คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #53 : CHAPTER 48 : สองพี่น้องแวมไพร์
CHAPTER 48 : สองพี่น้องแวมไพร์ (เปลี่ยนชื่อตอน)
ทวีปเวเซอุส
เมืองอีนิคม่า
ณ เขตหวงห้ามบริเวญป่าช้าร้าง
ติ๊ง!
<ผู้เล่นชุน และ เบลล์ พบ ซอมบี้มนุษย์ ประเภท : อสูรระดับต่ำ ระดับ : ระดับ 100 จำนวน 500 ตัวค่ะ>
ฉัวะ!! ตูมม!!
เสียงฟาดฟันพร้อมเสียงดังของกระสุนที่กระจายตัวออกมาอย่างแรง ของปืนดาบอย่างกันซอร์ดที่ชายหนุ่มผมสีดำดวงตาสีน้ำตาลเฮลเซนัทสวมชุดคลุมสีเทากำลังใช้อยู่นี้
เพื่อใช้ต่อสู้กับฝูงซอมบี้ที่จู่ๆก็โผล่ขึ้นมาเป็นจำนวนมากหลังจากที่พวกเขาเดินอย่างเข้าไปฝ่าบริเวณสุสานที่มีอาณาเขตขนาดกว้างขวางสุดลูกหูลูกตานี่ เพียงไม่กี่ก้าว....
"อะไรกันไอ้พวกนี้ จู่ๆก็โผล่ขึ้นมาเล่นงานพวกเราเฉย!"
ชุนที่กำลังกวัดแกว่งดาบกันซอร์ดฟาดฟันพวกมันไปมา ก็สบถขึ้นอีกครั้งหลังจากไม่เข้าว่าทำไมมันถึงโผล่ขึ้นมาโดยไม่ให้สัญญาณเตือนแม้แต่น้อย และอีกอย่างในเมืองไม่น่าจะมีพวกมอนเอตร์หรืออสูรอยู่นี่นา แล้วทำไมถึงมีพวกนี้โผล่ขึ้นมาได้
" ไม่แปลกหรอกค่ะชุน เพราะที่นี่ไม่ใช่เขตในตัวเมืองของอีนิคม่า อีนิคม่าได้ตัดเขตบริเวณส่วนนี้ออกไปแล้ว เพราะเหตุอะไรข้าก็ไม่ทราบเหมือนกัน "
ฉัวะ!!
อาเธอร์ภรรยาสาวอัศวินของชุนพูดขึ้น ขณะที่กำลังใช้ดาบฟาดฟันสะบั้นคอเหล่าฝูงซอมบี้ ที่มีหน้าตาเหมือนศพเดินได้ แล้วตอนนี้พวกมันก็กำลังเข้ามาล้อมพวกเขาเรื่อยๆ
"งั้นเหรอครับ...ว่าแต่คุณรู้ได้ไงเนี่ย...เอ้อ!แล้วอีกอย่างทำไมพวกมันถึงไม่ตายซักทีเนี่ย !!"
ชุนมองอาเธอร์อย่างสงสัยว่าทำไมดูภรรยาของเขาคนนี้ดูท่าจะรู้จักเมืองนี้จัง ก่อนจะอดทนไม่ไหวกับอะไรบางอย่าง ก็คือไอ้พวกซอมบี้พวกนี้ ที่ชุนสะบั้นคอมันแว่งขนาดนั้นตัดแขนตัดขาไปแล้ว แต่มันก็ยังมีชีวิตอยู่แล้วเข้ามาโจมตีเขาตลอด
"ก็..."
"ลืมไปแล้วรึไงว่ายัยน่ก็เป็นอดีตผู้ปกครองเมืองเหมือนกัน จะมีการติดต่อการค้ากับทวีปกับเจ้าเมืองคนอื่นบ้างก็ไม่เห็นแปลก แล้วส่วนเรื่องไอ้เจ้าพวกนี้ มันจะมีชีวิตเป็นอมตะแน่ถ้าเจ้ายังฟันแบบนั้นอยู่ จุดอ่อนของมันคือสมองที่คอยสั่งการการเคลื่อนไหวของมัน เจ้าจะต้องตัดศรีษะของมันเท่านั้นจึงจะสามารถฆ่ามันได้"
ยังไม่ทันที่อาเธอร์จะตอบอะไร ก็โดนเบลเลี่ยน 7 เทพธิดาสงครามที่อยู่ในแหวนสีแดงขัดแย่งบทพูดของเธอขึ้นมาซะก่อน ทำให้อาเธอร์คิดในใจอย่างไม่พอใจเล็กน้อย
ก่อนจะใช้ทักษะคลื่นดาบของตนเองสะบั้นตัดลำคอของเหล่าฝูงซอมบี้แยกออกจากร่างกายของพวกมันไปทีละหลายสิบตัว จนพวกมันตายได้ในที่สุดและสลายหายกลายเป็นแสง
" ออ...จริงสิแบบในหนังซอมบี้ที่เคยเห็นบ่อยๆสินะ"
ชุนอ๋อขึ้นพลางนึกไปถึงหนังซอมบี้ที่เขาเคยดูมา ที่จุดอ่อนของซอมบี้คือต้องทำลายศรีษะของมันเท่านั้น
"แฮ่!!"
" ชุนจัง ฉันว่ารีบเก็บพวกมันให้หมดเถอะค่ะ พวกเราจะได้บุกไปยังคฤหาสถ์นั่นเร็วๆ"
ฉัวะ ฉัวะ!!!ฉูดด!!
ลูน่าที่ทะยานเข้ามาหาชุน พร้อมกับนำฝ่ามือของตนกระซวกสมองของเหล่าซอมบี้นับสิบ ที่ยืนอยู่ล้อมรอบชุนที่กำลังทำหน้านึกถึงหนังที่เคยดูมาอยู่อย่างรวดเร็วจนพวกมันสลายหายไปเป็นแสง
"เฮ้อ...เจ้านี่ชักช้าจริงลูน่าไม่ต้องขอเจ้านั่นหรอก เดี๋ยวพี่จัดการเอง....พายุดูดโลหิต!!!"
