ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC SJ:KIHAE] :: Just You พรหมลิขิตหัวใจบอกฉันให้รักเธอ

    ลำดับตอนที่ #28 : Augmentation...Abatement

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.4K
      14
      21 ก.ย. 51

    "พี่กำลังทำให้พวกเขาทะเลาะกันรู้มั้ย"

    เสียงเข้มของน้องชายที่เอ่ยทักขึ้นทันทีที่เขาวางสายไม่ได้ทำให้เขารู้สึกสะทกสะท้านแต่อย่างใด ฮีชอลยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจพลางเริ่มเก็บกระเป๋าเตรียมออกไปข้างนอกตามที่นัดอีกคนเอาไว้

     

    "เหมือนอย่างที่ฉันทำกับแกเมื่อคืนใช่มั้ย"

    คิบอมชะงักไปเพราะคำพูดแดกดันนั่น หากแต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยอะไรโต้ตอบกลับไป ใบหน้าคมยังคงเรียบเฉยพอๆกับเสื้อสูทเนื้อดีที่เขาสวมใส่อยู่

     

    "พี่จะช่วยจริงจังหน่อยได้มั้ย พี่กำลังทำให้พวกเขาไม่เข้าใจกันนะ"

     

    "แล้วแกจะยุ่งอะไรด้วยคิบอม!...เอาเรื่องของตัวเองให้รอดก่อนเถอะแล้วค่อยมาสอนฉัน!" ฮีชอลตวาดกลับไปอย่างเคยเพราะกำลังถูกขัดใจ เขาสะบัดผมอย่างหงุดหงิดพลางเดินไปหยิบเสื้อแขนยาวสีขาวที่วางพาดอยู่บนโซฟาขึ้นมาสวมใส่

     

    "ก็เขาบอกฉันว่าฮยอกแจคือเพื่อนร่วมงาน ฉันก็จะคิดว่ามันเป็นแบบนั้น และไม่ว่าในฐานะแฟนเก่าหรือเพื่อน...ฉันก็สำคัญมากกว่าเพื่อนร่วมงานอยู่ดี พวกเขาจะรักกันมากขนาดไหนฉันไม่สนหรอกนะ แต่ถ้าฮันคยองบอกฉันเองว่าเด็กนั่นคือเพื่อนร่วมงาน...เค้าก็จะเป็นเพื่อนร่วมงานในความคิดของฉัน" ฮีชอลกล่าวพลางจัดเสื้อผ้าของตนให้เรียบร้อย แล้วจึงปรายสายตามองน้องชายคนกลางของตนที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูด้วยแววตาเชือดเฉือนที่เขาชอบใช้

     

    "แกก็เหมือนกันคิบอม แกบอกฉันว่าไอ้เด็กทงเฮนั่นเป็นแค่ตุ๊กตา ฉันก็จะเชื่อว่ามันเป็นแค่ตุ๊กตาที่มีไว้แก้เหงาตอนแกว่าง...ไม่มีอะไรสำคัญมากไปกว่านั้น เพราะงั้นแกจะมาโวยฉันไม่ได้ที่ฉันให้แกนอนค้างที่นี่ตลอดที่ฉันยังอยู่ที่เกาหลี" คนสวยขึ้นเสียงจนคนที่กำลังจะอ้าปากแย้งหุบปากฉับลงมาพร้อมกับทำหน้ามุ่ยทันทีเมื่อพี่ชายของตนขุดคุ้ยเอาเรื่องที่ทั้งคู่ทะเลาะกันเมื่อคืนขึ้นมากล่าวอ้าง...ให้ตายสิ!...ทำไมเขาถึงหงุดหงิดขึ้นมานะ!

     

    ฮีชอลแค่นเสียงขึ้นจมูกอย่างหมั่นไส้ท่าทางหงุดหงิดงุ่นง่านนั่นแล้วจึงหันมาจัดการเสื้อผ้าของตนต่อ...เขาจะดัดหลังไอ้พวกปากแข็งท่ามากพวกนี้ให้หมดเลยคอยดูสิ!

     

    "พี่ฮีชอล!!"

    เสียงหวานที่ดังมาก่อนตัวของน้องชายคนเล็กของบ้านทำให้รอยยิ้มร้ายๆของฮีชอลแปรเปลี่ยนไปเป็นรอยยิ้มหวานของเจ้าหญิงทันทีพร้อมกับหันไปรับอ้อมกอดรับอรุณจากคนที่วิ่งเข้ามาทุ่มตัวเข้ากอดด้วยเสียงหัวเราะคิกคักซึ่งน้องชายคนกลางก็ได้แต่ทำหน้าสยดสยองอยู่ตรงหน้าประตู...ทีงี้ล่ะยิ้มหวานเชียว ทีกับเขาล่ะตะคอกเอาๆจนเขาอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าเขาหรือซองมินกันแน่ที่เป็นน้องชายแท้ๆของคิมฮีชอล

     

    ชายหนุ่มหน้าหวานทั้งคู่พลัดกันหอมแก้มไปมาสลับกับหัวเราะคิกคักกันอยู่สองคนจนคิบอมได้แต่ทำหน้าเอือม....เขาล่ะไม่อยากจะนึกถึงวันแรกที่พี่ฮีชอลกลับมาจากจีนจริงๆ

     

    "ผมไปเรียนแล้วนะครับพี่ฮีชอล"

     

    "ซองมินคร้าบบบบ~บ!!"

