ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC SJ:KIHAE] :: Just You พรหมลิขิตหัวใจบอกฉันให้รักเธอ

    ลำดับตอนที่ #17 : I Think I...

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.95K
      15
      29 มิ.ย. 51

    "ไม่ได้จริงๆหรอฮันคยอง"

     

    "ครับ...งานที่นี่ยุ่งมาก คงกลับไปตอนนี้ไม่ได้จริงๆ"

     

    "แต่ทงเฮโดนรถชนนะ ไม่ใช่แค่หกล้ม!....โทรมาหน่อยไม่ได้เลยหรอ แค่แป๊บเดียวก็ได้"

     

    "ผมไม่ใช่คุณคิบอมนะครับฮยอกแจ ผมทำอะไรเรื่องนั้นไม่ได้"

     

    "หรอ...อืม...ก็จริงนะ ขอโทษนะฮันคยอง"

     

    "แต่ผมจะพยายามให้นะครับ"

     

    "อืม...ขอบคุณนะ"

    ฮยอกแจกดวางสายก่อนจะเก็บมือถือใส่กระเป๋ากางเกงของตนตามเดิม เขาถอนหายใจออกมาเบาๆพลางเหลือบมองผ่านประตูกระจถที่เชื่อมต่ออยู่กับระเบียงที่เขากำลังยืนอยู่ไปยังเตียงคนไข้ที่มีร่างบอบบางของทงเฮนอนหลับสนิทอยู่....ถ้าเป็นเขาจะรู้สึกยังไงนะ นอนมีสายน้ำเกลือระโยงระยางพร้อมทั้งผ้าพันแผลพันอยู่กว่าค่อนตัวมาถึงสามวันโดยไร้เงาของคนที่ต้องการมากที่สุด...คงเศร้ามากๆเป็นแน่

     

    ทำไมฮยอกแจจะไม่รู้ล่ะว่าทงเฮกำลังคอยใครอยู่...นัยน์ตาสีฟ้าคู่สวยนั่นบอกทุกอย่างแก่เขาจนหมดสิ้น และนับวันมันก็ยิ่งหม่นหมองเศร้าสร้อยลงเรื่อยๆเมื่อมันยังคงไร้วี่แววของคนที่ถูกต้องการ...ซึ่งฮยอกแจก็ไม่รู้ว่าจะช่วยได้ยังไง การโทรไปคาดคั้นกับฮันคยองก็ดูเหมือนจะทำให้ทุกอย่างดูเลวร้ายลงกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ

     

    ร่างบางเลือนประตูกระจกเปิดออก แทรกตัวผ่านเข้าไปแล้วจึงปิดมันลงอย่างเงียบเชียบเพื่อไม่ให้คนป่วยได้รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา

     

    ก๊อกๆ

     

    ประตูห้องพักถูกเคาะอย่างแผ่วเบาก่อนจะถูกผลักเปิดเข้ามา และใบหน้าของชายหนุ่มผู้ที่มาเยี่ยมเยียนก็ทำให้ฮยอกแจคลี่ยิ้มออกมาได้เล็กน้อย ชองยุนโฮเดินเข้ามาวางช่อดอกลิลลี่สีขาวบริสุทธิ์ลงบนโต๊ะข้างเตียง เคียงข้างกับดอกคาเนชั่นของเมื่อวานที่ถูกจัดลงแจกันใบใหญ่ที่พี่พยาบาลสาวอุตส่าห์หามาให้

     

    "เพิ่งหลับหรอ"

     

    "ครับ เพิ่งกินยาแล้วหลับไปเมื่อกี้เอง...อ่าว...พี่แจจุง...สบายดีแล้วหรอครับ" ฮยอกแจหันไปเอ่ยทักพี่ชายคนสวยที่เพิ่งก้าวเข้ามาในห้องพร้อมด้วยกระเช้าผลไม้ในมือข้างหนึ่ง แจจุงยกแขนข้างซ้ายที่มีเฝือกอ่อนหุ้มไว้ขึ้นมาโบกไปมาเหมือนจะบอกว่าตัวเองไม่เป็นอะไรมากพลางเดินมาวางกระเช้าผลไม้ใบใหญ่ไว้บนเค้าน์เตอร์เล็กๆข้างตู้เย็น...ไม่แม้แต่จะชายตามองร่างสูงของอีกคนที่ยืนจ้องมองเขาตั้งแต่ก้าวเข้ามาแม้แต่หางตา

     

    "พี่สองคนมาด้วยกันหรอครับ"

     

    "เปล่า ฉันกับชองยุนโฮต้องตัวติดกันตลอดรึไง เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น"

    ชื่อที่ถูกเรียกออกมาด้วยน้ำเสียงห่างเหินทำให้ฮยอกแจรู้สึกถึงความผิดปกติระหว่างเพื่อนสนิทสองคนตรงหน้าทันที....ต้องมีอะไรเกิดขึ้นวันนั้นแน่ๆ เขามั่นใจ ท่าทางของพี่ชายทั้งสองคนดูแปลกๆมาตั้งแต่วันนั้นแล้ว

     

    "แจจุง..."

