ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Lost Zero Online : มหาสงครามราชันข้ามฟ้า

    ลำดับตอนที่ #53 : CHAPTER 48 : สองพี่น้องแวมไพร์

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.61K
      41
      9 พ.ย. 58

    CHAPTER 48 : สองพี่น้องแวมไพร์ (เปลี่ยนชื่อตอน)

     

    ทวีปเวเซอุส


    เมืองอีนิคม่า

     

    ณ  เขตหวงห้ามบริเวญป่าช้าร้าง

     

    ติ๊ง!


    <ผู้เล่นชุน และ เบลล์  พบ ซอมบี้มนุษย์   ประเภท : อสูรระดับต่ำ   ระดับ : ระดับ 100   จำนวน 500 ตัวค่ะ>

     

    ฉัวะ!! ตูมม!!

     

    เสียงฟาดฟันพร้อมเสียงดังของกระสุนที่กระจายตัวออกมาอย่างแรง  ของปืนดาบอย่างกันซอร์ดที่ชายหนุ่มผมสีดำดวงตาสีน้ำตาลเฮลเซนัทสวมชุดคลุมสีเทากำลังใช้อยู่นี้

     

     เพื่อใช้ต่อสู้กับฝูงซอมบี้ที่จู่ๆก็โผล่ขึ้นมาเป็นจำนวนมากหลังจากที่พวกเขาเดินอย่างเข้าไปฝ่าบริเวณสุสานที่มีอาณาเขตขนาดกว้างขวางสุดลูกหูลูกตานี่  เพียงไม่กี่ก้าว....

     

    "อะไรกันไอ้พวกนี้  จู่ๆก็โผล่ขึ้นมาเล่นงานพวกเราเฉย!"

     

      ชุนที่กำลังกวัดแกว่งดาบกันซอร์ดฟาดฟันพวกมันไปมา   ก็สบถขึ้นอีกครั้งหลังจากไม่เข้าว่าทำไมมันถึงโผล่ขึ้นมาโดยไม่ให้สัญญาณเตือนแม้แต่น้อย  และอีกอย่างในเมืองไม่น่าจะมีพวกมอนเอตร์หรืออสูรอยู่นี่นา  แล้วทำไมถึงมีพวกนี้โผล่ขึ้นมาได้


    " ไม่แปลกหรอกค่ะชุน  เพราะที่นี่ไม่ใช่เขตในตัวเมืองของอีนิคม่า  อีนิคม่าได้ตัดเขตบริเวณส่วนนี้ออกไปแล้ว  เพราะเหตุอะไรข้าก็ไม่ทราบเหมือนกัน " 

     

    ฉัวะ!!

     

    อาเธอร์ภรรยาสาวอัศวินของชุนพูดขึ้น  ขณะที่กำลังใช้ดาบฟาดฟันสะบั้นคอเหล่าฝูงซอมบี้  ที่มีหน้าตาเหมือนศพเดินได้  แล้วตอนนี้พวกมันก็กำลังเข้ามาล้อมพวกเขาเรื่อยๆ

     

    "งั้นเหรอครับ...ว่าแต่คุณรู้ได้ไงเนี่ย...เอ้อ!แล้วอีกอย่างทำไมพวกมันถึงไม่ตายซักทีเนี่ย !!"

     

     ชุนมองอาเธอร์อย่างสงสัยว่าทำไมดูภรรยาของเขาคนนี้ดูท่าจะรู้จักเมืองนี้จัง  ก่อนจะอดทนไม่ไหวกับอะไรบางอย่าง  ก็คือไอ้พวกซอมบี้พวกนี้  ที่ชุนสะบั้นคอมันแว่งขนาดนั้นตัดแขนตัดขาไปแล้ว  แต่มันก็ยังมีชีวิตอยู่แล้วเข้ามาโจมตีเขาตลอด 

     

    "ก็..."

     

    "ลืมไปแล้วรึไงว่ายัยน่ก็เป็นอดีตผู้ปกครองเมืองเหมือนกัน  จะมีการติดต่อการค้ากับทวีปกับเจ้าเมืองคนอื่นบ้างก็ไม่เห็นแปลก  แล้วส่วนเรื่องไอ้เจ้าพวกนี้  มันจะมีชีวิตเป็นอมตะแน่ถ้าเจ้ายังฟันแบบนั้นอยู่  จุดอ่อนของมันคือสมองที่คอยสั่งการการเคลื่อนไหวของมัน  เจ้าจะต้องตัดศรีษะของมันเท่านั้นจึงจะสามารถฆ่ามันได้"

     

    ยังไม่ทันที่อาเธอร์จะตอบอะไร  ก็โดนเบลเลี่ยน 7 เทพธิดาสงครามที่อยู่ในแหวนสีแดงขัดแย่งบทพูดของเธอขึ้นมาซะก่อน  ทำให้อาเธอร์คิดในใจอย่างไม่พอใจเล็กน้อย


     ก่อนจะใช้ทักษะคลื่นดาบของตนเองสะบั้นตัดลำคอของเหล่าฝูงซอมบี้แยกออกจากร่างกายของพวกมันไปทีละหลายสิบตัว  จนพวกมันตายได้ในที่สุดและสลายหายกลายเป็นแสง


    " ออ...จริงสิแบบในหนังซอมบี้ที่เคยเห็นบ่อยๆสินะ" 


      ชุนอ๋อขึ้นพลางนึกไปถึงหนังซอมบี้ที่เขาเคยดูมา  ที่จุดอ่อนของซอมบี้คือต้องทำลายศรีษะของมันเท่านั้น

     

    "แฮ่!!"

     

    " ชุนจัง ฉันว่ารีบเก็บพวกมันให้หมดเถอะค่ะ  พวกเราจะได้บุกไปยังคฤหาสถ์นั่นเร็วๆ"    

     

    ฉัวะ ฉัวะ!!!ฉูดด!!

     

    ลูน่าที่ทะยานเข้ามาหาชุน พร้อมกับนำฝ่ามือของตนกระซวกสมองของเหล่าซอมบี้นับสิบ  ที่ยืนอยู่ล้อมรอบชุนที่กำลังทำหน้านึกถึงหนังที่เคยดูมาอยู่อย่างรวดเร็วจนพวกมันสลายหายไปเป็นแสง 

     

    "เฮ้อ...เจ้านี่ชักช้าจริงลูน่าไม่ต้องขอเจ้านั่นหรอก  เดี๋ยวพี่จัดการเอง....พายุดูดโลหิต!!!

