ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC SJ:KIHAE] :: Just You พรหมลิขิตหัวใจบอกฉันให้รักเธอ

    ลำดับตอนที่ #13 : The Best Bakery Shop In the World

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 8.62K
      12
      1 มิ.ย. 51

    "มาเร็วครับฮยอกแจ"

    คนตัวเล็กหันกลับมาคว้ามือของคนดูแลผู้มีผมสีแสบตาให้เดินขึ้นมาอยู่เคียงข้างด้วยท่าทางสดใสเช่นเดียวกับท้องฟ้าของวันนี้ ฮยอกแจดีใจที่เห็นทงเฮสดใสและมีรอยยิ้มคลี่บางอยู่บนเรียวปาก...ค่อยๆกลายเป็นท้องฟ้าที่สดใสขึ้นทีละนิดๆ แต่เขาก็กลัวว่ามันจะจางหายไปในเวลาไม่นานเหมือนท้องฟ้ายามฤดูใบไม้ร่วงที่อาจจะเปลี่ยนมาขมุกขะมัวไปด้วยก้อนเมฆเมื่อไรก็ได้เพราะสายฝนที่ไม่สามารถคาดเดา

     

    "เรา...เอ่อ...กำลังจะไปไหนกันหรอครับทงเฮ"

     

    "ไปร้านขนมปังที่อร่อยที่สุดในโลก" ทงเฮตอบเสียงสดใสพลางกระชับมือที่จับกุมกันไว้ให้แน่นขึ้น...เขาอารมณ์ดีโดยไร้สาเหตุเขารู้สึกได้ มันทำให้เขาสร้างรอยยิ้มขึ้นมาบนเรียวปากได้ง่ายนัก...บางทีอาจเป็นเพราะท้องฟ้าที่แจ่มใสกับแสงแดดอุ่นๆอันหายากในฤดูไม้ร่วงแบบนี้กระมังที่ทำให้เขาอารมณ์ดีขนาดนี้

     

    "นี่ไง...ถึงแล้ว"

    ฮยอกแจมองป้ายชื่อร้านที่แขวนอยู่เหนือประตูแล้วก็ต้องขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ...ร้านขนมปังที่อร่อยที่สุดในโลกจริงๆด้วย...ก็ป้ายร้านมันใช้ชื่อนี้จริงๆนี่! ใครมันช่างจินตนาการบรรเจิดได้ขนาดนี้นะ...ลีฮยอกแจคนนี้อยากเห็นหน้าให้เป็นบุญตาจริงๆ!

     

    "พี่ยุนโฮครับ!"

    ฮยอกแจรู้สึกเหมือนปากของตัวเองกำลังอ้าค้างและจ้องมองเจ้าของชื่ออย่างเสียมารยาทที่สุด...บางครั้งชายหนุ่มตัวสูงใหญ่ หน้าตาหล่อเหลา ผู้มีรอยยิ้มอันแสนน่ารักก็ไม่จำเป็นจะต้องมีความสามารถในการตั้งชื่อไปเสียทุกคน....ลีฮยอกแจกำลังทำใจยอมรับแบบนั้น

     

    "อ้างทงเฮ....ทำไมวันนี้มาซะเร็วเลยล่ะ"

    ชายหนุ่มร่างสูงที่ถูกเรียกว่ายุนโฮเดินเข้ามาเอ่ยทักพร้อมด้วยรอยยิ้มกว้างทันทีที่คนตัวเล็กทั้งสองคนผลักประตูของร้านเข้าไปพลางสอดถาดใส่เอแคลร์หน้าตาน่าทานที่ยกออกมาจากในครัวเข้าไปในชั้นวาง

     

    "ผมลาออกจากงานหมดแล้ว...กะจะมาทำที่นี้เต็มเวลาเลยน่ะครับ"

     

    "งั้นหรอ...ดีแล้ว แจจุงคงดีใจที่นายจะมาทำงานที่นี่เต็มเวลา ไอ้เด็กพาร์ทไทม์กะต่อจากนายกำลังจะทำให้หมอนั่นบ้า...อ่าว...แล้วนายเป็นใครล่ะฮะ"

    ทงเฮสะดุ้งขึ้นมาเบาๆเหมือนเพิ่งจะนึกได้ว่าวันนี้ไม่ได้มาเพียงลำพัง เขากระตุกมือคนข้างๆเพื่อให้ก้าวออกมาให้ชายหนุ่มผู้เป็นหุ้นส่วนคนสำคัญของร้านนี้ได้เห็นหน้าชัดๆ

     

    "อ้อ...เพื่อนผมน่ะครับ  ชื่อฮยอกแจ"

