ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ALIVE or DEAD

    ลำดับตอนที่ #44 : บทที่ 43 อันตราย 1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 151
      2
      12 ส.ค. 58

    บทที่ 43  อันตราย 1

     

    ยากที่จะเข้าใจ........

     

    ยากที่จะรับรู้.........

     

    สมองของผมตอนนี้สับสนไปหมด   ไม่เข้าใจและก็ไม่อยากเข้าใจด้วย   ว่าทำไมเธอถึงทำแบบนั้น   มันต้องมีเหตุผลอะไรรึเปล่า   ผมคิดแล้วคิดอีกเพื่อพยายามค้าหาความจริงเพื่อลบล้างมลทินของเธอ

     

    แต่ผมก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย   ไม่แน่ใจ  และ....

     

    ไม่กล้าบอกว่า.....เดียร์ตอนนี้ยังคงเป็นเหมือนเดิม.....

     

    "เมฆ..."

    ฟ้าใสเอามือเข้ามาจับไหล่ของผมอย่างแผ่วเบา   พลเองพอได้มองสีหน้าเพื่อนซี้ก็รู้สึกเป็นกังวลกับใบหน้าของมันในตอนนี้   พลเล่าให้ผมฟังว่าเดียร์คือ 001  เพราะได้ยินมาจากปากเธอเองก่อนฆ่ากฤต   ที่ทำไปแบบนี้เพื่อให้ตัวเองมีชีวิตออกจาก

    ที่นี่แต่เพียงผู้เดียว   พลจึงสรุปได้ว่านักวิทยาศาสตร์ที่ทำการทดลองนี้   ต้องการให้มีผู้มีชีวิตรอดออกจากที่นี่

     

    เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น....และต้องเป็น 1 ใน 2 ของหนูทดลองอย่างเมฆที่เป็น 002  และเดียร์ที่เป็น 001

    สรุปก็คือสำหรับพวกนักวิทยาศาสตร์แล้ว   พวกนักเรียนที่เหลือนั้นก็เหมือนกับตัวประกอบของหนังเรื่องนึง  

    ที่รอการกำจัดทิ้ง.....

    " เดี๋ยวก่อนนะพลนายเข้าใจอะไรผิดรึเปล่า  ถึงเดียร์จะเป็นคนฆ่ากฤตแต่เดียร์ไม่ใช่ 001 นะ"   ฟ้าใสเดินเข้าไปบอกความจริงที่รู้มาจากสถานีวิจัย

    "หมายความว่าไง  ก็ตอนนั้นฉันได้ยินเดียร์บอกเองว่าตัวเองเป็น 001?"   พลเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย  ก่อนฟ้าใสจะตอบคำถามนั้นผมก็แทรกขึ้นมาทันที

     

    "เดียร์ไม่ใช่ 001  คนที่เป็น 001 คือแมรี่ลูกสาวของเจ้าของคฤหาสถ์หลังนั้น!"   ผมบอกพลด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง  

     

    "อ้าวเมฆเธอรู้แล้วเหรอ?"

      ฟ้าใสถามขึ้นอย่างสงสัย  เพราะเธอจำไม่ได้เลยว่าบอกเขาไปตอนไหน   

    "อือ...ห้องประปา 1  มีข้อมูลเกี่ยวกับการทดลองพอสมควรอย่างที่ฉันบอกไปก่อนหน้านั้นไง"   ผมบอกเธอให้นึกถึงเรื่องที่ผมเล่าให้ฟังหลังจากถีบไอ้พลสลบไปตอนนั้น

    " ออ..."

    "งั้นทางนี้เองก็มีข้อมูลเช่นกันแหละ"

    "...!!!..."

     

    "ข้อมูลอะไรพล?"

       ผมหันไปถามมัน  มันพูดพลางผายมือไปทางด้านหน้า   จะว่าไปผมลืมสังเกตุห้องนี้อย่างละเอียดเลย    ห้องนี้มีตู้กระจกรูปทรงกระบอกทั้งหมดคล้ายๆโหลบรรจุอะไรซักอย่างที่มีขนาดใหญ่กว่าคนเล็กน้อย   สี่ตู้และทรงกระบอกขนาด...ยักษ์ตรงกลาง

    และมันทั้งหมด  ได้แตกพังหมดแล้ว.....