ซู่ม...ซุ่ม...ซุ่ม...ฟ้าวๆ..ซู่มม!!ฟิ้ว!!ฉัวะ!!ฉัวะ!!
"แฮ่!!"
ลูเชียสที่เห็นว่าชุนชักช้าไม่ทันกาล จึงเรียกใช้ทักษะของตัวเองขึ้น ลูเชียสก็ทำการเรียกฝูงค้าวคาวนับแสนขึ้นมาแล้วให้พวกมันก่อตัวเป็นพายุไปถล่มพวกฝูงซอมบี้รอบๆนี่อย่างรวดเร็ว
ลูพายุหมูนสีดำขนาดยักษ์ก็เคลื่อนตัวดูดฝูงซอมบี้หลายร้อยตัวเข้ามายังพายุสีทมิฬนี่ ก่อนจะได้ยินเสียงเหมือนของมีคมกำลังปั่นเศษเนื้ออย่างละเอียดละออ พร้อมกับเลือดที่สาดกระเซ็นออกมาทั่วบริเวณป่าช้าที่เต็มไปด้วยหมอกแห่งนี้
ติ๊ง!
<ผู้เล่นชุน และ เบลล์ ทำการสังหารซอมบี้มนุษย์ ประเภท : อสูรระดับต่ำ ระดับ : ระดับ 100 จำนวน 500 ตัว ได้รับค่าประสบการณ์ 852,500 หน่วย....เนื่องจากผู้เล่นชุน และ เบลล์ยังไม่ได้ทำการเลื่อนขั้น ค่าประสบการณ์นี้จะเก็บไว้ตอนที่ทำการเลื่อนขั้นแล้วค่ะ
ของที่ดรอป : - ยาไวรัสซอมบี้ (ระดับ A) 2 ขวดค่ะ = เมื่อใครได้ดื่มยานี่จะทำให้ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ และกลายเป็นซอมบี้ในที่สุด ติดสถานะซอมบี้เป็นเวลา 1 วันค่ะ พอหมด 1 วันก็จะกลับเป็นปกติ และผู้เป็นซอมบี้สามารถแพร่เชื้อแก่ผู้อื่นได้ค่ะ>
'หือ...ยาบ้าอะไรวะเนี่ย...เก็บไว้ก่อนละกัน'
ชุนพอเห็นขวดที่ตกมาจากกองซากศพซอมบี้ที่ลูเชียสได้ทำการสังหาร ก็เก็บขึ้นมาแต่ยังไม่ทันได้ดูรายละเอียดมากนัก เขาก็เก็บลงใส่กระเป๋าอย่างไม่ใส่ใจไปทันที
" เอาละไปกันต่อเถอะค่ะ"
ลูน่าพอเห็นพี่ชายของเธอจัดการให้แล้ว ก็จูงมือชุนมุ่งตรงไปยังคฤหาสถ์สีดำที่ตั้งอยู่บนยอดหน้าผาทันที อาเธอร์เห็นแบบนั้นก็ไม่ยอมเข้าไปควงแขนชุนอีกข้างนึง
ลูน่าเห็นแบบนั้นก็ยิ้มขำขันก่อนทั้งสองที่ควงแขนชุนจะพาผุ้เป็นสามีของพวกเธอมุ่งฝ่าดวงป่าช้านี่ไป โดยไม่สนใจลูเชียสที่กำลังปัดเลือดที่เปื้อนเสื้อจากฝูงซอมบี้ตะกี้เลย
".............."
ลูเชียสมองกลุ่มชายหญิงสามคนนั้นที่มุ่งไปก่อนโดยไม่รอเขาเลยด้วยสีหน้าเฉยชา ก่อนจะทำท่าจะเดินตามไป แต่เขาก็ต้องกลับหยุดชะงักเมื่อสัมผัสพลังมหาศาลได้จากด้านหลังของเขา
ตูมมม!!!!
ลูเชียสปล่อยคลื่นพลังเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวพุ่งตรงไปทำลาย จุดพลังมหาศาลที่พอๆกับเขา ที่เขาสัมผัสได้นั้นอย่างรวดเร็ว จนเกิดเสียงสนั่นหวั่นไหว แต่ดูท่าเจ้าของพลังมหาศาลจะทำการหลบได้อย่างดี
"ชิ หลบได้เรอะ..."
ลูเชียสสบถในลำคอ ก่อนจะยืนรอการปรากฏตัวของเจ้าของพลังมหาศาลนั้น แล้วไม่นานเกินรอ เจ้าของพลังมหาศาลคนที่ว่าก็เดินโผล่ออกมาจากม่านหมอก และฝุ่นควันที่คละคลุ้งนั่น
" ยังมีพลังที่รุนแรงไม่เปลี่ยนเลยนะ....องค์ชายลูเชียส อดีตเจ้าชายแวมไพร์ผู้สูงส่ง"
"เซฟิรอธ!! "
ลูเชียสพอเห็นร่างเงาดำนั่นโผล่พ้นออกมาอย่างเห็นได้ชัด ก็ตกใจเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นว่าชายคนนี้คือใคร ชายหน้าตาหล่อเหลาผิวขาวดวงตาสีดำ ผมดำยาว มีปีกใหญ่สีดำที่กลางหลัง ไม่ได้สวมเสื้อท่อนบนทำให้โชว์มัดกล้ามเนื้ออันแข็งแกร่ง ใส่กางเกงขายาวสีดำ เขาโผล่มาพร้อมคลื่นพลังที่รุนแรงจนน่าหวาดหวั่น
แต่มันก็ไม่ทำให้ลูเชียส เจ้าชายแวมไพร์อสูรระดับสูงที่มีระดับพลังถึงขั้น 5 ต้องหวั่นเกรงแม้แต่น้อย เพราะเขาจำได้ว่าล่าสุดที่เคยต่อสู้กันนั้น ทำให้รู้ว่าเซฟิรอธอ่อนแอกว่าเขาและพ่ายเขามาครั้งนึงแล้ว
แต่ยังไงลูเชียสก็ไม่คิดประมาท เพราะชายตรงหน้านี้สามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อชัยชนะของตนเอง ไม่เว้นแม้กระทั่งจะลอบกัดก็ตามที....
