เสียงนุ่มลึกของเขากล่าวขึ้นมาพร้อมกับดวงตาของฉันที่เบิกโพลงและแสดงใบหน้าว่าตกใจเป็นอย่างมาก เพราะไม่คิดว่าจู่ๆคนที่หลับเป็นตายเหมือนเจ้าชายนิทราอย่างเขาจะมาคว้ารั้งแขนของฉันเอาไว้
อย่าบอกนะว่าเขาได้ยินเรื่องที่ฉันพูดคนเดียวก่อนหน้านี้จนหมด เมื่อคิดได้ดังนั้นความร้อนก็ก่อตัวขึ้นที่ใบหน้าของฉันเพราะนอกจากจะพูดคนเดียวแล้ว คำพูดของฉันมันก็น่าอายเอามากๆ
ถ้าเขาได้ยินจริงๆตั้งแต่ฉันมา ฉันก็ไม่รู้ว่าจะเอาใบหน้าไปแทรกดินหรือเอาไปปักดินแบบนกกระจอกเทศไว้ที่ไหน
"นี่นายตื่นตั้งแต่เมื่อไรแล้วเนี่ย!"
ฉันสะบัดแขนเขาออกอย่างตกใจ ก็จู่ๆเขาก็ฟื้นขึ้นมาแล้วแกล้งฉันแบบนี้คนเราก็ต้องมีสะดุ้งกันบ้างแหละ ฉันจึงเผลอสะบัดแขนเขาแรงไปหน่อย จนเห็นใบหน้าเขาแสดงอาการเจ็บออกมา ดูเหมือนว่ามันคงไปกระเทือนแผลของเขา
ฉันที่คิดจะขอโทษ แต่พอนึกดูอีกทีฉันก็ไม่กล้าที่จะพูดออกไป ก็เลย...
"สะ...สมน้ำหน้า!มาทำให้ฉันตกใจเอง!"
ฉันกอดอกเบือนหน้านี้พร้อมต่อว่าเขาไปในตัว ที่จริงคำพูดที่ควรพูดกับเขาจริงๆคือการขอโทษเขา แต่ศักดิ์ศรีของฉันที่มีต่อเจ้าอ้วนจิมาตลอดนี่มันค้ำคอฉันอยู่ละมั้ง ฉันเลยไม่กล้าที่จะพูดออกไป
"โอย รุนแรงจังนะ...ว่าแต่ขวัญข้าวละ?"
เขากล่าวถามขึ้นหลังจากอาการเจ็บทุเลาลงแล้ว เมื่อเห็นว่าฉันอยู่ที่นี่คนเดียวเขาจึงถามขึ้น
"ฉันไม่อยากให้เสียงของยัยเด็กนั่นมารบกวนผู้ป่วยที่โรงพยาบาลนี่ ฉันเลยให้ยัยหมอแฟนของนายดูให้ที่ห้อง" ฉันกล่าวบอกโดยที่สายตาก็ยังไม่ได้สบตากับเขา ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม
"ทำเป็นพูดนั่นพูดนี่เธอไม่อยากให้...ลูกของเราต้องมาป่วยเพราะติดเชื้อโรคที่โรงพยาบาลมากกว่าละมั้ง"
เขาที่ลุกขึ้นมานั่งพร้อมกับเอาหลังพิงพนักหัวเตียงที่ปรับขึ้นมา กล่าวบอกกับเธอด้วยรอยยิ้ม ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะสามารถยิ้มแบบนั้นได้ด้วย ยิ่งคำพูดที่บอกว่า...ลูกของเรา นั้นมันแทบทำให้ฉันร้อนผ่าวตรงใบหน้าขึ้นมายิ่งกว่าเดิม แต่เพื่อไม่ให้เขารู้ฉันจึงต้องหันหลังคุยกับเขา
"เหอะ โทษทีนะฉันไม่ได้สนหรือใส่ใจเกี่ยวกับยัยเด็กนั่นในหัวเลย แล้วก็อีกอย่าง...นั่นลูกของนายคนเดียว!"
