ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fate Love : รักใสๆ ของนายเพื่อนร่วมห้อง

    ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1 : Start my good feeling (1)

    • อัปเดตล่าสุด 22 ม.ค. 58


    Chapter 1 : Start my good feeling.

             

    ....วันศุกร์เปิดเทอม เดือนพฤษภาคม ปี พ.ศ.2556

     

              เปิดเทอมเริ่มชีวิตใหม่ของ ม.4 เริ่มขึ้นแล้ว โรงเรียนเอกชนชื่อดังที่ปกติก็มีจำนวนนักเรียนมากมาย

    ก่ายกองอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอเปิดเทอมใหม่ นักเรียนที่เข้ามาใหม่ก็ถลาล้นให้นักเรียนมากขึ้นกว่าเดิมไป

    อีกเป็นเท่าตัว


                ร่างของเด็กผู้ชายคนหนึ่งใส่กางเกงนักเรียนสีกรมท่า เสื้อเชิ้ตนักเรียนสีขาว ลงอักษรสีนแดงสด

    แถวๆ ช่วงหน้าอกเป็นอักษรย่อโรงเรียน ถัดลงมาด้านล่างเป็นตัวเลขฮินดู-อารบิก แสดงถึงเลขประจำตัว

    นักเรียน อักษรสีแดงเลข
    57875 แสดงให้เห็นชัดว่าเป็นใคร เพียงแค่มีอาจารย์หรือผู้ปกครองเข้าไปใน

    เว็บไซต์ของโรงเรียน แล้วเพียงแค่กดไปที่สแกนหมายเลขประจำตัว เพียงเท่านี้ก็รู้ชัดเจนว่าเป็นใคร


                “เฮ้ย! ไอ้เอปน์ สรุปมึงไม่ได้ลาออกใช่มั้ยว้าาาเสียงดังของใครบางคนดังขึ้นมาทางข้างหลังของ

    เด็กหนุ่ม เขาหันหลังกลับไปมองก็พบกับเด็กผู้ชายอีกคนที่วิ่งตามเขามา


                “เออๆ พอดีพ่อไม่โดนสั่งย้ายแล้วว่ะ 555” เขาพูด

                “เออดิ่ ถ้าพ่อมึงย้ายไปตรัง พวกกูก็ขาดไอ้หน้าม่อประจำกลุ่มนะสิวะ! 555” เมื่อเขาได้ยินเสียง

    เพื่อนพูดออกมาอย่างนั้นก็อดไม่ได้ที่จะ
    เพี๊ยะ!!เบิร์ดกระโหลกเพื่อนแสนตรงไปทีนึง


                “ไอ้สลัดเอปน์ กูเจ็บ!เด็กชายพูดแล้วเอามือกุมหัวตัวเองไว้

                “มึงตรงไป ดูคนอื่นมั่งนะสัส มองมาที่กูหมดแล้วเชี้ยยเด็กหนุ่มเจ้าของมือที่เพิ่งจะฟาดลงไปบนหัว

    ของเพื่อนตัวเองโพล่งขึ้น


                “ก็มึงหล่อ

                “อุต๊ะ! พูดถูกใจจุงกะเบรยส์ แต่กูว่าหยุดสาระแนแหกปากตรงนี้ แล้วแม่งไปดูรายชื่อคนในห้องดี

    กว่าว่ะสัส เผื่อเดี๋ยวใครโดนตกห้อง ในเว็บก็ประกาศแม่งแค่ผล
    เด็กหนุ่มคนเดิมพูดขึ้นก่อนที่จะลากคอ

    เพื่อนของตนไปหน้าอาคารสีฟ้าอ่อนใหญ่ๆอาคารหนึ่ง ป้ายหน้าอาคารเขียนชื่อไว้ว่า
    อาคารสมโภชย์ 40 ปี

    ดุจดาว-ปาจรีย์ อนุเคราะห์

     

                เด็กหนุ่มเดินไปยังบอร์ดอะลูมิเนียมสีเทาขุ่น ภายในมีกระดาษหลายใบติดอยู่ มีแผ่นกระจกใสใหญ่

    สองแผ่นเลื่อนได้ปิดทับอยู่ เด็กนักเรียนจำรวนมากมุงดูกัน แต่ก็มีบางส่วนที่ยังสามารถที่จะแทรกเข้าไปได้


                “เอปน์ มานี่มาๆเด็กชายคนเดิมที่เพิ่งจะโดนลากมาดึงคอเสื้อของเด็กหนุ่มเข้าไปหน้าบอร์ด

