ลำดับตอนที่ #108
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #108 : CHAPTER 100 : เกาะอสรพิษ 2
ณ ทางเข้าปากถ้ำใต้น้ำเกาะอสรพิษ
ซูมม!!
ใช้เวลาเพียงไม่นาน ลาร่าก็นำทางพวกชุนเดินทางมาถึงถ้ำใต้นำ้ในที่สุดและมันยังเป็นทางเข้าลับของเกาะอสรพิษอีกด้วย พวกชุนดำอยู่ใต้น้ำได้ไม่นานก็โผล่ขึ้นมาสู่ผิวน้ำในที่สุดและแน่นอนว่าคนนำทางคือลาร่า
"แปลกมากข้าไม่คิดเลยว่ามันมีทางเข้านี้อยู่จริงๆ"
หัวหน้าทหารองครักษ์เงือกพูดขึ้นพลางรอบๆ ชุน อาเธอร์ เดเบียล่า ลูน่า มีล่าและพวกจิ่งหันเผยกับเจ้าชายซามูไรที่ตามมาก็มองรอบๆอย่างแปลกตาเช่นเดียวกัน เพราะนอกจากทางเข้าที่แปลกตาแล้วพอเข้ามาข้างในกลับพบว่าแปลกตายิ่งกว่า
เพราะภายในถ้ำที่คิดว่าจะมืดมิดมีแค่แสงจากใต้ผิวน้ำที่สะท้อนมาจากแสงแค่ข้างนอกเท่านั้น แต่ภายในกลับมีแสงจากคบเพลิงมากมายที่ปักติดกับกำแพงเพื่อชี้นำเป็นเส้นทางให้ และที่สำคัญ...
ที่นี่ไม่ใช่แค่ถ้ำธรรมดา มันคือโบราณสถานที่ซ่อนอยู่ใต้เกาะลึกลับแห่งนี้ พวกทหารองครักษ์เงือกก็ดูตกใจไม่น้อย แต่ก็ยังไม่เท่ากับพวกผู้เล่นอย่างพวกรัฐบาลของจิ่งหันเผยและเจ้าชายซามูไร รวมไปถึงมีล่าและชุนด้วย
"ที่นี่มันอะไรเนี่ย...โบราณสถานยุคกรีกรึไงเนี่ย"
หญิงสาวชาวจีนหน้าสวยคมเอ่ยขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อสายตา เพราะเธอไม่คิดเลยว่าเกมส์นี้จะมีสถานที่ลับที่คล้ายคลึงกับประวัติศาสตร์เช่นนี้มาก่อน เพราะที่ผ่านมาเธอเห็นว่าเนื้อเรื่องในเกมส์นี้และสถานที่ต่างๆคือเรื่องแต่งขึ้นมาเองทั้งนั้นไม่ได้อ้าง
"เรื่องนั้นช่างก่อนเถอะ พวกเรากำลังรีบไปช่วยยัยเสือของตานี่ไม่ใช่รึไงรวมถึงยัยเจ้าหญิงเงือกของพวกเงือกนั่นด้วย ไม่มีเวลามาชื่นชมสถาปัตยกรรมของเกมส์หรอกนะ"
มีล่ากอดอกขึ้นพูดใส่ด้วยสายตาเย้ยยัน ก่อนจะเหล่มาทางชุนที่ดูท่าทางรีบร้อนอยากไปช่วยซีลาร์มากและท่าทางถ้าเธอไม่เป็นคนเร่งก็คงเป็นเขานี่แหละ จิ่งหันเผยได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะแห้งๆขอโทษขอโพย
"ว่าแต่แล้วพวกคุณจะขึ้นฝั่งมาไงคะเนี่ย เพราะต่อจากนี้จะไม่มีพื้นน้ำแล้ว"
ลาร่าที่รอทุกคนคุยกันให้จบก็สังเกตุพวกทหารเงือกที่ยังคงยืนรอพวกเขาอยู่เหนือผิวน้ำ เธอจึงเอ่ยถามขึ้นว่าพวกเขาจะไปยังไง แต่ไม่ต้องรอให้พวกเขาตอบเธอก็เข้าใจในทันที เมื่อ...
