"เจ้านี่ใช้พลังได้พร่ำเพรื่อจริงๆนะ"
เสียงของหญิงสาวคนนึงดังขึ้น พร้อมมองรอบๆภายในตัวปราสาทแห่งนี้รวมถึงภายนอกที่เต็มไปด้วยทะเลสาบที่สำกว้างสุดลูกหูลูกตา ก่อนจะกลับมามองชายหนุ่มคนนึงที่วาร์ปกลับมาที่นี่หลังจากที่เขาเดินทางไปจัดการธุระอะไรบางอย่างมา
ส่วนที่เธอบอกว่าเขาใช้พลังพร่ำเพรื่อนั้นเขาใช้พลังมหาศาลในการสร้างที่นี่ขึ้น แน่นอนว่าระดับเธอก็ยังสร้างมันขึ้นมาไม่ได้
"หืม ก็มันมีไว้ขังพวกเด็กดื้อๆแบบคุณไง"
เดย์ที่ถอดหน้ากากจักรพรรดิ์มารออกแล้วเหลือเพียงชุดเกราะ ยิ้มเจ้าเล่ห์นำมือมาลูบใบหน้าของลีลีสเล็กน้อยพร้อมมองเธอด้วยสายตาเย้ายวน ถ้าหญิงสาวคนไหนเจอแบบนี้เข้าก็ยากที่จะหลุดรอดไปได้
"แหม ข้าไม่ดื้อเสียหน่อย ข้าออกจะเชื่อฟังเจ้าทุกอย่างเลยนะ"
ลีลีสนำมือเรียวบางของเธอจับมือของเขาอย่างนิ่มนวล พร้อมเขยิบเข้าหาใกล้ชิดเขาด้วยใบหน้า น้ำเสียงและสายตาที่เย้ายวนไม่แพ้เขา เดย์เห็นแบบนี้ก็ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะกล่าว
"ก็เห็นดื้ออยู่นี่ไง นี่คิดว่ามีดเล่มเล็กจิ๋วนั่นที่ซ่อนไว้ด้านหลังจะสามารถฆ่าผมได้อย่างงั้นเหรอ? อุตส่าใจดีปล่อยให้ขยับร่างกายได้อิสระแล้วแท้ๆเชียวแม่ตัวแสบ"
เดย์ยิ้มกล่าวขึ้น ลีลีสเมื่อโดนจับได้ก็สะดุ้งขึ้นก็จะขมวดคิ้วชักมีดสั้นที่อาบยาพิษมนต์ดำเธอขั้นร้ายแรง ปาดไปที่คอของเขาด้วยความเร็วที่ยากจะมองตามได้ทัน
มีดสั้นของเธอทันทีที่โดนคอของเขาก็แตกละเอียดต่อหน้าต่อตาเธอ เธอถึงกับเบิกตาโพลงด้วยความไม่อยากเชื่อสายตาตนเอง เพราะมีดเล่มนั้นมันทำมาจากคุณสมบัติธาตุระดับสูงที่แข็งเป็นอย่างมากอย่างมิธริลเชียวนะ
แถมมันยังฝังคุณสมบัติธาตุมืดของเธอไว้ระดับสูงอีกด้วยแล้วทำไมมันถึงแตกสลายง่ายเพียงนี้ เพียงแค่สัมผัสผิวบางๆของเขา
ทันทีที่มีดเล่มนั้นแตกสลาย ลีลีสที่ยังคงตกใจอยู่ก็โดนเดย์ฉวยโอกาสนำแขนอันแข็งแกร่งของเขารวบเอวบางคอดของเธอเข้ามากระชั้นชิด ทำให้ใบหน้าของทั้งสองแทบจะชนกัน เมื่อเห็นแบบนี้ลีลีสก็ขมวดคิ้วทันทีและแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ชอบใจ
เธอร้องบอกพร้อมกับนำมือผลักอันอันแข็งแกร่งของเขา ภายใต้ชุดเกราะดำนั่น เดย์เมื่อเห็นว่าชุดเกราะของเขามันเกะกะไปเสียหน่อยจึงสลายมันออกเผยให้เห็นมัดกล้ามอันแข็งแกร่งของเขาที่เปลือยท่อนบนโชว์กล้ามเนื้ออันแสนเซ็กซี่นั่น
"รู้ไหมว่าเวลาคุณดิ้นนี่มันน่ารักน่ามองกว่าตอนที่คุณแสดงใบหน้าเจ้าเล่ห์กว่าเยอะเลยนะ"
เดย์ยิ้มเอ่ยอย่างอ่อนโยนพร้อมมองร่างบางตรงหน้า โดยที่ร่างบางของลีลีสยังคงอยู่ภายใต้อ้อมแขนอันแข็งแกร่งของเขา
"หึ คิดว่าลมปากหวานๆนั่นจะใช้กับข้าได้ผลงั้นเหรอ อย่าลืมข้าไม่มีวันอภัยเจ้าที่บังอาจหลอกลวงท่านพี่หรอกนะ!"