     

    ซู่ม...ซุ่ม...ซุ่ม...ฟ้าวๆ..ซู่มม!!ฟิ้ว!!ฉัวะ!!ฉัวะ!!

     

    "แฮ่!!"

     

    ลูเชียสที่เห็นว่าชุนชักช้าไม่ทันกาล  จึงเรียกใช้ทักษะของตัวเองขึ้น  ลูเชียสก็ทำการเรียกฝูงค้าวคาวนับแสนขึ้นมาแล้วให้พวกมันก่อตัวเป็นพายุไปถล่มพวกฝูงซอมบี้รอบๆนี่อย่างรวดเร็ว

     

    ลูพายุหมูนสีดำขนาดยักษ์ก็เคลื่อนตัวดูดฝูงซอมบี้หลายร้อยตัวเข้ามายังพายุสีทมิฬนี่  ก่อนจะได้ยินเสียงเหมือนของมีคมกำลังปั่นเศษเนื้ออย่างละเอียดละออ  พร้อมกับเลือดที่สาดกระเซ็นออกมาทั่วบริเวณป่าช้าที่เต็มไปด้วยหมอกแห่งนี้


    ติ๊ง!

     

    <ผู้เล่นชุน และ เบลล์ ทำการสังหารซอมบี้มนุษย์   ประเภท : อสูรระดับต่ำ  ระดับ :  ระดับ 100  จำนวน 500 ตัว  ได้รับค่าประสบการณ์   852,500 หน่วย....เนื่องจากผู้เล่นชุน และ เบลล์ยังไม่ได้ทำการเลื่อนขั้น  ค่าประสบการณ์นี้จะเก็บไว้ตอนที่ทำการเลื่อนขั้นแล้วค่ะ 

    ของที่ดรอป : - ยาไวรัสซอมบี้ (ระดับ A)  2 ขวดค่ะ  =  เมื่อใครได้ดื่มยานี่จะทำให้ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้  และกลายเป็นซอมบี้ในที่สุด  ติดสถานะซอมบี้เป็นเวลา 1 วันค่ะ  พอหมด 1 วันก็จะกลับเป็นปกติ  และผู้เป็นซอมบี้สามารถแพร่เชื้อแก่ผู้อื่นได้ค่ะ>

     

    'หือ...ยาบ้าอะไรวะเนี่ย...เก็บไว้ก่อนละกัน'

     

    ชุนพอเห็นขวดที่ตกมาจากกองซากศพซอมบี้ที่ลูเชียสได้ทำการสังหาร  ก็เก็บขึ้นมาแต่ยังไม่ทันได้ดูรายละเอียดมากนัก  เขาก็เก็บลงใส่กระเป๋าอย่างไม่ใส่ใจไปทันที

     

    " เอาละไปกันต่อเถอะค่ะ"  

     

    ลูน่าพอเห็นพี่ชายของเธอจัดการให้แล้ว  ก็จูงมือชุนมุ่งตรงไปยังคฤหาสถ์สีดำที่ตั้งอยู่บนยอดหน้าผาทันที  อาเธอร์เห็นแบบนั้นก็ไม่ยอมเข้าไปควงแขนชุนอีกข้างนึง  


    ลูน่าเห็นแบบนั้นก็ยิ้มขำขันก่อนทั้งสองที่ควงแขนชุนจะพาผุ้เป็นสามีของพวกเธอมุ่งฝ่าดวงป่าช้านี่ไป  โดยไม่สนใจลูเชียสที่กำลังปัดเลือดที่เปื้อนเสื้อจากฝูงซอมบี้ตะกี้เลย

     

    ".............."

     

    ลูเชียสมองกลุ่มชายหญิงสามคนนั้นที่มุ่งไปก่อนโดยไม่รอเขาเลยด้วยสีหน้าเฉยชา  ก่อนจะทำท่าจะเดินตามไป   แต่เขาก็ต้องกลับหยุดชะงักเมื่อสัมผัสพลังมหาศาลได้จากด้านหลังของเขา


    ตูมมม!!!!

     

    ลูเชียสปล่อยคลื่นพลังเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวพุ่งตรงไปทำลาย  จุดพลังมหาศาลที่พอๆกับเขา  ที่เขาสัมผัสได้นั้นอย่างรวดเร็ว  จนเกิดเสียงสนั่นหวั่นไหว  แต่ดูท่าเจ้าของพลังมหาศาลจะทำการหลบได้อย่างดี

     

    "ชิ หลบได้เรอะ..."

     

      ลูเชียสสบถในลำคอ  ก่อนจะยืนรอการปรากฏตัวของเจ้าของพลังมหาศาลนั้น   แล้วไม่นานเกินรอ  เจ้าของพลังมหาศาลคนที่ว่าก็เดินโผล่ออกมาจากม่านหมอก  และฝุ่นควันที่คละคลุ้งนั่น

     

    " ยังมีพลังที่รุนแรงไม่เปลี่ยนเลยนะ....องค์ชายลูเชียส  อดีตเจ้าชายแวมไพร์ผู้สูงส่ง"

     

    "เซฟิรอธ!! "

     

    ลูเชียสพอเห็นร่างเงาดำนั่นโผล่พ้นออกมาอย่างเห็นได้ชัด   ก็ตกใจเป็นอย่างมาก  เมื่อเห็นว่าชายคนนี้คือใคร  ชายหน้าตาหล่อเหลาผิวขาวดวงตาสีดำ ผมดำยาว  มีปีกใหญ่สีดำที่กลางหลัง  ไม่ได้สวมเสื้อท่อนบนทำให้โชว์มัดกล้ามเนื้ออันแข็งแกร่ง   ใส่กางเกงขายาวสีดำ  เขาโผล่มาพร้อมคลื่นพลังที่รุนแรงจนน่าหวาดหวั่น 


    แต่มันก็ไม่ทำให้ลูเชียส  เจ้าชายแวมไพร์อสูรระดับสูงที่มีระดับพลังถึงขั้น 5 ต้องหวั่นเกรงแม้แต่น้อย   เพราะเขาจำได้ว่าล่าสุดที่เคยต่อสู้กันนั้น  ทำให้รู้ว่าเซฟิรอธอ่อนแอกว่าเขาและพ่ายเขามาครั้งนึงแล้ว

     

    แต่ยังไงลูเชียสก็ไม่คิดประมาท  เพราะชายตรงหน้านี้สามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อชัยชนะของตนเอง  ไม่เว้นแม้กระทั่งจะลอบกัดก็ตามที....

