่ของหมอนั่นยังยกไม่ขึ้นเลยด้วยซ้ำ แต่ดวงตาสีฟ้าสดใสที่จับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของเขาอย่างรอคอยคำตอบก็ทำให้เขาส่ายหน้าไล่ความคิดเหล่านั้นออกไปอย่างรวดเร็ว

     

    คนอย่างแจจุงเอาตัวรอดได้อยู่แล้วล่ะนา!

     

    "แจจุงไม่เป็นไรหรอก หมอนั่นอยู่คนเดียวได้สบายอยู่แล้ว...ไม่มีอะไรน่าห่วงหรอก"

     

    เพล้ง!

     

    เสียงแก้วแตกที่ดังขึ้นอยู่ที่หน้าบานประตูที่เปิดแง้มเรียกสายตาของทั้งสองคนที่นั่งอยู่ในห้องให้ตวัดขวับไปหาในทันที...และพวกเขาก็พบกับร่างของแจจุงที่ยืนชะงักนิ่งอยู่ตรงนั้นโดยมีเศษแก้วแตกละเอียดอยู่แทบเท้า

     

    "ขะ...ขอโทษที ฉันซุ่มซ่ามไปหน่อยน่ะ" ร่างบางรีบละลักละล้ำบอกพร้อมกับก้มลงไปเก็บเศษแก้วที่แตกเป็นเศษเล็กเศษน้อยอยู่บนพื้นด้วยท่าทางลนลาน...ซึ่งมันก็ทำให้เลือดในกายของยุนโฮลดอุณหภูมิลงจนเย็นเฉียบเสียอย่างนั้น

     

    "แจจุง..."

     

    "ฉันไม่ได้ตั้งใจจะเข้ามา...ขอโทษนะ" แจจุงยังคงก้มหน้าห้มตาขอโทษขณะที่หยิบเศษแก้วขึ้นมาวางกองไว้บนมือข้างหนึ่ง...ท่าทางมีพิรุธอย่างเห็นได้ชัดจนยุนโฮต้องเดินเข้ามาดู ร่างสูงทรุดตัวนั่งลงอยู่เคียงข้างคนซุ่มซ่ามเพื่อช่วยเก็บเศษแก้ว

     

    "นายก็ซุ่มซ่ามเหมือนกันนั่นล่ะ แล้วมาหาว่าฉันซุ่มซ่าม"

     

    "นะ...นั่นสินะ...ฮ่าๆ...ฉันนี่แย่จัง" แจจุงหัวเราะออกมาแห้งๆพร้อมด้วรอยยิ้มแหยๆ ดวงตากลมโตกดต่ำจ้องมองมือของตัวเองที่มันดูช่างพร่าเลือน ยุนโฮจับตาดูท่าทางผิดปกติของเพื่อสนิทด้วยสายตาจับผิด...รู้สึกได้ถึงความสั่นเครือในน้ำเสียงหวานๆนั่น

     

    "นายเป็นอะไรรึเปล่าแจจุง เสียงนายแปลกๆนะ"

     

    "ปะ...เปล่านี่ ฉัน....อ๊ะ...โอ๊ย!"

    เลือดสีแดงสดไหลซึมออกมาจากนิ้วเรียวของคนที่ไม่ระวัง ยุนโฮอุทานออกมาอย่างตกใจพร้อมกับรีบคว้ามือบางเอาไว้ก่อนที่เจ้าตัวจะทันได้ชักกลับ เขาใช้ชายเสื้อซับเลือดเอาไว้อย่างเบามือ

     

    "ระวังหน่อยสิยัยคนซุ่มซ่าม เดี๋ยวก็ได้นิ้วขาดหรอก...แล้วฉันจะปล่อยให้นายอยู่คนเดียวได้ยังไงกัน" ท่อนหลังพึมพำกับตัวเองเบาๆ แต่คนที่อยู่ใกล้เพียงแค่ไม่เท่าไรก็ได้ยินมันชัดเจน...และนั่นก็ทำให้ดวงตาหวานคลอไปด้วยน้ำตาทันที

     