     

    ".....ฆาตกรไงละ" 

      ฟ้าใสพูดขึ้นด้วยเสียงสั่นๆ   แล้วเธอก็ไปยืนอยู่ตรงตู้กระจกแก้วพวกนั้นตอนไหนไม่รู้  

    "ฆาตกร?"

    ผมเลิกคิ้วด้วยความสงสัยก่อนจะเดินไปหาฟ้าใส   พลเห็นดังนั้นจึงตามผมไป   ฟ้าใสกำลังมองแผ่นป้ายโลหะที่ฐานของตู้กระจกแก้วโหลอันนี้   ผมลองมองตามเธอดูก็เห็นตัวอักษรว่า'AXE'   ที่แปลว่าขวาน

     

    "นี่มัน!"

    ผมสะดุ้งด้วยอาการขนลุกอย่างหวาดหวั่น   เหงื่อของผมถึงกับไหลซิบให้กับภาพตรงหน้าที่มีรูปติดกับตัวอักษรภาษาอังกฤษ   มันเป็นรูปของฆาตกรถือขวานที่ขานฆ่าไปตอนนั้น

    "หรือว่า!"

    ผมวิ่งไล่วนตู้ที่เหลือ  ตู้กระจกที่ 2 คือรูปฆาตกรถือค้อน   ตู้ที่ 3  คือฆาตกรถือเลื่อยไฟฟ้า  แต่ตู้ที่ 4กลับ....

     

    "เด็กผู้หญิง!"

    ผมสะดุ้งเมื่อเห็นภาพที่แตกต่างไปจากภาพฆาตกรคนอื่นที่เป็นผู้ชายตัวใหญ่ใส่ชุดคลุมสีดำ   แต่ฆาตกรคนที่4 กลับเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็ก  และที่สำคัญผมรู้จักเด็กคนนี้ เธอคือ.....แมรี่!

      ทำไมแมรี่ถึงเป็นฆาตกรถือดาบได้ละ   แล้วแมรี่ไม่ใช่ผู้ทดลอง 001 งั้นเหรอ   นี่มันหมายความว่ายังไง?!

     

    ฟ้าใสมองมาที่ผมเธอก็เข้าใจสิ่งที่ผมคิดอยู่พอดี.....แต่เธอก็ไม่อาจอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นได้เช่นกัน

     

    "แล้วตู้ใหญ่นี่ละคือ....ตัวอะไร"

       พลพูดขึ้น  เรียกความสนใจของพวกเราทั้งสองให้เดินไปยังตรงกลางห้อง   ถ้าลองมองดูดีๆทั้งสี่โหลของฆาตกรจะมีสายไฟย้วยเยี้ยไปเชื่อมต่อกับฐานของโหลยักษ์นี่    ผมกับฟ้าใสเดินไปหาพลที่กำลังมองด้วยอาการตัวสั่นเมื่อลองมองชื่อดูปรากฏตัวอักษรว่า '000'

     

    ".......ศูนย์ศูนย์ศูนย์.." 

      ผมเอ่ยขึ้นมา  เมื่อมองไปยังรูปภาพก็ไม่ปรากฏภาพให้เห็นเพราะ  มีรอยขีดข่วนมากมายกลบจนรูปภาพหายไปหมด  หมายเลข 000  คือชื่อของมัน....มันจะเกี่ยวเนื่องกับการทดลองแบบผมและแมรี่รึเปล่า

    นี่คือสิ่งที่ผมคิด...ถ้าเป็นการนำมาทดลองระบบประสาทแบบผมจริง    แล้วเขาใช้อะไรทดลองละ?!

    ถึงต้องใช้ตู้แก้วกระจกขนาดใหญ่ขนาดนี้.....

     

    หรือว่า...มันโดนทดลองจนกลายเป็นสิ่งที่ใหญ่ขนาดตังหาก   

     

    "............"

    นี่คือสิ่งที่ผมกลัว   ถ้าหมายเลข 000  คือคนแบบเดียวกับผมและแมรี่  แล้วเขาโดนทดลองแบบไหนจนกลายขนาดใหญ่ขนาดนี้   แล้วผมจะกลายเป็นแบบนี้รึเปล่า....  