     

    และเพราะความประมาทของเขาไปครั้งนึง   ทำให้เขาต้องสูญเสียราชวงศ์โดนก่อการกบฏในที่สุด  และซ้ำร้ายเขากับน้องสาวหรือลูน่า  ต้องเกือบโดนสังหารทั้งคู่จากความประมาทในครั้งนั้น....

     

    แต่ถึงลูเชียสจะว่าอย่างงั้น  เขาก็ไม่คิดที่จะติดต่อไปขอความช่วยเหลือกับชุนผู้เป็นเจ้านาย  เพราะไม่อยากเสียศักดิ์ศรีที่ต้องไปพึ่งพาใคร  โดยเฉพาะมนุษย์....ถึงมนุษย์คนนั้นจะเป็นเจ้านายของตนก็เถอะ

     

    " นึกไม่ถึงเลยว่าท่านจะยังไม่ตายนะท่านลูเชียส หึ หึ"

     

    เซฟิรอธหัวเราะเบาๆในลำคออย่างดูชั่วร้ายและเจ้าเล่ห์  คงเพราะทุกอย่างตอนนี้เป้นไปตามแผนการของเขาแล้ว

     

    " อา...ข้ายังไม่ตาย  แต่วันนี้ข้าว่าอาจต้องมีคนต้องตายเป็นแน่...."  ลูเชียสกล่าวเรียบๆ  แต่แววตาที่มองเซฟิรอธเต็มไปด้วยความโกรธแค้น

     

    " โอ้~ แล้วคนผู้นั้นเป็นใครกันละหืม..."

     

      เซฟิรอธยิ้มขึ้นที่มุมปากอย่างมาดร้าย  และดูคำพูดของชายหนุ่มแวมไพร์ราวกับว่ากำลังดูละครตลก

     

    "ก็เจ้าไงละ!!!"

     

    ฟ้าววว!!!!!!!!!!!

     

    สิ้นสุดคำลั่นปากของลูเชียส  เขาก็พุ่งทะยานด้วยความเร็วสูงพร้อมชักดาบประจำราชวงศ์แวมไพร์ที่เขาเก็บไว้ข้างตัวตลอดขึ้นมา  แล้วพุ่งไปที่เซฟิรอธหมายที่จะทิ่มแทง และฟาดฟันให้ศัตรูที่เขาแค้นมาตลอดนี้ต้องดับดิ้นสลายหายไปให้ได้


    "  ฮึ...ศัตรูของเจ้าใช่ข้าที่ไหนละลูเชียสเอ๋ย...."

     

    ฟุ่ม ฟุ่ม ฟุ่มๆๆ!!

     

    เคร้ง!!

     

    "...อะไรกัน!นี่มันหมายความว่าไง!! ทำไมพวกเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่!!"

     

    ไม่ทันที่ลูเชียสจะเข้าไปเล่นงานเซฟิรอธ  เงาร่างสีดำนับสิบก็พุ่งทะยานขึ้นมา  แล้วเอาดาบของพวกตนสะกัดลูเชียสไว้  ลูเชียสมองร่างเงานั่นอย่างชัดๆ....ด้วยนัยต์ตาเบิกโพลงและช๊อคสุดขีด

     

    เมื่อเห็น....เหล่าเพื่อนพ้องสหายแวมไพร์ของเขาที่ตายไปจากการปกป้องเขาในช่วงก่อการกบฏครั้งนั้น

    กลับมายืนด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกอยู่ตรงนี้...และยังหันคมดาบใส่เขาอีกด้วย

     

    " ฮึ วันนี้แหละจะเป็นจุดจบของเจ้า....ลูเชียส  และไม่ต้องห่วงน้องสาวและเจ้าตัวแสบนายของเจ้าก็จะตามไปเช่นกัน หึ หึ"

     



     

    ณ  ร้านอาหารขนาดใหญ่                       

     

    " ชนแก้ว!!"                              

     

    เสียงหญิงสาวที่ฟังออกดูห้าวๆคนนึงดังขึ้นมา  ท่ามกลางร้านอาหารที่ดูไม่หรูหรามาก  ออกจะเป็นร้านอาหารที่ดูธรรมดาแบบร้านอาหารตามสั่ง  แต่ก็เป็นร้านที่คนมาแน่นตลอดเพราะฝีมืออาหารจากพ่อครัว 

     

    แต่ในครั้งนี้ทั้งร้านกลับถูกจองด้วยกลุ่มคนกลุ่มนึง...

     

    เสียงหญิงสาวที่ตะโกนมาแบบไม่เกรงใจใคร  ก็คือตะวันแห่งกิลนารีทูตสวรรค์นั่นเอง  เธอยกแก้วไวน์ขึ้นมา(อาหารไม่หรู แต่ก็พอมีไวน์ละนะ)  แล้วชนแก้วพร้อมกับกลุ่มคนทั้ง 17 คนนี้  


    อันประกอบไปด้วย  เธอ เบลล์  ซีลาร์  เดเบียล่า  อาลีเซีย เหม๋ยหลิน  พี  ฮิซานะ  ดอม  ลัล  เรย์  รีน่า  กันย์  ธัน  นน  แจม  และน้ำ

     

           กลุ่มคนที่มารวมตัวกันโดยมิได้นัดหมาย  และทั้งหมดเป็นคนรู้จักของเบลล์ที่เป็นสื่อกลางการรวมตัวกันของกลุ่มคนพวกนี้  พวกดอม เคยเจอและพูดคุยกับพวกตะวัน และเหม๋ยหลินมาบ้างแล้ว  จึงพูดคุยกันอย่างได้ไม่แปลกใจ (ยกเว้นพี กับ ฮิซานะ ที่พวกดอมดูเกรงๆเล็กน้อย)   

     

    ส่วนพวกกันย์เพื่อนบนโลกจริงของชุน  ได้พอรู้เรื่องราวว่ากลุ่มคนพวกนี้ไม่ได้รู้จักชุนอย่างแท้จริง  จึงยอมตามน้ำไปว่าเบลล์คนนนี้ก็เป็นเบลล์จริงๆ  โดยไม่เอาชุนมาเกี่ยวข้อง   แจมและน้ำถึงไม่ค่อยชอบใจการโกหกนี่เท่าไร  แต่ก็ยอมๆไปเพราะกลัวจะมีปัญหากัน              

     

    พวกกันย์ก็สามารถเข้าพูดคุยในฐานะเพื่อนในโลกจริงของเบลล์ได้อย่างไม่ติดขัด  เพราะพวกกันย์เองก็เป็นพวกออกงานสังคมใช้ปากบ่อย...


