คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : chapter 2
chapter2
“ที่รัก ทำใจดีๆไว้นะผมมาแล้ว” พ.ต.อ.สิริพลพูดแทบไม่เป็นภาษาคน
“บอกผมซิว่าใครเป็นคนทำคุณที่รัก”เขาพยายามถามพลางคุกเข่าลงข้างภรรยาสุดที่รัก น้ำตาผู้พิทักษ์สันติราษฎร์เริ่มไหลออกมา เขามองที่ข้อมือที่มีแผลยาวเกือบสองนิ้ว “บอกผมซิว่าใครเป็นคนทำคุณ”
“ กูเอง” เสียงของชายฉกรรจ์ดังขึ้นเบื้องหลัง
พ.ต.อ.สิริพลสะดุ้งอย่างตกใจและหมุนตัวกลับไปมอง แต่ยังไม่ทันจับรายละเอียดของชายที่อ้างความรับผิดชอบที่สุดจะทนบนที่นอนของเขา รองเท้าบูทหนักๆของมันก็เตะเข้าเต็มศีรษะ มันตามมาทันทีแสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพในการสังหารอย่างที่สุด มันกระชากคอเสื้อเขาขึ้นมาและจับไปกระแทกกับตู้เสื้อผ้า
เขาปล่อยให้ร่างลงไปกองอยู่กับพื้นด้วยความเจ็บปวดปืนตกอยู่ที่ข้างเตียงนอนของภรรยาเสียแล้ว เขาพยายามชันกายลุกขึ้นยืนอีกครั้งท่ามกลางการจับตามองของชายลึกลับ มันดูหนุ่มกว่าและแข็งแรงกว่าเขามาก ไม่นานนักเขาก็ลุกขึ้นยืนได้อย่างทุลักทุเล
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ตั้งตัวให้พร้อมจะสู้ ชายลึกลับก็ปล่อยหมัดสั้นเข้าที่หน้าท้องอันแข็งแรงของเขาสองหมัดซ้อนจนเขาตัวงออย่างทรมาน มันกระชากคอเสื้อให้เขาลำตัวเขาตั้งตรงก่อนจะปล่อยหมัดฮุคอีกหมัดเข้าข้างแก้ม ไม่ต้องสงสัยเลยว่าของเหลวสีแดงๆที่กระเซ็นออกมาคือเลือดของเขานั่นเอง
ชายลึกลับปล่อยร่างเขาให้ลงไปกองอยู่กับพื้นอีกครั้งพร้อมกับการจ้องหน้าอย่างเหยียดหยามในฝีมืออย่างที่สุด ครั้งนี้มันไม่รอให้เขาลุกขึ้นมาอีกครั้งมันเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะถ่มน้ำลายลงบนใบหน้าของเขา
โทสะของเขาบันดาลขึ้นเกือบจะทันที แต่การแสดงอารมณ์ของเขาตอนนี้เป็นการกระทำได้เพียงชั่ววินาทีเท่านั้น เพราะทันทีที่เขาตั้งใจจะลุกขึ้นรองเท้าบูทข้างเดิมที่อัดเขาในตอนแรกก็พุ่งใส่หน้าเขาอีกครั้งและส่งสติสัมปชัญญะของเขาให้ดับวูบลง
พ.ต.อ.สิริพลค่อยๆลืมตาขึ้นมาด้วยความหวังว่าจะได้เห็นคนในครอบครัวนั่งพร้อมหน้าบนโต๊ะอาหารและกำลังฉลองงานครบรอบงานแต่งงานอย่างมีความสุข และพบว่าทุกอย่างตั้งแต่เขากลับมาถึงบ้านนั้นเป็นความฝันที่เขาจะไม่ต้องมานั่งกังวล แต่ความเจ็บปวดตุบๆบริเวณศีรษะเป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าสิ่งที่เขากำลังต้องการไม่มีทางเกิดขึ้นได้
