ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF:HANTEUK] :: The One I Love ลิขิตหัวใจนายมาเฟีย .. Part2

    ลำดับตอนที่ #5 : Close to You [2]

    • อัปเดตล่าสุด 21 พ.ย. 53


    อ้อมกอดที่รัดเขาแน่นขึ้นทุกทีทำให้เขารู้ว่าคนด้านหลังคงทนตากลมตากหิมะอยู่บนหลังมอเตอร์ไซต์ได้อีกไม่นานเท่าไร สุดท้ายแล้ว ฮันคยองจึงต้องตัดสินใจดับเครื่องยนต์ลงที่หน้าโมเต็ลเล็กๆแห่งหนึ่งนอกเขตจังหวัดควางจูแทนที่จะขับเข้าไปหาโรงแรมหรูๆในตัวเมือง..เทพธิดาทนนานกว่านี้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว และเขาก็คาดไว้ไม่ผิดเลยล่ะ เพราะร่างบางสะลึมสะลือใกล้หลับเต็มทนด้วยพิษไข้จนเขาต้องอุ้มลงมาจากรถและพาเข้าไปด้านในอย่างเร่งร้อน

     

    "คุณฮันคยอง..."

     

    "ชู่ววว์..."

    ริมฝีปากบางซีดจางตั้งท่าจะเปล่งเสียงออกมามากกว่านี้จนเขาต้องรีบปรามเอาไว้พร้อมกับกระชับร่างผอมบางที่ถึงแม้จะถูกห่อหุ้มด้วยเสื้อตัวหนาหลายต่อหลายชั้นแต่ก็ยังให้ความรู้สึกเย็นมากเหลือเกินเข้าแนบอกมากขึ้นเพื่อถ่ายทอดความอบอุ่นไปให้

     

    "ขอห้องนึงครับ"

    เขาหันไปบอกความประสงค์กับหญิงชราร่างเล็กเจ้าของตึกที่มีท่าทางง่วงเหงาหาวซึมอยู่ที่ด้านหลังเค้าน์เตอร์ไม้เก่าๆ แต่หล่อนก็ดูกระฉับกระเฉงขึ้นมาทันทีเมื่อรู้ว่าเขาจะเป็นแขกของหล่อนในคืนนี้

     

    "ห้องเดียวหรอจ้ะ"

     

    "ครับ แล้วก็...ขอยาลดไข้แผงนึงด้วยครับ"

    ดวงตาที่แลดูอ่อนโยนของหญิงชราเหลือบมองมายังคนในอ้อมกอดของเขาเล็กน้อยก่อนรอยยิ้มเล็กๆจะปรากฏออกมาพร้อมกับที่มือเหี่ยวย่นเอื้อมออกมาสัมผัสเบาๆที่หน้าผากเนียน

     

    "ตากหิมะมาล่ะสิท่า ตัวร้อนเชียว"

    หล่อนก้มลงไปเขียนอะไรขยุกขยิกลงบนสมุดบันทึกก่อนจะหันไปหยิบกุญแจห้องหนึ่งมาให้เขาพร้อมกับแผงยาลดไข้หนึ่งแผงตามที่เขาประสงค์ แต่เมื่อหล่อนเห็นสภาพของเขาที่มีใครอีกคนอุ้มอยู่แนบอกหล่อนก็ยิ้มอ่อน

     

    "เดี๋ยวยายไปส่งที่ห้องละกันนะ"

    หล่อนว่าอย่างใจดีก่อนจะเดินนำขึ้นบันไดแคบๆไปยังชั้นบน ห้องไม่ได้น่าประทับใจนักสำหรับเขา มันกว้างไม่มากนัก และก็มีเครื่องอำนวยความสะดวกไม่กี่อย่าง หากแต่มันก็สะอาดจนเขาไม่คิดแย้งอะไร หญิงชราเดินไปจัดการเตียงให้ เอ่ยบอกว่าต้องการอะไรให้เดินลงไปเรียกก่อนจะวางกุญแจทิ้งไว้บนโต๊ะใกล้ๆแล้วจึงเดินออกจากห้องไป ฮันคยองวางร่างบอบบางที่บัดนี้หลับสนิทไปเสียแล้วลงบนเตียงเบาๆพร้อมกับห่มผ้าห่มให้อย่างอบอุ่น หากทว่าดูเหมือนมันจะยังอุ่นไม่พอ เทพธิดาผู้หลับใหลถึงได้ขดตัวเข้าหากันเสียกลมดิกแบบนั้น

     

    "นี่..."

