ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ALIVE or DEAD

    ลำดับตอนที่ #46 : บทที่ 45 สู่คฤหาสถ์สีขาว (ขวัญข้าว)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 163
      1
      28 ส.ค. 58

     

    บทที่ 45  สู่คฤหาสถ์สีขาว  (ขวัญข้าว)

    "......"

    ฉันมองไปที่เมฆอย่างเป็นกังวล  เมื่อเขาแสดงสีหน้าเคร่งเครียดกับการหาคำตอบให้พวกเรา....

    " แต่ว่าเธอก็หาค้นทุกห้องแล้วใช่มั๊ย   ว่าไม่มีพวกกุญแจอะไรพวกนี้สำหรับการเปิดประตูนั่น"   ฉันกล่าวขึ้น  เมฆหันมาก็ส่ายหน้า

    "ไม่มีเลย  ตอนฉันเขาไปค้นทุกห้องก็พบแต่เพียงเอกสารเท่านั้น  ไม่มีอะไรนอกจากนั้นแล้ว..."

      เมฆตอบกลับมา   ทุกคนก็ต่างระดมความคิดหาทางออกอื่นนอกจากแผนของเมฆ   แต่ทุกคนก็หมดหนทางแล้วจริงๆ   จึงคิดลองเสี่ยงแผนของเมฆดูดีกว่า  เพราะช่วงเวลาที่น้ำที่ท่วมขังก็ต้องโดนประตูเหล็กนั่นถ่วงเวลาไว้ก่อนจะข้ามไปตรงบริเวณพื้นที่ของประตุทางออก

    "ตกลงก็เอาตามแผนของไอ้เมฆแหละ  พวกเราไม่มีทางอื่นแล้ว"   ศักดิ์พูดขึ้นด้วยสีหน้าที่ระโหยระแหง  กับอาการที่ไม่ได้มีอะไรตกถึงท้องมานาน

     

    "ฉันก็เอาตามนั้น" 

     ฟ้าใสกล่าวขึ้น  พลางมองมาที่เมฆ  ฉันก็เหล่ไปทางเธอเล็กน้อย  และฉันก็ยังจำได้ดีว่าเธอนั้นก่อนจะแยกวิ่งหายตัวไป  ได้สารภาพรักกับเมฆ   ฉันจึงเหลือบมองไปทางเมฆผลัดกับฟ้าใส  ตอนนี้ทั้งคู่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีเกี่ยวกับเหตุการณ์นั้นออกมา  

     

    'ช่างเถอะ...มันไม่เกี่ยวกับเราซักหน่อย'

     

    ฉันส่ายหัวสลัดความคิดเรื่องที่ต้องไปยุ่งกับเรื่องของคนอื่นออกจากหัว   แต่มองมาทางฟ้าใสที่ยืนติดกับเมฆแบบนั้น   ไม่รู้ทำไมมันทำให้ฉันเจ็บที่บริเวณหน้าอก....แต่รู้สึกเหมือนเจ็บข้างในมากกว่า

    " งั้นก็เอาตามนี้นะทุกคน พลไปเปิดเครื่องเลย"   เมฆถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ  ทุกคน...พล  ฟ้าใส  ศักดิ์ สุดา และฉันก็พยักหน้าประมาณว่าตามนั้นเลย

    กึง!ครืน!

    "ตอนนี้แหละวิ่งไปรอที่ประตูนั่น!"  

    ทันทีที่พลเปิดเครื่อง  เมฆก็เปิดประตูห้องห้องนี้อย่างรวดเร็ว พร้อมตะโกนสั่งทุกคนให้วิ่งออกไปตามจุดหมายทันที   พลพอเปิดเครื่องเสร็จก็วิ่งตามไป  ฉันก็วิ่งไปเป็นรองคนสุดท้าย  ก่อนที่เมฆจะวิ่งตามไปคนสุดท้าย

    ซ่า!!

    เสียงเหมือนมวลน้ำมหาศาลกำลังถาโถมเข้ามาใกล้พวกเราเรื่อยๆ   เมฆตอนนี้วิ่งกลับไปนำหน้าตีคู่กับฟ้าใส

    ตึก ตึก!

