ลำดับตอนที่ #110
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #110 : CHAPTER 102 : อาลีเซีย vs ซินเซ 2
CHAPTER 102 : อาลีเซีย vs ซินเซ 2
โลกจริง...
ประเทศไทย
กรุงเทพมหานคร
ณ คฤหาสถ์ตระกูลรัษฎีการ์ (หน้าประตูทางเข้าใหญ่)
เวลา 3 : 11 AM
ตึก ตึก
"ที่นี่สินะ..."
ท่ามกลางความมืดตรงซอยถนนแห่งหนึ่งได้มีหญิงสาวผมดำยาวประไหล่หน้าตาน่ารักราวกับหลุดออกมาจากภาพวาด เธออยู่ในชุดเสื้อยืดสีชมพูอ่อนแขนสั้น กางเกงยีนขาสั้นพร้อมสะพายถุงที่ใส่ดาบไม้มาด้วย
ตอนนี้เธอมายืนอยู่หน้าประตูรั้วอะลูมิเนียมขนาดใหญ่ทางเข้าคฤหาสถ์โอ่อ่าสไตล์โปรตุเกษหลังนึง เธอมองทึ่งกับความหรูหราของมันเล็กน้อย ก่อนจะเหลือบมองปุ่มออดเรียกคนในบ้าน
"เอาละ"
หญิงสาวตัดสินใจเอื้อมไปกดมัน...แต่ก็โดนเสียงใครคนนึงดังขึ้นขัดมาซะก่อน
"อย่าไปกดมันเชียวนะ"
"เอ้ะ?!"
เสียงหญิงสาวคนนึงดังขึ้นหลังประตูรั้วเหล็กนี่ก่อนร่างของเธอคนนั้นจะปรากฎตัวขึ้นมา เธอเป็นหญิงสาววัยน่าจะมากกว่าเธอเล็กน้อยมีผมยาวประไหล่สีน้ำตาลดวงตาสีน้ำตาลแก่คมกริบ เป็นคนที่สวยมากเธออยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวแขนสั้นสวมกางเกงวอร์มสีเทา
เธอคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน...เธอคือมณีเมดสุดเย็นชาของชุนนั่นเอง
"คุณมณี! อ้ะ!หรือว่าที่นี่คือบ้านของชุนเหรอคะ?!!"
เดียร์อุทานขึ้นเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าคือใครแล้วจากนั้นเธอก็เดาได้ทันทีว่าคฤหาสถ์แสนใหญ่โตนี่เป็นคฤหาสถ์ของใคร
"อ่า...ก็อย่างที่เธอเข้าใจนั่นแหละ...แล้วก็ช่วยเงียบๆหน่อยนี่มันกี่โมงกี่ยามละ"
มณีเอ่ยหน้าตายขึ้นพลางมองอกของเธอที่ถูกยิงข้างที่เป็นหัวใจ ตอนนั้นมณีได้ติดเครื่องดักฟังไว้ที่ตัวหมอเมฆ ทำให้เธอรู้เรื่องเล่าอดีตเกี่ยวกับเดียร์และรู้ถึงสาเหตุที่เธอรอดมาได้
"อ้ะ! ขอโทษทีจ้ะแฮะๆ"
"....เข้ามาข้างในก่อน พวกเรามีเรื่องต้องคุยกัน"
มณีมองท่าทางไร้เดียงสายของเธอเล็กน้อย ก่อนจะเมินแล้วเปิดประตูให้เธอเข้ามา เดียร์ก็ท่าทางเกร็งๆเล็กน้อยก่อนจะยอมเดินตามไป
"ต่อจากนี้ไปเธอต้องนอนที่นี่นะ"
แต่ระหว่างทางเดินผ่านน้ำพุใจกลางคฤหาสถ์ มณีก็พูดขึ้นมาและสิ่งที่เธอพูดถึงกับทำให้เดียร์เบิกตาโพลงทีเดียว
"เอ๋!เดี๋ยวก่อนค่ะ ทำไมฉันต้องมานอนที่นี่ด้วยละคะ!"
