ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Lost Zero Online : มหาสงครามราชันข้ามฟ้า

    ลำดับตอนที่ #110 : CHAPTER 102 : อาลีเซีย vs ซินเซ 2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 615
      14
      28 ส.ค. 59

    CHAPTER 102 : อาลีเซีย vs ซินเซ 2




    โลกจริง...




    ประเทศไทย

    กรุงเทพมหานคร


    ณ  คฤหาสถ์ตระกูลรัษฎีการ์ (หน้าประตูทางเข้าใหญ่)



    เวลา 3 : 11 AM




    ตึก  ตึก


    "ที่นี่สินะ..."


    ท่ามกลางความมืดตรงซอยถนนแห่งหนึ่งได้มีหญิงสาวผมดำยาวประไหล่หน้าตาน่ารักราวกับหลุดออกมาจากภาพวาด เธออยู่ในชุดเสื้อยืดสีชมพูอ่อนแขนสั้น กางเกงยีนขาสั้นพร้อมสะพายถุงที่ใส่ดาบไม้มาด้วย


    ตอนนี้เธอมายืนอยู่หน้าประตูรั้วอะลูมิเนียมขนาดใหญ่ทางเข้าคฤหาสถ์โอ่อ่าสไตล์โปรตุเกษหลังนึง เธอมองทึ่งกับความหรูหราของมันเล็กน้อย ก่อนจะเหลือบมองปุ่มออดเรียกคนในบ้าน


    "เอาละ"


    หญิงสาวตัดสินใจเอื้อมไปกดมัน...แต่ก็โดนเสียงใครคนนึงดังขึ้นขัดมาซะก่อน


    "อย่าไปกดมันเชียวนะ"

    "เอ้ะ?!"


    เสียงหญิงสาวคนนึงดังขึ้นหลังประตูรั้วเหล็กนี่ก่อนร่างของเธอคนนั้นจะปรากฎตัวขึ้นมา เธอเป็นหญิงสาววัยน่าจะมากกว่าเธอเล็กน้อยมีผมยาวประไหล่สีน้ำตาลดวงตาสีน้ำตาลแก่คมกริบ เป็นคนที่สวยมากเธออยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวแขนสั้นสวมกางเกงวอร์มสีเทา


    เธอคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน...เธอคือมณีเมดสุดเย็นชาของชุนนั่นเอง


    "คุณมณี! อ้ะ!หรือว่าที่นี่คือบ้านของชุนเหรอคะ?!!"


    เดียร์อุทานขึ้นเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าคือใครแล้วจากนั้นเธอก็เดาได้ทันทีว่าคฤหาสถ์แสนใหญ่โตนี่เป็นคฤหาสถ์ของใคร


    "อ่า...ก็อย่างที่เธอเข้าใจนั่นแหละ...แล้วก็ช่วยเงียบๆหน่อยนี่มันกี่โมงกี่ยามละ" 


    มณีเอ่ยหน้าตายขึ้นพลางมองอกของเธอที่ถูกยิงข้างที่เป็นหัวใจ ตอนนั้นมณีได้ติดเครื่องดักฟังไว้ที่ตัวหมอเมฆ ทำให้เธอรู้เรื่องเล่าอดีตเกี่ยวกับเดียร์และรู้ถึงสาเหตุที่เธอรอดมาได้



    "อ้ะ! ขอโทษทีจ้ะแฮะๆ"


    "....เข้ามาข้างในก่อน พวกเรามีเรื่องต้องคุยกัน"


    มณีมองท่าทางไร้เดียงสายของเธอเล็กน้อย ก่อนจะเมินแล้วเปิดประตูให้เธอเข้ามา เดียร์ก็ท่าทางเกร็งๆเล็กน้อยก่อนจะยอมเดินตามไป


    "ต่อจากนี้ไปเธอต้องนอนที่นี่นะ" 


     แต่ระหว่างทางเดินผ่านน้ำพุใจกลางคฤหาสถ์ มณีก็พูดขึ้นมาและสิ่งที่เธอพูดถึงกับทำให้เดียร์เบิกตาโพลงทีเดียว


    "เอ๋!เดี๋ยวก่อนค่ะ ทำไมฉันต้องมานอนที่นี่ด้วยละคะ!" 