    "ไปเร็วเข้าน้ำกำลังมาแล้ว!

    เมฆตะโกนลั่น  ทุกคนรวมถึงฉันก็เร่งฝีเท้าเต็มอัตราศึก   จนในที่สุดก็มาถึงประตู้หล็กยักษ์ที่สูงจากพื้นถึงผนังเพดานห้อง  5 เมตร   ตรงขอบประตูด้านบนประตูเหล็กกล้าได้งอออกมา  สามารถลอดเข้าไปได้ทีละ 2 คน

    "จับมือกันไว้...."

    ทุกคนยืนชิดกับประตูเหล็กกล้า  พลางมองไปตามทางข้างหน้าที่กำลังมีเสียยงมวลน้ำมหาศาลเข้ามา   เมฆจับมือสุดากับฟ้าใสแน่น   เนื่องจากสุดาร่างกายอ่อนแอมากตอนนี้เขาจึงไม่กล้าปล่อยทิ้งไว้   พลางให้พลที่ร่างกายแข็งแรงไปจับมือกับศักดิ์และฉันอีกที 

     

    "ฮู่ว..." 

    เมฆปล่อยลมออกมาทางปาก  เพื่อทำใจให้สงบ   ทุกคนก็มองทางข้างหน้าที่ตอนนี้....

    "มาแล้วจับมือกันดีๆละ!!"    เมฆตะโกนสั่ง  ทันใดนั้นทุกคนก็จับมือกันแน่นกว่าเดิม  พร้อมกับมวลน้ำมหาศาลกระแทกร่างของพวกเรา

    ซูมมม!!!!!!

    "อึ้ก!"

         ร่างของพวกเรากระแทกกับประตูเหล็กอย่างแรง   คนที่อยู่ริมสุดของแถวหน้ากระดานนี้  ก็จับกับที่ขอบประตูเหล็กแน่น    พวกเราทุกคนต้านทานแรงน้ำได้ดี  เลยไม่มีใครกระเด็นและโดนพัดไปตามกระแสน้ำ   ยังคงอยู่ที่บริเวณประตูเหล็กกล้า   น้ำก็เข้ามาเรื่อยๆ  พอน้ำสูงขึ้นมาแรงคลื่นของมันก็ลดลงตาม

     

    "ฟ้าใส สุดารีบเข้าไปก่อนเลย!"  

    พอร่างของพวกเราลอยขึ้นเหนือพื้นที่ลอยคออยู่ผิวน้ำตอนนี้  ก็ลอยมาถึงบริเวณขอบประตูที่งอออกมา  ฟ้าใสพยักหน้าก่อนจะว่ายไปบริเวณนั้นแล้วดันสุดาเข้าไปก่อน   เธอจึงค่อยตามไป

    ฮึบ!

    ตุบ!

    "โอ๊ย!"

    "เป็นอะไรมั๊ยสุดา!

     พวกเราเห็นเสียงร้องของสุดาที่ตกลงข้ามไปยังอีกฝั่งของประตูแล้ว  ก็ตะโกนถามขึ้น  ฟ้าใสที่มองลอดช่องนั่นก็หันมาตอบแทน

    "ไม่เป็นไร  เธอแค่ตกลงไปกระแทกพื้นเฉยๆ  เพราะมันสูงถึง 5 เมตร...ลงกันดีๆละ"   ฟ้าใสพูดจบเธอก็ปีนข้ามโดดลงไป

    "พลพาศักดิ์ไปต่อเลยพวกนายอยู่ใกล้สุด!"  เมฆที่อยู่ริมสุดบอกพวกเขา  พวกเขาก็พยักหน้าเมฆก็เอื้อมเข้ามาจับฉันแทน

     

    "จับไว้นะ"

    "อะ...อื้อ" 

    พวกเรามองพวกเขาที่ข้ามไปสำเร็จ   แต่ตอนนี้น้ำก็เริ่มเอ่อล้นจึงศรีษะของพวกเราจะชิดกับเพดานห้องแล้ว  มันห่างกับใบหน้าพวกเราเพียงแค่ไม่กี่เซนติเมตร

    "อุ้บ!ขะ..ขวัญข้าวตาพวกเราแล้วไปกัน"

       เมฆที่ตอนนี้โดนน้ำซัดเข้ามาทพูดลำบาก  ฉันเลยพยักหน้าแล้วว่ายนำเขาไปที่ช่องนั้นที่ตอนนี้  น้ำจากฝั่งที่เราอยู่เริ่มไหลไปฝั่งนั้นแล้ว

    แต่....สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น

    หมับ!

