คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Bleeding Love
อีทึกนั่งนิ่งอยู่ที่ขอบเตียง แกว่งปลายเท้าเปลือยเปล่าที่ลอยสูงอยู่เหนือพื้นไปมาเบาๆโดยมีดวงตากดต่ำมองอยู่ที่หน้าตักของตน...พยายามจะทำเหมือนไม่เป็นอะไรทั้งๆที่ข้างในหัวใจของเขากำลังเต้นอย่างบ้าคลั่ง อีทึกกำลังพยายามรักษาสัญญาที่ให้ไว้...เขาสัญญากับคุณฮันคยองไว้แล้วว่าจะทำตัวดีๆ เช่นเดียวกับที่อีกฝ่ายสัญญากับเขาเอาไว้ว่าจะรีบกลับมาหลังจากคุยธุระทางโทรศัพท์เสร็จ
"คุณอีทึกครับ"
เสียงของคุณหมอเอ่ยดังขึ้นขณะที่เดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมกับนางพยาบาลสองคน...อีทึกไม่รู้หรอกว่าพวกเขาเหล่านั้นกำลังทำสีหน้าแบบไหน เพราะเขาเห็นเพียงแค่รองเท้าของพวกเขาเท่านั้น
"หมอขอตรวจคุณหน่อยนะครับ หมอแค่อยากจะฟังเสียงหัวใจของคุณ"
มือของนายแพทย์หนุ่มเอื้อมมาจับเข้าที่หัวไหล่พร้อมกับดันร่างของเขาให้นอนลงกับเตียงอย่างนุ่มนวล แต่เพียงแค่โดนสัมผัสโดยผู้ชายในชุดกราวด์สีขาวที่มีกลิ่นกายเหมือนยา อีทึกก็สั่นและลมหายใจติดขัดเสียแล้ว กระนั้นแล้ว เขาก็ยังเอนกายนอนลงกับเตียงอย่างว่าง่าย พยาบาลสาวทั้งสองคนชะโงกหน้าก้มลงมายิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยนพลางใช้สองมือนุ่มๆของพวกเธอยึดจับไหล่ของเขาเอาไว้
"ทะ...ทำอะไร"
"คุณอีทึกไม่ต้องกลัวนะคะ ให้คุณหมอตรวจแป๊บเดียว...ไม่เป็นไรนะคะ แค่นิดเดียวจริงๆ"
เสียงปลอบโยนของพวกเธอไม่ได้เข้าหูของเขามากนัก อีทึกเบิกตากว้างเมื่อรู้สึกได้ถึงชายเสื้อของตนที่ถูกเลิกขึ้น...และมันก็ทำให้เขาเริ่มสะบัดตัวออกแรงดิ้นรนพร้อมกับกรีดร้องออกมาลั่น
"ไม่เอา!...เอามือออกไปจากผม!...อย่ามาจับผม!"
ดูเหมือนพยาบาลสาวทั้งสองจะถูกบอกให้เตรียมตัวมารับมือกับการอาละวาดแบบนี้มาเป็นอย่างดี เพราะพวกเธอทั้งสองคนทุ่มตัวลงมากดเขาเอาไว้แนบเตียงทันทีที่เขาตั้งท่าจะลุกหนี แต่ดูเหมือนยิ่งถูกพันธนาการ อีทึกก็ยิ่งขยับตัวดิ้นรนมากขึ้น
"คุณอีทึกครับ!...ใจเย็นๆนะครับ แค่ตวรจหัวใจนิดเดียว"
คุณหมอคนดีเซไปนิดเพราะโดนคนป่วยใช้ขาปัดเข้าให้รีบเอ่ยขึ้นพลางตั้งท่าจะเริ่มความพยายามของตนใหม่ และคราวนี้เขาก็สามารถสอดมือเข้าไปใต้เสื้อยืดที่ร่นสูงขึ้นเพราะแรงขยับดิ้นได้เป็นสำเร็จ แต่ทันทีที่ผิวกายโดนสัมผัสโดยมือของคนแปลกหน้าในชุดเสื้อกราวด์สีขาว อีทึกก็เห็นทุกอย่างผ่านม่านน้ำตาด้วยใบหน้าเหยเก
อีทึกไม่ชอบแบบนี้เลย
อีทึกไม่ชอบผู้ชายคนนี้เลย
"ออกไป!...อื้อออ!!...เอามือออกไป!...ฮึก...อย่าทำแบบนี้"
ไม่เคยมีใครฟังเสียงของอีทึกหรอก
แม้จะร้องดังสักแค่ไหน มันก็ไม่เคยเป็นผล
ในตอนนั้นแม้แต่พี่โบอา...ก็ยังไม่ฟังเสียงของอีทึกเลย
"คุณอีทึกคะ...ใจเย็นๆก่อนนะคะ"
มีใครบางคนหุนหันวิ่งเข้ามาในห้องตรวจ เขาดึงร่างของพยาบาลสาวทั้งสองคนให้ถอยห่างออกมาจากคนบนเตียงเพื่อจะได้เข้าไปประชิดเตียง...และใบหน้าของผู้ชายคนนั้นที่อีทึกเห็นผ่านม่านน้ำตาก็ทำให้นาฬิกาของอีทึกหยุดชะงักลง
คุณจะได้ยินเสียงของอีทึกรึเปล่า
จะหันกลับมามองรึเปล่า
"อย่าให้เขา...ฮึก...ทำอะไรผม บอกให้เขาหยุด...ฮึก...บอกให้เขาหยุด...บอกให้เขาหยุด..."
