ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC SJ:KIHAE] :: Just You พรหมลิขิตหัวใจบอกฉันให้รักเธอ

    ลำดับตอนที่ #2 : Kissing Under The Rain

    • อัปเดตล่าสุด 20 พ.ค. 51


     

    ทงเฮไม่อยากจะเชื่อว่ากะอีแค่คำถามที่ว่านั่นผู้หญิงหรือผู้ชายของไอ้ผู้ชายขี้เมาคนหนึ่ง(ที่ดูท่าจะเด็กกว่าเขาซะด้วย)จะทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดตะหงิดๆอยู่ในใจแบบนี้ และเมื่อรวมกับคำตอบของเพื่อนผู้หล่อร้ายกาจแต่กลับมีมารยาททางสังคมต่ำคนนั้นของเขา...อารมณ์ของลีทงเฮตอนนี้จึงอยู่ในขั้นบูดสนิทอย่างที่ไม่ปรากฏให้เห็นบ่อยนัก

     

    ชายหนุ่มร่างบางกอดกระชับกระเป๋าของตนไว้แนบอกพลางก้าวเดินต่อไปริมถนนด้วยใบหน้าที่แลดูค่อนข้างจะบึ้งตึงผิดวิสัย...แต่ก็นั่นล่ะ....มันก็ไม่ได้ลบความสวยหวานให้ออกไปจากใบหน้าของเขาได้เลยแม้แต่นิดเดียว

     

    "ผู้หญิงหรือผู้ชายเรอะ?!...มันก็เห็นๆอยู่ไม่ใช่รึไงวะ" เขาพึมพำกับตัวเองอย่างหงุดหงิด ไม่รู้ทำไม่ไอ้คำถามทำนองแบบนี้มันถึงทำให้เขาหงุดหงิดขึ้นมาทุกที...ขุดอาการโมโหร้ายของเขาที่พยายามจะเลิกให้กลับมาทุกที...เขาควรจะต้องยิ้มรับมันสิถึงจะถูก!


                เสียงท้องฟ้าที่ครวญอยู่ด้านบนทำให้ความคิดของเขาสะดุดลงก่อนคนตัวเล็กจะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าด้านบนด้วยสายตาไม่พอใจมากนัก

     

    "เออ!...ให้มันได้อย่างนี้สิวะ!"

    ทงเฮสบถออกมาและทันทีที่สิ้นเสียงของเขา ฟ้าก็จัดการลงโทษเขาที่พูดจาร้ายๆอย่างนั้นออกมาด้วยการส่งสายฝนเย็นเฉียบให้กระหน่ำตกลงมาอย่างไม่บันยะบันยัง...ซึ่งนั่นยิ่งทำให้ใบหน้าหวานบึ้งตึงกว่าเก่าและสบถออกมาด้วยถ้อยคำร้ายกว่าเก่า

     

    ทงเฮกอดกระเป๋าไว้แนบอกแน่นพร้อมกับก้มตัวลงเพื่อไม่ให้สายฝนได้สัมผัสมันก่อนจะเริ่มออกวิ่ง ถึงแม้สายฝนจะทำให้เสื้อยืดและกางเกงยีนส์ของเขาหนักอึ้ง แต่เขาก็ยังไม่คิดจะหยุดวิ่งในตอนนี้ เพราะนั่นคงทำให้อุณหภูมิในร่างกายของเขาลดต่ำลงไปมากกว่านี้

     

    ทงเฮหอบหายใจก่อนจะยอมชะลอฝีเท้าในที่สุดเมื่อร่างกายถึงขีดจำกัด....ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เขาไม่ควรทำเอาเสียเลย

     

     

     

                คิบอมจำไม่ได้ว่าฮันคยองคนติดตามผู้แสนดีของเขาบอกว่าจะไปจอดรถไว้ที่ไหน...หรือวันนี้เขาสมควรจะขับรถกลับเองก็ไม่รู้ เบียร์หนึ่งหยือกใหญ่ๆกับเครื่องดื่มสีสวยแต่ดันแรงเป็นบ้าที่ไอ้คยูฮยอนจับกรอกปากมาทำให้เขาเริ่มจำอะไรไม่ค่อยจะได้ และเพราะสาเหตุนี้มันจึงทำให้เขาต้องมาเดินตากน้ำฝนอยู่ริมถนนแบบนี้

     

                ...อ้า ใช่เลยล่ะ...