    "อ้ะ!"  

    ซูม!!

    "ขวัญข้าว!"

    จู่ๆฉันก็รู้สึกเหมือนโดนมือของใครบางคนขนาดใหญ่  จับเข้าที่ขาของฉัน  แล้วโดนดึงลงอย่างแรงจนมือของฉันที่จับกับเมฆหลุดไป   ร่างของฉันที่โดนดึงลงมาก็จมอยู่ใต้น้ำที่มีกระแสไหลเชี่ยวพอสมควรจากแรงดันน้ำ

     

    'แย่ละ...'

    ฉันลืมมองตาใต้น้ำ  ก็อุทานขึ้นในใจเมื่อเห็นคนที่จับขาฉันไว้

    'ฆาตกรถือค้อน!!!'

    มันดึงร่างฉันลงไปจนลึกถึงพื้น   ฉันที่โดนดึงลงมาอย่างไม่ทันตั้งตัว  ก็เริ่มหายใจไม่ออกอย่างทรมาณ  ดิ้นรนเมื่อให้ขาตัวเองหลุดออกจากมือขนาดใหญ่ของมัน

     

    'ต้องรีบหาทางหนี  ถึงมันจะใช้ค้อนใต้น้ำแบบนี้ไม่ได้....แต่เราก็ขาดใจตายได้ถ้าขืนยังเป็นแบบนี้'

     

    ฉันคิดในใจ  แล้วก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างมือขนาดเล็กกว่าของฆาตกร   แต่ถึงจะอยู่ใต้น้ำ  มือนั้นก็กลับยังคงอุ่นเหมือนเดิม   ฉันหันไปมองมือนั่นที่จับมือของฉันไว้

    'เมฆ'

    เมฆดำน้ำลงมา  พลางจับมือของฉันไว้เพื่อให้ฉันหลุดจากพันธนาการของฆาตกร   แต่แรงเขาก็สู้แรงของไอ้ฆาตกรร่างยักษ์นี่ไม่ไหว   ฆาตกรพอเห็นคนที่บังอาจมาขัดขวาง  มันก็หันไปเล่นงานเมฆทันที 

    มันเหวี่ยงฉันอย่างแรง  จนปลิวไปอีกทางตรงข้ามกับฝั่งประตูเหล็กกล้า   และที่แย่สำหรับฉันตอนนี้คือ...

     

    ...ฉันไม่มีอะไรยึดจับไว้แล้ว  พอฆาตกรนั่นเหวี่ยงฉันออกไป  ฉันก็โดนกระแสน้ำพัดไปตามกระแสน้ำที่เชี่ยวกราด   เมฆเห็นดังนั้นก็รีบว่ายไปเพื่อกะจับมือของฉันให้ทัน   แต่เขาก็โดนฆาตกรที่ว่ายพุ่งเข้ามากระแทกจนหลังของเขากระแทกกับประตูเหล็ก

    หมับ!กึง!

    ฉันที่ไม่ยอมแพ้  ไม่ยอมที่จะโดนพัดไปกับกระแสน้ำง่ายๆ  ก็น้ำมือตัวเองคว้ากับแท่งโลหะที่มีไว้สำหรับให้คบเพลิงมาปัก   แต่น้ำที่กระแสแรงขึ้นอย่างน่าแปลกก็กำลังจะทำให้เหล็กนี่อาจจะหลุดออกจากกำแพง

     

    ตอนนี้ไม่เหล็กที่ฉันจับหลุดออก  ฉันก็ขาดอากาศตายก่อน....ชีวิตของฉันขึ้นอยู่กับเวลา

     

    ฉันพยายามกลั้นหายใจ  แล้วพยายามลืมตาสู้กระแสน้ำนี่มองมาทางเมฆกับฆาตกรที่ห่างออกไปเล็กน้อย...

