คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 2 : What is my feeling (1)
ประมาณ 40% ของบท 2 ที่เหลือยังรีไรท์ไม่เสร็จ
~||| (Fan Speak) |||~
ในที่สุดก็ถึงเวลากลับบ้าน น่าแปลกที่โรงเรียนนี้ดันมาเปิดเทอมวันศุกร์ ถัดไปที่เป็นวันเสาร์วัน
อาทิตย์ ผมก็เลยคิดว่าจะนอนแผ่สบายๆ อยู่ที่บ้านน่ะสิครับ ไม่มีอะไรจะทำ ผมเก็บหนังสือเข้ากระเป๋า
เตรียมกลับบ้านพร้อมกับรอยยิ้มจางๆ ที่โผล่ออกมามุมปาก
“บ๊ายบาย นะฟาน” ขณะที่ผมกำลังจะสะพายกระเป๋าแล้วจะเดินออกจากห้อง เอปน์ก็พูดยื้อผมไว้
แต่ใช้คำว่ายื้อคงจะไม่ถูกหรอกครับ อำลามากกว่า
“บาย” ผมตอบพร้อมกับรอยยิ้ม
“เจอกันวันจันทร์ ว่าแต่กลับไงเนี่ย” เอปน์ถามด้วยน้ำเสียงที่ผมฟังเหมือนน้ำเสียงที่ดูเป็นห่วงผม
บ้าน่ะ อย่าคิดเองสิ!
“อ๋อ เดี๋ยวพ่อแม่เรามารับอะ” ผมตอบแล้วยิ้มให้เอปน์ก็เห็นเอปน์ยิ้มตอบกลับมาด้วยสีหน้า
เดียวกัน...ยิ้มแล้วแม่มหล่อ
“เคๆ งั้นเราไปละนะ บาย” เอปน์บอกผม ผมจึงพยักหน้าให้ไปหนึ่งครั้งพร้อมกับหน้าประดับรอยยิ้ม
ก่อนที่จะเอากระเป๋าสีดำใบหนามาสะพายหลังแล้วเดินออกไปจากห้องเรียน
วันจันทร์ เดือนพฤษภาคม เปิดเทอมวันที่ 2
เมื่อวันศุกร์ก็เพิ่งเปิดเทอมไป ผมรู้สึกอึดอัดยังไงไม่รู้ แต่ดีนะที่เอปน์เข้ามาหาผมแล้วทักผมก่อน ไม่
งั้นผมก็ไม่มีเพื่อนแน่เลย แต่วันนี้ก็วันจันทร์แล้ว ผมควรจะหาเพื่อนใหม่ๆ ได้แล้วสินะ ถ้าให้เอปน์ช่วยน่ะนะ
เช้าวันจันทร์ในโรงเรียนใหม่เป็นอะไรที่อึดอัดอยู่พอควร ผมไม่มีเพื่อนนอกจากเอปน์ ซึ่งตอนนี้
ผมยังไม่เห็นเขา สงสัยจะมาสาย ผมไม่ค่อยรู้จักใคร ผมเลยนั่งเงียบๆ อยู่ที่ลานสามกษัตริย์หลังตึก
สมโภชย์ ผมชอบแถบนี้ มันเป็นที่ที่สงบ เอปน์บอกผมว่า
“แถบนี้ไม่ค่อยมีคนมาหรอก มันเงียบ วังเวง ผิดกับลานอเนกประสงค์ที่คนจะไปนั่งคุยนั่ง
เล่นกันเยอะ”
ซึ่งผมคิดว่ามันก็เป็นแบบนั้น แต่ก็ดีนะ ผมชอบแบบนี้ บรรยากาศดี เงียบๆ กลิ่นหอมอ่อนๆ จากดอกลีลาวดี
ที่ปลูกไว้รอบๆ ลานทำให้ดูร่มรื่นและสดชื่น ผมถึงชอบ จะว่าไปมันก็เงียบจริงๆแหละ ทั้งๆ ที่ลาน
เอนกประสงค์หน้าสหกรณ์โรงเรียนมีนักเรียนเต็มลาน แต่ส่วนนี้มันเงียบกริบเลยจริงเชียว
