คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 2 : What is my feeling (2)
“เอปน์ หวัดดีอีกครั้งนะ” ผมวิ่งเข้าห้องมาพร้อมกระเป๋าแล้ววางลงที่บนเก้าอี้
“หวัดดีอีกครั้งเช่นกันครับฟาน ว่าแต่ทำไมช้าจัง ไปไหนมาอีกรึเปล่าเนี่ย” เอปน์ละจากการคุยกับ
เพื่อนแล้วหันมาถามผมด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มได้รูป
“โถ ก็คนมันหินข้าวอ่า มันก็ต้องช้านิดหน่อยดิ โห่ ทำอย่างกับเราเป็นเด็ก” ผมตอบไปตามความจริง
ถึงจะไม่นิดหน่อยก็เถอะ พร้อมกับทำหน้ายู่ใส่เอปน์
“แล้วไปคนเดียวเหรอ ไม่กลัวหลงรึไง” เอปน์เขยิบตัวมาใกล้ผมพร้อมกับถามคำถามที่คลับคล้าย
คลับคลาว่าจะเป็นห่วง
“ไม่หรอก มี...”
“อีฟานนนนนนนนนนนนนนนนนน” ฉับพลันทันใด เสียงแหกปากร้องโวยวายของวัยรุ่นหญิงสาว
มาดหัวหน้าห้องก็ดังมาจากหน้าประตู
“เกวไปด้วยน่ะ” ผมต่อคำที่ค้างไว้ข้างบนให้จบก่อนที่เกวลีลน์จะมาแตะแกมทุบที่ไหล่ข้างขวาผม
“เกวววววว กูเจ็บบบ” ผมแหกปากดังลั่นด้วยแรงมือของมันที่ทุบลงมา ....อย่างกับค้อนปอนด์ แต่เอ๊ะ ผมขึ้น
มึงกูแล้วเหรอเนี่ย จะโดนเกลียดรึเปล่านะ
“ใครใช้ให้มึงไม่รอกูล่ะ รีบมาหาไอ้เอปน์จัดรึไง” เกวมันพูดด้วยน้ำเสียงหอบแฮกแต่ก็ไม่วายจะแซว
เพื่อนใหม่ของตัวเอง
“อะไรวะ” ผมสบถอย่างดัง จนเพื่อนทั้งห้องเกือบจะได้ยินกันหมดแล้ว
“ก็ดูมึงยืนกันซิฉิบหาย ใกล้กันจนจะจูบกันได้อยู่แล้ว เมื่อกี้ กูเห็นนะ” เกวมันชี้ไปที่ช่องว่างระหว่าง
ผมกับเอปน์ที่ยืนคู่กันก่อนที่ผมจะขยับออกห่างมา ขณะที่ผมขยับออกห่าง ผมก็เห็นสีหน้าของเอปน์ที่เปื้อน
ยิ้มมากขึ้นไปอีก....คนคนนี้..หล่อไปแล้วนะ
“คุณมึงไม่ต้องมาทำเป็นหลบตัวเลยค่ะ สาววายทั้งห้องรอดูพวกคุณๆอยู่ค่ะ อ้ออออ มีหนุ่มวายด้วย
เล็กน้อย เนาะอาร์ม” เกวพูดพร้อมกับดึงคอเพื่อนผู้ชายที่เมื่อครู่ยืนคุยอยู่กับเอปน์มากอดคอ ทำให้เขาเอา
ศอกเสยคางเกวไปเบาๆที่หนึ่ง “อาร์มมมม มึงศอกคางกูเหรอออ” เกวแหกปากโวยวายอย่างดังจนเพื่อนทั้ง
ห้องต้องหันมามองมาดหัวหน้าที่พังทลายยับเยิน
“ฟาน ไม่ต้องไปสนใจมัน มันบ้าละ ให้มันเรียกสติคืนกลับมาก่อน ไปเหอะ เรามีเรื่อองจะคุยด้วย”
เอปน์ที่ยืนอยู่ข้างๆ พูดขึ้นพร้อมกับทำหน้าทำตาล้อเลียน แล้วดึงผมออกไป .... หวังว่าคงไม่ฉุดผมไปลงแขก
ใช่ไหม?
