ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC SJ:KIHAE] :: Just You พรหมลิขิตหัวใจบอกฉันให้รักเธอ

    ลำดับตอนที่ #1 : First Meeting In The Dark

    • อัปเดตล่าสุด 20 พ.ค. 51


     

    "นี่เงิน....เธอทำงานได้ดีมากเลยนะทงเฮ...ดีมากจริงๆ หวังว่าเราคงจะได้ร่วมงานกันอีกนะ"

    ปึกเงินจำนวนไม่น้อยถูกยัดใส่มือเล็กของคนถูกชมพร้อมกับการตบหลังหนักๆเสียสองทีก่อนผู้เป็นนายจ้างของงานจะหมุนตัวเดินจากไป ทิ้งให้ชายหนุ่มร่างบางผู้ซึ่งบัดนี้เป็นเจ้าของเงินเกือบแสนวอนรีบยืนโค้งให้แทบไม่ทัน เขายังคงยิ้มยามที่ทรุดตัวนั่งกลับลงมาที่เก้าอี้และมีดวงตาจ้องอยู่ที่มือในมือของตน...รอยยิ้มกว้างสดใสที่ทำให้นัยน์ตาสีเหมือนฟากฟ้าทอประกายพราวระยับสดใสขึ้นมา....กลายเป็นท้องฟ้ายามเช้าที่ไร้เมฆหมอกให้หม่นหมอง

     

    "ได้เงินทีนี่ตาลุกวาบๆเหมือนเมียฉันตอนถูกล๊อตเตอรี่เลยนะทงเฮ"

    เสียงเอ่ยทักที่ดังขึ้นและสายตาที่มองมาอย่างล้อเลียนของคุณซูมานผู้เป็นเจ้าของร้านราเมงที่เขานั่งอยู่ทำให้เด็กหนุ่มเจ้าของชื่อหัวเราะขึ้นมาเบาๆพลางยกมือขึ้นลูบผมสีน้ำตาลเข้มของตนอย่างเคยตัว....ท่าทางเขินอายอันเป็นลักษณ์เฉพาะของเจ้าตัว ใบหน้าหวานน่ารักของคนถูกล้อเงยขึ้นไปสบตากับคนที่เดินมาหยุดยืนอยู่อีกด้านหนึ่งของโต๊ะ

     

    "คุณซูมานอย่าล้อผมนักสิครับ ผมแค่ไม่เคยเห็นเงินปึกใหญ่ขนาดนี้มาก่อนแค่นั้นเอง"

    ทงเฮว่าพลางเก็บปึกเงินทั้งหมดใส่กระเป๋าสะพายของตน...เก็บมันให้อยู่ในช่องที่ลึกที่สุดอย่างมิดชิดและรอบคอบก่อนจะเงยหน้ากลับขึ้นมาคลี่ยิ้มสวยให้กับเจ้าของร้านเช่นเดิม แต่คราวนี้รอยยิ้มของคนยิ้มสวยกลับทำให้ซูมานถอนหายใจออกมาเบาๆพร้อมกับทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม...ท่าทางเหมือนคนแก่ที่เหนื่อยจากการเดินไม่เท่าไรทำให้ทงเฮหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ

     

    "นี่ฉันถามจริงๆเถอะนะ...เธอจะเอาเงินไปทำอะไรเยอะแยะนักฮะทงเฮ หาได้เยอะขนาดนี้เอาไปเรียนมหา'ลัยต่อไปดีกว่าหรอ...อีกสองปีก็จบแล้วนี่"

    ถ้อยคำของคนที่เปรียบเสมือนลุงของเขาทำให้ใบหน้าของทงเฮหม่นลงมาเล็กน้อย....ฟากฟ้าพลันถูกบดบังด้วยเมฆหมอกและน้ำแข็ง...เย็นชาและหม่นหมอง เขาเผลอกอดกระชับกระเป๋าของตัวเองแนบอกแน่นขึ้น...เหมือนอยากจะสัมผัสสิ่งที่อยู่ภายในให้มากขึ้น ก่อนไม่นานเขาจะลบแววหม่นหมองนั้นออกไปด้วยรอยยิ้มสวยบนเรียวปากเหมือนอย่างเคย

     