พวกเขาใช้เวทมนตร์ใส่หางตัวเองแล้วหางของพวกเขาก็กลายเป็นขาเปลือยๆแบบมนุษย์ทันที ชุนมองก็เห็นซุยเรนก็ทำแบบนั้นด้วย
เขาเลยอดคิดไม่ได้ว่าพวกเงือกต้องเก่งการใช้เวทมนตร์แน่เลย ถ้ามีเวลาเขาก็จะจูบเธอเพื่อที่จะเอาทักษะเธอมาซะหน่อย
'ต้องมีทักษะเจ๋งๆอยู่แน่ แต่...เรื่องนี้เอาไว้ทีหลังต้องรีบไปช่วยซีลาร์ก่อน รวมถึงภารกิจช่วยเจ้าหญิงเงือกด้วย...ภารกิจนี่คงรวมถึงการจัดการเมดูซ่าด้วยสินะ' ชุนคิดในใจ
'เจ้านี่พูดเหมือนง่ายเลยนะ การที่จะจัดการเมดูซ่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ ถึงเมดูซ่าข้าคาดว่าจะกำลังทางกายภาพจะน้อยกว่าเจ้า แต่ทักษะเวทมนตร์ความสามารถส่วนตัวมันถือว่าอันตรายมากข้าว่าเจ้าอย่าประมาทจะดีกว่า'
เบลเลี่ยนเห็นชุนคิดง่ายๆเลยเอ่ยเตือนขึ้น
'ผมเข้าใจแล้ว...ผมไม่ประมาทหรอกน่า'
"เอาละถ้าทุกคนพร้อมแล้วก็ตามฉันมาดีๆนะ เพราะที่นี่มีกลไกกับดักเพียบเลยละ"
ลาร่าเห็นทุกคนพร้อมแล้วเธอก็บอกทุกคนให้เตรียมระวังเส้นทางข้างหน้าให้ดี ก่อนทึ่จะเดินไปที่ประตูหินสีขาวขนาดยักษ์ที่ปิดเส้นทางไปต่อ
จากนั้นลาร่าก็เรียกหนังสือเก่าๆเล่มนึงออกมาจากหน้าต่างเก็บของของตัวเอง พร้อมกับพูดอะไรออกมาแต่เป็นภาษาที่ชุนไม่เคยได้ยินมาก่อนและดูจากหน้าทุกคนก็คงไม่เข้าใจเหมือนเขาเหมือนกัน แต่ ณ ที่นี้รู้สึกจะสองคนที่รู้จักภาษานี้
"นี่มันภาษาชนเผ่าไกลิสโบราณ"
'ภาษาไกลิสโบราณ'
อาเธอร์กับเบลเลี่ยนเอ่ยขึ้นมาพร้อมกัน เบลเลี่ยนเขาไม่แปลกใจเท่าไรที่เธอจะรู้จักภาษาเก่าแก่นี้เพราะเธออาศัยบนโลกนี้มาหลายร้อยปีแล้ว แต่ที่แปลกใจคืออาเธอร์ตังหาก
"นี่คุณรู้จักภาษานี้ด้วยเหรออาเธอร์?"
"อ๋อต้องรู้สิเพราะภาษานี้..."
'ก็ภาษานี้คือภาษาของชนเผ่าของยัยอัศวินนี่ไง'
แต่ไม่ทันที่อาเธอร์จะตอบ ก็โดนหญิงสาวห้าวในแหวนสีแดงที่สวมอยู่ในนิ้วของชุนพูดขัดขึ้นมาซะก่อน ทำให้หญิงสาวอัศวินผมบลอนด์มองอย่างค้อนๆ
ก่อนจะปล่อยให้เบลเลี่ยนอธิบายให้ชุนไป ชุนเห็นอาเธอร์ทำหน้างอนๆใส่เบลเลี่ยนก็หัวเราะแห้งๆให้กับคู่นี้ ก่อนจะหันมาฟังเบลเลี่ยนอธิบาย
'ชนเผ่าไกลัสเป็น1ใน4ของเผ่าพันธ์ุมนุษย์ เผ่าไกลัสเป็นเผ่าของมนุษย์ที่มีพลังแห่งแสงเป็นเผ่าชั้นสูงสุดของมนุษย์ ส่วนอีกสามเผ่าคือ...
