คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #44 : บทที่ 43 อันตราย 1
บทที่ 43
อันตราย 1
ยากที่จะเข้าใจ........
ยากที่จะรับรู้.........
สมองของผมตอนนี้สับสนไปหมด
ไม่เข้าใจและก็ไม่อยากเข้าใจด้วย
ว่าทำไมเธอถึงทำแบบนั้น
มันต้องมีเหตุผลอะไรรึเปล่า
ผมคิดแล้วคิดอีกเพื่อพยายามค้าหาความจริงเพื่อลบล้างมลทินของเธอ
แต่ผมก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย
ไม่แน่ใจ และ....
ไม่กล้าบอกว่า.....เดียร์ตอนนี้ยังคงเป็นเหมือนเดิม.....
"เมฆ..."
ฟ้าใสเอามือเข้ามาจับไหล่ของผมอย่างแผ่วเบา พลเองพอได้มองสีหน้าเพื่อนซี้ก็รู้สึกเป็นกังวลกับใบหน้าของมันในตอนนี้ พลเล่าให้ผมฟังว่าเดียร์คือ 001 เพราะได้ยินมาจากปากเธอเองก่อนฆ่ากฤต ที่ทำไปแบบนี้เพื่อให้ตัวเองมีชีวิตออกจาก
ที่นี่แต่เพียงผู้เดียว
พลจึงสรุปได้ว่านักวิทยาศาสตร์ที่ทำการทดลองนี้ ต้องการให้มีผู้มีชีวิตรอดออกจากที่นี่
เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น....และต้องเป็น 1 ใน 2
ของหนูทดลองอย่างเมฆที่เป็น 002
และเดียร์ที่เป็น 001
สรุปก็คือสำหรับพวกนักวิทยาศาสตร์แล้ว
พวกนักเรียนที่เหลือนั้นก็เหมือนกับตัวประกอบของหนังเรื่องนึง
ที่รอการกำจัดทิ้ง.....
" เดี๋ยวก่อนนะพลนายเข้าใจอะไรผิดรึเปล่า ถึงเดียร์จะเป็นคนฆ่ากฤตแต่เดียร์ไม่ใช่ 001
นะ"
ฟ้าใสเดินเข้าไปบอกความจริงที่รู้มาจากสถานีวิจัย
"หมายความว่าไง
ก็ตอนนั้นฉันได้ยินเดียร์บอกเองว่าตัวเองเป็น 001?" พลเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย ก่อนฟ้าใสจะตอบคำถามนั้นผมก็แทรกขึ้นมาทันที
"เดียร์ไม่ใช่ 001
คนที่เป็น 001 คือแมรี่ลูกสาวของเจ้าของคฤหาสถ์หลังนั้น!" ผมบอกพลด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
"อ้าวเมฆเธอรู้แล้วเหรอ?"
ฟ้าใสถามขึ้นอย่างสงสัย เพราะเธอจำไม่ได้เลยว่าบอกเขาไปตอนไหน
"อือ...ห้องประปา 1
มีข้อมูลเกี่ยวกับการทดลองพอสมควรอย่างที่ฉันบอกไปก่อนหน้านั้นไง"
ผมบอกเธอให้นึกถึงเรื่องที่ผมเล่าให้ฟังหลังจากถีบไอ้พลสลบไปตอนนั้น
" ออ..."
"งั้นทางนี้เองก็มีข้อมูลเช่นกันแหละ"
"...!!!..."
"ข้อมูลอะไรพล?"
ผมหันไปถามมัน มันพูดพลางผายมือไปทางด้านหน้า จะว่าไปผมลืมสังเกตุห้องนี้อย่างละเอียดเลย
ห้องนี้มีตู้กระจกรูปทรงกระบอกทั้งหมดคล้ายๆโหลบรรจุอะไรซักอย่างที่มีขนาดใหญ่กว่าคนเล็กน้อย สี่ตู้และทรงกระบอกขนาด...ยักษ์ตรงกลาง
และมันทั้งหมด
ได้แตกพังหมดแล้ว.....
".....ฆาตกรไงละ"
ฟ้าใสพูดขึ้นด้วยเสียงสั่นๆ
แล้วเธอก็ไปยืนอยู่ตรงตู้กระจกแก้วพวกนั้นตอนไหนไม่รู้
"ฆาตกร?"