                “เออๆ ดึงเบาๆดิสัส เดี๋ยวคอเสื้อกูยับเขาบ่น

                “ทีมึงดึงกูนะ มานี่เลยสัส อย่าเพิ่งโวยวาย มาดูดิ๊ เพื่อนคนไหนหลุดมั่งเด็กชายดึงปกเสื้อของอีก

    คนให้มายืนข้างๆตัวเอง โดยไม่ได้แคร์สายตาของคนรอบข้างเสียเลย


                “เออๆ

                เด็กชายกวาดตามองด้านบนหัวของกระดาษที่มีชื่อห้องเขียนไว้ก่อจะพึมพำเบาๆห้องพิเศษ

    Gipted มัธยมศึกษาปีที่ 4/1”


    (Epn Speak)

    “1.กันตวรา

    2.มณฑาพิมพ์

    3.อัชรินทร์

    4.อัฌญกานต์

    อัฌญกานต์ ...เวชกาญจนมนตรี… เด็กใหม่เหรอวะไอ้นิก กูรู้สึกไม่คุ้นชื่อผมถามเพื่อนที่ชื่อ

    นิกที่มันยืนอยู่ข้างๆ


                “เออ มั้ง น่าจะเด็กใหม่ ปีที่แล้วไม่มีคนชื่อนี้นี่หว่าไอ้นิกบอก

                “อ่านต่อดิๆ เดี๋ยวเผื่อกูไม่ติด

                “ไม่ติดพ่องดิสัส สอบก็สอบผ่าน ไอ้ห่า!เวรเอ้ย แม่มพูดมาได้นะสัส สอบก็สอบผ่าน สอบ

    ห่าไรก็ผ่าน เสือกบอกไม่ติด - -


                “เออ มึงอ่านต่อซะ พล่ามอยู่ได้มันบอกผม ทั้งๆที่มันมัวแต่

    “5. เกวลีลน์

    6.ปทุมรัตน์

    7.กันตุพงษ์

    8.มัณทวัชย์

    9.เกษร

    .

    .

    .

    .

    .

    18.เอปกรณ์ กูนี่หว่า เชร้ด (ได้ข่าวว่าติดแล้วนะ)

    19.วิรุฬห์กันต์ มึงเลขที่ 19 ไอ้นิก

    .

    .” ผมพูดหมดทุกคนจนเจ็บคอ ก็พบว่า มีเด็กใหม่เข้ามา 10 คนจาก 35 คน ก็ถือว่าเยอะอยู่ คนเก่าๆ

    ก็คงจะออกไปเรียนโรงเรียนรัฐเพื่อหาโควตาเข้ามหา
    ลัย หมดละมั้ง


                “เรียนห้อง 431 ว่ะ ไกลเลย อดส่องหญิง ม.2 แล้วกูครับ คราวนี้ย้ายจากตึก 3 ไปตึกสี่ที่มัน

    อยู่ไกลกันตั้งเยอะ ผมก็เลยอดส่องเด็ก ม.
    1 ที่เพิ่งขึ้น ม.2 ปีนี้น่ะสิ เฟล


                “เออน่า พี่ ม.5 ก็มาอยู่กับเรา มีเด็กสวยๆตั้งเยอะ รึมึงจะเหล่ป้อจาย?!” ปากมันหมาอีกแล้ว

    ครับ ผมเลยจัด
    เพี๊ยะ!


                “มึงตบกูอีกแล้วสัส!ไอ้นิกมันตวาดใส่ผม ผมทำหน้าเฉยๆแกมทะเล้น ก่อนจะหันหน้าไปอีก

    ฝั่งดูรายชื่อห้อง พิเศษ
    Gipted 2 เพื่อนกันอีกห้องหนึ่งทีไม่รู้ว่าจะมีใครติดมามั่ง


                ระหว่างที่ผมหันไปเพื่อไปดูกระดาษแสดงผลของห้อง Gipted 2 ก็พบกับผู้ชายคนนึงหน้า

    ขาวๆ กำลังมองหา
    อะไรบางอย่างอยู่ แว่นกรอบสี่เหลี่ยมดำเรียบที่ใส่นั้นดูดึงดูด เป้สีดำที่โดนดึงให้

    กระชับกับหลังนั้นยังดึงดูดผมอยู่ เด็กคนนั้นเดินมาทางบอร์ด ม.
    4 แล้วไล่ดูจากล่างขึ้นบน

