ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF:HANTEUK] :: The One I Love ลิขิตหัวใจนายมาเฟีย .. Part2

    ลำดับตอนที่ #6 : Next to Me [1]

    • อัปเดตล่าสุด 25 ธ.ค. 53


    เพื่อใครสักคนที่เป็นดั่งโลกของเราทั้งใบ

     

    มันต้องใช้ความกล้ามากแค่ไหนกันนะ

     

     

    ร่างบอบบางที่เสื้อผ้าเปื้อนไปด้วยเลือดสีเข้มมากมายเกร็งมือจับประสานกันอยู่ที่ด้านหน้าแน่นจนปรากฏรอยเส้นเลือดขึ้นอยู่ที่ด้านหลังฝ่ามือชัดเจน ดวงตาคู่หวานกวาดมองรอบตัวล่อกแล่กคล้ายกำลังระวังภัยให้แก่ตัวเองที่กำลังก้าวอย่างเชื่องช้าไปตามล๊อบบี้ด้านหน้าของโรงพยาบาลรัฐเล็กๆแห่งหนึ่ง และคนมากมายที่จ้องมองตอบเขากลับมาราวกับกำลังมองตัวประหลาดก็ทำให้เท้าของเขาเริ่มขยับก้าวได้ช้าลงทุกที กลิ่นของยาทำให้อีทึกหายใจไม่ออก ความหวาดกลัวทำให้ลำคอของเขาเจ็บแสบไปหมด...มันกำลังจะทำให้เขาร้องไห้ออกมา พยาบาลตรงหน้าเค้าน์เตอร์ด้านหน้าสังเกตเห็นเขาเข้าก่อนพวกหล่อนจะพากันวิ่งกรูเข้ามาหาเมื่อเห็นว่าเขามีเลือดเปื้อนอยู่เต็มตัวไปหมด

     

    "เป็นอะไรมั้ยคะคุณ ต้องการความช่วยเหลืออะไรมั้ย"

    เสียงอ่อนหวานของพวกหล่อนระดมยิงคำถาม เช่นเดียวกับมือนิ่มหลายคู่ที่เอื้อมมาสัมผัสเขา หากแต่เขาก็กระถดตัวถอยหนีสัมผัสเหล่านั้นออกมาอย่างตื่นกลัว เขาสะบัดมือของพยาบาลคนหนึ่งออกจากแขนตัวเองพร้อมกับห่อไหล่เข้าหากันเพื่อไม่ให้ใครได้เข้ามาใกล้ตนจนมากเกินไป

     

    "ผม...ผม...อย่ามาจับผม!"

    เสียงตวาดสั่นเครือทำให้เหล่าพยาบาลที่รุมล้อมเขาอยู่รอบตัวแตกหือออกไปนิด อีทึกพยายามจะตั้งสติและเรียบเรียงคำพูดของตนให้เข้าที่ หากทว่าร่างสูงใหญ่ของหมอคนหนึ่งที่เพิ่งเดินผ่านมาและถูกพยาบาลเรียกรั้งไว้ให้มาดูเขาก็ทำให้ทุกอย่างยิ่งแย่ลง

     

    หมอคนนั้นคลี่ยิ้มยามที่ย่อตัวลงมาสบตากับเขา...แต่อีทึกไม่ชอบรอยยิ้มนั้น ไม่รู้สึกดีเลยสักนิด ร่างผอมบางถอยห่างออกมาจากคนตรงหน้า แต่ก็ถอยออกมาไม่ได้เท่าไร หมอหนุ่มคนนั้นก็ยื่นมือออกมายึดต้นแขนของเขาเอาไว้เพื่อไม่ให้เขาถอยหนีออกไปมากกว่านี้...ดวงตาคู่หวานเปื้อนน้ำตาในทันที

     

    "ขอร้อง...อย่าทำ..."

     

    "ไม่ต้องกลัวนะ หมอจะไม่ทำอะไรเธอ เห็นมั้ย มือหมอไม่มีอะไรเลย"

    คุณหมอคนนั้นว่าด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพร้อมกับชูมืออันว่างเปล่าทั้งสองข้างให้เขาดู...ไม่มีทีท่าตกใจกับดวงตาที่จู่ๆมัวไปด้วยน้ำตาของอีกฝ่ายเลยสักนิด แต่คนอ่อนโยนกลับไม่ได้ทำให้คนหวาดกลัวหายหวาดกลัวแม้แต่นิด อีทึกตัวสั่น หายใจติดขัด...ช้ากว่านี้ไม่ได้แล้ว เขารู้ คุณฮันคยองรอนานกว่านี้ไม่ได้แล้ว

     

    "เธอเจ็บตรงไหนให้หมอดูได้มั้ย เธอเลือดออกเยอะเลยนะ ขอหมอดูนิดเดียวนะ"

     

    "ช่วย..."