ผมเลิกคิ้วด้วยความสงสัยก่อนจะเดินไปหาฟ้าใส พลเห็นดังนั้นจึงตามผมไป
ฟ้าใสกำลังมองแผ่นป้ายโลหะที่ฐานของตู้กระจกแก้วโหลอันนี้ ผมลองมองตามเธอดูก็เห็นตัวอักษรว่า'AXE' ที่แปลว่าขวาน
"นี่มัน!"
ผมสะดุ้งด้วยอาการขนลุกอย่างหวาดหวั่น
เหงื่อของผมถึงกับไหลซิบให้กับภาพตรงหน้าที่มีรูปติดกับตัวอักษรภาษาอังกฤษ มันเป็นรูปของฆาตกรถือขวานที่ขานฆ่าไปตอนนั้น
"หรือว่า!"
ผมวิ่งไล่วนตู้ที่เหลือ
ตู้กระจกที่ 2 คือรูปฆาตกรถือค้อน
ตู้ที่ 3
คือฆาตกรถือเลื่อยไฟฟ้า แต่ตู้ที่
4กลับ....
"เด็กผู้หญิง!"
ผมสะดุ้งเมื่อเห็นภาพที่แตกต่างไปจากภาพฆาตกรคนอื่นที่เป็นผู้ชายตัวใหญ่ใส่ชุดคลุมสีดำ แต่ฆาตกรคนที่4
กลับเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็ก
และที่สำคัญผมรู้จักเด็กคนนี้ เธอคือ.....แมรี่!
ทำไมแมรี่ถึงเป็นฆาตกรถือดาบได้ละ
แล้วแมรี่ไม่ใช่ผู้ทดลอง 001 งั้นเหรอ
นี่มันหมายความว่ายังไง?!
ฟ้าใสมองมาที่ผมเธอก็เข้าใจสิ่งที่ผมคิดอยู่พอดี.....แต่เธอก็ไม่อาจอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นได้เช่นกัน
"แล้วตู้ใหญ่นี่ละคือ....ตัวอะไร"
พลพูดขึ้น
เรียกความสนใจของพวกเราทั้งสองให้เดินไปยังตรงกลางห้อง
ถ้าลองมองดูดีๆทั้งสี่โหลของฆาตกรจะมีสายไฟย้วยเยี้ยไปเชื่อมต่อกับฐานของโหลยักษ์นี่ ผมกับฟ้าใสเดินไปหาพลที่กำลังมองด้วยอาการตัวสั่นเมื่อลองมองชื่อดูปรากฏตัวอักษรว่า
'000'
".......ศูนย์ศูนย์ศูนย์.."
ผมเอ่ยขึ้นมา
เมื่อมองไปยังรูปภาพก็ไม่ปรากฏภาพให้เห็นเพราะ มีรอยขีดข่วนมากมายกลบจนรูปภาพหายไปหมด หมายเลข 000
คือชื่อของมัน....มันจะเกี่ยวเนื่องกับการทดลองแบบผมและแมรี่รึเปล่า
นี่คือสิ่งที่ผมคิด...ถ้าเป็นการนำมาทดลองระบบประสาทแบบผมจริง แล้วเขาใช้อะไรทดลองละ?!
ถึงต้องใช้ตู้แก้วกระจกขนาดใหญ่ขนาดนี้.....
หรือว่า...มันโดนทดลองจนกลายเป็นสิ่งที่ใหญ่ขนาดตังหาก
"............"
นี่คือสิ่งที่ผมกลัว
ถ้าหมายเลข 000
คือคนแบบเดียวกับผมและแมรี่
แล้วเขาโดนทดลองแบบไหนจนกลายขนาดใหญ่ขนาดนี้ แล้วผมจะกลายเป็นแบบนี้รึเปล่า....
ผมก้มลงมองที่มือกำลังสั่นของตัวเองอย่างหวาดหวั่นกับร่างกายในตอนนี้ของตัวเอง แล้วหลับตาลงเพื่อให้ใจสงบนิ่ง ผมอาจจะคิดมากไป ผมอาจจะไม่กลายเป็นอะไรแบบที่ผมคิดก็ได้
ควับ ควับ!