    เขานาบมือลงบนแก้มเนียนเบาๆพลางออกแรงพลิกร่างของคนหลับสนิทให้ขึ้นมานอนหงาย ความง่วงงุนทำให้อีทึกงองแงได้อย่างไม่น่าเชื่อจนเขาแปลกใจ และจำต้องทรุดตัวนั่งลงบนขอบเตียงเพื่อสู้รบปรบมือกับคนที่บัดนี้ร้องครางงอแงอย่างเอาแต่ใจหนักข้อใหญ่

               

    "ตื่นมากินยาก่อน พรุ่งนี้จะได้หาย"

     

    "อื้อออ...ไม่เอา อีทึกไม่กิน"

    คำแทนตัวเองที่หลุดออกมาจากปากของคนช่างงอแงทำให้ฮันคยองเผลอชะงักไปนิด เปิดช่องให้อีกฝ่ายพลิกตัวหันหลังให้เสียอย่างนั้น เทวทูตหนุ่มถอนหายใจออกมานิดคล้ายจะเหนื่อยใจกับคนที่นานวันก็ยิ่งดื้อรั้นและเอาแต่ใจเพิ่มมากขึ้นไปทุกที แต่กระนั้นแล้วบนเรียวปากของเขาก็ยังคงแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มเจือจางที่แลดูอบอุ่นมากเหลือเกิน

     

    "คนซื่อบื้อ ไม่กินก็ไม่กิน...มาถอดเสื้อโค้ตออกก่อน"

    และก็เหมือนอย่างทุกครั้งที่เทพธิดาผล็อยหลับไปนั่นล่ะ เขามีหน้าที่ต้องมาคอยถอดเสื้อโค้ตกับผ้าพันคอออกให้จนบางครั้งเขาก็แปลกใจตัวเองที่ต้องมานั่งทำอย่างนี้ทุกครั้งไปโดยไม่คิดบ่น...บางครั้งเทพธิดาก็มีอิทธิพลกับเขามากเกินไปจนน่ากลัว ฮันคยองโอบประคองแผ่นหลังบางขึ้น ค่อยๆถอดเสื้อโค้ตตัวหนาและผ้าพันคอออกให้แล้วจึงปล่อยให้เทพธิดาจมกลับลงไปในห้วงนิทราตามเดิมโดยไม่คิดปลุกอีกฝ่ายขึ้นมากินยาอีก

     

    เอาแต่ใจไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ!

     

    ร่างสูงถอนหายใจพลางเดินไปวางพาดเสื้อโค้ตและผ้าพันคอของคนหลับใหลเข้ากับเก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้งเล็กๆก่อนจะเหลือบมองซ้ายขวาไปรอบห้องราวกับจะดูให้แน่ใจว่าห้องพักแคบๆแห่งนี้ปลอดภัยมากพอที่เขาจะปล่อยให้คนตัวเล็กนอนอยู่เพียงลำพังได้ เขาเดินกลับมาหาคนบนเตียง ใช้ปลายนิ้วลูบลงบนแก้มเนียนเบาๆ

     

    "เดี๋ยวฉันกลับมา นอนอยู่นี่อย่าไปไหนเข้าใจมั้ย"

     

    ...................................................................

     

    ความหนาวเย็นปลุกอีทึกให้ตื่นขึ้น คนตัวบางงัวเงียอยู่ใต้กองผ้าห่มพลางมุดหน้าจมฝังเข้ากับหมอนเป็นการใหญ่เพื่อหลีกเลี่ยงแสงแดดที่ลอดผ่านทะลุผ้าม่านราคาถูกบางๆเข้ามา...ไข้รุมๆที่ไม่ได้ทุเลาลงเลยทำให้เปลือกตาของเขาหนักนัก และตอนนี้เขาก็รู้สึกไม่สบายตัวเอาเสียเลย คนตัวบางกระชับผ้าห่มเข้าแนบตัวมากขึ้นเพื่อเสาะหาความอบอุ่นจากมัน ดวงตาแสนหวานปรอยปรือขี้นเล็กน้อยเพื่อดูสภาพรอบกาย และความว่างเปล่าที่ปรากฏก็ไม่ได้ทำให้เขาแปลกใจเท่าไรนัก

     

    คุณฮันคยองก็ชอบหายไปแบบนี้เสมอนั่นล่ะ

     

    แต่สุดท้ายแล้ว...ก็จะกลับมาทุกที

     

