ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yaoi] Four Season LOVE

    ลำดับตอนที่ #5 : The summer love :: [4] การกระทำสำคัญกว่าคำพูด

    • อัปเดตล่าสุด 15 ส.ค. 54


    ยาคุจิ  ไคโตะ ;;


                     นี่ก็ 3 วันแล้วที่ยูกิไม่มาที่บ้านของวงเราที่เขามักจะมาวุ่นวายบ่อยๆ และทั้งที่ห้องผมด้วย เขาไม่ได้ไปที่นั่น แต่ตอนเช้าผมจะเห็นถุงกับข้าว 3 ห่อ สำหรับ 3 มื้อห้อยไว้อยู่ที่กลอนประตูทุกเช้า โชคดีที่ตอนนี้ผมค่อนข้างหายไข้แล้วเพราะยูกิมาดูแลผมตลอด และงานก็กำลังมีมาเรื่อยๆ อีกไม่กี่สัปดาห์เราก็จะเปิดคอนเสิร์ตอีกครั้ง ผมอยากให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี

                    หลังจากวันนั้น ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกมีอะไรอุ่นๆที่ปาก พอลืมตาขึ้นมาก็พบว่าหน้าสวยๆของยูกิกำลังจูบผม มันทำให้ผมตกใจ แต่ไม่ได้รังเกียจ ผมรู้ว่าผมชอบยูกิจริงๆ ถึงแม้เขาจะเป็นผู้ชาย ถึงแม้เจ้านั่นจะเป็นเด็กไม่ได้เรื่องและเอาแต่ใจ มีดีแค่ทำอาหารอร่อย แต่ทุกอย่างที่เป็นเขา ทำให้ผมชอบ และชอบมากจริงๆ ผมถามให้แน่ใจว่าเขาเป็นเกย์รึเปล่า แต่เขากลับตัวสั่น ตื่นกลัว และวิ่งหนีผมไป

                    เวลางานของผมมักไม่ตรงกับคนอื่นๆ ผมมักจะทำงานในช่วงสายๆจนถึงเย็นๆหรือค่ำๆ แต่พวกคนอื่นๆมักจะทำงานกันตอนเย็นๆจนอาจจะถึงตี1ตี2 ปกติผมกลับจากงานยังไงผมก็เจอไอ้ลูกหมานั่นอยู่เป็นเพื่อน วุ่นวายเอาแต่ใจ ทะเลาะกับผม หรือไม่ก็กินคุ้กกี้ที่ผมซื้อมาไว้ติดบ้านเพื่อให้เจ้านั่นมาเล่นด้วย

                    แต่นี่ 3 วันแล้วที่เจ้านั่นหายหน้าไป....

     

                    ตอนนี้เวลาประมาณ ทุ่มกว่าๆ ผมนั่งอยู่บนเก้าอี้หมุนในห้องสี่เหลี่ยมที่อพาทเม้นท์พลางมองลงไปที่สวนสาธารณะข้างๆนั่น ช่วงนี้ใกล้หมดฤดูใบไม้ร่วงแล้ว และลมหนาวก็กำลังเข้ามา ผมพยายามที่จะแต่งเพลงเพิ่มเพื่อเป็นเซอร์ไพรซ์ในคอนเสิร์ตที่จะถึงนี้ อาจจะเป็นเพลงที่ฉลองครบรอบ 1 ปีของวงหรืออะไรสักอย่าง  แต่สมองผมกลับตื้อไปหมด ผมเอาแต่คิดถึงแต่ยูกิตลอดเวลาจนคิดอะไรไม่ออก ตอนช่วงเช้าผมเหม่อตลอดตอนอัดรายการ ผมนอนไม่ค่อยหลับมากนักในบางคืน อาหารบางมือผมก็ลืมที่จะกินมัน ผมมันบ้าไปแล้ว ผมไม่เคยรักใครขนาดนี้มาก่อน ยูกิเป็นคนสำคัญสำหรับผมมากจริง และผมคิดว่า... ผมจะไม่ปล่อยเขาไปเด็ดขาด

                    ตรู๊ด~ ตรู๊ด~ กรึก... สวัสดีครับ...หลังจากผมกดเบอร์โทรศัพท์ที่ต้องการ สักครู่ปลายสายก็รับ

                    ลูกพี่ นี่ผมเอง ลูกพี่กำลังถ่ายรายการอยู่รึเปล่าผมพูด

                    กำลังพักอยู่น่ะ นายมีอะไรเหรอ?