ผมหยิบไอโฟนเครื่องสีขาวของผมออกมาจากกระเป๋ากางเกง ก่อนที่จะกดปลดล็อคเครื่องเพื่อหา
อะไรทำ ผมเลื่อนหน้าจอไปเรื่อยๆ ก่อนจะกดเข้าไปใสเฟสบุ๊คเพื่อดูว่ามีอะไรใหม่บ้าง ผมเห็นเพื่อนเก่าจากที่
เชียงใหม่ตั้งสถานะคบกันแบบตะพึดตะพือ แหม่...รู้สึกอิจฉาพวกมันนะ
“ฟาน!!” เสียงเรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงที่คุ้นเคยที่สุดในโรงเรียนนี้ดังขึ้นมาจากข้างหลังทำให้ผมต้อง
หันไปมองว่าจะใช่เอปน์หรือเปล่า แล้วถ้าใช่ เอปน์รู้ได้ยังไงว่าผมอยู่ที่นี่นะ
และแล้วก็เป็นอย่างที่ผมคิด เมื่อผมหันหลังไป ก็เจอะเอปน์ที่ยืนหอบแฮ่กๆ อยู่ด้านหลัง ผมเลยรีบ
ยืนขึ้นแล้วไปยืนหน้าเอปน์ในทันทีทันใด “มีอะไรเหรอ จะวิ่งมาทำไมเนี่ย เดินมาก็ได้นี่นา” ผมถามด้วยความ
เป็นห่วง เพราะเห็นสีหน้าที่ขึ้นเห็นเป็นเส้นสีแดงอยู่ทั่วหน้าทำให้ผมรู้สึกเป็นห่วง และผิดไปในเวลาเดียวกัน
ก็ถ้าไม่มีอะไรกับผมแล้วเอปน์จะรีบวิ่งมาทำไม
“เราจะมาบอกฟานว่า” เอปน์พูด
“ว่า” ผมต่อ
“โรงเรียนเราเข้าแถวตอน เจ็ดโมงสี่สิบห้านะ” เอปน์พูดพร้อมกับเอามือไปกุมไว้ที่หัวเข่า
แล้วย่อตัวลงด้วยความเหนื่อย
“โห่ อะไรกัน เรื่องแค่นี้เอง รีบวิ่งมาได้ แล้วรู้ได้ไงว่าเราอยู่ที่นี่เนี่ย” ผมถาม แต่เมื่อเห็นสภาพของ
เอปน์ก็ต้องละเหี่ยใจ นี่เอปน์จะรีบวิ่งมาทำไมเล่า เรื่องแค่นี้ พอคิดได้อย่างนั้นผมก็เลยดึงมือเอปน์ให้มานั่งที่
มห้าหินตัวข้างๆ ผมก่อนที่ผมจะนั่งตามลงไปที่ม้าหินใกล้กันๆ แล้วควานกระเป๋าหาน้ำมาให้เอปน์กินดับ
ความเหนื่อย โดยที่ปากก็ยังไม่ลดละที่จะถามว่าจะรีบวิ่งมาทำไม “สรุป รีบวิ่งมาทำไมเนี่ย นั่งให้หายเหนื่อย
ก่อน เดี๋ยวเราหาน้ำให้” ผมถามอีกครั้งหนึ่งแล้วหยิบน้ำออกมาจากกระเป๋าไปวางบนโต๊ะหินข้างหน้าเอปน์
“กินให้หายเหนื่อยก่อนค่อยตอบก็ได้” ผมบอก
“ขอบคุณนะ” เอปน์หยิบน้ำไปแล้วเอาไปบรรจงกรอกใส่ปากโดยที่พยายามไม่ให้โดนปาก แต่ผมก็ไม่
ได้รังเกียจอะไรหรอกนะ ถ้าแค่ปากขวดที่โดน...ปากเอปน์ดื่ม
“สรุปว่าไงล่ะเนี่ย รีบทำไม” ผมถามซ้ำเป็นรอบที่สาม เอปน์ที่ดูจะหายหอบดีแล้วจึงตอบกลับมาด้วย
น้ำเสียงที่พยายามจะเก็บให้ปกติจากอาการเหน็ดเหนื่อย