    เทพธิดาหดศีรษะของตนกลับเข้ามาใต้ผ้าห่ม ขดตัวจนกลมแล้วจึงปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง จมกลับเข้าไปในห้วงนิทราได้อย่างง่ายดายเพราะพิษไข้

     

     

     

    แบบนี้ไม่ถูกแล้ว

     

    ร่างบอบบางตื่นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อท้องฟ้าได้เปลี่ยนสีกลายเป็นสีดำสนิท...และห้องพักที่เขาอาศัยอยู่ก็ยังคงว่างเปล่าจนกระทั้งตอนนี้ อีทึกพยายามที่จะไม่ตื่นตระหนกที่ถูกปล่อยให้อยู่คนเดียวมาทั้งวันในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย เขาลุกขึ้นเดินไปหยุดยืนอยู่ที่ริมหน้าต่าง มอเตอร์ไซต์คันใหญ่สีดำยังจอดอยู่ตรงนั้น...มันทำให้เขาอุ่นใจขึ้นมาได้เพียงนิดที่อย่างน้อยอีกฝ่ายก็ไม่ได้หายไปไกลนัก มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนหญิงชราเจ้าของรอยยิ้มแสนอ่อนโยนจะปรากฏตัวอยู่ที่หน้าประตู

     

    "หายไข้รึยังจ้ะพ่อหนุ่ม ยายว่าจะขึ้นมาดูตั้งแต่เช้าแล้ว แต่เห็นนอนอยู่เลยไม่อยากกวน"

     

    "เขาไปไหน"

    เสียงหวานเอ่ยย้อนถามกลับไปด้วยน้ำเสียงห้วนกระด้างเย็นชาโดยที่ดวงตาคู่หวานนั้นยังคงไม่ละออกมาจากท้องถนนที่เขาเห็นผ่านบานหน้าต่างเลยสักนิด แต่จากเงาสะท้อนบนบานกระจก เขาเห็นหญิงชรามีสีหน้าแปลกใจ

     

    "อ้าว พ่อหนุ่มคนนั้นยังไม่กลับมาอีกหรอจ้ะ เห็นออกไปข้างนอกตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว นึกว่ากลับมาแล้วเมื่อเช้าเสียอีก"

    เทพธิดาไม่ได้เอ่ยคำใดอีกนอกจากยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นจนหญิงชราต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้ หล่อยเอ่ยบอกว่าถ้าขาดเหลืออะไรให้ลงไปเรียกหล่อนที่ด้านล่างก่อนจะหมุนตัวเดินจากไปโดยไม่ลืมที่จะปิดประตูให้อย่างแผ่วเบา

     

    ตอนนี้อีทึกรู้สึกไม่ดีเลย

     

    ร่างบอบบางยืนเหม่อมองเกล็ดหิมะที่เริ่มร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้าอีกเพียงชั่วครู่ ก่อนสุดท้ายแล้ว เขาจะหมุนตัวเดินไปหยิบเสื้อโค้ตของตนขึ้นมาสวมใส่แล้วจึงก้าวเดินออกจากห้องไป

     

    ............................................................

     

    เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าตัวเองซื่อบื้ออย่างที่ใครอีกคนชอบว่าจริงๆ เขากำลังเดินไปอย่างไร้จุดหมายในจังหวัดที่เขาไม่เคยแม้แต่จะได้ยินชื่อท่ามกลางหิมะโปรยปราย และตอนนี้พิษไข้ที่ยังไม่หายดีก็กำลังทำให้เขามึนงงจนมองอะไรพร่าลายไปหมด...อีทึกช่างเป็นคนซื่อบื้อเสียจริง ก้าวเท้าเดินไปราวกับรู้ว่ากำลังจะไปไหน ทั้งๆที่ในความเป็นจริง ทางกลับโมเต็ลเขาก็จำแทบไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ

     

    ถนนของจังหวัดควางจูเงียบเหงา ช่างต่างกับถนนในเมืองโซลที่ไม่เคยขาดผู้คนสักเวลานัก เทพธิดาไอออกมาแห้งๆพลางยันมือเข้ากับพนังตึกใกล้ๆเพื่อหยุดหายใจ...บางที่เขาอาจจะคิดมากไป...บางที่เขาอาจจะกำลังทำตัวซื่อบื้อให้อีกฝ่ายโกรธอยู่ หรือบางที...เขาอาจจะแค่ยอมรับความจริงไม่ได้ก็เป็นได้

     

    "คุณฮันคยอง..."