เดียร์โวยวายขึ้นด้วยใบหน้าที่แดงเล็กน้อยเพราะนี่ถือว่าเป็นการนอนบ้านเดียวกับชุนน่ะสิ ผู้หญิงมานอนบ้านผู้ชายที่รู้จักกันไม่นานแบบนี้มันจะ...ดูไม่ดีเอาได้
"หรือนี่เธอคิดจะกลับไป...ให้พวกโจรกลุ่มใหม่มาฆ่าเธออีกรึไง"
มณีหยุดเดินแล้วหันมามองเดียร์ด้วยสายตาเย็นชา เดียร์ได้ยินดังนั้นก็ตกใจก่อนจะเลิกคิ้วอย่างแปลกใจกับสิ่งที่เธอพูด
"ออ...คุณมณีสินะที่ไปเจอตัวฉันที่บ้าน มิน่าว่าทำไมพี่เมฆถึงไม่รู้ว่าใครทำร้ายฉันเพราะคนที่พาฉันมาโรงพยาบาลคือคุณไม่ใช่พี่เมฆนี่เอง"
เดียร์เอามือจับคางพร้อมคิดอะไรเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มเข้าใจได้ถึงเรื่องที่สงสัยอยู่ว่าที่มาที่ไปมันเป็นยังไง
" แต่เรื่องโจรกลุ่มใหม่ที่คุณพูดถึงหมายความว่ายังไง?แล้วกลุ่มสี่คนที่มาทำร้ายฉันละ?พวกเขาโดนจับหมดแล้วเหรอ?"
เดียร์เงยหน้าขึ้นถามมณีอย่างสงสัย มณีฟังดังนั้นก็นำมือกุมขมับเบาๆโดยหันหลังไม่ให้เดียร์เห็น
'เผลอพูดมากออกไปซะได้...เฮ้อ...แต่จะกลุ่มคนร้ายที่ทำร้ายผู้หญิงคนนี้จะเกี่ยวข้องกับองค์กรนั้นรึเปล่าก็ช่าง ตอนนี้สิ่งที่ต้องทำมีเพียงแค่สืบหาจุดประสงค์ของพวกนั้นว่าทำไมถึงมาหมายจะฆ่าผู้หญิงคนนี้'
มณีนึกในใจด้วยสีหน้าซีเรียส...
"เปล่าฉันแค่หมายถึง...เอ่อ มันเป็นคำสั่งของคุณชุนน่ะ พอเขารู้ว่าเธออยู่คนเดียวแล้วเกิดเรื่องนี้ขึ้นจึงสั่งฉันให้พาเธอมาอยู่ที่นี่เพื่อความปลอดภัยไว้ก่อน ส่วนของสัมภาระของเธอพวกเราก็ย้ายมานี่หมดแล้วละ"
มณีเอาชุนมาอ้างด้วยใบหน้า...ตายสนิท
"เอ๋!!! พวกคุณทำแบบนี้มันถือว่าบุกรุกโดยไม่ได้รับอนุญาตินะคะเนี่ย!!อีกอย่างบ้านหลังนั้น โรงฝึกที่นั่นมันสำคัญกับฉันมากนะคะ ฉันทิ้งที่นั่นไปไม่ได้หรอกค่ะ...!"
เดียร์ที่กำลังโวยวายอยู่ก็เงียบชะงักเพราะมณีเอามือทำท่าบอกให้เธอเงียบ ก่อนจะชี้ไปยังทิศทางหน้าประตูบ้านที่รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงอะไรบางขนาดใหญ่กำลังเคลื่อนไหวอยู่
ครืน....
"สัมภาระที่ฉันพูดถึงนอกจากเครื่องเรือนสิ่งของแล้ว สิ่งที่เธอบอกว่าสำคัญนั่นก็ด้วยแหละ"
มณีพูดอธิบายหน้าตาย ขณะเดียร์กำลังเบิกตาโพลงอ้าปากค้างมองอะไรบางอย่างขนาดใหญ่ลอยอยู่ตรงหน้าเธอ มันถูกยกโดยรถเครนของยุคนี้
ใช่...รถเครน 2 คันนั่นกำลังยกบ้านเดียร์กับโรงฝึกของเธอ...
ตึง!...ตึง!
"โอเคนี่ค่าจ้างพวกนาย"
"ขอบคุณมากครับ แล้ววันหลังใช้บริการอีกนะครับ เอาพวกเราเลิกงานได้!"
บรืน~!
รถเครนของพวกเขาวางบ้านกับโรงฝึกเดียร์ไว้ตรงด้านหลังของคฤหาสถ์แบะติดกับกำแพงรั้วหลังคฤหาสถ์ มิหน้ำซ้ำทางเข้าหน้าบ้านเธอก็ติดกับสระว่ายน้ำและสวนดอกไม้อีกด้วย พอเสร็จมณีก็จ่ายตังให้พวกคนงานพร้อมกับมองเดียร์ที่ยังคงมองตาค้างเล็กน้อย
ก่อนจะแค่นเสียงเบาๆ และทำท่าเหมือนนึกอะไรได้ขึ้นมาก็เข้าไปกระซิบข้างหูเดียร์ที่ยังช๊อคอยู่เบาๆ
'จะว่าเพื่อนสาวชาวเกาหลีของเธอก็อยู่ที่นี่ด้วยนะ...'