     

    "ว่าไงนะครับ?"

     

    "ช่วยคุณฮันคยอง...ไปช่วยคุณฮันคยอง"

     

    .........................................................

     

    อีทึกเบียดตัวเองอยู่ที่มุมห้องด้านหนึ่งในขณะที่หมอหนุ่มกำลังพยายามยื้อลมหายใจของคนบนเตียงเอาไว้ เมื่อเขาดึงดันจะให้คนป่วยอยู่ที่นี่...ไม่ว่าใครก็ห้ามย้ายไปไหน สุดท้ายแล้วคุณหมอคนดีก็จำต้องยอมตามใจเขาและยกอุปกรณ์เย็บแผลมาที่นี่ หมอหนุ่มจัดการเก็บชายผ้าพันแผลให้เรียบร้อยก่อนจะหันมาทำสีหน้าอ่อนใจให้แก่ผู้ที่มีใบหน้าซีดเผือดมากเหลือเกิน

     

    "เธอควรไปโรงพยาบาลนะ สีหน้าเธอดูไม่ดีเลย"

    คุณหมอหนุ่มคลี่รอยยิ้มอ่อนโยนพลางตั้งท่าจะเดินเข้ามาใกล้ อีทึกส่ายหน้าปฏิเสธความห่วงใยนั้นอย่างไม่ใยดี ลมหายใจเผลอติดขัดไปนิดเมื่อปลายนิ้วอุ่นของคุณหมอแตะลงเบาๆที่หน้าผากเพื่อวัดอุณหภูมิ

     

    "ตายล่ะ!...ตัวร้อนจี๋เลย เธอควร..."

     

    "อย่าจับ!...ไม่ต้องจับ ไปได้แล้ว...ออกไปได้แล้ว!"

    คนร่างบางสะบัดมืออุ่นที่ยึดจับเข้าที่หัวไหล่คล้ายอยากจะช่วยเขาไม่ให้ล้มลงออกอย่างรวดเร็วพร้อมกับรีบเบียดตัวเข้ามุมห้องเพื่อถอยหนีอีกฝ่ายออกมาและเอ่ยปากไล่อย่างหยาบคาย...ปฏิเสธความหวังดีทุกอย่างที่คุณหมอคนนั้นมอบให้แม้แต่รอยยิ้มจนคุณหมออ่อนใจที่จะโต้เถียงด้วย เขาเก็บข้าวของ พึมพำขอตัวกลับไปทำงานตามเดิมโดยไม่วายทิ้งท้ายก่อนจากไปว่าให้อีกฝ่ายรีบนอนพักเสีย

     

    เทพธิดายืนนิ่งอยู่ที่เดิม แม้คุณหมอคนดีจะเดินจากไปนานแล้ว หากแต่เขาก็ยังคงยืนอยู่ตรงนั้นราวกับลืมวิธีที่จะขยับไหว แสงแดดอบอุ่นของยามสายที่ลอดผ่านบานหน้าต่างเล็กๆเข้ามาทำให้ห้องอุ่นขึ้นได้มาก ทว่าคนที่เป็นไข้กลับยังคงรู้สึกหนาว อีทึกค่อยๆทรุดตัวลงนั่ง ชันเข่าขึ้นมากอดไว้แนบอกเพื่อบรรเทาความหนาวเหน็บให้แก่ตน...เฝ้ามองและรอคอยใครบางคนอย่างใจเย็น

     

    ใครจะว่าอีทึกเห็นแก่ตัวยังไงก็ช่าง

     

    อีทึกไม่สนหรอก...ไม่เคยสนอยู่แล้ว

     

    ถ้าไม่ใช่เสียงของคุณ...อีทึกไม่เจ็บปวดอยู่แล้ว

     

    .......................................................

     

    เขารู้สึกร้าวระบมไปทั้งทีที่ลืมตาตื่นขึ้นมา แน่ล่ะ...เขาจำได้แม่นทีเดียวว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง คนของโจวมี่เห็นเขา มันก็แค่นั้น จากนั้นกระสุนก็ปลิวว่อนไปหมด...คุณซีวอนต้องไม่พอใจแน่ๆ ฮันคยองเหม่อสายตามองเพดานสีหม่นด้านบนอยู่เนิ่นนาน รอคอยจนกระทั่งภาพในตาทุกอย่างปรับโฟกัสได้อย่างชัดเจนแล้วจึงค่อยๆชันตัวลุกขึ้นนั่ง และเขาก็ประหลาดใจนักที่ตัวเองได้รับการรักษาพยาบาลอย่างดีเกินกว่าที่เขาคาดเอาไว้ทั้งๆที่ตัวเองไม่ได้อยู่ในโรงพยาบาล