    และก็ราวกับเจ้าของชื่อจะได้ยินเสียงร้องเรียกอันแผ่วเบาของเขา เพราะทันทีที่สิ้นคำกระซิบ หางตาของเขาก็เหลือบไปเห็นร่างชุ่มเลือดของชายเจ้าของชื่อเดินโซเซออกมาจากตรอกฝั่งตรงข้าม ดวงตาแสนหวานขยับเบิกโตขึ้นนิดก่อนเจ้าตัวจะออกแรงวิ่งข้ามถนนไปหา และทันทีที่เขาโอบมือประคองร่างสูงเอาไว้ เทวทูตหนุ่มก็ทรุดล้มลงมาหาเขาทันที ดวงตาสีควันบุหรี่คู่นั้นอ่อนแรงและเหนื่อยล้า ในขณะที่ใบหน้าคมก็ซีดเซียวเพราะเลือดสีแดงข้นที่ไหลออกมามากมายจากบาดแผลตามลำตัว

     

    "ออกมา...ทำไม"

     

    "คุณหายไป"

    อีทึกรักษาน้ำเสียงของตนให้นิ่งเรียบได้อย่างน่าชื่นชมทั้งๆที่กำลังตื่นตระหนกอยู่แบบนี้ เสียงตะโกนโหวกเหวกที่ดังลึกมาจากด้านในตรอกทำให้ดวงตาคู่หวานทอแววหวาดกลัวออกมานิดก่อนคนร่างบางที่ตอนนี้อ่อนแรงมากเหลือเกินจะค่อยๆพยุงร่างอันชุ่มโชกไปด้วยเลือดเดินออกมาจากตรงนั้นอย่างทุกลักทุเล

     

    "อดทนหน่อยนะครับ"

    เขากระซิบบอกคนที่เขาโอบประคองเอาไว้พลางพาอีกฝ่ายข้ามถนนกลับไปยังฝั่งเดิมที่เขายืนอยู่เมื่อครู่ พาลัดเลาะไปตามตรอยซอยแคบๆอย่างเชื่องช้า หากแต่ก็นุ่มนวลมั่นคงไม่ให้อีกฝ่ายต้องเจ็บมากไปกว่านี้ เขาค่อยๆวางอีกฝ่ายเข้าไปในช่องวางแคบๆระหว่างตึกที่เขาพบ จัดการให้ร่างสูงนั่งลงบนพื้นอย่างแผ่วเบา และเมื่อตรวจดูแล้วว่ามันพ้นออกมาจากสายตาของบุคคลที่อาจเดินผ่านมา เทพธิดาจึงย่อตัวนั่งลง ใช้ปลายนิ้วไล้เช็ดคราบเลือดบนแก้มกร้านของคนที่ตอนนี้สติเลือนรางเต็มทนออกเบาๆ เฝ้ามองอีกฝ่ายหอบหายใจและพยายามอ้าปากพูดบางอย่าง แต่มันกลับไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากหยักคู่นั้นนอกจากการพยายามที่จะหายใจ ดวงตาสีควันบุหรี่จ้องมองเขา แต่สุดท้ายแล้ว เลือดที่ไหลออกมามากเกินไปก็ทำให้มันค่อยๆปิดลงพร้อมกับสติที่หลุดลอยไป

     

     อีทึกถอดเสื้อโค้ตของตนออกไปคลุมศีรษะของอีกฝ่ายเอาไว้เพื่อป้องกันละอองหิมะไม่ให้ตกลงมาต้องกายของคนเจ็บ ใช้นิ้วเกี่ยวปอยผมที่ตกระอยู่ที่ดวงตาออกอย่างเบามือ ก่อนจะประทับจุมพิตลงไปที่ข้างขมับอย่างแผ่วเบายิ่งกว่าสัมผัสของสายลมพร้อมด้วยรอยยิ้มอ่อนจางบนเรียวปากที่เต็มล้มไปด้วยความรักมากมายเหลือเกิน

     

    "คุณดูแลผมดีมากเหลือเกินคุณฮันคยอง...ทำให้ผมรักคุณมากเหลือเกิน"

     

    "..."

     

    "ให้ผมได้ดูแลคุณบ้างนะครับ ให้ผมปกป้องคุณบ้าง...ให้ผมทำให้คุณรักผม อย่างที่ผมรักคุณบ้างนะครับ"

     

    ................................................................................