    "ผมต้องใช้เงินนี่ครับ มีงานต้องทำเยอะแยะ...ไม่มีเวลาให้เรื่องเรียนหรอกครับ" เด็กหนุ่มตอบยิ้มๆพลางยกมือขึ้นเสยผมที่ปรกหน้าผากของตนออก...ใช้เสี้ยวเวลาระหว่างนั้นยกมือปิดบังแววตาของตนเองที่ทอประกายเฉยชา

     

    "เรียนให้มันจบๆไปน่าจะดีกว่านา จะได้มีงานดีๆเงินเยอะๆทำไง พวกวิศวกรรมนี่หางานง่ายจะตายไป"

    คำแนะนำของคนตรงหน้าทำให้ทงเฮชะงักไป เช่นเดียวกับรอยยิ้มของเขา...แต่ก็เพียงไม่นานเท่านั้น

     

    "ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะครับ..."

    คำพูดของเขาชะงักไปเพราะสายตาดันเหลือบไปเห็นนาฬิกาที่แขวนอยู่บนพนังฝั่งตรงข้าม แล้วดวงตาสีฟากฟ้าก็ต้องเบิกกว้างเมื่อเห็นว่าเข็มสั้นเข้าใกล้เลขเจ็ดมากกว่าที่เขาคาดไว้...ฟ้าใกล้จะมืดแล้วหรอเนี่ย?!

     

    "ตายล่ะ....ผมต้องขอตัวกลับแล้วครับ ผมต้องไปทำงานแล้วล่ะ"

    ร่างบอบบางไม่แพ้ผู้หญิงรีบลุกขึ้น ไม่ลืมที่จะก้มหลังและกล่าวขอบคุณเจ้าของร้านที่ให้เขานั่งอยู่ในร้านตั้งนานสองนานโดยไม่ได้สั่งอะไรก่อนจะหมุนตัวสาวเท้าก้าวยาวๆเดินจากไป...ทิ้งให้คู่สนทนานั่งถอนหายใจอย่างไม่เข้าใจอยู่เพียงลำพัง

     

    ......................................

     

    ทงเฮยังคงกอดกระเป๋าของตัวเองไว้แนบอกแน่นราวกับกลัวใครก็ตามจะมาดึงมันไปจากเขา นัยน์ตาสีฟ้ากดต่ำจ้องมองปลายเท้าของตนที่กำลังก้าวอย่างเชื่องช้าไปตามถนน...ประวิงเวลาให้นานออกไปถึงแม้ท้องฟ้าจะมืดมาได้แล้วสักพักก็ตามที คนเดินสวนกลับไปกลับมาวุ่นวายและชนเขาเกือบจะล้มอยู่หลายครั้ง....แต่ร่างบางก็ไม่คิดจะสนใจ

    เขายังคงก้าวเดินต่อไปด้วยจังหวะการเดินเท่าเดิม ริมฝีปากบางสีสดสวยยิ่งกว่าผู้หญิงไร้รอยยิ้มเหมือนเคย...มันทำให้ใบหน้าหวานสวยแลดูเย็นชาขึ้นมาราวกับเป็นอีกคน

    เขากำลังเหนื่อย...ตื่นตั้งแต่สีสามและเข้านอนเวลาตีหนึ่งไม่ใช่เวลานอนที่คนทั่วไปที่ไหนใช้นอนกัน แต่เขากลับใช้เวลานอนแบบนี้มาเกือบสองอาทิตย์....ตอนนี้เขาอยากจะกลับห้องไปล้มตัวนอนลงบนเตียงเต็มแก่

     

    ...ไม่ได้!!...

     

    เสียงหนึ่งดังแย้งขึ้นมาในหัวทันทีเมื่อเท้าเริ่มพาร่างบางเปลี่ยนเส้นทางไปยังห้องพัก

     

    เขายังทำไม่เสร็จ....ถ้าเขาล้ม มันอาจจะไม่ทัน....จะยังล้มตอนนี้ไม่ได้!