“ก็จะมาบอกเรื่องเข้าแถว เดี๋ยวไปไม่ทัน” เอปน์ตอบพร้อมกับยิ้มเจื่อนๆให้ผม
“โถ่ เรื่องแค่นี้ไม่ต้องรีมาก็ได้ อีกตั้งครึ่งชั่วโมงกว่าจะเข้าแถว แล้วรู้ได้ไงว่าเราอยู่ที่นี่อะ” ผมถาม
คำถามที่สองซ้ำเป็นครั้งที่สาม ด้วยสีหน้าที่ปรับให้ยิ้มแย้มรับหน้าเอปน์ที่ยิ้มพร้อมความเหนื่อยอ่อนได้แล้ว
“ก็เมื่อวานฟานบอกว่าชอบที่เงียบๆ แล้วเราว่าในโรงเรียนนักเรียนบรมเยอะนี่ ลานสามกษัตริย์นี่ก็คง
เงียบที่สุดแล้วล่ะ เราก็เลยคิดว่าฟานจะมาที่นี่ไง” เอปน์ตอบพร้อมกับสูดอากาศเข้าปอดอย่างเต็มที่
“อืม คงงั้นน่ะสินะ” ผมตอบกลับพร้อมกลับยิ้มแห้งๆ สรุปที่ตรงนี้มันเป็นสุสานเก่ารึยังไงกัน คนถึงไม่
มากันเลยเนี่ย
“ตรงนี้มันเคยมีเด็กตายไง คนเลยไม่มากัน ตรงที่ฟานนั่งอะนะ เขาว่ากันว่าเสาธงที่อยู่บนนั้นหักลง
มาปักจังที่กลางหัวเลยล่ะ” ฮะ อะไรนะ! นี่ผมมโนไปถูกได้ยังไงเนี่ย! มีคนตาย เฮ้ยยยย งั้นผมนั่งทับรอยคน
ตายรึเปล่าเนี่ย ง่า น่ากลัวอะ T^T
“จริงเหรอ เหย เอปน์ นั่งด้วย” ผมรีบขยับขยายจากม้าหินอ่อนตัวเดิมไปนั่งที่ม้าหินอ่อนตัวเดียวกับ
เอปน์ทันทีทันใด ก่อนที่จะได้ยินเสียงอะไรบางอย่างที่ทำให้ความรู้สึกสยองพรั่งพรูฟูฟ่อง
“ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ” เอปน์ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทำให้ผมต้องหันไปมองหน้าเขาที่ยิ้มหยีตา
หัวเราอย่างมีความสุขอยู่ อะไรเนี่ย อย่าบอกนะว่า....ว่า...หลอกผมอะ!
“กลัวผีเหรอฟาน” เอปน์ถามพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ อะไรเนี้ยะ
“เปล่าซักหน่อย” ผมตอบ “ว่าแต่นี่หลอกเราใช่มั้ยฮะ”
“ไม่จริงอะ กลัวแน่ หุหุ เชื่อเราด้วยรึไงล่ะ” เอปน์เอามือกุมท้องพร้อมกับพูดปนหัวเราะออกมา มัน
น่า!
“เชื่อดิ ก็เราเพิ่งเข้านี่หว่า จะไปรู้เรื่องไหนหลอกเรื่องไหนจริงได้ยังไงล่ะ” ผมตอบพร้อมกับย่นหน้า
อย่างงอนๆ อย่าดูเหมือนผมยั่วนะครับ
“โถๆ เราขอโทษ” เอปน์ตบไหล่ผมเบาๆ แล้วยิ้มให้ ผู้ชายคนนี้นี่เอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้เลยแฮะ
ฮึ่ย....
ผมนั่งคุยเรื่องสารพัดกับเอปน์ที่ลานสามกษัตริย์จนถึงเวลาเข้าแถว แล้วเราสองคนจึงจะเดินไปเข้า
แถวที่โดมด้วยกัน...