และเพราะความประมาทของเขาไปครั้งนึง ทำให้เขาต้องสูญเสียราชวงศ์โดนก่อการกบฏในที่สุด และซ้ำร้ายเขากับน้องสาวหรือลูน่า ต้องเกือบโดนสังหารทั้งคู่จากความประมาทในครั้งนั้น....
แต่ถึงลูเชียสจะว่าอย่างงั้น เขาก็ไม่คิดที่จะติดต่อไปขอความช่วยเหลือกับชุนผู้เป็นเจ้านาย เพราะไม่อยากเสียศักดิ์ศรีที่ต้องไปพึ่งพาใคร โดยเฉพาะมนุษย์....ถึงมนุษย์คนนั้นจะเป็นเจ้านายของตนก็เถอะ
" นึกไม่ถึงเลยว่าท่านจะยังไม่ตายนะท่านลูเชียส หึ หึ"
เซฟิรอธหัวเราะเบาๆในลำคออย่างดูชั่วร้ายและเจ้าเล่ห์ คงเพราะทุกอย่างตอนนี้เป้นไปตามแผนการของเขาแล้ว
" อา...ข้ายังไม่ตาย แต่วันนี้ข้าว่าอาจต้องมีคนต้องตายเป็นแน่...." ลูเชียสกล่าวเรียบๆ แต่แววตาที่มองเซฟิรอธเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
" โอ้~ แล้วคนผู้นั้นเป็นใครกันละหืม..."
เซฟิรอธยิ้มขึ้นที่มุมปากอย่างมาดร้าย และดูคำพูดของชายหนุ่มแวมไพร์ราวกับว่ากำลังดูละครตลก
"ก็เจ้าไงละ!!!"
ฟ้าววว!!!!!!!!!!!
สิ้นสุดคำลั่นปากของลูเชียส เขาก็พุ่งทะยานด้วยความเร็วสูงพร้อมชักดาบประจำราชวงศ์แวมไพร์ที่เขาเก็บไว้ข้างตัวตลอดขึ้นมา แล้วพุ่งไปที่เซฟิรอธหมายที่จะทิ่มแทง และฟาดฟันให้ศัตรูที่เขาแค้นมาตลอดนี้ต้องดับดิ้นสลายหายไปให้ได้
" ฮึ...ศัตรูของเจ้าใช่ข้าที่ไหนละลูเชียสเอ๋ย...."
ฟุ่ม ฟุ่ม ฟุ่มๆๆ!!
เคร้ง!!
"...อะไรกัน!นี่มันหมายความว่าไง!! ทำไมพวกเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่!!"
ไม่ทันที่ลูเชียสจะเข้าไปเล่นงานเซฟิรอธ เงาร่างสีดำนับสิบก็พุ่งทะยานขึ้นมา แล้วเอาดาบของพวกตนสะกัดลูเชียสไว้ ลูเชียสมองร่างเงานั่นอย่างชัดๆ....ด้วยนัยต์ตาเบิกโพลงและช๊อคสุดขีด
เมื่อเห็น....เหล่าเพื่อนพ้องสหายแวมไพร์ของเขาที่ตายไปจากการปกป้องเขาในช่วงก่อการกบฏครั้งนั้น
กลับมายืนด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกอยู่ตรงนี้...และยังหันคมดาบใส่เขาอีกด้วย
" ฮึ วันนี้แหละจะเป็นจุดจบของเจ้า....ลูเชียส และไม่ต้องห่วงน้องสาวและเจ้าตัวแสบนายของเจ้าก็จะตามไปเช่นกัน หึ หึ"
ณ ร้านอาหารขนาดใหญ่
" ชนแก้ว!!"
เสียงหญิงสาวที่ฟังออกดูห้าวๆคนนึงดังขึ้นมา ท่ามกลางร้านอาหารที่ดูไม่หรูหรามาก ออกจะเป็นร้านอาหารที่ดูธรรมดาแบบร้านอาหารตามสั่ง แต่ก็เป็นร้านที่คนมาแน่นตลอดเพราะฝีมืออาหารจากพ่อครัว
แต่ในครั้งนี้ทั้งร้านกลับถูกจองด้วยกลุ่มคนกลุ่มนึง...
เสียงหญิงสาวที่ตะโกนมาแบบไม่เกรงใจใคร ก็คือตะวันแห่งกิลนารีทูตสวรรค์นั่นเอง เธอยกแก้วไวน์ขึ้นมา(อาหารไม่หรู แต่ก็พอมีไวน์ละนะ) แล้วชนแก้วพร้อมกับกลุ่มคนทั้ง 17 คนนี้
อันประกอบไปด้วย เธอ เบลล์ ซีลาร์ เดเบียล่า อาลีเซีย เหม๋ยหลิน พี ฮิซานะ ดอม ลัล เรย์ รีน่า กันย์ ธัน นน แจม และน้ำ
กลุ่มคนที่มารวมตัวกันโดยมิได้นัดหมาย และทั้งหมดเป็นคนรู้จักของเบลล์ที่เป็นสื่อกลางการรวมตัวกันของกลุ่มคนพวกนี้ พวกดอม เคยเจอและพูดคุยกับพวกตะวัน และเหม๋ยหลินมาบ้างแล้ว จึงพูดคุยกันอย่างได้ไม่แปลกใจ (ยกเว้นพี กับ ฮิซานะ ที่พวกดอมดูเกรงๆเล็กน้อย)
ส่วนพวกกันย์เพื่อนบนโลกจริงของชุน ได้พอรู้เรื่องราวว่ากลุ่มคนพวกนี้ไม่ได้รู้จักชุนอย่างแท้จริง จึงยอมตามน้ำไปว่าเบลล์คนนนี้ก็เป็นเบลล์จริงๆ โดยไม่เอาชุนมาเกี่ยวข้อง แจมและน้ำถึงไม่ค่อยชอบใจการโกหกนี่เท่าไร แต่ก็ยอมๆไปเพราะกลัวจะมีปัญหากัน
พวกกันย์ก็สามารถเข้าพูดคุยในฐานะเพื่อนในโลกจริงของเบลล์ได้อย่างไม่ติดขัด เพราะพวกกันย์เองก็เป็นพวกออกงานสังคมใช้ปากบ่อย...