    ยังไม่ทันที่ฮีชอลจะเอ่ยตอบรับอะไร เสียงทุ้มอันคุ้นเคยก็ตะโกนเรียกชื่อเขาเสียดังลั่นมาจากหน้าบ้าน พี่ชายคนโตมีสีหน้ารู้ทัน แต่น้องชายคนเล็กกลับเบิกตาโตอย่างตกใจเมื่อเหลือบไปเห็นพี่ชายคนกลางเปลี่ยนมาทำหน้าบึ้งทันทีที่เสียงทุ้มอันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวนั่นดังขึ้น...ตายล่ะ!...เขาลืมบอกคยูฮยอนไปเสียสนิทว่าวันนี้ไม่ต้องมารับ(เพราะพี่คิบอมวางแผนจะมาแผ่นกบาลเขาตั้งแต่เมื่อคืน...เหตุนี่กระมังที่ทำให้พี่ชายยังอยู่บ้าน ไม่ยอมออกไปทำงานเสียที)

     

    ซองมินรีบออกตัววิ่งไปหน้าบ้าน แต่มันก็ยังช้ากว่าคิบอมที่ก้าวดุ่มๆออกจากบ้านไปตั้งนานแล้วพร้อมกับไม้เบสบอลที่เตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อคืน...บรรลุผลของการไปทำงานสายของตนในวันนี้ในที่สุด

     

    "ซองมิน...อ่ะ...อ่าว...แกมาทำอะไรที่นี่วะคิบอม"

    คยูฮยอนมีสีหน้าแปลกใจที่คนที่ก้าวออกมาจากประตูบ้านเป็นคิบอมเพื่อนซี้แทนที่จะเป็นซองมินแฟนผู้น่ารักของเขา

     

    "ก็นี่มันบ้านฉันโว้ย!...ซองมินก็น้องฉัน แกนี่แม่งวอน....!"

     

    "เฮ้ยๆๆ!!"

    ไม้เบสบอลถูกเงื้อขึ้น แต่โชคดีที่ซองมินวิ่งออกมากระโดยึดข้อมือของพี่ชายเอาไว้ทันเสียก่อน คนตัวเล็กรีบขยับเดินมายืนอยู่ตรงหน้าแฟนหนุ่มของตนที่กำลังตั้งท่าเตรียมหลบไปเบสบอล

     

    "พี่คิบอม...ฟังผมก่อนสิ"

     

    "ซองมินหลบ!...พี่จะคุยกับมัน" เสียงโหดๆของพี่ชายทำให้ซองมินหน้าหงอลงมาทันทีพร้อมกับขยับหลบมายืนข้างๆ ปล่อยให้คยูฮยอนผู้ซึ่งยืดตัวกลับขึ้นมายืนตรงเหมือนเดิมแล้วเผชิญหน้ากับคิบอมตามลำพัง...แต่ดูเหมือนว่าจะมีแค่คิบอมคนเดียวที่ดูจริงจัง

     

    "คิดถึงแกจังว่ะ ได้ข่าวว่ามีตุ๊กตาตัวใหม่ ไม่มีเอามาอวดอ่ะ ได้ตุ๊กตาแล้วลืมเพื่อน...นิสัยแย่ว่ะ"

    คยูฮยอนก็ยังเป็นคยูฮยอนวันยังค่ำ...อารมณ์ดีได้ทุกสถานการณ์

     

    "เออ!...ตัวนี้หวงเว้ย!...อย่าว่าแต่ฉันเลย แกก็เหมือนกัน ได้ข่าวว่ามีแฟนใหม่ ไม่มีเอามาอวดกันบ้าง ได้แฟนใหม่แล้วลืมเพื่อน....นิสัยแย่ว่ะ" คิบอมย้อนพร้อมกับรอยยิ้มกวนๆที่เขาไม่ค่อยได้ใช้บ่อยมากนักบนมุมปากข้างหนึ่งพลางขยับไม้เบสบอลในมือฟาดลงกับฝ่ามือของตัวเองเบาๆ...ข่มขวัญคนที่ยังยิ้มกว้างอย่างเห็นได้ชัด...แต่ก็นั่นล่ะ....มันมีเพียงไม่กี่เรื่องเท่านั้นหรอกที่จะสามารถทำให้คยูฮยอนใส่ใจ และเรื่องของเพื่อนสนิทที่กำลังหวงน้อง(สาว(?))ยิ่งกว่าพ่อก็ไม่ใช่หนึ่งในเรื่องพวกนั้นเสียด้วย

     

    ชายหนุ่มที่มีฐานะเป็นเพื่อน(แต่ดันอายุอ่อนกว่าเสียหลายปี)ยักไหล่พลางทำท่าจะคว้ามือของแฟนที่ถูกเอ่ยพาดพิงมาเกาะกุมเอาไว้ แต่ไม้เบสบอลที่เงื้อขึ้นมาข่มขวัญอีกครั้งก็ทำให้เขาต้องรีบผว่าหลบและเลือกที่จะถอยห่างออกมา ท่าทางที่เป็นยิ่งกว่าพ่อหวงลูกสาวของเพื่อนรักทำเอาคยูฮยอนอยากจะหัวเราะออกมาให้เสียงดังก้องโลก ติดก็แต่ไอ้ไม้เบสบอลที่เล็กจะแพ่นกบาลเขาอยู่นั่นล่ะที่ทำให้เขาไม่ได้หัวเราะ...ต้องสบถออกมาแทน

     

    "เฮ้ยๆๆไอ้ห่า!...เป็นบ้าอะไรของแกวะ!...เออ!!...ฉันขอน้องแกเป็นแฟน พอใจรึยังวะ!...เฮ้ยๆๆๆ!!...ไอ้ห่านี่!...นี่กูบอกความจริงกับมึงแล้วนะเว้ย!!" สรรพนามหยาบคายถูกนำมาใช้ทันทีเมื่อพี่ชายผู้หวงน้องแบบสุดๆเดินเงื้อไม้เบสบอลดุ่มๆเข้าไปหาคนสารภาพทันทีที่ความจริงถูกคายออกมา เดือดร้อนถึงคนที่อุตสาห์ซื่อสัตย์ต้องมาวิ่งหลบระยะไม้หวดของไอ้คนหวงน้อง

     

    "เออ!!...กูจะตีหัวมึงแยกเพราะความจริงนี่ล่ะ!...กูให้ไปส่งน้องกูแค่ครั้งเดียว มึงก็เอาเลยนะ...เคยคิดจะมาขอกูก่อนมั้ยไอ้ห่า!!"

     

    "จะไปบอกมึงทำป๊ะอะไรวะ!...กูไม่ได้จะเอามึงเป็นแฟนนี่ไอ้ห่า!"