ลีลีสกัดฟันพร้อมจ้องตาเขาอย่างเคียดแค้น โดยไม่มีแววตาเจ้าเล่ห์ที่ชอบมักแสดงออกมา ราวกับว่าสิ่งที่เขาทำมันทำให้วานาดีสสาวแสนเจ้าเล่ห์คนนี้โมโหขึ้นมาอย่างจริงๆจังๆ
"แหม ไม่คิดเลยว่าคุณจะเป็นห่วงพี่สาวของคุณขนาดนี้ ผมนึกว่าคุณรังเกียจพวกพี่ๆของคุณและไม่คิดสนใจเสียอีก อย่างตอนประชุมงานศพของจูเลียสคุณก็ไม่ได้ไปนี่"
"นี่เจ้ารู้เรื่องนั้นได้ไง?!"
ลีลีสมองนัยต์ตากลมโตสีม่วงของเธออย่างตกใจไปที่เดย์ที่ยังคงวางท่าทีไม่ทุกข์ร้อนใดๆ
"ไม่มีอะไรที่ผมไม่รู้หรอกนะ ยกเว้นเขตแดนของเทพกับในปราสาทของพระราชวังศ์ของพวกมนุษย์ละนะ อีกอย่างนึงผมก็ไม่ได้หลอกลวงอะไรจูเลียสนี่พวกเราก็แค่แสดงความรักต่อกันเท่านั้นเอง...เหมือนที่ผมกำลังแสดงกับคุณไง"
ไม่ทันที่ลีลีสจะได้ทำอะไร เดย์ก็ยื่นใบหน้าเข้ามาหาเธอ พร้อมกับนำริมฝีปากของเขาสัมผัสไปที่ริมฝีปากของเธอ ก่อนเขาจะกดลงน้ำหนักแน่นครอบครองริมฝีปากของเธออย่างไม่อาจขัดขืนได้
เธอเบิกตาโพลงใบหน้าแดงก่ำ ก่อนจะพยายามผลักเขาออกไปและดูเหมือนจะเป็นเขาที่ยอมตามใจเธอผละออกไปเอง
เธอที่หลุดออกมาจากอ้อมกอดเขาด้วยนั้นนัยต์ตาของลีลีสที่มองด้วยความเกลียดชัง เธออดไม่ได้ที่จะแผ่รังสีอาฆาตออกมาพร้อมปลดปล่อยคลื่นพลังความมืดกระจายไปรอบๆ
"ไม่มีวัน...ข้าจะไม่มีวันให้อภัยแกแน่ไอ้ปีศาจ อย่าคิดว่าฉันจะหลงเชื่อลมปากของแก่ง่ายๆเหมือนท่านพี่ แกคิดจะสร้างความสัมพันธ์หลอกๆนี่กับข้าเพื่อหลอกใช้ข้าที่มีความใกล้ชิดกับวานาดีสคนอื่นๆเพื่อใกล้ชิดอาวุธผู้กล้าใช่ไหมละ!!"