คนหวาดกลัวทำท่าจะพูดซ้ำๆอยู่แบบนั้นจนฮันคยองต้องโน้มตัวลงเข้าไปใกล้และใช้มือข้างหนึ่งจับตระคองแก้มเนียนเอาไว้อย่างแผ่วเบา...อีทึกไม่ได้ร้องไห้ แต่ทว่าดวงตาแสนหวานที่เบิกกว้างคู่นั้นก็เต็มตื้นไปด้วยน้ำตาจนน่ากลัวว่าหากกระพริบตาอีกเพียงครั้งเดียว มันอาจจะหยาดหยดลงมาก็เป็นได้...และมันก็เป็นอย่างนั้นทันทีที่เขากดริมฝีปากลงบนหน้าผากเนียนเบาๆเพื่อปลอบโยน
"ฉันมาแล้ว...ไม่ต้องกลัวแล้ว"
ดวงตาคมสีควันบุหรี่จ้องสบตากับดวงตาช้ำน้ำตาของคนบนเตียงนิ่งพลางใช้ปลายนิ้วปาดเช็ดหยดน้ำตาออกจากข้างแก้ม ฮันคยองหันไปสบตากับคุณหมอพร้อมกับพยักเพยิดให้อีกฝ่ายรีบทำให้สิ่งที่อยากจะทำเสียก่อนจะหันกลับมาสนใจคนที่อยู่ใต้เงาของเขาตามเดิม อีทึกตัวสั่นเมื่อมือของคุณหมอสอดลึกเข้าไปใต้เสื้อเพื่อนาบที่ฟังเสียงหัวใจเข้ากับแผ่นอก
"คุณฮันคยอง...ฮึก...คุณฮันคยอง..."
"ฉันอยู่นี่แล้ว...จะไม่มีใครทำอะไร ไม่ต้องกลัว"
ฮันคยองคว้าจับมือเล็กที่ยกเอื้อมขึ้นมาคล้ายอยากจะสัมผัสเอาไว้ในอุ้งมือก่อนจะยกมันขึ้นมาแนบเข้าที่แก้มของตนคล้ายอยากจะให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขาจะยังคงยืนอยู่ตรงนี้เหมือนเดิมไม่ไปไหน
แล้วคุณจะยืนอยู่ตรงนี้เพื่ออีทึกตลอดไปเลยรึเปล่านะ
อีทึกอยากรู้เสียจริง
พาอีทึกมาหาหมอไม่ใช่เรื่องง่าย...ฮันคยองประจักษ์กับความจริงข้อนี้ได้อย่างชัดเจนตั้งแต่ที่อีกฝ่ายลืมตาตื่นขึ้นมาเสียแล้ว ถ้าไม่มีเขาอยู่ในสายตา เทพธิดาจะเริ่มอาละวาดในทันทีที่เห็นคุณหมอเดินเข้าห้องมาตรวจจนคุณหมอต้องฉีดยานอนหลับให้แทบจะตลอดทั้งวัน จะให้เขาอยู่เฝ้าทุกเวลาที่ตรวจก็คงจะเป็นไปไม่ได้ เพราะคุณซีวอนกำลังขยายฐานไปที่จีนและต้องการให้เขาเข้าไปช่วยในเรื่องของภาษาบ่อยๆ สุดท้ายแล้ว แทนที่จะได้นอนอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อเฝ้าดูอาการสองอาทิตย์ตามที่คุณหมอวางแผนเอาไว้ในตอนแรก เขากลับต้องพาอีกฝ่ายกลับไปพักฟื้นที่บ้านตั้งแต่สี่วันแรก เพราะคุณหมอเกรงว่าการให้ยานอนหลับมากขนาดนั้นอาจจะทำให้คนป่วยอาการทรุดลงแทนที่จะดีขึ้นก็เป็นได้...และนั่นก็ทำให้เขาเหนื่อยชะมัด
"เรียบร้อยแล้วครับ ทุกอย่างฟังดูเรียบร้อยดีนะครับ แต่หัวใจที่เป็นแผลก็ยังเป็นหัวใจที่ไม่สมบูรณ์อยู่วันยังค่ำนั่นล่ะครับ ดูแลคุณอีทึกอย่าให้ต้องออกแรงเยอะๆก่อนนะครับในช่วงนี้ ระวังไว้ก่อนดีกว่าอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะครับ"