"เอ้ะ?!"
มณีพูดแค่นั้นก็เดินจากไปและเข้าไปในคฤหาสถ์พร้อมหาวเล็กน้อย ปล่อยให้หญิงสาวผมดำมองตามอย่างงุนงง
"หมายถึงฮยอนอางั้นเหรอ?แล้วทำไมฮยอนอาถึงมาอยู่บ้านชุนได้ละ?"
โลกเกมส์ปัจจุบัน....
เพี้ยวว!!!ตูมมม!!!
ใจกลางป่าดงดิบแสนหนาทึบที่เต็มไปด้วยหมอกสีหม่นปกคลุมกระจายไปทั่ว ได้มีลำแสงสีขาวที่พุ่งออกมาจากปลายแหลมของคมหอกสีเงินราวกับกระสุน พร้อมกับพลังทำลายที่ทะลุต้นไม้ต้นใหญ่จนเป็นรูกลวง
"ชิ!นี่ก็ตัวปลอมงั้นเรอะ!"
หญิงสาวหน้าสวยผมดำรวบเป็นปมนัยน์ตากลมโตสีมรกต ในชุดเดรสสีชมพูที่เปื้อนไปด้วยคราบโคลนได้ขมวดคิ้วขึ้นอย่างไม่ชอบใจ เมื่อเห็นร่างหญิงสาวผมม่วงที่โดนลำแสงคมหอกของเธอเข้าไปสลายกลายเป็นละอองซึ่งบ่งบอกได้ว่าไม่ใช่ตัวตนจริงๆ
"คิ คิ เจ้านี่น่าเบื่อจริงๆเลยนะ หัดใช้สมองหน่อยสิเจ้าหญิงไม่ใช่แค่ใช้แต่แรงวัวแรงควายนะ"
"หนอยยัยนี่!!"
ตูมมม!!!
อาลีเซียสบถขึ้นก่อนจะแทงหอกกลับไปด้านหลังที่ซินเซเผยร่างมาอีกร่าง แต่ผลก็คือเหมือนเดิม ร่างนั้นยังคงสลายหายไปและโผล่มาอีกที่หนึ่งอีก
"เฮ้อ...เจ้านี่น่าเบื่อจริงนะ งั้นเลิกเล่นกันแค่นี้ละกัน"
"เอ้ะ!?"
ฟุบๆๆๆ!!
"ฮึ้ย!"
สิ้นสุดเสียงของซินเซเถาวัลย์ของต้นไม้ของป่าโดยรอบก็พุ่งเข้ามาเพื่อรัดร่างของอาลีเซีย อาลีเซียก็รีบใช้หอกของเธอกวัดแกว่งทำลายเถาวัลย์พวกนั้นพร้อมทะยานถอยร่นอย่างยากลำบาก
"ดื้อด้านจริงนะ"
"!!!"
ฉัวะ!!!
"กรี๊ดด!!!"
ซินเซเห็นอาลีเซียยังดิ้นรนก็วาร์ปโผล่เข้ามาที่ด้านหลังเธอ ก่อนจะเอามีดสั้นฟันเข้ากลางหลังเธอที่ยังไม่ทันตั้งตัวเต็มๆ อาลีเซียก็ร้องด้วยความเจ็บปวด ร่างของเธอลอยเข้าไปในระยะของเถาวัลย์
หมับ!ฟุบ!!
จากนั้นเถาวัลย์ก็เข้าไปรัดขาของเธอ แต่ก่อนที่ร่างของอาลีเซียจะโดนรัดทั่วร่างนั้น...
"ชักจะได้ใจมากไปแล้วนะ! คิดว่าฉันมีพลังแค่นี้รึไง...คมหอก "
"หือ?"
แว้บบบ!!!!
อาลีเซียแหกปากตะโกนขึ้นก่อนจะยกหอกของเธอขึ้นพร้อมกับแสงสว่างวาบขึ้นชวนแสบตาที่ปลายหอก ก่อนเธอจะตั้งท่าเหมือนจะปาหอกออกไป ทันใดนั้นก็ปรากฎหอกสีขาวจำนวนมากส่องประกายบนท้องฟ้านับร้อย...
