คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : 7' :คนโง่! คนโง่! คนโง่!
"ก็ไม่ใช่ไม่สบายหรอก แค่ไปตรวจร่างกายน่ะ"
อีทึกไม่รู้ว่าตัวเองควรจะตอบอะไรกลับไปให้ดีกว่านี้เพื่อทำให้สีหน้าของฮันคยองดีขึ้น เขาพยายามทำเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไรต่อความห่วงใยที่ฉายชัดอยู่ในดวงตาคมคู่นั้นด้วยการฝืนยิ้มเอาไว้จนตาหยีและยื่นสมุดที่น้องชายของตนยืมมา(และก็ไม่มีทีท่าว่าจะเอาไปคืนสักทีจนเขาต้องหยิบมาคืนให้เสียเอง)ออกไปให้ร่างสูงผู้เป็นเจ้าของคล้ายอยากจะยืนยันจุดประสงค์ในการเดินมาดักหน้าครั้งนี้อีกครั้ง
อีทึกเหนื่อยที่จะยิ้มแล้วนะ
เห็นแววตาแบบนั้นแล้ว...อีทึกจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว
"ฮีชลฝากนี่มาคืนฮันคยองน่ะ รับไปสิ ต้องใช้อ่านสอบอาทิตย์หน้าไม่ใช่หรอ"
คิ้วเข้มของฮันคยองกระตุกขึ้นนิดเพราะถ้อยคำของเขาในขณะที่ก็ยื่นมือออกมารับสมุดเล็คเชอร์เล่มนั้นกลับคืนไป อีทึกยังคงยิ้ม...เขาเก่งเรื่องนี้อยู่แล้วนั่นล่ะ นางฟ้าตาหวานประจำภาควิชาแฟชั่นดีไซน์ประสานมือกันไว้ตรงหน้าหลวมๆ หากแต่ต่อมาก็ต้องเปลี่ยนไปเป็นไขว้ซ่อนไว้ด้านหลังแทนที
"คิมฮีชอลจำได้ด้วยหรอ นึกว่าจะไม่ได้คืนแล้วซะอีก จะดีใจดีมั้ยน้าาา"
ดีใจสิ...
แค่ทำให้ฮันคยองยิ้มได้ อีทึกก็ดีใจมากแล้วจริงๆ
"แสดงว่าวันนี้ก็อยู่คนเดียวน่ะสิ เหงาแย่เลยสิท่าอีทึกชอนซา"
มือใหญ่วางแปะลงมาบนศีรษะของเขาแล้วจึงโยกเอนมันไปมาจนศีรษะของเขาคลอนดุ๊กดิ๊กไปมาซ้ายขวาเหมือนตุ๊กตาล้มลุก อีทึกคลี่ยิ้มออกมาจนแก้มด้านซ้ายปรากฏรอยลักยิ้มบุ๋มลึกลงไป ดวงตาคู่หวานโดนแก้มดันขึ้นจนโค้งเป็นรอยยิ้มตามเรียวปาก เขาเห็นฮันคยองหลุดหัวเราะออกมาเบาๆให้กับท่าทางของเขาก่อนสมุดเช็คเชอร์ที่ถืออยู่ในมืออีกข้างหนึ่งจะถูกเคาะลงมาเบาๆที่สันจมูกของเขา
"หรือว่าดีใจที่ไม่มีคนมาคอยคุมกันล่ะ...ต้องเป็นอย่างหลังแน่ๆใช่มั้ย"
"ฉันไม่ได้พูดแบบนั้นสักหน่อย"
"นี่อีทึก...น้องชายไม่สบายอยู่ทั้งคนทำไมยังยิ้มอยู่ล่ะ เป็นพี่ชายประสาอะไรกัน"
เสียงของเพื่อนในกลุ่มของฮันคยองที่ยืนคอยอยู่ใกล้ๆทำให้รอยยิ้มของเขาสะดุดไปนิด เช่นเดียวกับแววตาที่จับจ้องหาโฟกัสไม่เจอไปอยู่ชั่วครู่...อากาศโดนดึงออกจากปอดของเขาอย่างไม่เป็นธรรมเลยสักนิด เขาไม่รู้ว่าฮันคยองกำลังทำสีหน้าแบบไหนอยู่ และเพื่อนคนอื่นๆของฮันคยองกำลังทำสีหน้าแบบไหนอยู่ แต่ว่านะ...
