ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC SJ:KIHAE] :: Just You พรหมลิขิตหัวใจบอกฉันให้รักเธอ

    ลำดับตอนที่ #21 : Full of Happiness :: Part2...Bike Riding

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.2K
      13
      10 ส.ค. 51

    "ซองมิน...รถผมเสียอ่ะ"

    พ่อเด็กช่างฟ้องตัวโข่งเดินหน้ามุ่ยมาบอกเขาทันทีที่เขาก้าวขาออกมาจากตึกเรียนเพื่อกลับบ้าน ซองมินทำหน้างงอยู่ครู่หนึ่งเมื่อจู่ๆคนที่มารับมาส่งเขาทุกวันเดินมาฟ้องเขาด้วยเรื่องที่ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของเขาเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ก็ต้องจำใจร้องเออออตอบรับออกมาเพราะใบหน้าคมมีแนวโน้มว่าจะมุ่ยลงเรื่อยๆและคงจะกลายเป็นงอนในที่สุดถ้าเขายังไม่รีบเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้น

     

    "รถเสีย?...แล้วทำไมนายไม่โทรมาบอกล่ะ จะมาให้เหนื่อยทำไม"

     

    "ก็มือถือผมแบตมันหมดนี่นา ผมกลัวซองมินจะคอยก็เลยมาบอก...ซองมินต้องยืนชะเง้อคอคอยมองหาผมแน่ๆถ้าไม่เห็นผมมาคอยน่ะ...ใช่มั้ยล่ะ"

    คนหน้ามุ่ยเริ่มเปลี่ยนสีหน้ากลับมาเป็นยิ้มแย้มดังปกติพลางใช้นิ้วจิ้มจึ้กๆเข้าที่แก้มนิ่มที่กำลังกลายเป็นสีแดงระเรื่อน่ามองของคนโดนรู้ทัน

     

    ซองมินรู้สึกว่าแก้มของตัวเองกำลังร้อนมากเกินไปหน่อยจนเขาต้องกลบเกลื่อนอาการนั้นด้วยการทำเสียงฮึดฮัดและก้าวเดินหนีออกมาดื้อๆ...เขายอมรับไม่ได้อย่างที่สุดว่าสิ่งที่นายโจวคยูฮยอนจอบแอ๊บแบ๊วพูดมานั้นมีความน่าจะเป็นไปได้สูงมากๆ ชายหนุ่มเพียรมารับมาส่งเขาตลอดทั้งอาทิตย์...และมันก็กำลังจะทำให้เขาเคยชินกับการมีโจวคยูฮยอนมาส่งในตอนเช้าและมารับกลับในตอนเย็น

     

    คยูฮยอนหัวเราะร่าพลางรีบวิ่งมาแย่งหนังสือสองสามเล่มออกจากมือเล็กเพื่อเอามันมาถือไว้เสียเอง ร่างสูงโปร่งของเขาเป็นที่จับตามองแทบจะตลอดทางไปยังประตูของมหา'ลัย ถึงแม้ตลอดเกือบหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาใครต่อใครหลายๆคนจะค่อนข้างคุ้นเคยกับใบหน้าของเขาแล้วก็ตามที

     

    ไม่เพียงเพราะเขาไม่ใช่เด็กของมหา'ลัยSแห่งนี้แต่กลับสามารถเดินเข้าออกอย่างมีอิสระยิ่งกว่านักศึกษาบางชั้นปีแล้วเท่านั้น หากแต่คนที่เขามารับมาส่งถึงหน้าประตูตึกเรียนทุกวันคือลีซองมิน...คุณหนูคนสุดท้องผู้เงียบขรึมและใครต่อใครต่างพากันบอกว่าเข้าถึงยากเป็นหนักหนาของตระกูลคิม....1ใน3ของผู้มีอำนาจสูงสุดเหมือนอาณาจักรคิมกรุ๊ปอันยิ่งใหญ่ มันจึงสร้างความแปลกใจให้ผู้พบเห็นได้ไม่น้อยที่เห็นลีซองมินผู้ไม่เคยมีใครเดินอยู่เคียงข้างนอกจากคิมรยออุคเพื่อนสนิทมีชายหนุ่มแปลกหน้ามาตามติดแบบนี้

     

    "ทำไมหรอครับซองมิน อย่าเดินหนีผมสิ...อายใช่มั้ยล่ะ"

    ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ เพราะคนตัวเล็กยิ่งก้มหน้าก้มตาสาวเท้าเดินให้เร็วขึ้นไปอีก ซึ่งมันก็ทำให้คนชอบแกล้งหัวเราะเสียงดังกว่าเดิม คยูฮยอนเอื้อมมือไปคว้ามือเล็กมาเกาะกุมเอาไว้เหมือนอย่างเคย...รั้งให้คนตัวเล็กก้าวช้าลงเพื่อจะได้เดินอยู่เคียงข้างกัน

     

    "นายกลับไปได้แล้ว วันนี้ฉันกลับเองก็ได้" คนที่กำลังเขินเอ่ยปากไล่คนมารับเอาดื้อๆด้วยเสียงแข็งๆตามนิสัย หากแต่ก็ไม่ได้พยายามที่จะดึงมือของตนออกมาจากการเกาะกุม...คงเป็นอีกเรื่องหนึ่งกระมังที่โจวคยูฮยอนทำให้เขาเคยชินจนกำลังจะติดเป็นนิสัย...การมีมือใหญ่แสนอบอุ่นของใครบางคนจับประสานมือของตนเอาไว้

     

    "ไล่ผมทำไมล่ะครับ ซองมินจะกลับคนเดียวทำไม ผมก็มารับซองมินแล้วนี่ไง"

     

    "ก็รถเสียไม่ใช่หรอ นายส่งฉันขึ้นแท็กซี่ก็พอแล้ว"

     

    "ไม่เอาอ่ะ ซองมินโดนแท็กซี่จับไปเรียกค่าไถ่ผมจะไปบอกไอ้คิบอมยังไงล่ะ วันนี้ผมเอารถสำรองมา...ซองมินไม่ต้องห่วง" คยูฮยอนพูดอย่างอารมณ์ดีพลางแกว่งมือที่จับประสานกันอยู่ไปมาเบาๆ...ท่าทางที่ผิดกับเมื่อไม่กี่นาทีก่อนลิบลับ

     

    ซองมินได้แต่ส่ายหน้าอย่างเอือมๆให้กับอารมณ์ขึ้นๆลงๆยิ่งกว่าสาวท้องแก่ของคนข้างๆก่อนจะนิ่งเงียบเพื่อฟังอีกฝ่ายเล่าเรื่องต่างๆมากมายให้ฟังเหมือนอย่างเคย....และมันก็เป็นภาพที่ถูกเห็นจนแทบจะชินตาตลอดระยะเวลาเกือบสัปดาห์ที่ผ่านมา...ภาพของคนตัวสูงที่อ้าปากพูดเจื้อยแจ้วให้คนตัวเล็กที่เดินจับมืออยู่ข้างๆฟังอยู่เพียงฝ่ายเดียวโดยไร้คำพูดโต้ตอบใดๆกลับมานอกจากเสียงตอบรับสั้นๆในลำคอเท่านั้น

     

    "นี่ไงรถสำรองของผม...สวยใช่มั้ยล่ะ"

    ซองมินขมวดคิ้วพลางกวาดสายตาไปทั่วพื้นที่ว่างเปล่าตรงหน้าอย่างงงๆ...ไอ้หมอนี่ต้องหาเรื่องแกล้งเขาอยู่แน่ๆ

     

    "ไหนรถนาย ฉันไม่เห็นรถซักคัน...มีแต่..."

     

    "นี่ไง...คันนี้ไง"

    ร่างสูงปล่อยมือเขาเพื่อเดินตรงไปหาจักรยานสีน้ำเงินคันหนึ่งที่จอดพิงต้นไม้อยู่ซึ่งซองมินกำลังจะพูดถึงมันพอดี...เขาอ้าปากอย่างไม่อยากจะเชื่อ แต่คยูฮยอนกลับยิ้มกว้างให้กับท่าทางเหวอๆของคนตัวเล็ก เขาเดินกลับมาจูงคนที่บัดนี้เขาสามารถเรียกว่าแฟนได้อย่างเต็มปากมายังพาหนะประจำตัวของเขาในวันนี้ก่อนจะกระโดดขึ้นนั่งคร่อมด้วยท่าทางคล่องแคล่ว

     

    "ขึ้นมาเร็วสิครับซองมิน"

     

    "นายแน่ใจนะว่ามันจะไม่ล้มน่ะ" ซองมินยังคงไม่มีทีท่าว่าจะวางใจเจ้าจักรยานสีน้ำเงินที่ดูเหมือนเพิ่งถูกซื้อมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะคันนี้ให้พาเขากลับบ้านเท่าไรนัก หากแต่สารถีหน้าคมเสียงดีประจำตัวก็ยิ้มกว้างพลางพยักหน้ารับประกันความปลอดภัยจนเขาต้องถอนหายใจออกมาอย่างไร้ทางเลือก