"โอ้...คุณรู้มาจากจาเร็ดอดีตเจ้าชายเผ่ามนุษย์หมาป่าที่คุณพาตัวไปสินะ"
เดย์กล่าวขึ้นพร้อมนึกถึงตอนที่เขาสู้ชนะจาเร็ด แล้วก่อนที่จะฆ่ามัน มันก็ได้ลีลีสเข้ามาช่วยเหลือในการหลบหนีทำให้มันรอดตัวไป เขาไม่รู้หรอกนะว่าตอนนั้นลีลีสเอาตัวจาเร็ดไปเพื่ออะไร
แต่ทันทีที่เขามีพลังสูงตอนนี้ ทำให้เขารู้เหตุผลจากทักษะของเขาแล้ว เพราะมันไม่ได้ถูกปิดกั้นเหมือนเขตแดนของเทพและปราสาทเชื้อพระวงศ์ของมนุษย์
"แต่ก็ถูกอย่างที่คุณพูดมานั่นแหละ...เห้อ เห็นทีคงจะใช้ไม้อ่อนกับคุณเหมือนคราวจูเลียสไม่ได้สินะ"
เดย์ถอนหายใจพร้อมนำมือลูบหลังคอกล่าวขึ้นอย่างเซงๆ ก่อนจะตัดสินใจเดินมาหาลีลีสที่ตั้งท่าเตรียมจู่โจมเขาได้ทุกเมื่อ
"หึ คิดว่าข้าจะยอมปล่อยช่องว่างเหมือนคราวนั้นเหรอ ข้าบอกเลยว่าเจ้าคิดผิดแล้วที่ปลดพันธนาการข้า..."
ลีลีสยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมกับรวบรวมพลังมืดไว้ที่มืดของตน จนบรรยากาศรอบๆสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่อัดแน่นที่บริเวณมือของเธอ ภาพที่ชายตรงหน้าย่ำยีพี่สาวของเธอเธอจะไม่มีวันให้อภัยเด็ดขาด
แต่ไม่ทันที่เธอจะปลดปล่อยพลังยัดใส่ใบหน้าที่น่าหมั่นไส้ของชายตรงหน้า
เขาก็ยิ้มมาทางเธออย่างเจ้าเล่ห์พร้อมดีดนิ้วขึ้น ทำให้พลังของเธอที่รวบรวมมาก็ต่างสลายหายไปจนหมดราวกับฝุ่นควัน รวมถึงแม้แต่เสื้อผ้าของเธอ
"โอ้ รูปร่างของคุณมันงดงามเหมือนที่ผมคิดจริงๆขาวมาแต่ไกลเชียว อ้ คุณไม่ต้องตกใจนะสงสัยผมคงลืมบอกไป มิตินี้นะเป็นของผม...ดังนั้นผมจะทำอะไรก็ได้อย่างการดับพลังธาตุมืดของคุณ"
"ขี้โกง!!และต่ำช้าที่สุดทำไมเจ้าต้องทำเสื้อผ้าอาภรณ์ข้าหายไปด้วย!"
ลีลีสปกปิดร่างกายของเธอด้วยความอาย พร้อมอดไม่ได้ที่จะต่อว่าด่าทอกับพลังที่แสนขี้โกงของเขา แต่ดูเหมือนเขาจะทำเป็นหูทวนลมพร้อมกับทำสัญญาณมืออะไรบางอย่าง
จากนั้นร่างกายเปลือยเปล่าของเธอก็ลอยขึ้นมาและลอยไปหาเขา ก่อนจะวางลงที่อ้อมแขนของเขาที่อ้ารอไว้อยู่แล้ว
"วันนี้ผมหิวมากเลยแถมจูเลียสก็ไปทำธุระอยู่ด้วย ทีอาสุดที่รักก็โดนห้ามไม่ให้มีอะไรด้วย งั้นเป็นว่าตอนนี้ผมขอ...กินคุณแทนก่อนละกัน"
ลีลีสทันทีที่เห็นเขาพูดจบและสลายชุดเกราะท่อนล่างออก เผยให้เห็นอาวุธลับxxxx ด้วยขนาดที่น่าตกใจ เธอมองมันด้วยความรังเกียจและรู้สึกคิดไม่ออกว่าถ้ามันเข้าไปข้างในตัวเธอมันจะเจ็บปวดขนาดไหน
"ไหนลองแสดงสีหน้าเจ้าเล่ห์อย่างทุกทีให้ผมเชยชมหน่อยสิหวานใจของผม...ทันทีที่xxxxเข้าไปในxxxxของคุณ"