บางครั้งอีทึกก็ลืมไปว่าโลกทั้งใบหมุนอยู่เพียงแค่รอบตัวคิมฮีชอล
"เฮ้ยไอ้...!"
"ทีพ่อมึงป่วยจะตายมึงยังไปหาเหล้าแดกกับไอ้พวกจุนฮวางได้เลย กูไม่ได้ป่วยกำลังจะตาย แค่ไปตรวจร่างกายทำไมพี่ชายกูต้องเศร้าด้วยวะ อย่ามาพูดจาหมาๆกับพี่กูนะสัด!...มึงก็ด้วยไอ้เจ๊ก ดูแลเพื่อนให้มันดีๆหน่อย เห่ามากกูรำคาญ!"
มือที่วางอยู่บนศีรษะของเขาถูกปัดทิ้งก่อนมือของเขาจะถูกกระชากไปเกาะกุมเอาไว้แน่นด้วยมือนิ่มอันคุ้นเคยของน้องชายที่โผล่เข้ามายืนซ้อนอยู่ที่ด้านหลัง เสียงตวาดของคิมฮีชอลหยุดทุกการเคลื่อนไหวได้เสมอนั่นล่ะ...ครั้งนี้ก็ไม่ต่างกันเท่าไรนักหรอก ดวงตาสวยคมดุตวัดมองไปยังพวกเด็กภาควิชานิเทศศิลป์เหยียดๆก่อนจะจบท้ายด้วยการชี้นิ้วใส่หน้าผู้ชายที่ตัวเองเพิ่งหยุดคำพูดไปเมื่อครู่เพื่อย้ำคำของตนแล้วจึงจูงมือเขาพาเดินออกมา...และอีทึกก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเดินก้มหน้าก้มตาตามไปด้วยจังหวะการก้าวเดินที่ช้ากว่า
"ฉันเป็นพี่ที่แย่...อย่างนั้นหรอ"
"เออ แย่มาก"
เจ้าของใบหน้าหวานที่ก้มต่ำมองอยู่เพียงแค่ปลายเท้าของตัวเองจนผมระต่ำปิดบังใบหน้าแทบทั้งหมดแค่นยิ้มออกมานิดพลางครางอือออรับรู้ข้อผิดพลาดของตัวเองอยู่ในลำคอคล้ายอยากจะตอบกลับว่าอย่างนั้นหรอ...แต่เขาก็ไม่อยากจะร้องไห้เลยจริงๆ ถ้าเปิดปากพูด...ทุกอย่างต้องออกมาแน่ๆ
ฮีชอลไม่ยี่หระต่ออาการของพี่ชายมากนัก เขาทำเพียงแค่กระชับมือเล็กๆของอีกฝ่ายเอาไว้ให้แน่นขึ้นและก้าวเดินต่อไปตามทางของตน น้องชายคนเก่งยกมือข้างที่ว่างขึ้นเสยผมของตัวเองลวกๆ
"พี่ชายที่ปกป้องแต่ฉัน แต่ไม่เคยปกป้องตัวเองน่ะ...แย่มากจริงๆ"
"ก็ฉันอยากจะดูแลฮีชอลนี่นา ถึงเราไม่ได้เป็นพี่น้องกันจริงๆ แต่ฉันก็เกิดก่อนฮีชอลตั้งหลายวันนะ"
อีทึกรักคิมฮีชอลมากจริงๆนะ
อีทึกรัก...น้องชายแค่ในนามคนนี้มากจริงๆ
"เอาตัวเองให้รอดก่อนเหอะแล้วค่อยมาดูแลฉัน"
เสียงของฮีชอลสะบัดนิดบ่งบอกถึงอารมณ์ขุ่นเคืองได้อย่างชัดเจนจนเขาอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ อีทึกกระชับมือเย็นเฉียบของน้องชายให้แน่นขึ้นบ้าง ค่อยๆสอดแทรกปลายนิ้วของตัวเองเข้าไปจับประสานกับมือของน้องชายเอาไว้...ฮีชอลไม่ชอบให้จับมือแบบนี้ แต่เขาชอบนี่นา ฮีชอลก็ยอมให้เขาจับแบบนี้ทุกทีนั่นล่ะถึงจะทำเสียงฮึดฮัดแบบนั้นก็เหอะ!