     

    "ทงเฮเป็นยังไงบ้าง" แจจุงพูดขัดขึ้นทันทีเมื่อได้ยินน้ำเสียงอ่อนๆนั่นเอ่ยเรียกชื่อของตน มือบางอันสั่นเทายังคงขยับจัดการผลไม้ในตระกร้าคล้ายไม่คิดจะใส่ใจไม่ว่าสิ่งที่จะถูกเอ่ยออกมานั้นจะเป็นเรื่องอะไรก็ตามที

     

    "ดีขึ้นเรื่อยๆน่ะครับ หมอบอกว่าถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปก็คงออกได้อาทิตย์หน้า"

     

    "ดีแล้ว ขอโทษนะที่ฉันเพิ่งมาเยี่ยม เรื่องที่ร้านยุ่งมาก"

    ถ้อยคำที่ถูกเอ่ยออกมาเรียบๆจากปากคนหน้าหวานทำเอาอีกคนที่ยังคงยืนอยู่ข้างเตียงคนไข้สะอึกทันทีรากับถูกประชดเสียอย่างนั้น...ซึ่งฮยอกแจก็เดาว่าพี่แจจุงต้องตั้งใจประชดแน่ๆ เขาเหลือบตาไปมองคนที่มาที่นี่ทุกวันอย่างยุนโฮเล็กน้อย แต่เขาก็เลือกที่จะไม่พูดอะไรออกมาเพื่อไม่ให้บรรยากาศเลวร้ายมากลงไปกว่านี้

     

    ยุนโฮอ้าปากคล้ายอยากจะพูดอะไรซักอย่าง หากแต่เขากลับไม่รู้ว่าตัวเองกำลังอยากจะพูดอะไรกันแน่ ชายหนุ่มจึงหมุนตัวไปลากเก้าอี้ตัวเล็กมาใกล้ๆก่อนจะทรุดตัวนั่งลง....นั่งลง ณ ที่ประจำของเขาตลอดสามวันที่ผ่านมา....นั่งอยู่เคียงข้างเตียงคนไข้และเฝ้ามองคนป่วยผู้กำลังหลับใหลด้วยแววตาแสนอ่อนโยนที่ดูก็รู้ว่า...รักคนที่กำลังถูกจ้องมองมากมายขนาดไหน...ทิ้งอีกคนที่กำลังแอบเหลือบมองไว้ให้จมอยู่กับน้ำตาปริ่มขอบตาอยู่เพียงลำพังโดยไม่คิดจะสนใจอะไรมากไปกว่านี้

     

    ชองยุนโฮคนโง่

     

    ชองยุนโฮคนบ้า

     

    อย่างน้อย...ฉันก็เพื่อนสนิทนายนะ

     

    อย่างน้อย...ฉันก็รู้จักนายมานานกว่าใครนะ

     

    ช่วยสนใจ...ฉันหน่อยไม่ได้รึไงกันชองยุนโฮ

     

    แจจุงเม้นริมฝีปาก สูดจมูกหนักๆเสียหลายทีก่อนจะกระแอมไอเพื่อคลายลำคอที่กำลังตีบตันของตน...เขาไม่น่ามาที่นี่เลยจริงๆ เพราะเอาเข้าจริงๆ...เขาก็ทนมันไม่ไหวอยู่ดี

     

    "ฉันกลับแล้วนะฮยอกแจ ทิ้งร้านมานานแล้ว"

     

    "แต่พี่แจจุงเพิ่งมาเองนะครับ จะกลับแล้วหรอ ไม่อยู่รอคุยกับทงเฮหน่อยหรอครับ"

     

    "ใช่...นายจะรีบกลับไปไหนกันแจจุง เดี๋ยกลับกับฉันก็ได้" ยุนโฮหันมาเอ่ยบ้าง ซึ่งเขาก็ได้แววตาแข็งกร้าวเย็นชาที่เอ่อคลอไปด้วยน้ำตาเป็นการตอบแทนความห่วงใยนั้น...หากแต่ชองยุนโฮผู้ซึ่งความสนใจเดียวของเขาอยู่ที่ร่างบางที่กำลังหลับใหลก็ไม่ได้ทันสังเกตเห็นดวงตาโตที่กำลังแตกร้าวของเพื่อนสนิทของตน

     

    "นายไม่ต้องมายุ่งกับฉันชองยุนโฮ ฉันไม่ได้พูดกับนาย...ไม่ต้องมายุ่ง!" ร่างบางหันไปตวาดกลับอย่างโกรธเคืองจนทำให้คนที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ถึงกับชะงักลมหายใจและทำตาโตอย่างคาดไม่ถึง แจจุงหันไปขยับรอยยิ้มฝืนๆให้รุ่นน้องที่ยืนอึ้งอยู่ที่อีกมุมห้องพลางโบกมือลา

     

    "ฉันไปนะฮยอกแจ ฝากบอกทงเฮด้วยว่าว่างๆฉันจะมาเยี่ยม"

    พูดจบก็หมุนตัวเดินจากไป โดยมีร่างสูงๆของชองยุนโฮทำท่าจะขยับลุกตาม หากแต่ร่างบอบบางที่ขยับตัวขยุกขยิกอยู่บนเตียงก็ดึงความสนใจของเขากลับไป...และทำให้เขาล้มเลิกความตั้งใจที่จะวิ่งตามออกไปลงในทันที

     

    ........................................................