เผ่าไกดีส เป็นเผ่ามนุษย์ชนชั้นที่2 เป็นกลุ่มมนุษย์ที่มีความฉลาดปราดเปรื่องที่สุดพวกนั้นสามารถผลิตอุปกรณ์เทคโนโลยีชั้นสูงได้มากมายไม่มีอะไรเลยที่พวกเขาไม่สามารถสร้างไม่ได้ แต่สิ่งที่พวกต้องแลกก็คือร่างกายที่อ่อนแออย่างมาก
เผ่าไกโรส เป็นเผ่าที่พลังกายเยอะที่สุดใน4เผ่าพันธ์ุและเป็นเผ่าพันธ์ุที่เย่อหยิ่งมาก เป็นเผ่าพันธ์ุที่มีแต่สตรีทั้งนั้นมีประชากรน้อยสุด แต่ในสมัยสงครามจอมมารพวกเธอก็เป็นกำลังสำคัญทีเดียวแหละอีกอย่างลักษณะเด่นของพวกเธอคือมีผมที่ยาวสีแดงดวงตาสีเงิน ลักษณะเด่นอีกอย่างคือพวกเธอสามารถมีลูกเองได้โดยไม่ต้องมีผู้ชาย พวกเธอจะท้องเองได้พออายุครบ 18 ปี
ส่วนเผ่าสุดท้าย...
เผ่าไกอา เป็นมนุษย์ปกติทั่วไปไม่มีอะไรเป็นพิเศษเลยและเป็นชนชั้นล่างสุดของเผ่าพันธ์ุ'
"อื๊ออ~!!"
"หืม?เป็นอะไรเหรอเดเบียล่าจัง?"
ลูน่าหันมาถามอย่างสงสัย เมื่อจู่ๆเด็กสาวมนุษย์หมาป่าส่งเสียงแปลกๆออกมา ทุกคนพอหันไปมองเธอก็เห็นเธอเอามือปิดจมูกเล็กๆของเธอเอาไว้แน่นและมีท่าทางอึดอัดแปลกๆพิกล
"กลิ่นน่ะค่ะ...หนูไม่ชอบกลิ่นนี้เลย...กลิ่นมันคาวๆอะ"
เดเบียล่าทำหน้ายู่ก่อนจะเดินมาหลังชุดและนำเอาเสื้อของเขามาอุดจมูก ชุนก็ยิ้มเล็กๆพลางมองไปที่พวกลาร่าที่ยังคงท่องภาษาไกลิสในการเปิดประตูหินนี่อยู่ ก่อนจะหันมาถามเดเบียล่า
"กลิ่นมาจากตรงไหนเหรอเดเบียล่า พี่จมูกสู้เดเบียล่าไม่ได้ด้วยสิ ไหนบอกมาสิมาจากตรงไหนเดี๋ยวพี่จะไปดูให้"
ชุนลูบหัวเธอพลางถามที่มาของกลิ่น ที่เดเบียล่าได้กลิ่นอยู่คนเดียวคงเป็นเพราะมาจากความสามารถของเผ่าพันธ์ุมนุษย์หมาป่าละนะ
"งื้อ..."
เดเบียล่ายังคงนำผ้าปิดปากจมูกไว้แน่น แต่เธอบอกโดยการนำมือเล็กๆนั่นชี้ไปที่ประตูหินบานยักษ์ที่พวกลาร่ากำลังจะเปิด ชุนมองไปทางนั้นก็หรี่ตาลงมองอย่างสงสัยพอถามเบลเลี่ยนกับพวกอาเธอร์พวกเธอก็บอกว่าไม่รู้สึกถึงจิตมุ่งร้ายอะไรจากอีกด้านของประตูหินนี่เลย
ชุนได้ยินแบบนี้ก็เบาใจ ที่สำคัญตอนนี้ต้องรีบไปช่วยซีลาร์ ถ้าไม่ติดตรงที่ว่าถ้ำนี่อาจถล่มลงมาได้ถ้าเข้าใช้ปราณในการอัดพังประตูเข้าไปละก็ ป่านนี้เขาคงวิ่งชนทะลุไปถึงไหนๆแล้ว
"มีอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวจำนวนมากในห้องนั้นค่ะท่านชุน..."