เขาพบว่าตนเองถูกจับมัดโดยมือทั้งสองข้างไพล่หลังอยู่บนเก้าอี้ไม้ที่ปกติควรจะอยู่ในห้องรับประทานอาหาร เชือกที่ใช้มัดเส้นโตเกินกว่าที่แรงมนุษย์จะทำให้มันขาดได้
เขาชำเลืองลงมาที่เครื่องแบบตำรวจที่เขาสวมซึ่งบัดนี้มันชุ่มไปด้วยเหงื่อกาฬที่พรั่งพรูออกมาราวกับไม่มีทางหยุดไหล คอเขาแห้งผากเมื่อพบว่าเครื่องแบบของเขาไม่ได้เปื้อนแค่เหงื่อเท่านั้นแต่ยังมีกลิ่นคาวของเลือดที่ไหลย้อยออกมาจากปาก
มองออกไปเบื้องหน้าเพื่อพบกับภาพที่ไม่อยากเห็น ภรรยาของเขายังคงนอนอยู่ที่เดิมในสภาพเดิมเธอมองมาทางเขานาฬิกาที่อยู่ที่ผนังฝั่งตรงข้ามกับเขาบอกเวลาสี่ทุ่มครึ่ง ลูกชายของเขาไม่มีทางกลับมาแน่ภายในชั่วโมงนี้
เขาคิดจะเรียกภรรยาแต่พลันเสียงของเขาก็ไม่อาจจะเปล่งออกมาได้เมื่อพบว่าภรรยาของเขาไม่มีวันตอบเขาได้อีกแล้ว มีดทำครัวเล่มหนึ่งปักอยู่กลางหน้าอกที่เปลือยเปล่าของของเธอจนเลือดสดๆไหลชุ่มที่นอน เขาถูกสอนอยู่เสมอว่าให้รับความจริงแต่เขารู้สึกว่าสิ่งที่กำลังเผชิญ มันเกินที่จะรับได้ เขากำลังสาบานกับตัวเองว่าเขาต้องหาทางจับคนที่ทำเช่นนี้มาให้ได้
แต่ความคิดเขาก็ต้องหยุดลงเพียงแค่นั้นเมื่อเสียงของรองเท้าบูทกระทบกับพื้นดังเข้ามาใกล้ ชายลึกลับยังไม่จากไปมันยังอยู่ในบ้าน และตอนนี้มันลากเก้าอี้สี่เหลี่ยมไม่มีพนักมานั่งตรงข้ามเขาคั่นระหว่างเขากับภรรยาที่เพิ่งจากไปได้ไม่นานของเขา
“มือปราบจากนครบาลมีปัญญาแค่นี้หรือไงครับ สารวัตร” ชายลึกลับพูดพร้อมกับรอยยิ้มที่แสดงความสะใจอย่างที่สุด
“ มึงเป็นใคร ใครจ้างมึงมา แล้วมึงมาทำอย่างนี้กับเมียกูทำไม ฮะไอ้...” คำถามของเขาที่กำลังจบด้วยคำหยาบคายถูกหยุดด้วยรองเท้าบูทที่กระแทกเข้าดับหน้าแข้งของเขา
“ผมใคร่ขอเตือนไว้ก่อนเลยว่าคำหยาบของท่านอาจจะทำให้ผมอยากจะทำอะไรกับภรรยาท่านมากกว่านี้ก็ได้นะครับ” มันขู่ด้วยคำพูดและสายตาเอาจริง
“มึงจะทำอะไรอีก”
“สาบานได้ว่าสารวัตรนึกไม่ออกหรอกว่ารสชาติของกรมีเซ็กส์กับคนที่เพิ่งตายนะมันเป็นยังไง ฮะฮะฮะ” มันระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกับคำพูดและแววตาของความชั่วร้าย
“ไอ้ชาติชั่ว!”
พลั่ก!
