คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Next to Me [1]
เพื่อใครสักคนที่เป็นดั่งโลกของเราทั้งใบ
มันต้องใช้ความกล้ามากแค่ไหนกันนะ
ร่างบอบบางที่เสื้อผ้าเปื้อนไปด้วยเลือดสีเข้มมากมายเกร็งมือจับประสานกันอยู่ที่ด้านหน้าแน่นจนปรากฏรอยเส้นเลือดขึ้นอยู่ที่ด้านหลังฝ่ามือชัดเจน ดวงตาคู่หวานกวาดมองรอบตัวล่อกแล่กคล้ายกำลังระวังภัยให้แก่ตัวเองที่กำลังก้าวอย่างเชื่องช้าไปตามล๊อบบี้ด้านหน้าของโรงพยาบาลรัฐเล็กๆแห่งหนึ่ง และคนมากมายที่จ้องมองตอบเขากลับมาราวกับกำลังมองตัวประหลาดก็ทำให้เท้าของเขาเริ่มขยับก้าวได้ช้าลงทุกที กลิ่นของยาทำให้อีทึกหายใจไม่ออก ความหวาดกลัวทำให้ลำคอของเขาเจ็บแสบไปหมด...มันกำลังจะทำให้เขาร้องไห้ออกมา พยาบาลตรงหน้าเค้าน์เตอร์ด้านหน้าสังเกตเห็นเขาเข้าก่อนพวกหล่อนจะพากันวิ่งกรูเข้ามาหาเมื่อเห็นว่าเขามีเลือดเปื้อนอยู่เต็มตัวไปหมด
"เป็นอะไรมั้ยคะคุณ ต้องการความช่วยเหลืออะไรมั้ย"
เสียงอ่อนหวานของพวกหล่อนระดมยิงคำถาม เช่นเดียวกับมือนิ่มหลายคู่ที่เอื้อมมาสัมผัสเขา หากแต่เขาก็กระถดตัวถอยหนีสัมผัสเหล่านั้นออกมาอย่างตื่นกลัว เขาสะบัดมือของพยาบาลคนหนึ่งออกจากแขนตัวเองพร้อมกับห่อไหล่เข้าหากันเพื่อไม่ให้ใครได้เข้ามาใกล้ตนจนมากเกินไป
"ผม...ผม...อย่ามาจับผม!"
เสียงตวาดสั่นเครือทำให้เหล่าพยาบาลที่รุมล้อมเขาอยู่รอบตัวแตกหือออกไปนิด อีทึกพยายามจะตั้งสติและเรียบเรียงคำพูดของตนให้เข้าที่ หากทว่าร่างสูงใหญ่ของหมอคนหนึ่งที่เพิ่งเดินผ่านมาและถูกพยาบาลเรียกรั้งไว้ให้มาดูเขาก็ทำให้ทุกอย่างยิ่งแย่ลง
หมอคนนั้นคลี่ยิ้มยามที่ย่อตัวลงมาสบตากับเขา...แต่อีทึกไม่ชอบรอยยิ้มนั้น ไม่รู้สึกดีเลยสักนิด ร่างผอมบางถอยห่างออกมาจากคนตรงหน้า แต่ก็ถอยออกมาไม่ได้เท่าไร หมอหนุ่มคนนั้นก็ยื่นมือออกมายึดต้นแขนของเขาเอาไว้เพื่อไม่ให้เขาถอยหนีออกไปมากกว่านี้...ดวงตาคู่หวานเปื้อนน้ำตาในทันที
"ขอร้อง...อย่าทำ..."
"ไม่ต้องกลัวนะ หมอจะไม่ทำอะไรเธอ เห็นมั้ย มือหมอไม่มีอะไรเลย"
คุณหมอคนนั้นว่าด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพร้อมกับชูมืออันว่างเปล่าทั้งสองข้างให้เขาดู...ไม่มีทีท่าตกใจกับดวงตาที่จู่ๆมัวไปด้วยน้ำตาของอีกฝ่ายเลยสักนิด แต่คนอ่อนโยนกลับไม่ได้ทำให้คนหวาดกลัวหายหวาดกลัวแม้แต่นิด อีทึกตัวสั่น หายใจติดขัด...ช้ากว่านี้ไม่ได้แล้ว เขารู้ คุณฮันคยองรอนานกว่านี้ไม่ได้แล้ว
"เธอเจ็บตรงไหนให้หมอดูได้มั้ย เธอเลือดออกเยอะเลยนะ ขอหมอดูนิดเดียวนะ"
"ช่วย..."
"ว่าไงนะครับ?"