     

    ทงเฮย้ำตัวเองอย่างนั้นอยู่ในใจเงียบๆก่อนจะเริ่มกำหนดเส้นทางของตนใหม่...หมุนตัวเดินย้อนกลับไปยังเส้นทางเดิมที่เขาเพิ่งเดินผ่านมา นัยน์ตากลมโตคู่สวยเหลือบขึ้นมองไปยังเบื้องหน้าพร้อมกับริมฝีปากที่เหยียดออก...กลับกลายเป็นหนุ่มน้อยผู้สดใสที่สามารถยิ้มให้ได้กับทุกสิ่งอีกครั้ง...ต้องรีบไปทำงานแล้ว...ไม่ทำงานก็ไม่มีเงิน...ถ้าเป็นอย่างนั้นทุกอย่างที่เขาทำมาก็จะพังทลายลงมา!

     

    ..........................................

     

    "อ้าทงเฮ!...นึกว่าจะไม่มาซะอีก กำลังจะโทรตามคนใหม่พอดีเลยนะเนี่ย"

     

    "ธุระนิดหน่อยน่ะครับ ต้องขอโทษด้วย"

    ทงเฮโค้งตัวเล็กน้อยเป็นการขอโทษก่อนจะเอื้อมมือไปผลักปิดล๊อกเกอร์ใส่ของของตนลง เด็กหนุ่มผู้ซึ่งบัดนี้อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ร์ตแขนยาวสีขาวและกางเกงหนังสีดำสนิทคลี่ยิ้มสวยให้ผู้จัดการสาวประจำบาร์ที่เขาทำงานอยู่ก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปด้านนอก...เดินเบียดฝูงชนที่กำลังโยกย้ายไปตามจังหวะของเสียงดนตรีไปยังที่ทำงานประจำของเขา...บริเวณซุ้มผสมเครื่องดื่ม

     และทันทีที่ชายหนุ่มหน้าสวยผู้เป็นบาร์เทนเดอร์ประจำร้านมุดตัวเข้าไปยืนอยู่ด้านในเค้าน์เตอร์เป็นผลสำเร็จ ขาประจำหลายคนที่ทงเฮจำหน้าได้ก็เอ่ยร้องทักพร้อมกับสั่งเครื่องดื่มแบบเดิมๆที่เขาแทบจะไม่ต้องคอยให้คนพวกนั้นเอ่ยปากสั่งเสียด้วยซ้ำ

     

    "วันนี้ทงเฮมาช้าจัง"

    เสียงตัดพ้อต่อว่าดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของสาวร่างใหญ่ในชุดสีเพลิงรัดรูป หล่อนเบียดตัวเข้ามาเกาะขอบเค้าน์เตอร์พลางทำหน้างอนใส่บาร์เทนเดอร์หนุ่มคนสวยที่ยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่ง ใบหน้ากระเง้ากระงอดของหล่อนทำให้ทงเฮหัวเราะออกมาเบาๆอย่างขบขัน....ความมืดปิดบังประกายสว่างไสวในดวงตาสีฟากฟ้าไม่ให้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตอของคนอื่นอย่างหน้าเสียดาย

     

    เขาเอื้อมมือไปหยิบขวดเครื่องดื่มที่วางอยู่ใกล้มือมาผสมให้สาวร่างใหญ่ตรงหน้าโดยที่เธอไม่ต้องเอ่ยผากสั่งแม้แต่นิดเดียว

     

    "วันนี้ผมมีธุระนี่ครับ...แค่มาช้านิดหน่อยเอง"

    ชายหนุ่มให้เหตุผลพลางเลื่อนแก้วเครื่องดื่มที่ผสมกันเรียบร้อยแล้วไปให้หญิงสาวตรงหน้า ซึ่งเธอก็คว้ามันไปถือไว้ในมืออย่างรวดเร็ว

     

    "ต๊าย!...รู้ใจจริงๆ...อ่ะนี่จ้ะๆ ค่ารู้ใจฉัน ทงเฮนี่น่ารักจริงๆเลย"