“อีเอปน์ เดี๊ยะเถอมึง ฟานระวังมันปล้ำนะ” เกวหัวเราะคิกคักพร้อม กับไปหาเรื่องคนที่ชื่ออะไรนะ
......เอ่อ...
.
.
.อ้อ อาร์ม ต่ออีกครั้ง
ผมมองเอปน์ที่ดึงมือผมให้ไปตามเขาด้วยความงงงวย ว่าเขากำลังจะพาผมไปที่ไหน พาไปเป็น
เพื่อนเข้าห้องน้ำที่หลังตึก ม. ต้น ? พาไปนั่งเล่นที่ลานสามกษัตริย์? พาไปซื้อของที่สหกรณ์โรงเรียน? เมื่อ
ความคิดในหัวของผมตีกันวุ่นวายไปหมด และหมดหนทางที่จะมโน ผมจึงต้องตัดสินใจเปิดปากถามเอปน์
ไป
“เอปน์ จะพาเราไปไหนอะ” ผมเอ่ยถามขณะที่เอปน์กำลังจูงมือผมไปทางมุมตึก (อย่าคิดลึกนะครับ
พี่น้อง) อะไรเนี่ยยยยย ไม่ได้จะพาไปซื้อของ เข้าห้องน้ำรึไงกัน T^T
“เอาน่า ตามเรามาก่อนนะ” เอปน์พูดพร้อมกับหันหน้ามายิ้มชวนใจละลายให้ผม
เหมือนผมได้ยินเสียงกรี๊ดจากข้างหลังกลายๆ ........
เอปน์พาผมมาที่ส่วนหนึ่งแถวๆมุมตึก ย้ำว่ามุมตึก เพราะมันเงียบและมืดมากจริงนะครับ มันเหมาะ
ที่จะเป็นสถานที่จัดบ้านผีสิงในงานโรงเรียนเลยเชียวแหละ เอปน์ดึงมือพร้อมกับดันผมให้
เข้าไปด้านในซอกตึก ก่อนที่ตัวเองจะมายืนบังหน้าผมไว้อีกที
“จ..จะ ทำอะไรน่ะเอปน์” ผมตะกุกตะกักพูดพร้อมกับหน้าที่รู้สึกว่ามันกำลังร้อนผ่าว พลางมองไปที่
โครงหน้าได้รูปของเอปน์
เอปน์ยื่นหน้าเข้ามาเรื่อยๆ จนจมูกแทบจะติดกัน ผมหลับตาปี๋ ผมตื้นเต้น ตกใจ และ
รู้สึกดีอย่างประหลาด
.
.
.
.
.