    ก็อย่าปล่อยให้ฉันอยู่คนเดียวสิชองยุนโฮ

     

    ก็อย่าทิ้งฉันไปสิชองยุนโฮ

     

    อยู่กับฉัน

     

    ดูแลฉัน

     

    อย่าทิ้งฉันไปไหน

     

    แค่นั้นเอง

     

    "พะ...พอแล้ว ฉันไม่เป็นไรแล้ว"

    แจจุงดึงนิ้วออกมาจากการเกาะกุม รวบรวมเศษแก้วแล้วจึงลุกขึ้นหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในครัว....ก่อนที่เขาจะได้ร้องไห้ออกมาต่อหน้าชองยุนโฮจริงๆ

     

    "นี่...เดี๋ยวสิแจจุง"

    แต่ยุนโฮก็ยังช้ากว่าแจจุงอยู่ดี ชายหนุ่มหน้าหวานทิ้งเศษแก้วลงถังขยะก่อนจะมายืนอยู่หน้าอ่างล้างมือเพื่อล้างแผลของตน เสียงฝีเท้าหนักๆที่เดินตามเข้ามาทำให้เขาต้องสูดหายใจลึกๆพลางเงยหน้าขึ้นสูงเพื่อไม่ให้น้ำตาไหลออกมาให้ได้อาย

     

    "หยุดอยู่ตรงนั้นล่ะ...ไม่ต้องเข้ามา" เสียงหวานบอกเรียบๆ ทำให้คนที่กำลังจะก้าวผ่านประตูห้องครัวเข้ามาชะงักค้างอยู่กับที่ในทันที

     

    ถ้าสัมผัสได้ถึงไออุ่นของชองยุนโฮมากเกินไป...เขาอาจจะร้องไห้ออกมา

     

    ถ้าสัมผัสได้ถึงความห่วงใยของชอบยุนโฮมากเกินไป...เขาอาจจะร้องไห้ออกมา

     

    "นายเป็นอะไรแจจุง"

     

    "ฉัน...นายจะไปเมื่อไร"

     

    "นายได้ยิน?"

     

    "เมื่อไร"

     

    "ทงเฮบอกว่าจะไปพรุ่งนี้"

     

    "พรุ่งนี้เลยหรอ"

    คนที่ยังยืนอยู่ที่หน้าอ่างล้างมือยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลล้นออกมาจากขอบตาพลางกัดริมฝีปากแน่นเพื่อกลั้นเสียงสะอื้น แจจุงสูดจมูกหนักๆอีกครั้งพร้อมกับพยายามจะคลายลำคอของตนไม่ให้ตีบตันมากไปกว่านี้

     

    "นายก็ไปด้วยสิ....ไปด้วยกันนะ"

    แจจุงปิดเปลือกตาลง...ปล่อยใหน้ำตาไหลลงมาเงยบๆโดยไม่คิดจะเช็ดมันให้เหนื่อยอีกต่อไป

     

    "ไม่ได้หรอก...ฉันทิ้งร้านไม่ได้"

     

    นายก็รู้นี่ชองยุนโอ

     

    นอกจากนาย...ฉันก็มีแค่ร้านนั้น

     

    สิ่งสำคัญของฉัน

     

    มันก็มีแค่นายกับร้าน

     

    นายจะให้ฉันสูญเสียทั้งนายทั้งร้านเลยรึไง

     

    แค่ไม่มีนายก็แย่มากพอแล้ว

     

    แค่ไม่มีนาย...คิมแจจุงก็หายใจลำบากมากพอแล้ว

     

    "แต่ว่าให้..."

     

    "นายไปดูทงเฮเถอะ ถ้าพรุ่งนี้จะไปจริงก็ไปเก็บของซะ...นี่ก็มืดแล้ว"

     

    "แจจุง..."

     

    "บอกให้ไปก็ไปสิ!"เสียงหวานตวาดกร้าวออกมาอย่างเอาแต่ใจ ยุนโฮถอนหายใจออกมาเบาๆและตัดสินใจหมุนตัวเดินจากไป...ปล่อยอีกคนไว้ให้ยืนร้องไห้อยู่ตามลำพัง

     

    ...................................................