     

    ดวงตาสีควันบุหรี่คมเข้มกวาดมองไปรอบห้อง และเขาก็พบกับคนที่ต้องการโดยไม่ยากเย็นอะไรนัก ร่างบอบบางของเทพธิดาผู้มีผิวขาวซีดนั่งกอดเข่าเบียดตัวเองอยู่ที่มุมห้องด้านหนึ่ง ดวงตาคู่หวานแดงช้ำ...อดนอนอย่างเห็นได้ชัด ฮันคยองจ้องมอง...เช่นเดียวกับที่อีกฝ่ายจ้องมองขึ้นมา

     

    ดวงตาแสนสวยคู่นั้นดับแสงลงอีกแล้ว...เขารู้สึกแบบนั้น

     

    เป็นอีทึกที่เบือนสายตาหลบหนีออกไปก่อน คนตัวเล็กค่อยๆชันตัวลุกขึ้นยืน ใช้มือลากไปลากไปตามพนังเพื่อพยุงตัวเดินเข้ามาหาเขา และเมื่อหยุดยืนอยู่ที่ริมเตียง ดวงตาที่แสนมืดหม่นคู่นั้นก็ยังจ้องมอง ฮันคยองเงยหน้าขึ้นมองคนที่ยืนอยู่ใกล้...ยังเป็นฝ่ายไม่ยอมพูดอะไร

     

    บางทีเขาก็คิดว่าตัวเองเข้าใจความเงียบที่อีกฝ่ายสื่อออกมา

     

    แต่ในบางที...เขาก็คิดว่าตัวเองไม่เข้าใจมันเสียเลย

     

    มือเล็กที่ทิ้งแนบอยู่ที่ข้างตัวกำเข้าออกอยู่หลายครั้ง เช่นเดียวกับที่ริมฝีปากบางซีดเซียวเม้มเข้าหากันเป็นเส้นตรง ฮันคยองสังเกตเห็นจนเขาต้องเอื้อมมือไปจับข้อมือผอมบางเอาไว้...และผิวเนียนร้อนผ่าวก็ไม่ได้ผิดอะไรไปจากที่เขาคิดไว้มากนัก

     

    "เป็นอะไร"

    ข้อมือเล็กทำท่าจะบิดหนีคล้ายผู้เป็นเจ้าของไม่อยากจะเผชิญหน้ากับคำถามนั้น หากทว่าเขาก็บีบจับมันแน่นขึ้นจนอีกฝ่ายไม่สามารถหลุดออกไปได้ แต่เขารู้ตัวเองดี...มันไม่ได้แน่นมากเท่าที่เขาคิดจะทำเลยสักนิด อีทึกก้มหน้า...สบตากับเขาด้วยสีหน้าที่ทอแววเจ็บปวด

     

    "ขอโทษครับ"

     

    "เรื่องอะไร"

     

    "ขอโทษ ผม...ขอโทษจริงๆ"

    เสียงหวานขาดห้วงไปนิด ในขณะที่ดวงตาคู่หวานเสเบือนหนีออกไปด้านอื่นราวกับไม่อยากจะให้คนที่นอนป่วยอยู่บนเตียงเห็นสิ่งที่เขาซ่อนอยู่ข้างในนั้น แต่เขาก็หันไปมองทางอื่นได้ไม่เท่าไร...ไม่อยากจะให้อีกฝ่ายหายออกไปนอกสายตาเลยแม้สักวินาทีจริงๆ คนที่เหนื่อยมากเหลือเกินมอเห็นทุกอย่างผ่านม่านน้ำตาจนมันพร่ามัวไปหมด...แบบนั้นแย่ชะมัด เขาอยากจะเห็นคนตรงหน้าให้ชัดๆ...เห็นความรักของเขาชัดอยู่ในสายตาตลอดเวลา

     

    "เป็นอะไร"

    ปลายนิ้วอุ่นเอื้อมขึ้นมาแตะเข้าที่ผิวแก้ม สัมผัสไล้ไปมาแผ่วเบาราวกับรู้ว่าเขากำลังใกล้จะมีน้ำตากระนั้น แต่อีทึกจะไม่ร้องไห้หรอกนะ...ไม่มีทางร้องไห้ให้ผู้ชายคนนี้เห็นเสียหรอก ดวงตาสีควันบุหรี่ที่จ้องขึ้นมาเพื่อขอคำตอบทำให้ลำคอของเขาเจ็บแสบจนไม่มีเสียงที่จะเปล่งเอ่ยตอบคำถามนั้นกลับไป เทพธิดาสูหายใจให้ลึก...กลั้นเสียงสะอื้นของตัวเองเอาไว้จนไหล่สั่นไหวไปหมด

     