คุณหมอเก็บอุปกรณ์ของตนกลับเข้ากระเป๋าพลางเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะเพื่อเขียนใบสั่งยาต่างๆให้ ระหว่างนั้นก็อธิบายสิ่งที่เขาควรจะทำกับผู้ป่วยที่มีหัวใจไม่สมบูรณ์แบบนี้ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและรอยยิ้มใจดี...บางทีการเข้าใจอีทึกก็เป็นเรื่องยากเกินไป ฮันคยองคิดแบบนั้น
"กลับบ้านได้แล้วใช่มั้ยครับ"
"ครับ รอรับยาแล้วกลับบ้านได้เลย อย่าลืมมาตรวจคราวหน้าด้วยนะครับ"
ฮันคยองพยักหน้ารับคำพร้อมกับยื่นมืออกไปรับใบนัดตรวจมาจากนางพยาบาล เก็บมันใส่ประเป๋ากางเกงแบบลวกๆอย่างไม่ใคร่ใส่ใจเท่าไรนักก่อนจะหันไปประคองร่างบอบบางให้ลุกขึ้นนั่ง หยิบเสื้อโค้ตตัวหนาและผ้าพันคอสีเข้มผืนยาวมาสวมใส่ให้แล้วจึงคว้ามือเล็กมาเกาะกุมเอาไว้ กระตุกมันน้อยๆให้อีกฝ่ายใส่รองเท้าและก้าวลงมาจากเตียงเสีย
"หิวมั้ย"
เทพธิดาผู้มีขอบตาแดงช้ำไปหมดส่ายหน้าปฏิเสธน้อยๆพลางบีบกระชับมือของเขาให้แน่นขึ้นและขยับตัวเบียดชิดเข้าหา ฮันคยองถอนหายใจออกมาเบาๆ คิดกับตัวเองเงียบๆอยู่ในใจว่าจะพาคนป่วยไปทานข้าวเที่ยงที่ไหนดี เขาหันไปโค้งตัวบอกลากับคุณหมอก่อนจะพาคนร่างบางเดินออกมาจากห้องตรวจในที่สุด พวกเขารอรับยาเพียงไม่นานแล้วจึงพากันเดินออกมาด้านนอก
อากาศที่ปราศจากกลิ่นยาทำให้อีทึกดูผ่อนคลายมากขึ้น และกล้าพอที่จะเงยหน้าขึ้นมามองทางตรงหน้าทีล่ะน้อย แต่กระนั้น ก็ยังบีบจับมือของเขาแน่นอยู่ดีราวกับกลัวว่าเขาจะเดินหนีหายไป เทวทูตหนุ่มถอนหายใจออกมาอีกคล้ายจะเหนื่อยใจกับคนที่มีปัญหาเยอะมากเหลือเกินก่อนจะหันไปพยักเพยิดให้อีกฝ่ายก้าวขาขึ้นรถมอเตอร์ไซต์เสีย
"ชอบเนื้อย่างมั้ย"
"อื้อ"
"งั้นกินเนื้อย่างนะ"
"อื้อ"
ฮันคยองก็อยากจะยิ้มให้กับการก้มหน้าก้มตาพยักหน้าตอบแบบนั้นน่ะนะ แต่ทว่าเขาก็เหนื่อยมากเกินกว่าที่จะยกมุมปากขึ้นเสียแล้ว เขาจัดการจัดเสื้อผ้าของอีกฝ่ายให้รัดกุมเพื่อป้องกันผิวบอบบางออกจากสายลมหนาว ขยับยกผ้าพันคอผืนหนาขึ้นสูงจนปิดถึงปลายจมูกอีกทั้งยังติดกระดุมเสื้อโค้ตให้เสียจนชิดลำคอ
"อุ่นแล้วนะ"
"อื้อ"
"ดี"
ขอให้เรียบร้อยแบบนี้ได้ตลอดเถอะ
...............................................................