     

    "ถ้านายทำล้มนะ ฉันจะโกรธจริงๆด้วย" คนตัวเล็กชี้หน้าขู่พลางดึงหนังสือของตนที่ถูกหนีบอยู่ใต้วงแขนของคนขับมาถือเอาไว้เองตามเดิมก่อนจะค่อยๆขยับตัวขึ้นนั่งซ้อนอยู่ด้านหลังด้วยท่าทางเก้ๆกังๆ...ก็ตลอดชีวิตของซองมินคนนี้ อย่าว่าแต่ขี่จักรยานเลย แม้แต่ฟุตบอลที่เด็กผู้ชายทุกคนต้องเล่นเป็น เขายังเล่นไม่เป็นด้วยซ้ำ...คนที่มีชีวิตส่วนใหญ่นอนแบบอยู่บนเตียงอย่างเขาก็อย่างนี้ล่ะ

     

    "ถ้าซองมินจับผมแน่นๆเราก็จะไม่ล้มหรอกครับ...เอาล่ะนะ"

    คยูฮยอนเขี่ยขาตั้งขึ้นเก็บก่อนจะเริ่มออกแรงถีบพาเจ้าจักรยานให้เคลื่อนที่ไปเบื้องหน้า ซองมินเบ้หน้าเล็กน้อยเมื่อการเคลื่อนที่ของพาหนะคันใหม่ไม่ได้มีความมั่นคงเอาเสียเลยจนเขาต้องใช้สองมือยึดจับเอวของคนขับเอาไว้

     

    "ดีๆสิคยูฮยอน ฉันกลัวนะ"

             

    "ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัวเลยนี่ครับซองมิน...ผมอยู่นี่ ซองมินจะกลัวอะไรล่ะ"

    มือใหญ่ข้างหนึ่งปล่อยออกมาจากแฮนด์เพื่อเอามันมากุมมือเล็กอันเย็นเฉียบที่ยึดจับเอวของเขาอยู่พลางออกแรงดึงเบาๆเพื่อให้มันโอบอ้อมเอวของเขามาด้านหน้า...จับประสานมันเอาไว้อยู่ที่หน้าท้องของเขา

     

    "ก็แค่กลัวมันจะล้ม...นายอย่าปล่อยมือสิ!...เดี๋ยวมันก็ล้มหรอก!" เสียงพึมพำเบาๆเปลี่ยนมาเป็นร้องโวยวายในทันทีเมื่อนึกได้ว่ามือของตนถูกมือที่ควรจะจับแฮนด์บังคับรถเกาะกุมเอาไว้ คยูฮยอนหัวเราะร่า ยอมปล่อยมือออกมาจากมือเล็กกลับไปจับที่แฮนด์รถตามเดิม...แล้วเขาก็ต้องขยับรอยยิ้มกว้างเมื่อแขนเล็กยังคงโอบเอวของเขาไว้อยู่อย่างนั้นโดยไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยออก

     

    "ช่วงนี้ซองมินเจอคิบอมบ้างมั้ยครับ" คนช่างพูดเริ่มบทสนทนา

     

    "ตอนนี้พี่คิบอมอยู่ที่เชจู"

     

    "ผมหมายถึง...ซองมินได้เจอหน้าคิบอมบ้างรึเปล่าน่ะครับ"

             

    "ฉันเจอหน้าพี่คิบอมไม่บ่อยหรอก พี่ชายไม่ค่อยกลับบ้าน...จะอยู่ที่อพาร์ทเม้นต์มากกว่า"

     

    "ทิ้งซองมินให้อยู่คนเดียวได้ไงอ่ะ!"

    ดูเหมือนคยูฮยอนจะลืมจุดประสงค์ในการเอ่ยถามเกี่ยวกับตุ๊กตานัยน์ตาสีฟ้าตัวใหม่ของคิมคิบอมไปกะทันหันเมื่อได้ยินคำตอบแบบนั้นจากแฟนของตน

     

    "เดี๋ยวมันกลับมาเมื่อไรผมจะโทรไปด่ามันให้นะครับ ทิ้งให้ซองมินอยู่คนเดียวได้ไงอ่ะ ถ้าเกิดซองมินเป็นอะไรไปจะทำยังไง...ไอ้บ้าแก้มบวมนั่นเป็นพี่ชายประสาอะไรกัน!"