....จึงสามารถสนิทกับกลุ่มของตะวัน และกลุ่มของดอมได้อย่างง่ายดาย (ยกเว้นพวกซีลาร์ อาลีเซียที่ไม่ค่อยยอมคุยด้วยเท่าไรนอกจากเจ้านายหรือสามีของตน ส่วนเดเบียล่าเข้ากับใครได้หมดอยู่แล้ว)
"สำหรับที่เบลล์สามารถชนะรอบแรกได้อย่างปลอกกล้วยเข้าปาก มื้อนี้เหม๋ยหลินเลี้ยงเอง!!"
"ห๊า!!อะไรยะยัยทานตะวัน!!"
ตะวันที่ดูคึกเป็นพิเศษตะโกนขึ้นด้วยนามึนเมาเล็กน้อย พลางกอดคอรีน่าที่ดูคึกพอๆกันอย่างเข้ากันได้ดีเลยทีเดียว สำหรับสองสาวสองคนนี้ เหม๋ยหลินฟังดังนั้นก็ขมวดคิ้วแยกเขี้ยวใส่เพื่อนสาวทันที
ตะวันก็ไม่สนใจพลางกอดคอเบลล์ขึ้นมาอีกคนแล้วหอมแก้มเบลล์เล็กน้อย...(เฮ้ย...นี่มันO_O)
" ทำอะไรเนี่ยตะวัน!"
เบลล์อุทานขึ้นเล็กๆ แต่ในใจที่เป็นชุนกลับยิ้มกริ่มอย่างชอบใจ ที่หญิงสาวหน้าสวยนี่มาหอมแก้มเธอ
" แหม...ก็เบลล์น่ารักนี่นา ขออีกทีนะ"
ตะวันว่าพลางจะเลื่อนหน้าเข้ามาหอมแก้มเบลล์อีกฟอด แต่ก็โดนซีลาร์ อาลีเซียดันออกไปทันที
"เธอนี่จะมากไปแล้วนะ ยัยเพี้ยน!"
อาลีเซียว่าขึ้นหลังจากดันตะวันถอยไปได้ ตะวันมองอาลีเซียอย่างมพอใจเล็กน้อย (ยังไม่รู้ว่าพวกซีลาร์เป็นผู้ติดตาม) ก่อนจะทำท่าไปแย่งตัวเบลล์มาให้ได้ด้วยท่าทางมึนเมา ก็โดนพี ฮิซานะ และเหม๋ยหลินดึงตัวไว้
แล้วจับนั่งลงทันที....
"นั่งเฉยๆไปเลย เธอเมามากแล้วนะ-*-" เหม๋ยหลินแขวะเพื่อนสาวคนนี้ขึ้น ตะวันที่รู้ตัวก็แลบลิ้นออกมาพลางลูบหัวตัวเอง แล้วกล่าวขอโทษเล็กๆ
"แฮะ แฮะ โทษทีนะเบลล์ฉันพอเมาแล้วมันคุมตัวเองไม่อยู่อะ"
"อะ...อื้อไม่เป็นไร"
เบลล์ยิ้มตอบกลับอย่างไม่คิดอะไร ตอนนี้เบลล์ไม่ได้สนใจเรื่องทางนี้มากนัก เพราะเธอกำลังควบคุมร่างจริงที่ด้านฝั่งป่าช้าด้านโน้นอย่างเป็นงานเป็นการอยู่ พวกกันย์ก็คุยอย่างสนุกสนานกับพวกดอมคุยเรื่องเกมส์และการประลองของเบลล์ต่างๆนานาว่าคิดเห็นกันอย่างไร
กันย์ก็ไม่พลาดที่จะชวนคุยกับลัลที่เป็นสาวสวยของกลุ่มนี้ แต่ก็ต้องแย่งกับธันที่คิดเหมือนกันหน่อยละ ทางแจมเองก็คุยกับดอมอย่างสนุกปาก น้ำเองก็คุยกับรีน่า พีและฮิซานะอย่างสนิทกันได้แล้ว เพราะพวกเธอคุยเรื่องประเภทเดียวกันได้ดีอย่างสนุกปากเลยทีเดียว
เบลล์มองไปที่ฮิซานะ ลัล เหม๋ยหลิน ตะวัน พี เล็กน้อย...
เพราะเธอกำลังจัดอันดับอยู่ว่า 5 สาวแสนสวยนี้ใครที่สวยที่สุดกัน เพราะจะได้ตัดสินใจจีบเป็นคนแรก....(ไม่วายวกมาเรื่องนี้-_-) ก่อนจะตัดสินได้ว่า ฮิซานะหญิงสาวชาวญี่ปุ่นสวยที่สุด รองมาก็ตะวัน เหม๋ยหลิน พี และลัล
' หวังว่าฮิซานะคงไม่สนิทกับฮยอนอานะ จะได้จีบได้สะดวกๆหน่อย อิอิ'
เบลล์หรือในจิตที่เป็นชุนคิดในใจอย่างมีแผนการณ์ และดูชั่วร้ายสำหรับเหล่าหญิงสาว เธอไม่รู้ตัวเลยว่าเธอกำลังโดนแอบมองจากตะวัน ดอม และเรย์อยู่เลย พวกเขาทั้งสามมองเบลล์ด้วยใบหน้าที่แดงเล็กๆ พลางคิดเรื่องราวของแต่ละคนที่ไปเกี่ยวข้องกับเบลล์ที่ผ่านมา....(เอาละสิ หรือว่าสามคนนี้...>0<)
แต่ไม่ทันที่ทั้งสามจะมองหญิงสาวคนนี้จนพอใจ หญิงสาวคนนี้ก็กลับลุกขึ้นพรวดแล้วอุทานขอร้องพวกเขาทั้งกลุ่มขึ้น
" ทุกคน! ช่วยเหลืออะไรฉันซักอย่างได้มั๊ยคะ"
**************************************************************
เมื่อหลายร้อยปีก่อนนั้น
ก่อนที่สองพี่น้องแวมไพร์จะมาเดินหลงทางในห้วงมิติเวลาของเบลเลี่ยน 7
เทพธิดาสงครามแห่งการทำลายล้าง....