                    ผมขอที่อยู่ตอนนี้ของยูกิหน่อย

                    “ … ” ลูกพี่เงียบไป ผมนึกว่าเขาจะตะคอกหรือด่าอะไรผมกลับมาซะอีก แต่เขาก็เหมือนกำลังทำความเข้าใจกับบางเรื่อง เดี๋ยวชั้นเมลล์ที่อยู่ไปให้...

                    หลังจากนั้น 5 นาที ข้อความก็เข้ามาและผมก็รีบขับรถไปตามในที่อยู่นั้น ที่นี่อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก แต่ก็อยู่คนละฟากกับอพาทเม้นต์ผมเลยทีเดียว ผมไปถึง ที่นี่เป็นบ้านของพี่เรียวก่อนเขาจะย้ายออกมา ผมแอบนึกอิจฉาเขาที่ก่อนหน้านี้เขาคงได้อยู่กับยูกิตลอด 24 ชั่วโมง ที่นี่เป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้นเล็กๆ แต่ดูอบอุ่น ผมกดออดหน้าบ้านก่อนจะมีผู้หญิงร่างท้วมวัยกลางคนในชุดเหมือนกำลังจะไปงานราตรีที่คุ้นหน้าคนหนึ่งมาเปิด  เธอคือคุณแม่ของลูกพี่

                    อ้าว ไคโตะคุง~ ไม่ได้เจอกันตั้งนานเลยนะจ๊ะ^^ ” เธอเปิดประตูรับผมด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม เธอยังคงดูใจดีเหมือนเดิม เป็นไงบ้างจ๊ะ สบายดีไหม^^ ทำไมได้มาถึงที่นี่เนี่ย 

                    ครับ คุณน้ายังสวยเหมือนเดิมเลยนะครับผมยิ้มให้และเดินเข้าไป ผมมาหายูกิน่ะครับ

                    อ้อ... นั่นสินะ ขอโทษนะที่ยูกิจังไปรบกวนบ่อยๆ คงวุ่ยวายแย่เลยสินะ^^ ”

                    ฮะๆๆๆ ก็ไม่หรอกครับ  พวกผมจะได้ไม่เหงา

                    ผมเดินเข้าไปในบ้าน เป็นบ้านเล็กๆสมัยใหม่ที่จัดเป็นระเบียบทำให้ดูโล่ง ผมสวัสดีคุณพ่อของลูกพี่ หรือคุณลุงของยูกิในชุดสูทที่กำลังทำท่าเหมือนเตรียมตัวจะออกไปข้างนอก ก่อนที่ผมจำทันได้ถามอะไร คุณน้าก็บอกว่ากำลังจะไปงานกัน 2 คน ฝากบ้านไว้สัก 2-3 ชั่วโมงเดี๋ยวพวกเขากลับมา ยูกิอยู่ข้างบนที่ห้องแรกตรงบันได คงกำลังอ่านหนังสือเล่น ให้ผมขึ้นไปหาได้เลย

                    สักพักคุณน้ากับคุณอาก็ออกไป ผมจึงขึ้นไปเคาะประตูห้องของยูกิ

                    ก๊อกๆ

                    เสียงเดินเบาๆจากในห้องเดินมาที่ประตูพร้อมเปิดออก มีอะไรเหรอครับคุณปะ....ร่างบางที่คุ้นเคยมองหน้าผม พอรู้ว่าคนที่มาเคาะประตูไม่ใช่คุณป้าของเขาแต่เป็นผมเขาก็ อึ้งและตกใจก่อนจะรีบปิดประตูพรึบอย่างรวดเร็วโดยไม่พูดอะไร

                    ให้ตายเถอะ! ทำไมต้องทำแบบนี้กับชั้นด้วยเนี่ย- -* เห็นชั้นเป็นตัวอะไรกัน=A= !!

                    ผมยังคงเคาะประตู ยูกิ! ไอ้ลูกหมา! เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ! ออกมาคุยกันให้รู้เรื่องนะเฟ้ย!! ” ผมตะโกนออกไปและพยายามเปิดประตู แต่เหมือนเขาจะล๊อคไว้

                    “ … ” เสียงข้างในเงียบและไม่ตอบกลับ เจ้าบ้านั่นตั้งใจจะทำเป็นไม่เห็นเรารึไง! งี่เง่าชะมัด เปิดประตูสิเฟ้ยยย! คนอุส่าห์แบกสังขารมาหาถึงที่บ้านเลยนะเฟ้ย!!!=[]=!