เดย์ว่าขึ้นกระซิบข้างหูเธอ ก่อนจะค่อยๆนำxxxxเข้าไปในตัวเธอ ลีลีสก็เบิกตาโพลงรับรู้xxxxของมันที่เข้ามาภายในตัวเธอ
ถึงแม้ร่างกายของเธอจะมีอาภรณ์ของผู้กล้าปกป้องความบริสุทธิ์ของพวกเธอเอาไว้ แต่ว่ามันก็โดนทำลายอย่างง่ายด้วยพลังของเดย์
"โอ๊ย...อ๊า...เจ้ามันชั่วช้าที่สุด"
เธอกล่าวอย่างเคียดแค้นพร้อมจ้องไปที่ตาของเขาทั้งน้ำตา เดย์เห็นแบบนั้นมันก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มเข้าไปหอมหน้าผากของเธอทีนึง
"ขอโทษนะผมทำเจ็บไปงั้นเหรอ ผมจะทำค่อยๆนะลีลีสที่รัก" เดย์ยิ้มกล่าวอย่างเจ้าเล่ห์ พร้อมกับทำอย่างที่พูดเขาค่อยๆxxxxxxx
"แฮ่ก...อึ้ก!...ใช่เรื่องนั้นที่ไหนเจ้าบ้า...แล้วใครเป็นที่รักของแก อย่ามาพูดแบบนี้กับข้าทั้งๆที่เจ้าฝืนใจบังคับข้าโดยใช้พลังนะ"
ลีลีสยังคงกล่าวด้วยใบหน้าที่ยังเคียดแค้น แต่ผ่อนปรนลงกว่าตะกี้ไปพอสมควรทันทีที่เขาหอมหน้าผากของเธอ
"จริงอยู่ที่ผมทำแบบนี้เพื่อหวังผลประโยชน์จากพวกคุณ..."
"เห็นไหมละเจ้ามันปีศาจข้าคิดไว้อยู่แล้ว...ท่านพี่ก็คงโดนเจ้าหลอกลวง จนเสียทั้งกายและใจให้เจ้าไป แต่อย่าหวังว่าข้าจะเป็นแบบนั้นข้าจะบอกความจริงให้ท่านพี่ฟังทุกอย่าง และสิ่งที่เจ้าจะได้รับตอนนี้ก็มีแค่กายข้าเพียงเท่านั้นอย่าหวังที่เจ้าจะ..."
"แต่ผมจะไม่มีทางทิ้งพวกคุณและให้ความสำคัญกับคนเดียวเหมือนพวกมันหรอกนะ"
ทันทีที่เดย์กล่าวแทรกขึ้นมา นัยต์ตาของลีลีสก็เบิกโพลง ก่อนจะขมวดคิ้วกล่าวอย่างไม่พอใจ
"นี่เจ้าอ่านความทรงจำของข้างั้นเหรอ...น่ารังเกียจที่สะ..." ไม่ทันที่ลีีลสจะต่อว่าอะไรเขาก็กล่าวขัดขึ้นมาต่อ
"ไม่ใช่หรอก...ผมได้ยินมันมาจากจูเลียส พวกมนุษย์น่ะสนใจแต่สิ่งที่เรียกว่าผู้กล้า เชิดชูคนผู้นั้นเป็นความหวังและมอบทุกสิ่งทุกอย่างให้กับเขาเพราะผลประโยชน์อันยิ่งใหญ่ให้กับพวกมัน
แต่ในทางกลับกันพวกเขากลับมองพวกคุณเป็นเครื่องมือที่ไม่มีวันตายที่จะใช้ยังไงก็ได้โดยไม่สนชีวิตของพวกคุณ เพราะต่อให้พวกคุณตายพวกคุณก็จะกลับมาเกิดใหม่อีกครั้งทันทีในร่างทารกคนใหม่แถมความทรงจำยังคงอู่
นั่นทำให้พวกมันเห็นพวกมันไม่สนใจความต้องการ ความคิดของพวกคุณ เพราะยังไงพวกเขาก็รู้ว่าหน้าที่ของพวกคุณคือการปกป้องมนุษย์ การปกป้องผู้กล้าและกำจัดจอมมารให้สิ้น
และเมื่อเชื้อขัยของจอมมารถูกกำจัดจนสิ้น พวกคุณทั้งเจ็ดคนก็จะตายและไม่กลับเกิดใหม่อีก นั่นคือคำสาปที่จักรพรรดิ์มหาเวทย์'ลาบายก์' ได้ส่งใส่ในร่างจิตพลังของศพผู้กล้าคนแรกใช่ไหมละ?"