    หญิงสาวเอื้อมมือมายัดธนบัตรหลายใบใส่กระเป๋าเสื้อเชิ้ร์ตของคนรู้ใจก่อนจะเลยมาหยิกเบาๆที่แก้มนิ่มเสียหนึ่งที แล้วจึงหมุนตัวเดินหายกลับเข้าไปในฝูงชน...ปล่อยให้คนถูกแต๊ะอั๋งเอาดื้อๆยืนอมยิ้มอย่างขบขันอยู่ตรงนั้น ทงเฮสายหน้าเบาๆไล่อาการเหม่อลอยก่อนจะเดินไปหาใครอีกคนที่ร้องเรียกเขา....นี่ล่ะนะ เขาถึงตัดใจลาออกจากที่นี่ไม่ได้เสียที มันต้องมีใครสักคนในคืนๆนึงที่ทำให้เขายิ้มออกมาได้ทุกทีสินา

     

    "เมื่อกี้จะเอาอะไรนะครับ"

    ทงเฮย้อนถามชายหนุ่มตรงหน้าอีกครั้งเมื่อเสียงเพลงกลบเสียงสั่งเครื่องดื่มของเขาไปจนหมด ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ด้านนอกเค้าน์เตอร์หันใบหน้าอันบึ้งตึงมามองเขา และถึงแม้มันจะมืดสลัวขนาดไหน มันก็ไม่สามารถปิดบังความหล่อเหลาอันร้ายกาจของชายคนนี้ได้...ผู้หญิงต้องชอบเขามากแน่ๆ

     

    "เบียร์!" ชายหนุ่มตอบกลับมาห้วนๆอย่างหงุดหงิด...มันทำให้ทงเฮอดที่จะแอบย่นจมูกอย่างไม่ชอบใจไม่ได้

     

     

     

    ถ้าจะถามว่าขีดอารมณ์ของคิมคิบอมตอนนี้อยู่ที่ตรงไหน เขาก็จะบอกตามตรงแบบไม่มีอ้อมค้อมเลยว่ามันอยู่ที่ติดลบ999...ใช่เลยล่ะ...เขากำลังอารมณ์เสียแบบสุดๆของสุดๆ เขาหันไปสั่งบาร์เทนเดอร์ที่เดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเขาในที่สุดอย่างรวดเร็วก่อนจะหันกลับไปมองหาใครสักคนในกลุ่มคนเหมือนเดิม...ราวกับกลัวว่าถ้าละสายตาออกมานานกว่านี้เขาอาจจะคลาดกับไอ้เพื่อนตัวดีที่เขากำลังคอยอยู่ก็เป็นได้...ไอ้เพื่อนบ้าที่ทำให้เขาต้องยอมเลิกเล่นกับตุ๊กตาตัวล่าสุดเพื่อมาหามัน....ไอ้เพื่อนบ้าที่สายกว่าชั่วโมงเข้าไปแล้ว!

     

    "เมื่อกี้จะเอาอะไรนะครับ"

    เสียงของบาร์เทนเดอร์จากอีกฝั่งของเค้าน์เตอร์เอ่ยถามซ้ำขึ้นมาในทันทีที่เขาพูดจบ...เขายังพูดไม่ชัดพอรึไงนะ! คิบอมหันหลับไปหาคนถามด้วยใบหน้าบึ้งตึงที่เขาไม่คิดจะเปลี่ยนมันให้เป็นมิตรกว่านี้....และะเค้าโครงเลือนรางของคนที่เขาหันไปหาก็ทำให้เขาเผลอชะงักไปชั่วเสี้ยววินาที

    ...มันผู้หญิงหรือผู้ชายวะนั่นน่ะ?!!...

                    

     เหอะ!...แต่ก็ช่างเถอะ!

     

    "เบียร์!" เขาตอบกลับไปห้วนๆ...จ้องมองเจ้าของใบหน้าสวยนั่นย่นจมูกใส่เขาขณะกำลังก้มหน้าก้มตารินเบียร์ใส่แก้ว...เหอะ!...ไอ้เด็กบ้า!....ชายหนุ่มสบถพึมพำในใจก่อนจะหันกลับไปชะเง้อคอมองหาคนของเขาต่อไป...บ้อบอสิ้นดี!

     

    "คิบอม!...คิบอมโว้ย!!"