"ฝนดาวตก (Meteor shining)!!!"
และสิ้นสุดคำสั่งเสียงของอาลีเซีย หอกแสงจำนวนมากก็พุ่งตกลงมาถล่มลงใส่เถาวัลยน์นับพันสายที่จะเข้ามารัดเธอ แต่ทว่าความรุนแรงของพลังทำลายล้างของท่าของอาลีเซียมันมากในระดับทำลายผืนป่าแล้ว
"ยัยบ้านี่แค่ทำลายเถาวัลย์ต้องทำขนาดนี้เลยเหรออ!!!"
ซินเซตะโกนอุทานอย่างตกใจก่อนจะรีบทะยานหนีหลบรัศมีของพลังทำลายล้างนั้น...
บรึ้มมมม!!!!
ทันใดที่หอกทุ่มเล่มพุ่งลงสัมผัสกับพื้นดิน ก็เกิดแสงสว่างวาบกระจายออกมาทุกสิ่งที่สัมผัสกับแสงนั้นต่างสลายไปในทันที ทั้งเถาวัลย์ ต้นไม้ อสูรรวมไปถึงผืนป่าด้วย...
ฟู่ว....
"ไม่คิดว่า...ท่าที่ยัยเบลเลี่ยนสอนจะมีอนุภาพขนาดนี้เลยนะเนี่ย แต่เล่นเอาเราหมดแรงเสียพลังไปเยอะเลยแฮะ"
อาลีเซียยืนมองอย่างอึ้งๆใจกลางหลุมที่ดูเหมือนอุกบาตตก รอบๆตัวเธอในระยะหลายร้อยตารางเมตรทุกสรรพสิ่งโดนลบล้างออกไปจนหมด
ตึก ตึก
"......"
อาลีเซียมองเห็นร่างนึงที่นอนฟุบในสภาพบาดเจ็บพอสมควร ร่างนั้นพยายามจะคลานออกห่างจากจุดที่เธอยืนอยู่ไปเรื่อยๆ เธอมองเล็กน้อยพร้อมคลี่ยิ้มชั่วร้ายก่อนจะเดินไปที่ร่างนั้น
"หึ หึ ไงล่ายัยอสรพิษโดนแบบนี้เข้าเป็นไงละ ถ้าโดนการโจมตีที่กินพื้นที่ขนาดนี้ยังไงก็ต้องโดนร่างจริงของเธอแน่ๆ แถมเป็นโอกาสดีที่ฉันได้ลองทักษะรวมถึงพลังใหม่ด้วย"
อาลีเซียหัวเราะร่วนอย่างได้ใจ เมื่อเห็นสภาพของซินเซ อสรพิษสาวผมม่วงที่ตอนนี้เกราะสีทองที่เธอภาคภูมิใจแตกร้าวพร้อมทั้งแผลที่มีเลือดออกหลายแห่ง
ฟุบ!
"นี่เธอมีพลังถึงระดับนี้ตั้งแต่เมื่อไร..."
"?!"
ในขณะที่อาลีเซียกำลังคุยโวข่มซินเซอยู่นั้น ก็มีร่างหญิงสาวร่างนึงทะยานเข้ามาพร้อมแบกอะไรมาด้วย เธอสวมอยู่ในชุดเมดผมสั้นบ๊อบสีฟ้าอ่อนสไลด์สีเขียวและชมพูอ่อนเธอคือออโรร่านั่นเอง และบางอย่างที่เธอแบกมาคือร่างของเดียรินี่ที่กลายเป็นหิน
"อ้าว! ออโรร่าเธอหายไปไหนมาเนี่ย...แล้วนั่นยัยซามูไรนี่ทำไมกลายเป็นหินแบบนั้นละ!!"
อาลีเซียพอเห็นไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นออโรร่าที่หายไปพักนึงก็ยิ้มทักทายอย่างร่าเริง เพราะตัวเองพึ่งจัดการกับหนึ่งใน 3 ลูกน้องของเมดูซ่าได้ ก่อนจะตกใจเมื่อเห็นสภาพของเดียรินี่
"โดนเมดูซ่าเล่นงานเอาน่ะ จะคืนสภาพเดิมให้เธอได้ต้องจัดการเม..."
"เป็นอะไรไปเหรอออโรร่า ทำไมอยู่ๆก็เงียบละ?"
อาลีเซียถามขึ้นเมื่อเห็นออโรร่ามองจ้องไปที่ป่า...