.... พวกเขาสองพี่น้องได้เป็นถึงพระบุตร และ
พระธิดาของจักรวรรดิ์แวมไพร์ผู้สูงส่ง
ในราชอาณาจักรที่ทรงอำนาจมากที่สุดของอาณาจักรแวมไพร์ นั่นก็คือ อาณาจักรลูนาเทียส
ราชาแวมไพร์ที่เป็นผู้อยู่บนจุดสูงสุดของจักรวรรดิ์แวมไพร์ที่ยิ่งใหญ่ทั้งหมดนี้ ก็คือพระบิดาของทั้งสอง ในอาณาจักรพระองค์มีพระมเหสีหนึ่งคน และพระสนมมากมายนับไม่ถ้วน
แวมไพร์สาวมากมายได้ถูกแต่งตั้งให้เป็นพระสนมอย่างไม่เต็มใจของราชาแวมไพร์ เพราะราชาแวมไพร์ทำเพื่อความมั่นคงของจักรวรรดิ์เท่านั้น มิได้หลงใหลเหล่าอิสตรีแวมไพร์ผู้สูงส่งพวกนี้เลยแม้แต่น้อย แม้กระทั่งพระมเหสีของเขาเองก็เช่นกัน
มันมาจากการคลุมถุงชนของราชาองค์ก่อนที่เป็นพระบิดาของเขาทั้งนั้น แวมไพร์สาวพวกนี้ถูกส่งมาให้เขาในฐานะเครื่องบรรณาการจากอาณาจักรแวมไพร์จากที่อื่นและเพื่อความสงบสุขของจักรวรรดิ์ ราชาแวมไพร์จึงต้องยอมรับแต่โดยดี
แต่แล้ววันหนึ่ง ราชาแวมไพร์ก็ไปพบกับมนุษย์หญิงสาวคนหนึ่ง ที่กำลังบาดเจ็บอยู่เพราะโดนเหล่าสัตว์อสูรของอาณาเขตของอาณาจักรของเขาทำร้ายไล่ล่ามา
เขาที่ไปล่าสัตว์เล่นพอดีในเวลานั้น ก็ได้ทำการกวาดไล่พวกสัตว์อสูรออกไปและช่วยเหลือหญิงสาวผู้นั้น แต่อาการของเธอก็ยังไม่หายดี เขาพยายามจะรักษาเธอแต่ก็ไม่เป็นผล เพราะหญิงสาวผู้นี้ไม่ใช่เผ่าพันธ์เดียวกับเขา
จึงไม่สามารถรักษาในวิธีการเดียวกับเขาได้
เขาจึงเสกกระท่อมหลังนึงขึ้นมาด้วยพลังเวทย์ของตนเอง หญิงสาวก็ตกใจเป็นอย่างมาก ก่อนจะโดนราชาแวมไพร์หนุ่มอุ้มเธอเข้าไปพักผ่อนในนั้น ด้วยความที่เธอยังไม่หายดีและอาการสาหัสพอสมควร เขาจึงไม่กล้าจะทิ้งเธอไว้
จึงคอยอยู่ดูแลเธอ เขาไปล่าสัตว์มาทำอาหารให้เธอ
หมั่นควบคุมระบบการไหลเวียนปราณในร่างกายเธอที่กำลังปั่นป่วนทุกวัน
และเป็นเวลา 1 เดือนที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน จนกระทั่งหญิงสาวหายดี และระหว่างที่พวกเขาอยู่ด้วยกันความรู้สึกผูกพันมันก็ก่อตัวขึ้นกับทั้งสอง ทำให้ทั้งคู่ต่างตกหลุมรักซึ่งกันและกันและอาศัยอยู่ด้วยกันจนเธอหายไม่ต่างฉันท์สามีภรรยา
หญิงสาวที่หลงรักราชาแวมไพร์หนุ่มเข้าไปแล้ว
จึงยอมบอกเรื่องทั้งหมดที่เขาเคยถามว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเธอ เธอก็บอกไปโดยดีทั้ง....น้ำตา
...ว่าหมู่บ้านของเธอโดนอสูรกายเข้ามาทำร้าย และพวกมันก็เข่นฆ่าพ่อและแม่ของเธอ รวมถึงคนในหมู่บ้านจนหมดสิ้น ทำให้ตอนนี้เธอไม่มีที่จะไปอีกแล้ว....