"นี่...ที่ฮีชอลพูดน่ะ เดี๋ยวฮันคยองก็เสียใจหรอก"
"ช่างปะไร! ฉันไม่สนใจหมอนั่นหรอก มันให้เพื่อนมันมารังแกนายได้ยังไง ฉันห้ามนายไปเสวนากับไอ้พวกเด็กภาคนิเทศศิลป์อีกตลอดไปเลยนะ เข้าใจมั้ย!"
"ทุกคนเลยหรอ"
"ทุกคนเลย! อาจารย์ประจำภาคก็ห้ามคุย เข้าใจมั้ยอีทึก!"
พี่ชายคนดีหลุดหัวเราะคิกคักออกมาเบาๆให้กับท่าทีฮึดฮัดของน้องชายที่ดูจะเป็นเดือดเป็นร้อนแทนเขาไปเสียหมดทุกเรื่อง อีทึกเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มตาใสให้กับคนที่เขารักมากเหลือเกินคนนี้ก่อนจะเร่งฝีเท้าไปกระโดดฝังปลายจมูกเข้าที่ข้างแก้มนิ่มเสียหนึ่งทีเหมือนจะขอบคุณสำหรับความห่วงใยนั้น ฮีชอลเบิกตาขึ้นกว้างนิดพร้อมด้วยแก้มที่ขึ้นสีระเรื่อขึ้นมาอย่างหาดูได้ยากจนเขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาอีก
"ฉันทำให้ฮีชอลแก้มแดงด้วยล่ะ!"
"ย่าห์! นายอยากโดนฉันตีรึไงอีทึก!!"
.......................................................
"ฉันบอกไม่ให้นายไปยุ่งกับไอ้พวกเด็กภาคนิเทศศิลป์แล้วไม่ใช่รึไง!"
"ฉันก็ไม่ได้ไปยุ่งสักหน่อย ฉันให้ฮีชอลเอาไปให้แทนฉันต่างหาก...นะๆๆ เมื่อวานฮีชอลพูดไม่ดีกับฮันคยองตั้งเยอะ เขาจะได้ไม่โกรธไงล่ะ"
กล่องใส่อาหารสีขาวถูกยัดใส่มือเขามาอีกครั้งพร้อมกับที่ยัยแม่ครัวมากปัญหา(?)บังคับจับมือของเขาเอาไว้ให้ยึดกับเจ้ากล่องพลาสติกอุ่นๆนั่นไม่ปล่อยราวกับกลัวว่าเขาจะขว้างมันทิ้งไป...พี่ชายคิดว่าเขาเป็นคนยังไงกัน! ก็จริงที่ว่าถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่พี่ชายเขาคงขว้างทิ้งลงพื้นไปแล้วจริงๆนั่นล่ะ แต่ก็นะ...นี่มันอีทึกน่ะ แค่ไม่รับก็น่ากลัวว่าบ่อน้ำตาจะแตกมากพอแล้ว
"ไม่เห็นต้องไปสนเลย ช่างหมอนั่นปะไรสิ!"