     

    "ทงเฮกินข้าวนะ"

     

    "พี่ยุนโฮไม่ต้องก็ได้ เดี๋ยวผมกินเอง

     

    "ได้ไงล่ะ นายไม่สบายอยู่นะ...อย่าดื้อสิ"

    น้ำเสียงที่กึ่งๆจะดุทำให้ทงเฮยอมอ้าปากรับข้าวต้มอุ่นๆจากช้อนในมือของยุนโฮอย่างไร้ทางเลือก อาการที่ดีขึ้นเรื่อยๆทำให้เขาใช้เวลาพักผ่อนในช่วงกลางวันน้อยลงเรื่อยๆ ซึ่งมันก็ทำให้เขารู้ว่าพี่ชายตัวโตของเขาคนนี้มาเยี่ยมเขาบ่อยขนาดไหน...ผิดกับพี่ชายหน้าหวานอย่างคิมแจจุงที่ฮยอกแจเล่าให้ฟังว่าเคยมาเยี่ยมเขาครั้งหนึ่ง และก็ไม่ได้มาอีกเลยตลอดทั้งอาทิตย์

     

    ส่วนอีกคนน่ะหรอ...ใบน้าหวานหม่นลงมาทันทีที่คิดถึงตรงนี้ หัวใจพลันปวดหนึบๆโดยไร้สาเหตุเช่นเดียวกับลำคอที่เจ็บแสบ...เขากำลังหวังอะไรอยู่นะ...ตุ๊กตาตัวนี้กำลังหวังอะไรกันนะ...เขาไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย...ความรู้สึกของคนที่กำลังคาดหวังสิ่งที่เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะคิดถึงด้วยซ้ำ

     

    "ทงเฮ?...กินอีกสิทงเฮ"

     

    "ไม่ล่ะครับ ผมอิ่มแล้ว....ฮยอกแจ ช่วยผมหน่อยสิ ผมอยากเข้าห้องน้ำ"

    คนที่ถูกร้องหารีบวิ่งเข้ามาช่วยประคองร่างบอบบางของทงเฮให้ลุกขึ้นโดยมียุนโฮคอยช่วยด้วยอีกแรงก่อนจะเป็นฝ่ายให้ฮยอกแจพาทงเฮเดินไปยังห้องน้ำเพื่อตัวเองจะได้หันมาจัดการเก็บอาหารที่ถูกทานเหลือ

     

    "ไหวมั้ยครับทงเฮ"

     

    "ไหวสิ...ใกล้ๆนิดเดียวเอง" ทงเฮตอบยิ้มๆ มือข้างหนึ่งกำจับเสาน้ำเกลือส่วนมืออีกข้างหนึ่งนั้นยึดจับท่อนแขนบอบบางไม่แพ้กันของฮยอกแจเอาไว้เป็นเครื่องพยุงตัว

     

    "คุณคิบอมติดงานอยู่ที่เชจู ทงเฮอย่าคิดมากเลยนะครับ"

    ถ้อยคำที่ถูกเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบาทำให้ฝีเท้าของทงเฮชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะก้าวเดินต่อไปอย่างปกติพร้อมด้วยรอยยิ้มเล็กๆบนเรียวปาก

     

    "ผมไม่ได้คิดอะไรมากซักหน่อย อีกอย่างนะ...ผมไม่ได้สำคัญถึงขนาดให้เขาต้องทิ้งงานกลับมาเพื่อมาดูแลหรอก...ผมไม่ใช่คนสำคัญของคิบอมหรอกนะ" ร่างบางกล่าวด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบพร้อมด้วยรอยยิ้มบางที่เขาใช้อยู่เป็นนิจก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ปล่อยให้ฮยอกแจยืนดึงทึ้งผมของตัวเองคอยอยู่ด้านนอก...ไอ้ลีฮยอกแจปากพล่อย!...แกทำให้ทงเฮเศร้าหนักกว่าเดิมอีก!!