    "ผมขอโทษ...ขอโทษจริงๆ"

    ยิ่งเขาเอ่ยคำขอโทษออกไป หัวใจของเขาก็ยิ่งบีบรัดอย่างเจ็บปวด เพราะชายผู้เป็นเจ้าของคำขอโทษของเขานั้นไม่มีทีท่าว่าจะเข้าใจมันแม้เพียงสักนิด...ไม่รู้เลยสักนิดว่าอีทึกคนนี้เห็นแก่ตัวมากขนาดไหน เขาอยากจะยึดจับมืออุ่นที่ไล้สัมผัสอยู่ที่ข้างแก้มของเขาเอาไว้...รั้งมันเอาไว้แนบผิวแน่นๆเพื่อให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขารักสัมผัสแบบนี้มากขนาดไหน...อยากจะซึมซับความอบอุ่นอ่อนโยนของมันให้หายหนาวมากเท่าไร แต่อีทึกทำไม่ได้ เขารู้ตัวเองดี...เทวทูตไม่เคยใช่ของเขามาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว เขาจึงทำได้เพียงแค่ยืนนิ่งอยู่ตรงนี้...จ้องมองและขอโทษเหมือนคนโง่ที่กำลังวิ่งไขว่คว้าผีเสื้อที่ไม่มีทางหยุดลงที่ดอกไม้ซึ่งปราศจากน้ำหวาน

     

    ไม่เคยทำอะไรได้เลยจริงๆ

     

    "ไม่เป็นไร..."

     

    "..."

     

    "ไม่เป็นไรแล้ว ไม่ต้องขอโทษแล้ว"

    เสียงทุ้มเอ่ยออกมาแบบนั้นอย่างแผ่วเบาก่อนร่างของเขาจะถูกดึงรั้งลงไปนอนอยู่บนเตียงแคบ เบียดกายแนบชิดอยู่กับร่างสูงที่โอบกอดตัวของเขาเอาไว้แน่น ใบหน้าหวานถูกกดเข้าแนบอกกว้างที่ถูกพันปิดไว้ด้วยผ้าพันแผลสีขาวสะอาด อีทึกได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นผะแผ่วอยู่ด้านใน และมันก็ให้ความรู้สึกอบอุ่นมากเหลือเกินเมื่อคิดว่าอีกฝ่ายยังคงอยู่กับเขาตรงนี้ไม่ไปไหน...ยังอยู่ในที่ที่เขามองเห็นและสัมผัสได้

     

    เทพธิดาซ่อนหยดน้ำตาของตนเอาไว้กับแผ่นอกกว้างพร้อมกับยึดจับชายเสื้อของอีกฝ่ายเอาไว้แน่น...ปล่อยให้แผ่นหลังและศีรษะของตนถูกลูบสัมผัสไปมาด้วยความรู้สึกแสนปลอบโยน หน้าผากเนียนถูกริมฝีปากอุ่นกดจุมพิตลงมาเบาๆคล้ายอยากจะเห่กล่อมให้เขาหลับตาเสีย...และนั่นก็ทำให้อีทึกไม่รู้สึกผิดอีกต่อไปที่เห็นแก่ตัว

     

    ไม่เลยสักนิดเดียวจริงๆ

     

    "ไม่ว่าเรื่องอะไร ฉันไม่โกรธ...ตอนนี้ถึงเวลาที่่นายต้องนอนบ้างแล้ว ฉันจะกอดนาย...หลับซะ"

     

    ..........................................................

     

    แทนที่เขาจะเป็นฝ่ายถูกดูแล กลับกลายเป็นว่าเขาต้องมานั่งดูแลเสียนี่...ซึ่งมันก็เป็นแบบนี้มาตลอดจนเขาไม่อยากจะเก็บเอามันมาเหนื่อยใจแล้วล่ะ เขาป่วย อีกคนดูแลเขาจนป่วยมากกว่าเขา สุดท้ายแล้ว เขาที่กำลังป่วยก็ต้องมาดูแลอีกคนที่ดูแลเขาจนป่วยมากกว่าเขา...เยี่ยมชะมัด! ฮันคยองถอนหายใจออกมาเบาๆให้กับนิสัยของตัวเองที่ชักจะเหมือนพ่อเข้าไปทุกทีพลางวางมือทาทาบลงไปบนหน้าผากเนียนของคนที่กำลังทุรนทุรายเพราะพิษไข้...เขาลืมไปได้ยังไงนะว่าอีทึกมียาต้องกินเป็นพิเศษน่ะ ยาแพงๆแบบนั้นโรงพยาบาลแถวนี้คงไม่มีแน่ๆ

     

    "นี่...ไหวมั้ย"

     

    "อื้อ"