     

    "โอ๊ะ!...ตายแล้ว!"

    อีทึกไม่อยู่ฟังคำอุทานของหญิงชราเจ้าของที่พักจนจบ เขาหมุนตัว พยุงคนที่บัดนี้ตัวเย็นมากเหลือเกินเดินขึ้นไปชั้นบน ตรงไปยังห้องพักของพวกเขาโดยไม่แม้แต่จะชายตามองร่างเล็กๆของหญิงชราที่วิ่งเข้ามาตั้งท่าจะช่วยเขาพยุงด้วยซ้ำ อีทึกยืนลังเลอยู่ที่หน้าประตูห้องนิด เขาทำท่าจะเอนพิงคนไม่ได้สติเข้ากับกำแพงเพื่อใช้สองมือเปิดประตู หากแต่หญิงชรากลับเดินมาถึงตัวเขาเสียก่อนที่เขาจะทันได้ปล่อยมือออกมาจากเอวของคนข้างกาย หล่อนใช้กุญแจไขประตูด้วยมืออันสั่นเทา แล้วจึงผลักเปิดมันให้ออกกว้างพร้อมกับเบี่ยงตัวหลบให้เขาได้พาคนเจ็บไปล้มลงนอนบนเตียง

     

    "จะให้ยายเรียกรถพยาบาลให้มั้ยจ้ะ หรือว่า..."

     

    "ไม่ต้อง...แค่กล่องปฐมพยาบาลกกับผ้าสะอาดๆก็พอ"

    เสียงหวานเอ่ยกล่าวกับคนที่ยืนค้างอยู่ที่หน้าประตูโดยไม่หันไปสบตา ดวงตาแสนหวานจับจ้องอยู่เพียงแค่ที่ใบหน้าคมอันซีดเผือดเท่านั้น...แค่ลมหายใจของของขวัญของพระเจ้าของเขาเท่านั้น ราวกับหากเพียงแค่เขาละสายตาออกมา คนๆนี้จะหายไป...พระเจ้าอาจจะเอาเทวทูตของพระองค์กลับไป หญิงชราตั้งท่าจะเอ่ยแย้ง หากแต่ร่างบอบบางที่ยืนหันหลังให้หล่อนอย่างดื้อรั้นก็ทำให้หล่อนอ่อนใจ และยอมผละออกไปหาของที่เจ้าตัวต้องการในที่สุด

     

    เทพธิดาที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดสีเข้มของคนตัวสูงค่อยๆเลิกเสื้อเชิ้ร์ตสีเข้มที่อีกฝ่ายสวมใส่อยู่ออกอย่างเบามือ...ไม่มีกระสุนฝั่งอยู่อย่างที่เขากังวล แค่เฉี่ยวตามข้างลำตัวอยู่หลายที่ มันทำให้เขาเบาใจลงมานิด

     

    "คุณฮันคยอง..."

    ปลายนิ้วเรียวเย็นเฉียบแตะสัมผัสลงบนแก้มกร้านอันซีดขาว ขยับปัดปอยผมสีดำออกให้พ้นใบหน้าคมก่อนริมฝีปากบางที่ยังคงซีดจางเพราะพิษไข้ที่ไม่หายขาดเสียทีจะกดลงบนหน้าผากอันเย็นเฉียบของคนไม่ได้สติอย่างแผ่วเบาราวกับจะอวยพรให้อีกฝ่ายฝันดีตลอดการนิทรากระนั้น

     

    "ผมหวังได้...ใช่มั้ยครับคุณฮันคยอง"

     

    แต่อีทึกรู้ดี...

     

    ผิดหวังน่ะ...เจ็บปวดยิ่งกว่าร้องไห้เสียอีก

     

    ...........................................................

     

    อีทึกยังคงนั่งนิ่งอยู่บนพื้นที่มุมห้องด้านหนึ่ง ชันเข่าขึ้นมากอดไว้แนบอกเพื่อป้องกันตัวเองออกจากความหนาวเย็นภายในห้อง และทำเพียงแค่จ้องมองร่างอันไร้สติที่นอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงเพราะพิษไข้แน่นิ่ง...อ่อนล้า และเวียนหัวจนรู้สึกเหมือนใกล้จะอาเจียนเต็มทน หากแต่เขาก็ยังคงฝืนเปลือกตาของตนเอาไว้เพื่อเฝ้ามอง...เขาแค่อยากเห็นอีกฝ่ายลืมตาขึ้นมาก่อน...แค่อยากจะให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะไม่หยุดหายใจ...แค่นั้นจริงๆ