                    นายอยากจะทำเป็นคนแปกลหน้ากับชั้นนักรึไง! นายเกลียดชั้นขนาดนั้นเชียวรึไง!! ” ผมตะโกนเข้าไปแต่ข้างในก็ไม่ยอมตอบ นี่มันอะไรกันนักกันหนานะ!!! ผมเริ่มฉุน ถ้านายไม่เปิด! ชั้นจะกลับล่ะ! แล้วต่อไปนี้เราก็ไม่ต้องคุยกันอีก! ห้ามแม้แต่จะมองหน้ากัน!!! ”

                    ผมตัดพ้อและรอสักพักแต่ก็ไม่มีเสียงตอบจากข้างในและก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรจากข้างในเลย นั่นทำให้ผมเริ่มโกรธ เจ้านั่นไม่แคร์เราเลยรึไง? เรากลับแคร์เจ้านั่นแทบตาย!! แล้วถุงกับข้าวตอนเช้าที่อยู่หน้าประตูล่ะ เจ้านั่นก็แค่คิดอยากทำทานเท่านั้นสินะ ... 3 วันที่เจ้านั่นหายไป มาทำให้ผมชอบ มาเล่นสนุกกับชีวิตผม แล้วหายไปดื้อๆ นั่นยิ่งทำให้อารมณ์ผมประทุขึ้น

                    ปั้ง!!! ” ผมทุบที่ประตูอย่างแรง ยังไม่พออีกรึไง!! นายเห็นชั้นเป็นตัวอะไร! เป็นสุนัขที่นายไม่สนใจ อยากให้ทานตอนไหนก็ให้ใช่มั๊ย!  

                    ผมตะคอกไปอย่างรุนแรง แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับออกมา นี่ยิ่งทำให้ผมโกรธจัด อยากจะพูดอะไรก็พูดออกมาเลยสิวะ! ไอ้ลูกหมาขี้หลาด!! ”

                    ...ไม่มีเสียงตอบรับ มันทำให้ผมเจ็บและเหมือนว่าเป็นคนบ้าที่กำลังขอความรักจากคนที่เกลียดเราอย่างบ้าคลั่ง ผมหันหลังพิงผนังข้างๆห้องนั่นอย่างแรงก่อนจะทรุดลงนั่งและซบลงที่เข่าตัวเองเหมือนคนโง่ๆคนหนึ่ง

                    กับข้าวไม่อร่อยเลย... ตั้งแต่ไม่ได้กินกับนาย...

                    ผมนั่งอย่างหมดหวังอยู่ตรงนั้น ผมอยู่ตรงนี้มา 30 นาทีแล้วตั้งแต่ผมมายืนตะโกน และผมก็จะอยู่ต่อไป ผมไม่แคร์ว่าผมจะเป็นยังไง ผมจะอยู่ตรงนี้จนกว่ายูกิจะออกมา

                    แอ๊ด...เสียงประตูเปิดออก มันทำให้ผมตกใจอย่างมาก ร่างบางที่คุ้นเคยเดินออกมาด้วยใบหน้าที่เศร้านิดๆ และก้มมองต่ำไปที่พื้นเหมือนกำลังรู้สึกผิด ผมจะไปอาบน้ำ...

                    ผมไม่ยอมให้เขาไปทั้งๆที่เรายังไม่ได้พูดอะไรกันแน่ๆ ผมลุกขึ้นแล้วรีบฉุดเขาไว้ ยูกิ! เดี๋ยว!!! ”

                    ผมขอโทษ...เขาสะบัดแขนออกจากมือผมแล้วรีบวิ่งเข้าห้องน้ำหายไป

                    บ้าเอ๊ย! บ้าที่สุด!! แค่รอให้เขาอาบน้ำเสร็จ ก็จะได้คุยกัน... ผมแค่นั่งรอเขาตรงนี้ แค่แป๊บเดียวเขาก็จะออกมา ทำไมรู้สึกหนาวๆแบบแปลกๆ และรู้สึกมึนๆที่หน้าชะมัด เริ่มปวดหัวแล้วด้วย ตัวเหมือนเริ่มรุมๆแฮะ หรือไข้จะกำเริบอีกแล้ว? ว่าแต่... ง่วงจังเลยแฮะ...