    คยูฮยอนดูท่าจะเป็นเดือดเป็นร้อนมากกว่าคนที่ถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวเสียอีก ซองมินยิ้มแหยๆพลางเลื่อนมืออีกข้างขึ้นไปโอบเอวของคนตรงหน้าเอาไว้...ไม่ใช่เพราะอยากจะงอนง้อ...นั่นไม่ใช่นิสัยของลีซองมินที่ต้องมานั่งงอนง้อใคร หากแต่คงเป็นเพราะความลืมตัวเสียมากกว่า...และมันก็ทำให้อารมณ์เดือดๆของคยูฮยอนดับวูบลงมาทันที

     

    "ซองมินครับ..."

     

    "แต่ตอนนี้ฉันมีนายแล้ว...ฉันอยู่คนเดียวที่ไหนล่ะ"

    เสียงพึมพำอย่างงัวเงียที่ตอบกลับมาพร้อมกับแก้มนิ่มที่แนบลงกับแผ่นหลังของเขาทำให้คยูฮยอนคลี่รอยยิ้มอ่อนโยนขึ้นมาบนเรียวปาก เขาผ่อนความเร็วของจักรยานลงเพื่อจะได้ยืดเวลานี้ให้ยาวนานออกไป

     

    "ซองมินง่วงหรอครับ"

     

    "อือ...วันนี้เรียนเยอะมากเลย มีสอบด้วย"

     

    "งั้นซองมินกอดผมแน่นๆนะครับ เดี๋ยวจะตกลงไป"

    อ้อมแขนเล็กกระชับกอดเขาแน่นขึ้นเป็นการรับคำทันทีอย่างว่าง่าย ซองมินเอนตัวพิงแผ่นหลังอุ่นพลางปิดเปลือกตาลงเพราะความเหนื่อยอ่อนจากการเรียน

     

    "แค่มีนายฉันก็มีความสุขแล้ว"

    เสียงคนตัวเล็กพึมพำออกมาเบาๆก่อนเจ้าตัวจะผล่อยหลับไปคาแผ่นหลังของเขา คยูฮยอนขยับรอยยิ้มให้กว้างขึ้น...ถึงแม้เขาจะรู้สึกผิดอยู่หน่อยๆที่ทำให้คนตัวเล็กต้องมาลำบากทั้งๆที่เพิ่งจะเรียนมาเหนื่อยๆ แต่เขาก็รู้สึกดีจนปฏิเสธไม่ได้...ลีซองมินกำลังจะทำให้เขาลืมใครอีกคนอย่างไม่น่าให้อภัย

     

    "ผมก็มีความสุขเพราะซองมินเหมือนกันครับ"

     

    ...................................................

     

    "นายอยากกินไอติมมั้ยแจจุง"

     

    "..."

     

    "งั้น...เค้กล่ะ อยากกินมั้ย...ฉันเลี้ยงนะ"

     

    "..."

    คนที่นั่งหันหลังซ้อนจักรยานที่เขากำลังปั่นอนู่ยังคงนิ่งเงียบใส่เขาดังเช่นทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมา ยุนโฮถอนหายใจพลางปั่นจักรยาน(ที่เขาเสียเงินเกือบตั้งหมื่นวอนเพื่อขอยืมมันมาจากไอ้เด็กแจจินซึ่งเขาเห็นมันแว้บๆอยู่ที่เกมส์เซนเตอร์ตรงหัวมุมถนนเมื่อกี้....แม่งเอาเงินเขาไปใช้เล่นชัวร์!)ต่อไปตามทางในสวนสาธารณะเล็กๆแห่งนี้

     

    เขาไม่รู้ว่าตอนนี้แจจุงกำลังโกรธเขาเรื่องอะไร และตอนนี้เขาก็สุดปัญญาที่จะงอนง้อ...นี่คงเป็นหนึ่งในการทะเลาะกันครั้งยิ่งใหญ่ของพวกเขาแน่ๆ แจจุงทำเหมือนเขาไม่มีตัวตน...ทำท่าเหมือนมองไม่เห็นเขากระนั้น ท่าทางปั้นปึงแบบนั้นทำให้ร้านขนมปังที่ควรจะสดใสของพวกเขาดูหม่นหมองลงมาอย่างที่มันไม่ควรจะเป็น...และตอนนี้เขายอมรับว่ากำลังเริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายกับการต้องมาคอยงอนง้อคิมแจจุงอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน...มีเพื่อนที่ไหนเขาทำกันแบบนี้บ้างล่ะ!