     

    "นี่ฮยอกแจ"

     

    "ครับพี่ยุนโฮ"

    ฮยอกแจสะดุ้งเฮือกขึ้นมาก่อนจะหันไปหาคนเรียกที่กำลังเดินไปเปิดทีวี

     

    "ทงเฮเค้าไม่มีญาติที่อื่นเลยหรอ พี่ไม่เห็นมีใครมาเยี่ยมเขาซักคน"

     

    "ผมไม่ทราบครับ บางทีอาจจะยังไม่รู้ข่าวก็ได้"

     

    "อ่าว...นายพูดงี้ได้ไง!...นายเพื่อนเค้านะ"

     

    "ก็ผม...เอ้ย!...ตายห่าแล้ว!"

    คำสบถหยาบคายที่หลุดออกมากลางประโยคของฮยอกแจทำให้ยุนโฮผู้ที่กำลังเป็นคู่สนทนาสะดุ้งขึ้นมาเบาๆทันทีก่อนเขาจะขมวดคิ้วเขม่นมองรุ่นน้องด้วยสายตาตะขิดตะขวงใจ

     

    "อะไรของนายฮยอกแจ"

     

    "ปะ...เปล่าครับ แค่..."

     

    "แค่?"

     

    "มีอะไรกันหรอฮยอกแจ"

     

    "ว้ากกก!"

    คนที่จู่ๆก็โผล่ออกมาจากประตูห้องน้ำทำเอาฮยอกแจร้องออกมาเสียงหลงก่อนคนตกใจจะทำท่ามีพิรุธเต็มที่ด้วยการขยับตัวยึกยักไปมาราวกับกำลังบังอะไรซักอย่าง หากแต่มันก็ไม่ได้ช่วยบังเสียงที่ดังมาจากสิ่งที่เขากำลังปิดบังอยู่ได้เลย

     

    "นี่คือการถ่ายทอดสดจากเกาะเชจูนะคะ ณ โรงแรมH อันเป็นที่ใช้จัดประชุมประจำปีของบริษัทในเครือคิมกรุ๊ปค่ะ...."

     

    เสียงหวานๆของผู้สื่อข่าวที่ดังมาจากในทีวีทำให้ทงเฮชะงักในทันทีก่อนแขนบอบบางจะดันร่างบางๆของฮยอกแจออกให้พ้นทางเพื่อจะได้เห็นภาพในทีวีได้ชัดตา

     

    ภาพของคิมคิบอมปรากฏอยู่บนจอทีวี...ใบหน้าเคร่งขรึมและอยู่ในชุดสูทสีดำเหมือนอย่างเคย...หล่อเหลาร้ายกาจดังเช่นปกติ ชายหนุ่มโดนรายล้อมด้วยนักข่าวมากมายที่ล้วนแต่ถามคำถามเกี่ยวกับความเป็นไปของบริษัทของเขา...แต่คำถามหนึ่งก็ทำให้ลมหายใจของทงเฮถึงกับชะงัก

     

    "ผู้หญิงที่เป็นคู่ควงของคุณคิบอมในงานเลี้ยงเมื่อคืนเป็นใครคะ เป็นคนพิเศษรึเปล่า"

    เลือดในกายของทงเฮพลันลดอุณหภูมิเย็นเฉียบลงทันทีที่สิ้นคำถามของผู้สื่อข่าวหญิงคนนั้นราวกับเป็นคนถูกถามเสียเอง มือบางกำจับเสาน้ำเกลือแน่นจนชื้นเหงื่อ ดวงตาจ้องนิ่งไปยังดวงตาคมกล้าของคนในทีวี...สบตากับอีกฝ่ายแน่นิ่งคล้ายกำลังคาดหวังคำตอบ

     

    "เจสสิก้าน่ะหรอครับ...ก็ไม่รู้สิครับ แต่เราวางแผนจะพักอยู่ที่นี่ต่อนะครับ ผมไม่มีอะไรต้องรีบกลับอยู่แล้ว"

     

    โครม!

     

    "ทงเฮ!!" ฮยอกแจและยุนโฮประสานเสียงร้องเรียกทันทีเมื่อร่างบอบบางของทงเฮทรุดล้มลงไปกองอยู่บนพื้นกระเบื้อง ฮยอกแจรีบปราดเข้าไปพยุงทงเฮให้ลุกขึ้น เช่นเดียวกับยุนโฮที่รีบวิ่งมาช่วยพยุงอีกข้าง

     

    "ผมไม่เป็นไร แค่หน้ามืดนิดหน่อย" ทงเฮปฏิเสธการช่วยเหลือด้วยรอยยิ้มจางๆบนเรียวปากเหมือนอย่างเคย แต่กระนั้นเขาก็ถูกชายหนุ่มทั้งสองคนพยุงตัวไปที่เตียงอยู่ดี

     

    "เดี๋ยวฉันไปตามหมอให้นะ" รุ่นพี่ร่างสูงว่าก่อนจะหมุนตัววิ่งหายออกจากห้องไปก่อนที่ทงเฮจะรั้งไว้ได้ทัน

     