     ....จึงสามารถสนิทกับกลุ่มของตะวัน  และกลุ่มของดอมได้อย่างง่ายดาย  (ยกเว้นพวกซีลาร์  อาลีเซียที่ไม่ค่อยยอมคุยด้วยเท่าไรนอกจากเจ้านายหรือสามีของตน  ส่วนเดเบียล่าเข้ากับใครได้หมดอยู่แล้ว)

     

    "สำหรับที่เบลล์สามารถชนะรอบแรกได้อย่างปลอกกล้วยเข้าปาก   มื้อนี้เหม๋ยหลินเลี้ยงเอง!!"


    "ห๊า!!อะไรยะยัยทานตะวัน!!"


    ตะวันที่ดูคึกเป็นพิเศษตะโกนขึ้นด้วยนามึนเมาเล็กน้อย  พลางกอดคอรีน่าที่ดูคึกพอๆกันอย่างเข้ากันได้ดีเลยทีเดียว  สำหรับสองสาวสองคนนี้   เหม๋ยหลินฟังดังนั้นก็ขมวดคิ้วแยกเขี้ยวใส่เพื่อนสาวทันที


    ตะวันก็ไม่สนใจพลางกอดคอเบลล์ขึ้นมาอีกคนแล้วหอมแก้มเบลล์เล็กน้อย...(เฮ้ย...นี่มันO_O)

     

    " ทำอะไรเนี่ยตะวัน!"

     

     เบลล์อุทานขึ้นเล็กๆ  แต่ในใจที่เป็นชุนกลับยิ้มกริ่มอย่างชอบใจ  ที่หญิงสาวหน้าสวยนี่มาหอมแก้มเธอ 

     

    " แหม...ก็เบลล์น่ารักนี่นา  ขออีกทีนะ"

     

    ตะวันว่าพลางจะเลื่อนหน้าเข้ามาหอมแก้มเบลล์อีกฟอด  แต่ก็โดนซีลาร์  อาลีเซียดันออกไปทันที

     

    "เธอนี่จะมากไปแล้วนะ  ยัยเพี้ยน!"

     

      อาลีเซียว่าขึ้นหลังจากดันตะวันถอยไปได้  ตะวันมองอาลีเซียอย่างมพอใจเล็กน้อย (ยังไม่รู้ว่าพวกซีลาร์เป็นผู้ติดตาม)  ก่อนจะทำท่าไปแย่งตัวเบลล์มาให้ได้ด้วยท่าทางมึนเมา  ก็โดนพี ฮิซานะ และเหม๋ยหลินดึงตัวไว้

     

    แล้วจับนั่งลงทันที....

     

    "นั่งเฉยๆไปเลย เธอเมามากแล้วนะ-*-"   เหม๋ยหลินแขวะเพื่อนสาวคนนี้ขึ้น  ตะวันที่รู้ตัวก็แลบลิ้นออกมาพลางลูบหัวตัวเอง  แล้วกล่าวขอโทษเล็กๆ

     

    "แฮะ แฮะ โทษทีนะเบลล์ฉันพอเมาแล้วมันคุมตัวเองไม่อยู่อะ"

     

    "อะ...อื้อไม่เป็นไร"

     

    เบลล์ยิ้มตอบกลับอย่างไม่คิดอะไร  ตอนนี้เบลล์ไม่ได้สนใจเรื่องทางนี้มากนัก  เพราะเธอกำลังควบคุมร่างจริงที่ด้านฝั่งป่าช้าด้านโน้นอย่างเป็นงานเป็นการอยู่  พวกกันย์ก็คุยอย่างสนุกสนานกับพวกดอมคุยเรื่องเกมส์และการประลองของเบลล์ต่างๆนานาว่าคิดเห็นกันอย่างไร

     

        กันย์ก็ไม่พลาดที่จะชวนคุยกับลัลที่เป็นสาวสวยของกลุ่มนี้  แต่ก็ต้องแย่งกับธันที่คิดเหมือนกันหน่อยละ  ทางแจมเองก็คุยกับดอมอย่างสนุกปาก   น้ำเองก็คุยกับรีน่า พีและฮิซานะอย่างสนิทกันได้แล้ว  เพราะพวกเธอคุยเรื่องประเภทเดียวกันได้ดีอย่างสนุกปากเลยทีเดียว

     

    เบลล์มองไปที่ฮิซานะ  ลัล  เหม๋ยหลิน  ตะวัน  พี   เล็กน้อย...

     

    เพราะเธอกำลังจัดอันดับอยู่ว่า 5 สาวแสนสวยนี้ใครที่สวยที่สุดกัน  เพราะจะได้ตัดสินใจจีบเป็นคนแรก....(ไม่วายวกมาเรื่องนี้-_-)  ก่อนจะตัดสินได้ว่า  ฮิซานะหญิงสาวชาวญี่ปุ่นสวยที่สุด  รองมาก็ตะวัน   เหม๋ยหลิน  พี และลัล

     

    ' หวังว่าฮิซานะคงไม่สนิทกับฮยอนอานะ  จะได้จีบได้สะดวกๆหน่อย อิอิ'

     

    เบลล์หรือในจิตที่เป็นชุนคิดในใจอย่างมีแผนการณ์  และดูชั่วร้ายสำหรับเหล่าหญิงสาว   เธอไม่รู้ตัวเลยว่าเธอกำลังโดนแอบมองจากตะวัน  ดอม และเรย์อยู่เลย   พวกเขาทั้งสามมองเบลล์ด้วยใบหน้าที่แดงเล็กๆ  พลางคิดเรื่องราวของแต่ละคนที่ไปเกี่ยวข้องกับเบลล์ที่ผ่านมา....(เอาละสิ หรือว่าสามคนนี้...>0<) 

     

    แต่ไม่ทันที่ทั้งสามจะมองหญิงสาวคนนี้จนพอใจ  หญิงสาวคนนี้ก็กลับลุกขึ้นพรวดแล้วอุทานขอร้องพวกเขาทั้งกลุ่มขึ้น


    " ทุกคน! ช่วยเหลืออะไรฉันซักอย่างได้มั๊ยคะ"



    **************************************************************


     

    เมื่อหลายร้อยปีก่อนนั้น  ก่อนที่สองพี่น้องแวมไพร์จะมาเดินหลงทางในห้วงมิติเวลาของเบลเลี่ยน 7 เทพธิดาสงครามแห่งการทำลายล้าง....