     

    "นายจะไม่พูดกับฉันจริงๆหรอแจจุง"

     

    "..."

     

    "ฉันเบื่อที่จะต้องง้อนายแล้วนะ"

     

    "เบื่อก็ไสหัวไปสิ!"

    เสียงแรกของคิมแจจุงถูกตวัดแหวออกมาอย่างกราดเกรี้ยวก่อนร่างบางๆของเขาจะกระโดดลงมาจากเบาะซ้อนด้านหลังแล้วเดินกลับไปตามทางที่พวกเขาเพิ่งผ่านมา ยุนโฮร้องออกมาอย่างตกใจเล็กน้อยพลางพยายามบังคับจักรยานของตนให้สมดุลตามเดิมก่อนจะรีบตีโค้งปั่นกลับไปหาคนขี้งอน...รู้ตัวช้าไปสักนิดว่าสิ่งที่ตนพูดออกมานั้นแรงเกินไป

     

    "แจจุง!...นี่!....ฉันไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้นนะ ฉันขอโทษก็ได้"

    แจจุงก้มหน้า หมุนตัวเดินตัดเข้าไปในสนามหญ้าอันเป็นเส้นทางที่จักรยานไม่สามารถตามเข้ามาได้ ทำให้ยุนโฮจำต้องทิ้งจักรยานของตนไว้ตรงริมทางเดินและรีบวิ่งตามเข้ามา

     

    "นี่...แจจุง!....นายอย่าทำแบบนี้สิ ขอโทษนะแจจุง....ฉันจะไม่พูดแบบนั้นอีกแล้วนะ"

     

    "ฉันไม่ได้เป็นคนชวนนายออกมาซักหน่อย ถ้านายเบื่อฉันก็ไปซะ...ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน ทิ้งฉันไว้ตรงนี้ล่ะ เดี๋ยวฉันกลับเองก็ได้"

    ทำไมกันนะ...ทั้งๆที่คนที่เขารักมากกว่าใครคือชองยุนโฮ แต่ชองยุนโฮกลับทำให้เขาเศร้าและร้องไห้บ่อยกว่าใคร แจจุงกระพริบตาถี่ๆเพื่อไล่น้ำตาที่เอ่อล้นอยู่ที่ขอบตาพลางสาวเท้าให้ยาวขึ้นเพื่อเดินหนีคนตัวสูงซึ่งดูไม่เดือดร้อนในการก้าวเดินตามเขามากนัก

     

    "ฉัน...ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น นายจะช่วยหยุดฟังฉันก่อนจะได้มั้ย" เสียงทุ้มเริ่มตวัดดังขึ้นอย่างคนที่เริ่มหงุดหงิดขึ้นมาบ้าง มือใหญ่เอื้อมไปรั้งต้นแขนเล็กเอาไว้เพื่อให้คนที่กำลังเดินหนีเขาหยุดเดินเสียที

     

    "แล้วนายหมายความว่ายังไงล่ะชองยุนโฮ...คำว่าเบื่อของนายน่ะ"

     

    "ฉัน...เอ่อ...ฉัน..."

    และชองยุนโฮก็ทำให้ดวงตากลมโตกลับมารื้อเต็มไปด้วยน้ำตาอีกครั้งด้วยคำเพียงไม่กี่คำเท่านั้นเอง ร่างบางสะบัดตัวออกมาจากการเกาะกุมด้วยสีหน้าและแววตาที่แข็งกร้าว...โกรธเคือง ก่อนจะผลักไหล่ของยุนโฮจนเซถลาถอยหลังไปหลายก้าว

     

    "นายก็เป็นคนแบบนี้ล่ะชองยุนโฮ ชอบทำอะไรไม่คิด พูดอะไรไม่คิด....ไม่เคยคิดว่ามันจะทำให้ใครต้องเสียงใจต้องร้องไห้บ้าง...เออ!...ฉันมันก็เป็นของฉันแบบนี้...ขี้งอน ขี้น้อยใจ เรียกร้องความสนใจจนน่ารำคาญ....แต่นายไม่เห็นต้องพูดเลยนี่ว่านายเบื่อฉัน...ไม่เห็นต้อง...ทำให้ฉันร้องไห้เลยนี่..."