"ช่วยคุณฮันคยอง...ไปช่วยคุณฮันคยอง"
.........................................................
อีทึกเบียดตัวเองอยู่ที่มุมห้องด้านหนึ่งในขณะที่หมอหนุ่มกำลังพยายามยื้อลมหายใจของคนบนเตียงเอาไว้ เมื่อเขาดึงดันจะให้คนป่วยอยู่ที่นี่...ไม่ว่าใครก็ห้ามย้ายไปไหน สุดท้ายแล้วคุณหมอคนดีก็จำต้องยอมตามใจเขาและยกอุปกรณ์เย็บแผลมาที่นี่ หมอหนุ่มจัดการเก็บชายผ้าพันแผลให้เรียบร้อยก่อนจะหันมาทำสีหน้าอ่อนใจให้แก่ผู้ที่มีใบหน้าซีดเผือดมากเหลือเกิน
"เธอควรไปโรงพยาบาลนะ สีหน้าเธอดูไม่ดีเลย"
คุณหมอหนุ่มคลี่รอยยิ้มอ่อนโยนพลางตั้งท่าจะเดินเข้ามาใกล้ อีทึกส่ายหน้าปฏิเสธความห่วงใยนั้นอย่างไม่ใยดี ลมหายใจเผลอติดขัดไปนิดเมื่อปลายนิ้วอุ่นของคุณหมอแตะลงเบาๆที่หน้าผากเพื่อวัดอุณหภูมิ
"ตายล่ะ!...ตัวร้อนจี๋เลย เธอควร..."
"อย่าจับ!...ไม่ต้องจับ ไปได้แล้ว...ออกไปได้แล้ว!"
คนร่างบางสะบัดมืออุ่นที่ยึดจับเข้าที่หัวไหล่คล้ายอยากจะช่วยเขาไม่ให้ล้มลงออกอย่างรวดเร็วพร้อมกับรีบเบียดตัวเข้ามุมห้องเพื่อถอยหนีอีกฝ่ายออกมาและเอ่ยปากไล่อย่างหยาบคาย...ปฏิเสธความหวังดีทุกอย่างที่คุณหมอคนนั้นมอบให้แม้แต่รอยยิ้มจนคุณหมออ่อนใจที่จะโต้เถียงด้วย เขาเก็บข้าวของ พึมพำขอตัวกลับไปทำงานตามเดิมโดยไม่วายทิ้งท้ายก่อนจากไปว่าให้อีกฝ่ายรีบนอนพักเสีย
เทพธิดายืนนิ่งอยู่ที่เดิม แม้คุณหมอคนดีจะเดินจากไปนานแล้ว หากแต่เขาก็ยังคงยืนอยู่ตรงนั้นราวกับลืมวิธีที่จะขยับไหว แสงแดดอบอุ่นของยามสายที่ลอดผ่านบานหน้าต่างเล็กๆเข้ามาทำให้ห้องอุ่นขึ้นได้มาก ทว่าคนที่เป็นไข้กลับยังคงรู้สึกหนาว อีทึกค่อยๆทรุดตัวลงนั่ง ชันเข่าขึ้นมากอดไว้แนบอกเพื่อบรรเทาความหนาวเหน็บให้แก่ตน...เฝ้ามองและรอคอยใครบางคนอย่างใจเย็น
ใครจะว่าอีทึกเห็นแก่ตัวยังไงก็ช่าง
อีทึกไม่สนหรอก...ไม่เคยสนอยู่แล้ว
ถ้าไม่ใช่เสียงของคุณ...อีทึกไม่เจ็บปวดอยู่แล้ว
.......................................................