"!!!"
ในขณะที่ชุนกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น เงือกสาวผู้ติดตามของเขาที่ยืนเงียบมาตลอดก็พูดขึ้น เธอพูดพลางมองประตูหินบานยักษ์นั่นอย่างกังวล
"เจ้ารู้ได้ยังไง??"
อาเธอร์ถามสิ่งที่ชุนคิดจะถามพอดี ซุยเรนได้ยินก็หันมาตอบด้วยสีหน้ากังวลเช่นเดิม
"ฉันสามารถรับรู้ทุกสิ่งที่มาสัมผัสกับผิวน้ำที่อยู่บริเวณใกล้ๆกับตัวฉันน่ะค่ะ จะพูดให้ถูกก็คือฉันรับรู้จากการสั่นไหวของผิวน้ำน่ะค่ะ ซึ่งตอนนี้ฉันสัมผัสได้ว่าบริเวณด้านหน้าเรากำลังมีการเคลื่อนไหวจำนวนมากค่ะ"
เงือกสาวหน้าหวานอธิบายถึงความสามารถของเธอให้พวกชุนฟัง พวกอาเธอร์ก็มองอย่างอึ้งๆเล็กน้อย ชุนเองก็เช่นกัน
'หึ หึ สมเป็นเผ่าพันธ์ุเงือกที่ถือเป็นเผ่าพันธ์ุที่ดำรงชีวิตคู่กับพื้นน้ำพื้นทะเลจริงๆ....ข้าว่าเจ้าควรศึกษาความสามารถของผู้ติดตามของเจ้าแต่ละคนให้ดีๆกว่า เพราะดูท่ามีแต่พวกมีความสามารถที่ไม่ธรรมดาทั้งนั้นเลยน่าจะใช้เป็นประโยชน์ได้หลายๆด้านเลยทีเดียวนา'
เบลเลี่ยนหัวเราะเบาๆให้ชุนฟัง
แอ๊ด...ครืด
"เอาละตามมานะทุกคน"
"อ้ะ!เดี๋ยวสิ!"
แต่ในขณะที่พวกชุนกำลังคุยกันอยู่ ประตูหินบานยักษ์ก็ได้ถูกเปิดออก ลาร่าก็ได้นำพวกผู้เล่นรัฐบาลของจิ่งหันเผยและเจ้าชายซามูไรนับร้อยคนและพวกทหารเงือกเข้าไปทันทีโดยที่ชุนยังไม่ทันได้ห้ามอะไร
ติ๋ง...ติ๋ง...
ทุกคนวิ่งเข้ามาในที่สุด ทางด้านพวกชุนเองก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากชักอาวุธเตรียมพร้อมเอาไว้ก่อน อาเธอร์ก็เตรียมโล่ห์กับดาบศักดิ์สิทธิขึ้นมา ลูน่าหยิบดาบสั้นขึ้นมา เดเบียล่าก็กลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่าส่วนซุยเรนเดินอยู่ระหว่างพวกเขาอย่างกลัวๆ
"คุณลาร่าที่นี่มันอะไรกัน ทำไมที่นี่ถึงมีกลิ่นเหม็นคาวแบบนี้ละเนี่ย..."
จิ่งหันเผยทำหน้ายู่แบบเดเบียล่าเด้ะ คนอื่นๆก็ปั้นหน้ายากเช่นเดียวกันเมื่อเจอกลิ่นภายในนี้ ทุกคนมองไปรอบๆที่นี่คือโพรงถ้ำขนาดใหญ่มีเนินลาดชันมากมายและมีโพรงถ้ำหลายจุดให้สามารถเข้าไปได้
แต่...ดูท่าต้องปีนเท่านั้นเพราะโพรงถ้ำพวกนั้นอยู่สูงขึ้นไปจากที่พวกเขายืนหลายเมตรทีเดียว
"เอ...แปลกจัง"
"มีอะไรเหรอครับลาร่า?"
ชุนเดินเข้าไปถามนักโบราณคดีสาวอกตู้ม เมื่อเห็นเธอมีท่าทางเหมือนสงสัยอะไรบางอย่าง ลาร่าก็มองรอบๆเล็กน้อยก่อนจะหันมาอธิบายให้ชุนฟัง
"คือมันแปลกไปจากเดิมกับที่ฉันเข้ามาตอนแรกน่ะค่ะ"
"แปลกยังไงเหรอครับ?"