     

    น้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตากลมโตของแจจุงทำให้ยุนโฮชะงักค้างอยู่กับที่ ไหล่บางสั่นไหวด้วยแรงสะอื้นที่ไม่เบานัก...หากแต่ชองยุนโฮคนโง่ก็ยังไม่รู้ว่าควรจะต้องทำอย่างไร

     

    "ถ้าเบื่อก็แค่อย่ามายุ่งกับฉัน ไม่ต้องมาสนใจฉันก็ได้...ทำไมต้องพูดว่าเบื่อกันด้วยล่ะ...นายพูดเหมือนนายไม่อยากอยู่กับฉัน...พูดเหมือนนายอยากจะเอาฉันออกไปจากชีวิตของนาย...เป็นใครซักคนที่นายไม่ต้องการให้เข้ามายุ่งกับชีวิตของนาย นายก็รู้นี่ว่าฉันมีแค่นาย...ชีวิตของฉันก็มีเหลืออยู่แค่นายคนเดียวนะชองยุนโฮ..."

     

    เสียงหวานของแจจุงสั่นเครือและขาดห้วงเพราะแรงสะอื้นและน้ำตา ใบหน้าสวยเหยเกและมันก็เป็นเพราะแรงสะอื้นและน้ำตาอีกเช่นเดิม ดวงตาที่กำลังแตกร้าวเพราะน้ำตาจ้องมองคนที่ยืนอยู่ห่างออกไปไม่เท่าไรเขม็ง...มอบความเจ็บปวดในแววตาให้อีกฝ่ายได้เห็นอย่างชัดเจน ก่อนหลังมือจะถูกยกขึ้นมาเช็ดน้ำตาที่ดูท่าว่าจะไหลทะลักออกมามากเกินไปด้วยท่าทางซื่อๆไร้มารยาใดๆ...แต่ไม่ว่าจะเช็ดเท่าไร ก็ดูท่าว่ามันจะไม่หมดออกไปจากใบหน้าเสียที

     

    ทุกคนที่คิมแจจุงรู้จักล้วนล้มหายตายจากไปจนหมด เหลือเพียงแค่เพื่อนสนิทชองยุนโฮ...เป็นเพียงคนเดียวในชีวิตของเขาที่มีค่ามากยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด....เขาจึงอยากให้ชองยุนโฮคอยเอาใจ...คอยงอนง้อ...เพราะมันทำให้เขารูสึกว่าใครอีกคนอยู่อยู่ข้างๆเขาเสมอ แต่มันคงเป็นแบบนี้ไปได้อีกไม่นานสินะ....เขาคงมีชองยุนโฮอยู่ข้างกายแบบนี้ได้อีกไม่นานสินะ เพราะชองยุนโฮคงไม่ทนอยู่กับคนเอาแต่ใจอย่างเขา...เพื่อนสนิทที่เอาแต่ใจและดีแต่จะทำให้รำคาญ...คงอยากจะไปอยู่ข้างๆคนที่เขารักมากกว่าคิมแจจุงคนนี้เป็นแแน่....ความคิดแค่นั้นทำให้น้ำตาของเขาไหลทะลักออกมามากกว่าเดินเสียอีก

     

    "แจจุง...ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้นะ"

     

    "ฉัน...ฮึก...จะย้ายออกไปอยู่ที่อื่นก็ได้...ฉันจะไปหาที่พักใหม่ จะไม่รบกวนนายแล้ว"

     

    "อย่าพูดแบบนั้นสิแจจุง...ฉันไม่ได้อยากให้นายทำแบบนั้นซักหน่อย" เสียงของยุนโฮอ่อนลง มือใหญ่เอื้อมไปดึงร่างบางเข้ามากอดไว้แนบกายเพียงหลวมๆ...และนั่นยิ่งทำให้แจจุงสะอื้นหนักกว่าเดิมจนร่างกายสั่นคลอน ใบหน้าหวานก้มแนบอยู่กับไหล่กว้าง...ปล่อยให้น้ำตาซึมผ่านเสื้อแขนยาวสีเข้มของอีกฝ่ายจนมันเปียกชื้น....ยืนแน่นิ่งในท่านั้นเนิ่นนานโดยไม่ได้เอ่ยพูดสิ่งใด

     