ราชาหนุ่มแวมไพร์ฟังก็รู้สึกสงสารจับใจ ก่อนจะเข้าไปกอดหญิงสาวมนุษย์ผู้นั้น พร้อมกับพูดขึ้นว่า
"ถ้าเจ้าไม่มีที่ไป
เจ้าก็มาอยู่กับข้าเถอะ....ข้าขอสัญญาว่าไม่ว่าร้ายหรือดี ข้าก็จะอยู่กับเจ้าตลอดไป...เลเนียร์"
จากนั้นราชาแวมไพร์หนุ่มก็ได้พาเธอกลับไปยังอาณาจักรของเขา ทางอาณาจักรก็ไม่ได้กังวลเท่าไรกับการหายตัวไปของพระราชาคนนี้
เพราะเขาก็มักหายไปแบบนี้บ่อยๆเพราะไปล่าสัตว์ในที่ไกลๆ ทำให้ทุกวันนี้เรื่องบ้านเมืองต้องตกเป็นหน้าที่ของพระมเหสี
และ แม่ทัพใหญ่ของอาณาจักรที่เป็นคนสนิทของพระราชา
แต่ช่วงเวลา 1
เดือนกว่าที่หายไปของพระราชา
พระมเหสีที่อยู่กับแม่ทัพหนุ่มคนนี้ทุกวันก็เกิดความรู้สึกผูกพันกับแม่ทัพหนุ่มคนนี้ และยิ่งที่พระราชาไม่เคยจะสนใจใยดีเธอแม้แต่น้อย
เธอเองก็รู้ว่าพระราชาหนุ่มมิได้หลงรักเธอเลย
ส่วนเธอเองหลงใหลพระราชาเพียงเพราะหน้าตาที่หล่อเหลาเท่านั้น เธอจึงทำเรื่องผิดศีลธรรมในที่สุด
โดยการมีความสัมพันธ์กับแม่ทัพหนุ่มที่ดูเหมือนจะรู้สึกผูกพันธ์กับเธอเช่นกัน
แต่ขณะทั้งสองที่กำลังจะมีอะไรกันบนเตียงใหญ่ ของห้องพระราชากับเธอ
พระราชาที่กลับมาพอดีก็เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับหญิงสาวมนุษย์คนนั้น พระราชามองพระมเหสีของเขาอย่างเบิกโพลง
แม่ทัพหนุ่มกับพระมเหสีก็รีบแยกตัวออกจากกัน พลางจะทำท่าทางปฏิเสธเรื่องนี้ขึ้น แต่ก็โดนพระราชาหนุ่มกล่าวขึ้นมาก่อน ด้วยน้ำเสียงที่ไม่ชอบใจเล็กน้อย เพราะถึงเขาจะไม่ได้รักเธอ แต่เธอเองก็ควรให้เกียรติ์ฐานะที่เธอดำรงอยู่ เพราะฐานะที่ดำรงอยู่นั้น มันเป็นถึงภรรยาเอกของเขาเลยทีเดียว
ถึงพระราชาจะไม่อยากทำหนัก แต่เรื่องแบบนี้ก็เป็นที่ยอมรับไม่ได้เช่นกัน เพราะเขาเองก็ไม่อยากเก็บคนที่ทำอะไรลับหลังเขาอย่างนี้ได้เช่นกัน เขาจึงเนรเทศทั้งสองออกจากจักรวรรดิ์และอาณาจักรของเขาไป พร้อมถอดยศตำแหน่งมเหสีของเธอออก
แล้วยกให้กับหญิงสาวมนุษย์ที่อยู่ข้าวตัวเขาแทน.....
พระมเหสีคนก่อนก็จากลาไปกับแม่ทัพหนุ่มทั้งน้ำตา แต่มิได้โกรธแค้นอันใดต่อพระราชาหนุ่ม เพราะยังไงเธอเองก็เคยรักเขามาก่อน แถมนี่เขายังลดโทษเธอไม่ให้โดนประหารอีก เธอจึงไม่มีสิทธิพูดอะไรพร้อมเดินจากปพร้อมกับอดีตแม่ทัพหนุ่มอันเกรียงไกรผู้นี้
และแน่นอนว่าเรื่องของการแต่งตั้งหญิงสาวมนุษย์ไม่เป็นที่ยอมรับของพวกแวมไพร์ เพราะพวกเขาเองรังเกียจเผ่าพันธุ์นี้มาก รองจากพวกมนุษย์หมาป่าเลยทีเดียว แต่ก็ว่า....ไม่มีใครขัดพระราชาได้ จนในที่สุดหญิงสาวมนุษย์ หรือ
เลเนียร์ก็ได้ถูกแต่งตั้งเป็นพระมเหสีในที่สุด
และเวลาผ่านไปเธอก็ได้ให้กำเนิดพระบุตร
กับพระธิดาขึ้นมา ซึ่งแน่นอนว่าสองคนนี้ก็คือ ลูเชียส กับ ลูน่า พวกเขาทั้งสองโตขึ้นในครอบครัวที่อบอุ่น
แต่ในทางกลับกันทางสังคมต่างรังเกียจทั้งสองเพราะเกิดมาจากมนุษย์ครึ่งนึง และแน่นอนว่าพี่น้องต่างมารดาที่เกิดจากพระสนมกับพระบิดาของเขาก็ต่างรังเกียจพวกเขา เพราะความแปลกแยกที่แตกต่างกัน แวมไพร์สายเลือดแท้จะมีผิวที่ซีดเกือบขาว ดวงตาสีแดงจัดไร้วี่แววของนัยต์ตาดำและที่แน่ๆต้องแพ้แสงแดด
แต่ลูเชียสกับลูน่า กลับมีผิวที่ขาวซีดแต่ใกล้เคียงกับมนุษย์ ตาถึงจะเป็นสีแดงแต่ก็ยังมีนัยต์ตาดำแฝง และพวกเธอไม่แพ้แสงแดด ทำให้ลูเชียสกับลูน่าดูเป็นตัวประหลาดในทันที
และมักโดนกลั่นแกล้งเสมอ แต่ก็ไม่เคยบอกพระบิดากับพระมารดาของตน
ลูเชียสที่ถูกกลั่นแกล้งมาตลอดก็ได้แต่เก็บความชิงชังของเผ่าพันธุ์ตัวเองอีกครึ่งนึงไว้ในใจ ทำให้เขามีอคติต่อผู้เป็นแม่เล็กน้อย
วันเวลาผ่านไป จนพวกเขาโตขึ้นเป็นหนุ่มสาว
และก็เป็นเวลาเดียวกันที่....เซฟิรอธได้เข้ามาที่อาณาจักรแห่งนี้ เขาได้เข้าเฝ้ากับพระราชาพระบิดาของพวกเขา
พร้อมกล่าวเรื่องเชื้อเชิญให้เป็นพันธมิตรกับฝ่ายของตน
เพื่อเข้าร่วมกับจอมมารอย่าง....ดอร์น...เดวิลลาซ
พระราชาหนุ่มเมื่อได้ยินดังนั้นก็เลิกคิ้วแล้วเคร่งเครียดทันที แต่ก็ยังขอเวลาให้คำตอบกับเซฟิรอธ
เซฟิรอธที่พอคาดเดาได้ว่าพระราชาหนุ่มคนนี้ต้องตอบปฏิเสธอย่างแน่แท้ เพราะจากการสั่งสอนของพระราชาองค์ก่อนที่บอกว่าไม่ว่าจะอย่างไร อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับพวกปีศาจ (แวมไพร์นี่ไม่เป็นสินะ
อืมๆ...)