เป็นช่วงเวลาที่ผมรู้สึกว่ามันนานมากก่อนที่ผมจะลืมตาแล้วพบว่าเอปน์จะถอยหน้าตัวเองออกไป
ไกลจากหน้าผมไปบ้างแล้ว แต่ก็แค่นิดเดียวจนผมยากจะหลับตาต่อเสียเลย
“ขอบคุณนะ” เอปน์ที่ยืนบังหน้าแกมคร่อมพูดขึ้น
“ฮะ?” ขอบคุณ อะไร ผมไม่เข้าใจ
“ขอบคุณที่มาเป็นเพื่อนเรานะ” เอปน์บอกผม
“อ่ะ อื้ม” ผมตอบ
“เราให้” เอปน์พูดพร้อมกับเอานิ้วชี้ข้างขวาไปแตะที่ปากของตัวเองแล้วแล้วเอามาทาบวางบนปาก
ผมเบาๆ ผมอึ้งเมื่อเอปน์ทำแบบนั้น ผมทำอะไรไม่ถูกสักอย่าง หน้าผมคงจะขึ้นสีและรู้สึกร้อนผ่าวๆ บน
ใบหน้า ผมไม่เคยมีใครทำอะไรกับผมแบบนี้ แบบนี้ ที่เรียกว่า จูบทางอ้อม
เอปน์เอานิ้วชี้ออกจากปากผมแล้วเอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋านักเรียนในกางเกงสีกรมท่าที่ออกจะ
ดูน้ำเงินแล้วยื่นสิ่งของซึ่งโดนกล่องเล็กๆ และกระดาษห่อของขวัญรูปหัวใจห่อเล็กไว้ “เราให้” เอปน์ยื่นให้ผม
พร้อมกับยิ้มที่ทำให้ผมหน้าร้อนผ่าวเพิ่มมากขึ้นไปอีก
“อะ อืม” ผมที่ทำอะไรไม่ถูกและจนปัญญาจะหาอะไรมาต่อรอง เพราะอารมณ์ความรู้สึกของผม
ตอนนี้ มันไม่ได้อยู่กับเนื้อกับตัวเลยสักนิดเดียว ไม่แม้แต่นิดเดียว ผมถึงต้องจำใจรับของขวัญกล่องนั้นมา
แต่ถ้าจะให้ตอบไปว่า ‘ไม่เป็นไรหรอก เก็บไว้เถอะ’ มันก็คงจะเป็นการไม่รับน้ำใจของเพื่อนใหม่ที่เอาของมา
ให้ และผมอาจจะไม่ได้เป็นเพื่อนกับเอปน์อีกเลยก็ได้ ข้อสุดท้ายที่ผมเป็นห่วงที่สุด..........
“รักษามันดีๆ ล่ะ” เอปน์พูดพร้อมกับจับที่กล่องใบนี้เบาๆ ผมไม่เข้าใจความรู้สึกเอปน์ และผมก็ไม่
เข้าใจความรู้สึกตัวเองแม้แต่นิดเดียว ไม่เลย ผมไม่เคยมีใครมาให้ของขวัญเพราะเพียงแค่ได้เป็นเพื่อน แต่ที่
แปลกกว่านั้นก็คือ ผมกับเอปน์ เราเพิ่งรู้จักกันได้วันเดียวเอง ก็ไม่น่าจะมีของขวัญมาให้เพราะเพิ่งรู้จักกันวัน
เดียวเอง ผมเลยประหลาดใจ แถมยังมาพูดมาว่า ‘รักษามันดีๆนะ’ แสดงว่ามันเป็นของสำคัญ แล้วของ
สำคัญจะเอามาให้ผมทำไมล่ะ ผมไม่ค่อยจะเข้าใจอะไรเท่าไรเสียเลย
“อย่าทำให้มันเจ็บล่ะ ระวังด้วยนะ” เอปน์บอกผม คำคำนี้ทำให้ผมงงมากไปกว่าเดิม ‘อย่าให้มัน
เจ็บ’ สรุปมันเป็นอะไรแน่ล่ะเนี่ย กลับบ้านไปผมต้องไปเปิดดูเสียหน่อยแล้ว
“อะ อือ” ผมคิดอะไรไปมากมายจนไม่ทันได้สังเกตวาเอปน์เอาหน้าเข้ามาใกล้อีกแล้ว ครั้งนี้จมูก
แทบจะชนกันอยู่แล้ว ผมได้ยินเสียงลมหายใจของเอปน์ดังแผ่วๆ ลมอุ่นที่พ่นออกมาทำให้ผมหน้าร้อนผ่าว
ไม่รู้ว่าเพราะจมูกโด่งๆ นั่นกำลังเคลื่อนมากดที่ปลายจมูกผมเบาๆ
“ปะ..ไปเถอะ เดี๋ยวเรียนคาบแรกไม่ทัน” เมื่อจมูกเอปน์ชนกับปลายจมูกผมได้พักหนึ่ง ผมก็ผลักอก
เอปน์ออกไปไกลๆ ตัว ผมอาย..