     

                ทันทีที่เขายัดเจ้าเพื่อนขี้เมา(ซึ่งเขาเดาว่ามันคงเอารถมาด้วยแน่ๆ)ของตัวเองเข้าไปในรถแท๊กซี่พร้อมกับกำชับคนขับนักหนาว่าให้ไปส่งที่ไหนเสร็จสรรพ ฝนเจ้ากรรมก็ดันตกลงมาแบบไม่เกรงอกเกรงใจและไร้ความเห็นใจเป็นที่สุด...ตอนนี้เขาก็เลยเปียกโชกแถมหนาวเข้ากระดูก

               

    ชายหนุ่มสบถออกมาเบาๆพลางเสยผมเปียกชุ่มของตนให้พ้นใบหน้า โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดันแบตฯหมดซะอีก...วันนี้ไม่ใช่วันดีของเขาจริงๆเลยพับผ่าสิ!

     

                "หยุดนะ...บอกให้ปล่อยไงวะ!"

                เสียงของใครบางคนตะโกนขึ้นมาจากซอยแคบๆที่เพิ่งเดินผ่านมาทำให้ร่างสูงหยุดชะงัก แสงไฟสลัวจากหลอดนีออนเก่าๆทำให้เขาเห็นได้ไม่ชัดนักว่าเกิดอะไรขึ้น...แต่เสียงร้องแบบนั้นคงจะไม่ใช่เรื่องดีนักหรอก

               

    คิบอมถอนหายใจก่อนจะตัวสินใจเดินย้อนกลับเข้าไปตรอกแคบๆนั่น

     

                "เฮ้ย!!"

                เสียงตะโกนของเขาทำให้ชายสองคนหยุดชะงักและหมุนตัวกลับมาหาเขา...ทำให้เขาเห็นไอ้หนุ่มร่างบางแถมยังหน้าคุ้นเป็นบ้าในสภาพกระเซอะกระเซิงยืนเบียดชิดอยู่กับพนังตึกราวกับกำลังจะทำตัวให้กลืนหายไปกับมัน

     

                "ใครวะ?!!"

                หนึ่งในชายสองคนนั้นตะคอกถาม ร่างของเขาผอมบางผิดกับคู่หูอีกคนที่ดูท่าจะเป็นผู้ทานอาหารแทน คิบอมถอนหายใจพลางลดมือทั้งสองข้างของตนใส่ลงไปในกระเป๋ากางเกง

     

                "นี่ฉันดังไม่พอหรือว่าพวกแกไม่สนใจข่าวสารบ้านเมืองกันแน่"

                เขาพูดออกมาเบาๆด้วยท่าทางเนิบนาบก่อนจะเดินเข้าไปใช้ปลายเท้าเสยปลายคางคู่หูของคนถามให้ล้มลงไปอย่างง่ายดาย แล้วจึงหันกลับไปกระชากคอเสื้อของคนที่ยืนอึ้งตาเบิกโพลงให้เข้ามาประชิดตัว

     

                "ว่าไง?...ความผิดฉันหรือความผิดพวกแกที่แกไม่รู้จักฉัน" คิบอมเอ่ยถามพลางเลิกคิ้วขึ้น นัยน์ตาสีดำคมเข้มอ่านยากจ้องหน้าคนถูกถามเขม็งเหมือนกำลังรอคอยคำตอบ...มันยิ่งทำให้คนถูกถามตื่นกลัวและดูตัวผอมบางลงไปอีก

     

                "ความผิด...ผะ...ผมครับ"

     

                "ก็เออน่ะสิ...ความผิดของแกอยู่แล้ว!"

                คิบอมผลักชายตรงหน้าออกก่อนจะเบี่ยงตัวเพื่อเปิดทางให้เขาวิ่งไปลากเพื่อตัวใหญ่ให้หนีไป....ซึ่งกว่าเขาจะจัดการลากเพื่อนผู้ซึ่งตัวใหญ่กว่าเขาเกือบเท่าตัวให้หายลับตาไปได้ก็เล่นเอาคนมองอดรู้สึกเหนื่อยแทนไม่ได้

               

                   ชายหนุ่มถอนหายใจอีกครั้งพร้อมกับเสยผมชุ่มน้ำให้พ้นจากดวงตาแล้วจึงหันมาหาไอ้หนุ่มตัวเล็กที่ยังไม่ส่งเสียงร้องซักแอะทั้งๆที่ไอ้โจรสองคนนั่นก็วิ่งหนีหายไปนานแล้วก็ตามที

                           