หลังจากเคารพธงชาติเสร็จ นักเรียนที่แสนจะเยอะแยะที่ผมไม่เคยพบเคยเจอจากเชียงใหม่ก็ทยอย
กันขึ้นไปบนตึกหมด ผมที่กำลังจะเดินไปหาอะไรกินเพราะคาบโฮมรูมวันนี้ครูอ้อย (เพิ่งจะรู้จัก) ปล่อยให้ทำ
อะไรก็ได้ส่วนคาบแรกก็เป็นคาบว่างอีก เลยสบายไป (นี่มันห้องคิงโรงเรียนใช่มั้ย?) และเหตุผลอีกประการ
หนึ่ง ผมหิว ผมไม่ได้กินข้าวเช้ามา Q w Q แต่กว่าที่ผมจะบอกให้เอปน์ขึ้นห้องไปก่อนได้นี่มันแสนจะยาก
เชียว บอกก็บอกแล้วว่าไปเองได้ ไปเองได้ เอปน์ก็ไม่ยอม กว่าผมจะอ่อย เอ้ย! กล่อมให้ไปได้นี่ก็เสียเวลาไป
ตั้งห้านาที
ผมเดินไปทางโรงอาหารที่เอปน์แนะนำและพามากินกับตัวเมื่อวานนี้ตอนนี้ก็มีแม่ค้านำอาหารมา
ขายหลายเจ้าแล้ว ผมเดินเข้าไปหวังจะไปซื้อข้าวกินสักหน่อยแต่ก็ดันมีมือปริศนามาแตะที่หลังซะ
ก่อน...หวังว่าคงไม่ใช่ผีเด็กผู้หญิงที่เอปน์เล่าให้ฟังนะ แง้ T^T
ผมหันหน้าไปมองคนที่มาแตะไหล่ผมก็พบว่าเป็นผู้หญิงหน้าตาสวย ไว้ผมยาวสีดำ ส่งยิ้มหวานมา
ให้ผม ผมรู้สึกๆคุ้นๆหน้า แต่ทำไมผมจำไม่ได้ =O= หวังว่าคงไม่มาจีบผมนะ
“หวัดดี นี่เราเกวนะ เกวลีลน์ สกานะคณฑี ไง ห้องเดียวกับนายน่ะ นายชื่อฟานใช่ป่ะ” ผู้หญิงหน้า
สวยที่ชื่อเกวบอกผม
“อะ อ๋อ เกว ที่เป็นหัวหน้าเมื่อวานใช่มั้ยอะ?” ผมถาม
.
.
อะ อ้อ ผมลืมบอกไปสินะครับ แต่ไม่เชิงลืมหรอก ก็เพิ่งออกมาเมื่อกี้นี้ เลยลืม ขอโทษครับ เมื่อวาน
ครูอ้อยให้เลือกหัวหน้าห้อง มีคนโดนสามคนคือ เอปน์ เกว แล้วก็ใครอีกคนนะ ลืมแล้ว ช่างมันเถอะ เอาเป็น
ว่าคะแนนของเกวกับเอปน์สูสีกันมาก แต่เกวชนะไปสองคะแนน แต่ผมรู้สึกว่าทั้งเกวและเอปน์กับอีกคนดูจะ
ไม่ดีใจเลยที่ได้เป็น
เกวเป็นหัวหน้า
เอปน์เป็นรอง
ส่วนอีกคนเป็นเลขา
-q- ผมรู้สึกสงสาร
“อืม ฟานจะไปไหนรึเปล่าเนี่ย ไม่ขึ้นห้อง” เกวถามผม
“เราจะไปหาอะไรกินอะ ไม่ได้กินข้าวเช้ามา” ผมตอบไปตามจริง ถึงจะดูน่าเกลียดก็เถอะ
(ว่าแต่ใครว่าผมท้องร้องโครกคราก! เดี๋ยวต่อยย)
“เราไปด้วยดิ กำลังจะไปกินอยู่เหมือนกัน” เกวยิ้มให้ผมแล้วเดินนำหน้าไปพรวด อ่าว! ไหนว่าจะไป
ด้วยกัน นี่เล่นนำหน้าโผ่งผ่างไปเลยเนี่ยนะ!
.
.