     

     .... พวกเขาสองพี่น้องได้เป็นถึงพระบุตร และ พระธิดาของจักรวรรดิ์แวมไพร์ผู้สูงส่ง  ในราชอาณาจักรที่ทรงอำนาจมากที่สุดของอาณาจักรแวมไพร์   นั่นก็คือ อาณาจักรลูนาเทียส 

     

    ราชาแวมไพร์ที่เป็นผู้อยู่บนจุดสูงสุดของจักรวรรดิ์แวมไพร์ที่ยิ่งใหญ่ทั้งหมดนี้  ก็คือพระบิดาของทั้งสอง    ในอาณาจักรพระองค์มีพระมเหสีหนึ่งคน  และพระสนมมากมายนับไม่ถ้วน

     แวมไพร์สาวมากมายได้ถูกแต่งตั้งให้เป็นพระสนมอย่างไม่เต็มใจของราชาแวมไพร์  เพราะราชาแวมไพร์ทำเพื่อความมั่นคงของจักรวรรดิ์เท่านั้น  มิได้หลงใหลเหล่าอิสตรีแวมไพร์ผู้สูงส่งพวกนี้เลยแม้แต่น้อย  แม้กระทั่งพระมเหสีของเขาเองก็เช่นกัน

     

     มันมาจากการคลุมถุงชนของราชาองค์ก่อนที่เป็นพระบิดาของเขาทั้งนั้น   แวมไพร์สาวพวกนี้ถูกส่งมาให้เขาในฐานะเครื่องบรรณาการจากอาณาจักรแวมไพร์จากที่อื่นและเพื่อความสงบสุขของจักรวรรดิ์  ราชาแวมไพร์จึงต้องยอมรับแต่โดยดี

     

    แต่แล้ววันหนึ่ง  ราชาแวมไพร์ก็ไปพบกับมนุษย์หญิงสาวคนหนึ่ง  ที่กำลังบาดเจ็บอยู่เพราะโดนเหล่าสัตว์อสูรของอาณาเขตของอาณาจักรของเขาทำร้ายไล่ล่ามา 

     

    เขาที่ไปล่าสัตว์เล่นพอดีในเวลานั้น  ก็ได้ทำการกวาดไล่พวกสัตว์อสูรออกไปและช่วยเหลือหญิงสาวผู้นั้น   แต่อาการของเธอก็ยังไม่หายดี  เขาพยายามจะรักษาเธอแต่ก็ไม่เป็นผล  เพราะหญิงสาวผู้นี้ไม่ใช่เผ่าพันธ์เดียวกับเขา จึงไม่สามารถรักษาในวิธีการเดียวกับเขาได้

     

    เขาจึงเสกกระท่อมหลังนึงขึ้นมาด้วยพลังเวทย์ของตนเอง  หญิงสาวก็ตกใจเป็นอย่างมาก  ก่อนจะโดนราชาแวมไพร์หนุ่มอุ้มเธอเข้าไปพักผ่อนในนั้น  ด้วยความที่เธอยังไม่หายดีและอาการสาหัสพอสมควร  เขาจึงไม่กล้าจะทิ้งเธอไว้ 

     

    จึงคอยอยู่ดูแลเธอ  เขาไปล่าสัตว์มาทำอาหารให้เธอ   หมั่นควบคุมระบบการไหลเวียนปราณในร่างกายเธอที่กำลังปั่นป่วนทุกวัน

     

    และเป็นเวลา 1 เดือนที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน  จนกระทั่งหญิงสาวหายดี   และระหว่างที่พวกเขาอยู่ด้วยกันความรู้สึกผูกพันมันก็ก่อตัวขึ้นกับทั้งสอง   ทำให้ทั้งคู่ต่างตกหลุมรักซึ่งกันและกันและอาศัยอยู่ด้วยกันจนเธอหายไม่ต่างฉันท์สามีภรรยา 

     

    หญิงสาวที่หลงรักราชาแวมไพร์หนุ่มเข้าไปแล้ว  จึงยอมบอกเรื่องทั้งหมดที่เขาเคยถามว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเธอ   เธอก็บอกไปโดยดีทั้ง....น้ำตา

     

    ...ว่าหมู่บ้านของเธอโดนอสูรกายเข้ามาทำร้าย  และพวกมันก็เข่นฆ่าพ่อและแม่ของเธอ  รวมถึงคนในหมู่บ้านจนหมดสิ้น  ทำให้ตอนนี้เธอไม่มีที่จะไปอีกแล้ว....