     

                    ผมลืมตาตื่นขึ้นมาในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ คำถามแรกในสมองผมคือ ที่นี่ที่ไหน? ที่นี่ไม่ใช่บ้านผมนี่ แล้วผมก็นึกได้ว่าเมื่อครู่นี้ผมนั่งรอยูกิที่หน้าห้องน้ำเขาแล้วผล่อยหลับไปนี่นา... ผมรู้สึกเย็นๆที่บนหน้าผาก ผ้าเย็น?

                    ตื่นแล้วเหรอ?เสียงที่คุ้นหูพูดขึ้น ผมมองไป ยูกิกำลังยืนเท้าสะเอวมองหน้าผมอยู่ ผมอยู่ในห้องของยูกิ?? คุณไข้ขึ้นอีกแล้วนะ ดูแลสุขภาพตัวเองหน่อยสิเขาหยิบผ้าเย็นจากหน้าผากผมไปบิดและชุบน้ำ

                    ผมพูดอะไรไม่ออกเลยน่ะสิ ความจริงคือผมไม่มีแรงพูดมากกว่า ผมรู้สึกหนาว และมึนหน้าไปหมด แต่ผมก็อุ่นใจ ผมมองร่างบางที่ผมคิดถึง เขากำลังบ่นอะไรก็ไม่รู้ตามแบบของเขา แต่มันไม่ได้เข้าหูผมเลย ผมไม่ได้ฟังมัน ในสมองแค่คิดว่า เขาอยู่ตรงหน้านี้แล้ว !

                    ผมฉุดมือเล็กของเขา ยูกิตกใจก่อนร่างเล็กๆจะล้มลงบนเตียงผม ผมได้แต่กอดตัวของเขาไว้แน่น เขาดื้นพล่านๆก่อนจะรู้ว่ายังไงก็สู้แรงผมไม่ได้

                    ทำบ้าอะไรของคุณน่ะยูกิบ่นงุบงิบ

                    ชั้นจับนายได้แล้ว...ผมหลับตาพริ้มและกอดร่างเล็กๆไว้แน่น อย่าหนีชั้นไปอีกนะ... รู้มั๊ย บ้านที่ไม่มีนายมาคอยจุ้นน่ะ มันเงียบขนาดไหน... ไอ้ลูกหมา

                    ผมไม่ใช่=[]=!! ”

                    เขาไม่พูดต่อ เหมือนรู้ว่าถึงจะพูดต่อไปผมก็ไม่เคยฟัง ผมหลับไปโดยไม่รู้ตัวโดยมีร่างเล็กๆของร่างบางอยู่ข้างๆในอ้อมแขน เขาไม่ดิ้น วันนี้เขาเชื่อฟังผม เป็นวันแรกที่ผมหลับได้สนิทและมีความสุขที่สุด

     

                    เหมือนทุกอย่างจะดูลงเอยได้ด้วยดี แต่มันกลับตรงข้ามกัน...

     

                    เช้าวันรุ่งขึ้น ผมมีอัดรายการตั้งแต่ตี 5 จนถึงเที่ยงตรง ผมรีบกลับมาที่บ้านของวง นั่งรอยูกิที่ปกติจะมาตอนบ่าย2 ผมนั่งดูโทรทัศน์ รอแล้วรอเล่า บ่าย 3 ผ่านไป บ่าย 4 5โมงเย็น โทรุกับไดจังกลับมาจากงาน ไดจังแค่กลับมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อแล้วก็หายไปอีกครั้ง โทรุนั่งดูโทรทัศน์กับผมพร้อมบ่นหิวข้าว ผมบอกไปว่าสักพักยูกิคงมาทำให้กิน 6 โมงเย็นผ่านไป 1 ทุ่มแล้ว 2 ทุ่มแล้ว ลูกพี่กลับมาพร้อมกับข้าวเย็นที่ผู้จัดการซื้อมาให้ พี่เรียวเห็นผมสีหน้าแปลกๆจึงถามว่าผมเป็นอะไร ผมบอกเขาว่าไม่มีอะไรก่อนจะวิ่งพรวดพราดไปที่ห้องซ้อมดนตรีเพื่อซ้อมคอนเสิร์ตที่กำลังจะมาถึง พลางคิดว่า วันนี้ยูกิไม่มา แต่พรุ่งนี้อาจจะมาก็ได้...