เขารู้สึกร้าวระบมไปทั้งทีที่ลืมตาตื่นขึ้นมา แน่ล่ะ...เขาจำได้แม่นทีเดียวว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง คนของโจวมี่เห็นเขา มันก็แค่นั้น จากนั้นกระสุนก็ปลิวว่อนไปหมด...คุณซีวอนต้องไม่พอใจแน่ๆ ฮันคยองเหม่อสายตามองเพดานสีหม่นด้านบนอยู่เนิ่นนาน รอคอยจนกระทั่งภาพในตาทุกอย่างปรับโฟกัสได้อย่างชัดเจนแล้วจึงค่อยๆชันตัวลุกขึ้นนั่ง และเขาก็ประหลาดใจนักที่ตัวเองได้รับการรักษาพยาบาลอย่างดีเกินกว่าที่เขาคาดเอาไว้ทั้งๆที่ตัวเองไม่ได้อยู่ในโรงพยาบาล
ดวงตาสีควันบุหรี่คมเข้มกวาดมองไปรอบห้อง และเขาก็พบกับคนที่ต้องการโดยไม่ยากเย็นอะไรนัก ร่างบอบบางของเทพธิดาผู้มีผิวขาวซีดนั่งกอดเข่าเบียดตัวเองอยู่ที่มุมห้องด้านหนึ่ง ดวงตาคู่หวานแดงช้ำ...อดนอนอย่างเห็นได้ชัด ฮันคยองจ้องมอง...เช่นเดียวกับที่อีกฝ่ายจ้องมองขึ้นมา
ดวงตาแสนสวยคู่นั้นดับแสงลงอีกแล้ว...เขารู้สึกแบบนั้น
เป็นอีทึกที่เบือนสายตาหลบหนีออกไปก่อน คนตัวเล็กค่อยๆชันตัวลุกขึ้นยืน ใช้มือลากไปลากไปตามพนังเพื่อพยุงตัวเดินเข้ามาหาเขา และเมื่อหยุดยืนอยู่ที่ริมเตียง ดวงตาที่แสนมืดหม่นคู่นั้นก็ยังจ้องมอง ฮันคยองเงยหน้าขึ้นมองคนที่ยืนอยู่ใกล้...ยังเป็นฝ่ายไม่ยอมพูดอะไร
บางทีเขาก็คิดว่าตัวเองเข้าใจความเงียบที่อีกฝ่ายสื่อออกมา
แต่ในบางที...เขาก็คิดว่าตัวเองไม่เข้าใจมันเสียเลย
มือเล็กที่ทิ้งแนบอยู่ที่ข้างตัวกำเข้าออกอยู่หลายครั้ง เช่นเดียวกับที่ริมฝีปากบางซีดเซียวเม้มเข้าหากันเป็นเส้นตรง ฮันคยองสังเกตเห็นจนเขาต้องเอื้อมมือไปจับข้อมือผอมบางเอาไว้...และผิวเนียนร้อนผ่าวก็ไม่ได้ผิดอะไรไปจากที่เขาคิดไว้มากนัก
"เป็นอะไร"
ข้อมือเล็กทำท่าจะบิดหนีคล้ายผู้เป็นเจ้าของไม่อยากจะเผชิญหน้ากับคำถามนั้น หากทว่าเขาก็บีบจับมันแน่นขึ้นจนอีกฝ่ายไม่สามารถหลุดออกไปได้ แต่เขารู้ตัวเองดี...มันไม่ได้แน่นมากเท่าที่เขาคิดจะทำเลยสักนิด อีทึกก้มหน้า...สบตากับเขาด้วยสีหน้าที่ทอแววเจ็บปวด
"ขอโทษครับ"
"เรื่องอะไร"
"ขอโทษ ผม...ขอโทษจริงๆ"
เสียงหวานขาดห้วงไปนิด ในขณะที่ดวงตาคู่หวานเสเบือนหนีออกไปด้านอื่นราวกับไม่อยากจะให้คนที่นอนป่วยอยู่บนเตียงเห็นสิ่งที่เขาซ่อนอยู่ข้างในนั้น แต่เขาก็หันไปมองทางอื่นได้ไม่เท่าไร...ไม่อยากจะให้อีกฝ่ายหายออกไปนอกสายตาเลยแม้สักวินาทีจริงๆ คนที่เหนื่อยมากเหลือเกินมอเห็นทุกอย่างผ่านม่านน้ำตาจนมันพร่ามัวไปหมด...แบบนั้นแย่ชะมัด เขาอยากจะเห็นคนตรงหน้าให้ชัดๆ...เห็นความรักของเขาชัดอยู่ในสายตาตลอดเวลา
"เป็นอะไร"
ปลายนิ้วอุ่นเอื้อมขึ้นมาแตะเข้าที่ผิวแก้ม สัมผัสไล้ไปมาแผ่วเบาราวกับรู้ว่าเขากำลังใกล้จะมีน้ำตากระนั้น แต่อีทึกจะไม่ร้องไห้หรอกนะ...ไม่มีทางร้องไห้ให้ผู้ชายคนนี้เห็นเสียหรอก ดวงตาสีควันบุหรี่ที่จ้องขึ้นมาเพื่อขอคำตอบทำให้ลำคอของเขาเจ็บแสบจนไม่มีเสียงที่จะเปล่งเอ่ยตอบคำถามนั้นกลับไป เทพธิดาสูหายใจให้ลึก...กลั้นเสียงสะอื้นของตัวเองเอาไว้จนไหล่สั่นไหวไปหมด
"ผมขอโทษ...ขอโทษจริงๆ"
ยิ่งเขาเอ่ยคำขอโทษออกไป หัวใจของเขาก็ยิ่งบีบรัดอย่างเจ็บปวด เพราะชายผู้เป็นเจ้าของคำขอโทษของเขานั้นไม่มีทีท่าว่าจะเข้าใจมันแม้เพียงสักนิด...ไม่รู้เลยสักนิดว่าอีทึกคนนี้เห็นแก่ตัวมากขนาดไหน เขาอยากจะยึดจับมืออุ่นที่ไล้สัมผัสอยู่ที่ข้างแก้มของเขาเอาไว้...รั้งมันเอาไว้แนบผิวแน่นๆเพื่อให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขารักสัมผัสแบบนี้มากขนาดไหน...อยากจะซึมซับความอบอุ่นอ่อนโยนของมันให้หายหนาวมากเท่าไร แต่อีทึกทำไม่ได้ เขารู้ตัวเองดี...เทวทูตไม่เคยใช่ของเขามาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว เขาจึงทำได้เพียงแค่ยืนนิ่งอยู่ตรงนี้...จ้องมองและขอโทษเหมือนคนโง่ที่กำลังวิ่งไขว่คว้าผีเสื้อที่ไม่มีทางหยุดลงที่ดอกไม้ซึ่งปราศจากน้ำหวาน
ไม่เคยทำอะไรได้เลยจริงๆ
"ไม่เป็นไร..."