"ไม่ได้นะ! ฮีชอลห้ามพูดแบบนั้นนะ ฮันคยองเค้าชอบนายมากจริงๆนะ นายต้องทำตัวดีๆกับเขาสิ"
พูดแบบนั้นออกมาได้ยังไงกัน
ทั้งๆที่นายก็ชอบมัน...มากกว่าที่มันชอบเขาตั้งมากมายไม่รู้เท่าไร
ดวงตาคู่โตคมดุที่ถอดแบบมาจากมารดาตวัดมองพี่ชายที่ยืนยิ้มอ้อนอยู่ตรงหน้าด้วยแววตาเย็นชา...บางครั้งอีทึกก็เป็นคนที่เขาเกลียด...เป็นแบบที่เขาเกลียดเปี๊ยบเลยนั่นล่ะ พวกคนที่หมุนรอบคนอื่นก่อนที่จะหมุนรอบตัวเองน่ะ...น่ารำคาญมากจริงๆ
"พูดมากน่ารำคาญนา เอามาก็เอามา!"
เขากระชากเจ้ากล่องพลาสติกสีขาวจืดชืดที่เขาล่ะเกลียดเป็นบ้าออกมาจากมือบอบบางของพี่ชายที่มีแผลบาดเต็มนิ้วไปหมด...อาหารก็ทำไม่เก่งแล้วยังสะเอ่อะเข้าครัวอีก น่ารำคาญจริงๆ ฮีชอลยกมือเสยผมของตัวเองลวกๆอย่างที่ทำจนติดเป็นนิสัยเวลากำลังหงุดหงิดรำคาญใจ
"แค่เอาไปให้ก็พอใช่มั้ย!"
"อื้อ! แต่อย่าบอกว่าฉันเป็นคนทำนะ"
"เรื่องมากจริง! ไอ้เจ๊กนั่นไม่สนหรอกนาา"
"ก็เพราะว่าไม่สนไงล่ะถึงห้ามบอก พูดว่านายเป็นคนทำนะฮีชอล บอกว่านายทำมาขอโทษเมื่อวาน ฮันคยองจะได้ไม่โกรธนายไงล่ะ"
แย่ที่สุดเลย...
แบบนี้น่ะ...แย่สุดๆไปเลย
"เดี๋ยวฉันไปเปลี่ยนชุดก่อนนะ แล้วเราค่อยไปเรียนกัน"
ดวงตาคู่หวานคู่นั้นโกหกเขาไม่ได้อยู่ดีนั่นล่ะ...อีทึกโกหกใครเป็นที่ไหนกัน มีแต่ไอ้พวกโง่ที่มาจากจีนหลังเขานั่นล่ะที่หลงกลคำโกหกโง่ๆพวกนั้นทุกที อีทึกยิ้มหวานให้เขาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหมุนตัววิ่งกลับไปเปลี่ยนชุดที่บนห้อง ฮีชอลรู้สึกเหมือนอยากจะสบถ อีกใจหนึ่งก็ตะหงิดๆปากอยากดูดบุหรี่ที่เคยแอบไปลองสูบกับเพื่อนตอนมอปลายปีสอง แต่ก็นั่นล่ะนะ...เขาก็ทำได้แต่ยืนรอพี่ชายอยู่ตรงนี้นิ่งๆเหมือนเดิมนั่นล่ะ
"คุณชายจะไปนั่งรอบนรถก่อนมั้ยครับ ผมจะได้ไปสตาร์ทเครื่องให้"
"ถ้าฉันอยากไปคงเดินไปแล้วนั่นล่ะ"
คำตอบของเขาห้วนสั้นเฉยเมยเหมือนเคยจนทุกคนเคยชินและไม่รู้สึกว่ามันเย็นชาหยาบคายอีกต่อไป คนขับรถประจำตัวของเขาค้อมศีรษะรับคำของเขาแล้วจึงถอยออกไปยืนคอยอยู่ห่างๆตามเดิม ฮีชอลพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ
ทำไมทุกคนชอบทำเหมือนเขาเป็นคนป่วยนะ
น่ารำคาญจริงๆ
"นี่อีทึก! เรากำลังจะสายแล้วนะ!"