    แต่สิ่งที่ฉันเห็นก็ต้องให้ฉันรู้สึกใจสั่นอย่างหวาดกลัว  เมื่อเหตุการณ์นั้นกำลังจะเกิดขึ้นอีก....

     

         ฆาตกรที่กำลังบีบคอเมฆอยู่นั้น  ได้แหวกหน้าอกตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง   แต่ครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการหยิบอาวุธจากในร่างกาย   มันมีคมเคี้ยวแหลมคมจำนวนมากตามปากบาดแผลที่หน้าอกมันที่ฉีกขาดออกมา  ทำให้รู้สึกเหมือนช่องที่หน้าอกที่เปิดกว้างออกมา  เหมือนปากของสัตว์ป่าที่กระหายเลือดกำลังจะบดขยี้ร่างอาหารของมัน

    ปึบ!

    ฉันที่กำลังตกใจ  รีบหาทางช่วยเมฆอย่างกระวนกระวาย  ก็มีโลหะหนักๆบางอย่างลอยมากระแทกท้องของฉัน  มันคือ....

    'ปืน!!'

    ฉันไม่แน่ใจว่าปืนนี้สามารถยิงใต้น้ำแบบนี้ได้มั๊ย   แต่ฉันก็ไม่มีทางอื่นอีกแล้ว....ที่จะช่วยเขาได้

    ปุง!!

    เสียงกระสุนโลหะที่พุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว   ปต่เพราะกระแสน้ำทำให้อนุภาพของมันตกฮวบไป   

    แต่มัน....ก็สร้างบาดแผลได้เช่นกัน

    "!!!!!!!!!"

    ฆาตกรสะดุ้งเมื่อกระสุนนั่นมาโดนที่ไหล่ขวาของมัน ที่กำลังใช้แขนขวาบีบคอเด็กหนุ่มตรงหน้า   มือของมันที่เผลอชังักไป  ก็ทำให้เมฆสามารถหลุดออกมาได้   เมฆรีบคว้าแท่งเหล็กก้านคบเพลิงที่ตอนนี้ไร้เชื้อไฟออกมาพร้อมปักเข้าไปที่ต้นคอของฆาตกร  และใช้เท้ายันซ้ำทำให้ส่วนที่แหลมเข้าไปฝังในร่างกายมัน

     

    มันดิ้นรนอย่างเจ็บปวด   และแรงถีบของเมฆบวกกับกระแสน้ำก็ทำให้ร่างของฆาตกรปลิวไปตามกระแสน้ำ...

    เมฆที่มีระบบประสาททำให้ร่างกายของเขา  พัฒนาขึ้นไปด้วย  สามารถว่ายต้านทานกระแสน้ำนี่ได้   เขารีบว่ายมาทางฉันที่ตอนนี้ใกล้จะไปตามกระแสน้ำแล้ว   และอากาศที่ใกล้จะหมด

     

    เมฆพุ่งมารับร่างฉันที่ตอนนี้หมดสติไปอย่างเฉียดฉิวที่ฉันปล่อยมือออกมา.....

     

     

    ..........................................................................................................................................................................

    "อึ้ก!

    ฉันพอลืมตาขึ้นมาอีกที  ก็เห็นใบหน้าของฟ้าใสอยู่ใกล้....ไม่เพียงแค่นั้นปากของเธอกำลังประกบอยู่กับริมฝีปากของฉัน  พร้อมกับลมหายใจของเขาที่ลอดเข้ามาและเข้าไปในลำคอของฉัน

    "อ้ะ!แค่ก แค่ก!"

    ฟ้าใสพอเห็นฉันฟื้นขึ้นมา  ก็รีบดีดตัวออกมา  ฉันก็ลุกขึ้นมานั่งไอสำลักน้ำ   และพอตั้งสติได้และยังมึนงงว่าเกิดอะไรขึ้น..

     

    "ฉันเป็น...."  