    "ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะ ฉันน่ะ...ไม่มีวันทิ้งนายไปไหนหรอกนะ ทำไมฉันต้องทิ้งนายด้วยล่ะ ในเมื่อนายทำให้ชีวิตของฉันมีความสุขมากๆ...ฉันจะทิ้งความสุขของฉันไปได้ยังไงล่ะแจจุง" เสียงทุ้มที่ทอกระแสอ่อนโยนทำให้คนอ่อนไหวยิ่งปล่อยโฮออกมาหนักมากกว่าเก่าจนเจ้าของอ้อมกอดต้องโยกร่างบางไปมาเบาๆคล้ายกำลังปลอบประโลมเด็กชายตัวน้อยๆ

     

    "โอ๋ๆๆๆๆ...แจจุงอ่า ไม่ร้องแล้วนะ เงียบซะนะ เงียบซะ....ร้องไห้มากตาปูด ไม่สวยไม่รู้ด้วยนะ" ยุนโฮพยายามพูดติดตลกเพื่อให้คนในอ้อมแขนของเขาสงบลงบ้าง หากแต่มันก็ดูท่าว่าจะคว้าน้ำเหลวอย่างไม่เป็นท่า จนสุดท้ายแล้วเขาก็เลยทำเพียงแค่กระชับอ้อมกอดของตัวเองให้แน่นขึ้นและนิ่งเงียบเพื่อรอคอยให้เสียงสะอื้นจางหายไปเอง

     

    ถึงแม้ภายนอกคิมแจจุงจะดูโผงผางและช่างโวยวาย แต่จริงๆแล้วเขาเป็นคนอ่อนไหวยิ่งกว่าใครทั้งหมดที่ยุนโฮเคยรู้จักมา ในทางหนึ่ง...แจจุงเป็นคนเปิดเผย คิดสิ่งใด รู้สึกยังไงก็พูดอย่างนั้น แสดงมันออกมาทางสีหน้าและแววตาจนหมดสิ้นไม่มีปิดบัง แต่ในอีกทางหนึ่ง....เขากลับเก็บความรู้สึกต่างๆไว้กับตัวได้อย่างมิดชิดจนไม่มีใครล่วงรู้...อย่างเรื่องของครอบครัว

     

    กว่ายุนโฮจะรู้ว่าครอบครัวของแจจุงประสบอุบัติเหตุรถคว่ำเสียชีวิตทั้งหมด มันก็ผ่านมานานกว่าห้าปีจนเขาต้องกลับมานั่งถามตัวเองซ้ำใหม่อีกครั้งว่าเขาดูแลเอาใจใส่เพื่อนสนิทคนนี้ของเขาไม่ดีพออย่างนั้นหรือ ถึงได้ไม่ระแคะระคายอะไรเลย...ถึงได้ไม่สังเกตเห็นอะไรเลย...แต่ก็นั่นล่ะ...เขาก็โยนความผิดนั้นให้ร่างบางอยู่ดีที่ไม่ยอมบอกอะไรเขาเลย

     

    การชอบเก็บเงียบแบบนี้กระมังที่ทำให้แจจุงเป็นคนอ่อนไหว...ร้องไห้ให้กับคำพูดไม่กี่คำได้อย่างง่ายดาย....เสียน้ำตาให้กับเรื่องที่ตัวเขาเองคิดว่าไม่เป็นเรื่องได้อย่างง่ายดาย....มันทำให้คนที่ช่างโวยวายซึ่งควรจะดูเข้มแข็งอย่างคิมแจจุงกลับกลายเป็นคนอ่อนไหวเจ้าน้ำตาที่แสนอ่อนแอและเปราะบางจนเขาไม่อยากที่จะปล่อยให้คลาดสายตา

     

    "ฉันเกลียดนายชองยุนโฮ"

    คนถูกเกลียดหัวเราะเบาๆให้กับเสียงพึมพำสั่นเครือนั่นพลางกดคางลงบนไหล่บางและโยกคนในอ้อมแขนไปมา สายลมทำให้ผมของเขายุ่งเหยิงไม่เป็นทรง หากแต่เขาก็ยังไม่ใส่ใจ...ยังคงยืนมอบความอบอุ่นให้กับร่างบางที่แนบชิดอยู่กับร่างของเขาอยู่อย่างนั้นด้วยรอยยิ้มบางบนเรียวปาก

     

    "พูดแบบนั้นได้ยังไงคิมแจจุง ฉันน้อยใจนะจะบอกให้....ฉันเป็นเพื่อนสนิทที่ดีที่สุดในโลกของนายเชียวนะ"

     

    "เว่อร์!"