     

    ราชาหนุ่มแวมไพร์ฟังก็รู้สึกสงสารจับใจ  ก่อนจะเข้าไปกอดหญิงสาวมนุษย์ผู้นั้น  พร้อมกับพูดขึ้นว่า

     

    "ถ้าเจ้าไม่มีที่ไป  เจ้าก็มาอยู่กับข้าเถอะ....ข้าขอสัญญาว่าไม่ว่าร้ายหรือดี  ข้าก็จะอยู่กับเจ้าตลอดไป...เลเนียร์" 

     

     

    จากนั้นราชาแวมไพร์หนุ่มก็ได้พาเธอกลับไปยังอาณาจักรของเขา   ทางอาณาจักรก็ไม่ได้กังวลเท่าไรกับการหายตัวไปของพระราชาคนนี้  เพราะเขาก็มักหายไปแบบนี้บ่อยๆเพราะไปล่าสัตว์ในที่ไกลๆ   ทำให้ทุกวันนี้เรื่องบ้านเมืองต้องตกเป็นหน้าที่ของพระมเหสี และ แม่ทัพใหญ่ของอาณาจักรที่เป็นคนสนิทของพระราชา 

     

    แต่ช่วงเวลา 1 เดือนกว่าที่หายไปของพระราชา  พระมเหสีที่อยู่กับแม่ทัพหนุ่มคนนี้ทุกวันก็เกิดความรู้สึกผูกพันกับแม่ทัพหนุ่มคนนี้  และยิ่งที่พระราชาไม่เคยจะสนใจใยดีเธอแม้แต่น้อย

     เธอเองก็รู้ว่าพระราชาหนุ่มมิได้หลงรักเธอเลย  ส่วนเธอเองหลงใหลพระราชาเพียงเพราะหน้าตาที่หล่อเหลาเท่านั้น  เธอจึงทำเรื่องผิดศีลธรรมในที่สุด  โดยการมีความสัมพันธ์กับแม่ทัพหนุ่มที่ดูเหมือนจะรู้สึกผูกพันธ์กับเธอเช่นกัน

     

    แต่ขณะทั้งสองที่กำลังจะมีอะไรกันบนเตียงใหญ่  ของห้องพระราชากับเธอ  พระราชาที่กลับมาพอดีก็เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับหญิงสาวมนุษย์คนนั้น  พระราชามองพระมเหสีของเขาอย่างเบิกโพลง 

     

    แม่ทัพหนุ่มกับพระมเหสีก็รีบแยกตัวออกจากกัน  พลางจะทำท่าทางปฏิเสธเรื่องนี้ขึ้น  แต่ก็โดนพระราชาหนุ่มกล่าวขึ้นมาก่อน  ด้วยน้ำเสียงที่ไม่ชอบใจเล็กน้อย  เพราะถึงเขาจะไม่ได้รักเธอ  แต่เธอเองก็ควรให้เกียรติ์ฐานะที่เธอดำรงอยู่  เพราะฐานะที่ดำรงอยู่นั้น  มันเป็นถึงภรรยาเอกของเขาเลยทีเดียว

     

    ถึงพระราชาจะไม่อยากทำหนัก  แต่เรื่องแบบนี้ก็เป็นที่ยอมรับไม่ได้เช่นกัน  เพราะเขาเองก็ไม่อยากเก็บคนที่ทำอะไรลับหลังเขาอย่างนี้ได้เช่นกัน  เขาจึงเนรเทศทั้งสองออกจากจักรวรรดิ์และอาณาจักรของเขาไป  พร้อมถอดยศตำแหน่งมเหสีของเธอออก   แล้วยกให้กับหญิงสาวมนุษย์ที่อยู่ข้าวตัวเขาแทน.....

     

    พระมเหสีคนก่อนก็จากลาไปกับแม่ทัพหนุ่มทั้งน้ำตา  แต่มิได้โกรธแค้นอันใดต่อพระราชาหนุ่ม  เพราะยังไงเธอเองก็เคยรักเขามาก่อน  แถมนี่เขายังลดโทษเธอไม่ให้โดนประหารอีก   เธอจึงไม่มีสิทธิพูดอะไรพร้อมเดินจากปพร้อมกับอดีตแม่ทัพหนุ่มอันเกรียงไกรผู้นี้

     

    และแน่นอนว่าเรื่องของการแต่งตั้งหญิงสาวมนุษย์ไม่เป็นที่ยอมรับของพวกแวมไพร์   เพราะพวกเขาเองรังเกียจเผ่าพันธุ์นี้มาก  รองจากพวกมนุษย์หมาป่าเลยทีเดียว   แต่ก็ว่า....ไม่มีใครขัดพระราชาได้   จนในที่สุดหญิงสาวมนุษย์ หรือ เลเนียร์ก็ได้ถูกแต่งตั้งเป็นพระมเหสีในที่สุด

    และเวลาผ่านไปเธอก็ได้ให้กำเนิดพระบุตร กับพระธิดาขึ้นมา  ซึ่งแน่นอนว่าสองคนนี้ก็คือ  ลูเชียส กับ ลูน่า    พวกเขาทั้งสองโตขึ้นในครอบครัวที่อบอุ่น 

     

    แต่ในทางกลับกันทางสังคมต่างรังเกียจทั้งสองเพราะเกิดมาจากมนุษย์ครึ่งนึง   และแน่นอนว่าพี่น้องต่างมารดาที่เกิดจากพระสนมกับพระบิดาของเขาก็ต่างรังเกียจพวกเขา  เพราะความแปลกแยกที่แตกต่างกัน   แวมไพร์สายเลือดแท้จะมีผิวที่ซีดเกือบขาว  ดวงตาสีแดงจัดไร้วี่แววของนัยต์ตาดำและที่แน่ๆต้องแพ้แสงแดด  

     

    แต่ลูเชียสกับลูน่า  กลับมีผิวที่ขาวซีดแต่ใกล้เคียงกับมนุษย์   ตาถึงจะเป็นสีแดงแต่ก็ยังมีนัยต์ตาดำแฝง  และพวกเธอไม่แพ้แสงแดด  ทำให้ลูเชียสกับลูน่าดูเป็นตัวประหลาดในทันที

     

    และมักโดนกลั่นแกล้งเสมอ  แต่ก็ไม่เคยบอกพระบิดากับพระมารดาของตน   ลูเชียสที่ถูกกลั่นแกล้งมาตลอดก็ได้แต่เก็บความชิงชังของเผ่าพันธุ์ตัวเองอีกครึ่งนึงไว้ในใจ  ทำให้เขามีอคติต่อผู้เป็นแม่เล็กน้อย

     

    วันเวลาผ่านไป  จนพวกเขาโตขึ้นเป็นหนุ่มสาว  และก็เป็นเวลาเดียวกันที่....เซฟิรอธได้เข้ามาที่อาณาจักรแห่งนี้   เขาได้เข้าเฝ้ากับพระราชาพระบิดาของพวกเขา  พร้อมกล่าวเรื่องเชื้อเชิญให้เป็นพันธมิตรกับฝ่ายของตน

     

    เพื่อเข้าร่วมกับจอมมารอย่าง....ดอร์น...เดวิลลาซ

     

    พระราชาหนุ่มเมื่อได้ยินดังนั้นก็เลิกคิ้วแล้วเคร่งเครียดทันที   แต่ก็ยังขอเวลาให้คำตอบกับเซฟิรอธ   เซฟิรอธที่พอคาดเดาได้ว่าพระราชาหนุ่มคนนี้ต้องตอบปฏิเสธอย่างแน่แท้  เพราะจากการสั่งสอนของพระราชาองค์ก่อนที่บอกว่าไม่ว่าจะอย่างไร  อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับพวกปีศาจ (แวมไพร์นี่ไม่เป็นสินะ อืมๆ...) 