    เสียงเรียกชื่อที่ดังขึ้นทำให้เขาหันขวับไปหาต้นเสียงในทันที ถึงแม้มันจะเป็นเพียงแค่เสียงตะโกนแว่วๆท่ามกลางเสียงดนตรีดังกระหึ่มแบบนี้ก็ตามที ใบหน้าคมที่บึ้งตึงอยู่แล้วยิ่งบึ้งตึงหนักเข้าไปอีกเมื่อเห็นไอ้คนเรียกเดินเป๋ๆมาหาเขา

     

    "แกหายหัวไปไหนมา!" เขาตะคอกถามเพื่อนที่ดูท่าจะเมากรึ่มๆได้ที่แล้วแข่งกับเสียงเพลง

    คยูฮยอนโบกมือไหวๆเหมือนไม่อยากจะให้เพื่อนรักของเขาใส่ใจในเรื่องนั้นพลางเบียดตัวแทรกเข้ามานั่งเกาะขอบเค้าน์เตอร์

     

    "ก็ไป...ทักทายเพื่อนเก่านิดหน่อย" เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้ สายตาขยับมองตามบาร์เทนเดอร์ร่างเล็กที่กำลังเดินไปมาเขม็ง....ดูท่าจะไม่สนใจเพื่อข้างๆที่ตนนัดมาแม้แต่นิดเดียว

     

    "เพื่อนเก่าเรอะ?!...แล้วเพื่อนเก่าอย่างฉันนี่แกไม่คิดจะมาทักทายก่อนรึไงวะ"

    แต่ดูเหมือนคนที่เริ่มเมาแอ๋จะไม่เข้าใจน้ำเสียงประชดประชันของเพื่อนรักเท่าไรนัก คยูฮยอนตบไหล่กว้างของคนข้างๆสองทีเหมือนอยากจะปลอบใจ

     

    "เพื่อนอย่างแกมันซี้ย่ำปึ้ก....คอยนิดคอยหน่อยจะเป็นไรไป"

    ว่าแล้วก็ตบไหล่เข้าให้อีกสองที คนถูกตบไหล่จึงได้แต่เก็บคำสบถของตัวเองไว้ในใจอีกครั้งก่อนจะหันกลับมายกแก้วเบียร์ตรงหน้าขึ้นจรดริมฝีปาก....บ้าบอสิ้นดี!...ตอนนี้มันคงคุยกับเขาไม่รู้เรื่องแล้วแน่ๆ...เสียเวลาเป็นบ้าเลยให้ตายเหอะ! คิบอมเหลือมมองคนที่เริ่มเอนพิงเขาด้วยสายตาเหนื่อยๆปนกับความอ่อนอกอ่อนใจ

     

    "โจวคยูฮยอนที่ฉันรู้จักหายไปไหนวะ ฉันเบื่อไอ้ขี้เมาอย่างแกเป็นบ้าเลยรู้มั้ย" เขาเอ่ยกล่าวกับคนที่มีท่าทางสะลึมสะลือเบาๆ นัยน์ตาสีดำฉ่ำเยิ้มด้วยฤทธิ์แอลกอฮอร์ของคนเมาแอ๋ปรือขึ้นมาเล็กน้อย...และมันก็มอบความเศร้าสร้อยให้กับสิ่งที่เขากำลังจ้องมองอยู่

     

    "เอาเขากลับมาให้ฉันสิ"

    ชายหนุ่มตอบกลับมาเบาๆด้วยถ้อยคำที่ฟังดูเหมือนไม่ได้สำคัญอะไร หากก็ทำให้คนที่ได้รับฟังถึงกับถอนหายใจออกมา

     

    "คยูฮยอน..."

     

    "เฮ้ยคิบอม!...แกว่านั่นผู้หญิงหรือผู้ชายวะ"

    คยูฮยอนพูดโพลงขึ้นมาขัดเพื่อน...ลบแววเศร้าหมองออกไปจากน้ำเสียงเสียสิ้นและไม่ลืมที่จะชี้นิ้วไปยังคนที่เขาสงสัย...ซึ่งไอ้คนนั้นก็ดันเป็นไอ้บาร์เทนเดอร์หน้าสวยคู่กรณีเก่าของคิบอมที่ดันมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าคนที่กำลังสงสัยพอดีเสียด้วย

     