เซฟิรอธจึงต้องเริ่มแผนการของตนเอง
โดยใช้เรื่องของพวกลูเชียสเป็นตัวในการนำเรื่อง
เซฟิรอธชักจูงเหล่าคนเฒ่าคนแก่ที่เป็นผู้อาวุโสระดับชั้นสูงของจักรวรรดิ์แวมไพร์ โดยการพูดเป่าหูว่า...
"ตกลงพวกท่านจะยอมรับคนที่ไม่ใช่สายเลือดแท้ ...ขึ้นเป็นกษัตริย์คนต่อไปงั้นเหรอ...แล้วจักรวรรดิ์ของพวกท่านจะมิต้องเสื่อมเสียแล้วล้มสลายในที่สุดหรอกเหรอ ถึงวันนี้จะไม่ใช่....แต่พวกท่านมั่นใจได้อย่างไรว่า....มันจะไม่เกิดขึ้น"
เซฟิรอธทำการชักจูงเหล่าผู้มีอำนาจพวกนั้น จนพวกเขาเริ่มมีแนวโน้มมาทางเซฟิรอธ
เซฟิรอธที่รู้ว่าถึงพวกมันจะยอมรับแต่คงมิอุกอาจทำการใหญ่ถึงขั้นก่อกบฏเป็นแน่ เขาจึงพอเห็นว่าพวกมันเริ่มคล้อยตามแล้ว
จึงถือโอกาสใช้พลังแห่งการควบคุมของตน ควบคุมพวกเหล่าอาวุโสทั้งหมดได้สำเร็จ มันจะไม่สำเร็จเลย ถ้าพวกเขาปฏิเสธและขัดแย้งกับคำชักจูงของเขา แต่เพราะพวกเขาเห็นด้วยจึงถูกพลังนี้ควบคุมได้โดยง่าย
....แล้วเซฟิรอธก็เริ่มแผนการณ์ทันที เขาสั่งให้พวกอาวุโสรวบรวมกำลังคนในอาณัติของตนแล้วทำการก่อกบฏขึ้นในที่สุด
พระราชาเห็นแบบนั้นก็เข้าใจอย่างที่พระบิดาของพระองค์เคยบอก
"ไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับพวกปีศาจจริงอย่างท่านพ่อว่าเลย....."
พระราชาหนุ่มกล่าวได้แค่นั้น ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ถึงฝ่ายของตนจะมีทหารและแม่ทัพที่อยู่ข้างอย่างสุจริตมั่ง แต่ก็มีจำนวนไม่เท่ากับเหล่าแม่ทัพขุนนางอาวุโสพวกนี้
กองทัพของพระราชา
และกบฏได้เข้าห้ำหั่นกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เพราะเป้าหมายของกบฏที่ตอนนี้ทุกคนถูกควบคุมโดยสมบูรณ์คือศรีษะของพระราชาหนุ่ม....
การต่อสู้นานถึง 7 วัน 7 คืน แน่นอนว่าลูเชียสและลูน่าก็เข้าร่วมด้วย พวกเธอต้องสู้กับเหล่าญาติพี่น้องต่างมารดาของตนเอง
เพราะพวกนี้หันไปเข้าฝ่ายของเซฟิรอธอย่างสมบูรณ์
และไม่นานด้วยกำลังที่ต่างกันเกือบ
10 เท่า ฝ่ายพระราชาหนุ่มก็พ่ายแพ้ในที่สุด เขาได้ยืนหยัดถ่วงเวลาให้เป็นคนสุดท้าย แล้วสั่งเหล่าสหายของลูเชียสและลูน่าพาลูเชียส
ลูน่า และเลเนียร์พระมเหสีของเขาหนีไป
เหล่าองครักษ์ที่เป็นทั้งเพื่อนและบอร์ดี้การ์ดของพวกลูเชียสและลูน่านั้น ก็กัดฟันยอมรับแล้วพาพวกเขาหนี
ลูเชียสและลูน่าที่บาดเจ็บจากสงครามจึงไม่อาจขืนแรงเหล่าสหายเพื่อไปช่วยพระบิดาของพวกตนได้ จึงโดนลากไปในที่สุด
เหล่าแม่ทัพทั้งหมดที่อยู่ข้างเซฟิรอธ
ได้เข้าโรมรันกับพระราชาหนุ่มที่มีเพียงคนเดียว เซฟิรอธฉวยโอกาสที่พระราชาหนุ่มสนใจพวกแม่ทัพทะยานตามพวกลูเชียสไป
พระราชาก็อยากตามไปช่วยแต่ไม่สามารถออกจากที่นี่ได้.....
เซฟิรอธที่ตามไปถึงยอดหน้าผาสูงเกือบ
1 พันเมตรได้ทัน
ก็เข้าไปเข่นฆ่าพวกลูเชียสทันทีด้วยท่าทีที่ดูชั่วร้าย
เหล่าสหายของลูเชียสและลูน่าที่เป็นองครักษ์ก็เข้าไปห้ำหั่นเซฟิรอธทันที
แต่ฝีมือที่ต่างชั้น พวกเขาจึงตายทั้งหมด....