    คนป่วยพึมพำตอบรับเขากลับมาเสียงแผ่วเบาพลางพลิกกายไปมาอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาหลายชั้น ร่างบอบบางแลดูอ่อนล้า และซีดเซียว...ไม่มีแรงแม้เพียงแค่จะพลิกตัวแล้วด้วยซ้ำ หากแต่มือเล็กกลับเกาะเกี่ยวปลายนิ้วของเขาเอาไว้ไม่ปล่อย...ไม่ได้แน่นหนาเหนี่ยวรั้งอะไร เพัยงแค่ใช้ปลายนิ้วเกี่ยวนิ้วของเขาเอาไว้หลามๆจนแทบจะเป็นแค่การสัมผัสเบาๆเท่านั้น...คล้ายอยากจะบอกให้เขาอย่าไปไหนไกล และเขาก็ไม่ไปไหนไกล ยังคงนั่งอยู่บนขอบเตียงอยู่อย่างนั้น...ใบดวงตาแสนหวานได้จับจ้อง เทวทูตหนุ่มใช้ข้อนิ้วของมือข้างที่ว่างลูบลงไปเบาๆที่ข้างแก้มเนียนอันร้อนผ่าวแผ่วเบา

     

    "ทำไมไม่นอนสักที อยากตายรึไง"

     

    "ผม..."

     

    "ฉันจะไม่ไปไหน ฉันบอกแล้วนี่"

    ถึงแม้จะเหนื่อยอ่อน หากแต่เทพธิดาก็ยังคงดื้อดึงจนเขานึกอยากจะดุและจับตีนัก ฮันคยองได้แต่ถอนหายใจ ล้มเลิกความคิดที่จะโทรไปหาคุณซีวอนไป และเลือกที่จะขยับตัวสอดเข้าไปใต้ผ้าห่มผืนเดียวกับคนป่วยพร้อมกับเอนกายลงนอนเคียงข้าง...ให้ตายสิ!...แค่ขยับเขาก็เจ็บไปหมดแล้ว

     

    "นายมัน...ซื่อบื้อได้ตลอดเวลาจริงๆ"

    ชายหนุ่มชาวจีนบ่นพึมพำพลางตวัดแขนรั้งร่างบอบบางเข้ามากอดไว้แนบอก...ไม่แน่นนัก หากแต่ก็ยังสัมผัสได้ถึงไอร้อนจากผิวเนียนของคนป่วยที่ปัดป่ายปลายจมูกอยู่ที่แผ่นอกของเขา

     

    "หลับสักที จะได้หาย"

     

    "อย่าไปไหน...ได้มั้ยครับ"

    เสียงหวานเอ่ยขอออกมาแผ่วเบายิ่งกว่าสายลมจนเขาต้องเอนหูเข้าไปฟังใกล้ๆ เทวทูตหนุ่มไม่ได้เอ่ยตอบรับอะไรออกไปในทันที เขากระชับอ้อมกอดของตนให้แน่นขึ้น เหม่อสายตาออกไปนอกหน้าต่าง เฝ้ามองเกล็ดหิมะที่ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าอย่างว่างเปล่า...หัวใจของเขาจมดิ่งลงไปในความเจ็บปวดของตัวเองจนเผลอรัดร่างผอมบางแน่นกว่าเดิม มันทำให้อีทึกเจ็บ...แต่คนที่รักอ้อมกอดอบอุ่นแบบนี้มากเกินไปก็ไม่ได้ปริปากเอ่ยร้องออกมาแต่อย่างใด

     

    "ฉันบอกว่าจะไปไหนรึไง หลับได้แล้ว"

     

    ...........................................................

     

    "มันเห็นหน้านายรึเปล่า"

     

    "เปล่าครับ แค่คิดว่าผมเป็นคนจากพรรคอินโซฮวาน"

     

    "อินโซฮวาน?...มันมีปัญหากับอินโซฮวานงั้นหรอ"

     

    "คาดว่ามันกำลังจะมาใช้พื้นที่ของพรรคอินโซฮวานน่ะครับ"

     

    "งั้นหรอ...นายไม่เป็นไรใช่มั้ย ไม่งั้นตัวเล็กโวยวายใส่ฉันแน่"

    ฮันคยองหลุดยิ้มออกมานิดเมื่อน้ำเสียงนิ่งเรียบของเชวซีวนอที่อยู่ปลายสายเปลี่ยนไปนิดตอนพูดถึงน้องชายบุญธรรมตัวเล็กของตน...ก็คงจะโวยวายอยู่หรอก เขาได้ยินเสียงตัวเล็กที่ว่าตะโกนแว้ดๆอยู่ด้านหลังปลายสายนั่นน่ะ

     

    "ครับ ปลอดภัยดี"

     

