คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : The Angel of Happiness
ฮันคยองรีบเบือนหน้าหนีออกมาด้วยท่าทางเหมือนเด็กโดนจับผิด เขาเหลือบมองซ้ายขวาอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะติดสินใจคว้าขวดเบียร์ที่วางอยู่ใกล้ๆขึ้นมาถือไว้ในมือ....จองมองมันแน่นิ่งราวกับกำลังตั้งใจอ่านคำเตือนที่แปะอยู่ข้างขวดกระนั้น แต่การเสทำแบบนั้นก็ไม่ได้ช่วยให้ใบหน้าของเขาคลายความร้อนลงมาแต่อย่างใด...ให้ตายสิ!...เขาเหม่อมองผู้ชายคนนั้นนานเป็นนาทีเลยทีเดียว!
มีเสียงหัวเราะคิกคักอย่างขบขันลอยมากับสายลมก่อนเขาจะเห็นจากหางตาว่าเจ้าของเสียงหัวเราะแสนหวานนั้นกำลังเดินทรงตัวอยู่บนขอบกำแพงตรงมาหาเขา และความบอบบางของร่างกายของชายคนนั้นก็ทำให้เขายิ่งกลัวว่าสายลมจะพัดพาหมอนั่นให้ร่วงตกลงไปด้านล่างเสียก่อน....แต่ฮันคยองก็อดที่จะสงสัยกับตัวเองไม่ได้ว่านางฟ้าจะบินไม่ได้เชียวหรือถ้าเผลอพลัดตกลงจากที่สูง...ให้ตาย!...นี่เขาเริ่มหัดคิดเพ้อเจ้อแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกันวะ!
"มาทำอะไรตรงนี้หรอ" เสียงหวานเอ่ยถาม ชายผ้าพันคอผืนยาวที่สะบัดมาโดนต้นแขนของเขาทำให้เขารู้ว่าชายหนุ่มคนนั้นยืนอยู่ใกล้เขามากขนาดไหน ฮันคยองขยับตัวเล็กน้อยด้วยท่าทางอึดอัดก่อนจะหะนไปเงยหน้าขึ้นหาเจ้าของคำถามเพื่อนหวังที่จะสบตา แต่มันก็ทำให้เขาถึงกับผงะถอยเมื่อคนที่เขาคิดว่ากำลังยืนอยู่กลับก้มตัวลงมาเอาใบหน้าหวานเสียยิ่งกว่าผู้หญิงให้อยู่ในระดับเดียวกับเขา อีกทั้งยังอยู่ใกล้เหลือเชื่อจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆที่ข้างแก้ม
ชายหนุ่มปริศนาหัวเราะอีกครั้งพลางกระโดดลงมายืนบนพื้นด้วยท่าทางคล่องแคล่วจนเขาอดกลัวว่าจะผลัดหงายตกลงมาไม่ได้
"ว่าไงล่ะ"
"ปะ...เปล่า"
ชายหนุ่มหน้าหวานแย้มรอยยิ้มพิกลขึ้นมาบนริมฝีปากเหมือนอยากจะกลั้นยิ้ม แต่ดวงตาโตแสนหวานไม่แใบหน้ากลับทอประกายขบขันชัดเจน ร่างบางเดินขึ้นมายืนอยู่ตรงหน้าเขาก่อนจะยกมือขึ้นกอดอก
"นั่นไม่ใช่คำตอบของคำถามของฉันซักหน่อย" เขาว่าด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนจะขบขัน ซึ่งมันก็ทำให้ร่างสูงที่นั่งอยู่บนขอบกำแพงต้องขยับตัวขยุกขยิกเหมือนไม่รู้จะเอ่ยตอบถ้อยคำนั้นอย่างไร...การเผชิญหน้ากับชายหนุ่มช่างพูดคนนี้ดูเหมือนจะทำให้เสียงของเขาหนีเตลิดไปจนเกลี้ยง ชายหนุ่มร่างบางหลุดเสียงหัวเราะคิกคักออกมาเบาๆเมื่อเห็นว่าคงไม่ได้คำตอบจากคนปากหนักเสียแล้ว