     

    เซฟิรอธจึงต้องเริ่มแผนการของตนเอง  โดยใช้เรื่องของพวกลูเชียสเป็นตัวในการนำเรื่อง  เซฟิรอธชักจูงเหล่าคนเฒ่าคนแก่ที่เป็นผู้อาวุโสระดับชั้นสูงของจักรวรรดิ์แวมไพร์  โดยการพูดเป่าหูว่า...

     

     

    "ตกลงพวกท่านจะยอมรับคนที่ไม่ใช่สายเลือดแท้  ...ขึ้นเป็นกษัตริย์คนต่อไปงั้นเหรอ...แล้วจักรวรรดิ์ของพวกท่านจะมิต้องเสื่อมเสียแล้วล้มสลายในที่สุดหรอกเหรอ  ถึงวันนี้จะไม่ใช่....แต่พวกท่านมั่นใจได้อย่างไรว่า....มันจะไม่เกิดขึ้น"

     

     

    เซฟิรอธทำการชักจูงเหล่าผู้มีอำนาจพวกนั้น  จนพวกเขาเริ่มมีแนวโน้มมาทางเซฟิรอธ  เซฟิรอธที่รู้ว่าถึงพวกมันจะยอมรับแต่คงมิอุกอาจทำการใหญ่ถึงขั้นก่อกบฏเป็นแน่  เขาจึงพอเห็นว่าพวกมันเริ่มคล้อยตามแล้ว

     

    จึงถือโอกาสใช้พลังแห่งการควบคุมของตน  ควบคุมพวกเหล่าอาวุโสทั้งหมดได้สำเร็จ  มันจะไม่สำเร็จเลย  ถ้าพวกเขาปฏิเสธและขัดแย้งกับคำชักจูงของเขา  แต่เพราะพวกเขาเห็นด้วยจึงถูกพลังนี้ควบคุมได้โดยง่าย

    ....แล้วเซฟิรอธก็เริ่มแผนการณ์ทันที  เขาสั่งให้พวกอาวุโสรวบรวมกำลังคนในอาณัติของตนแล้วทำการก่อกบฏขึ้นในที่สุด   พระราชาเห็นแบบนั้นก็เข้าใจอย่างที่พระบิดาของพระองค์เคยบอก

     

    "ไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับพวกปีศาจจริงอย่างท่านพ่อว่าเลย....."

     

    พระราชาหนุ่มกล่าวได้แค่นั้น  ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด  ถึงฝ่ายของตนจะมีทหารและแม่ทัพที่อยู่ข้างอย่างสุจริตมั่ง  แต่ก็มีจำนวนไม่เท่ากับเหล่าแม่ทัพขุนนางอาวุโสพวกนี้

     

    กองทัพของพระราชา และกบฏได้เข้าห้ำหั่นกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  เพราะเป้าหมายของกบฏที่ตอนนี้ทุกคนถูกควบคุมโดยสมบูรณ์คือศรีษะของพระราชาหนุ่ม....

     

    การต่อสู้นานถึง 7 วัน 7 คืน  แน่นอนว่าลูเชียสและลูน่าก็เข้าร่วมด้วย  พวกเธอต้องสู้กับเหล่าญาติพี่น้องต่างมารดาของตนเอง  เพราะพวกนี้หันไปเข้าฝ่ายของเซฟิรอธอย่างสมบูรณ์

    และไม่นานด้วยกำลังที่ต่างกันเกือบ 10 เท่า  ฝ่ายพระราชาหนุ่มก็พ่ายแพ้ในที่สุด   เขาได้ยืนหยัดถ่วงเวลาให้เป็นคนสุดท้าย   แล้วสั่งเหล่าสหายของลูเชียสและลูน่าพาลูเชียส ลูน่า และเลเนียร์พระมเหสีของเขาหนีไป 

     

    เหล่าองครักษ์ที่เป็นทั้งเพื่อนและบอร์ดี้การ์ดของพวกลูเชียสและลูน่านั้น  ก็กัดฟันยอมรับแล้วพาพวกเขาหนี   ลูเชียสและลูน่าที่บาดเจ็บจากสงครามจึงไม่อาจขืนแรงเหล่าสหายเพื่อไปช่วยพระบิดาของพวกตนได้  จึงโดนลากไปในที่สุด

     

    เหล่าแม่ทัพทั้งหมดที่อยู่ข้างเซฟิรอธ  ได้เข้าโรมรันกับพระราชาหนุ่มที่มีเพียงคนเดียว   เซฟิรอธฉวยโอกาสที่พระราชาหนุ่มสนใจพวกแม่ทัพทะยานตามพวกลูเชียสไป

     

    พระราชาก็อยากตามไปช่วยแต่ไม่สามารถออกจากที่นี่ได้.....

     

    เซฟิรอธที่ตามไปถึงยอดหน้าผาสูงเกือบ 1 พันเมตรได้ทัน  ก็เข้าไปเข่นฆ่าพวกลูเชียสทันทีด้วยท่าทีที่ดูชั่วร้าย   เหล่าสหายของลูเชียสและลูน่าที่เป็นองครักษ์ก็เข้าไปห้ำหั่นเซฟิรอธทันที

     

    แต่ฝีมือที่ต่างชั้น  พวกเขาจึงตายทั้งหมด....