    เมฆที่ยืนอยู่ข้างๆฟ้าใส   พร้อมกับทุกคนที่มองฉันอย่างเป็นห่วงพอเดาคำถามของฉันได้  ก็ตอบออกมา

    "เธอหมดสติไปเพราะขาดอากาศน่ะ  เกือบแย่เลยละ...ดีนะที่ฟ้าใสผายปอดช่วยไว้"

      เมฆมองมาทางฟ้าใส  เธอเป็นคนอาสาไปช่วยขวัญข้าวอย่างไม่รอช้า  เพราะกลัวว่าชายหนุ่มจะเข้ามาผายปอด   เธอไม่ต้องการให้ชายหนุ่มที่ถือว่าได้จูบกับขวัญข้าว  จึงอาสาแทน  แต่ก็อายนิดหน่อยที่ต้องมาประกบปากกับผู้หญิงด้วยกัน

    "....อย่างงั้นเหรอ"

    ฉันก็พอรู้ว่าฟ้าใสทำเพราะอะไร  ทั้งช่วยเธอด้วยและ....ไม่ต้องการให้เมฆเป็นคนทำ

    ตอนนี้ทุกคนยังไม่ได้ฟังจากปากเมฆว่าเกิดอะไรขึ้นถึงได้ออกมาช้า   เมฆยังไม่ได้เล่าให้พวกเขาฟังว่าเจอกับฆาตกร   

    "มันเกิดอะไรขึ้นเมฆ"

     สุดา  ศักดิ์  พล  เข้าไปถามอย่างสงสัย  และกังวลว่าทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ที่ทำให้ฉันเกือบตาย

    "ออเรื่องนั้น...."

         เมฆก็เล่าให้พวกเขาฟัง   ฉันก็ปล่อยให้เมฆเป็นคนจัดการ   ส่วนฉันที่ตื่นขึ้นมาก็มองไปรอบๆ   ที่นี่ไม่ใช่ชั้นใต้ดินที่มีพื้นอิฐอีกแล้ว   มันกลายเป็นสวนแห่งหนึ่งอย่างแปลกตา  ที่เต็มไปด้วยพืชนานาพันธุ์   มีทั้งสวนดอกไม้  และพืชต้นไม้ใบหญ้าต่างๆ   แต่เพราะความมืดที่ไร้ซึ่งแสงสว่างทำให้สวนที่นี่ดูมืดมนจนน่ากลัวพร้อมกับความชื้นที่เปียกปอนของใบหญ้าที่ฉันสัมผัสได้จากมือคู่นี้

    ฉันหันหลังไปดูทางด้านหลังฉัน  ก็เห็นคฤหาสถ์ที่เป็นคฤหาสถ์ที่ตอนแรกที่เราเข้ามาอยู่ข้างหลัง  ก็แปลกใจแสดงว่าสวนแห่งนี้ไม่ได้อยู่ในตัวคฤหาสถ์   มันอยู่ภายในเขตพื้นที่ของข้างในกำแพงของรั้วของคฤหาสถ์

    ฉันรู้เพราะเมื่อมองออกไป   ก็เห็นรั๊วเหล็กแหลมที่สูงชลูดยากที่จะปีนข้ามล้อมรอบพื้นที่บริเวณนี้ทั้งหมด  และด้านบนรั้วก็มีไอ้แหลมๆชี้เด่อย่างน่ากลัว

     

    ตอนนี้พวกเรากำลังหลบฝนอยู่ใต้ต้นไม้ขนาดใหญ่   ฉันมองไปอีกด้านนึง  ก็ตกใจ  เมื่อเห็นคฤหาสถ์สีขาวดูต่างจากคฤหาสถ์หลังแรกที่ดูมืดมน

    " บอกไว้ก่อนฉันไม่รู้เกี่ยวกับคฤหาสถ์หลังนั้นเลย...บางทีที่นั่นอาจจะมีคำตอบอะไรบางอย่างที่สำคัญกว่าที่เราเคยเจอมาก็ได้"

       ฟ้าใสที่ยืนอยู่ข้างๆฉันที่นั่งกับพื้นพูดขึ้นมาอย่างกังวล   พร้อมมองคฤหาสถ์สีขาว  อย่างหวาดๆว่าสิ่งที่อยู่ในนั้นจะเป็นอะไร

     

    " ฉันเชื่อ....ว่าหนทางรอดของพวกเราอยู่ที่นั่น"

       ฉันพูดออกไปอย่างไม่ลังเล  พร้อมมองคฤหาสถ์หลังสีขาวด้วยสีหน้าที่จริงจัง....