อีทึกนอนนิ่ง...ขดตัวเหม่อสายตามองออกไปยังท้องฟ้าอยู่ใต้กองผ้าห่มผืนหนาอันยุ่งเหยิงจนดูราวกับว่าเขาอาจจะถูกมันกลืนหายไป ณ เวลาใดเวลาหนึ่งก็ได้...วันนี้หิมะตกอีกแล้วล่ะ ร่างบอบบางที่สวมใส่เพียงเสื้อเชิ้ร์ตสีขาวตัวใหญ่ยาวแทบจะถึงเข่าเพียงตัวเดียวขยับพลิกกายนิด และทุกครั้งที่เขาละสายตาออกมาจากหน้าต่าง สิ่งแรกที่เขาจะหันไปจับจ้องก็คือกรอบรูปนั้นที่มีปาร์จองซูยิ้มอย่างสดใสอยู่ด้านใน มือเล็กเอื้อมไปหยิบมันเข้ามาดูใกล้ๆ ลากปลายนิ้วไปตามเรียวปากบางที่แต้มไปด้วยรอยยิ้มของปาร์คจองซูเบาๆคล้ายกำลังหาคำตอบให้ตัวเองว่าผู้ชายคนนั้นยิ้มอย่างเป็นสุขได้มากขนาดนี้ได้อย่างไร
เพราะคุณได้รับความรักมากมายเหลือเกินใช่รึเปล่านะ
ขอบบางอย่างที่เหลือบออกมาจากด้านหลังภาพทำให้อีทึกมุ่นหัวคิ้วเข้าหากันนิด เขาชันตัวขึ้นนั่งพิงหัวเตียงพลางพลิกแกะกรอบด้านหลังออก...และภาพของปาร์คจองซูอีกกว่าสิบใบก็ปรากฏสู่สายตาของเขา เทพธิดาค่อยๆเลื่อนมันออกดูทีล่ะใบ แน่ล่ะ...เขาเคยเห็นมันมาทุกรูปแล้วในตอนนั้น รอยยิ้มเขินๆที่ถูกกล้องจับได้ของคนที่ทำตัวเย็นชากับเขาเสมอทำให้เขาชะงักมือไปนิด อีทึกจ้องมองรอยยิ้มนั้นก่อนจะรีบเปลี่ยนมันไปอย่างรวดเร็วเมื่อรู้สึกว่ามันทำให้ลำคอของเขาแสบร้อนจนเกินไป รูปต่อไปเป็นรูปของปาร์คจองซูในผ้ากันเปื้อนสีฟ้าอ่อน...และอีกหลายๆรูปต่อไปก็เป็นเช่นนั้น จะต่างกันก็เพียงแค่อาหารที่อีกฝ่ายกำลังถือให้กล้องถ่ายก็เท่านั้น
ทำอาหารอย่างนั้นหรอ
อีทึกทำอาหารเป็นที่ไหนกันล่ะ
ดวงตาแสนหวานอันว่างเปล่าแลดูหม่นแสงลงนิดก่อนเขาจะรีบเก็บรูปภาพเหล่านั้นให้เข้าที่และนำกรอบรูปกลับไปวางที่เดิม เทพธิดาขดตัวลงนอนตามเดิม กระชับผ้าห่มเข้าหาตัวมากขึ้นจนปลายจมูกจมหายลงไปด้านใต้
เพราะมันไม่มีอะไรที่คุณชอบอยู่ในตัวอีทึกเลยใช่รึเปล่า
เพราะอีทึกไม่ได้เป็นอย่างที่คุณชอบอย่างนั้นหรอ
ไม่ยอมหรอกนะ!
อีทึกชันตัวกลับขึ้นมานั่งอีกครั้ง ตวัดผ้าห่มออกจากกายก่อนจะลุกขึ้นก้าวเดินไปยังห้องครัว ดวงตาคู่หวานกวาดมองไปรอบกายราวกับกำลังหาจุดเริ่มต้นของตัวเอง...และตู้เย็นก็เป็นสิ่งแรกที่เขาเดินตรงเข้าไปหา
.....................................................