"..."
"ไม่เป็นไรแล้ว ไม่ต้องขอโทษแล้ว"
เสียงทุ้มเอ่ยออกมาแบบนั้นอย่างแผ่วเบาก่อนร่างของเขาจะถูกดึงรั้งลงไปนอนอยู่บนเตียงแคบ เบียดกายแนบชิดอยู่กับร่างสูงที่โอบกอดตัวของเขาเอาไว้แน่น ใบหน้าหวานถูกกดเข้าแนบอกกว้างที่ถูกพันปิดไว้ด้วยผ้าพันแผลสีขาวสะอาด อีทึกได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นผะแผ่วอยู่ด้านใน และมันก็ให้ความรู้สึกอบอุ่นมากเหลือเกินเมื่อคิดว่าอีกฝ่ายยังคงอยู่กับเขาตรงนี้ไม่ไปไหน...ยังอยู่ในที่ที่เขามองเห็นและสัมผัสได้
เทพธิดาซ่อนหยดน้ำตาของตนเอาไว้กับแผ่นอกกว้างพร้อมกับยึดจับชายเสื้อของอีกฝ่ายเอาไว้แน่น...ปล่อยให้แผ่นหลังและศีรษะของตนถูกลูบสัมผัสไปมาด้วยความรู้สึกแสนปลอบโยน หน้าผากเนียนถูกริมฝีปากอุ่นกดจุมพิตลงมาเบาๆคล้ายอยากจะเห่กล่อมให้เขาหลับตาเสีย...และนั่นก็ทำให้อีทึกไม่รู้สึกผิดอีกต่อไปที่เห็นแก่ตัว
ไม่เลยสักนิดเดียวจริงๆ
"ไม่ว่าเรื่องอะไร ฉันไม่โกรธ...ตอนนี้ถึงเวลาที่่นายต้องนอนบ้างแล้ว ฉันจะกอดนาย...หลับซะ"
..........................................................
แทนที่เขาจะเป็นฝ่ายถูกดูแล กลับกลายเป็นว่าเขาต้องมานั่งดูแลเสียนี่...ซึ่งมันก็เป็นแบบนี้มาตลอดจนเขาไม่อยากจะเก็บเอามันมาเหนื่อยใจแล้วล่ะ เขาป่วย อีกคนดูแลเขาจนป่วยมากกว่าเขา สุดท้ายแล้ว เขาที่กำลังป่วยก็ต้องมาดูแลอีกคนที่ดูแลเขาจนป่วยมากกว่าเขา...เยี่ยมชะมัด! ฮันคยองถอนหายใจออกมาเบาๆให้กับนิสัยของตัวเองที่ชักจะเหมือนพ่อเข้าไปทุกทีพลางวางมือทาทาบลงไปบนหน้าผากเนียนของคนที่กำลังทุรนทุรายเพราะพิษไข้...เขาลืมไปได้ยังไงนะว่าอีทึกมียาต้องกินเป็นพิเศษน่ะ ยาแพงๆแบบนั้นโรงพยาบาลแถวนี้คงไม่มีแน่ๆ
"นี่...ไหวมั้ย"
"อื้อ"
คนป่วยพึมพำตอบรับเขากลับมาเสียงแผ่วเบาพลางพลิกกายไปมาอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาหลายชั้น ร่างบอบบางแลดูอ่อนล้า และซีดเซียว...ไม่มีแรงแม้เพียงแค่จะพลิกตัวแล้วด้วยซ้ำ หากแต่มือเล็กกลับเกาะเกี่ยวปลายนิ้วของเขาเอาไว้ไม่ปล่อย...ไม่ได้แน่นหนาเหนี่ยวรั้งอะไร เพัยงแค่ใช้ปลายนิ้วเกี่ยวนิ้วของเขาเอาไว้หลามๆจนแทบจะเป็นแค่การสัมผัสเบาๆเท่านั้น...คล้ายอยากจะบอกให้เขาอย่าไปไหนไกล และเขาก็ไม่ไปไหนไกล ยังคงนั่งอยู่บนขอบเตียงอยู่อย่างนั้น...ใบดวงตาแสนหวานได้จับจ้อง เทวทูตหนุ่มใช้ข้อนิ้วของมือข้างที่ว่างลูบลงไปเบาๆที่ข้างแก้มเนียนอันร้อนผ่าวแผ่วเบา
"ทำไมไม่นอนสักที อยากตายรึไง"
"ผม..."