ผมสะบัดหัวตัวเองไปมาอย่างแรงเพื่อเรียกสติของตนเอง แล้วพยายามนึกถึงสิ่งที่ควรทำตอนนี้ก่อน
1.ต้องหาทางออกจากชั้นใต้ดินนี่
2.รีบไปพบกับพวกวัฒน์ที่น่าจะยังมีชีวิตรอดอยู่ ที่ห้องรับประทานอาหารชั้น 1
3.จับตัวเดียร์
4.ไปคฤหาสถ์อีกหลังที่เชื่อมกัน
ผมคิดในใจเพียงครู่หนึ่งก่อนจะลืมตาขึ้นมา แล้วก็สะดุ้งแทบผงะถอยหลังล้มลง
เพราะพอลืมตามาใบหน้าของฟ้าใสก็อยู่ห่างกันไปกี่เซนเท่านั้นเอง ฟ้าใสพอเห็นผมก็สะดุ้งก่อนจะหน้าแดงแล้วรีบเอามือของตัวเองมาทาบหน้าผากของผม
"ทะ...เธอตัวร้อนแล้วน่ะ
ไหวรึเปล่า"
ฟ้าใสพูดตะกุกตะกักด้วยท่าทีที่เขินอาย
พร้อมกับหาเรื่องไม่สบายให้ชายหนุ่มเพื่อแก้เก้อกับสิ่งที่จะทำมะกี้
"อะ...อืม"
ผมตอบอย่างสั้นๆ
มะกี้ถ้าไม่ตั้งสติให้ดีคงจับหน้าเธอเข้ามาจูบแล้ว
ไม่มีผู้ชายคนไหนอดทนได้หรอกเมื่อเห็นใบหน้าของเด็กสาวที่หน้าตาน่ารักมากคนนี้ยื่นหน้ามาเข้าใกล้ขนาดนี้ คงยกเว้นผมคนเดียวแหละ
"ที่นี่ก็มีแค่นี้ละ
นอกจากข้อมูลจากป้ายชื่อของพวกมันแล้วรายละเอียดบนแผ่นเหล็กป้ายชื่อนั่น ก็ไม่มีหรือเอกสารอะไรอื่นๆอีกเลย พวกเราคงต้องรีบไปห้องประปา 2
อย่างที่นายว่าแล้วละเมฆ"
พลพูดขึ้นเมื่อเขาลองมองดูรอบๆเดินวนเช็คตรวจสอบไปมาแล้ว
ก็ไม่พบอะไรที่น่าจะเป็นเอกสารหรือข้อมูลอะไรเลย
"อืม
ถ้างั้นพวกเราก็รีบไปทำแผนเดิมของฉันที่ห้องประปา 2 กันเถอะ จะได้รีบกลับไปหาพวกขวัญข้าว ฉันชักเป็นห่วงพวกเขาแล้วสิ"
ผมกล่าวขึ้นมาอย่างร้อนรน เพราะชักเสียเวลาที่นี่มาพอสมควรแล้ว ปล่อยไว้แบบนี้ศักดิ์กับสุดาได้....
"รู้สึกเธอจะเป็นห่วงขวัญข้าวมากเลยนะ"
ฟ้าใสกล่าวขึ้นส่งสายตาค้อนมาที่ผม โดยตัวเธอคิดมาตลอดว่าชายหนุ่มคนนี้อาจจะไม่ได้แค่ชอบเดียร์อย่างเดียว
เขาอาจจะเริ่มชอบขวัญข้าวมาแล้วด้วยเช่นกัน จากที่ชายหนุ่มเล่ามาตลอดนั้น ทุกเหตุการณ์จะมีขวัญข้าวตลอดอยู่ด้วยกันกับเตลอดจนอาจเกิดความสัมพันธ์กันขึ้นมาก็ได้
แถมขวัญข้าวก็หน้าตาดีไม่แพ้เดียร์เลยด้วยซ้ำ นั่นยิ่งให้เธอเป็นกังวลมากกว่าเดิม
และจากที่ฟังมาชายหนุ่มตรงหน้านี้ถึงจะแสดงออกมาอย่างตรงๆและดูง่ายว่าชอบเดียร์ก็จริง แต่ท่าทางที่มีต่อขวัญข้าวนั้นก็ดูดีกว่าที่มีต่อเธอซะอีก
แต่เธอก็แค่เอ่ยแซวชายหนุ่มเฉยๆ
เพราะรู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้ไม่ควรทำท่าทีขี้หึงหวงมากนัก....