     

    "ลีฮยอกแจครับ" ฮยอกแจโค้งตัวลงเล็กน้อยเป็นการทักทายด้วยท่าทางเก้ๆกังๆที่ดูไม่เป็นธรรมชาติเท่าไรนักพลางยิ้มแหยๆไปให้คนตัวสูงที่กำลังมองหน้าเขาด้วยสายตาตะขิดตะขวงใจ

     

    "พี่ยุนโฮรับฮยอกแจอีกคนได้มั้ย...ให้เขาทำงานเป็นเพื่อนผมนะ"

    ดวงตาสีฟ้าแสนสวยที่จ้องเขาเป๋งเหมือนอยากจะอ้อนทำให้ยุนโฮชะงักและกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก...เขาทำงานกับคนตาสวยมานานพอที่จะรู้ว่าเจ้าของดวงตาสีท้องฟ้านั้นพูดจาอ่อนหวานออดอ้อนเอาใจเป็นเสียที่ไหน ทำเป็นก็แต่ใช้ลูกตาสวยๆนั่นล่ะละลายและสะกดคนที่ถูกจ้องมอง...ซึ่งมันก็ได้ผลดีกว่าคำพูดหวานๆเป็นไหนๆ!

     

    ยุนโฮถอนหายใจพลางส่ายหน้า...ไล่สีแดงจางๆที่ขึ้นมาประดับอยู่บนแก้มของตนให้หายไป ก่อนเขาจะเช็ดมือเข้ากับผ้ากันเปื้อนครึ่งตัวสีชมพูดหวานที่คาดอยู่ที่เอวของตน

     

    "ก็ได้ๆ...ฉันรับนายก็ได้ฮยอกแจ นี่ฉันเห็นว่านายเป็นคนแรกที่ทงเฮเรียกว่าเพื่อนหรอกนะถึงรับน่ะ แต่ให้ตายสิ!...คุณนายใหญ่คิมแจจุงต้องไม่ชอบใจแน่ๆ พวกนายตามฉันมาสิ"

    ชายหนุ่มเดินนำพนักงาน(ที่อาจจะได้)ประจำร้าน(ถ้าคุณนายใหญ่คิมแจงจุงยอมเซ็นต์อนุมัติ)ทั้งสองคนไปยังห้องครัวที่อยู่ด้านหลังร้าน

     

    ฮยอกแจแอบเหลือบองคนที่อยู่เคียงข้างเล็กน้อยด้วยสายตาเหมือนจะจับผิด...ดวงตาของลีทงเฮพูดได้ ฮันคยองเคยบอกเขาไว้...ซึ่งในวันนี้เขาก็พบว่ามันเป็นเรื่องจริงเสียด้วย ถึงแม้เรียวปากจะแต้มยิ้ม แต่ดวงตาของทงเฮไม่เคยยิ้มตาม...ไม่ว่าจะดูสดใสหรืออารมณ์ดีแค่ไหน...ดวงตาสีสวยของทงเฮยังคงแลดูเศร้าอยู่ลึกๆเสมอ และคำพูดเมื่อครู่ของพี่ยุนโฮก็ทำให้เขาเห็นบางอย่างวูบไหวอยู่ในนัยน์ตาคู่สวยนั้น...แต่มันก็จางหายไปอย่างรวดเร็วเกินกว่าที่ฮยอกแจจะทันเข้าใจ

     

    กลิ่นขนมปังหอมๆที่ลอยฟุ้งอยู่ในอากาศทำให้ฮยอกแจหยุดคิดนู่นคิดนี่ไร้สาระและหันกลับมาสนใจห้องที่ชายหนุ่มเจ้าของร้านพาเดินเข้ามาแทนที่...เป็นห้องครัวเล็กๆที่ดูสะอาดสะอ้านยิ่งกว่าอพาร์ทเม้นต์ของเขาเสียอีก

     

    "ยกอันนี้ไปวางด้วยนะยุนโฮ...อันนี้เป็นเอแคลร์ชุดสุดท้ายแล้ว" เสียงหวานๆของคนที่กำลังยืนหันหลังก้มหน้าก้มตาอยู่กับเตาอบขนาดใหญ่เอ่ยกล่าวทันทีที่ได้ยินเสียงประตูห้องครัวถูกผลักเปิดเข้ามา นิ้วเรียวตวัดชี้ส่งๆไปยังเอแคลร์ถาดใหญ่ที่วางอยู่บนเค้าน์เตอร์อย่างไม่สนใจเท่าไรนัก

     

    "แจจุง...ทงเฮมาน่ะ"

     

    "ทงเฮหรอ?!"