     

    "นี่...เดี๋ยวสิ..." ซองมินพยายามจะเข้าไปห้าม แต่ไม้เบสบอลที่แกว่งไปมาโดยไร้ทิศทางของพี่ชายก็ทำให้เขาได้แต่ยืนตัวลีบติดประตูรั้วบ้านเพื่อหลบวิถีหวดของไม้...ไม่สามารถเดินเข้าไปช่วยเหลือแฟนหนุ่มของตนที่กำลังวิ่งอ้อมรถคันสวยของเขาไปมาได้

     

    ฮีชอลที่เพิ่งเดินออกมาจากบ้านหัวเราะเสียงแหลมปรี๊ดด้วยมาดนางพญาอย่างสะใจเมื่อเห็นสภาพของน้องๆของเขา ซองมินพยายามส่งสายตาอ้อนวอนไปยังพี่ชายคนสวยของตน แต่คิมฮีชอลก็กำลังรู้สึกสนุกกับเหตุการณ์เกินกว่าที่จะใส่ใจ

     

    คยูฮยอนที่เหลือบมาเห็นคนสวยที่เพิ่งก้าวเดินออกมาจากบ้านพอดียิ้มร่าพลางรีบวิ่งมาเกาะไหล่หลบอยู่ด้านหลังทันที

     

    "เจ๊!!...เจ๊ดูน้องเจ๊เซ่ะ!!...มันจะแยกกบาลผมอ่ะ ผมบอกความจริงกับมันไปแล้วนะเจ๊...เจ๊ต้องปกป้องผมนะ!"

    คิบอมที่กำลังง้างไม้เตรียมฟาดทำเสียงฮึดฮัดขัดใจทันทีเมื่อปะทะเข้ากับใบหน้าที่เชิดรั้นขึ้นพร้อมกับคิ้วโก่งๆที่ยักให้เหมือนกำลังท้าทายให้เขาฟาดลงมา ซึ่งคนท้าก็ชนะไป(อย่างเคย)เมื่อคิบอมลดไม้เบสบอลในมือลงด้วยท่าทางหงุดหงิด ฮีชอลกรีดเสียงหัวเราะแหลมปรี๊ดอย่างสะใจขึ้นมาอีกรอบ

     

    "เจ๊มึงยังสนับสนุนกูเลยเห็นมั้ยไอ้ห่า!...เค้ายังไม่ว่าอะไรกูซักคำตอนกูบอกเค้าเมื่อสองวันก่อน มีแต่มึงอ่ะที่จะเอาไม้มาตีหัวกูท่าเดียว!" คยูฮยอนชะโงกหน้าข้ามไหล่บางมาตะโกนใส่หน้าเพื่อนของตน แล้วก็ต้องรีบหดหัวกลับลงมาอย่างรวดเร็วเมื่อคิบอมทำท่าจะถลามาดึงคอเสื้อของเขา

     

    "แล้วทำไมมึงไม่คิดจะมาบอกกูบ้างล่ะวะไอ้ห่า!"

     

    "มึงอยู่ให้กูบอกมั้ยล่ะ! กูมารับมาส่งซองมินเช้าเย็นทุกวัน กูไม่เคยเห็นเงาหัวมึงซักวัน วันๆก็เอาแต่กกอยู่แต่กับตุ๊กตา พอกูขอซองมินเป็นแฟนได้แล้วก็กะจะไปบอกมึงอยู่เหมือนกัน แต่มึงก็ดันไปกกตุ๊กตาอยู่ที่เชจูเสียนี่...ความผิดกูรึไงไอ้ห่า!...กูไม่ไปด่ามึงที่ทิ้งซองมินให้อยู่บ้านคนเดียวก็บุญเท่าไรแล้ว!"

     

    "โทรศัพท์มึงมีไว้ทำไมล่ะวะ!...หนุนหัวนอนรึไงไอ้ห่า!"

     

    "เออ!!...หนักหัวมึงรึไงไอ้ห่า!"

     

    "ไอห่านี่!!"

     

    "จะทำไมวะไอ้ห่า!!"

     

    "พวกแกจะอีกหลายห่ามั้ย" เสียงเย็นๆอย่างอดทนเต็มที่ของฮีชอลที่ยืนคั่นกลางอยู่ระหว่างคู่กรณีและกำลังโดนถมด้วยคำว่า'ห่า'ทำให้ชายหนุ่มทั้งสองคนหุบปากเงียบสนิทในทันที เหลือทิ้งไว้เพียงท่าทางฮึดฮัดเหมือนอยากจะกระโดดกัดคอกันเท่านั้น

     

    "พาซองมินไปเรียนได้แล้วคยูฮยอน"

     

    "ครับเจ๊...อรุณสวัสดิ์นะครับ" คยูฮยอนโค้งตัวลงเล็กน้อยตามมารยาทก่อนจะจูงมือพาคนตัวเล็กไปขึ้นรถโดยไม่วายทำท่าฮึดฮัดใส่เพื่อนสนิทก่อนที่จะออกรถไป

     

    "ส่วนแก...ไปส่งฉันที่เมียงดง"

     

    "แต่แถวนั้นรถติดนะพี่"

     

    "ฉันบอกว่าเถียงได้รึไง!"

     

    "เปล่าครับ" คิบอมก้มหน้ายอมรับคำสั่งนั้นโดยจำยอมก่อนจะทำหน้าที่เป็นคนขับรถที่ดีโดยการวิ่งไปเปิดประตูบ้านแล้วจึงวิ่งเข้าไปด้านในเพื่อถอยรถออกมา

     

    ...................................................

     

    "เป็นอะไร หน้าบูดเป็นตูดเลย...ทะเลาะกับใครมารึไง" ฮีชอลเอ่ยถามเพื่อนหนุ่มชาวจีนของตนที่ไม่พูดไม่จาอะไรมาพักใหญ่ๆ ทำเพียงแค่จ้องเป๋งไปยังหน้าจอโทรศัพท์มือถือของตนราวกับมันมีรหัสลับแฝงอยู่ในข้อความที่เขาอ่านทวนแล้วทวนอีกกระนั้น

     

    ให้ตายสิ!...ได้มาเมียงดงทั้งที ไอ้บ้านี่ก็ทำให้เขาหมดสนุกจนได้! มือบางตบเข้าให้ที่หัวสวยๆของฮันคยองไปป้าบใหญ่ๆจนคนเหม่อถึงกับคะมำมาด้านหน้าและเกือบจะทำมือถือเครื่องสำคัญของตนหลุดมือ ฮันคยองหันมาทำตาขวางใส่คนมือหนักทันที

     

    "ทำอะไรของนาย!"