     

    "มานอนข้างในสิ" แจจุงเอ่ยเรียกเจ้าของห้องที่ยกห้องให้เขาชั่วคราวและยอมทนหนาวมานอนอยู่ที่โซฟาด้านนอกด้วยเสียงแผ่วเบาเพราะกลัวว่ามันจะไปปลุกคนที่มาขออาศัยให้ตื่นขึ้นมา ยุนโฮขยับตัวอย่างไม่สบายเท่าไรอยู่บนโซฟาที่ดูท่าว่าจะเล็กเกินไปสำหรับเขาพลางชันตัวขึ้นนั่ง

     

    "ไปนอนข้างในเถอะ...เดี๋ยวจะไม่สบาย" แจจุงย้ำอีกครั้งพร้อมกับเดินมาดึงมือเพื่อนสนิทของตนให้ลุกขึ้นเดินตามเข้ามาในห้อง ยุนโฮที่ยังแลดูง่วงงุนอยู่นิดหน่อยเดินตามเข้ามาอย่างว่าง่ายและตรงเข้าไปล้มตัวนอนลงบนเตียงของตัวเองโดยที่แทบจะไม่ต้องสั่งอะไรให้มากความ

     

    "แล้วนั่นนายจะไปไหน" ยุนโฮร้องถามพร้อมกับชันตัวขึ้นมาคว้าข้อมือเล็กเอาไว้เมื่อเห็นว่าแจจุงทำท่าจะหมุนตัวเดินกลับออกไปด้านนอก

     

    "ก็ไปนอนที่โซฟาน่ะสิ หรือนายจะให้ฉันนอนพื้นล่ะ"

     

    "นายมานอนกับฉันบนเตียงก็ได้"

     

    "แต่ว่า..."

     

    "เถอะนา...ไปนอนข้างน้อกเดี๋ยวก็ได้ป่วย เดือดร้อนฉันอีก"

    ด้วยการกระตุกมือเพียงครั้งเดียว ร่างบางของแจจุงก็เซล้มลงมานอนอยู่บนเตียงอย่างง่ายดาย ยุนโฮบ่นพึมพำอะไรอยู่คนเดียวพลางขยับตัวให้พื้นที่แก่เพื่อนสนิทของตนมากขึ้นก่อนจะพลิกตัวนอนตะแคงหันหลังให้ ดึงผ้าห่มขึ้นมากระชับแนบอยู่ที่หน้าอกโดยไม่ลืมที่จะแบ่งอีกครึ่งให้แก่คนร่างบางที่นอนอยู่ข้างๆ

     

    แจจุงขยับตัวขยุกขยิกอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจพลิกตัวนอนตะแคงหันหลังให้อีกคนเช่นกัน ความมืดซุกซ่อนแววตาวูบไหวไม่ให้อีกคนได้เห็น...แต่ถึงแม้ว่ามันจะไม่มืด ชองยุนโฮก็ไม่เคยสังเกตเห็นมันอยู่แล้ว

     

    นายจะเดือดร้อนอะไรกัน

     

    พรุ่งนี้นายก็จะทิ้งฉันแล้วนี่

     

    แจจุงขดตัวเข้าหากัน ดวงตาเบิกโพลงอยู่ในความมืด ไออุ่นจากร่างกายของชองยุนโฮที่นอนห่างกันเพียงแค่อากาศกั้นกำลังทำให้เขาหายใจไม่ออก...ทำให้เขาจมน้ำตา

     

    "ยุนโฮ"

     

    "หืม?"

     

    "ขอกอดหน่อยได้มั้ย"

    ดวงตาที่ปรอยปรือเพราะความง่วงงุนของยุนโฮเปิดลืมขึ้นมาเต็มตาทันทีที่สิ้นเสียงของแจจุง แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ตอบรับหรือปฏิเสธ เขาก็รู้สึกได้ถึงแขนเล็กๆของแจจุงที่พาดมาที่เอวของเขาเสียแล้ว...และยุนโฮก็ไม่เคยรังเกียจสัมผัสของแจจุงแม้สักครั้ง

     

    "แจจุง?"