    ร่างบางหันขวับมาอย่างรวดเร็วพร้อมด้วยรอยยิ้มกว้างบนเรียวปาก...ซึ่งมันก็ทำให้ฮยอกแจผงะไปเล็กน้อยและต้องเริ่มจ้องมองคนตรงหน้าอย่างจริงจังมากขึ้น...หน้าสวย ตาโต ปากแดง ผิวเนียน แถมบนเรือนผมสีดำสวยนั่นยังมีกิ๊บดำเหน็บติดผมด้านหน้าขึ้นไปให้พ้นจากข้างแก้มอีก...มันควรจะเป็นผู้หญิงรึเปล่านะ แต่ผู้หญิงที่ไหนจะชื่อว่าแจจุงล่ะ!...อ่า...ลีฮยอกแจชักจะสับสนซะแล้วสิ

     

    แจจุงเช็ดมือเข้ากับผ้ากันเปื้อนครึ่งตัวสีเดียวกับยุนโฮเปี๊ยบ(ต่างกันก็แค่มันดูเข้ากับคนตัวเล็กคนนี้มากกว่าก็เท่านั้น)ลวกๆพลางก้าวออกมาหาคนที่เขาเอ่ยทัก

     

    "ทำไมมาซะเช้าเลยล่ะ ปกติทำช่วงบ่ายไม่ใช่หรอ"

     

    "ผมจะมาทำที่นี่เต็มเวลาน่ะครับ"

    แววประหลาดใจพาดผ่านเข้ามาในดวงตากลมโตของแจจุงครู่หนึ่งก่อนมันจะจางหายไป เขายกมือขึ้นขยี้ผมสีน้ำตาลเข้มของคนที่จะมาเป็นพนักงานเต็มเวลาเบาๆพร้อมด้วยรอยยิ้มบนเรียวปากที่ยังไม่เจือนหายไปไหน

     

    "งั้นหรอ...ก็ดี...แล้วนี่ใคร เพื่อนนายหรอทงเฮ"

     

    "อ่า...ได้ยินว่านายกำลังอยากได้ลูกมือซักคนไม่ใช่หรอแจจุง"

    ทันทีที่ร่างบางของแจจุงหันมาให้ความสนใจกับไอ้หนุ่มผมสีส้มแสบตาตัวเล็ก ร่างสูงๆของยุนโฮก็ขยับหวืดออกมายืนบังคนที่ถูกถามว่าเป็นใครแทบจะในวินาทีเดียวกันพร้อมด้วยรอยยิ้มกว้างบนริมฝีปากที่ละลายใจสาวน้อยสาวใหญ่มานักต่อนักแต่แทนที่จะหลอมละลายลงไปกองอยู่กับพื้นเหมือนสาวๆ แจจุงกลับยกมือขึ้นกอดอก ทำหน้าบึ้งใส่ไอ้คนตัวใหญ่พร้อมด้วยสายตาจับผิด (ก็เขามันสาวๆที่ไหนล่ะ!)...วันนี้จะมาใช้ไม้ไหนเขาล่ะอยากรู้นัก

     

    "ฉันไปพูดไว้ตั้งแต่เมื่อไรไม่ทราบคุณชองยุนโฮที่เคารพ"

     

    "ก็...แหม...ฉันเป็นเพื่อนนายมาตั้งกี่ปีแล้วล่ะ ดูตานายก็รู้แล้วว่านายอยากได้อะไร"

    แจจุงแทบอยากจะหัวเราะให้กับคำพูดของพ่อคนช่างอ้อน...แต่ก็ดีแล้วล่ะที่เขาไม่ได้หลุดออกไป เพราะมันคงเป็นการหัวเราะทั้งน้ำตาแน่ๆ...ถ้าคนซื่อบื้ออย่างชองยุนโฮดูตาของเขาแล้วรู้ว่าเขาอยากได้อะไร เขาล่ะอยากรู้นักว่าหมอนั่นจะทำยังไง...จะมองเขาด้วยสายตาแบบนไหนกัน

     

    "แจจุง?" เสียงเรียกซ้ำทำให้ชายหนุ่มร่างบางรู้สึกตัวว่ายืนนิ่งเงียบนานเกินไป แจจุงกระแอมไอเพื่อคลายลำคอที่กำลังตีบตันของตนพร้อมกับกระพริบตาถี่ๆ...ไล่ความเจ็บปวดให้ออกไปจากแววตาก่อนจะกลับมาทำหน้าบึ้งใส่ร่างสูงตรงหน้าเหมือนเดิม...ทำเหมือนไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น

     