                    คิบอมเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะยันมือข้างหนึ่งเข้ากับพนังตึก...กักขังคนตัวเล็กที่ดูเหมือนจะยังคงตกใจให้อยู่ใต้ร่างของตนพร้อมด้วยรอยยิ้มที่กดลึกอยู่บนมุมปาก แสงไฟจากหลอดนีออนที่อยู่เหนือหัวของเขาพอดีทำให้เขาเห็นคนตรงหน้าชัดตาได้ในที่สุด...และมันก็ทำให้เขาจำหน้าไอ้บาร์เทนเดอร์ซึ่งเป็นข้อสงสัยของคยูฮยอนได้ทันที

     

                "ไง"

                เขาเอ่ยทักออกมาเบาๆพลางใช้ปลายนิ้วลากผมสีน้ำตาลเข้มที่ดูช่างตัดกับผิวขาวซีดของคนตัวเล็กตรงหน้าให้ไปทัดใบหูด้วยสัมผัสแผ่วเบา...การกระทำเพียงเล็กน้อยที่ทำให้ชายหนุ่มผู้ตื่นกลัวเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขาในทันที และมันก็ทำให้ลมหายใจของร่างสูงถึงกับชะงักค้างเช่นเดียวกับปลายนิ้วที่สัมผัสค้างอยู่ที่ใบหู...ฟากฟ้าแสนสวยยังคงทำให้คนที่ได้พบเจอตื่นตะลึงได้อย่างเช่นเคยไม่เปลี่ยนแปลง

     

                "ขอบคุณครับ"

                ริมฝีปากบางที่เริ่มออกเป็นสีชมพูซีดเพราะความหนาวขยับเอื้อนเอ่ยถ้อยคำออกมาช้าๆและแผ่วเบา ร่างสูงตอบรับคำขอโทษนั้นด้วยการเลื่อนปลายนิ้วของตนมาสัมผัสอยู่ที่ใต้ดวงตาของคนเอ่ยโดยไม่ได้เอ่ยคำใดๆ

               

    ถึงน้ำฝนที่ตกลงมาจะเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็ง แต่มันก็ไม่ได้ลบความอบอุ่นที่แผ่ออกมาจากปลายนิ้วนั้นได้เลย...มันทำให้ทงเฮใจสั่นขึ้นมาเสียอย่างนั้น

     

                "ตาของเธอ...?"

     

                "ของแม่ผมครับ...ท่านเป็นคนอังกฤษ"

                เสียงของทงเฮยังคงแผ่วเบาและถูกเอ่ยออกมาจากริมฝีปากอย่างเชื่องช้า แต่ดูเหมือนชายหนุ่มร่างสูงที่เขาจำได้ว่าคือผู้ชายหล่อร้ายกาจที่นั่งเกาะขอบเค้าน์เตอร์อยู่กับเพื่อนผู้เมาแอ๋คนนั้นจะไม่สนใจเท่าไรนัก...แสงไฟทำให้ทงเฮเห็นใบหน้าของเขาชัดตาขึ้น ซึ่งนั่นก็ไม่ได้บิดเบือนความจริงที่ว่าเขายังคงหล่อร้ายกาจไปได้เลยแม้แต่นิดเดียว!

     

                ชายหนุ่มมีผมสีเข้ม...สีดำสนิทเช่นเดียวกับดวงตาคมเข้มอันแสนอ่านยาก จมูกโด่งคมรับกับริมฝีปากหยักโค้งได้รู้สวย...ใบหน้าที่ราวกับถูกปั้นมาด้วยฝีมือของจินตกรทำให้เขาหล่อเหลาและดวงตาคมที่ดูเหมือนจะสามารถมองอ่านทะลุได้ทุกๆอย่างก็ทำให้เขาดูร้ายกาจ

     

                "หรอ?" ร่างสูงพึมพำออกมาเบาๆ ฟังดูเหมือนไม่ได้ใส่ใจในสิ่งที่เพิ่งได้ยินมาเท่าไรนักพลางเลื่อนปลายนิ้วมาตามผิวแก้มเนียนของคนตัวเล็ก...ให้มันร้อนฉ่าและแดงซ่านไปตามทางที่เขาลากผ่าน...ซึ่งนั่นกำลังทำให้ทงเฮหายใจไม่ออก!

     

                "ฉันจะไปบอกคยูฮยอนให้ว่าเธอเป็นผู้ชาย"

     

                "ครับ"

     

                "ส่วนค่าตอบแทนที่ฉันช่วยเธอไว้..."