"พักอยู่ที่นี่หรอ" เขาเปลี่ยนคำถาม
"อืม" ฮันคยองตอบสั้นๆโดยใช้เสียงเพียงเล็กน้อยพร้อมด้วยการพยักหน้าอีกนิดหน่อย แต่อากัปรเพียงแค่นั้นก็ทำให้คนถามหัวเราะได้เสียยกใหญ่ราวกับเขาได้พูดประโยคที่มีอะไรตลกๆยาวยืดออกไป เสียงหัวเราะสดใสของชายหนุ่มหน้าหวานทำให้เแก้มของเขาร้อนวูบขึ้นมาโดยไร้สาเหตุจนต้องเบือนสายตาหนีกลับมามองขวดเบียร์ในมือตามเดิม
ร่างบางเดินมาทรุดตัวนั่งอยู่ข้างเขาก่อนจะหันมายิ้มให้ ซึ่งมันก็ทำให้คนไม่ช่างพูดผงะถอยห่างออกมาอีกครั้ง
"นายนี่พูดไม่เก่งเลยนะ" คนหน้าหวานพูดเบาๆด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูคล้ายจะเสียดายที่มันเป็นแบบนั้น แต่ถึงจะบ่นว่าเสียดายขนาดไหน ริมฝีปากบางสวยก็ยังคงคลี่รอยยิ้มมาให้คนพูดไม่เก่งอย่างอ่อนหวานน่ารัก...ฮันคยองยอมรับว่ามันทำให้หัวใจของเขาเต้นได้ถี่ทีเดียว
"ปาร์คจองซู...ยินดีที่ได้รู้จักนะ" จองซูเอ่ยออกมาด้วยเสียงอันสดใสที่ฮันคยองลงความเห็นกับตัวเองแล้วเงียบๆว่ามันช่างเหมาะกับดวงตาแสนหวานที่ทอประกายระยิบระยับราวกับเอาดวงดาวมาประดับไว้เหลือเกิน ร่างบอบบางโค้งลงเล็กน้อยเป็นการทักทายตามประสาคนมารยาทดี
รอยยิ้มที่ส่งมาดูราวกับกำลังรอคอยให้อีกคนแนะนำตัวกลับอย่างที่ควรจะเป็น หากแต่คนที่มีมารยาททางสังคมไม่ค่อยดีนักอย่างฮันคยองกลับทำเพียงแค่ขยับตัวขยุกขยิกอย่างวางตัวไม่ถูกก็เท่านั้น...ไม่มีทีท่าว่าจะเอ่ยชื่อของตนเป็นการตอบกลับแต่อย่างใด
"อืม" ชายหนุ่มชาวจีนตอบรับออกไปสั้นๆเช่นเดิม แต่คราวนี้มันไม่ได้ทำให้คนฟังหัวเราะออกมาได้เหมือนอย่างเคย จองซูแสร้งตีหน้าบึ้ง...ซึ่งมันก็ทำให้ฮันคยองหวนไปนึกถึงนายหนุ่มจอมเอาแต่ใจของตนขึ้นมาเสียอย่างนั้น เพราะหน้าหวานๆนั่นดันน่ารักมากกว่าจะน่ากลัว และในกรณีของปาร์คจองซู....สีหน้าอย่างนั้นก็ทำให้ใจของเขาเต้นระรัวขึ้นมาโดยไร้เหตุผล ร่างบางลุกขึ้นเดิมขึ้นมายืนอยู่ตรงหน้าเขาอีกครั้งพร้อมกับยกมือขึ้นเท้าเอว