คำหยาบของเขาถูกตอบแทนด้วยหมัดขวาที่พุ่งเข้าเต็มหน้าของเขา จนเขารู้สึกว่าเลือดกำลังไหลออกทางจมูกอีกทาง
“ผมเตือนท่านแล้วสารวัตร”
“มึงเป็นใคร ทำไมมึงทำอย่างนี้สารวัตร”
“ ผมเป็นใครมันไม่สำคัญหรอกสารวัตร แต่ผมจะบอกสารวัตรให้เอาบุยก่อนเลยว่าที่ผมมาวันนี้ผมไม่ได้มาเตือน อีกไม่กี่นาทีผมจะส่งสารวัตรไปพร้อมๆกับเมียท่านแน่นอน” มันตอบ
“แล้วมึงรออะไรอีกละ กูไม่มีทางสู้มึงอยู่แล้วนี่”
“ ผมรอคำสั่งจากท่านผู้นั้นอยู่ แต่ไม่ต้องห่วงสารวัตรผมจะฆ่าสารวัตรด้วยกระสุนนัดเดียวเท่านั้น น่าเสียดายที่ผมไม่ได้อัดวีดีโอตอนที่ผมกำลังมีความสุขกับภรรยาท่าน ก่อนจะใช้มีดฆ่าเธอ ภาพและเสียงก่อนเธอตายคงทำให้ท่านมีความแค้นมากกว่านี้”
“ไอ้เลว!” เขากระชากร่างพุ่งเข้าหามันแต่ก็ล้มลงก่อนถึงตัว ชายลึกลับหัวเราะอย่างสะใจเป็นที่สุด “ มึงข่มขืนเมียกู ไอ้ห่า มึงตายแน่”
“โถ! สารวัตรจะทำอะไรผมครับ ไอ้แก่หัดดูสารรูปตัวเองวะบ้าง ตัวมึงจะ
เอาไม่รอดอยู่แล้วอย่ามาทำอวดดีนี่กูเวทนามึงแล้วนะที่ให้มึงดูหน้าเมียก่อนตาย” พูดจบมันก็เตะร่างที่ขมำอยู่ที่พื้นอีกโครมใหญ่แล้วก็กระชากเขาขึ้นมาตั้งตรงตามเดิมและตบเข้าที่หน้าของเขาอีกฉาดใหญ่
“กูจะบอกให้ก่อนที่มึงจะตาย” มันพูดต่อไปด้วยใบหน้าเหี้ยมเกรียม “กูเป็นตำรวจ มึงได้ยินหรือเปล่า กูเป็นพวกเดียวกับมึง และกำลังจะฆ่ามึงเพราะอะไรมึงรู้มั้ย เพราะไอ้งานที่มึงทำมันเสือกขัดกับผลประโยชน์ของนายกู ถ้าจะพูดให้ถูก งานที่มึงกำลังทำนั่นแหละ ไอ้โครงการปราบปรามทุจริตบ้าบอนั่นแหละ”
“ งานที่กูทำ กูทำเพื่อประเทศชาติไอ้หน้าตัวเมียอย่างมึงไม่มีทางเข้าใจหรอก เพราะมึงมันชาติชั่วพอๆกับนายมึงนั่นแหละ” เขาตะโกนกลับอย่างไม่สะทกสะท้าน และผลที่ได้รับมันก็เร็วเกินคาดกำปั้นดุ้นใหญ่พุ่งตรงมาเต็มปลายคง แรงปะทะทำเอาเขาเกือบจะหงายหลัง ใบหน้าของชายลึกลับที่อ้างตัวเป็นตำรวจเริ่มเลือนลางเพราะการกระทบกระเทือน เขารู้ว่าเขาคงตายในอีกไม่กี่นาที แต่มันไม่สำคัญเท่าชีวิตของสายเลือดเขาที่ยังคงอยู่
ดูเหมือนว่าการมีอยู่ของลูกชายเขาอาจไม่เป็นที่รู้จักของทั้งนักฆ่าคนนี้และผู้บงการ ซึ่งนั่นถือเป็นสิ่งที่เขาต้องการที่สุด
น้ำเย็นถังใหญ่ถูกนำมาราดทั่วร่างเขาจนชุ่ม ดวงตาของเขาสามรถกลับมามองเห็นอย่างชัดเจนได้อีกครั้งด้วยฤทธิ์ความเย็นของน้ำถังนั้น “แกต้องการอะไรอีก”เขาถามอย่างไร้เรี่ยวแรง
“ ฉันต้องการให้แกตายอย่างทรมานที่สุดนะสิ แกจะเห็นทุกอย่างก่อนตายจนวินาทีสุดท้าย”
“นับเป็นความกรุณาอย่างสูง” เขาสวนกลับ
“แกปากเก่งได้อีกไม่นานหรอก ยุคสมัยของตำรวจดีๆนะมันหมดไปตั้งแต่ก่อตั้งวงการตำรวจแล้ว” คำพูดของมันทำให้เขาแทบสะอึก”แกจะได้ตายไปพร้อมกับอุดมการณ์เพ้อฝันของแก”
เขายังไม่ทันจะต่อล้อต่อเถียงกับชายลึกลับที่สังหารภรรยาเขาเสียงโทรศัพท์เคลื่อนที่ของชายลึกลับเบื้องหน้าก็ส่งเสียงเรียกเข้าเป็นทำนองเพลงวัยรุ่น มันโค้งคำนับเป็นเชิงขออนุญาตแต่เขาไม่มีอารมณ์จะเล่นด้วย มันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและหันหน้าจอแสดงเบอร์ให้กับเขาดูปราดเดียวความรู้สึกคุ้นก็บังเกิดขึ้น มันเอาโทรศัพท์ไปแนบหูขณะที่อีกมือหนึ่งชักปืนออกมาจาด้านหลัง
“ครับท่าน”มันพูด
“เรียบร้อยครับท่าน ผมจัดการเมียมันตามที่ท่านสั่งเรียบร้อยครับท่าน แต่มันผมจับมัดไว้รอให้ท่านสั่งครับ”มันกล่าวรายงานนายของมันเป็นขั้นเป็นตอน “ ที่ท่านบอกให้ผมบอกว่าท่านเป็นใครก่อนจะฆ่ามัน ท่านยัง....”