คนที่เพิ่งกลับมาจากทำงานขมวดคิ้วให้กับเสียงก๊องแก๊งที่ดังมาจากในห้องครัวของตน เขาหันไปปิดประตูห้องพัก วางแฟ้มงานที่หอบกลับมาทำด้วยลงบนโต๊ะใกล้ๆก่อนจะเดินอย่างระมัดระวังเข้าไปในครัว ร่างบอบบางผู้สวมเสื้อเชิ้ร์ตเพียงตัวเดียวที่กำลังยืนหันหลังทำอะไรบางอย่างอยู่ทำให้เขาชะงักไปนิด...ชั่วขณะหนึ่งที่หัวใจของเขาย้อนนึกไปถึงใครบางคน และเพียงแค่ชั่วเสี้ยวเวลานั้น มันก็ทิ้งความเจ็บปวดเอาไว้มากเหลือเกิน
"ทำอะไร"
ไหล่บางเกร็งขึ้นมาทันทีที่เสียงของเขาดังขึ้น เขาสังเกตเห็น ก่อนเจ้าตัวจะหันกลับมาหาเขาพร้อมกับมีดในมือข้างหนึ่งและบาดแผลอาเลือดที่มืออีกข้างหนึ่ง ฮันคยองขมวดคิ้วเข้าหากันเพิ่มมากขึ้นไปอีก...ปกติไม่เห็นจะยอมแม้แต่กิน นึกครึ้มอะไรถึงยอมลุกจากเตียงมาทำอาหารนะ
"ทำอะไรซื่อบื้ออยู่ล่ะสิ"
เขาก้าวเดินเข้าไปหา คว้าจับนิ้วที่โดนมีดบาดมาดูใกล้ๆ และเมื่อตรวจสอบแล้วว่ามันไม่ได้เป็นอะไรมากมาย ผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งก็ถูกหยิบออกมาจากกระเป๋าและนำไปพันซับเลือดเอาไว้ อีทึกหลบสายตาของเขาไปมองความเละเทะที่ตัวเองทำทิ้งเอาไว้ และมันก็ทำให้เจ้าของห้องครัวต้องถอนหายใจออกมาพร้อมกับใช้ข้อนิ้วเขกศีรษะเล็กของคนช่างวุ่นวายไปเบาๆหนึ่งทีเป็นการลงโทษที่ทำให้เขาต้องเหนื่อยเพิ่มมากขึ้นในการที่จะต้องมาเก็บห้องครัวอีก
"หิวรึไง"
คนที่ได้รับบทลงโทษของตัวเองไปแล้วส่ายหน้าปฏิเสธนิดๆพร้อมกับหันหลัง ตั้งท่าจะหั่นบางอย่างที่ตัวเองหั่นทิ้งเอาไว้ต่อ และจากที่เขามองข้าไหล่บางไป...เจ้าแครอทหัวนั้นก็ช่างน่าสงสารนัก ฮันคยองถอนหายใจออกมาอีก...รู้สึกเหนื่อยใจจริงๆนั่นล่ะ มือใหญ่อ้อมไปจับซ้อนมือเล็กที่มักจะเย็นเฉียบอยู่เสมอเอาไว้ ลำตัวแนบชิดใกล้จนเขาได้กลิ่นกายหอมหวานจางๆจากแนวลำคอระหง
"ฉันไม่กินเลือดหรอกนะจะบอกให้"
อีทึกยืนนิ่ง ก้มมองมือของตนที่ถูกจับบังคับให้หั่นแครอทอยู่ด้วยสายตาว่างเปล่า แต่กระนั้นมันก็ยังทอประกายอบอุ่นอยู่ลึกๆ เช่นเดียวกับที่นัยน์ตาสีควันบุหรี่กำลังเฝ้ามองรอยยิ้มจางๆบนเรียวปากสีซีดคู่นั้น และสุดท้ายแล้วเขาก็อดไม่ได้ที่จะชะโงกหน้าเข้าไปลิ้มลองมันอย่างแผ่วเบา หากแต่ความนุ่มนวลอ่อนหวานก็ทำให้เขาทวีความร้อนแรงเพิ่มมากขึ้นไปอีก
เขาพลิกร่างบอบบางให้หันกลับมาเผชิญหน้า ใช้สองมือจับประคองใบหน้าหวานเอาไว้เพื่อมอบจูบที่ร้อนแรงยิ่งกว่าเดิมให้ ลิ้นอุ่นแทรกเข้าไปควานหาความหวานราวกับจะดูดกลืนลมหายใจของอีกฝ่าย ร่างสูงเบียดกายเข้าชิดจนสะโพกมนของคนตัวเล็กชนเข้ากับขอบเค้าน์เตอร์
ฮันคยองรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นแมลงตัวน้อยที่บิดเข้าไปติดกับใยแมงมุม
จะขยับบินหนีออกมาก็สายไปเสียแล้ว
เทวทูตหนุ่มผละออกห่างมาอย่างอ้อยอิ่ง หากแต่เทพธิดาผู้แสนนิ่งเฉยกลับไม่อยากให้เขาทำแบบนั้น มือเล็กข้างหนึ่งรั้งจับชายเสื้อสูทของเขาเอาไว้ราวกับไม่อยากจะให้เขาถอยห่างออกไปมากกว่านี้ ในขณะที่ใบหน้าหวานก้มต่ำ เสเบือนสายตาออกไปมองทางอื่นคล้ายไม่อยากให้เขาเห็นความหมายบางอย่างที่อยู่ในนั้น แต่อีทึกรู้...แม้ไม่หลบสายตา ฮันคยองคนโง่ก็ยังไม่คิดจะเห็นมันอยู่ดี
"คุณฮันคยอง..."