    "นายจะมาขออะไรฉันล่ะ...พูดมาตรงๆ ไม่ต้องมาทำหน้าเป็นหมาเหงาแบบนั้นใส่ฉัน"

    ทั้งๆที่ลำคอกำลังตีบตันจนเจ็บแสบ แต่แจจุงก็แสร้งทำเสียงไม่พอใจได้อย่างแนบเนียนจนอีกคนไม่ได้ติดใจกับท่าทีแปลกๆเมื่อครู่ก่อนของเขา ยุนโฮหน้าหงอลงมาทันทีที่โดนรู้ทันเข้า หากแต่เขาก็ยังคงไม่ละความพยายาม

     

    "รับฮยอกแจเข้าทำงานนะ ฉันรับปากเด็กมันไปแล้วนี่"

     

    "นายรับปากเขาก่อนจะมาถามฉันงั้นสิ?"

     

    "ก็ฉันว่าคนสะ...อ่า...หน้าตาดีอย่างนายต้องใจดีรับเขาเข้าทำงานแน่ๆ...เขาเป็นเพื่อนของทงเฮนะ"

    โชคดีที่ยุนโฮยั้งปากไม่หลุดคำว่า'สวย'ออกไปทัน ไม่อย่างนั้นนะ...อย่าว่าแต่จะรับฮยอกแจเข้าทำงานเลย ตัวเขาเองอาจจะถูกเตะโด่งออกมาจากร้านก็เป็นได้...ก็ร้านนี้เขาเป็นเจ้าของคนเดียวเสียที่ไหนล่ะ!

     

    แจจุงทำเสียงฮึดฮัด...แพ้ไอ้ลูกตาแป๋วๆกับน้ำเสียงอ้อนๆนั่นอีกตามเคย แต่เขาจะไม่บอกไอ้บ้าที่ไม่รู้อะไรเลยอย่างหมอนั่นให้รู้หรอกนะว่าเขาเป็นโรคภูมิแพ้ลูกอ้อนของมันขนาดไหน!

     

    "เออๆ...ชื่อฮยอกแจสินะ นายน่ะ"

    ฮยอกแจก้าวออกมาจากด้านหลังของยุนโฮพร้อมด้วยรอยยิ้มแหยๆก่อนจะรีบโค้งตัวลงเล็กน้อย

     

    "ลีฮยอกแจครับ ฝากตัวด้วยนะครับแจจุง...เอ่อ...ฮยอง"

     

    ......................................................

     

    "คุณคิบอมครับ"

     

    "ว่าไง"

     

    "คุณคังอินมาแล้วครับ"

     

    "เชิญเขาเข้ามาสิ"

    ไม่นานหลังจากเสียงของอีทึกที่ดังมาจากอินเตอร์คอมเงียบไป ประตูห้องของเขาก็ถูกผลักเปิดเข้ามาพร้อมกับการปรากฏตัวของชายหนุ่มร่างใหญ่ผู้มีรอยยิ้มร้ายกาจบนเรียวปาก คิบอมวางปากกาในมือลงพลางหันไปพยักเพยิดให้อีทึกและฮันคยองที่เดินตามหลังแขกเข้ามาเป็นเชิงให้ออกไป และทันทีที่ประตูถูกปิดลง เจ้าของห้องก็หันไปสนใจผู้มาเยือนที่เดินตรงเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าโต๊ะของเขา คิบอมผายมือเหมือนเป็นการเชื้อเชิญให้นั่ง บนริมฝีปากประดับด้วยรอยยิ้มอันร้ายกาจไม่แพ้กัน

     

    "ไม่เจอกันนานนะครับคุณคังอิน โรงแรมที่ผมฝากให้ดูแลเป็นยังไงบ้าง...รู้สึกว่ารายงานที่ถูกส่งมาจะบอกผมว่ากำไรมันหายไปหลายเปอร์เซนต์นะครับ"

    คังอินขบกรามแน่นจนเป็นสันนูนขึ้นมาเมื่อได้ยินถ้อยคำที่เป็นการสบประมาทกรายๆของชายหนุ่มผู้ที่เปรียบเสมือนนายจ้างของตน มือใหญ่กำที่วางแขนของเก้าอี้แน่น...หากแต่ก็คลายออกภายในเวลาไม่นานพร้อมด้วยรอยยิ้มที่กลับมาคลี่กว้างอยู่บนเรียวปากอีกครั้ง

     

    "เศรษฐกิจแย่แบบนี้ การท่องเที่ยวก็ลดลงเป็นธรรมดานี่ครับคุณคิบอม" คังอินโต้กลับด้วยน้ำเสียงที่ยังสามารถรักษาจังหวะให้เนิบนาบได้อย่างน่าชื่นชม...ทั้งๆที่หัวใจกำลังถูกแผดเผาด้วยความเกลียดชังมหาศาล