“ครับท่านทันทีครับ”
ชายลึกลับกดปุ่มวางสายแล้วเก็บโทรศัพท์ไว้ในที่แรกที่หยิบมันออกมา และหันมาทาง พ.ต.อ. สิริพล ผู้ถูกพันธนาการไว้เบื้องหน้า “เอาละ หมดเวลาของมึงแล้ว ก่อนกูจะยิงมึงมีอะไรจะถามกูเป็นครั้งสุดท้ายรึเปล่า”
“ ผู้บงการของมึง ใช่.....”
มันทำท่าจุ๊ปากแสดงให้เขาหยุดพูด “ มึงรู้ว่าคนที่โทรมาเป็นใครตอนนี้มัน
ก็สายเกินไปแล้ว แต่คนที่มึงคิดนะถูกต้องแล้ว “ มันตอบอย่างใจเย็นและเล็งปืน
ตรงมาทางเขา”หมดเวลาของมึงแล้ว”
“เดี๋......”
ปัง!
คำพูดของเขาถูกหยุดด้วยกระสุนปืนเพียงนัดเดียวที่ตรงเข้าระหว่างคิ้วทั้งสองข้าง ร่างของเหยื่อกระตุกวูบคอตกลงมาห้อยอย่างไร้เรี่ยวแรง เลือดสีแดงสดกระเซ็นไปทั่วห้องและเริ่มที่หยดลงสู่พื้นทีละน้อยจนเจิ่งนอง ชายลึกลับผลักร่างของ นายตำรวจผู้ตงฉินให้หงายไปด้านหลัง งานของมันเสร็จแล้วเงินที่จะได้รับอาจไม่มีค่าเท่ากับความไว้วางใจที่มันจะได้รับจากผู้เป็นนาย มองร้างของเหยื่อทั้งสองเป็นครั้งสุดท้าย ความจริงมันยังไม่ได้กระทำการล่วงละเมิดใดๆต่อภรรยาของนายตำรวจวัยกลางคนแต่อย่างใด แต่บางครั้งการสร้างความสะใจเล็กก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ใจกลางของแหล่งบันเทิงศูนย์กลางของวัยรุ่นทั่วกรุงเทพ แม้รอบข้างจะเป็นที่เรียนพิเศษและแหล่งชอปปิ้งขนาดใหญ่ รวมถึงห้างสรรพสินค้าดังอย่าง มาบุญครอง สยามเซ็นเตอร์ สยามพารากอน และเลยออกไปเป็น เซ็นทรัลเวิร์ลพลาซ่า และเอราวัณ แต่ที่ที่วัยรุ่นขาโจ้ขนานนามกันว่า เซ็นเตอร์พอยต์นั้นกลับมีแหล่งมั่วสุมการพนันบอลขนาดใหญ่
วันนี้หากไม่สังเกตุดีก็จะไม่รูว่ากว่าครึ่งของวัยรุ่นชายที่เดินกันขวักไขว่อยู่รอบโซนเด็ดนั้นล้วนแต่เป็นกำลังตำรวจนอกเครื่องแบบจาก สน.ปทุมวันที่มาวางกำลังล้อมรอบไปทั่ว ชายร่างสูงประมาณร้อยเจ็ดสิบห้าในชุดสากลสีดำกำลังเดินไปตามทางเท้า เขาหยุดตรงกลางน้ำพุที่บ่อยครั้งเป็นที่นัดพบของหนุ่มสาวหลายคนและมองเข้าไปที่ตึกแถวเบื้องขวา สายวิทยุสีใสคล้องอยู่ที่หูด้านขวาและไมโครโฟนติดซ่อนอยู่ด้านหลังปกเสื้อ
“ นกทุกตัวเตรียมออกจากรัง”เขาพูดเป็นความหมายโดยในที่ตกลงไว้กับลูกน้องของเขา “ให้นกกางเขนทั้งสองตัวไปรวบหนอนยามที่ประตูรังด้านหน้า”