"..."
"ผมน่ะ..."
"..."
"ผมน่ะนะ..."
และก่อนที่เขาจะได้พูดคำใดๆออกไป ใบหน้าของเขาก็ถูกจับบังคับให้เบือนกลับไปสบตากับคนตรงหน้าก่อนริมฝีปากอุ่นจะฉกลงมาปิดกั้นถ้อยคำที่เหลือของเขาเอาไว้...เป็นเพียงการสัมผัสอย่างแผ่วเบาเมื่อเทียบกับจูบที่ผ่านมา หากทว่าสำหรับอีทึกแล้ว...มันกลับอ่อนหวานมากกว่าครั้งไหนๆเหลือเกิน
"ฉันจะสอนนายทำอาหาร"
..........................................................................
ความหมายของตอนนี้หมายถึงความรักที่ไหลทะลักออกมาค่ะ bleeding แปลว่า เลือดไหลใช่มั้ยล่ะ bleeding love ก็หมายถึงความรักที่ไหลออกมานั่นแหละ(ใช้คำว่าไหลแล้วมันฟังดูแหยะๆไงก็ไม่รู้เนอะ= =) เหมือนเป็นการบอกให้อีกฝ่ายรู้ว่าฉันรักเทอนะ รักมากจนมันจะทะลักออกมาแล้ว อะไรทำนองนั้น อีทึกเหมาะกับคำว่าเด็กวุ่นวายมากๆเลย คิดเหมือนไรเตอร์มั้ยคะ จะทำอะไรๆก็ดูวุ่นวายไปซะทุกเรื่องเลย ทำให้พ่อพระเอกคนดีของเรา(หัวใจ)วุ่นวายตลอดเลย^^ ตอนนี้เป็นตอนสั้นๆที่มาพร้อมกับจูบแรกของเรื่องเนอะ ออกจะหวานแบบผิดหูผิดตาทีเดียว เราจะปล่อยให้รีดเดอร์ยิ้มกันไปก่อน แล้วค่อยกลับมาเฉือดที่หลังในอีกหลายๆตอนถัดไปค่ะ(^_____^ ยิ้มหวานนนนน)
ตอนหน้า มีใครคิดถึงคู่หูอึนเฮมั่งมั้ยคะ ตอนหน้าไปดูเทพธิดาจอมวุ่นวายกับเด็กวุ่นวาย(กว่า)กันค่ะ อีทึกคนสวยจะโดนป่วนยังไงมั่งน้า(^______^ยิ้มหวานอีกแล้ว)
ปล. น้องที่ถามหารวมเล่มเฉพาะของคู่นี้ ขอพี่ไรเตอร์กลับไปนั่งคิดนอนคิดก่อนนะคะ เพราะถ้าจะให้รวม คงต้องมีการสังคยานาฟิคเรื่องนี้ทั้งสองพาร์กันครั้งใหญ่เลย= = ต้องรอดูก่อนละกันนะว่ามีคนอยากได้เยอะรึเปล่านะ
เจอกันครั้งหน้าในอีกนานๆค่ะ ใครสอบก็ตั้งใจสอบเน้อออ
ความคิดเห็น