    ผมก้มลงมองที่มือกำลังสั่นของตัวเองอย่างหวาดหวั่นกับร่างกายในตอนนี้ของตัวเอง   แล้วหลับตาลงเพื่อให้ใจสงบนิ่ง   ผมอาจจะคิดมากไป   ผมอาจจะไม่กลายเป็นอะไรแบบที่ผมคิดก็ได้

     

    ควับ ควับ!

    ผมสะบัดหัวตัวเองไปมาอย่างแรงเพื่อเรียกสติของตนเอง   แล้วพยายามนึกถึงสิ่งที่ควรทำตอนนี้ก่อน 

    1.ต้องหาทางออกจากชั้นใต้ดินนี่

    2.รีบไปพบกับพวกวัฒน์ที่น่าจะยังมีชีวิตรอดอยู่  ที่ห้องรับประทานอาหารชั้น 1

    3.จับตัวเดียร์

    4.ไปคฤหาสถ์อีกหลังที่เชื่อมกัน

     

    ผมคิดในใจเพียงครู่หนึ่งก่อนจะลืมตาขึ้นมา  แล้วก็สะดุ้งแทบผงะถอยหลังล้มลง   เพราะพอลืมตามาใบหน้าของฟ้าใสก็อยู่ห่างกันไปกี่เซนเท่านั้นเอง  ฟ้าใสพอเห็นผมก็สะดุ้งก่อนจะหน้าแดงแล้วรีบเอามือของตัวเองมาทาบหน้าผากของผม

     

    "ทะ...เธอตัวร้อนแล้วน่ะ  ไหวรึเปล่า" 

     ฟ้าใสพูดตะกุกตะกักด้วยท่าทีที่เขินอาย   พร้อมกับหาเรื่องไม่สบายให้ชายหนุ่มเพื่อแก้เก้อกับสิ่งที่จะทำมะกี้

    "อะ...อืม" 

    ผมตอบอย่างสั้นๆ   มะกี้ถ้าไม่ตั้งสติให้ดีคงจับหน้าเธอเข้ามาจูบแล้ว   ไม่มีผู้ชายคนไหนอดทนได้หรอกเมื่อเห็นใบหน้าของเด็กสาวที่หน้าตาน่ารักมากคนนี้ยื่นหน้ามาเข้าใกล้ขนาดนี้   คงยกเว้นผมคนเดียวแหละ

     

    "ที่นี่ก็มีแค่นี้ละ  นอกจากข้อมูลจากป้ายชื่อของพวกมันแล้วรายละเอียดบนแผ่นเหล็กป้ายชื่อนั่น  ก็ไม่มีหรือเอกสารอะไรอื่นๆอีกเลย   พวกเราคงต้องรีบไปห้องประปา 2 อย่างที่นายว่าแล้วละเมฆ"  

    พลพูดขึ้นเมื่อเขาลองมองดูรอบๆเดินวนเช็คตรวจสอบไปมาแล้ว  ก็ไม่พบอะไรที่น่าจะเป็นเอกสารหรือข้อมูลอะไรเลย

     

    "อืม  ถ้างั้นพวกเราก็รีบไปทำแผนเดิมของฉันที่ห้องประปา 2 กันเถอะ   จะได้รีบกลับไปหาพวกขวัญข้าว  ฉันชักเป็นห่วงพวกเขาแล้วสิ" 

     ผมกล่าวขึ้นมาอย่างร้อนรน  เพราะชักเสียเวลาที่นี่มาพอสมควรแล้ว   ปล่อยไว้แบบนี้ศักดิ์กับสุดาได้....  