เขามองไปที่อาคารสูงสองชั้นทางซ้ายห่างออกไปประมาณสิบเมตรชายสองคนใส่เสื้อแจ๊กเก็ตสีดำยืนอยู่หน้าทางขึ้นสู่ชั้นที่สองโดยมีท่าทีระแวดระวังอยู่ตลอดเวลา ชายชุดไปรเวสสี่คนท่าทางเหมือนนักท่องเที่ยวเดินตรงมาจากอีกด้านและตรงไปที่ทางขึ้นนั้นชายสองคนหยุดทั้งสี่ไว้ด้วยการเผยเสื้อแจ๊กเก็ตแสดงอาวุธแต่ทั้งสี่กลับกระชากร่างชายทั้งสองออกมาและแยกไปสองข้างการขัดขืนเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วินาทีท่ามกลางความตระหนกของวัยรุ่นก่อนที่กุญแจมือจะถูกสับเข้าที่ข้อมือ
“กางเขนจิกหนอนที่ประตูแล้ว”
“อินทรีทุกตัว เข้ารัง”
พอพูดจบเขาก็วิ่งออกจากที่เดิมตรงไปที่ทางขึ้นมือขวาล้วงเข้าไปในเสื้อนอกและหยิบปืนพกบาเร็ตต้าสีดำออกมาก่อนจะขึ้นลำ ขณะเดียวกันชายอีกสี่คนก็กำลังมาจากต่างๆทิศกันโดยแต่ละคนต่างมีอาวุธ ชายอีกหลายคนแสดงตนว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและกันประชาชนออกจากพื้นที่ เขาวิ่งขึ้นบันไดไปเป็นคนแรก บันไดตรงขึ้นไปสู่ชั้นที่สองและสุดทางด้านขวาเป็นประตูโลหะสีเทา เขาแนบหูเข้ากับประตูและได้ยินเสียงการพากย์ฟุตบอลคู่เด็ดอย่างสนุนสนานตามด้วยเสียงคนคุบกัน
ไม่นานนักลูกน้องเขาทั้งสี่ก็มาหยุดอยู่ใกล้ๆ ทั้งสี่พยักหน้าให้กันแสดงความพร้อมอย่างรู้ใจกันก่อนที่ชายผมปรกบ่าจะเปิดประตู โดยที่เขาพุ่งตัวเข้าไปโดยมีปืนที่พร้อมยิงเล็งนำเข้าไปก่อนท่มกลางความตะลึงงันของผีพนันภายใน
“นี่ตำรวจทุกคนหมอบลงกับพื้น!” เขาตะโกนก้องห้องที่คับแคบ
ผลของการตะโกนที่ได้รับกับมาไม่ใช่การกระทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัดตามที่เขาหวังไว้ ผีพนันทั้งสิบคนต่างพร้อมใจกระชากปืนออกมา สัญชาติญาณของเขาไวกว่านั้น เหี่ยวไกปืนส่งร่างของผีพนันคนที่ใกล้ที่สุดลงไปกองกับพื้นและปราดพุ่งตัวไปด้านข้าง ลูกน้องเขาก็ไม่ได้ไวน้อยไปกว่ากันทั้งสี่ต่างเข้ามาอยู่ภายในห้องแห่งอบายมุข เขาเดาว่าอย่างน้อยๆทั้งสี่น่าจะทำให้ผีพนันทรุดไปได้สี่คน
“ ยอมแล้ว!” เสียงของผีพนันรายหนึ่งตะโกนขึ้นมา “ ผมยอมแล้ว อย่ายิงนะ”
“ กูจะบอกอีกครั้งใครไม่อยากตายให้หมอบลงกับพื้น อย่าตุกติกนะโว๊ย กูไม่พูดเล่น” เขาซึ่งเป็นหัวหน้าผู้แสดงการจับกุมตะโกน
และพยักหน้าให้กับลูกน้องทั้งสี่
ตำรวจนอกเครื่องแบบทั้งห้าค่อยๆเปลี่ยนเป็นท่านั่งยองๆและยกตัวให้สูงขึ้นจนพ้นขอบโต๊ะดดยที่ปืนยังคงเล็งออกไปเบื้องหน้า งานตำรวจสอนเขามาหลายครั้งว่าอย่าไว้ใจโจรในทุกขณะแม้ว่ามันจะถูกขังในคุก เมื่อเห็นว่าไม่มีใครที่ยืนอยู่ด้วยสองเท้าแล้วทั้งห้าก็ลุกขึ้นยืนอย่างเต็มตัว เป็นไปตามความคาดหมายนักพนันทั้งหมดหมอบราบอยู่กับพื้นอย่างสงบ