     

    "นายนั่นล่ะทำอะไรของนาย!...นายยืนจ้องข้อความนั่นมาเกือบห้านาทีแล้วนะเว้ย!" ฮีชอลแว้ดกลับ...และก็ได้ผลดังเช่นทุกครั้งที่เสียงตวาดของเขาจะชนะคู่กรณีเสมอ

     

    ฮันคยองยอมเก็บมือถือของตนใส่กระเป๋ากางเกงพลางสบถออกพึมพำออกมาเป็นภาษาบ้านเกิดของตัวเองเบาๆ หากแต่คนที่ไปอยู่ที่จีนมากว่าสามปีอย่างฮีชอลก็ดันฟังมันออกเสียนี่ คนปากพล่อยเลยโดนตบกะโหลกไปอีกหนึ่งป้าบใหญ่ๆ

     

    "อะไรของนายอีกฮะฮีชอล!"

     

    "ก็นายด่าฉันนี่!...อย่าคิดว่าฉันจะฟังนายไม่ออกนะ" ฮีชอลย้อนก่อนจะกอดอกและเชิดหน้าขึ้น...ท่าทางอนให้ง้ออันแสนคุ้นเคยทำให้ฮันคยองคลี่ยิ้มออกมาได้นิดนึงก่อนเขาจะตัดสินในเอื้อมมือไปกอดคอคนตัวบางเอาไว้และพาเดินไปตามฟุตบาธอันพลุ่งพล่านไปด้วยคนของย่านเมียงดง

     

    "ใครสอนมาล่ะ...ซีวอนรึไง"

     

    "นายไม่คิดว่าฉันจะมีปัญญาเรียนรู้เองรึไงวะ!"

     

    "ฮ่าๆๆ!...ทำไมนายถึงชอบเสียงดังนักนะ...ไม่น่า ซีวอนถึงได้รักงานมากกว่านาย"

     

    "อยากตายมากรึไง!"

    ฮันคยองหัวเราะออกมาเบาๆพลางใช้มืออีกข้างที่ว่างอยู่ปัดกำปั้นๆเล็กที่ชูขึ้นมาขู่ออกให้พ้นหน้า...ไม่ได้หวาดกลัวเลยสักนิด ก็คนอย่างคิมฮีชอลมีดีแค่ปากเท่านั้นล่ะ...ทำร้ายใครจริงๆไม่เป็นหรอก

     

    คนสวยสบถฮึดฮัดอย่างขัดใจพลางสอดมือเข้ามาโอบเอวหนาของคนข้างๆเอาไว้อย่างเคยตัว...ทั้งๆที่ฐานะในตอนนี้เปลี่ยนไปจากแต่ก่อนแล้วแท้ๆ

     

    "นานๆจะได้กลับเกาหลีเสียที แต่กลับมาทีไรนายก็ทำให้ฉันหงุดหงิดหัวใจทุกที...ไม่รู้เพราะอะไรว่ะ"

    ฮันคยองยิ้มพร้อมกับหยุดชะงักอยู่ที่หน้าร้านค้าริมถนนร้านหนึ่ง ดวงตาคมจับจ้องนิ่งอยู่ที่กำไลข้อมือที่เพียงแค่เขาเห็นลายที่สลักอยู่บนเนื้อเงินนั่นก็ทำให้เขายิ้มกว้างออกมาได้เสียแล้ว มือใหญ่เอื้อมไปหยิบมันขึ้นมาสำรวจดูใกล้ๆ

     

    "เพราะว่าฉันกับนายสนิทกันเกินไปน่ะสิ...เราถึงเป็นแฟนกันไม่รอดไงล่ะฮีชอล"

     

    .......................................................

     

    ร่างสูงสง่าที่ก้าวออกมาจากสนามบินใช้นิ้วเกี่ยวแว่นดำของตนออกจากใบหน้าพลางยกนาฬิกาข้อมือที่ซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อของเสื้อสูทเนื้อดีขึ้นดู แล้วเขาก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าเวลาในตอนนี้มันเลยเวลาที่เขานัดมานานโข แต่กลับไม่เห็นมีใครมารับเขาตามที่เขาโทรมานัดเอาไว้ซักคน...เอ๊ะ...หรือว่าเขาลืมโทรมาบอกกันนะ...ต้องเป็นอย่างหลังแน่ๆ

     

    ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องหรูของตนออกมาจากกระเป๋ากางเกงก่อนจะกดเบอร์คนที่คุ้นเคยแล้วจึงยกมันขึ้นแนบหู

     

    "ว่าไง!" เสียงกระโชกโฮกฮากที่ตอบรับสายหาได้ทำให้เขาตกใจไม่...กลับกัน เขากลับยิ้มรับน้ำเสียงคุ้นเคยนั่นจนปรากฏลักยิ้มบุ๋มลงที่ข้างแก้มทั้งสองข้าง

     

    "ผมมาง้อคุณแล้วนะครับที่รัก"

     

    "ใครที่รักนายไม่ทราบ"

     

    "โธ่ฮีชอลครับ...ยังไม่หายโกรธผมอีกหรอ"

     

    "เออ!...กลับไปอยู่กับงานของนายเลยไปซีวอน!"

     

    "แต่ฮีชอลต้องกลับไปกับผมนะครับ" เชวซีวอนยิ้มเพล่ราวกับคนสวยที่เถียงเขาฉอดๆอยู่ตอนนี้กำลังยืนอยู่ต่อหน้า เขาเดินลากกระเป๋าเดินทางใบย่อมของตนมายืนอยู่ริมถนนที่เรียงรายไปด้วยรถแท๊กซี่

     

    "ไม่!...จะอยู่กับฮัน แค่นี้นะ!...ตอนนี้เที่ยวเมียงดงอยู่กับฮัน ไม่ว่างคุยด้วย!" พูดจบก็กดวางสายหนีไปทันที ปล่อยให้แฟนหนุ่มยืนชะงักอึ้งไปเพราะชื่อหนึ่งที่ถูกเอ่ยออกมา...รู้สึกไม่ดีขึ้นมาเสียอย่างนั้น

     

    เขาเปิดประตูรถแท๊กซี่คันที่จอดอยู่ตรงหน้า ยัดกระเป๋าเดินทางเข้าไปวางแล้วจึงตามด้วยตัวเองก่อนจะปิดประตูด้วยท่าทางเหม่อลอยอย่างเห็นได้ชัด ชายหนุ่มเอ่ยบอกชื่อคอนโดของเขาก่อนจะเหม่อสายตาออกไปมองนอกหน้าต่างในขณะที่รถเริ่มเคลื่อนตัว