    เดียร์โวยวายขึ้นด้วยใบหน้าที่แดงเล็กน้อยเพราะนี่ถือว่าเป็นการนอนบ้านเดียวกับชุนน่ะสิ ผู้หญิงมานอนบ้านผู้ชายที่รู้จักกันไม่นานแบบนี้มันจะ...ดูไม่ดีเอาได้



    "หรือนี่เธอคิดจะกลับไป...ให้พวกโจรกลุ่มใหม่มาฆ่าเธออีกรึไง"


    มณีหยุดเดินแล้วหันมามองเดียร์ด้วยสายตาเย็นชา เดียร์ได้ยินดังนั้นก็ตกใจก่อนจะเลิกคิ้วอย่างแปลกใจกับสิ่งที่เธอพูด 



    "ออ...คุณมณีสินะที่ไปเจอตัวฉันที่บ้าน มิน่าว่าทำไมพี่เมฆถึงไม่รู้ว่าใครทำร้ายฉันเพราะคนที่พาฉันมาโรงพยาบาลคือคุณไม่ใช่พี่เมฆนี่เอง"


    เดียร์เอามือจับคางพร้อมคิดอะไรเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มเข้าใจได้ถึงเรื่องที่สงสัยอยู่ว่าที่มาที่ไปมันเป็นยังไง




    " แต่เรื่องโจรกลุ่มใหม่ที่คุณพูดถึงหมายความว่ายังไง?แล้วกลุ่มสี่คนที่มาทำร้ายฉันละ?พวกเขาโดนจับหมดแล้วเหรอ?"


    เดียร์เงยหน้าขึ้นถามมณีอย่างสงสัย มณีฟังดังนั้นก็นำมือกุมขมับเบาๆโดยหันหลังไม่ให้เดียร์เห็น


    'เผลอพูดมากออกไปซะได้...เฮ้อ...แต่จะกลุ่มคนร้ายที่ทำร้ายผู้หญิงคนนี้จะเกี่ยวข้องกับองค์กรนั้นรึเปล่าก็ช่าง ตอนนี้สิ่งที่ต้องทำมีเพียงแค่สืบหาจุดประสงค์ของพวกนั้นว่าทำไมถึงมาหมายจะฆ่าผู้หญิงคนนี้'


    มณีนึกในใจด้วยสีหน้าซีเรียส...


    "เปล่าฉันแค่หมายถึง...เอ่อ มันเป็นคำสั่งของคุณชุนน่ะ พอเขารู้ว่าเธออยู่คนเดียวแล้วเกิดเรื่องนี้ขึ้นจึงสั่งฉันให้พาเธอมาอยู่ที่นี่เพื่อความปลอดภัยไว้ก่อน ส่วนของสัมภาระของเธอพวกเราก็ย้ายมานี่หมดแล้วละ"


    มณีเอาชุนมาอ้างด้วยใบหน้า...ตายสนิท


    "เอ๋!!! พวกคุณทำแบบนี้มันถือว่าบุกรุกโดยไม่ได้รับอนุญาตินะคะเนี่ย!!อีกอย่างบ้านหลังนั้น โรงฝึกที่นั่นมันสำคัญกับฉันมากนะคะ ฉันทิ้งที่นั่นไปไม่ได้หรอกค่ะ...!"



    เดียร์ที่กำลังโวยวายอยู่ก็เงียบชะงักเพราะมณีเอามือทำท่าบอกให้เธอเงียบ ก่อนจะชี้ไปยังทิศทางหน้าประตูบ้านที่รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงอะไรบางขนาดใหญ่กำลังเคลื่อนไหวอยู่


    ครืน....


    "สัมภาระที่ฉันพูดถึงนอกจากเครื่องเรือนสิ่งของแล้ว สิ่งที่เธอบอกว่าสำคัญนั่นก็ด้วยแหละ"


    มณีพูดอธิบายหน้าตาย ขณะเดียร์กำลังเบิกตาโพลงอ้าปากค้างมองอะไรบางอย่างขนาดใหญ่ลอยอยู่ตรงหน้าเธอ มันถูกยกโดยรถเครนของยุคนี้


    ใช่...รถเครน 2 คันนั่นกำลังยกบ้านเดียร์กับโรงฝึกของเธอ...



    ตึง!...ตึง!


    "โอเคนี่ค่าจ้างพวกนาย"


    "ขอบคุณมากครับ แล้ววันหลังใช้บริการอีกนะครับ เอาพวกเราเลิกงานได้!"


    บรืน~!