     

    อากาศภายในห้องพักราคาถูกหนาวเย็นอันเนื่องมาจากฮีตเตอร์คุณภาพต่ำที่แทบจะให้ไออุ่นใดๆไม่ได้เลย หญิงชราเจ้าของที่พักขึ้นมาเอ่ยขอโทษเรื่องนี้แล้วพร้อมกับนำกองผ้าห่มกองโตมาทิ้งไว้ให้...และเขาก็นำมันไปคลุมห่มคนบนเตียงเสียหมด

     

    ไม่เป็นไรหรอก

     

    คุณไม่ต้องทำอะไรเพื่ออีทึกแล้ว

     

    แค่นี้...อีทึกไม่เป็นไรหรอก

     

    ร่างบางที่ตัวเปื้อนกระด่างกระดำไปด้วยเลือดแห้งกรังขยับตัวนิดเพื่อคลายความเมื่อยขบพลางเอนศีรษะพิงกำแพงอันเย็นชืดไม่แพ้พื้นที่เขานั่งอยู่กว่าค่อนคืนเอาไว้ อีทึกเลิกวอนขอกับพระเจ้ามานานแล้ว เพราะเขารู้ดีว่าไม่ว่าจะกระซิบอ้อนวอนอยู่ในใจหรือตะโกนขอความเห็นใจออกมาจนเสียงแหบแห้ง พระเจ้าก็ไม่เคยที่จะได้ยินเสียงของเขา...พระองค์คงลืมไปแล้วจริงๆว่าได้สร้างอีทึกจึ้นมาบนโลกใบนี้ด้วย หรือบางทีเขาอาจะเป็นผลงานอันผิดพลาดของพระองค์ก็เป็นได้ พระองค์ถึงไม่เคยประทานสิ่งดีๆมาให้เขาเลยสักครั้ง...และตอนนี้พระองค์ก็กำลังพยายามเอาคนของพระองค์คืนไปใช่รึเปล่า...พระองค์กำลังอยากจะพรากสิ่งที่ดีที่สุดที่เข้ามาในชีวิตของเขาไปรึเปล่า

               

    ทำไมถึงใจร้ายแบบนี้กับอีทึกตลอดเลยนะ

     

    อีทึกไม่มีสิทธิได้รับอะไรดีๆบ้างเลยหรือไงกัน

     

    "นางฟ้า..."

    เสียงทุ้มแหบแห้งที่เอ่ยเรียกหานางฟ้าพร้อมกับมือที่เอื้อมออกคล้ายกำลังไขว่คว้าบางอย่างทำให้ดวงตาคู่หวานอันแสนมืดหม่นของคนที่จับจ้องอยู่วูบไหวไปนิด

     

    "อย่าเพิ่งไป...ปาร์คจองซู ผมอยากอยู่กับคุณ"

    มือเล็กอันเย็นเฉียบให้สัมผัสไม่ต่างจากกระเบื้องค่อยๆเลื่อนขึ้นมาปิดแนบอยู่ที่ข้างใบหูของตน...ไม่อยากได้ยินคำเรียกหาใดๆที่ไม่ใช่เขาทั้งนั้น เขาพยายามที่จะสูดหายใจเขาให้ลึก...พยายามที่จะไม่เจ็บปวด และกระซิบบอกตัวเองว่าไม่เป็นไรและให้เบือนสายตาหนีออกมาเสีย แต่อีทึกหันไปมองทางอื่นไม่ได้...ละสายตาออกมาจากความรักของเขาที่กำลังร้องหาใครบางคนไม่ได้เลยสักนิดจนดวงตาของตัวเองแสบเคืองไปหมด

     

    แค่หวังก็ไม่ได้หรอ

     

    ขอแค่ให้อีทึกได้หวังบ้าง...ก็ไม่ได้จริงๆหรอ

     

    นางฟ้าปาร์คจองซูช่างใจร้ายนัก

     

    ได้ความรักไปแล้วยังไม่พออีกอย่างนั้นหรอ

     

    ยังต้องเอาเขาไปอยู่ด้วยอีกอย่างนั้นหรอ

     

    ไม่ยุติธรรมเลย...ไม่ยุติธรรมเลยสักนิด!