"คนอื่นเค้าแนะนำตัวแล้วก็ต้องแนะนำตัวกลับสิ" จองซูพูดด้วยเสียงเคืองๆ เรียวปากสีสดยู่เข้าหากันเล็กน้อยเหมือนจะงอน ซึ่งมันก็ทำให้ใบหน้าคมร้อนวูบขึ้นมาเสียอย่างนั้น...แน่ล่ะ...โดยไร้สาเหตุอีกเช่นเดิม ฮันคยองเบือนหน้าหนีไม่ยอมสบตา แต่กระนั้นก็ยังยอมเอ่ยตอบกลับตามคำเรียกร้อง
"หานเกิง"
แต่ดูเหมือนเพียงแค่นีจะไม่สามารถทำให้ชายหนุ่มตาหวานพอใจได้ จองซูยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้ ลมหายใจอุ่นที่รวยรินอยู่ที่ข้างแก้มทำให้คนที่กำลังหลีกเลี่ยงที่จะสบตาผงะถอยห่างออกมาอย่างตกใจพร้อมกับหันหน้ากลับมาสบตาแบบจังๆ ดวงตากลมโตที่ไม่เหมือนดวงตาของผู้ชายเอาเสียเลยซึ่งอยู่ห่างจากเขาไม่เท่าไรกำลังทำให้เขากลืนน้ำลายลงคอได้ไม่สะดวกเท่าไรนัก
สายลมที่โบกพัดเอื่อยเฉื่อยฟัดพาเอากลิ่นหอมหวานของดอกไม้ให้ลอยเข้ามากระทบจมูก และเขาก็ต้องหน้าแดงวูบขึ้นมาอีกรอบเมื่อรู้ตัวว่าเผลอสูดมันเข้าไปเสียเต็มปอด...เพราะเขาไม่แน่ใจเท่าไรนักว่ากลิ่นหอมหวานนี้เป็นกลิ่นที่ลอยมาจากที่อื่นหรือว่ามากจากร่างกายบอบบางของคนตรงหน้ากันแน่ แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะฉวยโอกาสเอามันเข้าปอดอีกครั้งอย่างหลงใหล
"เวลาเขาแนะนำตัวกัน เขาไม่พูดกันสั้นๆแบบนี้หรอกนะหานเกิง" จองซูแกล้งพูดเสียงดุอย่างไม่จริงจังนัก และเสียงหวานๆนั้นก็ปลุกเจ้าของชื่อให้หลุดออกมาจากความหอมหวานของกลิ่นดอกไม้เพื่อมาพบกับความจริงที่ว่าร่างบางได้ถอยห่างกลับออกไปยืนที่เดิมพร้อมกับจ้องมองเขาด้วยสายตาล้อเลียนแล้ว...ฮันคยองรีบหาเสียงของตนเองโดยเร็ว
"หานเกิง...ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ"
คนตาหวานคลี่รอยยิ้มสดใสกลับขึ้นมาบนริมฝีปากอีกครั้งพลางขยับตัวเล็กน้อยเพื่อไหล่มือทั้งสองข้างไปไว้ข้างหลัง
"หานเกิงหรอ...ออกเสียงยากจัง นายไม่มีชื่อเกาหลเลยหรอ...หาน-เกิง...อ๋าาา....ฉันออกเสียงไม่ได้อ่ะ"
ภาพของคนร่างบางกำลังทำหน้ายู่ขณะพยาามที่จะออกเสียงชื่อของเขาทำให้ชายหนุ่มเจ้าของชื่อคลี่รอยยิ้มออกมาได้เล็กน้อยอย่างเอ็นดูปนขบขัน
"เรียกผม...ฮันคยอง"
"นั่นค่อยเรียกง่ายหน่อย" จองซูยิ้มกว้างออกมาอย่างดีใจ....แลดูสดใสเหมือนเด็กชายตัวน้อยๆที่ได้ของเล่นถูกใจ
"เอาเถอะ...แล้วที่นี้ตอบฉันได้รึยังว่าฮันคยองขึ้นมาทำอะไรบนดาดฟ้าดึกๆดื่นๆแบบนี้"
"ก็...นั่งเล่น"
"นั่งเล่น?"