     

    มันเคยเป็นโรงแรมของเขา...สร้างกำไรมหาศาลให้แก่เขา จนไอ้คนมองการไกลอย่างคิมคิบอมมาหว่านซื้อหุ้นของโรงแรมของเขาไปเกือบ80%ด้วยวิธีไหนเขาก็ไม่ทราบ!....เป็นการปลดอำนาจที่อยู่เหนือโรงแรมทุกสาขาของเขาทั้งในและนอกประเทศและลดให้เหลือเพียงผู้บริหารธรรมดาคนหนึ่งที่ได้รับเงินเดือนต่อเดือนโดยปริยาย...บ้าบอสิ้นดี!!

     

    "งั้นหรอครับ...ผมไม่คิดแบบนั้นหรอกนะครับคุณคังอิน"

    นัยน์ตาคมเหลือบมองคนที่นั่งอยู่อีกฝากโต๊ะเล็กน้อยด้วยสายตาเย็นเยียบก่อนจะตวัดกลับลงมาอ่านเอกสารสำคัญที่วางอยู่บนโต๊ะต่อตามเดิม...เหมือนการพูดคุยครั้งนี้ไม่ได้มีค่าแก่ความสนใจของเขามากนัก

     

    "ซองมินจะเรียนจบภายในปีนี้ ผมคงต้องเปลี่ยนผู้บริหารประจำสาขาที่เกาหลีคนใหม่เสียที...ให้พวกเด็กรุ่นใหม่เข้ามาบริหารอาจจะทำให้อะไรๆดีขึ้น คุณคิดเหมือนผมมั้ยครับคุณคังอิน" น้ำเสียงนิ่งเรียบเหมือนกำลังพูดเรื่องไม่สำคัญของคนที่เงยหน้าขึ้นมามอบแววตาเย็นเยียบให้ทำให้คังอินถึงกับพูดอะไรไม่ออก....ทั้งๆที่มือกำเข้าหากันแน่นจนเล็บจมเข้าไปในฝ่ามือ...โกรธจนแทบอยากจะฆ่า!

     

    "ว่าไงครับคุณคังอิน...คุณว่าดีมั้ย"

     

    "ยังไงมันก็เป็นของคุณอยู่แล้วนี่...จะทำอะไรก็เชิญเถอะ!"

     

    ....................................................

     

    ร่างใหญ่กระแทกประตูรถของตนปิดอย่างรุนแรงพลางตะคอกสั่งคนขับให้ออกรถด้วยถ้อยคำที่ไม่น่าฟังมากนักก่อนจะสบถออกมาอย่างเดือดดาลเป็นที่สุด ร่างเล็กที่นั่งอยู่คู่กันที่เบาะด้านหลังเหลือบมองคนโมโหเล็กน้อย...แปลกใจ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ

     

    "ฉันจะฆ่าแก!....ฉันจะทำลายแกคิมคิบอม!!...ซักวันแกต้องมาคุกเข่าอ้อนวอนฉัน!!"

     

    "พอเถอะพี่คังอิน" เสียงหวานของร่างเล็กเอ่ยปรามอย่างหน่ายๆพลางยกมือขึ้นจัดผมสีน้ำตาลยาวประบ่านุ่นสลวยของตนด้ายท่าทางที่ไม่คิดจะสนใจอะไรมากนัก

     

    "แกก็ด้วยฮงกี! ไหนบอกจะทำให้มันหลงไง!...โดนไล่ออกมาเหมือนหมูเหมือนหมาแบบนี้เนี่ยนะ!!?"

     

    "แต่ผมก็ได้มาตั้งเยอะนะพี่"

     

    "เหอะ!...ฉันไม่ต้องการเงินมันโว้ย! ฉันอยากได้ชีวิตมัน อยากเห็นมันย่อยยับ...แกเข้าใจรึเปล่าฮงกี!!" คังอินขึ้นเสียงพร้อมกับฟาดมือเข้ากับเบาะนั่งเสียเปรี้ยงใหญ่ แต่ผู้เป็นน้องชายก็ยังมีท่าทีไม่สนใจอยู่เช่นเดิม ฮงกีหยิบโทรศัพท์มือถือที่กำลังส่งเสียงร้องออกมาจากกระเป๋า...ไล่กดนู่นกดนี่ด้วยรอยยิ้มร้ายๆบนมุมปาก

     

    "พี่จะทำลายคิมคิบอมก็เชิญ แต่เหลือซากกลับมาให้ผมด้วยล่ะ...ผมชอบเขาพี่ก็รู้นี่"