“ รังนก เคลียร์ ขอกำลังเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม และรถพยายาม มีผู้ต้องหาได้รับบาดเจ็บ” เขาสั่งการผ่านเครื่องมือสื่อสารไฮเทค และพลางเดินยึดอาวุธขึ้นมารวมกัน
“เยี่ยมไปเลยครับหมวดวันนี้ หาแหล่งกบดานมาสองอาทิตย์ไม่นึกว่าจะมาอยู่ในที่แบบนี้” ลูกน้องคนที่ตัดผมทรงสกินเฮดกล่าวกับเขาอย่างชื่นชม “ไอ้พวกห่านี้ก็เหมือนกัน เล่นอยู่นั้นแหละพนันได้ห่าอะไรขึ้นมาไหมละ”
“จ่า ใจเย็นน่า เราจับมันได้ก็ดีแล้ว ช่วงนี้รัฐบาลกำลังเอาจริงเอาจังเรื่องการปราบอบายมุข ยังไงคดีนี้โทษไม่ใช่แค่ปรับแน่” ผู้เป็นนายพูดพลางหันไปมองบรรดานักพนันที่ขณะนี้ชุดจับกุมทยอยมาควบคุมตัวและพาลงไปสู่รัตติกาลเบื้องล่าง “หมดหน้าที่เราแล้ว พวกเราลงไปด้านล่างกันดีกว่า ผมชักอยากทานไอศกรีมเจ้าโปรดแถวๆนี้ซะแล้ว
พูดจบเขาก็เดินนำลงไปก่อนตามด้วยลูกน้องทั้งสี่คนที่เดินลงมาตาม เขาสวนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบอีกสองคนที่กำลังเดินขึ้นมายังรังของนักพนัน เขาเดินลงมาเบื้องล่างและนึกสงสัยว่าทำไมผู้สื่อข่าวถึงได้รู้ข่าวสารเร็วนัก แสงแฟลชเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เขารู้ดีว่าหากจะทำคดีใหญ่ๆขนาดที่จับลูกชายของรัฐมนตรีได้นั้นก็คงหลีกไม่พ้นการต้องตกเป็นข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์
เขาเดินอย่างสง่าผาเผยตรงมา สารวัตรส่วนปราบปรามประจำสน.ปทุมวันเดินรี่มาหาเขา ท่านตบบ่าเขาให้กำลังใจรวมถึงลูกน้องเขาทุกคนอีกด้วย
“ดีมาก รณยุทธ คุณนี่เป็นมือหนึ่งเลยก็ว่าได้นะ “ ท่านสารวัตรส่วนปราบปรามชมเขาก่อน และหันไปทางลูกน้องของเขาที่ยืนอยู่เบื้องหลัง “ พวกคุณก็เหมือนกัน จับลูกรัฐมนตรีเชียวนะงานนี้ ดาบวิชัยยินดีด้วยนะ ตุลานี้เตรียมเป็นผู้หมวดใหม่ได้เลย”
“ขอบคุณครับท่านสารวัตร” ดาบตำรวจวิชัยกล่าวขอบคุณเกือบจะทันทีแต่กระงับความดีใจเอาไว้
“รณยุทธเห็นผู้กำกับสถานีบอกว่านักข่าวอยากจะสัมภาษณ์คุณอีกสักหน่อยนะ คุณช่วยหย่อยสิ ท่านอ้างว่างานที่คุณทำครั้งนี้ถือเป็นหน้าตาของโรงพักทีเดียว” ท่านสารวัตรส่วนปราบปรามแจ้งข่าวที่เขาไม่อยากฟังที่สุด “ผมรู้ว่าคุณไม่อยากให้ข่าว แต่เอาน่าไหนๆก็ไหนๆแล้ว จำไว้อย่างนะว่า ตำรวจที่กล้าจะล้มยักษ์เนี่ยนะมันก็ต้องเตรียมรับกับความดังเอาไว้”