     

    บรรยากาศที่คุ้นเคยของบ้านเกิดไม่ได้ทำให้เขาดีใจอย่างที่ควรจะเป็น...กลับกัน แววตาของเชวซีวอนนั้นกลับดูหม่นหมองเพียงเพราะคำพูดของคิมฮีชอล

     

    ฮันคยองกับฮีชอลเริ่มต้นด้วยคำว่าเพื่อน ต่อมาก็พัฒนาเป็นคนรักที่หลายๆคนต่างอิจฉา...แต่สุดท้ายแล้ว ทุกอย่างก็กลับมาจบลงที่คำว่าเพื่อนตามเดิมเช่นเดียวกับตอนเริ่มต้น ทั้งคู่สนิทกันมาก....ซีวอนที่มาที่หลังรู้ดี และความสนิทสนมที่เกินเพื่อนแบบนั้นก็ทำให้เขาหวาดกลัวอยู่เสมอว่าวันใดวันหนึ่งความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่อาจจะพลิกกลับไปเป็นคนรักอีกครั้งก็ได้

     

    เพราะเขาหลงใหลคิมฮีชอลมากเกินไป

     

    เพราะเขารักคิมฮีชอลมากเกินไป

     

    มันก็เท่านั้น

     

    "ลุงครับ...วนรถไปที่เมียงดงก่อนได้มั้ย"

    ลุงคนขับรถเหลือบสายตามองกระจกมองหลังไปยังผู้โดยสารรูปหล่อของแกเล็กน้อยก่อนจะรับคำและขับพาไปตามคำขอ ซึ่งมันก็ใช้เวลาน้อยกว่าที่เขาคิด

     

    ถนนของย่านเมียงดงยังคงเต็มไปด้วยรถราเช่นเดียวกับผู้คนที่เดินพล่านไปหมดบนฟุตบาธเพื่อจับจ่ายซื้อของราคาถูกอย่างที่เขาจำได้ นัยน์ตาคมของคนบนรถแท๊กซี่ที่กำลังเคลื่อนที่ไปได้อย่างเชื่องช้าเพราะการจราจรที่แทบจะไม่ขยับเหลือบมองออกไปยังฟุตบาธข้างทางอย่างเหม่อลอย...ไม่ได้เจาะจงใดๆ แต่สายตาของเขาก็ดันไปสะดุดเข้ากับชายหนุ่มหน้าหวานสวยอันคุ้นตาที่ยืนโบกมือพัดหย็อยๆอยู่ใต้ชายคาร้านค้าแห่งหนึ่งโดยมีชายหนุ่มร่างสูงหน้าคมอีกคนคอยใช้ทิชชู่ซับเหงื่อให้

     

    ทั้งคู่พูดคุยกันอยู่อีกไม่กี่คำแล้วจึงพากันเดินกอดคอเดินดูของต่อไป...สีข้างที่แนบชิดและแขนเล็กที่โอบสอดอยู่กับเอวหนาทำให้ดวงตาคมของคนที่เฝ้ามองอยู่บนรถฉายแววปวดร้าว ร่างสูงทิ้งตัวลงนั่งพิงเบาะด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน...รีบเบือนสายตาหนีออกมาทันที

     

    "ขอบคุณครับลุง" ซีวอนบอกลุงคนขับอย่างสุภาพก่อนจะเอนศีรษะพิงเบาะพร้อมกับยกมือขึ้นปิดดวงตา ริมฝีปากหยักโค้งได้รูปสวยแค่นยิ้มออกมานิดเหมือนอยากจะประชดประชันตัวเอง

     

    "นายรักคนใจร้ายมากเกินไปแล้วเชวซีวอน...คงต้องลดให้น้อยลงกว่านี้หน่อยแล้วล่ะ"

     

    ............................................................

     

    ฮยอกแจพยายามที่จะมีสมาธิจดจ่ออยู่กับการตัดแบ่งชิ้นเค้กอยู่ด้านหลังเค้าน์เตอร์จ่ายเงิน หากแต่ดวงตาของเขากลับเอาแต่ตวัดขึ้นไปมองที่ประตูหน้าร้าน...ที่ซึ่งกระจกที่ติดอยู่นั้นเผยให้เห็นคนที่ยืนหลบแดดอยู่ด้านนอกและเขาก็คุ้นหน้าเสียเหลือเกิน

     

    ฮันคยองกับพี่ฮีชอล

     

    มือบางพยายามที่จะไม่สั่นไหวขณะที่กำลังกดคมมือลงไปในเนื้อเค้กช๊อคโกแล๊ตฟัดจ์ปอนด์ใหญ่ หากแต่ภาพของคนตัวสูงที่กำลังยืนใช้ทิชชู่ซับเหงื่อให้อีกคนก็ทำให้มันหลุดออกมาจากการควบคุมจนเขาต้องรีบดึงมันกลับออกมาก่อนที่เขาจะทำมันเสีย...และพี่แจจุงคงต้องมาวีนใส่เขาแน่ๆถ้าเขาเกิดทำก้อนนี้เสียไปแม้แต่เสี้ยวเดียว

     

    ฮยอกแจพยายามตั้งสติ...พยายามสูดหายใจให้ลึก...พยายามที่จะไม่ร้องไห้ออกมาอีก แต่รอยยิ้มอ่อนโยนอันแสนคุ้นเคยที่ถูกวาดขึ้นมาบนใบหน้าคมก็ทำให้ทุกอย่างในสายตาของเขาพร่าเลือนทันที...เขาไม่ชอบแบบนี้เลย...ไม่ชอบเลย!...ทำไมฮันคยองถึงทำให้เขาร้องไห้ออกมาได้ง่ายๆทั้งๆที่มันยังไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นด้วยซ้ำนะ....ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังจะสูญเสียทั้งๆที่ยังไม่มีอะไรหายไปซักอย่าง

     

    ชายหนุ่มทั้งสองคนด้านนอกร้านยืนคุยกันอีกไม่นานก็พากันเดินกอดคอออกไป...แนบชิดและสนิทสนมมากมายจนฮยอกแจต้องกัดริมฝีปากเอาไว้เพื่อกลั้นเสียงสะอื้นของตน