     

    "รู้สึกเธอจะเป็นห่วงขวัญข้าวมากเลยนะ"

         ฟ้าใสกล่าวขึ้นส่งสายตาค้อนมาที่ผม   โดยตัวเธอคิดมาตลอดว่าชายหนุ่มคนนี้อาจจะไม่ได้แค่ชอบเดียร์อย่างเดียว  เขาอาจจะเริ่มชอบขวัญข้าวมาแล้วด้วยเช่นกัน   จากที่ชายหนุ่มเล่ามาตลอดนั้น  ทุกเหตุการณ์จะมีขวัญข้าวตลอดอยู่ด้วยกันกับเตลอดจนอาจเกิดความสัมพันธ์กันขึ้นมาก็ได้  

         แถมขวัญข้าวก็หน้าตาดีไม่แพ้เดียร์เลยด้วยซ้ำ  นั่นยิ่งให้เธอเป็นกังวลมากกว่าเดิม  และจากที่ฟังมาชายหนุ่มตรงหน้านี้ถึงจะแสดงออกมาอย่างตรงๆและดูง่ายว่าชอบเดียร์ก็จริง   แต่ท่าทางที่มีต่อขวัญข้าวนั้นก็ดูดีกว่าที่มีต่อเธอซะอีก

    แต่เธอก็แค่เอ่ยแซวชายหนุ่มเฉยๆ  เพราะรู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้ไม่ควรทำท่าทีขี้หึงหวงมากนัก....

    ผมมองสิ่งที่ฟ้าใสพูดมาก็พอเข้าใจสิ่งที่เธอคิดอยู่   เห็นว่าช่วงนี้เธอก็พบเรื่องเครียดและน่าปวดหัวไม่ต่างจากผม   ผมก็เลยอยากจะแกล้งเธอให้ผ่อนคลายซักหน่อย  ด้วยการพูดบอกเธอว่า...

     

    "เธอหึงรึไง^^"

    "....!!!....."

       ฟ้าใสพอได้ฟังก็สะดุ้งหน้าแดงร้อนผ่าว  เธอคงไม่คิดว่าผมจะพูดอย่างงี้ละสิ

     

    "ก็ใช่น่ะสิ...!"

    "เฮ้ยๆ พวกนายหัดดูสถานการณ์มั่งสิ   ไม่ใช่เวลามาจีบกันนะเฟ้ยรีบไปกันได้แล้ว-*-"   พลที่อยู่ในเหตุการณ์มาตลอดฉุนขึ้นทันที  ที่พวกเขามัวแต่แสดงท่าทางอี๋อ๋อกันตลอด

    "เข้าใจแล้วน่า  งั้นรีบไปกันเถอะระวังไอ้ค้อนด้วยละ"   ผมพูดขึ้นแล้วหยิบปืนพกที่ศักดิ์ให้มา  พร้อมกับวิ่งน้ำพวกเขาไปเพื่อไปยังห้องประปา 2

     

    และในเวลาเดียวกันนั้น  เมฆไม่รู้เลยว่าอีกสถานการณ์หนึ่งตอนนี้....

    กำลังเกิดเรื่อร้ายแรงขึ้น.....กับพวกวัฒน์


     

    ติ๋ง  ติ๋ง

    เสียงของหยดน้ำดังขึ้นกระทบกับโลหะที่ไหนซักแห่ง  หลังจากที่ผม ฟ้าใส และพลออกจากห้องทดลองนั่นแล้ว  พวกเราก็เดินไปตามทางที่ผมมาในตอนแรกอย่างหวาดระแวง  กลัวว่าที่จะต้องเจอกับฆาตกรถือค้อนนั่นเข้า

    ผมเดินพลางเอามือลูบกับกำแพงพร้อมหลับตาเดินไปเรื่อยๆ   พลที่เห็นอย่างนั้นจึงสงสัย  แต่ก่อนที่มันจะถามว่าผมกำลังทำอะไร  ฟ้าใสก็ตอบแทนทันที 

     

    "เมฆกำลังฟังเสียงที่อยู่ใกล้ๆนี้เพื่อเช็คว่าไอ้ฆาตกรนั่นไม่ได้อยู่แถวนี้  นี่เป็นผลจากการทดลองที่เมฆโดนไงละ"

    "เห...แบบนี้การโดนทดลองนี่ก็ไม่ได้เป็นผลเสียอะไรมากนี่  ฉันชักอิจฉาพลังของหมอนี่ซะแล้วสิ"

      พลตอบกลับพลางด้วยน้ำเสียงที่ทึ่งปนอิจฉา  ผมก็อยากจะด่ามันหรอกนะว่ามันดีตรงไหน   เพราะโดนทดลองนี่เลยต้องทำให้ทุกคนมาพัวพันกับเรื่องอันตราย   จนเพื่อนในชั้นหลายคนต้องตายไปไม่ใช่รึไง  

     

    ตึก..