    "ทงเฮนอนพักดีกว่านะ" ฮยอกแจกล่าวพลางเดินไปปิดทีวีแล้วจึงเดินกลับมาจัดการปรับเตียงและห่มผ้าเพื่อให้คนป่วยได้พักผ่อน ทงเฮขยับรอยยิ้มขอบคุณไปให้ก่อนจะกระชับผ้าห่มเข้าแนบตัวและหลับตาลง

     

    ลีทงเฮอย่ารู้สึกแบบนี้สิ

     

    ลีทงเฮห้ามรู้สึกแบบนี้สิ

     

    อย่าผูกพันธ์กับคิมคิบอมมากเกินไป

     

    อย่ารู้สึกอะไรกับคำพูดของคิมคิบอมแม้เพียงคำพูดเดียว

     

    เพราะเขาไม่มีสิทธ์เรียกร้องอะไรทั้งนั้น...ไม่มีสิทธ์แม้แค่จะอ้อนวอนขอความห่วงใย

     

    ตุ๊กตาไม่จำเป็นต้องมีความรู้สึก...

     

    ตุ๊กตาไม่จำเป็นต้องมีหัวใจ...

     

    แล้วทำไม....

     

    หัวใจของลีงเฮถึงเจ็บขนาดนี้ล่ะ

     

    คิมคิบอมไม่มีทางมองลีทงเฮมากไปกว่าตุ๊กตาที่ฉีกขาดก็ซ่อม....ที่คนอื่นอยากได้ก็ยกให้เมื่อยามหมดคุณค่า....ที่เบื่อก็โยนทิ้ง...

     

    ไม่มีความจำเป็นต้องสนใจมากไปกว่านี้...

     

    ไม่มีเลย!

     

    ...................................................

     

    "รั้งไว้ได้มั้ย"

     

    "เจสสิก้ากำลังทำอยู่ แกกำลังทำอะไรไม่ดีอยู่รึเปล่าฮงกี"

     

    "เปล่าซักหน่อย...ตอนแรกก็กะจะทำอยู่แต่มีพลเมืองดีมาทำหน้าที่แทนซะนี่"

    ฮงกียิ้มกริ่มพลางลากปลายนิ้วลงบนของตะกร้าของเยี่ยมไข้ที่วางอยู่ข้างกาย คนที่ขับรถชนทงเฮไม่ใช่เขา...ก็เกือบแล้วล่ะ...แต่มีไอ้ขี้เมาจากไหนก็ไม่รู้มาทำแทนเขาเสียก่อน...สบายเขาไป!

     

    เด็กหนุ่มคุยโทรศัพท์กับพี่ชายอีกเพียงไม่กี่คำก็วางสาย เขาเหยียดยิ้มพลางหยิบตะกร้าของเยี่ยมไข้และลุกขึ้น เดินตรงไปยังห้องพักคนไข้ที่เขาได้หมายเลขมาจากพยาบาลตรงเค้าน์เตอร์ด้านหน้า...ห้องพักของคนไข้ที่ชื่อลีทงเฮ

     

    ก๊อกๆ

     

    ฮงกีเคาะประตูเบาๆพอเป็นมารยาทก่อนจะผลักเปิดเข้าไปและทันทีที่เขาก้าวเท้าเข้าไปยืนด้านใน สายตาของทุกคนในห้องก็ตวัดขัวบมามองเขาเป็นตาเดียวทันทีราวกับเขาไม่ควรจะก้าวเข้ามา

     

    "สวัสดีครับทงเฮ พี่ยุนโฮบอกผมว่าคุณถูกรถชนก็เลยมาเยี่ยม"

    สรรพนามที่ถูกเรียกอย่างสนิทสนมเรียกเสียงแค่นขึ้นจมูกเหมือนอยากจะดูถูกได้เบาๆจากคนหน้าสวยที่กำลังปอกแอ๊ปเปิ้ลอยู่ที่เค้าน์เตอร์เล็กๆ ส่วนพี่ยุนโฮที่ถูกกล่าวอ้างและกำลังถูกโกรธโดยไม่รู้ตัว(อีกรอบ)ก็ได้แต่ทำหน้าเหลอหลาเหมือนยังคงสงสัยว่าเขาไปบอกเอาตอนไหน แต่ไม่นานเขาก็ร้องอ้อออกมา

     

    "อ้าใช่...ฮงกีถามหานายวันก่อนน่ะทงเฮ พี่ก็เลยบอกไป"

     

    "อ่า...ครับ"

    ทงเฮยิ้มบางๆพลางโค้งตัวลงเล็กน้อยเป็นการทักทายก่อนจะยื่นมือไปรับตะกร้าของเยี่ยมเอาไว้แบบพอเป็นพิธี แล้วจึงปล่อยให้ฮยอกแจเอามันไปวางไว้บนโต๊ะ

     

    "ทงเฮเป็นไงบ้าง รู้สึกดีขึ้นรึยังครับ"

     

    "ครับ ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ"

     