    "รีบกลับโซลมา เราคงต้องเปลี่ยนแผนแล้วล่ะ"

    ฮันคยองอือออรับคำของอีกฝ่ายอยู่อีกเพียงไม่กี่คำก็กดวางสายไป เขาเก็บโทรศัพท์มือถือของตนใส่กระเป๋ากางเกงพลางหันกลับไปหาคนดื้อรั้นที่ตามเขาออกมาข้างนอกด้วยทั้งๆที่เดินแทบจะไม่ไหวอยู่แล้ว ร่างของอีทึกดูเล็กและบอบบางมากเหลือเกินเมื่อถูกห่อหุ้มด้วยเสื้อกันหนาวตัวหนาและนั่งอยู่บนม้านั่งท่ามกลางหิมะโปรยปรายแบบนี้...เหมือนเทพธิดาที่หาทางกลับไปบนฟากฟ้าไม่เจอกระนั้น เขาเดินกลับไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าอีกฝ่าย

     

    "เป็นอะไรรึเปล่า"

    ปลายนิ้วอุ่นแตะเข้าที่ข้างแก้มเนียนเบาๆคล้ายอยากจะเรียกให้อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมาสนใจเขาที่ยืนค้ำหัวอยู่ตรงหน้า ใบหน้าหวานส่ายไปมาปฏิเสธนิดก่อนดวงตาคู่สวยจะช้อนขึ้นมาสบตากับเขา...หิมะยิ่งทำให้อีทึกดูซีดขาวและเย็นชา เขารู้สึกแบบนั้น...เหมือนรูปสลักเข้าไปทุกที

     

    "หิวมั้ย"

    เทพธิดาสั่นหัวอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาขอคิดว่ามันหมายถึงไม่ไม่หิวละกันนะ...ก็ถามแบบนี้ทีไรเขาก็ได้คำตอบว่าไม่หิวทุกที ฮันคยองถอนหายใจออกมาเบาๆพลางใช้มือข้างหนึ่งยกขึ้นไปบังคับศีรษะเล็กให้ขยับขึ้นลงให้เหมือนอีกฝ่ายได้พยักหน้าตอบกลับมาหาเขา

     

    "หิวนะ กินเสร็จแล้วค่อยกลับโซล...ไปหาเตียงนอนของนาย ตกลงนะ"

     

    "อื้ม"

    คนตาหวานพยักหน้าตอบรับออกมานิดก่อนจะค่อยๆชันกายลุกขึ้น...ซ่อนอาการหน้ามืดและปวดหนึบที่ช่องอกเอาไว้ภายใต้หน้ากากันเรียบเฉยและเย็นชา อีทึกใช้ปลายนิ้วเกี่ยวแลายนิ้วของผู้ชายตัวสูงตรงหน้าเอาไว้อย่างแผ่วเบาคล้ายอยากจะบอกให้อีกฝ่ายอย่าเดินห่างออกไปไกลนัก...ไม่ต้องเดินอยู่ข้างกันก็ได้ แค่เดินอยู่ในที่ที่เขายังเอื้อมถึงก็พอ

     

    เทวทูตเหลือบสายตากลับมามองเขานิด...ไม่ได้เอ่ยว่าอะไร ทำเพียงแค่กระหวัดปลายนิ้วเกี่ยวนิ้วของเขาเอาไว้ให้แน่นมากขึ้น และพาเขาเดินไปตามทางโดยปราศจากคำพูดใดๆอีก อีทึกกดสายตามองต่ำ ปลายเท้าก้าวเดินตามแรงจูงไปอย่างเชื่องช้าพร้อมด้วยลมหายใจที่เริ่มติดขัด

     

    ไม่เป็นไร

     

    อีทึกจะตายก็ได้

     

    ขอแค่คุณอยู่ตรงนี้ไม่ได้ไหน

     

    อีทึกยอมได้ทั้งนั้นอยู่แล้ว

     

    กว่าพวกเขาจะหาร้านอาหาในเมืองที่ไม่คุ้นเคยเจอ ใบหน้าหวานของคนที่เริ่มหอบหายใจก็ซีดขาวยิ่งกว่าหิมะจนคนที่เพิ่งหันมาสังเกตเห็นตกใจ และรีบเปลี่ยนมาเป็นยึดจับต้นแขนเล็กเอาไว้ ฮันคยองสบถพึมพำให้กับความสะเพร่าของตัวเองที่ไม่ได้สังเกตอาการของคนตัวเล็กให้ดีและน่าจะใจแข็งไม่พาออกมาด้วย เขาเลื่อนลงมาโอบกอดเอวเล็กคอดเอาไว้พร้อมกับรั้งเข้ามากอดเอาไว้หลวมๆแนบอก พยุงคนที่ตอนนี้หายใจแผ่วเบาเต็บทนเอาไว้แนบตัวใกล้ๆแบบนั้น ลมหายใจเย็นเฉียบที่รวยรินอยู่บริเวณข้างลำคอของเขาทำให้เขายิ่งร้อนรนที่จะหาที่อุ่นๆให้คนในอ้อมกอดได้นั่งพัก

     

    "ไม่ไหวทำไมไม่บอก!"