                    แต่วันที่ 2 ก็เช่นกัน... ผมเลิกงานตอนเที่ยง กลับมารอเหมือนเดิม แต่แล้วก็ไม่มีเงาของร่างบางโผล่มาให้ผมเห็น ซึ่งวันที่ 3 และ 4 ก็เช่นกัน ... ผมมันโง่เองที่เอาแต่รออยู่แบบนี้ ทั้งๆที่คิดว่าเรื่องมันจะจบด้วยดีแล้ว... แต่ทำไมกัน? ทำไมกัน?... คอนเสิร์ตที่กำลังจะเริ่มในสัปดาห์หน้า ผมควรจะมีความสุขสิ?

                    ไคโตะ... นายเป็นอะไรเหรอ?โทรุทักผมขณะที่ผมกำลังยืนซ้อมเล่นเบสตัวโปรดอยู่ ตอนนี้ดึกแล้ว แต่บูกิก็ยังคงไม่มาให้ผมเห็นหน้าเหมือนเคย

                    ปะ... เปล่า...ผมวางไมค์ไครโฟนลง

                    เสียงดีดเบสของนายมันห่วยลงนะ... คิดว่าชั้นไม่รู้หรือไง^^ ” เขาบอก นั่นมันก็จริง เวลาผมเป็นอะไร เพื่อนๆในวงมักจะดูออกจากเสียงเบสที่ผมเล่นออกมาและสีหน้าที่ผมปิดไม่อยู่

                    ไปคุยกับยูกิมาแล้วใช่มั๊ย...พี่เรียวที่กำลังตีกลองก็หยุดเล่นและพูดขึ้น เขาบอกนายรึยัง?

                    บอก?? บอกอะไร?ผมพูดอย่างงงๆ

                    อื่ม... เจ้านั่นไม่ว่ายังไงก็คงไม่อยากบอกนาย... แต่นี่มันวันสุดท้ายแล้ว

                    ผมมองลูกพี่และงงไปหมดกับคำพูดของเขา

                    พรุ่งนี้เขาต้องเข้าโรงพยาบาลแล้ว จากอุบัติเหตุเมื่อหลายปีก่อนทำให้สมองเขามีเนื้องอกและต้องผ่าตัดเพื่อช่วยชีวิตเขาไว้ ถึงแม้การผ่าตัดอาจจะเสี่ยงต่อชีวิตเขามาก แต่เขาก็มีสิทธิ์รอด 30 % และถ้าเขารอดมาได้นั้น ส่วนของสมองที่ผ่าตัดเป็นส่วนที่จะส่งผลกระทบต่อสมองส่วนความทรงจำของเขา ถึงแม้ความทรงจำจะไม่ได้หายไปหมด แต่ความทรงจำทุกอย่างใน 1-2 ปีที่ผ่านมานี้ จะไม่เหลือเลยจริงๆ...  

                    ผมพูดไม่ออก สมองผมยังไม่คำนวณคำพูดทุกอย่างของเขา แต่ผมนึกได้เพียงแค่ว่าผมต้องไปหายูกิ ผมต้องไปหาเขา ทำไมเขาไม่บอกผมเลย ความทรงจำในช่วง 2 ปีเนี่ยนะ? เรารู้จักกันไม่ถึงสองเดือนด้วยซ้ำเขาจะลืมผมงั้นน่ะเหรอ? เราจะต้องกลายเป็นคนแปลกหน้ากันน่ะเหรอ? ผมไม่ยอม ผมไม่ยอมเด็ดขาด  ผมไม่มีทางลืมเขา เขาก็ต้องไม่มีทางลืมผมเช่นกัน!

                    ผมวิ่งมาโดยลืมไปว่าทำไมผมไม่ใช้รถ ผมแค่วิ่งมาเรื่อยๆโดยไม่รู้สึกเหนื่อย ไม่สนว่าใครจะมองผม บางคนก็มองออกว่าผมเป็นคนดังแต่พวกเขาก็แค่ยืนมองผมอย่างตกใจ ผมเปิดประตูรั้วของบ้านคุณน้าที่ไม่ได้ล๊อค เปิดเข้าไปในประตูบ้านที่คุณน้ากับคุณอาทำหน้าตกใจเมื่อเห็นผมวิ่งหน้าตื่นมา ผมบอกขออนุญาตครับแล้วรีบวิ่งขึ้นข้างบน พวกท่านก็เหมือนจะเข้าใจ ผมยืนอยู่หน้าห้องของยูกิ ผมจะไม่เคาะประตูแบบครั้งก่อนอีกแล้ว ผมแค่เปิดพรวดพราดเข้าไป เขากำลังนั่งเขียนบางอย่างอยู่บนโต๊ะหนังสือ ร่างบางหันมามองหน้าผมที่หอบแห่กมาที่บ้านเขาอย่างเป็นห่วง

                    หายไข้แล้วเหรอครับ? คุณวิ่งมาจากไหนน่ะ ผมบอกให้คุณดูแลสุขภาพตัวเองด้วยไง

                    นี่นาย!!!!!!!!! ”  ผมตะโกน เจ้าบ้าเอ๊ย! นี่นายตั้งใจจะไม่บอกกับชั้นจริงๆใช่มั๊ย!! พรุ่งนี้จะผ่าตัดอยู่แล้ว อย่าทำเป็นไม่มีอะไรเกินขึ้นหน่อยเลย!