     

                "อยากให้ผมตอบแทนอะไร...ได้ทุกอย่างเลยครับ" ทงเฮเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น...และนั่นทำให้เขาเห็นริมฝีปากของร่างสูงตรงหน้าคลี่ออกเป็นรอยยิ้มบางที่แลดูคล้ายจะขบขัน...แต่มันกลับทำให้ใบหน้าของเขายิ่งดูร้ายกาจ

     

                "ขอจูบทีได้มั้ย"

     

                "ว่าอะไรนะครับ?!"

     

                "จูบทีนึง"

                ริมฝีปากของทงเฮอ้าค้าง ตาเบิกโพลงอย่างไม่อยากจะเชื่อ....ดูน่ารักทีเดียวในสายตาของคนเฝ้ามองและทำให้เขาถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ คิบอมเลื่อนปลายนิ้วมาสัมผัสอยู่ที่มุมปากของคนตัวเล็กตรงหน้าที่ทำหน้าทำตาเหมือนเห็นเขากำลังจะแปลงร่างอย่างนั้นล่ะ!

     

                "แต่ผม...เอ่อ...เป็นผู้ชายนะครับ"

     

                "ก็แล้วไงล่ะ"

     

                "พูดจริงหรอครับ"

     

                "คิดว่าจริงรึเปล่าล่ะ"

     

                "ล้อเล่นใช่มั้ยครับ"

     

                "แต่ฉันพูดจริงนะ"

     

                "อ๋า?!!" ทงเฮอุทานออกมา....คำอุทานที่ทำให้เขาได้รับริมฝีปากของอีกฝ่ายเป็นการตอบแทน

               

                       คิบอมจูบคนตรงหน้าด้วยสัมผัสที่แผ่วเบา...ค่อยๆและเล็มริมฝีปากแสนหวานของคนตกใจไปทีล่ะน้อยราวกับมีเวลาทั้งคืนที่จะดูดดื่มอยู่กับความหอมหวานนี้ แต่ริมฝีปากที่เผยออ้าโดยไม่ได้ตั้งใจของอีกฝ่ายผู้ซึ่งแสนใสซื่อกลับทำให้เขาทำมากกว่าที่ตัวเองคิดจะทำ

     

                ลิ้นอุ่นร้อนถูกแทรกเข้าไปหยอกล้อกับอีกฝ่ายอย่างอ่อนหวาน สัมผัสอันแสนอ่อนโยนที่ได้รับทำให้ทงเฮถึงกับยืนอึ้งและปล่อยให้คนแปลกหน้า(ที่ดันเป็นผู้ชายเสียด้วย)กอบโกยผลประโยชน์จากโพลงปากของตนอยู่นานแสนนานโดยลืมที่จะผลักไส

     

                ชายหนุ่มร่างสูงผละริมฝีปากออกมาอย่างอ้อยอิ่ง...เพราะถ้านานกว่านี้เขาเกรงว่าอาจจะทำให้ตัวเองร้อนขึ้นมาได้...และตรอกแคบๆแบบนี้คงไม่เหมาะ

     

                "ซื่อเป็นบ้า" คิบอมพึมพำ หากแต่ริมฝีปากของเขายังคงมอบรอยยิ้มอันแสนร้ายกาจให้คนตรงหน้าที่ดูเหมือนจะยังคงงงงันว่าเกิดอะไรขึ้นกับตน

     

                "นี่...กลับบ้านซะเข้าใจมั้ย"

                เขาเรียกร้องความสนใจจากคนร่างเล็กโดยการลากปลายนิ้วไปตามริมฝีปากสวยที่ค่อนข้างจะช้ำของอีกฝ่าย...ซึ่งมันก็ใช้เวลานานกว่าปกติอยู่มากโขกว่าคนตัวเล็กจะพยักหน้าเข้าใจในสิ่งที่เขาพูด

     

                "ครับ"

     

                "จะให้ไปส่งมั้ย"

     

                "ไม่ต้องครับ...ขอบคุณมากครับ"

     

                "มีเงินนั่งแท๊กซี่มั้ย ฝนตกแบบนี้เดินไปคงไม่เข้าท่านักหรอกนะ"

     

                "ไม่เป็นไรครับ อีกนิดเดียวก็ถึงห้องผมแล้ว...ขอบคุณที่กรุณาครับ"

                คิบอมจ้องมองใบหน้าของคนที่เริ่มคลี่ยิ้มมาให้เขา....เป็นชายหนุ่มที่มีคำพูดและกริยาท่าทางสุภาพจนเขาไม่อยากจะเชื่อว่ายังมีเหลืออยู่บนโลก  เขายกมุมปากข้างหนึ่งขึ้นเป็นรอยยิ้มตอบกลับไปก่อนจะหมุนตัวเดินจากมา

     

    ...............................................