    "...!!!..."

    " (แย่แล้วพวกเราเข้าไปหลบในห้องนั้นก่อนเร็ว!)"  

    เสียงฝีเท้าหนึ่งกระทบขึ้นมาจากข้างหน้าไม่ห่างจากจุดที่พวกเราอยู่มากนัก   ผมเอามือขวางพล กับฟ้าใสไม่ให้เดินไปต่อ  แล้วจากนั้นผมก็หันไปบอกทุกคนด้วยเสียงกระซิบ  ผมจูงมือลากฟ้าใสหลบเข้าไปในห้องที่อยู่ข้างๆนี้  ยังดีที่มันไม่ได้ล๊อค   พลเห็นดังนั้นก็รีบวิ่งตามเข้าไป 

    ดูจากภายในห้องก็เป็นโต้ะทำงานหลายตัวที่ล้มระเนระนาด  แต่ไม่มีเอกสารใดๆอยู่ที่นี่เลย...

     

    ตึง  ตึง

    "ฟู่.....ฟู่"

        ผมแทบเสียวสันหลังวาบพอลองมองแง้มประตูออกไปดู  ก็เห็นฆาตกรถือค้อนนั่นยืนอยู่ตรงตรงกลางทางแยกทั้งสามนั่น   ซึ่งทางที่อยู่หลังมันคือทางที่พวกเราต้องผ่านเข้าไป  มันยื่นนิ่งไม่ขยับไปไหนพร้อมกับพ่นลมหายใจออกมาผ่านรูบนห้ากากของมัน   กล้ามเนื้อตามตัวมันมีรอยไม้จากตอนที่ขวัญข้าวเอาคบเพลิงแทงมันในตอนนั้นเล็กน้อย  

               แต่แผลที่เด่นชัดที่สุด  คงเป็นลำคอของมันที่เป็นรูเหวอะจนเห็นเนื้อข้างใน   แต่มัน......ก็กลับยังมีชีวิตอยู่ภายใต้แผลฉกรรจ์ที่ตามหลักเป็นแผลที่ลำคอแหว่งเหวอะขนาดนั้น   มนุษย์ธรรมดคงไม่รอดไปได้หรอก

     

    ฟ้าใสกับพลที่เห็นมันก็ตัวสั่นเล็กน้อยด้วยความกลัว....

     

    "สัตว์ประหลาดชัดๆ...." 

        ฟ้าใสเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียนงที่สั่นๆ  ส่วนพลก็ยังคงจ้องไปที่มันโดยตาไม่กระพริบ    ผมลองคิดในใจว่าถ้าลำคอมันขาดก็น่าจะตายได้   ถ้าลองคิดถึงในตอนนั้น  ที่ขานใช้หอกเหล็กอัศวินที่ได้มาจากไอ้ไทยแทงเข้าไปที่หัวของมันจากด้านหลังที่ไม่มีหน้ากากใส่อยู่จนทะลุไปถึงด้านหน้า   จนมันตายในที่สุด

     

    "จุดอ่อนคือสมองสินะ..."

    ผมพูดออกมาด้วยความคิดที่คิดอยู่ในใจ  การทำลายสมองมันน่าจะเป็นการฆ่ามันได้   แต่ถ้าจะให้ไปเสี่ยงตอนนี้ก็คงจะไม่ดี  ไม่แน่ว่าอาจจะมีเงื่อนไขอะไรบางอย่างมากกว่านั้นก็ได้   และพอลองอ่านใจมันดูก็ไม่เป็นผล  มันไม่มีความคิดอะไรอยู่ในใจเลย

    ตึง ตึง

    ซักพักมันก็เดินลากค้อนมันลากพื้นออกไป....

     

    "ตอนนี้ละไปกันเถอะ"

      ผมหันไปบอกฟ้าใสกับพล  ทั้งสองก็พยักหน้าก่อนเดินตามผมที่แง้มประตูเดินออกไป...