    "แล้วนี่...แฟนไม่มาเยี่ยมหรอครับ" คำถามที่ถูกถามออกมาทำเอาทงเฮหน้าเจื่อนลงทันที หากแต่เพียงไม่นานริมฝีปากบางก็บิดโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มอ่อนๆตามเดิม...ลีทงเฮคนนี้ถนัดนักล่ะกับการฝืนมีรอยยิ้มไว้บนใบหน้าไม่ว่าตอนนั้นจะรู้สึกยังไง

     

    "ผมยังไม่มีแฟนหรอกนะครับ"

     

    "หรอ...น่าเสียดายจัง ทงเฮออกจะน่ารักขนาดนี้...อ่า...ผมต้องไปแล้วล่ะ"

    ฮงกีแสร้งยกนาฬิกาข้อมือเรือนสวยขึ้นดูก่อนจะเอ่ยลา เด็กหนุ่มบอกลาทุกคนพร้อมกับโค้งให้แล้วจึงเดินออกจากห้องไป แต่ระเบิดที่เขานำมาทิ้งไว้ก็ไม่ได้จางหายไปเสียทีเดียว ฮยอกแจห่อไหล่ขณะช่วยแจจุงปอกแอ๊ปเปิ้ล...แค่พี่แจจุงมาเยี่ยมทงเฮพร้อมกับพี่ยุนโฮเป็นครั้งที่สองบรรยากาศในห้องก็อึมครึมจนมันยากที่จะหายใจอยู่แล้ว...นี่คนป่วยยังซึมไปแบบนี้อีก

     

    "ชองยุนโฮ...เหอะ!...ไอ้คนเฮงซวย"

    เสียงพึมพำของร่างบางที่ยืนอยู่ข้างๆทำเอาฮยอกแจต้องขยับตัวถอยห่างออกมา เพราะกลัวเจ้ามีดเล่มเล็กในมือของแจจุงจะลอยมาเฉาะเอากลางหัวของเขาเสียก่อน ถึงแม้คิมแจจุงจะกระดูกแขนร้าวจนต้องใส่เฝือกอ่อน หากแต่มันก็ไม่ได้บันทอนความคล่องแคล่วในการใช้มีดปอกผลไม้ของเขาได้เลย...ฮยอกแจอึ้งในความสามารถนี้จริงๆ

     

    "พี่แจจุงครับ..." ฮยอกแจเรียกเสียงอ่อยๆ หากแต่เจ้าของชื่อก็ไม่มีทีท่าว่าจะสนใจมากนัก ชายหนุ่มร่างบางนามคิมแจจุงยังคงจัดการใช้มีดปอกเปลือกแอ๊ปเปิ้ลที่ถูกถืออยู่ในมือข้างที่ใส่เฝือกต่อไป ซึ่งเขาก็ไม่อยากที่จะเดาว่าเจ้าแอ๊ปเปิ้ลผมน้อยนั้นกำลังรับเคราะห์แทนหัวหล่อๆของใคร

     

    "ชองยุนโฮคนเฮงซวย...ไอ้บ้าเอ๊ย!"

    แจจุงโยนของในมือลงบนเค้าน์เตอร์โครมใหญ่ก่อนจะกระแทกเท้าโครมๆออกจากห้องไป

     

    "แจจุง...เฮ้ย แจจุง!..."

    ในที่สุดชองยุนโฮก็รู้ตัวเสียทีว่ากำลังโดนโกรธ ชายหนุ่มร่างสูงร้องเรียกคนที่ก้าวเดินฉับๆออกไป...ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรีบวิ่งตามออกไปอย่างรวดเร็ว

     

    ฮยอกแจมองตามเพื่อนสนิทที่งอนกันยังกับแฟนพลางส่ายหน้าเบาๆก่อนจะยกจานแอ๊ปเปิ้ลที่แจจุงปอกเสร็จแล้วส่วนหนึ่งมาให้คนป่วยที่เริ่มมุดตัวกลับเข้าไปใต้ผ้าห่มอีกครั้ง

     

    "ทงเฮกินแอ๊ปเปิ้ลมั้ย หวานมากเลยนะ"

     

    "ไม่เอา...ผมไม่อยากกิน"

     

    "เป็นอะไรรึเปล่าครับทงเฮ"

     

    "เปล่าซักหน่อย ก็แค่อยากนอนพักน่ะ" คนป่วยตอบกลับพลางกระชับผ้าห่มให้ขึ้นมายังปลายคางแล้วจึงขดตัวนอนตะแคงหันหลังให้...ซึ่งลีฮยอกแจก็ทำได้เพียงแค่เฝ้ามองอยู่ที่ริมเตียงโดยไม่สามารถเอ่ยคำพูดใดๆ

     

    .....................................................