“ครับท่าน ผมจะให้ข่าวให้ครับ แต่ขอแบบเบาๆนะครับท่าน” ร.ต.ท.รณยุทธกล่าวและเดินตรงไปทางนักข่าวที่บัดนี้กำลังเริ่มหันเหความสนใจจากผู้กำกับมาทางเขาแล้ว
ไม่ทันที่ รณยุทธจะหยุดเดิน กองทัพผู้สื่อข่าวก็ประดังเข้ามาพร้อมอาวุธนานาชนิด ไม่ว่าจะเป็น ไมโครโฟน เครื่องบันทึกเสียง กล้องถ่ายรูป ตลอดจนกล้องโทรทัศน์ ทุกสิ่งทำให้เขาต้องหยุดเคลื่อนไหว
“ไม่ทราบว่า ท่านชื่ออะไรคะ กรุราช่วยแนะนำตัวคร่าวกับประชาชนด้วยค่ะ” เสียงของผู้สื่อข่าวหญิงของช่องสามดังขึ้นก่อนใคร และดุเหมือนจะเป็นคำถามที่ทุกสื่อต้องการจะทราบเหมือนๆกัน “ท่านค่ะ...”
“เอ่อ...ครับ ผมชื่อ ร.ต.ท. รณยุทธ กีรติโยธิน ครับตำแหน่งรองผู้กำกับส่วนปราบปรามสถานีตำรวจนครบาลปทุมวันครับ” เขากล่าวแนะนำตัวคร่าวๆตามที่ผู้สื่อข่าวต้องการ “สำหรับการเข้าจับกุมในครั้งนี้ท่านสารวัตรส่วนปราบปรามให้ผมเป็นหัวหน้าชุดปราบปรามครับ”
“แล้วไม่ทราบท่านใช้เวลาเตรียมการในการจับกุมนานหรือเปล่าครับ “คราวนี้เป็นผู้สื่อข่าวจากหนังสือพิมพ์สำนักพิมพ์หนึ่งที่เขาสังเกตไม่ทัน
“ต้องขออภัยครับ เป็นความลับทางราชการ ผมไม่สามารถเปิดเผยได้ครับ”
“ท่านรณยุทธ ค่ะ แล้วท่านทราบมาก่อนหรือเปล่าว่าหนึ่งในนักพนันมีลูกของท่านรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม ท่าน ชิงชัย โกษยนนท์ รวมอยู่ด้วย” นักข่าวคนแรกยิงมาอีกคำถาม เขาหันไปสบตากับเธอทันที
“แน่นอนครับ ผมทราบดี”
“แล้วท่านไม่เกรงกลัวอิทธิพลของท่านชิงชัยหรือค่ะ” เสียงใสๆของเหยี่ยวข่าวช่อง7สีถามทันทีโดยไม่ให้เขาหยุดพัก “แหล่งข่าวของเราแจ้งว่า ลูกชายของท่านชิงชัยเล่นการพนันบ่อยครั้งโดยที่ตำรวจทำอะไรไม่ได้ไม่ใช่เหรอครับ แล้วการที่ท่านทำอย่างนี้จะส่งผลต่อเก้าอี้ตำแหน่งของท่านและผู้บังคับบัญชาหรือเปล่าค่ะ”
“คือว่า คนไทยทุกคนต้องอยู่ภายใต้นายกรัฐมนตรีจะต้องอยู่ภายใต้กฎหมายโดยไม่ได้รับการยกเว้นครับ ผมบอกตามตรงว่าผมไม่กลัวครับกับการทำคดีนี้ เพราะผมเชื่อว่าท่านรัฐมนตรีเป็นคนดีครับ ท่านจะไม่เข้ามาแทรกแซงกับกระบวนการยุติธรรมครับ” รณยุทธตอบด้วยสีหน้ามุ่งมั่นและเอาจริงเอาจัง “ผม
ต้องขอตัวไปพักก่อนครับผมเหนื่อยเหลือเกินครับ”
“ท่านคะ อย่าเพิ่งไป...”
“ขออีกคำถามครับหมวด...”