ผมมองสิ่งที่ฟ้าใสพูดมาก็พอเข้าใจสิ่งที่เธอคิดอยู่
เห็นว่าช่วงนี้เธอก็พบเรื่องเครียดและน่าปวดหัวไม่ต่างจากผม ผมก็เลยอยากจะแกล้งเธอให้ผ่อนคลายซักหน่อย ด้วยการพูดบอกเธอว่า...
"เธอหึงรึไง^^"
"....!!!....."
ฟ้าใสพอได้ฟังก็สะดุ้งหน้าแดงร้อนผ่าว
เธอคงไม่คิดว่าผมจะพูดอย่างงี้ละสิ
"ก็ใช่น่ะสิ...!"
"เฮ้ยๆ พวกนายหัดดูสถานการณ์มั่งสิ
ไม่ใช่เวลามาจีบกันนะเฟ้ยรีบไปกันได้แล้ว-*-" พลที่อยู่ในเหตุการณ์มาตลอดฉุนขึ้นทันที ที่พวกเขามัวแต่แสดงท่าทางอี๋อ๋อกันตลอด
"เข้าใจแล้วน่า
งั้นรีบไปกันเถอะระวังไอ้ค้อนด้วยละ" ผมพูดขึ้นแล้วหยิบปืนพกที่ศักดิ์ให้มา พร้อมกับวิ่งน้ำพวกเขาไปเพื่อไปยังห้องประปา 2
และในเวลาเดียวกันนั้น
เมฆไม่รู้เลยว่าอีกสถานการณ์หนึ่งตอนนี้....
กำลังเกิดเรื่อร้ายแรงขึ้น.....กับพวกวัฒน์
ติ๋ง ติ๋ง
เสียงของหยดน้ำดังขึ้นกระทบกับโลหะที่ไหนซักแห่ง หลังจากที่ผม ฟ้าใส
และพลออกจากห้องทดลองนั่นแล้ว
พวกเราก็เดินไปตามทางที่ผมมาในตอนแรกอย่างหวาดระแวง กลัวว่าที่จะต้องเจอกับฆาตกรถือค้อนนั่นเข้า
ผมเดินพลางเอามือลูบกับกำแพงพร้อมหลับตาเดินไปเรื่อยๆ พลที่เห็นอย่างนั้นจึงสงสัย แต่ก่อนที่มันจะถามว่าผมกำลังทำอะไร ฟ้าใสก็ตอบแทนทันที
"เมฆกำลังฟังเสียงที่อยู่ใกล้ๆนี้เพื่อเช็คว่าไอ้ฆาตกรนั่นไม่ได้อยู่แถวนี้ นี่เป็นผลจากการทดลองที่เมฆโดนไงละ"
"เห...แบบนี้การโดนทดลองนี่ก็ไม่ได้เป็นผลเสียอะไรมากนี่ ฉันชักอิจฉาพลังของหมอนี่ซะแล้วสิ"
พลตอบกลับพลางด้วยน้ำเสียงที่ทึ่งปนอิจฉา
ผมก็อยากจะด่ามันหรอกนะว่ามันดีตรงไหน
เพราะโดนทดลองนี่เลยต้องทำให้ทุกคนมาพัวพันกับเรื่องอันตราย จนเพื่อนในชั้นหลายคนต้องตายไปไม่ใช่รึไง
ตึก..
"...!!!..."
" (แย่แล้วพวกเราเข้าไปหลบในห้องนั้นก่อนเร็ว!)"
เสียงฝีเท้าหนึ่งกระทบขึ้นมาจากข้างหน้าไม่ห่างจากจุดที่พวกเราอยู่มากนัก ผมเอามือขวางพล กับฟ้าใสไม่ให้เดินไปต่อ แล้วจากนั้นผมก็หันไปบอกทุกคนด้วยเสียงกระซิบ ผมจูงมือลากฟ้าใสหลบเข้าไปในห้องที่อยู่ข้างๆนี้ ยังดีที่มันไม่ได้ล๊อค พลเห็นดังนั้นก็รีบวิ่งตามเข้าไป
ดูจากภายในห้องก็เป็นโต้ะทำงานหลายตัวที่ล้มระเนระนาด แต่ไม่มีเอกสารใดๆอยู่ที่นี่เลย...