"ฉันคิดไว้แล้วว่าหมอกของป่านี่ไม่ธรรมดาจริงๆด้วย"
"เอ๋?หมอกนี่มันทำไมเหรอ?" อาลีเซียถามขึ้นอย่างสงสัย
"จากที่ฟังจากปากของนักโบราณคดีหญิงนั้นบอกว่าหมอกนี่จะทำให้คนที่เข้าไปในป่าหลงจนหาทางออก ออกมาไม่ได้ แต่ผลของหมอกนี่ไม่ได้มีแค่นั้น..."
ออโรร่าพูดค้างไว้แค่นั้น ก่อนจะมองไปที่ซินเซที่นอนขยับไปไหนไม่ได้ ก่อนหน้านี้ออโรร่าเห็นพวกอาลีเซียกำลังสู้กันเธอก็กะจะไปช่วยอยู่เหมือนกัน แต่เธอพอเห็นความสามารถร่างปลอมของซินเซเธอยังไม่กล้าออกไปเพราะความสามารถที่แสนพิศวงนั้นขืนออกไปจะเป็นภาระของอาลีเซียเปล่าๆ
และอีกอย่างกลัวเดียรินี่ที่ไม่สามารถขยับไปไหนได้จะโดนลูกหลงไปด้วย...
เธอจึงมองแล้ววิเคราะห์ความสามารถของซินเซ ความสามารถของเธอแตกต่างจากการแยกร่างหรือร่างแยกจากลักษณะมันน่าจะเป็นภาพลวงตาซะมากกว่า
และพอคิดถึงจุดนี้จากหลักวิทยาศาสตร์การจะเกิดภาพหลอนต้องเป็นผลมาจากสภาพแวดล้อมภายนอกที่มากระทำกับร่างกายของตัวเรา หรือในทางอื่นก็เกิดจากยาพิษ
ในตอนแรกออโรร่าก็คิดว่ามีดของซินเซที่ฟันเข้ากลางหลังอาลีเซียอาจมีพิษติดที่มีด แต่เธอต้องตัดข้อนี้เพราะดูจากก่อนหน้านั้นตอนที่อาลีเซียยังไม่โดนทำร้าย แต่เธอก็ยังโดนผลของภาพลวงตารวมถึงตัวเธอเองด้วย
เมื่อคิดถึงข้อนี้ข้อสันนิษฐานสุดท้ายก็คือ 'สภาพแวดล้อม'
และที่ติดใจเธอมากที่สุดก็คือ...หมอกของป่านี่มันต้องมีพิษหลอนประสาทกระจายภายใต้หมอกเป็นแน่ และมันก็จริงอย่างที่เธอคิดเมื่ออาลีเซียได้โชว์ผลลัพธ์ให้ดู
ตอนเธอทำลายป่าหมอกบริเวณนั้นก็ได้หายไป ทำให้เห็นร่างจริงของซินเซและทำให้รู้อีกด้วยว่าหมอกนี่เกิดจากต้นไม้ของป่าดงดิบพวกนี้
"โห...ออโรร่าเธอรู้ได้ขนาดนั้นเลยเหรอสุดยอดเลย" อาลีเซียกล่าวชื่นชมอย่างอึ้งๆ
"ก็ฉันไม่ได้ดีแต่บ้าพลังแบบเธอละนะ..."
ออโรร่าหันไปจิกหน้าตายใส่อาลีเซีย อาลีเซียฟังดังนั้นก็เหมือนโดนแทงใจดำจนหน้าหงอยไปใจจริงเธอก็อยากด่าสวนกลับแต่รู้ไม่ชนะเลยยอมเงียบ
"แต่ที่ฉันสงสัยทำไมต้องสร้างป่านี้ขึ้น ใช่ว่าจะมีคนหลงมาเกาะนี้นี่นาเพราะที่นี่กางอาณาเขตพิเศษไว้ทั่งพื้นที่มหาสมุทรในระยะหลายกิโลเมตรเลยนี่..."
ออโรร่าพูดพลางเหลือบหน้าตายมองไปที่ซินเซอย่างต้องการคำตอบ
"........"
ซินเซที่เงียบฟังมานานก็เงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าโกรธแค้น ก่อนจะพึมพำขึ้นมาว่า....
"พวกแกทำร้ายแรงเข้าแล้ว...."
ปล.ตัดยาวๆไปฝั่งชุนตอนหน้าจ้า
ปล.1 อย่าลืมคอมเม้น โหวต แชร์น้ะจ้ะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น