     

                ทงเฮกลับถึงห้องด้วยตัวที่เปียกโชกและหนาวจนนิ้วไม่มีความรู้สึก เขารีบโยนกระเป๋าของตนไปวางไว้บนโซฟาสีซีดๆก่อนจะรีบถอดเสื้อ วิ่งโร่เข้าไปในห้องน้ำเพื่อเปิดน้ำอุ่นจัดให้ตกลงมากระทบตัว ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเบาๆแต่ก็ยืดยาวพลางยกมือเสยผมเปียกชื้นของตนให้ออกไปพ้นดวงตา ผิวซีดขาวขึ้นรอยแดงเป็นจ้ำเพราะความหนาว

               

    ทงเฮครางออกมาอย่างเป็นสุขพลางเอามือลูบน้ำออกจากใบหน้า แต่ปลายนิ้วเรียวสวยก็ดันเผลอหยุดชะงักค้างอยู่ที่ริมฝีปากสีสดของตน...มันทำให้แก้มที่แดงระเรื่ออยู่แล้วเพราะสายน้ำอุ่นยิ่งทวีความแดงขึ้นมาจนเป็นสีจัดน่ามอง แต่แล้วความจริงที่วิ่งเข้ามาโขกหัวเขาเสียเปรี้ยงใหญ่ก็ทำให้เขาสะบัดมืออกมาจากริมฝีปากอย่างรวดเร็วด้วยใบหน้าบึ้งตึงอย่างไม่สบอารมณ์

     

                ไอ้บ้านั่นผู้ชาย...เขาก็ผู้ชาย...ไปยอมมันได้ไงวะ!...นี่มันลวนลามกันชัดๆเชียวนะลีทงเฮ!

     

                เขาเอื้อมมือไปปิดน้ำ จัดการแต่งตัว ระหว่างนั้นก็สบถพึมพำกับตัวเองไปด้วย ชายหนุ่มจัดการดึงเสื้อยืดลงมาจากหัวเป็นชิ้นสุดท้ายก่อนจะเปิดประตูห้องน้ำและก้าวออกไป อากาศที่อบอวลไปด้วยไอน้ำอุ่นๆในห้องน้ำทำให้อากาศด้านนอกหนาวกว่าที่มันควรจะเป็น มันทำให้ทงเฮถึงกับต้องห่อไหล่และถูมือเข้ากับแขนของตน

     

                "หนาวจังเว้ย"

                เขาพึมพำพลางเดินกลับไปหากระเป๋าของตัวเองที่ถูกโยนทิ้งไว้ที่โซฟา แต่บางอย่างที่มุมห้องซึ่งเขาเพิ่งเดินผ่านมาก็ทำให้เจ้าของห้องชะงักฝีเท้าก่อนจะหันกลับไปมองอย่างเชื่องช้า...เหมือนไม่ยินดีที่จะมองมันเท่าไรนัก

     

                ผ้าใบสีขาวผืนใหญ่ถูกกางปิดคลุมบางอย่างเอาไว้ แต่คงเป็นเพราะความรีบร้อนของเขาจนทำให้เผลอไปเตะหรือเกี่ยวมันเข้า เจ้าผ้าใบสีขาวจึงได้เลื่อนไหลลงมากองอยู่บนพื้นแบบนั้น...เผยให้เห็นขาตั้งวาดรูปซึ่งยังคงมีรูปที่ยังคงวาดไม่เสร็จวางอยู่ อีกทั้งรูปวาดบนกรอบผ้าใบที่วางพิงพนังไว้และถังสีอีกมากมาย

     

                สิ่งของด้านหลังผ้าใบทำให้ฟากฟ้าเบิกกว้างขึ้นมาพร้อมกับลมหายใจที่ชะงักไป...นิ่งอึ้งไปนานนับนาทีก่อนเขาจะเผลอกัดริมฝีปากของตัวเองและเบือนหน้าหนีออกมา...ไม่ใช่อีกแล้ว...ไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว!

     

                ทงเฮเดินไปกระชากผ้าใบให้คลุมของที่วางอยู่มุมห้องจนมิดแล้วจึงเดินกลับไปหากระเป๋าอย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรกในที่สุด

     

                ...ภาพวาดเหล่านั้นล้วนเป็นภาพของท้องทะเล...

     

    ..........................................

     



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×