                    ชู่ววว~ อย่าตะโกนสิ นี่มันดึกแล้วนะเขาพูด

                    ชั้นรู้เรื่องหมดแล้ว เรื่องที่นายจะผ่าตัด... ผมหอบ

                    “ … ” เขาอึ้งเล็กน้อยก่อนจะพูด อ้อ... พี่เรียวคงบอกแล้วสินะ แย่ชะมัดเลยพี่เนี่ย... ทั้งๆที่กำชับไว้แล้วว่าห้ามบอกคุณ ฮ่ะๆๆยูกิยิ้มและหัวเราะเบาๆ ผมมองก็รู้ว่าเขากำลังฝืน ยังไงก็ฝากดูแลพี่เขาด้วยล่ะ แล้วก็ฝากบอกไดสุเกะซังกับโทรุซังหลังจากที่ผมผ่าด้วยนะว่าผมคงไม่ได้ไปรบกวนอีกแล้ว

                    “ … ”

                    อะไรกัน ทำไมทำหน้าแบบนั้นยูกิมองหน้าผมที่กำลังโกรธและเดือดผุดๆ ทั้งหอบ ทั้งเหนื่อย และโกรธสุดๆ ไม่เข้ากับคุณเลยนะ

                    ...ตอนนี้ผมโกรธสุดๆ หัวผมตื้อมากๆ สุดท้าย... นายก็เอาแต่หนีความจริง ใช่ไหมล่ะ! ไม่เคยบอกทั้งชั้น ทั้งไดสุเกะ แล้วก็โทรุ! ทั้งๆที่พวกนั้นก็ให้ความสำคัญกับนายมากแท้ๆ ! แค่มาเที่ยวลัลล๊าในความทรงจำของคนอื่นๆ แล้วก็หายไปดื้อๆ นายมันก็แค่ตัดช่องน้อยแต่พอตัว! ไอ้ลูกหมา! ”

                    ยูกิที่เมื่อครู่ยิ้มอย่างฝืนๆเขาก็หุบยิ้มลงและหน้าแดงแจ๋ด้วยความโกรธสุดๆ คะ... คุณจะไปรู้อะไร!!!! ”

                    ก็เรื่องจริงไม่ใช่รึไง!!! ” ผมตะคอก

                    อะไร!! =[]=!! ”

                    ชั้นจะบอกอะไรให้นะ! คนถูกทิ้งไว้ข้างหลังน่ะ มันยากกว่าคนที่ลืมทุกเรื่องในชีวิตอีก!!! ”

                    ห๊ะ!!! ”

                    นายอาจจะไม่รู้สึกอะไร! ก็แค่ผ่าตัดแล้วลืมเรื่องของบางคนเท่านั้น!! แต่ทำไมนายไม่ลองมาเป็นบางคนที่ถูกนายลืมไปดูล่ะ!!!! ” ผมตะคอก

                    พี่ไคโตะ!!!!! ” ยูกิตะโกน เขาทำอะไรไม่ถูก เขาสั่นและโกรธที่ผมตะคอกใส่เขา คุณไม่น่าจะพูดทุกอย่างที่คุณอยากพูดออกมาแบบนี้นะ!!! ”

                    ไม่... ไม่... นี่ไม่ใช่ที่สิ่งชั้นอยากบอก... ชั้นแค่ต้องการพบนายก่อนที่นายจะลืมทุกอย่าง...

                    ห๋า????? ก็เพราะไม่มีใครเขารู้น่ะสิ! ชั้นถึงพูดให้เนี่ย! ถ้าพวกนั้นรู้กันก็ต้องพูดแบบชั้นกันหมด! ”

                    และบอกกับนายอย่างเดียว... ชั้นแค่อยากจะบอกว่า...