    รถเครนของพวกเขาวางบ้านกับโรงฝึกเดียร์ไว้ตรงด้านหลังของคฤหาสถ์แบะติดกับกำแพงรั้วหลังคฤหาสถ์ มิหน้ำซ้ำทางเข้าหน้าบ้านเธอก็ติดกับสระว่ายน้ำและสวนดอกไม้อีกด้วย พอเสร็จมณีก็จ่ายตังให้พวกคนงานพร้อมกับมองเดียร์ที่ยังคงมองตาค้างเล็กน้อย

    ก่อนจะแค่นเสียงเบาๆ และทำท่าเหมือนนึกอะไรได้ขึ้นมาก็เข้าไปกระซิบข้างหูเดียร์ที่ยังช๊อคอยู่เบาๆ


    'จะว่าเพื่อนสาวชาวเกาหลีของเธอก็อยู่ที่นี่ด้วยนะ...'


    "เอ้ะ?!"


    มณีพูดแค่นั้นก็เดินจากไปและเข้าไปในคฤหาสถ์พร้อมหาวเล็กน้อย ปล่อยให้หญิงสาวผมดำมองตามอย่างงุนงง



    "หมายถึงฮยอนอางั้นเหรอ?แล้วทำไมฮยอนอาถึงมาอยู่บ้านชุนได้ละ?"







    โลกเกมส์ปัจจุบัน....





    เพี้ยวว!!!ตูมมม!!!


    ใจกลางป่าดงดิบแสนหนาทึบที่เต็มไปด้วยหมอกสีหม่นปกคลุมกระจายไปทั่ว ได้มีลำแสงสีขาวที่พุ่งออกมาจากปลายแหลมของคมหอกสีเงินราวกับกระสุน พร้อมกับพลังทำลายที่ทะลุต้นไม้ต้นใหญ่จนเป็นรูกลวง


    "ชิ!นี่ก็ตัวปลอมงั้นเรอะ!"


    หญิงสาวหน้าสวยผมดำรวบเป็นปมนัยน์ตากลมโตสีมรกต ในชุดเดรสสีชมพูที่เปื้อนไปด้วยคราบโคลนได้ขมวดคิ้วขึ้นอย่างไม่ชอบใจ เมื่อเห็นร่างหญิงสาวผมม่วงที่โดนลำแสงคมหอกของเธอเข้าไปสลายกลายเป็นละอองซึ่งบ่งบอกได้ว่าไม่ใช่ตัวตนจริงๆ


    "คิ คิ เจ้านี่น่าเบื่อจริงๆเลยนะ หัดใช้สมองหน่อยสิเจ้าหญิงไม่ใช่แค่ใช้แต่แรงวัวแรงควายนะ"


    "หนอยยัยนี่!!"


    ตูมมม!!!


    อาลีเซียสบถขึ้นก่อนจะแทงหอกกลับไปด้านหลังที่ซินเซเผยร่างมาอีกร่าง แต่ผลก็คือเหมือนเดิม ร่างนั้นยังคงสลายหายไปและโผล่มาอีกที่หนึ่งอีก



    "เฮ้อ...เจ้านี่น่าเบื่อจริงนะ งั้นเลิกเล่นกันแค่นี้ละกัน"


    "เอ้ะ!?"


    ฟุบๆๆๆ!!


    "ฮึ้ย!"


    สิ้นสุดเสียงของซินเซเถาวัลย์ของต้นไม้ของป่าโดยรอบก็พุ่งเข้ามาเพื่อรัดร่างของอาลีเซีย อาลีเซียก็รีบใช้หอกของเธอกวัดแกว่งทำลายเถาวัลย์พวกนั้นพร้อมทะยานถอยร่นอย่างยากลำบาก


    "ดื้อด้านจริงนะ"


    "!!!"


    ฉัวะ!!!


    "กรี๊ดด!!!"



    ซินเซเห็นอาลีเซียยังดิ้นรนก็วาร์ปโผล่เข้ามาที่ด้านหลังเธอ ก่อนจะเอามีดสั้นฟันเข้ากลางหลังเธอที่ยังไม่ทันตั้งตัวเต็มๆ อาลีเซียก็ร้องด้วยความเจ็บปวด ร่างของเธอลอยเข้าไปในระยะของเถาวัลย์


    หมับ!ฟุบ!!


    จากนั้นเถาวัลย์ก็เข้าไปรัดขาของเธอ แต่ก่อนที่ร่างของอาลีเซียจะโดนรัดทั่วร่างนั้น...


    "ชักจะได้ใจมากไปแล้วนะ! คิดว่าฉันมีพลังแค่นี้รึไง...คมหอก "


    "หือ?"


    แว้บบบ!!!!


    อาลีเซียแหกปากตะโกนขึ้นก่อนจะยกหอกของเธอขึ้นพร้อมกับแสงสว่างวาบขึ้นชวนแสบตาที่ปลายหอก ก่อนเธอจะตั้งท่าเหมือนจะปาหอกออกไป ทันใดนั้นก็ปรากฎหอกสีขาวจำนวนมากส่องประกายบนท้องฟ้านับร้อย...