    ตึก ตึก

    "เอ๋!น้ำ"

    ผมที่วิ่งไปตามทางที่จะพาไปถึงห้องประปา 2  นั้น  ก็ต้องหยุดลงเมื่อเห็นทางข้างหน้า

    ทางข้างหน้าต่อจากนี้เป็นน้ำที่ไม่ทราบว่าลึกแค่ไหนเป็นทางยาวตรงไปเรื่อยๆ   และสุดทางก็รู้สึกจะเป็นกำแพงตัน

    "หมายความว่าไงแล้วห้องประปา 2 อยู่ไหน?"   ผมถามขึ้นอย่างสงสัย  พร้อมมองลงไปดูใต้น้ำที่มืดสนิทนั่น   มันดูน่ากลัวแปลกๆ

    "แล้วเราจะเอาไงต่อเนี่ยมันทางตันนี่  นายจำทางผิดรึเปล่าเมฆ"  พลแย้งขึ้นด้วยความกังวล  เขาชักกลัวๆใต้น้ำนี่แล้วสิว่ามีอะไรอยู่ใต้น้ำรึเปล่า

    "อืม....ทางไม่ได้ตันหรอก" 

     ฟ้าใสที่มองผิวน้ำนั่นพร้อมกับลองมองข้างใต้น้ำที่มืดนั่นดู   เธอก็เห็นอะไรบางอย่างจึงรู้ได้ทันทีว่าคืออะไร

     

    " หมายความว่าไง...หือ?! บันได!"

        ผมหันไปถามเธอ  แล้วเธอก็นั่งยองพร้อมกับชี้นิ้วเรียวยาวของเธอไปที่ใต้น้ำนั่น   และพอผมนั่งยองมองดูดีๆ  ก็พบขั้นบันไดต่อจากตรงนี้ลงไปในใต้น้ำ

    "นี่เป็นทางลงนี่เอง  แสดงว่าห้องประปา 2 นั่นก็น่าจะอยู่ข้างใต้น้ำหรืออยู่อีกฝั่งนึงของกำแพงนั่นสินะ"

      ผมพูดพลางมองไปที่กำแพงที่คิดว่าเป็นทางตันในตอนแรก   บันไดนี่อาจจะพาลงไปข้างล่างและพาลอดใต้กำแพงนั่นเพื่อไปยังอีกฝั่งนึงของกำแพง   ซึ่งคาดว่าห้องประปา 2  ก็น่าจะอยู่ตรงนั้น

    แต่ปัญหาคือ....

     

       " ทางมันไกลรึเปล่าสินะ  และห้องประปานั่นตอนนี้จะอยู่ใต้น้ำรึเปล่าสินะ"

         ฟ้าใสเหมือนจะรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่  เธอจึงพูดสิ่งที่ผมคิดว่าปัญหาตอนนี้คืออะไร   ใช่อย่างที่เธอบอกว่าทางที่จะไปถึงห้องประปา 2 นี่มันอาจจะไกลเกินไปจนเราไม่สามารถไปถึงได้

         เพราะถ้าเราต้องไป  เราก็ต้องดำน้ำแล้วว่ายไปจนถึงสุดทางที่น่าจะเป็นห้องประปา 2 นั่น   แต่ปัญหาก็อย่างที่บอก  มีสองข้อด้วยกันคือ   

     

    หนึ่ง...ถ้าทางมันไกลไปเราก็อาจจะกลั้นหายใจไหวก่อนถึงห้องนั้นก็ได้ 

     

     สอง...ถ้าถึงห้องแล้วปรากฎว่ามันอยู่ใต้น้ำไม่ได้อยู่บนพื้นตามที่เราคิด  เท่ากับว่าเราไปเสียเปล่าแถมอาจจะกลั้นหายใจกลับมาไม่ทันด้วย

    " งั้นฉัน....จะลองไปเอง"

    "..!!!.../...!!!..."    ฟ้าใสกับพลสะดุ้งขึ้นพร้อมกัน 

    "เดี๋ยวเธอจะบ้าเหรอเมฆมันเสี่ยงเกินไปนะ  ถ้าเธอหายใจไม่ออกตายจะทำยังไง   ฉันว่าอย่าเสี่ยงดีกว่า"