ลูเชียสและลูน่ากัดฟันกรอดที่เห็นพวกพ้องตาย
จึงระเบิดพลังที่มีอยู่ทั้งหมดเข้าไปสู้กับเซฟิรอธ
เซฟิรอธที่ไม่คิดว่าพวกลูเชียสจะยังมีพลังเหลืออยู่ขนาดนี้ ก็รับการโจมตีอย่างยากเย็นจนเป็นฝ่ายเพลี้ยงพล้ำในที่สุด
แต่ก่อนเซฟิรอธจะโดนลูเชียสสะบั้นคอ ก็มีเหล่าปีศาจอีก 5 ตน
ที่มีระดับทั้งมากกว่าและพอๆกับเซฟิรอธ
ออกมาจากเงามืดแล้วสะกัดดาบของลูเชียสและลูน่าได้ทัน ก่อนจะทำท่าสังหารแวมไพร์พี่น้องทั้งสอง
เวลานั้นก่อนพวกเขาจะตาย
พระราชาหนุ่มที่เข่นฆ่าพวกแม่ทัพของตนที่ก่อกบฏเสร็จ ทะยานมาด้วยสภาพที่แขนขาดข้างนึงและเลือดท่วมตัวอย่างรวดเร็ว
และก็รับคมดาบของเหล่าปีศาจพวกนั้นแทนลูกๆของตนเข้าไปเต็มหัวใจ
แต่แรงฟันที่ทะลุยังคงมีอยู่ ปลายดาบทะลุพระราชาหนุ่มแล้วมุ่งสู่ลูเชียสกับลูน่าอยู่
พวกเหล่าปีศาจที่ตกใจกับการมาของพระราชาหนุ่มเล็กน้อย ก็กลับมายิ้มเหมือนเดิมเมื่อเห็นว่าสามารถฆ่าทีเดียวได้ถึง
3 คน
แต่ก็ใช่ว่าคนเป็นแม่จะยอมให้เป้นเช่นนั้น เลเนียร์วิ่งเข้ามาเอามือจับดาบยันเอาไว้ แต่แรงที่มนุษย์ไม่สามารถสู้ได้ คมดาบจึงทะลุร่างของเธออีกคน เลเนียร์ที่เห็นว่าเป็นแบบนี้ไม่ดีแน่ถ้าลูเชียสกับลูน่ายังอยู่
ลูเชียสกับลูน่าที่ยังคงช๊อคกับสถานการณ์ตรงหน้า ยังไม่ทันได้ทำอะไร ก็ถูกเลเนียร์ผู้เป็นแม่ผลักทั้งสองไป แล้วตกลงหน้าผาสูง ที่ข้างล่างมีแม่น้ำอยู่ทันที
พระราชาหนุ่มเห็นแบบนั้นก็ยิ้มเพราะคิดว่าลูกๆของพวกเขาอึดพอที่จะรอดจากการตกหน้าผาอยู่แล้ว เขาหันมายิ้มเยาะใส่เซฟิรอธ ก่อนจะมองเลเนียร์หญิงสาวอันเป็นที่รักของตนครั้งสุดท้าย
พวกเขามองหน้ากันในยามที่ดาบยังคงทะลุร่างของพวกเขาอยู่ ก่อนเลเนียร์จะยิ้มเล็กๆและหลับลงอย่างสงบ
พระราชาหนุ่มเห้นแบบนั้นก็ยิ้มทั้งน้ำตา ก่อนจะมองพวกเหล่าปีศาจทั้ง 5 และ เซฟิรอธ
"อย่าหวังว่าจะมีแต่พวกข้าที่เป็นฝ่ายสูญเสีย พวกเจ้าเองก็ต้องเป็นเช่นกัน...."
สิ้นสุดเสียงของพระราชาหนุ่ม เขาก็ระเบิดตัวเองทันที แรงระเบิดทำให้อาณาจักรขนาดใหญ่นี้หายไปถึง 1
ใน 3 เลยทีเดียว
สองพี่น้องแวมไพร์ที่สลบไสล ลอยตามน้ำมาเรื่อยๆ
จนมาเกยตื้นที่ป่าแห่งหนึ่งที่มีหมอกเต็มไปหมด....
พร้อมกับคลื่นพลังแปลกๆ นั่นก็คือป่าแห่งหมอกนั่นเอง....
"แล้วฉันกับพี่ลูเชียสก็ติดอยู่ในป่านั่นมาหลายสิบปีเลยค่ะ....."
ลูน่ากล่าวขึ้นอย่างรู้สึกเศร้าผิดกับปกติที่ชอบปนน้ำเสียงเจ้าเล่ห์มาตลอด
ชุนกับอาเธอร์ที่ฟังเรื่องราวที่ถามไปว่าก่อนหน้าที่พวกลูน่าจะมาเจอกับชุน พวกเธอเป็นใครมาจากไหน ลูน่าก็ยอมเล่าออกมาโดยม่ปิดบัง ชุนกับอาเธอร์ฟังจบก็มีสีหน้าสลดขึ้นมาทันที
ตอนนี้ชุน อาเธอร์
และลูน่าเดินมาถึงหน้าประตูคฤหาสถ์สีดำแล้ว
ที่ตั้งอยู่บนหน้าผานี้
พร้อมกับบรรยากาศที่ดูวังเวงและอึมครึม
แต่ก่อนที่พวกเขาจะเดินเข้าไปชุนก็ถามคำถามนี้ขึ้นมาซะก่อน
และพอเล่าจบชุนก็พึ่งสังเกตุได้ว่าลูเชียสไม่ได้อยู่ที่นี่...
"เอ๋?ลูเชียสไปไหน.......หืม...เฮ้ย!พลังแบบนี้มัน!"
ชุนที่หํนมามองด้านหลังพลางทำท่าหาลูเชียส
แต่พอรู้สึกถึงไอพลังบางอย่างที่รุนแรงและเคยสัมผัสได้มาก่อนก็อุทานขึ้น
เพราะพลังนี้มันเป็นของ.....เซฟิรอธ
****************************************************
ปล.เอาประวัติลูน่า ลูเชียสไปก่อนเน่อ ตอนหน้าตี้ชุนจะใหญ่ขึ้นชั่วคราว พร้อมมาห้ำหั่นกับพวกเซฟิรอธและมีล่าและ
สปอย....ตอนนี้ละได้สู้กับเซฟิรอธแน่นอน555+
ความคิดเห็น