ร.ต.ท.เดินอย่างกระฉับกระเฉงไปอีกด้านหนึ่งและดุเหมือนผู้สื่อข่าวจะกำลังวิ่งไปที่ทางลงสถานอบายมุขเล็กๆกลางสยาม ไม่ต้องสงสัยเลยว่าชายร่างใหญ่ที่เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมกำลังคุมตัวลงมานั้นเป็นบุตรชายของรัฐมนตรีชิงชัยแน่นอน ชั่ววินาทีที่ชายคนนั้นหันมาสบ ตา เขาก็รู้สึกถึงความชั่วร้ายในแววตา
เจ้าหน้าที่กำลังนำตัวชายตกอับมาทางที่เขากำลังยืนอยู่มันแสยะยิ้มให้เขา ก่อนที่มันจะผ่านหน้าเขาไปมันรั้งตัวมาใกล้เขาจนเจ้าหน้าที่ต้องหยุดเดินชั่วขณะ
“มึงรู้หรือเปล่าว่ามึงกำลังจะเล่นกับใคร” มันตะคอกใส่หน้าเขาท่ามกลางแสงแฟลช
“แน่นอนที่สุด ตลอดการจับกุมผมมีสติสัมปชัญญะครบถ้วน” ร.ต.ท.รณยุทธเลือกที่จะใช้เสียงเรียบในการตอบ เขารู้ดีว่าท่ามกลางนักข่าวการวางตัวมีผลอย่างยิ่ง
“มึงจะกล้าเกินไป มึงได้ตายแน่ไอ้หน้าโง่”
“รักษาตัวดีนะครับ ในคุกอาจจะไม่สบายเท่าที่บ้าน แต่ผมจะให้ลูกน้องดูแลอย่างดี” เขาตอบ “แต่มึงอย่าเสือกตายก่อนกูแล้วกัน” แม้จะรู้ว่าการวางตัวมีผล แต่บางสถานการณ์การวางมาดโหดก็จำเป็นไม่น้อย”หมู่รีบเอาตัวมันไป”เขาสั่ง
รณยุทธหันมองตามผู้ต้องหาผู้โอหังอย่างไม่ละสายตา เดินอย่างว่องไว
ไปที่สารวัตรใหญ่หรือผู้กำกับสถานีก่อนจะโค้งคำนับแสดงความเคารพ รอให้ท่านหันมาสบตา
“ท่านครับ ทุกอย่างเรียบร้อย”
“ขอบใจ รณยุทธ ผมต้องจดเอาไว้กันลืม” ท่านกล่าวขอบคุณเขาแล้วหยิบสมุดบันทึกเล่มเล็กๆออกมาจากกระเป๋าเสื้อเครื่องแบบของท่าน “โทษทีนะ ตอนนี้มันกี่โมงแล้ว”
“ตอนนี้ห้าทุ่มกับสามสิบสองนาทีครับท่าน”
ท่านผู้กำกับกำลังจดบันทึกเวลาลงไปอย่างใจเย็น นายตำรวจยศร้อยตำรวจตรีหน้าตาไม่คุ้นนายหนึ่งเดินมาข้างๆเขาและโค้งให้ท่านผู้กำกับก่อนจะหันมาโค้งให้เขา ท่านผู้กำกับพยักหน้าอนุญาตให้กับร้อยตำรวจตรีนายนั้นเป็นเชิงว่าอนุญาตให้เข้าพบกับรณยุทธได้ รณยุทธจึงหันไปคำนับให้ผู้กำกับอีกครั้งตามมารยาท
“ผม ร.ต.ต.กล้าหาญ ร้อยเวรประจำสถานีบางนาครับ” ผู้หมวดผู้มาเยือนแนะนำตัว “ท่านคงเป็น ร.ต.ท.รณยุทธ กีรติโยธิน บุตรชายของท่านพ.ต.อ.สิริพล “
เขาพยักหน้าแทนการตอบ
“ท่านสารวัตรส่วนสืบสวนให้ผมเข้ามาแจ้งข่าวแก่ท่านครับ”
“ว่ามาเลย”
“คือ ท่านพ.ต.อ.สิริพล และภรรยา ถูกสังหารภายในบ้านเมื่อช่วงค่ำของวันนี้ครับ” ผู้ตอบมีสีหน้าแสดงความไม่อยากเป็นผู้บอกเหตุร้ายอย่างเห็นได้ชัด “ผมขอแสดงความเสียใจด้วยครับ”
ความคิดเห็น