"อืม"
"ไม่เห็นเหมือนฮันคยองนั่งเล่นเลย" หนุ่มหน้าหวานว่าพลางเดินกลับมาทรุดตัวนั่งอยู่เคียงข้างเขาดังเดิม ไหล่บางที่แนบชิดอยู่กับต้นแขนของเขาทำให้ฮันคยองเลือกที่จะขยับตัวออกห่างมาเล็กน้อย ให้มีอากาศบางเบากั้นอยู่ระหว่างเขาและคนตัวบางผู้มีปิวกายแสนอบอุ่นคนนั้น...เพื่อหยุดหัวใจของตัวเองจากการเต้นระรัวโดยไร้เหตุผล...ให้ตายสิ!...เขากำลังรู้สึกเหมือนหัวใจจะวายเพราะผู้ชายแปลกหน้าคนนึง!!
"หน้าของนายไม่มีความสุขเลยนะ...นั่นไม่เรียกว่านั่งเล่นหรอก"
"แล้วคุณมาทำอะไรบนนี้" ฮันคยองเลี่ยงที่จะตอบคำถามนั้นด้วยการย้อนถามบ้าง จองซูไม่ตอบในทันที เขานั่งครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันมายิ้มให้...ก็ด้วยรอยยิ้มเดิมๆที่ทำให้อีกฝ่ายใจเต้นนั่นล่ะ
"นั่งเล่น" คนตาหวานย้อนคำตอบของเขาก่อนจะกระโดดลุกขึ้นหมุนตัวรับลมเย็นๆที่โบกพัดมาจนชายผ้าพันคอขยับไหว รอยยิ้มและท่าทางแสนสดใสเหมือนพระอาทิตย์ยามเช้าเรียกรอยยิ้มให้ปรากฏขึ้นมาบนมุมปากข้างหนึ่งของร่างสูงได้อีกครั้ง
"บรรยากาศที่นี่ไม่เหมือนควางจูเลย...แม้แต่อากาศก็กลิ่นไม่เหมือน"
"มาจากควางจูหรอ"
"ก็ไม่เชิงหรอก...ฉันต้องไปอยู่กับญาติที่นั่นมาซักพักแล้วล่ะ ที่นั่นน่ะเงียบมากเลยนะ พอตกดึกทุกอย่างงก็จะมืดสนิทไปหมด...ไม่เหมือนที่โซลเลย"
"อย่างนั้นหรอ" เขาพึมพำตอบกลับไปเบาๆอย่างไม่รู้ว่าจะพูดอะไรให้ดูดีกว่านี้...ก็เขาเคยไปควางจูที่ไหนกันล่ะ! คนที่มาจากควางจูคลี่ยิ้มให้เขา...เป็นรอยยิ้มขบขันระคนเอ็นดูพลางยกมือขึ้นกอดอก
"แล้วนายมาจากไหนล่ะฮันคยอง"
"จีน"
"ฮู้ยย~ย!...จีนหรอ?! ที่นั่นเป็นยังไงบ้าง ฉันยังไม่เคยไปจีนเลย เล่าให้ฟังหน่อยสิ" จองซูเบิกตาโตก่อนจะถลาเข้ามานั่งเบียดเขา....เฝ้ามองเขาด้วยดวงตากลมๆที่ไม่เหมือนของผู้ชายเอ่เสียเลยเขม็งอย่างคาดคั้นขอคำตอบจนเขาต้องขยับรอยยิ้มให้กว้างขึ้น
"มันก็...เหมือนที่นี่นั่นล่ะ"
"ไม่มีที่ไหนเลวร้ายเท่าโซลหรอก" คนตาหวานเบ้ปากพร้อมกับยกมือขึ้นกอดอกด้วยท่าทางที่ดูหงุดหงิดขึ้นมาเสียอย่างนั้น ฮันคยองมองอารมณ์ของคนข้างๆที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอย่างรวดเร็วยิ่วกว่าลมพายุแล้วก็หลุดรอยยิ้มออกมาอีก เขาขยับตัวเล็กน้อยเพื่อให้นั่งบนขอบกำแพงแคบๆได้มั่นคงมากขึ้นพลางยกขวดเบียร์ที่ยังมีเบียร์เหลือยอู่กว่าครึ่งขึ้นจรดริมฝีปาก
"ฉันอยากกลับควางจูจะแย่อยู่แล้ว" จองซูบ่นออกมาเบาๆ แต่มัยก็ไม่ได้รอดพ้นการได้ยินของคนที่นั่งอยู่ข้างๆอยู่ดี
"แล้วทำไมไม่กลับไป"
"ก็เพราะยังกลับไม่ได้น่ะสิ"
"ยังกลับไม่ได้?"