ชุนเลิกคิ้วถาม แต่สายตายังคงกวาดตามองรอบๆ ที่นี่มันมืดมากถ้าไม่ได้แสงจากคบเพลิงของพวกผู้เล่นรัฐบาลของจิ่งหันเผยละก็คงแทบมองอะไรไม่เห็นเลย บวกกับแสงจากคบเพลิงที่สะท้อนกับผิวน้ำตื้นๆตรงเท้าของพวกเขาด้วยจึงช่วยเพิ่มแสงสว่างได้มากทีเดียว
"คือในตอนแรกน่ะค่ะ มันมีโพรงถ้ำด้านล่างด้วยไม่ได้มีแต่ชั้นบนเท่านั้น แต่ตอนนี้กลับมีกำแพงที่มีลายแปลกๆมาแทนที่โพรงถ้ำทางเข้าพวกนั้น และที่สำคัญไม่มีโพรงถ้ำที่ใหญ่ขนาดนั้นกับกลิ่นเหม็นคาวแบบนี้ตอนที่ฉันเข้ามาด้วยน่ะค่ะ"
ลาร่าอธิบายไปพร้อมชี้ไปที่โพรงยักษ์นั่นและมองรอบๆอย่างงุนงง ชุนก็มองตามนิ้วเรียวยาวที่เธอชี้ไป
โพรงถ้ำขนาดใหญ่ที่ตอนนี้มีพวกผู้เล่นไปยืนรวมตัวกันอยู่ตรงนั้น พร้อมพูดคุยกัน
"กลิ่นมาจากตรงนี้นี่เอง แต่จะว่าไปกลิ่นนี้มันคุ้นๆนา"
"เจ้าพวกโง่ กลิ่นนี้คือกลิ่นคาวเลือดยังไงละ"
"!!!"
มีล่าที่ยืนอยู่หลังพวกมันกล่าวบอกขึ้น ทุกคนได้ยินดังนั้นก็ตกใจหันมามองตากันประมาณว่าเออจริงด้วย
"กลิ่นคาวเลือด...งั้นที่นี่มันก็อันตรายสิคะ"
"....."
"เออจริงด้วย..."
เดเบียล่าปิดจมูกเดินมาเอ่ยดื้อๆให้ชุนกับมีล่าฟัง ทั้งสามคนพูดกันไม่ทันไรสิ่งที่พวกเขาหมายถึงก็เกิดขึ้นจนได้
ตึงงง!!!
"เฮ้ยประตูปิดเอง!"
"ลาร่านี่มันอะไรกัน แล้วทำไมเธอไม่รีบพาเราไปต่อละ!"
จู่ๆประตูหินยักษ์ก็ปิดตัวลงอย่างแรง พวกทหารเงือกและพวกผู้เล่นต่างตกใจตื่นตระหนก มีล่าเองก็เช่นกันเธอเลยหันมาถามลาร่าคนที่นำทางพวกเธอว่ามันเกิดอะไรขึ้น
"ที่ฉันพาทุกคนไปต่อไม่ได้เพราะ...ทางที่ฉันเคยไปมันหายไปแล้วแล้วมีกำแพงลายประหลาดนั่นมาแทน ส่วนที่ประตูนั่นปิดลงคาดว่าเมดูซ่าจะรู้แล้วค่ะว่าพวกเราจะ...มาทางนี้"
ครืดดด!!!
"ชุนดูนั่นกำแพงนั่นมัน!!"
อาเธอร์ร้องขึ้นพร้อมกับชี้ไปที่กำแพงที่มีลวดลายแปลกๆนั่นกำลังเคลื่อนไหว ชุนมองดูลายกำแพงดีๆก็เบิกตาโพลงเพราะนั่นไม่ใช่กำแพงที่มีลวดลายประหลาด
ลายนั่นคือเกร็ดของงู...ยักษ์ที่ล้อมรอบถ้ำบริเวณนี้ทั้งหมด เพราะความมืดที่สลัวจึงทำให้มองเห็นมันได้ไม่ชัดทุกคนเลยไม่รู้ตัวกัน
งั่มม!!!ฉูดดด!!!!