ในที่สุดผมก็เดินตามเกวทัน โอ้ย เกวเธอเดินเร็วจริงๆเล้ย T^T ผมมาหยุดตรงที่หน้าโรงอาหารที่มีคน
อยู่ไม่มากนัก เรียกว่าน้อยเลยก็ว่าได้ครับ ห่ะ ห่ะ
“ฟานจะกินอะไรอะ?” เกวถามผม
“เรากินอะไรง่ายๆดีกว่า ข้าวผัดกะเพราปลาหมึกไข่ดาว!” อืม ผมรู้สึกอยากกินนะ แต่ทำไมหน้าเกว
มันเป็นอย่างนั้นล่ะครับ -^-
“ง่ายจังเนาะ เหอะๆๆ” เกวยิ้มเยือกอย่างน่ากลัว ก็สำหรับผมมันง่ายนี่นา แค่ผมมีปลาหมึก มีเครื่อง
ผัดก็แป๊ปเดียวเสร็จนะ Q w Q
“เกวอะ?” คราวนี้ผมถามกลับครับ
“โจ๊กเครื่องในหมูสับใส่ไข่ลวกไม่สุกมากไม่เอาขิงอะ” เกวตอบยิ้มๆพร้อมกับเดินไปสั่ง เอ่อ ผมว่ามัน
ยากกว่าผมเยอะนะครับ…
“ฟาน มานั่งนี่ดิ” เกวที่ไม่รู้ว่าได้ ‘โจ๊กเครื่องในหมูสับไข่ลวกไม่สุกมากไม่เอาขิง’ มาตั้งแต่เมื่อไรนั่ง
โบกมือให้ผม
“ได้นานยังอะเกว?”
“เมื่อกี้”
“โทษทีนะ”
“ไม่เป็นไรหรอก มาๆ นั่งกินๆ เดี๋ยวขึ้นเรียนไม่ทัน”
เผด็จการ!
ผมเดินถือจานข้าวผัดกะเพราของตัวเองไปนั่งตรงข้ามเกวพร้อมกับน้ำมะพร้าวอ่อนใส่น้ำแข็งปนวุ้น
มะพร้าวและเนื้อมะพร้าวตราป้าสมจิตร์ตีอีกา -.-
“เออนี่ สนิทกับเอปน์เหรอ?” เกวที่กำลังตักข้าวเข้าปากชะงักเมื่อคำถามมาจ่ออยู่ที่ปากจึงต้องวาง
ช้อนลง ทนไม่ไหวสิเนี่ย ต้องถามก่อน
“อือ เมื่อวานเราเจอเอปน์เป็นคนแรกอะ เพิ่งเข้ามาเรียนใหม่ เลยสนิท” ผมกำลังจะตักข้าวผัด
กะเพราคำแรกเข้าปากก็ต้องชะงักแล้ววางช้อนลง
“เรามีอะไรแนะนำนะ อย่าไปสนิทกับไอ้เอปน์มันมาก มันม่อ มันทำสาวเจ็บมาหลายคนละ อย่า
ไป..........เอ่อ ชอบมันนะ” เกวพูดจนทำให้ผมแทบจะสำลักข้าวออกมา
“แค่กๆ! อะไรนะ เธอพูดอะไรเนี่ย” ผมรีบยกน้ำมะพร้าวและเนื้อมะพร้าวตราป้าสมจิตร์ตีอีกาขึ้นมา
ดื่นแก้สำลักอึกหนึ่ง “ช่ง ชอบ อะไร!” ผมพูด
“ก็เห็นเธอสนิทกันจัง เราก็เห็นไอ้เอปน์มันมองแกตลอดเลยนะ คือแบบ มองแบบ ตาวิ้งๆ อะ ระวัง
มันจีบ...........
.
.
.
.