     

    "ฮยอกแจยังตัดเค้กไม่เสร็จอีกหรอ เดี๋ยวเรียกยุนโฮมาช่วยก็ได้ นายมาช่วยฉันในครัวก่อน...ฮยอกแจ?" แจจุงร้องเรียกอย่างแปลกใจทันทีเมื่อคำสั่งยาวเหยียดของเขาได้รับเพียงแค่ไหล่บางที่สั่นไหวของคนที่ยืนหันหลังให้เป็นการตอบรับเท่านั้น

     

    ร่างบางเดินออกมาจากในครัวเพื่อวางมือบนไหล่อันสั่นไหว และทันทีที่เขาสัมผัสมือลงไป ฮยอกแจก็ผวาเฮือกและหมุนตัวกลับมาคว้าตัวเขาเข้าไปกอดไว้แน่นทันที แจจุงทำท่าจะผงะหนี แต่เสียงสะอื้นฮักๆของคนที่กอดเขาแน่นก็ทำให้เขายอมที่จะวาดมือโอบกอดเอวอีกฝ่ายเอาไว้แนบตัวอย่างปลอบประโลม

     

    "ไม่เอานาฮยอกแจ...ไม่ร้องไห้นะ"

     

    "ผมแค่...หวงรอยยิ้มของเขา ผมมันนิสัยแย่...ฮึก...ใช่มั้ยครับพี่"

    แจจุงชะงักไปอีกครั้งก่อนจะคลี่รอยยิ้มบางออกมาพลางโยกคนตัวเล็กไปมาอย่างปลอบโยน...เป็นพี่ชายที่แสนดีจนคนร้องไห้สะอื้นหนักกว่าเก่าเสียอีก

     

    "ไม่ใช่ซักหน่อย นายไม่ได้ทำอะไรผิดนี่ฮยอกแจ นายก็แค่รักเขามากๆ...มันความผิดของนายที่ไหนกันล่ะ"

    ฮยอกแจปล่อยโฮออกมาเสียงดังกว่าเก่าพลางจิกกำเสื้อยืดสีขาวของพี่ชายเอาไว้แน่นจนยับย่น...นี่กระมังที่ทำให้เขาร้องไห้ออกมาได้ง่ายดายขนาดนี้

     

    "แต่เขาดูเหมือน...จะรักผมน้อยลงแล้วล่ะครับ"

     

    ........................................................

     

    "อ้าว...พี่ซีวอนรึเปล่าครับ"

    คยูฮยอนที่กำลังเมากรึ่มๆได้ที่ชะโงกหน้าไปถามชายหนุ่มร่างสูงท่าทางคุ้นตาคนหนึ่งที่นั่งกระดกเหล้าเข้าปากเป็นว่าเล่นที่โต๊ะลับตาผู้คนมุมหนึ่งของผับ ซีวอนเงยหน้าขึ้นมองคนเอ่ยเรียกด้วยสายตามึนงงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะคลี่รอยยิ้มออกมาพลางกวักมือเรียก

     

    "อืมๆ...มานั่งด้วยกันสิ นายชื่ออะไรน้า..." เสียงที่เริ่มอ้อแอ้ทำให้คยูฮยอนรู้ได้ในทันทีว่าว่าที่พี่เขยคนโตประจำตระกูลคิมคนนี้เมาแอ๋ไปเสียแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนักและรีบเดินไปทรุดตัวนั่งอยู่เคียงข้างตามคำเชิญทันที...ปัจจัยหนึ่งอาจจะมาจากเหล้าราคาแพงที่มีดีกรีสูงปรี๊ดจนน่ากลัวซึ่งวางกระจัดกระจายอยู่บนโต๊ะก็เป็นได้ที่ทำให้คยูฮยอนดูกระตือรือร้นขนาดนั้น

     

    "คยูฮยอนไงครับพี่...จำได้เปล่า"

     

    "อ่า...อ้อ...เพื่อนคิบอม" ซีวอนพยักหน้าหงึกหงักพลางจัดการผสมเหล้าให้เพื่อนร่วมโต๊ะคนใหม่ของเขา...และดูเหมือนว่าเขาจะกะสัดส่วนของเหล้าเยอะกว่าส่วนของโซดามากเกินไปเสียหน่อย

     

    "สั่งมาทำไมเยอะแยะครับเนี่ย...มากับเพื่อนหรอพี่"

     

    "เปล่า...ก็แค่อยากกิน ฉันมีปัญญาจ่ายล่ะกันนา...จะกินไม่กิน!"

    ดูเหมือนว่าความเมามายจะทำให้เชวซีวอนผู้สุภาพอยู่เป็นนิจหายไปและแทนที่ด้วยพ่อหนุ่มอารมณ์ร้ายแสนเอาแต่ใจเป็นที่หนึ่ง...แต่คยูฮยอนที่กำลังเมาไม่แพ้กันก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะสนใจอีกนั่นล่ะ เขาใช้มือข้างหนึ่งรับแก้วพร้อมกับใช้มืออีกข้างหนึ่งหยิบโทรศัพท์มือถือของตนขึ้นมากดโทรออก

     

    "ผมจะบอกพี่ฮีชอลให้ละกันนะ...อ่ะ...อ่า...พี่ฮีชอลครับ พี่ซีวอนกินเหล้าเมาอยู่กับผมครับพี่...ฮะ?...อยู่ไหน...อยู่ไหนน้า~...อ้อ...ที่ผับNครับพี่...ผมเปล่าชวนพี่เค้าออกมาซักหน่อย อย่ามาใส่ร้ายกันสิ ผมอุตส่าห์โทรมาฟ้อง...เชอะ!...งอนแล้ว!" คยูฮยอนสะบัดเสียงก่อนจะวางสายไปแล้วจึงซดเหล้าในมือไปเกือบค่อนแก้ว และความแรงของมันก็ทำให้คนที่เมาแค่กรึ่มๆเมาแอ๋ไม่รู้เรื่องทันที

     