     

    "ขอแค่นี้นะ...ฉันขอแค่นี้ล่ะ"

    คนร่างบางกอดกระชับร่างของเขาแน่นขึ้นพร้อมกับแนบใบหน้าเข้ากับแผ่นหลังของเขา...กอดเขาแน่นราวกับกลัวว่าเขาจะหนีหายไปกระนั้น

     

    "เป็นอะไรไปแจจุง"

               

    "เปล่า...ไม่มีอะไรหรอก"

    ทั้งคู่เงียบไปครู่หนึ่ง ยุนโฮนอนลืมตาอยู่ในความเงียบเพื่อรอคอยให้อีกคนพูดอะไรออกมาซักอย่าง ต่างจากแจจุงที่ปิดเปลือกตาแน่น...ซึมซับกลิ่นกายและไออุ่นของอีกฝ่ายให้ได้มากที่สุดเพื่อที่จะพูดอะไรซักอย่าง...ทำอะไรซักอย่างเพื่อเหนี่ยวรั้งหัวใจของตัวเองเอาไว้

     

    "ยุนโฮ"

     

    "ว่าไง"

     

    "ทำไมต้องไปด้วย...ทำไมต้องไปกับทงเฮด้วย"

     

    "ฉันรักทงเฮ...ฉันคิดว่านายรู้" คำตอบตรงๆที่แสนจริงใจทำให้หัวใจของเขาเจ็บมากกว่าที่เขาคาดไว้เสียอีก มือเล็กขยำกำเสื้อนอนของอีกฝ่ายเอาไว้แน่น...โอบกอดให้เข้ามาแนบชิดยิ่งกว่าเก่า

     

    "ทั้งๆที่เค้าเป็นของคนอื่นแล้วน่ะหรอ"

     

    "อย่าพูดเรื่องนี้ถ้าไม่อยากให้ฉันโกรธนายแจจุง!"

    เสียงที่กร้าวแข็งขึ้นทำให้วงแขนเล็กคลายอ้อมกอดออกมาในทันทีพร้อมกับผงะถอยห่าง...สัมผัสได้ถึงความกรุ่นโกรธที่ปะทุอยู่ในร่างของยุนโฮได้อย่างชัดเจน...ทั้งหวาดกลัวและเสียใจ

     

    "ขะ...ขอโทษ"

     

    "เลิกถามนู่นนี่ไร้สาระแล้วนอนเถอะ พรุ่งนี้ฉันต้องตื่นแต่เช้า"

     

    "ขอโทษที่ระ...รบกวนนะ"

    และกว่าชองยุนโฮคนโง่จะรู้ตัวว่าเผลอใส่อารมณ์กับเพื่อนสนิทของตน ร่างบางของแจจุงก็ลุกหนีออกไปจากเตียงเสียแล้ว ยุนโฮรีบชันตัวลุกขึ้นนั่ง เอื้อมมือไปรั้งคนที่กำลังจะเดินหนีให้เซลมลงมานั่งพาดอยู่บนตักของเขาก่อนจะโอบกอดคนที่เริ่มออกแรงดิ้นรนเอาไว้ทั้งตัวเพื่อไม่ให้แขนเล็กๆนั่นทำร้ายเขา

     

    "แจจุงฉันขอโทษ...ฉันขอโทษ ฉันไม่น่าตะคอกนายเลย....ฉันขอโทษนะ"

    คนตัวเล็กที่โดนกอดเอาไว้ทั้งตัวร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาทันทีที่สิ้นเสียงขอโทษนั่น ใบหน้าหวานซุกแนบอยู่กับไหล่กว้าง...ร้องไห้น้ำตานองหน้าจนเสื้อนอนของยุนโฮเปียกชื้น

     

    "ยุนโฮ...ฮึก...ยุนโฮ"

     

    "ไม่ร้องนะ ฉันขอโทษนะ....จะไม่ทำอีกแล้วนะสัญญา...ไม่เอานะ ไม่ร้อง"

     

    "ไม่ไปได้มั้ย...ฮึก...อย่าทิ้งฉันไปนะ อยู่กับฉันนะยุนโฮ...ฮึก...ขอร้องนะ"