ตึง ตึง
"ฟู่.....ฟู่"
ผมแทบเสียวสันหลังวาบพอลองมองแง้มประตูออกไปดู ก็เห็นฆาตกรถือค้อนนั่นยืนอยู่ตรงตรงกลางทางแยกทั้งสามนั่น ซึ่งทางที่อยู่หลังมันคือทางที่พวกเราต้องผ่านเข้าไป
มันยื่นนิ่งไม่ขยับไปไหนพร้อมกับพ่นลมหายใจออกมาผ่านรูบนห้ากากของมัน
กล้ามเนื้อตามตัวมันมีรอยไม้จากตอนที่ขวัญข้าวเอาคบเพลิงแทงมันในตอนนั้นเล็กน้อย
แต่แผลที่เด่นชัดที่สุด คงเป็นลำคอของมันที่เป็นรูเหวอะจนเห็นเนื้อข้างใน แต่มัน......ก็กลับยังมีชีวิตอยู่ภายใต้แผลฉกรรจ์ที่ตามหลักเป็นแผลที่ลำคอแหว่งเหวอะขนาดนั้น มนุษย์ธรรมดคงไม่รอดไปได้หรอก
ฟ้าใสกับพลที่เห็นมันก็ตัวสั่นเล็กน้อยด้วยความกลัว....
"สัตว์ประหลาดชัดๆ...."
ฟ้าใสเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียนงที่สั่นๆ ส่วนพลก็ยังคงจ้องไปที่มันโดยตาไม่กระพริบ ผมลองคิดในใจว่าถ้าลำคอมันขาดก็น่าจะตายได้ ถ้าลองคิดถึงในตอนนั้น
ที่ขานใช้หอกเหล็กอัศวินที่ได้มาจากไอ้ไทยแทงเข้าไปที่หัวของมันจากด้านหลังที่ไม่มีหน้ากากใส่อยู่จนทะลุไปถึงด้านหน้า จนมันตายในที่สุด
"จุดอ่อนคือสมองสินะ..."
ผมพูดออกมาด้วยความคิดที่คิดอยู่ในใจ
การทำลายสมองมันน่าจะเป็นการฆ่ามันได้
แต่ถ้าจะให้ไปเสี่ยงตอนนี้ก็คงจะไม่ดี
ไม่แน่ว่าอาจจะมีเงื่อนไขอะไรบางอย่างมากกว่านั้นก็ได้ และพอลองอ่านใจมันดูก็ไม่เป็นผล มันไม่มีความคิดอะไรอยู่ในใจเลย
ตึง ตึง
ซักพักมันก็เดินลากค้อนมันลากพื้นออกไป....
"ตอนนี้ละไปกันเถอะ"
ผมหันไปบอกฟ้าใสกับพล
ทั้งสองก็พยักหน้าก่อนเดินตามผมที่แง้มประตูเดินออกไป...
ตึก ตึก
"เอ๋!น้ำ"
ผมที่วิ่งไปตามทางที่จะพาไปถึงห้องประปา 2 นั้น
ก็ต้องหยุดลงเมื่อเห็นทางข้างหน้า
ทางข้างหน้าต่อจากนี้เป็นน้ำที่ไม่ทราบว่าลึกแค่ไหนเป็นทางยาวตรงไปเรื่อยๆ และสุดทางก็รู้สึกจะเป็นกำแพงตัน
"หมายความว่าไงแล้วห้องประปา 2 อยู่ไหน?" ผมถามขึ้นอย่างสงสัย พร้อมมองลงไปดูใต้น้ำที่มืดสนิทนั่น มันดูน่ากลัวแปลกๆ
"แล้วเราจะเอาไงต่อเนี่ยมันทางตันนี่ นายจำทางผิดรึเปล่าเมฆ" พลแย้งขึ้นด้วยความกังวล เขาชักกลัวๆใต้น้ำนี่แล้วสิว่ามีอะไรอยู่ใต้น้ำรึเปล่า
"อืม....ทางไม่ได้ตันหรอก"
ฟ้าใสที่มองผิวน้ำนั่นพร้อมกับลองมองข้างใต้น้ำที่มืดนั่นดู เธอก็เห็นอะไรบางอย่างจึงรู้ได้ทันทีว่าคืออะไร
" หมายความว่าไง...หือ?! บันได!"