                    ถ้าคุณมาแค่เพื่อจะพูดแค่นี้!! ก็ออกไปได้แล้ว!! ” ยูกิดูโกรธจัด คุณนี่มัน!!! ”

                    ก่อนที่เขาจะพูดจบ ผมก็ผลักเขาลงกับพื้นพร้อมเสียงโอ๊ยดังๆของร่างบาง ผมคร่อมเขาและกระชากเสื้อเหมือนจะต่อยร่างบางตรงหน้า เขาไม่หวาดกลัวและยังคงโกรธ แต่แทนที่ผมจะต่อย ผมกลับจูบเขาแรงๆที่ริมฝีปากบางๆสีชมพู ร่างบางพยายามจะบอกให้ผมปล่อยและหยุด แต่เขาก็ทำให้แค่ผลักผมที่แรงเยอะกว่าเท่านั้น เขาดิ้นพล่านๆก่อนจะสงบลงและผมก็ถอนจูบเขา ผมคงคงคร่อมเขา และร่างบางก็จ้องหน้าผมอย่างอึ้งๆและหน้าแดงด้วยความอาย

                    นายรู้อะไรมั๊ย... คนคนหนึ่งไปผ่าตัดสมอง ลืมบางความทรงจำไป ก็แค่ลืม... มันก็แค่นั้นสำหรับเขา คนที่ต้องเจ็บปวดคือคนที่นายมาทิ้งความทรงจำที่ลืมไม่ได้ไว้ แล้ววันหนึ่งนายจะมาบอกเขาว่า นายจำทุกอย่างระหว่างเขากับนายไม่ได้เลย

                    “ … ” ร่างบางไม่พูดอะไร เขาเพียงแค่จ้องหน้าผมอย่างเดิม หอบเบาๆและปล่อยให้ผมพูดทุกอย่างที่อยากจะพูดต่อ

                    และบังเอิญ... ชั้นก็ไม่อยากจะรับมือกับเรื่องยากๆแบบนั้น... ชั้นก็ไม่ได้อยากจะแหวนายหรอกนะไอ้ลูกหมา! แต่ถ้านายจะต้องลืมทุกเรื่องของเราจริงๆ... ก็ลบทุกความทรงจำในสมองชั้นออกไปก่อนแล้วจะลืมอะไรก็ลืมไปเลย!! ”

                    ผมตะโกนออกไปและเงียบ ไม่ใช่เพราะไม่มีอะไรจะพูด แต่ผมร้องไห้ออกมาโดยไม่รู้ตัว กับแค่เด็กคนหนึ่ง ทำไมถึงได้ทำให้ผมกลายเป็นแบบนี้ได้นะ ผมน้ำตาไหลพราก หยดไปที่ใบหน้าสวยๆของร่างบางที่ตอนนี้กำลังร้องไห้น้ำตารินเช่นเดียวกับผม

                    ฮึก... ได้...ยูกิพูด เขาเหมือนจะโกรธแต่ก็ร้องไห้ คุณยังไม่พออีกรึไง... ตั้งแต่ตอนแรกแล้ว คุณเอาแต่ทำเหมือนผมเป็นตัวงี่เง่า เอาแต่ด่าผมว่าผมเป็นลูกหมา!! ”

                    นี่ยูกิ!! ” เขาเอาแต่พูดจนผมต้องห้ามเอาไว้ สิ่งที่ผมอยากจะพูด... สิ่งที่ผมต้องพูดออกไปก่อนที่จะหมดคืนนี้... ชั้น...! ”

                    คุณจะบอกว่า คุณเกลียดผม อย่างนั้นใช่มั๊ย!!! ”  เขาตะโกนมาแทรกก่อนที่ผมจะพูดจบ

                    อย่ามาแย่งชั้นพูดนะ!! ” ผมตะโกนออกไป นายมันเป็นแบบนี้อยู่เรื่อย! นายมันเอาแต่… ”

                    เฮ่!! ผมก็เกลียดคุณเหมือนกัน!! ” เขาพยายามดิ้นออกจากตัวผมและร้องไห้โวยวาย เขาเหมือนไม่อยากฟังทุกอย่างที่ผมตั้งใจจะพูด

                    หุบปากนะ!!! ” ผมตะโกนและพยายามจับเขาให้อยู่นิ่งๆ

                    ผมเกลียดคุณ! ผมเกลียดคุณมาก!! ผมเกลียดคุณที่สุด!! ” เขายังคงร้องไห้และดิ้น แต่ผมก็แค่จ้องมองเขา ทำไม... ถ้าเขาจะต้องเกลียดผมจริงๆ... ทำไมกัน... ผมเอามือใหญ่ๆจับที่หัวของเขา ที่เส้นผมสีดำขลับ ลูบไปถึงด้านหลัง และกอดเขาไว้

                    พะ... พี่ไคโตะ...ยูกิยังคงพยายามจะผลักผมออกไป

                    พอได้แล้ว... เราทั้งคู่นั่นแหล่ะ...เขานิ่งและเงียบไป หยุดพูดได้แล้ว...