"มาแล้วๆ ฮีชอลอย่าเร่งนักสิ"
ร่างผอมบางเดินเตาะแตะลงบันไดมาพร้อมกับที่เจ้าตัวพยายามจะดึงชายเสื้อฮู้ดแขนยาวสีขาวตัวใหญ่ผ่านหัวลงมา...ไม่ระวังเลย...ไม่ระวังเลยจริงๆ! ฮีชอลก้าวฉับๆเข้าไปหาพี่ชายคนดีที่เดินลงบันไดมาทั้งๆที่หัวยังไม่พ้นออกมาจากคอเสื้อ เขาใช้มือผลักหัวของยัยคนไม่ระวังไปหนึ่งทีเป็นการลงโทษแล้วจึงจัดแจงดึงเสื้อหนาวตัวใหญ่ของอีกฝ่ายให้เข้าที่เข้าทางให้ อีทึกช้อนตาขึ้นมองเขา กระพริบตาปริบๆทำหน้าบ๊องแบ๊วไม่รู้เรื่องจนเขาล่ะอยากจะตบหัวไปแรงๆสักกป้าบ แต่ก็นะ...ทำจริงเดี๋ยวก็ได้น้ำท่วมอีก
"ทำไมหรอฮีชอล"
"เฮ้อออ...ช่างเหอะ นายมันน่าเบื่อว่ะอีทึก ไปเรียนได้แล้ว"
คว้าจับมือของพี่ชายที่ทำปากเบะกับคำว่าน่าเบื่อของเขามาเกาะกุมเอาไว้ก่อนจะลากให้เดินตามออกไปยังรถที่จอดคอยอยู่อย่างเอาแต่ใจ และก็แน่ล่ะ...ขนาดเลี้ยงแมวตั้งสองตัว ยังไม่มีตัวไหนเชื่องได้เท่าอีทึกเลยสักตัวจริงๆ แต่จังหวะการเดินเตาะแตะรั้งอยู่ข้างหลังแบบนี้น่ะ...ท่อรั่วแน่ๆ เขามั่นใจ เขาขอถอนหายใจตัดหน้าก่อนเลยละกันนะ
"ฮีชอล...ฮึก...เบื่อฉันแล้วหรอ"
นั่นไงล่ะ! ปลอบกันอีกนานแน่ๆ
คิมฮีชอลน่ะ...ทนพี่ชายที่ชื่ออีทึกไม่ได้จริงๆนะ
มันน่ารำคาญ...มากจริงๆว่ะ!
..................................................
"อย่าลืมที่สัญญานะ"
"เข้าใจแล้วนาาา ห้ามแอบดูนะ ไปอยู่ที่ห้องเรียนคอยไป๊!"
ฮีชอลก็แค่...ไม่อยากให้เห็น
ฮีชอลก็แค่...ไม่อยากให้ได้ยิน
ทำไมเจ้าพี่ชายไม่ได้ความนั่นชอบทำให้ตัวเองเจ็บปวดนักนะ
ฮีชอลยืนเท้าเอวมองจนแน่ใจว่ายัยพี่ชายน่ารำคาญนั่นได้วิ่งขึ้นตึกเรียนไปแล้วจริงๆแล้วจึงหมุนตัวเดินไปยังสวนข้างตึกคณะที่เขาจำได้ว่าเห็นพวกภาคนิเทศศิลป์นั่งรวมกลุ่มกันทำงานอยู่...ถ้าเจอก็ดีไป แต่ถ้าไม่เจอล่ะก็ คนอย่างคิมฮีชอลไม่ทนเสียเวลาเดินหาหรอกนะขอบอก! เขาสบถงึมงำ ย้ำโครมๆไปตามทางอย่างไม่คิดจะทำให้ตัวเองดูเป็นนิดกว่านี้เลยสักนิด
"อ้าวคิมฮีชอล!"