    "ใช่ อย่างที่ฟ้าใสบอกนายจะตายเปล่านะเพื่อน  อย่าไปเสี่ยงเลย"   พลกับฟ้าใสต่างพูดแย้งไม่ให้ผมไป  ด้วยท่าทีที่ร้อนรนและเป็นกังวล

    "ไม่ต้องห่วงหรอกน่า  พวกนายอย่าลืมสิว่าฉันตอนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปแล้วนะ  ระบบประสาทร่างกายฉันสามารถอดทนเรื่องแบบนี้ได้ดีแน่นอน"

       ผมพูดขึ้นเมื่อคลายกังวลกับพวกเขา  ที่จริงผมก็ไม่รู้หรอกว่าระบบประสาทมันช่วยให้ผมหายใจใต้น้ำหรือระบบหายใจได้ดีแค่ไหน  แต่ผมจำเป็นต้องลองเข้าไปให้ได้   เพราะ....

    ถ้าไม่สามารถเข้าในห้องนี้ได้....พวกเราทุกคนก็ต้องตายออกจากที่นี่ไม่ได้อยู่ดี

    ซึ่งลองเสี่ยงดุน่าจะคุ้มกว่าหลายเท่า

    "........"  

    พลพอฟังแล้วก็พูดอะไรไม่ออก   ยกเว้นแต่ฟ้าใสเหมือนคิดอะไรบางอย่างอยู่   ก่อนจะพูดบางอย่างขึ้นมา

    "งั้นฉันจะไปด้วย!"

     

    "หา!/หา!"

        ผมกับพลตะโกนขึ้นมาพร้อมกัน  ฟ้าใสจึงรีบเอามือมาคร่อมปากพวกเราเอาไว้  เมื่อเห็นว่าส่งเสียงดังเกินไปเดี๋ยวฆาตกรก็ได้ยินหรอก   พอเห็นพวกผมเงียบแล้วเธอจึงค่อยเอามือออก

    "อย่าเลยฟ้าใสมันเสี่ยงไปนะ  ฉันไปคนเดียวก็พอถ้าเกิดอะไรขึ้นมาฉันช่วยเธอที่อยู่ใต้น้ำด้วยกันไม่ได้หรอกนะ"   ผมพยายามเตือนเธอ  พร้อมกับบีบไหล่ทั้งสองข้างของเธอเพื่อเตือนสติให้คิดอีกที

    "เธอไม่ต้องห่วงหรอกเมฆ  ลืมไปแล้วเหรอว่าฉันนักกีฬาว่ายน้ำประจำโรงเรียนนะ^^"    ฟ้าใสยิ้มส่งมาให้ผมเล็กๆ  ก่อนจะเอามือทุบอกตัวเอง   เพื่อบ่งบอกถึงความมั่นใจของตัวเอง

     

    "แต่ว่า....." 

     ผมก็ยังคงเป็นกังวลอยู่ดี   ถึงเธอจะว่ายเร็วปอดแข็งแรงก็เถอะ   แต่ถ้าห้องประปาอยู่ใต้น้ำจริงๆ  หรือทางมันไกลเกินไป  ก็อาจตายได้อยู่ดี  ไม่เกี่ยวกับว่าเป็นนักกีฬาหรือไม่

    ผลุบ!

    ตุบ!

    "เฮ้ย!!

     เสียงเหมือนอะไรหล่นลงมากระทบพื้น  ตามด้วยเสียงไอ้พลที่อุทานขึ้น  ทำให้ผมที่ก้มหน้าลงอย่างกังวลอยู่เงยหน้าขึ้นหันมามอง

    "เฮ้ย!!  เธอถอดเสื้อทำไมฟ้าใส!!O////O"

         ผมสะดุ้งทันที  พร้อมกับเลือดกำเดาแทบจะทะลักออกมา   เมื่อเห็นเสื้อผ้ากองตกอยู่ที่พื้นและเธอในตอนนี้เหลือแต่บราเซียร์สีขาวลายลูกไม้ตามขอบ  และกางเกงในสีขาว   ผมมองไปที่หุ่นของเธอที่มีผิวขาวใสอมชมพูเนียนละเอียด  และก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่เนินอกของเธอที่ดูอวบอิ่มนั่น  ถึงเธอจะไม่เท่ากับเดียร์  แต่เธอก็อยู่ในขนาดที่เด็กวัยนี้ส่วนใหญ่ต้องแพ้ให้กับเธอเช่นกัน

    "......."