แต่ก็นะ เราสนับสนุนให้ผู้ชายรักกัน อุวะฮะฮ่ะฮ่า” เกวหัวเราะอย่าง
บ้าคลั่ง ผมไม่เคยเจอสาววายตัวจริงนะครับ เกวนี่คนแรก
“เธอพูดอะไรน่ะเกว รีบกินเถอะ เดี๋ยวขึ้นเรียนไม่ทัน” ผมรีบจ้วงข้าวเข้าปากอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าที่
เริ่มขึ้นสีแดงเรื่อ คือทำไมผมอายล่ะเนี่ย โอ๊ย ต้องรีบกินแล้วสิครับ ไม่งั้นโดนถามอะไรมากว่านี้แน่ๆ
“เราเตือนแล้วนะ แต่ไม่ต้องฟังหรอก” เกวพูดอย่างยิ้มเยาะพร้อมกับโจ๊กคำสุดท้ายที่เข้าปากไป
“เอ้ออออออออออออออออออออออออออออออออ” ผมแหกปากกว้าง
“หมดยังอะ” เกวที่กินโจ๊กเสร็จเตรียมถือชามโจ๊กมาข่มผม
“โอเคๆ ไป ปะ” ผมเตรียมลุกออกจากโต๊ะ แต่ก็โดนเกวขัด
“กินให้หมดก่อนก็ได้ เอปน์รออยู่บนห้อง” เกวหัวเรากั๊กๆ
“ไม่เป็นร้ายยยยยยยยย” ผมหยิบจานและวิ่งนำหน้าเกวไปเก็บจานที่รถเก็บจานที่ด้านข้างโรงอาหาร
โดยทิ้งให้เกวที่เพิ่งข่มผมนั่งอยู่
“ฟานนนนน รอด้วยยดิว้า” เกววิ่งตามหลังผมที่ปรู๊ดนำออกมาก่อนด้วยความสะใจ
“หึหึหึ” ผมหัวเราะก่อนที่จะวิ่งนำขึ้นห้องไปอย่างเร็ว
--------------------------------------------------------------------------------------------------
สวัสดีขรั่บ ตอนนี้บทสองคลอดออกมาจากการรีไรท์เรียบร้อยแล้ว
กว่าจะได้แต่ละตัวนี่กดเปิดเวิร์ดอยู่หลายรอบเลยครับ ไม่รู้ว่ามันเป็นอะไร
เดี๋ยว Stop working เดี๋ยว stop working จะเขียนแต่ละทีนี่รมณ์เสียแบบ
สุโก่ยๆไปเลยครับ วันนี้เห็น 25 view รู้สึกฮึดครับ ไวมากๆ จะพยายามรีไรท์
ตอนที่สองให้ไวที่สุดนะครับ แต่อาจจะติดปัญหาจาก Word is Stop working
เยอะหน่อยๆ 55 เป็นทีเราโหลดไฟล์มาจากกูเกิลไดรฟ์ที่ไปแต่งลงไว้หรือเปล่า
ก็ไม่รู้สิ จะก็อปไปวางอีก docx นึงก็ stop working อีกแล้วครับ โอ๊ย เครียดฝุดๆ
แถมการบ้านก็สุมหัวเป็นกองพะเนิน คาดว่าพรุ่งนี้จะไม่ได้ลง Chapter 2 (2)
นะครับ อาจจะได้ลงอะไรบางอย่างๆ ที่สามารถมโนไปได้ง่ายกว่ามาคั่นไว้นะครับ
ถ้าไม่ชอบที่ผมทำแบบนี้ก็บอกได้นะครับ จะได้ปรับเปลี่ยน ตอนนี้ก็ยังนั่งหน้าคอม
ใส่กางเกงยีนส์จากไปเรียนพิเศษมาเลยครับเนี่ย โอย !_! ยังไม่ได้อาบน้ำเลย
นั่งรีไรท์ 55 แต่ก็ยอมเพื่อทำครับ แต่งแล้วมีความสุข ส่วนนิยายเรื่องที่หนึ่ง
และที่ลงในเฟส ตอนนี้ก็กำลังดองให้ขึ้นอืด ไม่ใช่ล่ะ เดี๋ยวจะแต่งต่อแน่ครับ -^-
(ถ้าใครจะถามก็บอกไว้ก่อน) งุงิงุงิ วันนี้ก็ขอบ๊ายบายไปอาบน้ำก่อนแล้วกันนะครับ
หนาววววววววววววววว บรึ๋ย >!!!<
Thx. for your reading
by ..Alone..
ความคิดเห็น