    เสียงทุ้มตวาดใส่ข้างหูเบาๆพร้อมกับโอบพยุงพาอีกฝ่ายข้ามถนนไปยังร้านอาหารอิตาเลี่ยนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เขาเดินเข้าไปนั่งด้านในโดยไม่สนใจสายตาของเจ้าของร้านที่มองเขากับคนตัวเล็กในอ้อมกอดของเขาด้วยสายตาแปลกใจ ฮันคยองวางอีกฝ่ายลงนั่งที่เบาะนั่งด้านหนึ่งก่อนจะสอดตัวเองเข้าไปนั่งยังเบาะนั่งฝั่งตรงข้าม เทพธิดาที่ช่างแลดูซีดเซียวและเหนื่อยอ่อนส่ายหน้าไปมานิดคล้ายกำลังบอกว่าตัวเองยังไหว...ยังหายใจไหว แต่ดวงตาแสนหวานกลับเบือนหลบเขา...ซ่อนแววตาบางอย่างเอาไว้

     

    "นี่..."

     

    "ผม...ไม่เป็นไรครับ"

    เสียงหวานอันแผ่วเบานั่นทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล การโดนคนอื่นเย็นชาใส่...ทำเป็นอวดเก่งได้อย่างน่าหัวเราะเป็นอย่างไร เขาก็เพิ่งประจักษ์ว่ามันน่าหงุดหงิดได้มากขนาดไหนก็วันนี้เอง ใบหน้าคมพลันบึ้งตึง เช่นเดียวกับดวงตาสีควันบุหรี่ที่ทอประกายหงุดหงิดชัดเจน

     

    "ทำไมถึงชอบทำตัวอวดเก่งนัก ทำให้คนอื่นเป็นห่วงมันเรื่องสนุกนักรึไง...”

     

    “...”

     

    “แบบนั้นมันน่ารำคาญรู้มั้ย แล้วจะไปอยู่กับคนอื่นเค้าได้ยังไง"

    ประโยคท่อนแรกทำให้หัวใจของเขาที่กำลังเจ็บปวดไปหมดอบอุ่นขึ้นมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ จนเขาลืมไปชั่วครู่ว่าการที่มันเต้นอยู่แบบนี้นั้นกำลังทำให้เขาเจ็บปวดมากแค่ไหน หากแต่ประโยคถัดมากลับทำให้มันเจ็บปวดยิ่งกว่าที่เป็นอยู่เสียอีก ดวงตาคู่โตแสนหวานกาหทว่ากลับมืดหมนเบือนกลับมาสบตากับคนที่นั่งอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามคล้ายอยากจะหาความหมายในประโยคเมื่อครู่

     

    "คุณฮันคยอง...จะไปไหน"

     

    "ฉันอยู่กับนายไม่ได้ตลอดไปหรอกนะ"

     

    แล้วจะไปไหน...

     

    แล้วคุณจะไปไหน

     

    แล้วคุณ...จะเอาอีทึกไปไว้ที่ไหน

     

    อาหารมื้อนี้ไม่อร่อยเลยสักนิด ถึงแม้มันจะเป็นอาหาอิตาเลี่ยนที่อีทึกไม่เคยรู้จักก็ตาม...ตอนที่ลำคอแสบเคืองและเจ็บร้าว...ตอนที่ขอบตาร้อนผ่าวและต้องกลั้นน้ำตา มันทำให้อาหารที่น่าจะทำให้ตื่นตาแปรเปลี่ยนเป็นอะไรที่ทรมาน...เขาพยายามที่จะไม่หลุดเสียงสะอื้นออกมาให้ตัวเองดูน่าสมเพชด้วยการตักพาสต้าครีมซอสของตนเข้าปากทั้งๆที่เขาไม่ได้รู้สึกอยากจะกินมันเข้าไปเลยสักนิด หากแต่ตอนที่กำลังเหนื่อยมากเหลือเกินแบบนี้ การแสร้งทำว่าไม่เป็นอะไรและเย็นชาก็เป็นเรื่องยากมากกว่าที่เคยจนมันน่าร้องไห้

     

    อีทึกอยากจะพูดอะไรออกไปสักอย่าง

     

    แต่เขาก็ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร

     

    ไม่รู้เลยจริงๆ

     