    น้ำตาทำให้ทุกอย่างในความคิดของแจจุงไหลรวมออกมาเป็นคำพูดอันสั่นเครือและขาดห้วง แรงสะอื้นอย่างหนักทำให้ร่างบางสั่นคลอนจนยุนโฮต้องกอดกระชับเอาไว้ให้แน่นขึ้นกว่าเดิม....เขาชะงักไปนิดเมื่อเจอคำขอแบบนั้นเข้า

     

    "ฉันจะไม่...ฮึก...ทำให้นายรำคาญอีกแล้ว...จะไม่คอยกวนใจนายอีกแล้ว...ฮึก...ฉันจะเป็นเด็กดีนะ...ฮึก...จะไม่ยุ่งวุ่นวายกับชีวิตของนายอีก ฉันสัญญานะ...แต่อย่าไปนะยุนโฮ...ฮึก...อย่าไปเลยนะ" แจจุงอ้อนวอนออกมาทั้งน้ำตานองหน้าพลางเขย่าแขนของเขาไปมาเบาๆคล้ายเด็กเล็กๆที่กำลังต้องการความสนใจ

     

    ยุนโฮกดปลายคางลงบนเศีรษะเล็กพลางทอดสายตามองไปเบื้องหน้าด้วยแววตาว่างเปล่า...ความรู้สึกประหลาดพลันเกิดขึ้นมาในช่วงอกจนเขาต้องรีบส่ายหน้าไล่ความรู้สึกนั้นออกไป

     

    "ขอโทษนะแจจุง แต่ฉันปล่อยให้ทงเฮไปคนเดียวไม่ได้...ฉันต้องไปจริงๆ"

     

    "แม้แต่นายก็จะทิ้งฉันหรอ...ฮึก...แม้แต่นายก็ไม่อยากอยู่กับฉันหรอยุนโฮ"

     

    "เปล่าซักหน่อย...ฉันไม่ได้จะปล่อยให้นายอยู่คนเดียวตลอดไปซักหน่อย ไม่นานฉันก็กลับมาแล้วนะ"

     

    "ไม่หรอก...นายจะไม่กลับมา"

     

    เพราะคนๆนี้คือคิมแจจุง

     

    แต่คนๆนั้นคือลีทงเฮ

     

    ชองยุนโฮไม่มีทางกลับมาหาคิมแจจุงคนนี้ถ้าคนๆนั้นคือลีทงเฮ

     

    ไม่มีทางเห็นคิมแจจุงสำคัญกว่าลีทงเฮ

     

    ไม่มีทางรักคิมแจจุงได้เหมือนรักลีทงเฮ

     

    ใบหน้าหวานเหยเกและเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตาที่ไหลทะลักออกมาอีกครั้งพร้อมด้วเสียงสะอึกสะอื้น...สะอื้นไห้จนตัวโยนอย่างน่าสงสาร...ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ...หมดหนทางที่จะเหนี่ยวรั้งให้อยู่แนบกาย ตราบใดที่ใจของอีกฝ่ายไม่ต้องการ...อยากจะทำทุกๆอย่าง...อยากจะยอมทุกๆสิ่ง...แต่มันคงไร้ค่าเมื่อคนที่จะไปไม่คิดอยากแม้แต่จะอยู่...ทำอะไรให้ดีกว่านี้ไม่ได้เลย

     

    "นายจะไม่กลับมาอีก...ไม่กลับมาอีกแล้ว ไม่ว่าฉันจะขอร้องนายเท่าไร มันก็เปล่าประโยชน์...ฮึก...ใช่มั้ยล่ะ"

     

    "แจจุง..."

     

    "ฉันเกลียดนายชองยุนโฮ...เกลียดนายที่สุดเลย!!"

     

    ........................................................

     

    ก๊อกๆ

     

    "แจจุง..."

     

    "..."

     

    ก๊อกๆ

     

    "อย่าทำแบบนี้ได้มั้ย"

     

    "..."

     

    ก๊อกๆ

     

    "ฉันจะไปแล้วนะ"

     

    "..."