    เรียวปากสวยเหยียดยิ้มที่มุมปากมากขึ้นเมื่อภาพที่ถูกส่งมาโหลดเสร็จ...เป็นภาพแอบถ่ายอันพร่ามัวของชายหนุ่มรูปร่างบอบบางที่มีรอยยิ้มชวนฝันกำลังยืนป้อนต๊อกโบกีให้ชายหนุ่มร่างสูงอีกคนที่ฮงกีคุ้นเคย ความมืดทำให้ใบหน้าของชายหนุ่มร่างบางคนนั้นแลดูไม่ชัดนักจนยากที่จะบอกว่าเป็นใคร...แต่ไม่เป็นไร

     

    "ผมขอทำลายตุ๊กตาตัวใหม่ของเขาก็แล้วกัน"

     

    เป็นทีรู้กัน...หากคิมฮงกีไม่ได้ครอบครอง ใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์เป็นเจ้าของสิ่งที่ฮงกีไมมี...ไม่เว้นแม้แต่ตัวของคิมคิบอม!

     

    ...................................................

     

    "อ๊ะ!"

    ร่างบางสะดุ้งขึ้นมาสุดตัวเมื่อกระป๋องน้ำอัดลมเย็นเฉียบสัมผัสเข้าที่แก้มนิ่มของตน ใบหน้าสวยหันไปมองคนช่างแกล้งแล้วก็ต้องยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าเป็นใครพร้อมกับยื่นมือออกไปรับกระป๋องน้ำอัดลมใบนั้นมาถือเอาไว้

     

    "พี่ยุนโฮ"

     

    "ยืนเหม่ออะไรของนายอยู่ทงเฮ" ยุนโฮเอ่ยถามลางก้าวมายืนอยู่เคียงข้างคนเหม่อที่ด้านหลังเค้าน์เตอร์จ่ายเงิน รอยยิ้มเล็กน้อยบนเรียวปากบางสีแดงสดของคนข้างๆทำให้หัวใจของเขาเต้นกระตุกผิดจังหวะอย่างที่มันเกิดขึ้นเป็นประจำ...หวั่นไหวง่ายกับรอยยิ้มแบบนี้มาตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นหน้า...เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร

     

    "เปล่าซักหน่อย ก็มันยังไม่มีลูกค้า พี่จะให้ผมทำอะไรล่ะ" ทงเฮแก้ตัวพลางแกะกระป๋องน้ำอัดลมที่ได้มา

     

    "เชื่อตายล่ะ"

    มือใหญ่ยกขึ้นผลักศีรษะของคนตัวเล็กเบาๆด้วยความหมั่นไส้กับคำแก้ตัวข้างๆคูๆนั่นก่อนจะเป็นคนกลั่นแกล้งเองนั่นล่ะที่ต้องเอามือโอบรั้งไหล่บางเข้าหาเพื่องอนง้อเพราะใบหน้าสวยหวานที่มุ่ยลงของคนโดนแกล้ง

     

    "เชื่อก็ได้...ไม่เห็นต้องทำหน้าบึ้งเลย ทำหน้าบึ้งแล้วไม่น่ารักนะทงเฮ"

    ทงเฮทำเสียงฮึดฮัดขัดใจพลางพยายามจะดันตัวเองออกจากการใกล้ชิดที่มากเกินไป แต่เมื่อแรงอันน้อยนิดของตนไร้ผล เขาจึงจำใจต้องยืนตัวเอียงโดนล๊อคคออยู่อย่างนี้โดยปริยาย

     

    "ก็ไม่ได้เกี่ยวอะรกับพี่ยุนโฮซักหน่อย...จะปล่อยได้รึยังครับเนี่ย"

     

    "ไม่ปล่อยหรอก...ให้ตายยังไงก็ไม่ปล่อยนายไปหรอก"

     

     

     

     

     

    "เอ่อ...พี่แจจุงครับ?"