    เทพธิดารวบช้อนส้อมพร้อมกับจัดการผลักจานอาหารของตนที่พร่องลงไปไม่กี่คำให้ห่างออกจากตัว เป็นสัญญาณว่าเขาทานต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว

     

    "ผมจะไปคอยข้างนอกนะครับ"

    เสียงหวานเอ่ยขอตัวออกมาอย่างแผ่วเบาก่อนจะรีบลุกออกมาโดยไม่คิดจะนั่งฟังคำคะยั้นคะยอให้เขากินเข้าไปอีกต่อไป เขากำลังจะร้องไห้...เขากำลังจะทำตัวน่าสมเพชโดยการร้องขอว่าได้อย่าทิ้งเขาไปไหน ร่างบอบบางก้มหน้าหลบดวงตาคมที่จับจ้องมาพร้อมกับรีบสาวเท้าเดินออกไปนอกร้าน อากาศหนาวจะทำให้ดวงตาของเขาแห้งลง...จะทำให้เขาชาจนไม่รู้สึกอะไรอีก

     

    เทพธิดายืนหันซ้ายหันขวาอยู่หน้าร้านเพื่อมองหาม้านั่ง และเขาก็เห็นมันอยู่ที่สวนสาธารณะเล็กๆฝั่งตรงข้าม เขาหมุนตัว แต่ด้วยความไม่ทันระวังก็ทำให้เขาชนเข้ากับร่างสูงใหญ่ของผู้ชายคนหนึ่งจนตัวเอองเกือบจะเซล้มลง แต่ก็โชคดีที่ผู้ชายคนนั้นเกาะเกี่ยวเอวของเขาเอาไว้ได้ทันก่อนที่เขาจะล้มกระแทกพื้นไป

     

    "ขอโทษครับพอดีผะ...อ้ะ!...จองซู?!...ปาร์คจองซูใช่มั้ย?!"

     

    ..........................................................

     

     

     

    จะสอบวันอาทิตย์อยู่แล้ว ยังโอ้เอ้มาพิมพ์ฟิคเรื่องนี้(ซึ่งเป็นฟิครายเดือนจริงๆ)ให้จบตอนจนได้ เยี่ยมจริงๆเลย= = ตอนนี้ก็...ไม่เศร้า(ในความคิดของไรเตอร์คนเดียวรึเปล่าก็ไม่รู้) แต่ก็ซึมชะมัดเลยเนอะ แล้วไรเตอร์ก็รู้สึกเหมือนตัวเองใช้ประโยคซ้ำกับพาร์ทที่แล้วอีกต่างหาก ใครนึกออกมาเป็นช่วงไหนก็ขอโทษมานะที่นี้ก็แล้วกันนะคะ(น่าจะเป็นตรงที่อีทึกตายก็ได้แน่ๆเลย เค้านึกไม่ออกอ่ะ- -“) เป็นไรเตอร์ที่ขาดความรับผิดชอบอย่างแรงเลยทีเดียว ที่ฮันพูด มันก็ไม่ได้หมายความอะไรร้ายแรงขนาดนั้นนะ ถ้าใครจะเข้าใจ มันไม่ได้หมายความว่าฮันต้องไปไหน แต่แค่พูดเปรียบเปรยเฉยๆเป้นทำนองถ้าเขาไม่อยุ่แล้วจะทำยังไงอะไรอย่างนี้มากกว่า ป้าทึกแกคิดล่วงหน้า(เพ้อเจ้อ(= =))ไปเอง แล้วก้เศร้าเองอยู่คนเดียว

     

    ตอนหน้าก็ลุ้นกันต่อไปว่าผู้ชายที่มาพร้อมกับชื่อของปาร์คจองซู(ซึ่งไม่ใช่ชื่อนำโชคสำหรับนายเอกของเราเลย มีชื่อนี้อยู่ในตอนไหน ได้เล่นบทโศกทุกที= =)เป็นใครนะคะ

     

    เจอกันครั้งหน้าค่ะ

     

    ปล. ไรเตอร์ไม่ยืนยันนะคะ ว่าควางจูเป็นบ้านเกิดจริงๆของซุปเปอร์จูเนียอีทึกอ่ะ(และก็ไม่คิดว่าใช่ด้วยนะ) อย่าเข้าใจผิดเน้ออ แต่ที่แน่ๆควางจูเป็นบ้านเกิดของดงบังชินกิยูโนวยุนโฮชัวร์ๆค่ะ

     

    ปลล. กระซิบบอก ใกล้จบแล้วจ้า^^

     

     

    ปลลล. มีคนทวงแบดโรแมนซ์มาเมื่อสองตอนก่อน(ตอบดีเลย์นิดหน่อย= =) คอยต่อไปอย่างไม่มีกำหนดค่ะ(ยิ้มหวานนนนนน)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×