    ซีวอนที่นั่งอยู่ข้างๆก็ช่างรู้งาน รีบชงแก้วใหม่ให้ในทันที และคราวนี้สัดส่วนของโซดาก็ลดน้อยลงไปกว่าเดินอีกกว่าเท่าตัว ทั้งคู่นั่งหัวเราะเอิ๊กอ๊าก พลัดกันชงเหล้าให้กันอยู่อย่างนั้นอีกพักใหญ่ก่อนจะเมาสนิท...นั่งเอนพิงกันอยู่แบบนั้นด้วยท่าทางหมดสภาพ

     

    "ผมอ่ะนะ...รักพี่ซีวอนมากที่สุดในโลกเลยพี่รู้เปล่า" คยูฮยอนที่กำลังเอนศีรษะพิงไหล่กว้างของเพื่อนร่วมก๊งเหล้าคนใหม่พูดอ้อแอ้ขึ้นมาพลางเอาแก้มถูไปถูมากับต้นแขนล่ำๆนั่นอย่างออดอ้อนยิ่งกว่าลูกแมว ซีวอนหัวเราะเบาๆพลางเอนศีรษะพิงกับพนักโซฟาพร้อมกับวาดมือโอบกอดไหล่ของคนข้างๆเอาไว้

     

    "ผมก็รักคุณมากๆเหมือนกันฮีชอล"

     

    "รักม๊ากมาก..." คยูฮยอนพึมพำตอบรับ ดวงตาใกล้ปิดสนิทอยู่รอมร่อ

     

    "แต่คุณไม่รักผมแล้วใช่มั้ยล่ะ...รักฮันคยองมากกว่าผมใช่มั้ยล่ะ"

     

    "ใครว่า...ผมร๊ากพี่ซีวอนจะตายไป"

     

    "ผมมันดีสู้ฮันคยองไม่ได้เลยหรอครับฮีชอล!" เสียงอ้อแอ้ในตอนแรกพลันเปลี่ยนเป็นดุดันก่อนซีวอนจะจัดการคิมฮีชอลในจินตนาการของเขาให้นอนราบลงไปบนโซฟาโดยมีร่างสูงใหญ่ของเขาขยับขึ้นคร่อมทับไว้ด้านบน...จ้องมองคนด้านล่างด้วยสายตาโกรธแค้นและเจ็บปวด

     

    คิมฮีชอลในจินตนาการของซีวอนชะงักไปนิด คยูฮยอนพยายามจะกระพริบตาถี่ๆเพื่อตั้งสติ หากแต่ปริมาณแอลกอฮอร์ที่เขารับเข้าไปก็มากเกินไปที่จะทำให้เขาเข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ได้ไม่เร็วนัก

     

    "ผมรักฮีชอลไม่พอหรอ...ไม่มากพอหรอ...มันน้อยเกินไปจนไม่สำคัญรึไง!" ซีวอนตัดพ้อด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้พลางกดข้อมือทั้งสองข้างของคนด้านล่างให้จมลงไปกับเบาะโซฟา เขามองคนที่เขาเห็นเป็นคิมฮีชอลด้วยสายตาปวดร้าวก่อนจะบดขยี้ริมฝีปากลงมาอย่างรุนแรง แทรกเรียวลิ้นที่สามารถสัมผัสได้ถึงความขมปร่าของรสเหล้าเข้ามาในโพลงปากอย่างจาบจ้วงหยาบคาย...และนั่นก็ทำให้คยูฮยอนสร่างเมาเป็นปลิดทิ้งในทันที

     

    ชายหนุ่มที่ตัวบางกว่าอยู่ซักหน่อยเริ่มออกแรงดิ้นรนและส่งเสียงร้องอื้ออึงอยู่ในลำคอเพื่อประท้วงขอความเป็นธรรม

     

    "พี่ซีวอน!...นี่ผมคยูฮยอนนะครับพี่!" ริมฝีปากที่เริ่มแดงช้ำร้องบอกความจริงในทันทีที่เป็นอิสระ แต่มือใหญ่ที่เริ่มซุกซนวุ่นวายอยู่กับชายเสื้อของเขาก็ทำให้เขาร้องโวยวายออกมาไม่เป็นภาษาในทันที

     

    "พี่ซีวอนๆๆๆ!!...เฮ้ยๆๆๆ!!!...ผมไม่ใช่แฟนพี่นะ....ว้ากกก~ก!!!"

     

    "ฉันจะไม่ปล่อยให้นายไปไหนแน่ฮีชอล...ไม่ปล่อยแน่ๆ" ซีวอนพึมพำก่อนจะขบเม้มลงบนซอกคอของอีกฝ่าย สร้างรอยแดงให้ปรากฏเด่นขึ้นมาจนคยูฮยอนร้องโวยวายขึ้นมาอกีรอบ...เขากำลังโดนผู้ชายทำรอย!!...บ้าไปแล้ว!!...เขายังไม่ได้จิ้นซองมินเลยนะ แต่เขากำลังจะเสียจิ้นก่อนซองมินเสียอีก...ไม่เอานะ!!

     

    "พี่ซีวอน....พี่ซีว๊อนนน~น!!...ฮึก...ไม่เอานะพี่ อย่าทำแบบนี้สิ...ฮือ!!...โฮ!!"

    เสียงสะอื้นในลำคอตอนแรกเปลี่ยนมาเป็นการปล่อยโฮน้ำตาท้วมทันทีที่ซีวอนสามารถปลุกปล้ำถอดเสื้อเชิ้ร์ตของเขาออกได้เป็นสำเร็จ และมันก็ถูกนำมามัดข้อมือของเขาไว้ คยูฮยอนดิ้นรนสุดชีวิตทั้งน้ำตาอย่างไม่อาย...แน่ล่ะ...ถ้าเขาเสร็จน่ะน่าอายกว่านี้แน่

     

    ริมฝีปากร้อนของซีวอนจูบระเรื่อยอยู่บนแผ่นอกของเขา...สร้างรอยแดงในทุกๆที่ที่มันพาดผ่าน หยอกล้ออยู่กับยอดอกจนมันเริ่มแข็งขืนขึ้นมา...ไม่ได้คยูฮยอน!!....นายต้องตั้งสติ นายกำลังจะเสียจิ้นนะ!!

     

    "ผมไม่ใช่พี่ฮีชอลนะครับพี่...ฮือ...พี่อย่าทำกับผมแบบนี้สิครับ...โฮ....ผมมีแฟนแล้วนะ ผมยังไม่ได้มีอะไรกับแฟนเลยนะพี่....ฮือ~!!"