เรื่องที่ไม่คาดฝันได้เกิดขึ้น ลีลีสเบิกตาโพลงเมื่อได้ยินเขาพูดจบ น้อยคนนักที่จะได้รู้ความจริงว่าวานาดีสนั้นไม่ได้เกิดจากการแบ่งพลังด้วยความตั้งใจของผู้กล้า แต่มันคือคำสาปจากจักรพรรดิ์มนุษย์คนแรกที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสหายของผุ้กล้าคนแรกและแข็งแกร่งเรื่องพลังเวทย์ที่สุด
ได้ทำการแบ่งพลังจิตเศษเสี้ยวในตัวของศพของผู้กล้าที่สิ้นอายุขัย ออกเป็น 7 ส่วน เพื่อจะได้มีพลังของผู้กล้ามาใช้ตลอดได้อย่างไม่จำกัด โดยได้ลงคำสาปเพื่อให้เป็นอมตะเกิดใหม่ได้ตลอดเพื่อบรรลุเป้าหมายเดียวคือการจบเชื้อขัยจอมมารที่เป็นศัตรูคู่อาฆาตกับเผ่ามนุษย์มาโดยตลอด
ดังนั้นในความคิดของพวกจักรพรรดิ์ที่รู้เรื่องพวกนี้อยู่แล้ว จึงคิดแค่ว่าพวกวานาดีสนั้นเป็นเครื่องมือเพียงเท่านั้นที่ไม่มีวันพังเท่านั้นจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย
"ที่ผมอยากให้คุณมาอยู่ข้างเรา...ก็เพื่อไม่ให้คุณต้องตายยังไงละ แต่ที่จริงคุณก็ไม่คิดจะอยู่ข้างพวกมนุษย์แต่แรกแล้วนี่...ใช่ไหมละ?"
เดย์กล่าวขึ้นอย่างอ่อนโยนพร้อมลูบใบหน้าของเธอ ลีลีสทันทีที่ฟังจบสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย มันเป็นจริงอย่างเขาว่านั่นแหละถ้าเธอฆ่าทีอาได้ พวกเธอทั้งเจ็ดคนก็ต้องตายและไม่มีวันเกิดมาใหม่อีก
แน่นอนว่าเรื่องนี้วานาดีสทุกคนย่อมรู้จากความทรงจำและคำสั่งของลาบายก์ในตอนนั้น ทุกคนยอมรับถึงข้อนี้ดี แต่สมัยนั้นก็มีวานาดีสสองคนที่เริ่มเกิดความไม่ยุติธรรมขึ้นกับเรื่องพวกนี้
นั่นก็คือจูเลียสพี่คนโตและอีกคนก็คือ...
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เธอนั้นรวบรวมแอบร่วมมือกับเผ่าปีศาจที่ต้องการกำจัดเผ่ามนุษย์อย่างจริงจังมาโดยตลอด
แน่นอนว่าพวกปีศาจเหล่านั้นเป็นพวกที่ไม่พอใจกับทีอาเพราะทีอานั้นไม่เด็ดขาดกับการกำจัดพวกมนุษย์ หนึ่งในนั้นก็คือจาเร็ดนั่นแหละ แต่เพราะพวกเขาไม่รู้ถึงแผนทำลายอาวุธผู้กล้าของเธอนั่นแหละ
"ผมสัญญาว่าจะพาพี่ๆของคุณทุกคนออกมาจากวังวนคำสาปนั่น และจะทำให้พวกเขาเข้าใจถึงความคิดของคุณที่จะสื่อออกไปให้พวกเขาได้รับรู้"
เดย์ยังคงพูดต่อพร้อมกับจ้องนัยต์ของเธอที่ตอนนี้ดูสับสน กังวล ไร้ความเจ้าเล่ห์อย่างทุกครั้ง ก่อนจะลูบใบหน้าของเธออีกครั้งอย่างอ่อนโยน
"ให้ผมได้ช่วยคุณเถอะนะ แล้วผมรับรองว่าพวกคุณจะไม่เป้นเครื่องมือของใครอีกต่อไป ถ้าคุณไม่เชื่อผมก็จะทำสิ่งนี้ให้ดู..."