ผมหันไปถามเธอ
แล้วเธอก็นั่งยองพร้อมกับชี้นิ้วเรียวยาวของเธอไปที่ใต้น้ำนั่น และพอผมนั่งยองมองดูดีๆ ก็พบขั้นบันไดต่อจากตรงนี้ลงไปในใต้น้ำ
"นี่เป็นทางลงนี่เอง
แสดงว่าห้องประปา 2 นั่นก็น่าจะอยู่ข้างใต้น้ำหรืออยู่อีกฝั่งนึงของกำแพงนั่นสินะ"
ผมพูดพลางมองไปที่กำแพงที่คิดว่าเป็นทางตันในตอนแรก
บันไดนี่อาจจะพาลงไปข้างล่างและพาลอดใต้กำแพงนั่นเพื่อไปยังอีกฝั่งนึงของกำแพง ซึ่งคาดว่าห้องประปา 2 ก็น่าจะอยู่ตรงนั้น
แต่ปัญหาคือ....
"
ทางมันไกลรึเปล่าสินะ และห้องประปานั่นตอนนี้จะอยู่ใต้น้ำรึเปล่าสินะ"
ฟ้าใสเหมือนจะรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่ เธอจึงพูดสิ่งที่ผมคิดว่าปัญหาตอนนี้คืออะไร ใช่อย่างที่เธอบอกว่าทางที่จะไปถึงห้องประปา 2
นี่มันอาจจะไกลเกินไปจนเราไม่สามารถไปถึงได้
เพราะถ้าเราต้องไป
เราก็ต้องดำน้ำแล้วว่ายไปจนถึงสุดทางที่น่าจะเป็นห้องประปา 2 นั่น แต่ปัญหาก็อย่างที่บอก มีสองข้อด้วยกันคือ
หนึ่ง...ถ้าทางมันไกลไปเราก็อาจจะกลั้นหายใจไหวก่อนถึงห้องนั้นก็ได้
สอง...ถ้าถึงห้องแล้วปรากฎว่ามันอยู่ใต้น้ำไม่ได้อยู่บนพื้นตามที่เราคิด
เท่ากับว่าเราไปเสียเปล่าแถมอาจจะกลั้นหายใจกลับมาไม่ทันด้วย
" งั้นฉัน....จะลองไปเอง"
"..!!!.../...!!!..." ฟ้าใสกับพลสะดุ้งขึ้นพร้อมกัน
"เดี๋ยวเธอจะบ้าเหรอเมฆมันเสี่ยงเกินไปนะ ถ้าเธอหายใจไม่ออกตายจะทำยังไง ฉันว่าอย่าเสี่ยงดีกว่า"
"ใช่ อย่างที่ฟ้าใสบอกนายจะตายเปล่านะเพื่อน อย่าไปเสี่ยงเลย" พลกับฟ้าใสต่างพูดแย้งไม่ให้ผมไป ด้วยท่าทีที่ร้อนรนและเป็นกังวล
"ไม่ต้องห่วงหรอกน่า
พวกนายอย่าลืมสิว่าฉันตอนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปแล้วนะ
ระบบประสาทร่างกายฉันสามารถอดทนเรื่องแบบนี้ได้ดีแน่นอน"
ผมพูดขึ้นเมื่อคลายกังวลกับพวกเขา
ที่จริงผมก็ไม่รู้หรอกว่าระบบประสาทมันช่วยให้ผมหายใจใต้น้ำหรือระบบหายใจได้ดีแค่ไหน แต่ผมจำเป็นต้องลองเข้าไปให้ได้ เพราะ....
ถ้าไม่สามารถเข้าในห้องนี้ได้....พวกเราทุกคนก็ต้องตายออกจากที่นี่ไม่ได้อยู่ดี
ซึ่งลองเสี่ยงดุน่าจะคุ้มกว่าหลายเท่า
"........"