“อืม” เอปน์ยิ้ม แล้วบอกผม “ไปเหอะป่ะ แปดโมงครึ่งละ” เอปน์บอกแล้วเดินนำหน้าไป ส่วนผมนั้น
ยืนคุยอยู่กับตัวเองคนเดียวที่เดิม
“อย่าคิดมากสิอัฌญกานต์ เขาก็แค่เอาของขวัญมาให้” ผมพึมพำกับตัวเองเบาๆ พร้อมกับยกมือทั้ง
สองข้างขึ้นมาลูบหน้าตัวเองที่สัมผัสได้ถึงความร้อนผ่าวบนหน้า ผมเอามือลูบไล้ไปทั่วหน้าจนมาถึงที่จมูก
และปาก ผมค้างมือทิ้งไว้อย่างนั้น ก่อนที่จะยิ้มออกมากับตัวเอง...
ผมหลับตาพร้อมกับเงยหน้าขึ้นไปบนฟ้ารับอากาศสดชื่นให้เต็มปอด (ถึงมันจะเป็นพื้นของตึกด้าน
บนอีกชั้นก็เถอะ) พร้อมกับคิดเรื่องเมื่อกี้นี้ให้ชัดเจน
“อ่าว ฟาน ทำไรอะ มาสิ เดี๋ยวเรียนไม่ทันนะ” เสียงแผ่วๆ ของเอปน์และดังขึ้นเรื่อยเข้าใกล้ตัวผม
ก่อนที่มือของผมจะโดนดึงไป จนผมหลุดออกจากภวังค์
เอปน์จับมือผมให้เดินตามไปตามทางกลับห้องเรียน 431 หรือ ห้องเรียนที่หนึ่ง ชั้นสาม อาคารเรียน
ที่สี่ เอปน์จับมือให้ผมเดินตามตัวเองไปก่อนจะหยุดกึกอยู่ที่หน้าห้องปฏิบัติการฟิสิกส์ 1
“เอ้อ ฟาน เรามีอีกอย่างจะบอก” เอปน์หยุดแล้วปล่อยมือผมลง
“ฮะ อะไรเหรอ?” ผมถามอย่างงงๆ
“เราขออะไรฟานอย่างหนึ่งสิ” เอปน์พูดด้วยเสียงขอร้องกับผม
“ขออะไรอะ ถ้าเราทำได้นะ” ความจริง ผมทำได้ทุกอย่างนั่นแหล่ะ แต่ถ้าให้พูดไปอย่างนั้นมัน
เหมือนเราอ่อยแปลกๆ
“ของขวัญที่เราให้อะ เราขอให้ฟานไปเปิดหลังจากผ่านวันนี้ไปสองเดือนได้มั้ย อืม เดือนนี้พฤษภา
อีกสองเดือนก็สิงหา ฟานไปเปิดตอนเดือนสิงหาได้มั้ย” เอปน์พูดอย่างขอร้อง
“ทำไมอะ” ผมไม่เข้าใจเลย ทำไมต้องไปเปิดเดือนสิงหาล่ะ งั้นความหวังที่ผมจะเห็นวันนี้ก็หมดหวัง
น่ะสิ
“ช่างเถอะ สัญญากับเราสิว่าจะไปเปิดเดือนสิงหา” เอปน์มองผมด้วยสายตาแบบเดิมๆ
“อืม เราสัญญา” ผมตอบไป ก็เอปน์อุตส่าห์ให้ผมมาแล้ว เอปน์ขออะไรผมก็ต้องให้สิถึงจะงงๆ
หน่อยก็เถอะว่าทำไมต้องเปิดเดือนสิงหา
“โอเค ป่ะเถอะ เดี๋ยวเข้าห้องไม่ทัน” พูดจบ เอปน์ก็จับมือผมเหมือนเคยแล้วจูงมือผมพาเดินไปที่
ห้องเรียน
เอปน์จูงมือผมพาเข้าไปในห้องเรียนเพราะเห็นคลับคล้ายคลับคลาเหมือนอาจารย์คนใดคนหนึ่งที่
สอนในวิชาแรกกำลังเดินมาทางห้องเลยต้องรีบเข้าห้องไป
แต่ทว่า
.