    ร่างบางดูท่าจะตกใจไม่น้อยที่จู่ๆก็มีคนมาชี้นิ้วใส่พร้อมด้วยคำถามที่ฟังดูพิกลๆ นัยน์ตากลมโตเหมือนผู้หญิงเป็นบ้าจ้องคนถาม ก่อนไอ้ตัวบางๆที่มีหน้าอกเหมือนผู้ชายเป็นบ้าจะหมุนมาหาเขา...เหมือนอยากจะรู้ว่าเขาจะตอบไอ้คำถามพิกลๆนั่นอย่างไร ความมืดทำให้เขาเห็นสีหน้าของคนที่กำลังเป็นข้อสงสัยได้ยากนัก แต่เขาก็พอรู้ล่ะว่าคนตัวเล็กดูท่าจะคาดหวังไว้กับเขาสูงทีเดียว...เหอะ!....มันไม่ได้มีอะไรเกี่ยวกับเขาเลยนะเนี่ย!

     

    "จะไปรู้เรอะ!...แกลองไปจับดูสิ"

    คำตอบของเขาทำให้คนตาโตเบิกตาของตัวเองให้ใหญ่โตมโหาฬารหนักเข้าไปอีกจนเขาล่ะสงสัยว่าเจ้าตัวไม่เจ็บตาบ้างรึไง

     

    "จับเรอะ?...ผู้หญิงรึเปล่า"

                     เมื่อกี้เขาพูดคำว่าผู้หญิงออกไปซักคำรึไงวะ!...คิบอมสบถออกมาเบาๆพลางโบกมือไล่เจ้าบาร์เทนเดอร์ตาโตให้ไปพ้นหูพ้นตาเสียก่อนที่ไอ้คยูฮยอนจะวิ่งไปไล่จับนู่นจับนี่เอาเข้าจริงๆ...ซึ่งถ้ามันเป็นไอ้หนุ่มบอร์เทนเดอร์ก็คงไม่มีอะไรนักหนานอกจากจะเจ็บตัวซักหมัดสองหมัด แต่ถ้ามันเกิดเป็นแม่สาวบาร์เทนเดอร์ขึ้นมาล่ะก็...เหอะ!...เขาไม่อยากจะคิดต่อจริงๆว่ามันจะน่าอายขนาดไหนที่โดนคนคุมบาร์โยนออกนอกร้าน

     

    คิบอมถอนหายใจ...เลิกสนใจนู่นนี่ไร้สาระ หันกลับมาสนใจเบียร์ตรงหน้าและปัญหาบ้าๆที่เขาเอาติดตัวมาด้วยจากบริษัท อันที่จริงแล้ว....ประธานบริษัทระดับเขา มันไม่มีอะไรให้ต้องวุ่นวายใจมากขนาดนั้น แต่ด้วยความที่ว่าเขารับปากพ่อของเขาไว้แล้วว่าจะดูแลมันให้ดีที่สุด กำไรที่ไม่กระเตื้องขึ้นของบริษัทเลยทำให้เขารู้สึกกังวลใจขึ้นมานิดหน่อย พ่อคงต้องด่าเปิดเปิงแน่ถ้ารู้เข้า...ในกรณีนี้หมายถึงท่านลุกออกมาจากหลุมน่ะนะ

     

    คิบอมยกมุมปากข้างหนึ่งของตัวเองขึ้นมาเป็นรอยยิ้มเล็กน้อยอย่างขบขันกับความคิดของตัวเอง...แน่ล่ะ...พวกหัวการค้าเห็นทุกอย่างเป็นตัวเลขอย่างท่านต้องโรธเขาแน่ๆ ชายหนุ่มหลุดหัวเราะออกมาเบาๆพลางยกแก้วเบียร์ขึ้นจรดริมฝีปาก

     

    เสียงหัวเราะโดยไร้สาเหตุของเพื่อนข้างกายเรียกสายตาของคยูฮยอนให้เหลือบไปมองได้เล็กน้อย

     

    "หัวเราะอะไรของแก...แอบคิดถึงตุ๊กตาใช่มั้ยล่ะ" เสียงอ้อแอ้เอ่ยถามพลางชี้นิ้วใส่หน้าเขาเหมือนจะจับผิด....หากแต่มันก็เอนไปเอียงมาจนเขาไม่คิดจะปรายตาไปสนใจด้วยซ้ำ

     

    "เปล่าว่ะ...กำลังคิดถึงพ่ออยู่"

     

    .............................................


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×