"ฉันจะไม่ไปไหน ฉันบอกแล้วนี่"
ถึงแม้จะเหนื่อยอ่อน หากแต่เทพธิดาก็ยังคงดื้อดึงจนเขานึกอยากจะดุและจับตีนัก ฮันคยองได้แต่ถอนหายใจ ล้มเลิกความคิดที่จะโทรไปหาคุณซีวอนไป และเลือกที่จะขยับตัวสอดเข้าไปใต้ผ้าห่มผืนเดียวกับคนป่วยพร้อมกับเอนกายลงนอนเคียงข้าง...ให้ตายสิ!...แค่ขยับเขาก็เจ็บไปหมดแล้ว
"นายมัน...ซื่อบื้อได้ตลอดเวลาจริงๆ"
ชายหนุ่มชาวจีนบ่นพึมพำพลางตวัดแขนรั้งร่างบอบบางเข้ามากอดไว้แนบอก...ไม่แน่นนัก หากแต่ก็ยังสัมผัสได้ถึงไอร้อนจากผิวเนียนของคนป่วยที่ปัดป่ายปลายจมูกอยู่ที่แผ่นอกของเขา
"หลับสักที จะได้หาย"
"อย่าไปไหน...ได้มั้ยครับ"
เสียงหวานเอ่ยขอออกมาแผ่วเบายิ่งกว่าสายลมจนเขาต้องเอนหูเข้าไปฟังใกล้ๆ เทวทูตหนุ่มไม่ได้เอ่ยตอบรับอะไรออกไปในทันที เขากระชับอ้อมกอดของตนให้แน่นขึ้น เหม่อสายตาออกไปนอกหน้าต่าง เฝ้ามองเกล็ดหิมะที่ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าอย่างว่างเปล่า...หัวใจของเขาจมดิ่งลงไปในความเจ็บปวดของตัวเองจนเผลอรัดร่างผอมบางแน่นกว่าเดิม มันทำให้อีทึกเจ็บ...แต่คนที่รักอ้อมกอดอบอุ่นแบบนี้มากเกินไปก็ไม่ได้ปริปากเอ่ยร้องออกมาแต่อย่างใด
"ฉันบอกว่าจะไปไหนรึไง หลับได้แล้ว"
...........................................................