.
.
ไม่มีเพื่อนคนไหนอยู่ในห้องเลย....
“เวรแล้วไง เราลืมไปว่าวันนี้เรียนชีวะกับจารย์อ้อยที่ตึก 6 ตายละ ฟาน เก็บของเร็ว เลยเวลาไปห้า
นาทีแล้ว” เอปน์บอกผมพร้อมกับวิ่งไปที่กระเป๋า ซึ่งผมก็ทำอย่างนั้นด้วย ผมรีบยัดของขวัญกล่องที่เอปน์ให้
มาเมื่อครู่อย่างรวดเร็ว แต่ก็พอที่จะไม่ให้มันเป็นอะไรไป ก่อนจะหยิบหนังสือที่หน้าปกเขียนชื่อวิชาไว้หรา
‘ชีววิทยา ม.4’
“ฟาน ไปเร็ว!” เอปน์รีบจับมือผมแล้วพาวิ่งไปที่ห้องเรียนอย่างเร็วจัด ผมยังสงสัยเลยว่าจะรีบเกินไป
มั้ย - - แต่ยังไงผมก็ยอมตามไปอย่างโดยดีล่ะนะ
“เร็ว ฟาน” ระหว่างทาง เอปน์หันมามองผมคนวิ่งตามที่เหนื่อยแฮ่กอยู่ด้านหลัง ผมรู้เหนื่อยจนหน้า
ร้อนผ่าว เหงื่อไหลออกมา ก็นี่เป็นปลายฤดูร้อนต้นฤดูฝน มันก็เลยร้อนเป็นพิเศษ
“เออ รู้แล้ว เหนื่อยจะตายแล้วเนี่ย” ผมตอบขณะที่เลยจากเอปน์ถามมาถึงห้าวินาที ตอนนี้เรากำลัง
จะวิ่งขึ้นบันไดขั้นแรก ซึ่งตอนนี้ผมรู้สึกเหนื่อยแสนจะเหนื่อย และลากสังขารตัวเองตามมือเอปน์ไป
“จะถึงแล้วล่ะ” เอปน์ที่กำลังจูงมือผมอยู่วิ่งไปทางด้านซ้ายหลังจากขึ้นบันไดมายังชั้นที่ต้องการแล้ว
เอปน์จูงมือผมวิ่งไปยังห้องที่อยู่ริมสุด ผมเห็นป้ายรางๆ ว่า ‘ห้องปฏิบัติการเคมี 4’ เอปน์จูงมือผมวิ่งไปยืนอยู่
หน้าประตูห้องแล้วเลื่อนประตูกระจกเพื่อเปิดประตูเลื่อนเข้าไป
“คู่ข้าวใหม่ปลามันมาแล้วโว้ยยยย” พอผมกับเอปน์เข้าห้องมาปุ๊บ ก็มีเสียงของใครนะ.....อ้อ เด็ก
ผู้ชายที่ทำหน้ายักษ์ขมูขีใส่เอปน์เมื่อวานนี้ อะ อ้อ นิกดังขึ้นมา แต่เอ๊ะ ทำไมพูดอะไรประหลาดๆ ......ผมใช้
เวลาประมวลผลคำนั้นก็อ้าปากค้าง ‘นี่หลอกด่ากูว่างั้น’ ผมสบถในใจ
“ใหม่มันพ่อใหม่มันแม่มึงสิไอ้สัส” เอปน์พูดเบาๆ พลางทำปากให้เข้าใจวิธีพูด ทำนองว่าให้มันอ่าน
ปากนั่นแหล่ะน่ะ
“พวกเธอไปไหนกันมา อัฌญกานต์ เอปกรณ์” อาจารย์อ้อยถามเสียงเข้ม จารย์ครับ ทำไมวันนี้เสียง
อาจารย์โหดจังเลยครับ
“ไปแอบอยู่มุมตึกกันมาค่ะ” คุณหัวหน้าเกวลีลน์ สกาณะคณฑีตอบพร้อมกับหัวเราะออกมาอย่าง
มโหฬารบานตะไท แหม ผมเพิ่งจะรู้จักเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว แต่ทำไมรู้สึกอยากตบอยากต่อยจังวะครับ!