     

    ลูเชียสและลูน่ากัดฟันกรอดที่เห็นพวกพ้องตาย  จึงระเบิดพลังที่มีอยู่ทั้งหมดเข้าไปสู้กับเซฟิรอธ   เซฟิรอธที่ไม่คิดว่าพวกลูเชียสจะยังมีพลังเหลืออยู่ขนาดนี้  ก็รับการโจมตีอย่างยากเย็นจนเป็นฝ่ายเพลี้ยงพล้ำในที่สุด

     

    แต่ก่อนเซฟิรอธจะโดนลูเชียสสะบั้นคอ  ก็มีเหล่าปีศาจอีก 5 ตน ที่มีระดับทั้งมากกว่าและพอๆกับเซฟิรอธ  ออกมาจากเงามืดแล้วสะกัดดาบของลูเชียสและลูน่าได้ทัน  ก่อนจะทำท่าสังหารแวมไพร์พี่น้องทั้งสอง

     

    เวลานั้นก่อนพวกเขาจะตาย   พระราชาหนุ่มที่เข่นฆ่าพวกแม่ทัพของตนที่ก่อกบฏเสร็จ  ทะยานมาด้วยสภาพที่แขนขาดข้างนึงและเลือดท่วมตัวอย่างรวดเร็ว  และก็รับคมดาบของเหล่าปีศาจพวกนั้นแทนลูกๆของตนเข้าไปเต็มหัวใจ

    แต่แรงฟันที่ทะลุยังคงมีอยู่  ปลายดาบทะลุพระราชาหนุ่มแล้วมุ่งสู่ลูเชียสกับลูน่าอยู่  พวกเหล่าปีศาจที่ตกใจกับการมาของพระราชาหนุ่มเล็กน้อย  ก็กลับมายิ้มเหมือนเดิมเมื่อเห็นว่าสามารถฆ่าทีเดียวได้ถึง 3 คน

     

    แต่ก็ใช่ว่าคนเป็นแม่จะยอมให้เป้นเช่นนั้น  เลเนียร์วิ่งเข้ามาเอามือจับดาบยันเอาไว้  แต่แรงที่มนุษย์ไม่สามารถสู้ได้  คมดาบจึงทะลุร่างของเธออีกคน   เลเนียร์ที่เห็นว่าเป็นแบบนี้ไม่ดีแน่ถ้าลูเชียสกับลูน่ายังอยู่

     

    ลูเชียสกับลูน่าที่ยังคงช๊อคกับสถานการณ์ตรงหน้า  ยังไม่ทันได้ทำอะไร  ก็ถูกเลเนียร์ผู้เป็นแม่ผลักทั้งสองไป  แล้วตกลงหน้าผาสูง  ที่ข้างล่างมีแม่น้ำอยู่ทันที

     

    พระราชาหนุ่มเห็นแบบนั้นก็ยิ้มเพราะคิดว่าลูกๆของพวกเขาอึดพอที่จะรอดจากการตกหน้าผาอยู่แล้ว  เขาหันมายิ้มเยาะใส่เซฟิรอธ  ก่อนจะมองเลเนียร์หญิงสาวอันเป็นที่รักของตนครั้งสุดท้าย   พวกเขามองหน้ากันในยามที่ดาบยังคงทะลุร่างของพวกเขาอยู่   ก่อนเลเนียร์จะยิ้มเล็กๆและหลับลงอย่างสงบ

     

    พระราชาหนุ่มเห้นแบบนั้นก็ยิ้มทั้งน้ำตา  ก่อนจะมองพวกเหล่าปีศาจทั้ง 5 และ เซฟิรอธ

     

    "อย่าหวังว่าจะมีแต่พวกข้าที่เป็นฝ่ายสูญเสีย  พวกเจ้าเองก็ต้องเป็นเช่นกัน...."

     

    สิ้นสุดเสียงของพระราชาหนุ่ม เขาก็ระเบิดตัวเองทันที  แรงระเบิดทำให้อาณาจักรขนาดใหญ่นี้หายไปถึง 1 ใน 3 เลยทีเดียว

     

    สองพี่น้องแวมไพร์ที่สลบไสล  ลอยตามน้ำมาเรื่อยๆ  จนมาเกยตื้นที่ป่าแห่งหนึ่งที่มีหมอกเต็มไปหมด....

    พร้อมกับคลื่นพลังแปลกๆ   นั่นก็คือป่าแห่งหมอกนั่นเอง....    

     

    "แล้วฉันกับพี่ลูเชียสก็ติดอยู่ในป่านั่นมาหลายสิบปีเลยค่ะ....."   ลูน่ากล่าวขึ้นอย่างรู้สึกเศร้าผิดกับปกติที่ชอบปนน้ำเสียงเจ้าเล่ห์มาตลอด  

     

    ชุนกับอาเธอร์ที่ฟังเรื่องราวที่ถามไปว่าก่อนหน้าที่พวกลูน่าจะมาเจอกับชุน  พวกเธอเป็นใครมาจากไหน  ลูน่าก็ยอมเล่าออกมาโดยม่ปิดบัง   ชุนกับอาเธอร์ฟังจบก็มีสีหน้าสลดขึ้นมาทันที

     

    ตอนนี้ชุน อาเธอร์ และลูน่าเดินมาถึงหน้าประตูคฤหาสถ์สีดำแล้ว   ที่ตั้งอยู่บนหน้าผานี้  พร้อมกับบรรยากาศที่ดูวังเวงและอึมครึม  แต่ก่อนที่พวกเขาจะเดินเข้าไปชุนก็ถามคำถามนี้ขึ้นมาซะก่อน

     

    และพอเล่าจบชุนก็พึ่งสังเกตุได้ว่าลูเชียสไม่ได้อยู่ที่นี่...

     

    "เอ๋?ลูเชียสไปไหน.......หืม...เฮ้ย!พลังแบบนี้มัน!"

     

    ชุนที่หํนมามองด้านหลังพลางทำท่าหาลูเชียส  แต่พอรู้สึกถึงไอพลังบางอย่างที่รุนแรงและเคยสัมผัสได้มาก่อนก็อุทานขึ้น

     

    เพราะพลังนี้มันเป็นของ.....เซฟิรอธ




    ****************************************************


    ปล.เอาประวัติลูน่า ลูเชียสไปก่อนเน่อ  ตอนหน้าตี้ชุนจะใหญ่ขึ้นชั่วคราว  พร้อมมาห้ำหั่นกับพวกเซฟิรอธและมีล่าและ   

    สปอย....ตอนนี้ละได้สู้กับเซฟิรอธแน่นอน555+

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×