    อ๊ะ เจอแล้วคนคนนั้นขยับปากพูด ผมเหล่ตาไปมองที่ทางปกเสื้อก็พบว่ามีสัญลักษณ์รูป

    หนังสือสีเขียวอ่อนๆ เล็กปักอยู่หนึ่งอัน


    มอเดียวกับกูนี่หว่า ผมนึกในใจ

    ผมเหล่ไปอีกทางเพื่อที่จะมองชื่ออัชญกานต์ เวชกาญจนมนตรีผมพึมพำเบาๆห้องเดียว

    กับเราน่ะสิวะ เดี๋ยวไปทักซะหน่อย
    ผมคิดอย่างนั้นก่อนจะเดินเข้าไปสะกิดที่ไหล่ของเขาเบาๆ


    นี่ๆ นายชื่ออัชญกานต์ เวชกาญจนมนตรีป่ะ?” ผมถามเขาพร้อมด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอย่าง

    เป็นมิตร


    อ่ะ อืม เราเอง ทำไมเหรอเขาตอบผมมาด้วยท่าทีประหม่าไม่น้อย คงจะยังไม่

    ชินกับโรงเรียนสินะ

    อืม เรา เอปกรณ์ ชาติรัตน์โอฬาร นะ ชื่อเล่นชื่อ เอปน์ อยู่ห้องเดียวกับนายนะ ม.4/1 ห้อง

    ม.
    4 /G 1 นั่นแหล่ะ คงดูผลมาจากเว็บโรงเรียนแล้วล่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะผมแนะนำตัวเอง

    อือ เราชื่อ ฟาน นะ ช่วยแนะนำเราหน่อยสิ เราไม่ค่อยรู้เรื่องอะ พอดีเพิ่งมาใหม่อะ ไม่มี

    เพื่อนเลย นายอยู่ห้องเดียวกับเราใช่ไหมอะ นะ
    เขาทำท่าเหมือนอ้อนผม ปกติก็น่ารักอยู่เป็นทุนแล้ว

    ยิ่งทำแบบนี้ยิ่งน่ารักไปใหญ่
    >< แต่ผมไม่ได้ชอบผู้ชายหรอกนะครับ -.-


    ได้สิ เดี๋ยวเราพาไปห้องเรียนเองนะ

    อือ ขอบคุณนะเขาพยักหน้าให้ผมแล้วส่งยิ้มมาให้

    ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

     

                ผมพาฟาน (ที่เพิ่งจะรู้ชื่อ) เดินไปตามทางเพื่อจะไปที่ตึก 4 ระหว่างทางก็สาธยายเรื่องเกี่ยวกับ

    โรงเรียนไปด้วยไม่น้อยเลยทีเดียว


                “นี่นาย เอ่อ ฟาน ตรงนี้เป็นโรงอาหารเฉพาะของ ม.4 ม.5 นะ เวลาพักทั้งหลายแหล่นายก็มากินข้าว

    ที่นี่ได้นะ เดี๋ยวเรื่องตารางเรียน ทางวิชาการจะจัดให้แล้วประกาศบอกอีกที ช้าสุดก็วันมะรืน
    ผมพาเพื่อใหม่

    พาทัวร์โรงเรียนที่แสนจะเข้าใจยากและใหญ่โตมโหฬาร โดยทิ้งไอ้นิกไว้ตรงบอร์ด (ตอนนี้เพื่อนใหม่สำคัญ

    กว่าครับ
    555 มันคงโมโหกระฟัดกระเฟียดขึ้นห้องไปแล้วล่ะ)


                “แล้ว ม.1-3 อ่ะ จะกินข้าวที่ไหน นี่มันเฉพาะ ม.4 กับ 5 นี่นา หรือว่าปล่อยให้ไปกินกันนอกโรงเรียน

    เราเห็นมีร้านค้าเต็มเลยอะ
    ฟานพูดพร้อมกับเอียงคอมองผมด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ


                            ถ้าไม่ติดว่าเป็นผู้ชาย ผมคงจะอุ้มขึ้นห้องนอนแล้วจริงๆนะ!