     

    "เว่อร์อะไรกัน!....น้อยกว่าความจริงด้วยซ้ำ อีกอย่างนะ....ไม่มีใครทนคบกับนายได้นานขนาดนี้นอกจากฉันหรอกจะบอกหะ...อ่ะ....โอ๊ยยย~!....เจ็บนะแจจุง!" คนร่างสูงร้องออกมาลั่นพลางบิดตัวตามแรงมือที่กำลังหยิกเอวของเขาอยู่ แจจุงทำหน้าบึ้ง หยิกไอ้คนปากดีไปแรงๆอีกสองทีก่อนจะผละออกและเดินหนีออกมา

     

    "แจจุงอ่า!!....หยิกฉันทำไมอ่ะ มันเจ็บนะ!....ดูสิ แดงเลยอ่ะ!....นี่!...รอกันด้วยสิแจจุง!"

    ยุนโฮรีบวิ่งมาเลิกชายเสื้อให้อีกฝ่ายดูเนื้อแดงๆที่โดนบิดไปสุดแรงด้วยหน้าตาเจ็บปวดที่ดูเหมือนลูกหมาชะมัดก่อนในที่สุดจะยอมแพ้ไปเมื่อคนที่เขาอยากให้มางอนง้อกลับไม่มีทีท่าว่าจะสนใจเขาแม้เพียงนิด

     

    "โธ่แจจุงอ่า...ง้อฉันหน่อยก็ไม่ได้ ที่ฉันยังง้อนายเลยนะ"

     

    "ก็นั่นมันฉันนี่...ยกเร็ว"

    ร่างบางพยักเพยิดไปยังจักรยานของแจจินที่ถูกเอนวางไว้อยู่บนพื้น ซึ่งคนถูกสั่งก็ยอมทำตามอย่างว่าง่ายเสียยิ่งกว่าลูกหมาเชื่องๆ แจจุงรอคอยจนร่างสูงขึ้นไปนั่งคร่อมบนจักรยานเป็นที่เรียบร้อยแล้วจึงตามขึ้นไปนั่งซ้อนท้าย....ยังคงนั่งหันหน้าออก เอนหลังพิงคนปั่นอยู่เช่นเดิม...นั่งแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร

     

    "มันนายแล้วไงล่ะ ฉันก็อยากมีคนมาเอาใจเหมือนกันนะ" สารถีบ่นออกมาเสียงเล็กเสียงน้อยอย่างคนน้อยใจ ซึ่งเขาก็สามารถเรียกรอยยิ้มบางให้คลี่ขึ้นมาบนเรียวปากบางสีแดงสดได้อย่างง่ายดาย แจจุงเอนศีรษะพิงไหล่กว้างของคนขับพลางเหม่อสายตาของตนขึ้นไปยังท้องฟ้าสีหม่นเบื้องบน

     

    "ก็เพราะว่าฉันมีความสุขน่ะสิ ฉันมีความสุขที่นายทำให้ฉันมีความสุขนะยุนโฮ...มีความสุขมากๆเลยด้วย"

     

    .................................................

     




     หวาดดีค่า....อัพแล้วน้า^^ ในที่สุดไรเตอร์ก้อจบตอนนี้ลงได้...เหนื่อมากมายทีเดียว (และแจจ๋าก้อร้องไห้น้ำตาท่วมอีกตามเคย- -*)...ตอนนี้อาจจาถือได้ว่าเปนตอนบอกลาของยุนแจกับคยมินทีเดียว เพราะสองคุ่นี้จาหายไปอีกพักใหย่ๆเลย เนื้อเรื่องกำลังจาเดินเร็วขึ้นค่ะ คิเฮกับฮันฮยอกก้อจะมากขึ้นตามไปด้วย...แม่ยกอย่าเพิ่งโกดน้า^^;;....พวกเค้าจากลับมาอกีในอีกหลายๆตอนต่อไปค่ะ ไม่ต้องห่วง



    ไปแระค่า วันนี้ไม่ค่อยมีแรงโม้เท่าไร ตอนต่อไปแม่ยกฮันฮยอกแตรียมกรี๊ดค่ะ....เอ็นซีที่รอคอยมาแล้วพี่น้อง!!



    เจอกันอาทิตนหน้านะจ้ะ


    พีเอส. ต้องขอโทดน้องจ๋อมที่ทักเรามาในเอ็มเมื่อวันก่อนด้วย นั่งดูแจจ๋าอยู่ดีๆเน็ตเราหลุดซะงั้นอ่ะ(แกอ้เข้าไม่ได้อีกเลย- -*) ขอโทดที่จุ่ๆก้อหายไปนะคะ



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×