    "ฝนดาวตก (Meteor shining)!!!"



    และสิ้นสุดคำสั่งเสียงของอาลีเซีย หอกแสงจำนวนมากก็พุ่งตกลงมาถล่มลงใส่เถาวัลยน์นับพันสายที่จะเข้ามารัดเธอ แต่ทว่าความรุนแรงของพลังทำลายล้างของท่าของอาลีเซียมันมากในระดับทำลายผืนป่าแล้ว



    "ยัยบ้านี่แค่ทำลายเถาวัลย์ต้องทำขนาดนี้เลยเหรออ!!!"


    ซินเซตะโกนอุทานอย่างตกใจก่อนจะรีบทะยานหนีหลบรัศมีของพลังทำลายล้างนั้น...



    บรึ้มมมม!!!!



    ทันใดที่หอกทุ่มเล่มพุ่งลงสัมผัสกับพื้นดิน ก็เกิดแสงสว่างวาบกระจายออกมาทุกสิ่งที่สัมผัสกับแสงนั้นต่างสลายไปในทันที ทั้งเถาวัลย์ ต้นไม้ อสูรรวมไปถึงผืนป่าด้วย...



    ฟู่ว....


    "ไม่คิดว่า...ท่าที่ยัยเบลเลี่ยนสอนจะมีอนุภาพขนาดนี้เลยนะเนี่ย แต่เล่นเอาเราหมดแรงเสียพลังไปเยอะเลยแฮะ"


    อาลีเซียยืนมองอย่างอึ้งๆใจกลางหลุมที่ดูเหมือนอุกบาตตก รอบๆตัวเธอในระยะหลายร้อยตารางเมตรทุกสรรพสิ่งโดนลบล้างออกไปจนหมด



    ตึก ตึก


    "......"


    อาลีเซียมองเห็นร่างนึงที่นอนฟุบในสภาพบาดเจ็บพอสมควร ร่างนั้นพยายามจะคลานออกห่างจากจุดที่เธอยืนอยู่ไปเรื่อยๆ เธอมองเล็กน้อยพร้อมคลี่ยิ้มชั่วร้ายก่อนจะเดินไปที่ร่างนั้น


    "หึ หึ ไงล่ายัยอสรพิษโดนแบบนี้เข้าเป็นไงละ ถ้าโดนการโจมตีที่กินพื้นที่ขนาดนี้ยังไงก็ต้องโดนร่างจริงของเธอแน่ๆ แถมเป็นโอกาสดีที่ฉันได้ลองทักษะรวมถึงพลังใหม่ด้วย"


    อาลีเซียหัวเราะร่วนอย่างได้ใจ เมื่อเห็นสภาพของซินเซ อสรพิษสาวผมม่วงที่ตอนนี้เกราะสีทองที่เธอภาคภูมิใจแตกร้าวพร้อมทั้งแผลที่มีเลือดออกหลายแห่ง



    ฟุบ!


    "นี่เธอมีพลังถึงระดับนี้ตั้งแต่เมื่อไร..."


    "?!"


    ในขณะที่อาลีเซียกำลังคุยโวข่มซินเซอยู่นั้น ก็มีร่างหญิงสาวร่างนึงทะยานเข้ามาพร้อมแบกอะไรมาด้วย เธอสวมอยู่ในชุดเมดผมสั้นบ๊อบสีฟ้าอ่อนสไลด์สีเขียวและชมพูอ่อนเธอคือออโรร่านั่นเอง และบางอย่างที่เธอแบกมาคือร่างของเดียรินี่ที่กลายเป็นหิน



    "อ้าว! ออโรร่าเธอหายไปไหนมาเนี่ย...แล้วนั่นยัยซามูไรนี่ทำไมกลายเป็นหินแบบนั้นละ!!"



    อาลีเซียพอเห็นไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นออโรร่าที่หายไปพักนึงก็ยิ้มทักทายอย่างร่าเริง เพราะตัวเองพึ่งจัดการกับหนึ่งใน 3 ลูกน้องของเมดูซ่าได้ ก่อนจะตกใจเมื่อเห็นสภาพของเดียรินี่



    "โดนเมดูซ่าเล่นงานเอาน่ะ จะคืนสภาพเดิมให้เธอได้ต้องจัดการเม..."


    "เป็นอะไรไปเหรอออโรร่า ทำไมอยู่ๆก็เงียบละ?"



    อาลีเซียถามขึ้นเมื่อเห็นออโรร่ามองจ้องไปที่ป่า...