                    เราทั้งคู่เงียบสักพัก ผมได้ยินแต่เสียงสะอึกสะอื้นของร่างบางใต้ร่างผม ก่อนที่ผมจะจูบเขาที่ริมฝีปากเบาๆ ซึ่งร่างบางไม่ได้ขัดขืน ผมเริ่มใช้ลิ้นจูบลึกเข้าไป มันชื้นและอุ่น นี่ไม่ใช่จูบแรกของผม แต่เป็นจูบที่ผมจะไม่มีวันลืมไปจากชีวิต

                    ผมลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างเล็กๆที่อยู่ใต้ร่างผม เปลื้องเสื้อผ้าของเขาออกก่อนจะพรมจูบไปทั่วร่าง ลูบไล้เบาๆที่ยอดสีชมพูตรงแผ่นอก ร่างบางครางออกมาเบาๆจากการกระทำของผม ผมปลดกางเกงของเขาลงและเริ่มเล่นกับสิ่งนั้นของร่างบางที่กำลังตั้งชูชัน ผมลูบเบาๆก่อนจะรูดขึ้นและลงช้าๆ ร่างบางปิดปากตัวเองและครางออกมาอย่างห้ามไม่ได้  มือที่ว่างของผมอีกข้างไม่รอช้า ค่อยๆใช้นิ้วสอดเข้าไปในช่องที่ปิดสนิท จาก1นิ้วก็เป็น2นิ้ว ค่อยๆถอนเข้าและออกช้าๆเพื่อให้ช่องนั้นเปิดออก

                    ผมไม่รอช้ารีบถอดเสื้อผ้าของตนเองและสิ่งนั้นของผมก็กำลังตั้งชูชันด้วยความใคร่ ผมยกขาทั้งสองข้างของร่างบางขึ้นก่อนจะค่อยๆสอดใส่สิ่งนั้นเข้าไปในช่องนั้นของร่างบาง เขาครางออกมาแล้วบอกว่าเจ็บ แต่บอกให้ผมทำต่อไป ผมค่อยๆใส่เข้าไปจนมิดจากนั้นก็จูบหน้าผากร่างบางก่อนจะมาจูบที่ริมฝีปาก

                    ผมค่อยๆขยับช่วงล่างช้าๆ ขึ้นและลง นี่เป็นครั้งแรกของผมและมันให้ความรู้สึกดีมากเลยทีเดียว ร่างบางครางออกมาไม่หยุด นั่นยิ่งทำให้ผมเกิดอารมณ์ยิ่งขึ้น ผมเร่งความเร็ว มืออีกข้างก็รูดสิ่งนั้นของร่างบางไม่หยุด ผมเร่งเร็วขึ้นเรื่อยๆจนกระทั้งผมถึงจุดสุดยอดไปพร้อมๆกับร่างเล็กๆใต้ร่างผม เราหายใจหอบ พรมจูบให้กัน กอดกันกลม ก่อนที่ผมจะหลับไป...

                    เมื่อเช้าวันรุ่งขึ้นมาถึง... ชีวิตประจำวันที่เราเคยรู้จักจะหายไป... นั่นเป็นเหตุผลที่ผมประทับเอาภาพนี้ของชีวิตที่เรารู้จักดีไว้... แล้วตรึงมันไว้กับความทรงจำตลอดไป... และเมื่อรุ่งเช้ามาถึง ผมก็จะหายใจเป็นปกติ... ผมจะไม่ร้องไห้...

                    ผมตื่นขึ้นมาบนที่นอนนุ่มๆในห้องของยูกิ รอบตัวผมว่างเปล่า... เขาไปแล้ว... ผมได้แต่นอนนิ่งๆเอามือก่ายหน้าผาก ผมบอกว่าผมจะไม่ร้องไห้... แค่ไอ้ลูกหมาตัวเดียว... ทำไมผมต้องร้องไห้... แต่ถึงอย่างงั้น น้ำตาผมมันก็ไหลไม่หยุด...

    ……………………………………………….

    ………………………………

    …………..

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×