"มันเห็นหน้านายรึเปล่า"
"เปล่าครับ แค่คิดว่าผมเป็นคนจากพรรคอินโซฮวาน"
"อินโซฮวาน?...มันมีปัญหากับอินโซฮวานงั้นหรอ"
"คาดว่ามันกำลังจะมาใช้พื้นที่ของพรรคอินโซฮวานน่ะครับ"
"งั้นหรอ...นายไม่เป็นไรใช่มั้ย ไม่งั้นตัวเล็กโวยวายใส่ฉันแน่"
ฮันคยองหลุดยิ้มออกมานิดเมื่อน้ำเสียงนิ่งเรียบของเชวซีวนอที่อยู่ปลายสายเปลี่ยนไปนิดตอนพูดถึงน้องชายบุญธรรมตัวเล็กของตน...ก็คงจะโวยวายอยู่หรอก เขาได้ยินเสียงตัวเล็กที่ว่าตะโกนแว้ดๆอยู่ด้านหลังปลายสายนั่นน่ะ
"ครับ ปลอดภัยดี"
"รีบกลับโซลมา เราคงต้องเปลี่ยนแผนแล้วล่ะ"
ฮันคยองอือออรับคำของอีกฝ่ายอยู่อีกเพียงไม่กี่คำก็กดวางสายไป เขาเก็บโทรศัพท์มือถือของตนใส่กระเป๋ากางเกงพลางหันกลับไปหาคนดื้อรั้นที่ตามเขาออกมาข้างนอกด้วยทั้งๆที่เดินแทบจะไม่ไหวอยู่แล้ว ร่างของอีทึกดูเล็กและบอบบางมากเหลือเกินเมื่อถูกห่อหุ้มด้วยเสื้อกันหนาวตัวหนาและนั่งอยู่บนม้านั่งท่ามกลางหิมะโปรยปรายแบบนี้...เหมือนเทพธิดาที่หาทางกลับไปบนฟากฟ้าไม่เจอกระนั้น เขาเดินกลับไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าอีกฝ่าย
"เป็นอะไรรึเปล่า"
ปลายนิ้วอุ่นแตะเข้าที่ข้างแก้มเนียนเบาๆคล้ายอยากจะเรียกให้อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมาสนใจเขาที่ยืนค้ำหัวอยู่ตรงหน้า ใบหน้าหวานส่ายไปมาปฏิเสธนิดก่อนดวงตาคู่สวยจะช้อนขึ้นมาสบตากับเขา...หิมะยิ่งทำให้อีทึกดูซีดขาวและเย็นชา เขารู้สึกแบบนั้น...เหมือนรูปสลักเข้าไปทุกที
"หิวมั้ย"
เทพธิดาสั่นหัวอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาขอคิดว่ามันหมายถึงไม่ไม่หิวละกันนะ...ก็ถามแบบนี้ทีไรเขาก็ได้คำตอบว่าไม่หิวทุกที ฮันคยองถอนหายใจออกมาเบาๆพลางใช้มือข้างหนึ่งยกขึ้นไปบังคับศีรษะเล็กให้ขยับขึ้นลงให้เหมือนอีกฝ่ายได้พยักหน้าตอบกลับมาหาเขา
"หิวนะ กินเสร็จแล้วค่อยกลับโซล...ไปหาเตียงนอนของนาย ตกลงนะ"
"อื้ม"
คนตาหวานพยักหน้าตอบรับออกมานิดก่อนจะค่อยๆชันกายลุกขึ้น...ซ่อนอาการหน้ามืดและปวดหนึบที่ช่องอกเอาไว้ภายใต้หน้ากากันเรียบเฉยและเย็นชา อีทึกใช้ปลายนิ้วเกี่ยวแลายนิ้วของผู้ชายตัวสูงตรงหน้าเอาไว้อย่างแผ่วเบาคล้ายอยากจะบอกให้อีกฝ่ายอย่าเดินห่างออกไปไกลนัก...ไม่ต้องเดินอยู่ข้างกันก็ได้ แค่เดินอยู่ในที่ที่เขายังเอื้อมถึงก็พอ
เทวทูตเหลือบสายตากลับมามองเขานิด...ไม่ได้เอ่ยว่าอะไร ทำเพียงแค่กระหวัดปลายนิ้วเกี่ยวนิ้วของเขาเอาไว้ให้แน่นมากขึ้น และพาเขาเดินไปตามทางโดยปราศจากคำพูดใดๆอีก อีทึกกดสายตามองต่ำ ปลายเท้าก้าวเดินตามแรงจูงไปอย่างเชื่องช้าพร้อมด้วยลมหายใจที่เริ่มติดขัด
ไม่เป็นไร
อีทึกจะตายก็ได้
ขอแค่คุณอยู่ตรงนี้ไม่ได้ไหน
อีทึกยอมได้ทั้งนั้นอยู่แล้ว
กว่าพวกเขาจะหาร้านอาหาในเมืองที่ไม่คุ้นเคยเจอ ใบหน้าหวานของคนที่เริ่มหอบหายใจก็ซีดขาวยิ่งกว่าหิมะจนคนที่เพิ่งหันมาสังเกตเห็นตกใจ และรีบเปลี่ยนมาเป็นยึดจับต้นแขนเล็กเอาไว้ ฮันคยองสบถพึมพำให้กับความสะเพร่าของตัวเองที่ไม่ได้สังเกตอาการของคนตัวเล็กให้ดีและน่าจะใจแข็งไม่พาออกมาด้วย เขาเลื่อนลงมาโอบกอดเอวเล็กคอดเอาไว้พร้อมกับรั้งเข้ามากอดเอาไว้หลวมๆแนบอก พยุงคนที่ตอนนี้หายใจแผ่วเบาเต็บทนเอาไว้แนบตัวใกล้ๆแบบนั้น ลมหายใจเย็นเฉียบที่รวยรินอยู่บริเวณข้างลำคอของเขาทำให้เขายิ่งร้อนรนที่จะหาที่อุ่นๆให้คนในอ้อมกอดได้นั่งพัก
"ไม่ไหวทำไมไม่บอก!"