                            แต่สงบไว้ เอปกรณ์ สงบไว้ ผู้ชายนะมึง มึงคงไม่ลดชั้นมาเอาผู้ชายกันเองนะ

    เอปกรณ์ สงบไว้ๆ ฟานเป็นผู้ชาย….หน้าสวย -O-

    อ๋อ พวกเด็ก ม. ต้น จะไปกินที่ตึก 2 กันน่ะ โรงเรียนเรามันแปร่งๆ ตรงที่จะแยก ม.ต้น

    ม.4  ม.5 ไว้คนละที่ อะนะ ม.ต้น จะอยู่ตึก 1 2 3 ส่วน ม.4 ม.5 จะอยู่กันที่ตึก 4 5 ส่วนตึกสมโภชย์ 40 ปี จะ

    เป็นตึกประชุมรวมของโรงเรียนอะนะ ตึกนั้นมันจะสวยสุดเลยแหละ ไปได้ทุก ม. แต่ พวกเราก็สามารถเดิน

    ไปไหนมาไหนในโรงเรียนได้ตามสะดวกอะนะ
    ผมอธิบายจบก็หันไปหาฟานที่ยืนทำหน้ามึนอยู่ อ่าว นี่เอ็ง

    เข้าใจที่ข้าพูดมั้ย -.-

                “ส่วนตึกหก สกาวฟ้า เป็นตึกพักผ่อนอะนะ ห้องสมุดเอย ศูนย์ต่างๆก็อยู่ที่นั่น รวมถึงห้องเรียนก็อยู่

    ที่นั่นด้วย” ผมอธิบายถึงตึกหกที่เมื่อกี้ลืมพูดไป


                “อืม เราไม่ค่อยจะเก็ท แต่เราก็จะพยายามเก็ทนะ ^^” ฟานพูดแล้วยิ้มหวานอย่างเป็นมิตรให้ผม

    ก่อนจะถามต่อด้วยสีหน้าที่สงสัยเพิ่งจะนึกออกว่า ม.
    6 หายไปแล้ว ม.6 ล่ะ หายไปไหน


                “ม.6 จะไปอยู่ศูนย์ฯ น่ะผมอธิบายก็ประมาณว่าคงอยากให้เงียบๆ เตรียมสอบAdmission Gat

    Pat มั้งผมอธิบายตามที่ฟานอยากรู้ ก่อนจะพูดต่ออีกเรื่องหนึ่ง “ส่วนอาคารไหนเป็นของ กสร. อะไร ขอเรา

    นึกแป๊ปนะ” อ่า..ผมลืมซะแล้ว ปิดเทอมนาน “อ้อ กสร.คณิตอยู่ที่ ตึก
    2 ของ ม.ต้น วิทย์ อยู่ตึก 6 สังคม

    ภาษาอังกฤษ อยู่ตึก
    3 ภาษาไทย อยู่ตึก
    4 ส่วนมากวิชาที่ครูอยู่ไกลจากตัวตึกที่ต้องสอนก็จะไปนั่งที่ห้องพัก

    ครูของตึกแต่ละตึกอะนะ อย่างครูอ้อยก็จะนั่งอยู่ตึกวิทย์ ครูวิทย์ ม.ต้น ก็จะไปอยู่ตึก
    1 เพราะว่าจะมีสะพาน

    เช
    ื่อมตึกน่ะ กสร. คอม กับการงาน อยู่ที่ตึกการงาน หรือเรียก ตึกคอมฯ ก็ได้ ดนตรี ศิลปะ นาฏศิลป์ อยู่ที่ตึก

    ศิลปะ ส่วนกลุ่มบริหารต่างๆ อยู่ที่อาคารสมโภชย์อะนะ” ผมอธิบายตามประสบการณ์ที่ได้อยู่ที่นี่มา
    3 ปี

                “อืม เราเข้าใจละ ขอบใจเอปน์นะที่ทำให้เรารู้อะไรมากขึ้นอะฟานยิ้มหวามให้ผม จนผมแทบจะยิ้ม

    ตอบไปไม่ทัน


                “ไปห้องเรียนกันดีกว่า นั่งข้างเรามั้ย พอดีคนที่นั่งข้างเราย้ายออกไปแล้วอะ แล้วก็เปลี่ยนห้องด้วย

    เอาปะ
    ผมถามเพราะกลัวว่าจะหาเพื่อนไม่ได้


                “อือ ^^ ขอบคุณนะเอปน์ฟานตอบกลับมาแล้วยิ้มกว้างให้ผม

                            นี่นายจะทำให้ใจฉันละลายแล้วนะ ยิ้มก็หวานซะ ฉันอยากจะฟัดนายแล้วนะ

    ไปห้องดีกว่าเนาะผมพูดตัดบทเพราะกลัวว่าจะมียิ้มหวานออเซาะส่งมาให้อีกระลอกนึงน่ะสิ ถ้ามีอีก ไม่รู้

    ว่าผมจะผันตัวจากการชอบผู้หญิงมาชอบผู้ชายแทนรึเปล่าน่ะสิ!


    ม่ายยยย ~_~

                ****************************************************

              

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×