"อื้ม!...งานที่โซลเงินดีจะตาย หลานของฉันต้องใช้เงินเยอะ...เธอป่วยน่ะ" คนตัวเล็กพึมพำท่อนท้ายออกมาเบาๆพลางเอนร่างพิงเขาเอาไว้...ทำราวกับได้รู้จักกันมานานหลายปีจนเขาต้องขยับตัวขยุกขยิกเนื่องจากกลัวอีกฝ่ายจะได้ยินเสียงหัวใจที่กำลังเต้นระรัวของตน แต่ฮันคยองก็ไม่กล้าที่จะขยับหนีออกมามากนักเพราะใบหน้าหวานที่หมองลง...ไร้รอยยิ้มสดใสที่เขาไม่รุ้ตัวว่าชอบดูมันคลี่กว้างอยู่บนเรียวปากบางสีสดตั้งแต่เมื่อไร
จองซูถอนหายใจออกมาหนักๆพลางเอนศีรษะลงมาพิงไหล่ของเขาอาไว้ด้วยท่าทางที่หม่นหมองลงอย่างเห็นได้ชัด...ดูเหนื่อยอ่อนเป็นครั้งแรกในการสนทนา
"แล้วฮันคยองมาทำอะไรที่เกาหลีหรอ"
"ผม...มาทำงานน่ะ" ดวงตาสีน้ำตาลทอดมองออกไปไกลขณะเอ่ยตอบถ้อยคำที่ไม่มีแม้แต่การสะดุดโกหก...คงเป็นเพราะเขาโกหกแม้แต่กับตัวเองมาจนชินกระมัง เขาจำวันนั้นได้...วันที่เขากำงจะจมหายลงไปใต้กองหิมะ...ไม่มีแรงแม้แต่จะขยับปลายนิ้ว มีเพียงน้ำตาและเลือดที่ไหลรินจนกระทั้งปลายนิ้วอบอุ่นของใครบางคนที่มีรอยยิ้มแสนสวยยิ่งกว่าเจ้าหญิงเอื้อมลงมาจากบนฟ้าสัมผัสเข้าที่ข้างแก้มของเขา...เช็ดน้ำตาให้เขา....ลีทงเฮ
ฮันคยองส่ายหน้าไล่ภาพความทรงจำเก่าๆให้ออกไปจากหัวก่อนจะหันมาหาคนที่นั่งพิงไหล่เขาอยู่ แล้วเขาก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าคนที่นั่งคุยอยู่กับเขากว่านานสองนานนั้นได้เผลอหลับไปเสียแล้ว...แถมยังเป็นท่าที่ดูไม่สบายตัวเอาเสียเลยด้วย ชายหนุ่มชาวจีนคลี่ยิ้มออกมานิดพลางใช้ปลายนิ้วปัดปอบผมที่ระอยู่ที่ข้างแก้มนวลให้ออกไปทัดใบหูด้วยสัมผัสอันแผ่วเบาราวกับกลัวว่าเจ้าของเส้นผมนุ่มลื่นเหล่านั้นจะสะดุ้งตื่นขึ้นมา...และกลายเป็นนางฟ้าที่โบยบินหนีเขาไป แต่มันก็ไม่มีแม้แต่การขยับตัวเสียด้วยซ้ำ จองซูยังคงมีลมหายใจที่สม่ำเสมอ...หลับลึกเพราะความเหนื่อยอ่อนที่สะสมมาทั้งวัน
คนเฝ้ามองหัวเราะออกมาเบาๆพลางยกขวดเบียร์ขึ้นจรดขึ้นริมฝีปากเพื่อดื่มเบียร์ที่เหลือให้หมด...ถึงเวลาที่เขาต้องเข้านอนเสียที...คืนนี้นางฟ้าผู้สดใสอย่างปาร์คจองซูทำให้เขามีความสุขจริงๆนะ...มีความสุขมากๆเลยละ
"ชอนซา..." ฮันคยองพึมพำออกมาเบาๆแล้วก็ต้องเป็นฝ่ายหัวเราะถ้อยคำของตนเองเสียอย่างนั้น นัยน์ตาคมเหลือบมองเจ้าของใบหน้าหวานด้วยรอยยิ้มบนเรียวปาก ละก่อนที่เขาจะรู้ตัว...เทวทูตหนุ่มก็ก้มลงไปขโมยจุมพิตแสนหวานอันแผ่วเบาจากนางฟ้าผู้หลับใหลเสียแล้ว
.........................................................