    ณ ห้องรับประทานอาหาร

    ชั้น  1

     

    ติ๋ง...ติ๋ง

         เสียงของหยดน้ำเหลวๆอะไรบางอย่างหยดลงมากระทบกับพื้นหินอ่อน   ร่างของเด็กสาวคนนึงถูกดาบเล่มนึงเสียบอยู่ที่ตรงคอ  ดาบเล่มนั้นปักทะลุคอจนเข้าไปฝังในกำแพง  ทำให้ร่างนั้นโดนปักอยู่กับกำแพง 

     เป็นภาพที่สยดสยอง   ร่างเด็กสาวนั่นก็คือ  'แป้ง'   สองศพที่ถูกฆ่าอย่างเหี้ยมโหด   นิดที่ศรีษะถูกผ่าครึ่ง  แพรที่ถูกดาบปักที่คอจนฝังกับกำแพงห้อง

     

    ในห้องนี้  มีเพียงแค่ร่างร่างนึงที่ยังคงยืนอยู่  ร่างของเด็กผู้หญิงตัวเล็กที่มีผมที่ยุ่งเหยิงปิดบังใบหน้า   เธอกำลังมองไปที่   ผนังห้องด้านนึง  ที่มีรอยขีดเล็กๆเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า

     

    มันคือประตูกลไล  ที่พอดันเข้าไปที่มีแรงมากพอก็จะหมุนออก  เพื่อพาคนที่ดันไปยังอีกฝั่งนึง   ซึ่งแน่นอนว่าพวกคนอื่นๆที่เหลือ  ต้องอยู่อีกฝั่งนึงของประตู...

     

    เด็กน้อยร่างเล็กมองที่ผนังห้อง  ก่อนจะเดินออกจากห้องไป  พร้อมดึงดาบที่คอของแพรออกไป  แล้วเดินจากไป....

     

    "แฮ่ก...แฮ่ก"  

        เสียงหายใจอย่างผวาดผวากับความหวาดกลัวบางอย่าง  ที่เพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นานของคนกลุ่มนึง    ที่อยู่ท่ามกลางสวนป่าพรรณไม้นานาชนิด   กลุ่มพวกเขาก็กลุ่มของพวกวัฒน์ที่รอดมาได้จากเหตุการณ์เมื่อครู่

    เดียร์ก็ยังอยู่ในกลุ่มนั้นเช่นกัน   และเธอนี่แหละที่พาพวกเขาหนีรอดมาได้..

     

    "นิด..ฮึก...ฮึก..แป้ง" 

     เสียงสะอื้นอย่างหวาดกลัวของแพรดังขึ้น  ในโสตประสาทของทุกคน   ทุกคนตอนนี้ก็มีสภาพจิตไม่ต่างจากพวกเธอ

     

    "ไอ้เด็กเหี้*นั่นมันอะไรกัน!"  

     ข้าวต้มตะโกนขึ้น  พลางชกไปที่ต้นไม้ต้นนึงอย่างแรง   ขานกับวัฒน์ที่ดูมีสติที่สุดในกลุ่มของกุมขมับอย่างปวดหัวกับเหตุการณ์ที่สูญเสีญเพื่อนร่วมชั้นถึง 2 คนในคราวเดียวกัน...