ไม่ต้องมองหาให้รำคาญลูกตา ไอ้คนที่เขาตามหาก็โผล่พรวดออกมาให้เขาเห็นเอาดื้อๆเสียแบบนั้นพร้อมด้วยรอยยิ้มตามแบบฉบับ...และฮีชอลก็คิดว่ารอยยิ้มแบบนั้นเป็นรอยยิ้มที่ดูงั่งดีชะมัด! เขาไม่เคยนึกชอบมันเลยสักครั้งจริงๆให้ตายสิ! คนสวยประจำภาคแฟชั่นก้าวตรงเข้าไปหาเป้าหมายของตนก่อนจะยื่นกล่องพลาสติกใส่อาหารในมือไปให้ส่งๆ
"ให้!"
"อะไรน่ะ"
"ก็รับไปเปิดดูเองเซ่!"
ฮันคยองสะดุ้งขึ้นมานิดหลังจากเสียงตวาดของเขา หมอนั่นรีบคว้าเจ้ากล่องใส่อาหารในมือของเขาไปก่อนจะจัดแจงเปิดฝาออก ข้าวผัดกิมจิง่ายๆด้านในเรียกรอยยิ้มให้เกิดขึ้นบนเรียวปากบางของหมอนั่นได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็นะ...เขาไม่อยากจะมองเห็นมันให้ปวดตามากไปกว่านี้เลยเบือนสายตาหนีออกไปมองสิ่งอื่นอย่างต้นไม้ใบหญ้าแทนที่ ฮันคยองทำเสียงร้องอูอาออกมาอย่างแปลกใจ
"ทำเองป้ะเนี่ยคิมฮีชอล"
"จะทะ...!"
อ้ะๆ!...เกือบหลุดออกไปแล้ว
"แดกได้ละกันนา!"
ฮีชอลเลือกที่จะไม่ตอบคำถาม...อย่างน้อยก็ไม่ได้โกหกล่ะนะ เขาสบถพึมพำออกมาอีกครั้งพลางยกมือขึ้นเสยผม...อึดอัดมากเลยจริงๆนะแบบนี้น่ะ
"เรื่องวันนั้นน่ะ อีทึกร้องไห้รึเปล่า...ฝากขอโทษเค้าหน่อยได้มั้ย"
"เหอะ! อย่าแม้แต่เอาเสียงของนายไปให้พี่ชายของฉันได้ยินฮันคยอง"
คนสวยตวัดเสียงใส่เพื่อนร่วมคณะชาวต่างชาติของตนด้วยน้ำเสียงห้วนกระด้างอย่างไม่เป็นมิตรเท่าไรนักโดยไม่แม้แต่จะชายตาแลสีหน้าคนพูดยามที่เอ่ยถ้อยคำขอโทษเหล่านั้นออกมาให้เสียสายตาของตน เขาเหลียวตัวหันกลับไปมองตึกคณะด้านหลัง ริมฝีปากสีแดงสดเม้มเข้าหากันนิดก่อนสุดท้ายแล้วมันจะขยับพ่นคำสบถออกมาอีกคำพร้อมกับที่เจ้าของสาวเท้าเดินหนีออกมา
ทั้งๆที่คิมฮีชอลอยากจะปกป้องแท้ๆ...