"อ๊าากกก!!!"
เสียงร้องของพวกผู้เล่นรัฐบาลดังขึ้นมาจากด้านหลัง ชุนหันไปดูก็เห็นโพรงถ้ำขนาดใหญ่หุบลงงับเขมือบพวกผู้เล่นนับสิบตรงนั้นจนขาดครึ่งอย่างน่าสยดสยอง
โพรงถ้ำขนาดใหญ่ที่ไม่ควรมีอยู่...ที่แท้คือปากของงูยักษ์นั่นเอง
ที่โลกจริง...
ปิ๊น ปิ๊น...บรืน
"ลัล ลา เที่ยวทะเลสนุกจังเลยหนูไปอยากไปอีกจังค่ะคุณพ่อ~"
ที่ถนนใหญ่ที่ติดแน่นไปด้วยรถยนต์มากมายสาเหตุมาจากการจราจรติดขัด ก็ได้มีรถฟอร์จูเนอร์คันนึงของครอบครัวนึงที่เพิ่งกลับมาจากการไปเที่ยวปิดเทอมหน้าร้อนของพวกเด็กๆกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนานตามประสาครอบครัวอบอุ่น
ภายในรถคนนี้มีสมาชิกอยู่ 4 คนคือ พ่อ แม่ และลูกสาวทั้งสอง...
เด็กผู้หญิงตัวเล็กที่คาดว่าจะเป็นลูกสาวคนเล็กอายุประมาณ 10 ขวบก็กำลังพูดคุยตามประสาเด็กอย่างสนุกสนานกับคุณพ่อของเธอ
ส่วนอีกคนนึงที่คาดว่าจะเป็นพี่สาวคนโตอายุประมาณ 14 ปีก็กำลังนั่งดูรูปถ่ายที่ไปเที่ยวกันมาจากกล้องถ่ายรูปด้วยสีหน้ามีความสุข เด็กสาวนั่งมองรูปถ่ายอยู่ซักพักก็รู้สึกอะไรบางอย่างที่ผิดแปลกไป
คือ...ความเงียบ
บทสนทนาระหว่างน้องสาวของเธอกับคุณพ่อของเธอเงียบหายไป เสียงรถยนต์ภายนอกที่กำลังติดขัดกับการจราจรก็เงียบไปด้วย
"......."
เธอละจากกล้องถ่ายรูปพร้อมมองไปข้างหน้า ก็พบว่า...ทุกคนไม่ขยับ...ทุกคนนิ่งราวกับภาพวิดีโอที่ถูกรีโมทกดให้หยุด เพียงแต่ว่าที่นี่คือเรื่องจริงไม่ใช่หนังในวิดีโอ
"คุณพ่อคะ...คุณแม่คะ...ดะ..."
เด็กสาวเรียกคุณพ่อคุณแม่ของเธอ แต่พวกเขาก็ไม่มีท่าทีจะตอบอะไรกลับมา เธอเลยหันไปมองน้องสาวของตนบ้าง แต่พอหันไปเท่านั้นเธอก็พบว่าน้องสาวของเธอกำลังด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกมาทางเธอ
ก่อนน้องสาวของเธอจะค่อยๆคลี่ยิ้มมา พร้อมกับพูดคำบางคำท่ามกลางความเงียบสงัดนี่
"พี่คะ...ช่วยหนูด้วย"
โครมมม!!!!!
สิ้นสุดคำพูดของเธอ หลังคารถก็ยุบลงมาอย่างรุนแรงราวกับมีของใหญ่ตกมาจากบนฟ้าแล้วทับรถของพวกเธอ หลังคารถบีบอัดร่างน้องสาว พ่อ แม่ของเธอจนร่างกายแหลกเหลวต่อหน้าต่อตาเธอ....รวมไปถึงเธอด้วย
"อ๊าาา!!!!!!"