     

    "เปล่า...ฉันไม่เป็นอะไร"

    นัยน์ตากลมโตรีบเบือนหนีออกมาจากภาพตรงหน้าก่อนจะหันไปคลี่ยิ้มบางๆให้ลูกมือคนใหม่ที่เดินตามหลังมา

     

    "นายเอานี่ไปวางบนชั้นนะฮยอกแจ ถามยุนโฮก็ได้ถ้าไม่รู้ว่าชั้นไหน" แจจุงว่าพลางยื่นถาดใส่พายแอ๊ปเปิ้ลที่พร้อมวางขายใส่มือเล็กของคนด้านหลังท่ามกลางสายตางุนงงของฮยอกแจที่มองการกระทำของเชฟคนเก่งประจำร้านด้วยสายตาไม่เข้าใจ

     

    "แล้วพี่จะไปไหนล่ะครับ"

     

    "พี่...เอ่อ...จะไปเข้าห้องน้ำ เดี๋ยวมาละกัน" ยิ้มให้อีกครั้งแล้วจึงรีบก้มหน้าก้มตาเดินจากไป ปล่อยให้ฮยอกแจยืนมองไล่หลังตามไปอย่างงุนงง...แต่เขาก็ไม่ต้องสงสัยอีกนานนัก เพราะภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าทำให้เขาเข้าใจทุกอย่างในทันที

     

    ฮยอกแจไม่เข้าใจว่าใครผิด...

     

    ลีทงเฮผิดที่มาทำงานที่ร้านนี้...

     

    ชองยุนโฮผิดที่ไม่เคยเข้าใจอะไรเลย...

     

    หรือบางที...มันอาจจะผิดตั้งแต่คิมแจจุงแล้วก็เป็นได้...

     

    ผิดที่ไปแอบรักเพื่อนสนิทของตนเอง

     

     

     

     

     

    แจจุงเปิดก๊อกน้ำทุกตัวที่มีอยู่ในห้องน้ำเล็กๆที่อยู่ด้านหลังร้าน...ปล่อยให้เสียงน้ำไหลดังอื้ออึงก้องอยู่ให้ห้องแคบๆก่อนจะทรุดตัวนั่งลงบนพื้นกระเบื้องอย่างหมดท่า ร่างบางนั่งพิงประตูเอาไว้พร้อมกับเอามืออุดปากตัวเองไว้แน่น...ป้องกันไม่ให้เสียงสะอื้นที่น่าสมเพชหลุดลอดออกมาจากริมฝีปาก...ต่างจากน้ำตาที่เขายอมให้มันไหลออกมาได้ตามใจจนทำให้ใบหน้าสวยเปรอะเปื้อน

     

    เขาเคยบอกกับตัวเองแล้วว่าเขาทนไหว...ยอมทนเก็บคำนั้นเอาไว้ให้อยู่กับเขาเพียงคนเดียวก็ได้ถ้ามันทำให้เขาได้อยู่แบบนี้....มีเพื่อนสนิทที่ชื่อชองยุนโฮอยู่ใกล้ๆ...มีเพื่อนสนิทที่ชื่อชองยุนโฮคอยห่วงใย...มีเพื่อนสนิทที่ชื่อชองยุนโฮคอยใส่ใจ...คอยถามว่าเป็นอะไรรึเปล่า...คอยเตือนว่าอย่าทำงานหนักมากเกินไป ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่ในฐานะเพื่อนสนิท แต่ไม่เป็นไร...คิมแจจุงทนไหว...คิมแจจุงพอใจ...คิมแจจุงไม่อยากหวังอะไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว เพราะถ้าพูดออกไปแล้วสิ่งที่เขาได้กลับคืนมาคือความว่างเปล่าและการจากลา...ทุกอย่างหยุดลงที่แค่คำว่าเพื่อนสนิทก็พอแล้ว

     

    ถ้าชองยุนโฮรักกับคนอื่นจะทนไหวมั้ย...คำตอบคือทนไหว...เขาย้ำกับตัวเองแบบนั้น...ต้องทนให้ไหว แต่การหลอกตัวเองว่าทำได้กับการทำจริงๆนั้นมันก็ต่างกับเกินไป

     

    "ไม่เป็นไรคิมแจจุง...ฮึก...นายไม่เป็นไร" ร่างบางกระซิบปลอบใจตัวเองเบาๆพลางปาดน้ำตาด้วยหลังมือ...แต่ท่าทางเข็มแข็งนั่นกลับมาพร้อมน้ำตาที่ไหลทะลักออกมายิ่งกว่าเก่า

     

    "พี่แจจุงครับ" เสียงเรียกเบาๆที่ดังขึ้นอยู่ที่หน้าประตูทำให้แจจุงสะดุ้งเฮือกขึ้นมาพร้อมกับยกมือขึ้นปาดน้ำตาทิ้งอย่างร้อนรนทันทีราวกับคนเอ่ยเรียกได้มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า

     

    "ฮยอกแจหรอ...แป๊บนึงนะ"

     

    "พี่เป็นอะไรรึเปล่าครับ"

     

    "เปล่าๆ...คอยแป๊บนึง เดี๋ยวพี่ออกไป" เสียงอู้อี้ที่ตอบกลับมาแข่งกับเสียงน้ำไหลไม่ได้ทำให้ฮยอกแจเชื่อเลยซักนิดว่าเจ้าของเสียงไม่ได้เป็นอะไร...ก็เสียงมันดังออกมาจากตรงหลังประตูเองนี่!