     

    เทพธิดาที่รู้สึกเหมือนพื้นใต้เท้าของตัวเองกำลังสั่นคลอนไปหมดค่อยๆชันตัวลุกขึ้น ก้าวเดินอย่างซวนเซ หากแต่เร่งร้อนไปยืนอยู่ข้างเตียงเพื่อไปคว้าจับมือที่กำลังเอื้อมขึ้นคล้ายอยากจะรั้งบางอย่างเอาไว้มาเกาะกุมเอาไว้ด้วยสองมือเพื่อหยุดการไขว่คว้านั้น และทันทีที่ถูกขัดขวาง คนไม่ได้สติก็ยิ่งกระสับกระส่ายพร้อมกับพยายามดิ้นรนออกมาจากการเกาะกุมของเขา มันทำให้อีทึกสะอึก...และเริ่มที่น้ำตาอย่างน่าสมเพช เขาแนบมือกร้านข้างนั้นเข้าแนบแก้มราวกับอยากจะให้คนหลับใหลรู้ว่าเขากำลังมีน้ำตา...รู้ว่าเขาไม่อยากให้ไปไหน

     

    แต่คุณไม่เคยรู้เลย...ไม่เคยสังเกตเลย

     

    "ไม่อยากอยู่กัยผมขนาดนั้นเลยหรอครับคุณฮันคยอง"

     

    "..."

     

    "คุณจะไป...โดยไม่คิดว่ายังต้องอยู่ดูแลผมเลยหรอครับ"

     

    "..."

     

    "ถ้าคุณไป...ฮึก...แล้วผมจะรักคุณได้ยังไง...ฮึก...ถ้าผมมองไม่เห็นคุณ...ฮึก...แล้วผมจะรักคุณได้ยังไงกัน"

    ไหล่ผอมบางสั่นไหวไปตามแรงสะอื้นของคนที่ตอนนี้เหนื่อยมากเหลือเกิน เขาแนบมือที่อุ่นสำหรับเขาเสมอข้างนั้นเข้าแนบผิวแก้มของตนมากขึ้นเพื่อให้อีกฝ่ายได้สัมผัสไออุ่นอันน้อยนิดของเขา...สัมผัสได้ถึงเขา แต่ใบหน้าหวานกลับยิ่งเหยเกเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงดิ้นรนออกจากการจับต้องของเขาเพื่อเอื้อมคว้าหานางฟ้า...และนั่นก็ยิ่งทำให้อีทึกสะอื้นพร้อมกับยิ่งยึดจับมือข้างนั้นเอาไว้แน่นขึ้นจนมือที่เจ็บชาเพราะอากาศหนาวอยู่แล้วยิ่งเจ็บปวดมากกว่าเดิม แต่อีทึกก็ยังจับมันไว้ แม้ไม่มีแม้เพียงแรงพยุงตัวยืนอีกต่อไปแล้ว...เขาก็ยังจับมันไว้ไม่ให้ใครได้คว้าไปและดึงผู้ชายคนนี้ไปจากเขา

     

    ไม่ว่าอีทึกจะขออะไร...พระเจ้าก็เห็นว่ามันมากเกินไปเสมอเลยอย่างนั้นหรอ

             

    เพียงแค่เศษเสี้ยวความสุขเล็กๆของเขา

     

    แค่เปลวไฟเล็กๆในพื้นที่อันมืดสนิทของเขา

     

    อีทึกก็ไม่มีสิทธิได้เลยงั้นหรอ

     

    "เลือกผมได้รึเปล่า...ฮึก...อยู่กับผมได้มั้ย...อยู่ในที่ที่ผมมองเห็น...ฮึก...อยู่ในที่ที่ผมจะรักคุณได้...ฮึก...ผมขอแค่นั้นก็ได้"

    ยิ่งอีกฝ่ายพยายามดึงมือหนี อีทึกก็ยิ่งสะอื้นจนตัวไหวโยน น้ำตานองหน้าอย่างน่าทุเรศเพราะทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้...อ้อนวอนอย่างหมดท่าเหมือนพวกโง่งมที่ไม่เคยลืมตาขึ้นมามองเห็นอะไรเลย หยดน้ำตาตกลงกระทบที่ข้างแก้มกร้านของคนหลับใหล และเขาก็รีบเข็ดมันออก...คุณฮันคยองไม่จำเป็นต้องรู้...คุณฮันคยองไม่จำเป็นต้องทำอะไร...ไม่จำเป็นเลยสักนิด ใบหน้าหวานส่ายไปมาเบาๆ...ปฏิเสธความหวังของตนทั้งหมดทิ้งไป หากมันสามารถแลกได้...หากมันสามารถทดแทนกันได้

     

    "ผมไม่เอาแล้วก็ได้...ฮึก...ไม่ต้องรักผมแล้วก็ได้...ฮึก...ผมจะไม่เอาอะไรอีกแล้ว...ฮึก...แค่อยู่ให้ผมรักก็พอ...ฮึก...แค่อยู่ตรงนี้ให้ผมรักคุณต่อไปแบบนี้...ฮึก...แค่นี้ก็พอแล้ว"

     

    ...................................................................