เธอตะโกนลั่นราวกับคนบ้า สายตาของเธอที่มองข้างหน้าราวกับคนบ้าที่ขาดสติ น้ำตาของเธอไหลออกมาอย่างไม่มีสิ้นสุด
"แฮ่กๆ...ที่นี่...ที่ไหน"
เธอหอบหายใจอย่างหนักและเร็ว ก่อนจะแปลกใจกับภาพข้างหน้าที่เปลี่ยนไป เธอพยายามตั้งสติเช็ดน้ำตาของตัวเองแล้วมองรอบๆตอนนี้เธอกำลังอยู่ที่เตียงๆหนึ่ง
"ฝันงั้น...เหรอ"
เธอหรี่ตาลงพร้อมกับนำมือมาก่ายหน้าผากแล้วนอนลงที่เตียงนั้น ตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่าเธอฝันไป ส่วนที่นี่น่าจะเป็นโรงพยาบาลเพราะสังเกตุจากลักษณะของเตียง เสาน้ำเกลือและชุดที่เธอใส่
เธอจำได้ว่าก่อนหน้านี้เธอถูกยิง แต่เธอจำได้ว่าโดนยิงเข้าหัวใจเลยนี่นาแล้วทำไมเธอถึงยังไม่ตาย หรือว่าเธอยังคงฝันอยู่...
ผลัก!ปึง!
"เดียร์เกิดอะไรขึ้น!"
"...พี่เมฆ"
เธอมองไปยังหน้าห้องเมื่อจู่ๆมีชายหนุ่มในชุดกาวพุ่งพรวดเข้ามาด้วยสีหน้าแตกตื่น เธอเห็นเขาก็รู้ได้ทันทีว่าเธอไม่ได้ฝันอยู่
"ขอโทษที่ค่ะ...หนูแค่ฝันร้ายนิดหน่อยน่ะ"
เธอยิ้มตอบเล็กๆด้วยใบหน้าที่ดูเหมือนแกล้งฝืนยิ้ม หมอหนุ่มเห็นก็รู้ได้ทันทีเพราะในแววตากลมโตสีดำนั่นเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง เขารู้เลยว่าเธอคงฝันเกี่ยวกับเรื่องอุบัติเหตครั้งนั้นที่เกิดขึ้นกับครอบครัวเมื่อ 6 ปีก่อนแน่ๆ
"เธอยังคงฝันถึงเหตุการณ์ตอนนั้นอยู่สินะ..."
"....."
เดียร์พอเห็นหมอหนุ่มรู้ทันเธอก็ก้มหน้าลงด้วยใบหน้าที่ทุกข์ใจกว่าเดิม
"......"
หมับ
"พี่เมฆ..."
หมอหนุ่มเดินเข้าไปหาเธอ ก่อนจะนำมือของเขาจับเบาๆที่มือเรียวเล็กของหญิงสาว ทำให้หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมามองพร้อมจ้องตาเขา
"เธอต้องเข้มแข็งขึ้นนะเดียร์...อย่าลืมว่าเธอยังมีน้องสาวของเธออยู่...และเธอเองก็ยังมีอยู่อีกคนนะ เพราะฉะนั้นเธอไม่ได้อยู่คนเดียวนะเดียร์"
"......."
เดียร์ได้ฟังดังนั้นก็น้ำตาของเธอก็เอ่อไหลออกมา หมอหนุ่มเห็นแบบนั้นก็ยิ้มจับศรีษะของเธอมาพิงอกแสนกว้างของเขาเบาๆแล้วค่อยลูบหัวเธออย่างอ่อนโยน
5 นาทีผ่านไป...
"เอาละมาเข้าเรื่องเลยดีกว่านะเดียร์ พี่อยากจะรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแล้วเธอเกี่ยวข้องยังไงกับผู้หญิงคนนี้"
หมอเมฆว่าขึ้นก่อนจะหยิบกระดาษที่เป็นรูปถ่ายผู้หญิงคนนึงที่หมอเมฆเอามาจากกล้องวงจรปิด เดียร์พอเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นก็เบิกตาโพลงเพราะผู้หญิงคนนั้นคือ....
"คุณมณี..."
ปล.ผมจะพยายามหาเวลาว่างมาแต่งนะคับ อิๆ อย่าเพิ่งเกลียดหมอเมฆน่าผมรับประกันว่าเดียร์คือนางเอกของภาค ๑ คับชุนก็คือพระเอกยังไงก็คู่กันอยู่แล้ววว ก็เคยบอกว่าไม่มีNTR 555
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น