เสียงทุ้มตวาดใส่ข้างหูเบาๆพร้อมกับโอบพยุงพาอีกฝ่ายข้ามถนนไปยังร้านอาหารอิตาเลี่ยนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เขาเดินเข้าไปนั่งด้านในโดยไม่สนใจสายตาของเจ้าของร้านที่มองเขากับคนตัวเล็กในอ้อมกอดของเขาด้วยสายตาแปลกใจ ฮันคยองวางอีกฝ่ายลงนั่งที่เบาะนั่งด้านหนึ่งก่อนจะสอดตัวเองเข้าไปนั่งยังเบาะนั่งฝั่งตรงข้าม เทพธิดาที่ช่างแลดูซีดเซียวและเหนื่อยอ่อนส่ายหน้าไปมานิดคล้ายกำลังบอกว่าตัวเองยังไหว...ยังหายใจไหว แต่ดวงตาแสนหวานกลับเบือนหลบเขา...ซ่อนแววตาบางอย่างเอาไว้
"นี่..."
"ผม...ไม่เป็นไรครับ"
เสียงหวานอันแผ่วเบานั่นทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล การโดนคนอื่นเย็นชาใส่...ทำเป็นอวดเก่งได้อย่างน่าหัวเราะเป็นอย่างไร เขาก็เพิ่งประจักษ์ว่ามันน่าหงุดหงิดได้มากขนาดไหนก็วันนี้เอง ใบหน้าคมพลันบึ้งตึง เช่นเดียวกับดวงตาสีควันบุหรี่ที่ทอประกายหงุดหงิดชัดเจน
"ทำไมถึงชอบทำตัวอวดเก่งนัก ทำให้คนอื่นเป็นห่วงมันเรื่องสนุกนักรึไง...”
“...”
“แบบนั้นมันน่ารำคาญรู้มั้ย แล้วจะไปอยู่กับคนอื่นเค้าได้ยังไง"
ประโยคท่อนแรกทำให้หัวใจของเขาที่กำลังเจ็บปวดไปหมดอบอุ่นขึ้นมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ จนเขาลืมไปชั่วครู่ว่าการที่มันเต้นอยู่แบบนี้นั้นกำลังทำให้เขาเจ็บปวดมากแค่ไหน หากแต่ประโยคถัดมากลับทำให้มันเจ็บปวดยิ่งกว่าที่เป็นอยู่เสียอีก ดวงตาคู่โตแสนหวานกาหทว่ากลับมืดหมนเบือนกลับมาสบตากับคนที่นั่งอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามคล้ายอยากจะหาความหมายในประโยคเมื่อครู่
"คุณฮันคยอง...จะไปไหน"
"ฉันอยู่กับนายไม่ได้ตลอดไปหรอกนะ"
แล้วจะไปไหน...
แล้วคุณจะไปไหน
แล้วคุณ...จะเอาอีทึกไปไว้ที่ไหน
อาหารมื้อนี้ไม่อร่อยเลยสักนิด ถึงแม้มันจะเป็นอาหาอิตาเลี่ยนที่อีทึกไม่เคยรู้จักก็ตาม...ตอนที่ลำคอแสบเคืองและเจ็บร้าว...ตอนที่ขอบตาร้อนผ่าวและต้องกลั้นน้ำตา มันทำให้อาหารที่น่าจะทำให้ตื่นตาแปรเปลี่ยนเป็นอะไรที่ทรมาน...เขาพยายามที่จะไม่หลุดเสียงสะอื้นออกมาให้ตัวเองดูน่าสมเพชด้วยการตักพาสต้าครีมซอสของตนเข้าปากทั้งๆที่เขาไม่ได้รู้สึกอยากจะกินมันเข้าไปเลยสักนิด หากแต่ตอนที่กำลังเหนื่อยมากเหลือเกินแบบนี้ การแสร้งทำว่าไม่เป็นอะไรและเย็นชาก็เป็นเรื่องยากมากกว่าที่เคยจนมันน่าร้องไห้
อีทึกอยากจะพูดอะไรออกไปสักอย่าง
แต่เขาก็ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร
ไม่รู้เลยจริงๆ