    "ฉันคิดไว้แล้วว่าหมอกของป่านี่ไม่ธรรมดาจริงๆด้วย"


    "เอ๋?หมอกนี่มันทำไมเหรอ?" อาลีเซียถามขึ้นอย่างสงสัย


    "จากที่ฟังจากปากของนักโบราณคดีหญิงนั้นบอกว่าหมอกนี่จะทำให้คนที่เข้าไปในป่าหลงจนหาทางออก ออกมาไม่ได้ แต่ผลของหมอกนี่ไม่ได้มีแค่นั้น..."


    ออโรร่าพูดค้างไว้แค่นั้น ก่อนจะมองไปที่ซินเซที่นอนขยับไปไหนไม่ได้ ก่อนหน้านี้ออโรร่าเห็นพวกอาลีเซียกำลังสู้กันเธอก็กะจะไปช่วยอยู่เหมือนกัน แต่เธอพอเห็นความสามารถร่างปลอมของซินเซเธอยังไม่กล้าออกไปเพราะความสามารถที่แสนพิศวงนั้นขืนออกไปจะเป็นภาระของอาลีเซียเปล่าๆ


    และอีกอย่างกลัวเดียรินี่ที่ไม่สามารถขยับไปไหนได้จะโดนลูกหลงไปด้วย...


    เธอจึงมองแล้ววิเคราะห์ความสามารถของซินเซ ความสามารถของเธอแตกต่างจากการแยกร่างหรือร่างแยกจากลักษณะมันน่าจะเป็นภาพลวงตาซะมากกว่า


    และพอคิดถึงจุดนี้จากหลักวิทยาศาสตร์การจะเกิดภาพหลอนต้องเป็นผลมาจากสภาพแวดล้อมภายนอกที่มากระทำกับร่างกายของตัวเรา หรือในทางอื่นก็เกิดจากยาพิษ


    ในตอนแรกออโรร่าก็คิดว่ามีดของซินเซที่ฟันเข้ากลางหลังอาลีเซียอาจมีพิษติดที่มีด แต่เธอต้องตัดข้อนี้เพราะดูจากก่อนหน้านั้นตอนที่อาลีเซียยังไม่โดนทำร้าย แต่เธอก็ยังโดนผลของภาพลวงตารวมถึงตัวเธอเองด้วย


    เมื่อคิดถึงข้อนี้ข้อสันนิษฐานสุดท้ายก็คือ 'สภาพแวดล้อม'


    และที่ติดใจเธอมากที่สุดก็คือ...หมอกของป่านี่มันต้องมีพิษหลอนประสาทกระจายภายใต้หมอกเป็นแน่ และมันก็จริงอย่างที่เธอคิดเมื่ออาลีเซียได้โชว์ผลลัพธ์ให้ดู


    ตอนเธอทำลายป่าหมอกบริเวณนั้นก็ได้หายไป ทำให้เห็นร่างจริงของซินเซและทำให้รู้อีกด้วยว่าหมอกนี่เกิดจากต้นไม้ของป่าดงดิบพวกนี้



    "โห...ออโรร่าเธอรู้ได้ขนาดนั้นเลยเหรอสุดยอดเลย" อาลีเซียกล่าวชื่นชมอย่างอึ้งๆ


    "ก็ฉันไม่ได้ดีแต่บ้าพลังแบบเธอละนะ..." 


    ออโรร่าหันไปจิกหน้าตายใส่อาลีเซีย อาลีเซียฟังดังนั้นก็เหมือนโดนแทงใจดำจนหน้าหงอยไปใจจริงเธอก็อยากด่าสวนกลับแต่รู้ไม่ชนะเลยยอมเงียบ


    "แต่ที่ฉันสงสัยทำไมต้องสร้างป่านี้ขึ้น ใช่ว่าจะมีคนหลงมาเกาะนี้นี่นาเพราะที่นี่กางอาณาเขตพิเศษไว้ทั่งพื้นที่มหาสมุทรในระยะหลายกิโลเมตรเลยนี่..."


    ออโรร่าพูดพลางเหลือบหน้าตายมองไปที่ซินเซอย่างต้องการคำตอบ


    "........"


    ซินเซที่เงียบฟังมานานก็เงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าโกรธแค้น ก่อนจะพึมพำขึ้นมาว่า....


    "พวกแกทำร้ายแรงเข้าแล้ว...."



















    ปล.ตัดยาวๆไปฝั่งชุนตอนหน้าจ้า
    ปล.1 อย่าลืมคอมเม้น โหวต แชร์น้ะจ้ะ








    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×