แต่ทำไมมันถึงเป็นเขาทุกทีที่ทำให้คนที่เขาแคร์มากกว่าใครเจ็บปวดนะ
อีทึกใช้มือเกี่ยวม่านออกนิดเพื่อมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ที่สามชั้นต่ำลงไป...และแม้ว่ามันจะไกลถึงตั้งสามชั้น แต่เขาก็ยังเห็นคนที่เป็นความรักของเขาทั้งสองคนได้ชัดตามากเหลือเกิน ฮันคยองดูดีใจเมื่อเปิดฝากล่องออกดูสิ่งที่อยู่ภายใน รอยยิ้มแบบนั้นเรียกให้เขายิ้มตามออกมาอย่างช่วยไม่ได้...ก็แค่รู้ว่าฮันคยองชอบมัน เขาก็ดีใจแล้วนั่นล่ะ อีทึกรู้ว่าตัวเองควรจะพออยู่ที่แค่รอยยิ้มนั้นหากไม่อยากทำให้ตัวเองเจ็บปวดและร้องไห้ แต่ว่านะ...สายตาที่ฮันคยองใช้มองน้องชายของเขาผู้ซึ่งไม่ยอมสบตากับเจ้าตัวเลยสักนิดน่ะ อยากให้ตัวเองยืนอยู่ในสายตาแบบนั้นสักครั้งจริงๆนะ อีทึกค่อยๆปล่อยม่านให้ทิ้งตัวปิดคลุมหน้าต่างเอาไว้ตามเดิมก่อนจะพลิกตัวกลับมายืนพิงผนังห้องเอาไว้พร้อมกับถอนหายใจออกมาเบาๆ
อดทนไว้...เข้มแข็งไว้
ถ้าเป็นคิมฮีชอลล่ะก็...จะอีกสักกี่อย่างอีทึกก็ให้ได้ทั้งหมดนั่นล่ะ
..............................................................
"อีกแล้วเรอะ?!"
"ก็ฉันอยากทำนี่"
"นายจะทำอะไรให้หมอนั่นกินนักหนาอีทึก! แค่ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว!"
"แต่ฉันอยากทำนี่ ฉันทำของพวกเราด้วยนะ ตอนกลางวันเราจะได้ไม่ต้องไปกินที่โรงอาหารกลางไงล่ะ ฮีชอลไม่ชอบคนเยอะๆไม่ใช่หรอ"
นั่นไม่ใช่ประเด็นสักหน่อยยัยบ้า!
คิมฮีชอลอยากจะตะโกนแบบนั้นใส่หน้ายัยพี่ชายตัวดีที่ยืนยิ้มสวยชูข้าวกล่องไปมาอยู่ตรงหน้านัก แต่เขาก็ได้แค่อยากเท่านั้นล่ะ...ลองได้ขึ้นเสียงใส่อีทึกเกินระดับมาตรฐานสัก0.001เดซิเบลสิ ร้องไห้บ้านแตกน้ำท้วมจมน้ำตายกันทั้งบ้านอ่ะ! เขายกมือขึ้นเสยผมจนมันเสียทรงที่อุตส่าห์จัดมาก่อนจะกระชากเจ้ากล่องข้าวสีขาวอันเล็กมาถือไว้ แล้วจึงหมุนตัวก้าวฉับๆไปขึ้นรถที่จอดรออยู่...หัวเสียแต่เช้า น่าหงุดหงิดดีชะมัด!
"ห้ามลืมสัญญานะฮีชอล อย่าบอกฮันคยองนะ"
"เออออ!! รีบมาเหอะนา!!"
"พิศวาสอะไรฉันขึ้นมานักหนาเนี่ยคิมฮีชอล"
"จะแดกไม่แดก!"