เทพธิดารวบช้อนส้อมพร้อมกับจัดการผลักจานอาหารของตนที่พร่องลงไปไม่กี่คำให้ห่างออกจากตัว เป็นสัญญาณว่าเขาทานต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว
"ผมจะไปคอยข้างนอกนะครับ"
เสียงหวานเอ่ยขอตัวออกมาอย่างแผ่วเบาก่อนจะรีบลุกออกมาโดยไม่คิดจะนั่งฟังคำคะยั้นคะยอให้เขากินเข้าไปอีกต่อไป เขากำลังจะร้องไห้...เขากำลังจะทำตัวน่าสมเพชโดยการร้องขอว่าได้อย่าทิ้งเขาไปไหน ร่างบอบบางก้มหน้าหลบดวงตาคมที่จับจ้องมาพร้อมกับรีบสาวเท้าเดินออกไปนอกร้าน อากาศหนาวจะทำให้ดวงตาของเขาแห้งลง...จะทำให้เขาชาจนไม่รู้สึกอะไรอีก
เทพธิดายืนหันซ้ายหันขวาอยู่หน้าร้านเพื่อมองหาม้านั่ง และเขาก็เห็นมันอยู่ที่สวนสาธารณะเล็กๆฝั่งตรงข้าม เขาหมุนตัว แต่ด้วยความไม่ทันระวังก็ทำให้เขาชนเข้ากับร่างสูงใหญ่ของผู้ชายคนหนึ่งจนตัวเอองเกือบจะเซล้มลง แต่ก็โชคดีที่ผู้ชายคนนั้นเกาะเกี่ยวเอวของเขาเอาไว้ได้ทันก่อนที่เขาจะล้มกระแทกพื้นไป
"ขอโทษครับพอดีผะ...อ้ะ!...จองซู?!...ปาร์คจองซูใช่มั้ย?!"
..........................................................
จะสอบวันอาทิตย์อยู่แล้ว ยังโอ้เอ้มาพิมพ์ฟิคเรื่องนี้(ซึ่งเป็นฟิครายเดือนจริงๆ)ให้จบตอนจนได้ เยี่ยมจริงๆเลย= = ตอนนี้ก็...ไม่เศร้า(ในความคิดของไรเตอร์คนเดียวรึเปล่าก็ไม่รู้) แต่ก็ซึมชะมัดเลยเนอะ แล้วไรเตอร์ก็รู้สึกเหมือนตัวเองใช้ประโยคซ้ำกับพาร์ทที่แล้วอีกต่างหาก ใครนึกออกมาเป็นช่วงไหนก็ขอโทษมานะที่นี้ก็แล้วกันนะคะ(น่าจะเป็นตรงที่อีทึกตายก็ได้แน่ๆเลย เค้านึกไม่ออกอ่ะ- -“) เป็นไรเตอร์ที่ขาดความรับผิดชอบอย่างแรงเลยทีเดียว ที่ฮันพูด มันก็ไม่ได้หมายความอะไรร้ายแรงขนาดนั้นนะ ถ้าใครจะเข้าใจ มันไม่ได้หมายความว่าฮันต้องไปไหน แต่แค่พูดเปรียบเปรยเฉยๆเป้นทำนองถ้าเขาไม่อยุ่แล้วจะทำยังไงอะไรอย่างนี้มากกว่า ป้าทึกแกคิดล่วงหน้า(เพ้อเจ้อ(= =))ไปเอง แล้วก้เศร้าเองอยู่คนเดียว
ตอนหน้าก็ลุ้นกันต่อไปว่าผู้ชายที่มาพร้อมกับชื่อของปาร์คจองซู(ซึ่งไม่ใช่ชื่อนำโชคสำหรับนายเอกของเราเลย มีชื่อนี้อยู่ในตอนไหน ได้เล่นบทโศกทุกที= =)เป็นใครนะคะ
เจอกันครั้งหน้าค่ะ
ปล. ไรเตอร์ไม่ยืนยันนะคะ ว่าควางจูเป็นบ้านเกิดจริงๆของซุปเปอร์จูเนียอีทึกอ่ะ(และก็ไม่คิดว่าใช่ด้วยนะ) อย่าเข้าใจผิดเน้ออ แต่ที่แน่ๆควางจูเป็นบ้านเกิดของดงบังชินกิยูโนวยุนโฮชัวร์ๆค่ะ
ปลล. กระซิบบอก ใกล้จบแล้วจ้า^^
ปลลล. มีคนทวงแบดโรแมนซ์มาเมื่อสองตอนก่อน(ตอบดีเลย์นิดหน่อย= =) คอยต่อไปอย่างไม่มีกำหนดค่ะ(ยิ้มหวานนนนนน)
ความคิดเห็น