    ผัวะ!บึ้ก!

    อั๊ก!

    ตุบ

    ด้วยปฏิกริยาอันฉับพลันของผม  เมื่อเห็นพลที่มองดูด้วยตาไม่กระพริบ   ก็เผลอชกมันจนสลบไปโดยมันไม่ทันตั้งตัว

    "....หืม  ไม่อยากเห็นพลเห็นฉันในสภาพนี้เหรอ  หวงฉันขึ้นมาทันทีเลยนะ^////^"

      ฟ้าใสกล่าวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์  พร้อมกับหน้าแดงเล็กน้อย  ที่พอเห็นพลสลบไป  เมฆก็ยังคงจดจ่อมองกับรูปร่างเธออยู่

    "ปะ...เปล่าไม่ได้หวงซะหน่อย   แค่จะวอร์มก่อนจะลงดำน้ำเท่านั้นเอง  ครูก็เคยบอกนี่ว่าก่อนว่ายน้ำควรวอร์มอัพ"

       ผมเกล่าด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักพร้อมกับหน้าแดงแจ๋   ไม่ใช่อายอะไรหรอกนะ  แต่ผมเห็นร่างกายฟ้าใสแล้วอารมณ์มันพลุ่งพล่านไปหมด

     

    "วอร์มโดยการต่อยเพื่อนจนสลบนี่นะ-////-"

      ฟ้าใสยังคงเอ่ยแซวอยู่   ผมฟังดังนั้นก็ไม่พูดอะไรต่อก่อนจะถามเธอชึ้น

    "ละ..แล้วเธอถอดเสื้อทำไมฮะ  ต่อหน้าผู้ชายเนี่ยอายเป็นไหม-*-" 

     ผมขมวดคิ้วขึ้นมาใส่เธออย่างไม่สบอารมณ์เล็กน้อย  ที่จู่ๆเธอก็มาเปลื้องผ้าต่อหน้าผมกับไอ้พล

     

    "ก็พวกเราต้องดำน้ำว่ายไปนะฉันกลัวมันจะไม่ถนัด  แถมถ้าเสื้อเปียกขึ้นมาพวกเราจะแย่นะที่นี่ไม่ได้มีเสื้อเปลี่ยนด้วย"  

    ฟ้าใสอธิบายขึ้นมา  ถึงผมจะไม่ชอบใจนักแต่ก็จริงอย่างที่เธอพูด   ผมส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนจะถอดเสื้อตามเธอจนเหลือแต่บอกเซอร์  แล้วค่อยมาปลุกพลขึ้นมา  มันตื่นขึ้นผมก็เลยเอาปืนพกให้มันไว้ป้องกันตัว  พร้อมกัยให้มันรอที่นี่จนกว่าพวกเขาจะกลับมา  และถ้าเกิดอะไรขึ้นก็ให้รีบดำลงน้ำทันที

    พลพยักหน้าเข้าใจ......หรือเปล่าก็ไม่รู้   มันยังคงแอบเหลือบไปมองฟ้าใสตลอด

    "งั้นไปก่อนนะ"

    "อะ..เอ่อระวังตัวด้วย" 

    พูดจบผมกับฟ้าใสก็กระโจนลงน้ำทันที....

    ซูม!!

     

    ทางด้านนึง....

    ที่ไหนซักที่...ในห้องมืดๆ

    ใจกลางห้องมืดๆนั่นก็มีร่างของเด็กสาวคนนึงนั่งกอดเข่าอยู่กับพื้น   แสงที่ทอดลงมาตกที่ร่างของเด็กสาวคนนั้น   ทำให้รู้ว่าเธอกำลังโศรกเศร้าอยู่   

    ก่อนจะมีเสียงเอ่ยขึ้นมาเบาๆว่า.....

    "เมฆ.......ได้โปรดช่วยฉันที"


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×