ฉันปฏิเสธเรื่องที่เขาพูด พร้อมกับชี้หน้าไปที่เขา เพื่อพยายามจะบอกว่าขวัญข้าวนั้นเป็นแค่ลูกของเขาคนเดียว เพราะยังไงในอนาคตเธอก็จะยกสิทธิ์การดูแลนั่นทั้งหมดให้กับเขาและเธอจะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับขวัญข้าวอีก
ฉันไม่รอให้เขาได้พูดอะไรก็ตัดสินใจเดินออกไปอย่างรวดเร็วทันที ทิ้งให้เขาอยู่ในห้องตามลำพัง
ถึงแม้เธอจะเดินออกไปแล้ว แต่ชายหนุ่มก็ยังคงมองไปที่ประตูที่เธอเพิ่งออกไปไม่นานเล็กน้อย ราวกับคิดว่าเธออาจจะกลับมาอีกครั้ง แต่เมื่อไม่เห็นเธอกลับมาเขาก็ก้มลงมองบางสิ่งบางอย่างที่ตกอยู่บนพื้น
เขาคาดว่าเธอน่าจะทำมันตกหลังจากที่สะบัดแขนเขาก่อนหน้านี้
เขาค่อยๆก้มคว้ามันขึ้นมา ก่อนจะมองที่หน้าจอที่ไม่ได้ล็อคเอาไว้เพราะกำลังแชทกับใครบางคนอยู่ก่อนหน้านี้และดูเหมือนเขาจะคว้าขึ้นมาทันก่อนจะถึงเวลาพักหน้าจอดับเองของมัน
มันเป็นแชทที่เธอคุยกับเดียร์ ไม่รู้หรอกนะว่าสองคนนี้ไปสนิทกันตอนไหนที่มีแชทไลน์คุยกันได้แบบนี้
๐..Yoko์ ..๐ : ll เธอกับขวัญข้าวถึงห้องยัง? ll [17.50]
:DeAr ๐w๐ : ll ส่งรูปภาพ ll [17.56]
๐..Yoko์ ..๐ : ll นมอยู่ตรงตู้เก็บของข้างๆตู้เย็น เอาไปอุ่นชงให้เธอกินด้วย ส่วนผ้าอ้อมสำหรับเปลี่ยนอยู่ในตู้เล็กๆตรงหัวเตียงนอนห้องฉัน และอย่ารื้ออะไรที่ไม่จำเป็นละยัยหมอ ถ้าอะไรหายขึ้นมาฉันแจ้งความจับหล่อนแน่ ll [17.56]
:DeAr ๐w๐ : ll รู้แล้วจ้าคุณแม่ฉันหมอนะคะไม่ใช่โจร ll [18.00]
จิมองมองข้อความและรูปภาพที่เดียร์ส่งมาให้หยก มันเป็นรูปที่เดียร์กำลังอุ้มขวัญข้าวและป้อนนมขวดให้เธอ จิมองเวลาที่คาดว่าเดียร์น่าจะถึงที่คอนโดเล็กน้อยผลัดกับเวลาที่หยกออกไปไม่นาน
แสดงว่าหยกคงอยู่เฝ้าไข้เขานานพอสมควร เพราะแท้จริงแล้วเขาเพิ่งตื่นตะกี้นี้จริงๆที่จริงก็ตื่นตอนพ่อแม่มาเยี่ยมแล้วแหละ แต่ตอนนั้นมันปวดตัวมากและรู้สึกเพลียเลยเผลอหลับไปอีกรอบโดยไม่ได้คุยกับพ่อและแม่
ก่อนจะตื่นมาอีกทีแล้วเจอหยกนี่ละ...
เขาไม่รู้ว่าหยกนั้นพบพ่อและแม่ของเขารึเปล่า แต่ถ้าไม่เจอก็คงดีไปเพราะพ่อแม่ของเขาไม่ชอบขี้หน้าเธออยู่ด้วย หลังจากที่เขาเคยเล่าเกี่ยวกับเธอในอดีตให้พวกเขาฟัง
เขามองกลับไปที่แชทของสองสาวเล็กน้อย ก่อนจะไล่ดูและเขาสังเกตว่าเวลาที่หยกตอบหลังจากเดียร์ส่งข้อความมานั้น มันแทบจะทันทีเลย มันทำให้เขาพอรู้ว่าหยกเองถึงปากจะพูดแบบนั้นแต่ใจจริงแล้วเธอก็เป็นห่วงขวัญข้าวเป็นอย่างมาก
นั่นทำให้ชายหนุ่มรู้สึกแปลกประหลาดอยู่ในอกแปลกๆ เขาเริ่มรู้สึกว่าหยกคนนี้นั้น...
แต่ในขณะที่เขากำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับความไม่เข้าใจอะไรบางอย่างอยู่นี้กับสิ่งที่หยกทำ ซึ่งมันผิดแปลกจากที่เขารู้มาโดยตลอดและรู้จักมาโดยตลอด
เขาก็สังเกตแชตชื่อนึงในไลน์ของหยก...
และรูปใบหน้าโปรไฟล์ของคนคนนี้ เขาจำได้อย่างดี...
ปล.คอมเม้น รีวิวและแชร์เป็นกำลังใจในการแต่งตอนต่อไปเจ้าค่ะ
ปล2.มาแล้ววววววววววววววเจ้าค่ะ