     

    "นายมีแฟนแค่ฉันคนเดียวฮีชอล...ฉันรักนายมากเลยนะ"

     

    โครมมม~ม!

     

    "เจ๊~!!!..." คยูอฮยอนกรีดเสียงร้องออกมาทันทีเมื่อเห็นหน้าคนที่ผลักซีวอนออกจากร่างของเขาได้ชัดตา...ชายหนุ่มร้องไห้สะอึกสะอื้นหนักกว่าเดิมเสียอีก

     

    "ทำอะไรของนายน่ะห๊าเชวซีวอน!!....คิดจะปล้ำน้องเขยฉันรึไง!"

     

    "เจ๊ช่วยผมด้วยครับเจ๊!!...เจ๊!!...แฟนเจ๊อ่ะ...แฟนเจ๊อ่ะ....โฮ~!!!" คยูฮยอนรีบฟ้องผู้ช่วยชีวิตของเขาทันทีที่ตั้งตัวขึ้นมานั่งได้เป็นสำเร็จ หากแต่เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของเขาก็ทำให้เขาพูดไม่จบประโยคเสียนี่ เขาสะบัดเสื้อที่ผูกมัดอยู่ที่ข้อมือของเขาออกพลางจัดการสวมเสื้อกลับเหมือนเดิมทั้งน้ำตานองหน้า

     

    "คยูฮยอน..."

    คนถูกเรียกตวัดดวงตาชุ่มน้ำตาขึ้นมอง...และผู้ที่เป็นเจ้าของเสียงหวานนั่นก็ทำให้เขาบ่อน้ำตาแตกอีกรอบ

     

    "ซองมิน...ฮึก...โฮ~!!....ซะ...ซองมินครับ!!...ฮือ!!"

    ซองมินสะดุ้งก่อนจะรีบเดินเข้าไปทรุดตังนั่งอยู่ข้างๆทันทีเมื่อจู่ๆคยูฮยอนที่ทำท่าจะพูดอะไรซักอย่างก็ร้องไห้จ้าออกมาเป็นเด็กๆ เขาโอบกอดคนที่กำลังขวัญเสียสุดๆเอาไว้พลางโยกตัวไปมาเหมือนกำลังปลอบโยน...ทั้งๆที่เขาจะยังงงๆอยู่กับเหตุการณ์อยู่ก็ตามที(เขาแค่ตามพี่ชายมาด้วยเพราะตั้งใจจะมาด่าที่คนตัวโตทำตัวเหลวไหลแค่นั้นเอง)

     

    คยูฮยอนโอบกอดเอวบางของแฟนหนุ่มของตนเอาไว้แน่นพร้อมกับซุกหน้าอยู่กับแผ่นอกเล็ก ร้องไห้สะอึกสะอื้นจนเสื้อของซงอมินเปียกชุ่มไปหมด

     

    "ผะ...ผมจะไม่...ฮึก...ไม่เที่ยวอีกแล้วนะ...ฮึก...ไม่เมาอีกแล้ว...ผมจะไม่ทำอีกแล้วครับซองมิน...ฮึก...ฮือ~...ซองมินอ่า!!" ยิ่งพูด คยูฮยอนก็ยิ่งสะอึกสะอื้น น้ำตาไหลพรากๆจนซองมินต้องยกมือขึ้นลูบศีรษะเบาๆเพื่อปลอบให้คนหวาดกลัวผ่อนคลายลงบ้าง...แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ไหล่กว้างหยุดอาการสั่นไหวอยู่ดี

     

    "ไม่เอานาคยูฮยอน....อย่าร้องไห้สิ ฉันก็อยู่นี่แล้วไง"

     

    "พะ...พี่ซีวอน...ทะ...ทำรอยผมด้วยอ่ะซองมิน...มีรอยจูบด้วยอ่า!!...โฮ!!...ซองมินอ่า!!"

     

    "นี่ๆ...หยุดร้องไห้เถอะนะคยูฮยอน ไม่มีอะไรแล้วนี่ไง"

    ดวงตากลมโตของซองมินกวาดมองไปทั่วซอกคอของร่างในอ้อมกอด....และมันก็มีจริงๆเสียด้วย คิสมาร์คสีแดงชัดตาข้างลำคอและเนินไหล่ ระเรื่อยลงไปตามแผ่นอก...นายโจวคยูฮยอนต้องคลั่งมากๆแน่ๆถ้าได้เห็นเข้าในวันพรุ่งนี้

     

    ซองมินกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นพลางกดริมฝีปากลงบนกลุ่มผมนุ่มของคนที่แทบจะขดตัวนอนซบตักเขาอยู่รอมร่อเบาๆ

     

    "ไม่เป็นไรแล้วๆ...เงียบได้แล้วนา มันไม่มีอะไรแล้ว"

     

    ซองมินเหลือบมองพี่ชายของตนที่กำลังใช้มือเขย่าคอเสื้อของตัวต้นเหตุอย่างเอาเป็นเอาตายด้วยสายตาสงสารแกมสังเวช...ขอให้โชคดีกับฝ่าเท้าของพี่ฮีชอลนะครับพี่ซีวอน

     

    ......................................................

     

     

     

     

    เอามาเปนตอนคลายเครียดกันเนอะสำหรับตอนนี้- -*...คำหยาบคายเยอะทีเดียว จำได้ว่าเคยเถียงกับใครม่ะรุ้เรื่องวอนคยู ก้อเลยแต่งตอนนี้มาซะเลย- -(ประชดกันเลยทีเดียว) ในที่สุดชายวอนมาตามที่หลายคนเรียกร้องแล้วค่า^^;;

     

     

    ไปแระค่า^^...งานเยอะมากมาย อาทิตย์หน้างดนะคะที่รัก ขอไรเตอร์ไปสอบนิดนึง แล้วจะกลับมาพร้อมกับยุนแจ(ที่หลายคนถามหา)และอะไรที่เส้ากว่านี้อีกค่ะ^^;;

     

    ขอบคุนทุกคอมเม้นทุกกำลังใจเลยน้า(ใกล้หายป่วยแล้วค่ะ- -V) คนทที่ทิ้งเมลไว้เด๋วเราแอดไปน้า ใจเยนนิดนึง...โชคดีกันทุกคนน้า

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×