     

    บัลเลเลเล~....บัลเลเลเล~

     

    ทงเฮงัวเงียสะดุ้งตื่นขึ้นมาพลางควานหาโทรศัพท์มือถือของตนที่กำลังกรีดร้องจะเป็นจะตายอย่างไม่ยอมแพ้อยู่ตรงไหนซักแห่งบนโต๊ะข้างเตียง มือบางป่ายสะเปะสะปะไปทั่วจนในที่สุดก็คว้าตัวต้นเสียงได้ ดวงตาโตหยีมองหน้าจอที่เรืองแสงอยู่ในความมืด และเบอร์ที่ไม่คุ้นตาก็ทำให้เขาต้องกดรับอย่างจำใจ...เที่ยงคืนกว่าแล้ว ใครมันโทรมานะ รู้อย่างนี้ปิดเครื่องไว้ซะก็ดี

     

    "สวัสดีครับ"

     

    "ทงเฮ" เสียงนุ่มทุ้มที่เขาควรจะคุ้นเคยทำให้ดวงตาสีท้องฟ้าพลันเบิกกว้างขึ้นมาทันที มือเล็กสั่นไหวจนต้องใช้ทั้งสองมือประคองเจ้าโทรศัพท์เครื่องบางของตนเอาไว้แนบหู ร่างบางค่อยๆชันตัวขึ้นนั่งบนเตียงอย่างเชื่องช้า

     

    "คิ...คิบอม"

    เสียงที่เอ่ยโต้ตอบกลับไปของเขานั้นช่างแผ่วเบา...และอ่อนแรงราวกับใกล้จะร้องไห้เต็มทน ทงเฮยอมรับว่าเสียงที่ดังมาตามสายโทรศัพท์ทำให้หัวใจของเขาพองโต...แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้มันเจ็บปวดจนช่องท้องบิดเกร็ง

     

    "เปิดทีวีสิ"

     

    "ครับ?"

     

    "ไปเปิดทีวี"

    ร่างบางค่อยๆขยับลงมาจากเตียงเพื่อเดินไปเปิดทีวีตามที่ถูกสั่งก่อนจะถอยกลับมานั่งอยู่บนเตียงตามเดิม

     

    "เปลี่ยนช่อง..." ปลายสายบอกหมายเลขช่อง ซึ่งทงเฮก็ทำตามที่ถูกสั่งอย่างว่าง่ายยิ่งกว่าลูกแมวเชื่องๆ...และภาพที่ปรากฏอยู่ในจอแก้วก็ทำให้ดวงตาคู่สวยต้องขยับเบิกกว้างมากกว่าเก่า

     

    "คิบอม..."

    เจ้าของชื่อยกมุมปากข้างหนึ่งขึ้นเป็นรอยยิ้มพลางยกมือขึ้นมาเล็กน้อยเหมือนอยากจะทักทาย

     

    "ว่าไง...เห็นฉันมั้ย ไม่ค่อยยุติธรรมเท่าไรเลยนะที่มีแต่เธอคนเดียวที่ได้เห็นฉัน แต่ฉันกลับไม่ได้เห็นเธอน่ะทงเฮ"

     

    ดวงตาสีฟ้าจ้องนิ่งไปยังจอทีวี...มองไปยังมุมหนึ่งของจอภาพ...เป็นมุมเล็กๆที่มีร่างสูงสง่าในชุดสูทสีดำหรูหราอันคุ้นตายืนอยู่และกำลังส่งรอยยิ้มบางๆผ่านกล้องมาให้เขา

     

    หัวข้อที่ปรากฏอยู่ด้านล่างบอกว่านี่เป็นการถ่ายทอดสดตรงจากเกาะเชจู เป็นงานเลี้ยงของส่วนหนึ่งในการประชุมผู้บริหารประจำปีของบริษัทในเครือคิมกรุ๊ปโดยมีประธานาธิบดีมาเข้าร่วมด้วย ตรงกลางของภาพจึงเป็นภาพของประธานาธิบดีคนสำคัญที่กำลังถูกรุมล้อมด้วยผู้คนมากมาย...หากแต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ทงเฮสนใจ คนที่เขาสนใจคือชายหนุ่มที่กำลังเดินตามหน้ากล้องห่างๆต่างหาก

     

    "เป็นยังไงบ้าง...รถชนน่ะ เจ็บหนักรึเปล่า"

     

    "เปล่าครับ แค่ซี่โครงหักไม่กี่ซี่" ทงเฮเอ่ยตอบ...ไม่ละสายตาไปจากคนในจอทีวีแม้แต่เสี้ยงวินาที...อยากจะยื่นมือออกไปสัมผัส หากแต่เขาก็ทำได้เพียงแค่นั่งนิ่งอยู่บนเตียง ใช้สองมืออันสั่นเทาประคองโทรศัพท์ไว้แนบหูและพยายามหยุดหัวใจที่กำลังเต้มผิดจังหวะของตน

     

    "ก็หนักอยู่นะ"

     

    "ครับ...ดึกขนาดนี้ยังไม่นอนอีกหรอครับ"

     

    "เดี๋ยวงานก็เลิกแล้ว ประธานาธิบดีกำลังจะกลับแล้ว"

     

    "..."