     

              วิยดาที่เครียดไม่ต่างกัน  แต่ในฐานะหัวหน้าห้อง   เธอก็ทำใจดีสู้เสือ  เข้าไปปลอบแพรที่ร้องไห้อย่างไม่หยุด

         ส่วนสายรุ้งที่เจอกับเหตุการณ์นี้มาบ้างก็ไม่ช๊อคมากเท่าพวกข้ามต้มกับแพรที่เพิ่งเคยเจอแบบนี้   แต่มันก็อดที่จะเจ็บปวดและอยากร้องไห้แทบบ้าไม่ได้   แต่ก็ต้องกัดฟันอดทน   เธอก็เข้าไปปลอบหวานที่ดูท่าจะตัวสั่นกับเหตุการณ์ครั้งนี้รองจากแพร

     

    "......"

    ขุนเห็นดังนั้นก็โล่งอกที่ยังมีคนควบคุมอารมณ์ของตนเองได้  ถึงจะรู้ว่าทุกคนต้องเจ็บปวดอยู่ในใจกับการสูญเสียครั้งนี้   และความหวาดกลัวด้วยเช่นกัน  ส่วนวัฒน์กำลังมองมาทางเดียร์อย่างรู้สึกสงสัยมานาน

    และในที่สุดก็เอ่ยถามขึ้น...

    "เดียร์เธอรู้ได้ไงว่ามันมีประตูกลไกตรงนั้น"   วัฒน์กัดฟันถามโดยไม่ดูสถานการณ์  

     

    "วัฒน์อย่าเพิ่งถามอะไรเธอตอนนี้ได้มั๊ย  เธอกำลังเสียใจอยู่นะ ถ้าไม่ได้คำตอบมันจะตายรึไง!

     วิยดาที่เห็นเดียร์กอดเข่ามองสถานที่เพิ่งออกมาด้วยแววตาอดอาลัยตายยาก  เหมือนกับสูญเสียหมดทุกอย่างไปกับเหตุการณ์ครั้งนี้   พร้อมกับตัวสั่นอย่างหวาดกลัว

     

    (แน่นอนว่าเธอไม่รู้สึกเสียใจกับการสูญเสีย  นิดกับแพรไป   แต่เรื่องที่เธอกลัวเป็นความจริง...เธอกลัวเด็กผู้หญิงตัวน้อยคนนั้น  ที่ฆ่าพวกเธอทั้งสองนั่น) 

     

    " ก็ตายน่ะสิวิยดา!  ฉันเองก็สงสัยท่าทีของยัยเดียร์มานานและ  ตั้งแต่เข้ามาที่นี่เธอก็ดูต่างจากคนเดิมไป   ตกลงเธอรู้อะไรเกี่ยวกับที่นี่โดยไม่บอกเราใช่มั๊ยเดียร์ !!

       สายรุ้งที่เห็นวัฒน์โดนว่าก็ฉุนกึก  หันมาตะคอกใส่วิยดา   ก่อนจะไปพาลลงที่เดียว  เมื่อคิดว่าท่าทางของเด็กสาวคนนี้ดูน่าสงสัยมาตลอดเพราะวัฒน์เองก็ปรึกษาเกี่ยวกับเดียร์บ่อยๆ  ในฐานะที่เธอเป็นเพื่อนในกลุ่มของเดียร์ที่สนิทรองลงมาจากริณ

     

    แถมที่ทำให้เธอโมโห   ถ้าเดียร์รู้อะไรก็ควรบอกเรา  เช่นเดียวกับฟ้าใส  แต่นี่เธอไม่พูดอะไรซักอย่างที่ที่เธอกับวัฒน์พอเดาได้ชัดเจน  จากการที่เธอพาทุกคนหนีมาโดยใช้ทางประตูกลไกนั่น

    ริณเห็นว่าเพื่อนสาวตัวเองโดนด่าก็จะตะคอกกลับ  วัฒน์ก็ทำท่าจะไปห้ามสาวๆ   แต่เสียงหนึ่งก็ดังขัดขึ้นพวกเขา...

     

    "ว้าย!"  

    เป็นเสียงของเดียร์ที่ร้องตกใจออกมา

    ทุกคนที่หันไปก็เบิกตาโพลง  เมื่อเห็นว่าเดียร์กำลังโดนสวมกอดจากด้านหลัง  โดยฝีมือของผู้ชายคนนึง....ที่พวกเขารู้จักดี

     

    "เมฆ!"


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×