     

    "นายกำลังทำให้ฉันเป็นห่วงนะแจจุง...ออกมายิ้มส่งฉันหน่อยไม่ได้หรอ"

     

    "ไป...ให้พ้นเลย"

    ร่างบางที่นอนขดตัวอยู่บนเตียงไม่ยอมลุกขึ้นตื่นยกสองมือขึ้นปิดหูของตนแน่นเพื่อปฏิเสธที่จะยินยลเสียงร้องเรียกเหล่านั้น...น้ำตาไหลรินจนหมอนเปียกชื้นไปหมด ใบหน้าหวานเหยเกพยายามจะซุกลงกับเข่าที่ยกขึ้นมาแนบอก...พยายามซ่อนเสียงสะอื้นของตัวเองไม่ให้คนที่ยืนอยู่อีกฝากของประตูได้ยิน

     

    "อย่างน้อยก็อย่าทำให้ฉันเป็นกังวลนะแจจุง"

    ยุนโฮยังคงไม่ยอมแพ้ในการเรียกเพื่อนสนิทของตัวเองให้ออกมาจากห้อง...รับรู้ได้ว่าคิมแจจุงกำลังร้องไห้...ไม่สิ...ยังคงร้องไห้มาตลอดทั้งคืนต่างหาก เขาเคาะประตูเบาๆอีกครั้ง...และมันก็ให้ผลเหมือนเขาไม่ได้ทำอะไรเลย เสียงร้องเรียกของทงเฮที่บอกว่ารถมาแล้วทำให้เขาต้องหันไปขานรับก่อนจะลองเคาะอีกครั้ง...และครั้งนี้ก็เป็นครั้งสุดท้าย

     

    ก๊อกๆ

     

    "แจจุง...ฉันต้องไปแล้วนะ"

     

    "..."

     

    "ต้องไปจริงๆแล้วนะ ฉันอยากเห็นหน้านายก่อนที่ฉันจะไปนะแจจุง"

     

    "ยุนโฮ" เสียงหวานที่กระซิบผ่านบานประตูออกมาทำให้ยุนโอชะงักมือที่กำลังเอื้อมไปหยิบกระเป๋าสัมภาระของตัวเอง เขายืดตัวตรงกลับขึ้นมาจ้องมองบานประตูด้วยแววตาคาดหวังและรอคอย

     

    "ว่าไงแจจุง"

     

    "อย่า...ไปนะ...ได้มั้ย...ขอร้องนะ"

     

    "แจจุง...อย่าทำแบบนี้"

    ใบหน้าหวานฝั่งลงกับหมอนทันทีที่สิ้นคำ มือลงกดปิดหูตัวเองแน่นยามเจ้าของเสียงทุ้มด้านนอกเอ่ยบอกลาและบอกว่าจะโทรมาหาทุกวัน...และยิ่งปิดแน่นเมื่อเสียงฝีเท้าหนักๆกำลังก้าวเดินห่างออกไปเรื่อยๆพร้อมกับเสียงบานประตูที่ปิดลง

     

    ถึงตอนนั้น...ตอนที่ทุกอย่างในห้องว่างเปล่าและเหลือเพียงเขา คิมแจจุงก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาจนสุดเสียง....คร่ำครวญอย่างไร้ค่าเพื่อให้คนที่เดินออกไปแล้วกลับมาอยู่ข้างกาย

     

    ทำอะไรให้ดีขึ้นไม่ได้เลย

     

    .....................................................

     

     

     อัพค่าอัพ^^...ตอนนี้คงเฉลยคำถมของใครหลายๆคนได้แล้วว่หนุหมวยของเราหายไปไหน
    ตอนนี้คงกำลังว่ายน้ำกันอย่างสนุกสนานกันทีเดียว- -*


    ง่า...วันนี้หมดแรงโม้ เรียนพิเศษหนักไปนิดส์...น๊อคตายคาที่


    เจอกันอาทิตย์หน้ากับตอนหน้า พาร์ทบอกลาคยุมิน....บทของพวกเขาจะหายไปอีกนาน(พอๆกับยุนแจ)ค่ะ


    บั้ยบายค่า^^


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×