"กินครับกิน"
ฮันคยองรีบคว้ากล่องข้าวสีขาวนั่นไปถือไว้พร้อมด้วยรอยยิ้มหวานประจบเอาใจที่เขาล่ะเกลียดแม่งเป็นบ้า ฮีชอลยกมือขึ้นกอดอก มองปฏิกริยาของร่างสูงตรงหน้ายามที่หมอนั่นเปิดฝากล่องออกเพื่อดูสิ่งที่อยู่ด้านใน...และถ้าเขาเป็นคนทำมันจริงๆอย่างที่หมอนั่นเข้าใจไปเองล่ะก็นะ(เขาเปล่าโกหกนี่! ไม่ได้พูดสักคำว่าทำเอง แล้วก็ไม่ได้บอกว่าอีทึกทำตามที่สัญญาไว้ด้วย!...คิมฮีชอลนี่อัจฉริยะไปเลยใช่ป้ะล่ะ!) รอยยิ้มกับแววตาแบบนั้นคงจะทำให้เขาดีใจได้เป็นวันๆเลยล่ะ แต่ก็นะ...ผู้ชายที่ชื่อฮันคยองไม่มีส่วนไหนที่จะทำให้เขารื่นเริงได้อยู่แล้ว
"ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างคิมฮีชอลจะทำอาหารหน้าตาน่าทานแบบนี้ได้ด้วยนะ"
ไม่รู้ว่านั่นเป็นคำหลอกด่ารึเปล่า แต่คิมฮีชอลก็ขอยืดไว้ก่อนละกันนะ เขาไหวไหล่นิดๆด้วยท่าทางยะโสหน่อยๆเหมือนจะบอกว่าคนอย่างคิมฮีชอลน่ะทำได้ตั้งแต่สากกระเบือยันยานอวกาศนั่นล่ะ ฮันคยองเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้เขา และแววตาอ่อนหวานนั่นก็ทำให้เขาต้องเบือนสายตาหนีออกมา...เขาไม่ชอบสายตาแบบนั้น ไม่อยากจะรับรู้ข้อความใดๆที่ส่งมาพร้อมกับดวงตาคมคู่นั้น
เขาไม่อยากจะทำให้อีทึกเสียใจ
แค่คนรอบข้าง...ก็ทำให้อีทึกเสียใจเพราะเขามามากพอแล้ว
"ขอบใจนะคิมฮีชอล"
"เออ! แดกให้หมดละกัน"
"พูดก็ไม่เพราะ ต้องให้น้องหมีอบรมซะหน่อยแล้ว"
"อะไรนะ?!"
หันไปตวาดแว้ดใส่ไอ้เจ๊กคนจีนที่พูดจาชักจะสับสนได้คำเดียว เจ้าตุ๊กตาหมีขนนิ่มตัวใหญ่ยักษ์สีขาวก็ทำให้เขาหุบปากฉับลงมาในทันที ฮันคยองชะโงกหน้าผ่านเจ้าหมีตัวใหญ่ที่บังหน้าของหมอนั่นจนมิดออกมาส่งรอยยิ้มกว้างมาให้เขา
"ไปฟังน้องหมีอบรมซะนะคิมฮีชอล"
"ให้ฉัน?"
"อื้อ!"
"สีขาวน่ะนะ?"
"อื้อ! ก็เห็นให้กล่องข้าวสีขาวมานี่"
คนโง่! คนโง่! คนโง่!
คิมฮีชอลทำพี่ชายเสียใจอีกจนได้!
.........................................................................
ใครอ่านตอนนี้แล้วรู้สึกไม่ชอบทึกตะหงิดๆอยู่ในใจเหมือนไรเตอร์มั่ง ไม่รู้สิ ไรเตอร์ว่านิสัยแบบทึกนี่เป็นนิสัยที่ผู้หญิงเกลี๊ยดเกลียดอ่ะ ว่ามั้ย ช่างอ้อนเจ้าน้ำตา งุงิหงุงหงิง อะไรแบบนั้นนะ = = แต่งเองยังรู้สึกแบบ...ตะหงิดๆในใจเลยอ่ะว่าไม่ชอบนิสัยแบบนี้เลยจริงๆ แต่เรื่องนี้คิมฮีชอลซึนจริงอะไรจริงๆอ่ะ ยกนิ้วให้ = =b นายเท่ห์จริงอะไรจริงอ่ะฮีนิม! ทำเอาป๋าฮันให้ความรู้สึกเหมือนเป็นตัวประกอบมากกว่าจะเป็นพระเอกของคู่รองเลยว่ามั้ย
เจอกันครั้งหน้ากับเสี่ยลูกแมวจ้า^^
ความคิดเห็น