     

    ชายหนุ่มผมสีแสบตาถอนหายใจเบาๆพลางเอนไหล่พิงกำแพง เสียงหัวเราะทุ้มต่ำที่ดังมาจากหน้าร้านทำให้เขาเหลือบสายตาไปมองได้เล็กน้อยก่อนตวัดกลับมาที่ประตูห้องน้ำอีกครั้ง

     

    ขณะที่ใครบางคนมีความสุขจนแทบล้นใจ...

    ใครอีกคนกลับร้องไห้จนแทบขาดใจ

     

    ใครบางคนหัวเราะเพราะได้ใกล้ชิดกับคนที่ตนแอบรัก...

    ใครอีกคนกลับร้องไห้เพราะใกล้ชิดกับคนที่ตนแอบรักมากเกินไป

     

    บางครั้งความสุขของใครบางคนก็แลกมาด้วยเสียงสะอึกสะอื้นและน้ำตาของใครอีกคน

     

    ...ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย...

     

    .................................................



    และแขกรับเชิญพิเศษประจำฟิคเรื่องนี้ก็คืป๊ายุนกะมี๊แจนั่งเอง!...มาในแนวเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อเนอะสำหรับคู่อมตะนิรันดร์กาลคู่นี้^^ แต่ต้องขอบอกตามตรงว่าแต่งแนวนี้ไม่ค่อยจะได้เรื่องเท่าไร(พวกแอบรักเค้าข้างเดียวอะไรเงี้ย) เพราะงั้นนะคะคนอ่านที่เคารพรักของไรเตอร์ทุกคน...อย่าหวังอะไรกับยุนแจมากนะ - - อาจจะออกมาสร้างความเศร้าสลดและหดหู่(รึเปล่า)ให้เนื้อเรื่องหลักเป็นระยะๆ และพยายามจะสรุปจบให้ภายในเรื่องนะ...แต่ถ้าไม่จบก้..ได้อ่านsfของคุ่นี้ท้ายเรื่องแน่นอน

     

     

    ส่วนคนที่ถามถึงเยซองมานะ(มีอยู่คนนึงนะถ้าเราจำไม่ผิด) ตาเยเย่ของเราจะออกมาตอนหน้า(มั้งนะ) อาจจะไม่ค่อยเด่นเท่าไร..แต่ก้มีบทล่ะหว้า- -*

     

    มาอ่านคอมเม้นต์แล้วนั่งฮาอยู่คนเดียว ว่าอ่านของคุณzelonฮาแล้ว อ่านของคุณอันลีฮากว่า...เปนขนาดนั้นเลยหรอคะ^^”

     

    ตอบคุณzelonนิดนึง ไรเตอร์ไม่ใช่เด็กสาธิตค่ะ ปกติก็เปิดเหมือนคนอ่นเค้าอ่าแหละ แต่พอดีปีนี้ที่โรงเรียนมีปัญหานิดหน่อยก้เลยเลื่อน แค่นั้นเองค่ะ^^

     

    ไปแร้นค่า(พล่ามเยอะอีกตามเคย- -)....รักคนอ่านคนเม้นต์ทุกคนเลย ขอบคุณสำหรับคำติชมด้วยนะ^^...ไรเตอร์ปลื้มมากมายอ่าพี่น้องงงงงงงงงงง

     

    ปล.ขอบคุณสำหรับคนที่หั้ยข้อมูลเกี่ยวกับ happy factoryกับมิวสิคโชว์แท้งนะจ๊ะ^^

     

    ปล2.แถวนี้มีใครจองบัตรคอนทันกันบ้างมั้ยเอ่ย...โชคดีจังเลยอ่า เรากะจะไปจองอาทิตย์หน้า(กะจะไปหาพวกไปด้วยเพิ่มที่โรงเรียน)แต่มันดันหมดตั้งแต่สามวันแรกซะนี่(เหลือแค่สี่พันห้าเราไม่ถือว่ามันเหลือ...เกินงบ- -)...แย่จิงๆเชียวTT…ทำแบบนี้ได้ยังงัยกัน!!...มาพรากชั้นออกจากคู่หมั้นคู่หมาย(อย่างคิมคิบอมและลีทงเฮ)ได้ยังงาย!!!...เขากำลังจะมาขอชั้นแต่งนะ!! (ไรเตอร์บ้าไปอีกแล้วพี่น้อง- -)

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×