ลีลีสเบิกตาโพลงเมื่อเห็นเขาวาดวงเวทย์อะไรบางอย่างขึ้นพร้อมมอบให้กับเธอ มันคือพันธสัญญาสัจจะแห่งพระเจ้า ถ้าใครโกหกคนผุ้นั้นจะตายอย่างไม่อาจขัดขืนได้ แถมเขาได้มอบมันให้กับเธอและให้ใช้มันกับเขา
"เจ้าบ้าไปแล้วเหรอ ทำไมถึงได้ให้มันกับศัตรูแบบข้า!"
ลีลีสร้องกล่าวขึ้นอย่างไม่เข้าใจ แต่เดย์ทำเพียงแค่ยิ้มและกุมมือเธอไว้ พร้อมกับนำนัยต์ตาคมจ้องไปที่นัยต์กลมโตคู่หวานที่ไร้ความเจ้าเล่ห์ของเธอเหมือนทุกครั้ง
"คุณน่ะไม่ใช่ศัตรูสำหรับผม...แต่ต่อไปนี้คุณจะกลายเป็นคนสำคัญของผม และผมจะไม่มีทางให้ใครมาทำร้ายคุณได้เช่นกันนับจากนี้ต่อไปถ้าคุณเชื่อในตัวของผม"
ลีลีสจ้องตาของเขาก่อนจะเม้มปากและกล่าวต่อว่าเขาเบาๆ เธอเหลือบมองไปที่วงเวทย์ในมือก่อนจะหลับตาเหมือนคิดอะไรบางอย่าง จนในที่สุดเธอก็ตัดสินใจ...
สลายมันทิ้งไป นั่นทำให้เดย์ตกใจเล็กน้อย ก่อนไม่ทันได้กล่าวอะไรเธอก็พุ่งเข้ามาหาเขาชนเขาจนล้มไปนอนอยู่บนเตียงโดยมีเธอคร่อมเอาไว้
เดย์เรียกชื่อเธอพร้อมมองใบหน้าของเธอ ก่อนลีลีสจะทำสีหน้าเจ้าเล่ห์เหมือนที่เธอเคยทำเหมือนทุกครั้งพร้อมกล่าวขึ้นกับเขา
"รับผิดชอบคำพูดของเจ้าด้วยละ และอีกอย่างต้องให้ข้าอยู่ในฐานะภรรยาของเจ้าเหมือนท่านพี่ด้วยละ" คำพูดของลีลีสทำให้เดย์ตกใจเป้นอย่างมาก แต่เขาก็ปรับสีหน้ากลับมาเป้นปกติได้ก่อนจะยิ้มกล่าวแซวขึ้น
"อยู่กันไปเรื่อยๆเดี๋ยวข้าก็รักเจ้าเองแหละ ถ้าเจ้าลีลาดีพอ" ลีลีสยิ้มกล่าว
เดย์ก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ตอบ ก่อนจะนำแขนดึงเธอลงมาทันทีพร้อมบรรเลงเพลงรักอย่างรุ่มร้อน โดยตอนนั้นลีลีสที่กอดกับเขาอยู่นั้นไม่ได้เห้นใบหน้าของเขาเลยว่า...
...กำลังยิ้มอย่างมีชัยด้วยเรื่องอะไรบางอย่าง
ปล.คอมเม้น รีวิวและแชร์เป้นกำลังใj
ไม่เอาดราม่าตับพังนะตับยิ่งไม่ค่อยแข็งแรงอยู่