     

     

     

     

     

     

     

    บอกแล้วว่าจะเชือดที่หลังนะ  ตอนนี้ก็เอาเชือดนิ่มๆแบบนี้ไปก่อนก็แล้วกัน= =  ค่อนข้างจะแอ๊บสแตร็กมากทีเดียวสำหรับตอนนี้นะคะ ส่วนตัวคิดว่างั้นนะ แต่ถ้าใครเข้าใจก็จะเข้าใจอีทึกค่ะ มันเหมือนป๋ากำลังจะตายน่ะค่ะ ในแง่หนึ่งก็คือกำลังจะไปหาจองซูอะไรทำนองนั้น อีทึกก้เลยคิดเป็นทำนองว่านี่คุณจะตาย...คุณจะไปอยู่กับนางฟ้าโดยที่ทิ้งเขาไว้อยู่อย่างนี้หรอ คุณยังมีอีทึกคอยอยู่นะ ทั้งๆที่อีทึกพยายามขนาดนี้แล้ว คุณก็ยังจะไปอยู่กับปาร์คจองซูอย่างนั้นหรอ คุณไม่คิดว่าต้องตื่นขึ้นมาดูแลอีทึกหน่อยหรอ ถ้าคุณตายไปแล้ว อีทึกจะรักใคร...อะไรทำนองนั้นอ่านะคะ มันก็เลยมาจบที่ว่า ขอแค่มีคุณอยู่ใกล้ๆแค่นั้นก็พอแล้วด้วยประการฉะนี้นั่นเองแล(ซึ่งเข้ากับเพลงหน้าฟิคที่เปลี่ยนให้ใหม่มากนะ(รีดเดอร์ถามตรงไหนของมึง- -))

     

    ไรเตอร์ชอบตอนนี้มากเลยนะ เพราะส่วนหนึ่งมันเป็นตอนที่ให้ความรู้สึกว่ามีทั้งความหวังแล้วก็ผิดหวังในตอนเดียวอ่าค่ะ อีทึกหวังว่าการทำอย่างนี้จะทำให้ป๋ารัก แต่สุดท้ายแล้วแล้วก็ผิดหวัง เพราะไม่ว่าทำมากขนาดไหนคนที่ป๋าเรียกหาก็ยังเป็นปาร์คจองซู...อะไรทำนองนั้นนะ อีกส่วนหนึ่งก็คือมันเป็นตอนที่แสดงธีมหลักของเอสเอ็ฟเรื่องนี้ออกมาได้ดีอ่ะค่ะ ฮันทึกพาร์ทที่แล้วจะเน้นเรื่องการมองเห็นใช่มั้ยล่ะ ทำนองแบบเมื่อไรจะมองเห็นสักทีว่าคนที่อยู่ตรงนี้คืออีทึกนะ ไม่ใช่ปาร์คจองซู ส่วนพาร์ทนี้จะเน้นเรื่องการอยู่ใกล้ๆ อยุ่ในที่ที่เรียกหาได้อะไรทำนองนั้น สังเกตได้ตั้งแต่ตอนแรกเลยนะ ป๋าจะพูดตลอดเลยว่า ฉันมาแล้วนะ ฉันอยู่ตรงนี้นะ อยู่ข้างๆนายแล้ว ไม่เป็นไรแล้ว ประมาณนั้น...จะมีใครคาดเดาตอนจบของเรื่องนี้ได้มั้ยน้า(^________________^ ยิ้มหวานอีกแล้ว)

     

     

    รอตอนต่อไปอย่างใจเย็นค่ะ

     

    ปล. น้องรีดเดอร์ความจำดีกว่าไรเตอร์อีกน้า มีคนจำได้ด้วยว่าควางจูเป็นบ้านเกิดของปาร์คจองซูอ่ะ...ไม่น่าเตือนพี่ไรเตอร์เล้ยยยยย(คึๆ...หัวเราะชั่วร้ายแล้วจากไป)


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×