เอาแล้วๆๆ...ไอ้คนแหวกแนวดันถุกซะนี่ ชายหนุ่มคนนั้นคือปาร์คจองซูคนสวยของเรานั่นเอง(ตบมือ!) ซึ่ง90%(อีกแล้ว) เดาผิดกันว่าเปนเจ๊ซินกันทั้งนั้นเลย- -* ไอ้คนเหวี่ยงแห่เดาหมดไม่นับนะยะ! ,ลืมอะไรไปรึเปล่า เจ๊ซินไม่เคยทำผมทองนะ...อย่างน้องเราก็ไม่เคยเห็นอ่ะนะ ใครเคยเหนกราบขออภัยงามๆหนึ่งที- - มีคนอยากให้เปนซีฮันด้วย...โกรธมากกกก- -* ประกาศให้ทุกคนบนโลกรู้ ไรเตอร์ไม่ปลื้มซีฮันค่ะ(ไม่ว่าใครก็จะกดป๋าของเราไม่ได้...ห้ามเด็ดขาด!) พวกที่เคยอ่านเรื่องที่แล้วอาจจะเคยรุ้ เพราะไรเตอร์ประกาศจุดยืนชัดเจนมากสำหรับเรื่องซีฮัน- -* อ่าๆๆ...เปิดเรื่องมาด้วนฮันทึกซะแล้ว มันก็ชักจะยังไงๆงอยุ่นา ส่วนใครที่ขอฮันฮยอกมาขอโทดนะจ้ะ บอกตรงๆเลยว่าเรื่องนี้ไม่ฮันฮยอก...ไม่โกรธนะที่รัก ส่วนคิเฮนี่...ลุ้นกันต่อไปก็แล้วกัน- -*(เลวได้อีกกุ) ส่วนเรื่องฮยอกมิน..อืม...ไม่เชิงเปนฮยอกมินนะเรื่องนี้ เค้าเปนพี่น้องกันนะเทออออ!
ตอนหน้า ก็ขอบอกเหมือนเดิมค่ะว่าไม่แน่นอนว่าจะมาเมื่อไร ชีวิตวุ่นวายมากจริงๆ แต่ตอนหน้าเราจะตามอีกสามคนที่เหลือไปทำงานกันค่ะ จะเจอบอมมั้ย...อืม...ไม่รุ้แฮะ- -* คอยอ่านเอาเองละกัน
ไปแระคร่า รักทุกคนนะจุ๊บๆ^^
ปล....รุ้มั้ย คำพูดสุดท้ายของป๋าแปลว่าอะไร^^ ส่วนหญ่ต้องรุ้แล้วแหงๆเลยโดยเฉพาะคนที่ชอบทึก ต้องรุ้แน่นอน ชอนซาแปลว่านางฟ้าค่ะ ฮันคยอง อีย ชอนซา...นางฟ้าของฮันคยอง...น่ารักดีเนอะ^^
ความคิดเห็น