“พอค่ะวิรุฬห์กันต์ เกวลีลน์ สรุปว่าอัฌญกานต์ กับเอปกรณ์ ไปไหนกันมาจ๊ะ” อ่า อาจารย์สุดใจดี
คนเดิมกลับมาแล้วครับ ถามเสียงหวานเชียว
“ไปทำธุระนิดหน่อยนะครับ ขอโทษที่เข้าห้องสายนะครับ” ผมตอบแทนเอปน์ที่กำลังใช้สายตาห้ำ
หั่นต่อสู้กับเกวอยู่
“ธุระ หึหึ” อาจารย์อ้อยย้อนคำก่อนจะหัวเราะอย่างมีเลศนับจนผมต้องกลืนน้ำลายดังเอื้อก แล้วดึง
แขนเอปน์ให้ไปนั่งโต๊ะท้ายๆ ของพวกเพื่อนเอปน์มัน แต่ทว่า (อีกแล้ว)
“ฟานๆ พาเอปน์มานั่งนี่ดิ ไอ้พวกนั้นโต๊ะมันเต็มแล้ว” เกวกวักมือเรียกผมจนจารย์อ้อยต้องมาทำตา
ถลึงใส่แต่ก็ไม่วายมีเสียงโห่หอนมาจากโต๊ะด้านหลัง
“มาเถอะ ฟาน ลากเอปน์มาด้วย” เกวพูดพร้อมกับส่งยิ้มละลายใจหนุ่มๆ ให้
“อ่า ก็ได้ ไปเอปน์” ผมบอกเอปน์ด้วยสีหน้าปกติ แต่เอปน์ยิ้มตอบกลับมาแล้วยอมเดินตามผมมา
แต่โดยดี
“ผัวกลัวเมียว้อยยย” เสียงจากหลังห้องดังขึ้นมาขัดใจ น่าถีบแฮะ! แต่ผมก็ยังเดินตรงๆ ไป แต่เอปน์
หันกลับไปด่า ใครว่าผมไม่อาย ผมโคตรอาย หน้าผมร้อนไปหมดแล้วเนี่ย
แต่ที่ผมไม่กล้า ก็เพราะ อาจารย์อ้อยดูจะไม่ค่อยจะสบอารมณ์จากเด็ก
นักเรียนที่แหกปากกันดังลั่นสักนิดเดียว น่ากลัว...........
End Chapter 2 : What is my feeling.
--------------------------------------------------------------------
Hello
สวัสดีครับ >< วันนี้มาลงกัน 60 % เลย พรุ่งนี้ไม่ได้ลงนะครับบ แง้ การบ้านส่งมะรืนเพียบอะครับ เหอะๆๆๆ ยังไม่ได้รีไรท์บทสามเลยสักนิดด้วย ขอโทษนะครับ วันนี้มาได้แค่นี้ ขอบคุรที่เข้ามาอ่านกันนะครับ ขอบคุณครับ ^^
..AlonE..
ความคิดเห็น