     

    "..."

    ดวงตาคมกล้าของคิมคิบอมจ้องตรงมายังเลนส์กล้องคล้ายกลับรู้ว่าคนที่นั่งอยู่อีกด้านของทีวีนั้นกำลังจ้องตาของตนตอบเช่นกัน...นานหลายนาทีที่ไร้คำพูดใดๆระหว่างคนทั้งสองคน

     

    "ไม่โกรธหรอที่ฉันไม่ไปเยี่ยม"

     

    "คิบอมต้องทำงานนี่ครับ ผมจะไปโกรธได้ยังไง"

    ทงเฮกลืนบางอย่างที่อัดแน่นอนู่เต็มลำคอลงเพื่องเปล่งเสียงพูดออกมา แต่แววตาที่ใครต่อใครต่างหลงใหลกลับวูบไหว...ไม่สามารถโกหกได้เช่นน้ำเสียง...จึงเป็นโชคดีที่คิมคิบอมไม่สามารถจ้องมองผ่านเลนส์กล้องมาได้

     

    ทำตัวแง่งอนเรียกร้องขอการเอาใจมันอาจจะทำให้คิมคิบอมรำคาญ...ทำให้เขาถูกเบื่อเร็วเกินไป เพราะอย่างนั้น...ลีทงเฮยอมโกหกดีกว่า...ยอมหลอกตัวเองว่าไม่ต้องการความห่วงใยใดๆมากเกินไปกว่าที่คิมคิบอมจะให้ดีกว่า...ยอมอดทนกับความรู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีค่าเพื่อต่อเวลาในการอยู่แบบนี้ให้นานออกไปอีกซักหน่อยก็ยังดี

     

    ทงเฮฝืนคลี่ยิ้มไปให้ปลายสายที่กำลังยืนจ้องหน้าเขานิ่งเหมือนกำลังจับผิดบางอย่าง

     

    "ฉันต้องอยู่ที่นี่อีกนานเลยนะ"

     

    "ครับ...ผมทราบแล้ว คุณจะอยู่ที่เกาะเชจูต่อกับคุณเจสสิก้า"

    ยิ่งพูด...เสียงหวานของทงเฮก็ยิ่งแผ่วเบา...เช่นเดียวกับหัวใจที่อ่อนแรงลงทุกที

     

    "ขอให้สนุกนะครับ"

     

    "ใครบอกเธอแบบนั้น" คิบอมย้อนถามเสียงเข้มพร้อมด้วยคิ้วที่ขมวดเข้าหากัน

     

    "คิบอมพูดเอง...เมื่อตอนเย็น"

    คิบอมขยับตัวไปมาพลางเปลี่ยนมือที่ถือโทรศัพท์ พอดีกับที่ฮันคยองเดินเข้ามากระซิบกระซาบอยู่ที่ริมหูของเขาแล้วจึงเดินจากไป...ปล่อยให้เขายืนอยู่เพียงลำพังตามเดิม หากแต่ด้วยท่าทางที่ดูหงุดหงิดขึ้นมา

     

    "ทงเฮฟังฉันนะ"

     

    "ครับ"

     

    "เธอจะออกจากโรงพยาบาลเมื่อไร"

     

    "ประมาณอาทิตย์หน้าครับ"

     

    "ดี...ฉันจะให้ฮันคยองไปพาเธอกับฮยอกแจมาที่นี่ ตกลงมั้ย"

     

    "คะ...ครับ" ทงเฮตอบรับกลับไปด้วยท่าทางลังเลเหมือนจะยังไม่แน่ใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงต้องทำแบบนั้น และทันทีที่เขาเอ่ยปากตกลงกลับไป ภาพในจอทีวีก็ตัดกลับไปเป็นใบหน้าของผู้รายงานข่าวในห้องส่ง...ทำให้เขาอดเห็นสีหน้าของคิมคิบอมยามที่เอ่ยถ้อยคำต่อมาไปอย่างน่าเสียดาย

     

    "แค่ไม่กี่วัน...ฉันรู้สึกเหมือนฉันกำลังคิดถึงเธอทงเฮ"

     

    ...................................................

     







    พลิกโผคับพลิกโผ!!



    ทั้งเรื่องของฮงกีและเรื่องของตาบอม^^





    อึ้งกันเลยล่ะซี...โดยเฉพาะเรื่องของตาบอมใช่ม้า~...


    ตอนนี้หมียุนเรตติ้งตกอย่างแรง อย่าเพิ่งไกรธยุนน้า~....คนมันไม่รุ้นี่ ทำไงได้ล่ะ



    แจ้งข่าวร้ายจ้า อาทิตย์หน้าไรเตอร์ไปเข้าค่าย ไม่อัพนะจ๊ะ



    ไปแระค่า^^...ขอบคุนทุกคอมเม้นต์นะจ๊ะ





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×