พลพอฟังแล้วก็พูดอะไรไม่ออก
ยกเว้นแต่ฟ้าใสเหมือนคิดอะไรบางอย่างอยู่
ก่อนจะพูดบางอย่างขึ้นมา
"งั้นฉันจะไปด้วย!"
"หา!/หา!"
ผมกับพลตะโกนขึ้นมาพร้อมกัน
ฟ้าใสจึงรีบเอามือมาคร่อมปากพวกเราเอาไว้
เมื่อเห็นว่าส่งเสียงดังเกินไปเดี๋ยวฆาตกรก็ได้ยินหรอก พอเห็นพวกผมเงียบแล้วเธอจึงค่อยเอามือออก
"อย่าเลยฟ้าใสมันเสี่ยงไปนะ
ฉันไปคนเดียวก็พอถ้าเกิดอะไรขึ้นมาฉันช่วยเธอที่อยู่ใต้น้ำด้วยกันไม่ได้หรอกนะ" ผมพยายามเตือนเธอ พร้อมกับบีบไหล่ทั้งสองข้างของเธอเพื่อเตือนสติให้คิดอีกที
"เธอไม่ต้องห่วงหรอกเมฆ
ลืมไปแล้วเหรอว่าฉันนักกีฬาว่ายน้ำประจำโรงเรียนนะ^^" ฟ้าใสยิ้มส่งมาให้ผมเล็กๆ ก่อนจะเอามือทุบอกตัวเอง เพื่อบ่งบอกถึงความมั่นใจของตัวเอง
"แต่ว่า....."
ผมก็ยังคงเป็นกังวลอยู่ดี ถึงเธอจะว่ายเร็วปอดแข็งแรงก็เถอะ แต่ถ้าห้องประปาอยู่ใต้น้ำจริงๆ หรือทางมันไกลเกินไป ก็อาจตายได้อยู่ดี ไม่เกี่ยวกับว่าเป็นนักกีฬาหรือไม่
ผลุบ!
ตุบ!
"เฮ้ย!!"
เสียงเหมือนอะไรหล่นลงมากระทบพื้น ตามด้วยเสียงไอ้พลที่อุทานขึ้น
ทำให้ผมที่ก้มหน้าลงอย่างกังวลอยู่เงยหน้าขึ้นหันมามอง
"เฮ้ย!! เธอถอดเสื้อทำไมฟ้าใส!!O////O"
ผมสะดุ้งทันที
พร้อมกับเลือดกำเดาแทบจะทะลักออกมา
เมื่อเห็นเสื้อผ้ากองตกอยู่ที่พื้นและเธอในตอนนี้เหลือแต่บราเซียร์สีขาวลายลูกไม้ตามขอบ และกางเกงในสีขาว
ผมมองไปที่หุ่นของเธอที่มีผิวขาวใสอมชมพูเนียนละเอียด
และก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่เนินอกของเธอที่ดูอวบอิ่มนั่น ถึงเธอจะไม่เท่ากับเดียร์ แต่เธอก็อยู่ในขนาดที่เด็กวัยนี้ส่วนใหญ่ต้องแพ้ให้กับเธอเช่นกัน
"......."
ผัวะ!บึ้ก!
อั๊ก!
ตุบ
ด้วยปฏิกริยาอันฉับพลันของผม
เมื่อเห็นพลที่มองดูด้วยตาไม่กระพริบ
ก็เผลอชกมันจนสลบไปโดยมันไม่ทันตั้งตัว
"....หืม
ไม่อยากเห็นพลเห็นฉันในสภาพนี้เหรอ
หวงฉันขึ้นมาทันทีเลยนะ^////^"
ฟ้าใสกล่าวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์
พร้อมกับหน้าแดงเล็กน้อย ที่พอเห็นพลสลบไป เมฆก็ยังคงจดจ่อมองกับรูปร่างเธออยู่
"ปะ...เปล่าไม่ได้หวงซะหน่อย
แค่จะวอร์มก่อนจะลงดำน้ำเท่านั้นเอง
ครูก็เคยบอกนี่ว่าก่อนว่ายน้ำควรวอร์มอัพ"
ผมเกล่าด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักพร้อมกับหน้าแดงแจ๋ ไม่ใช่อายอะไรหรอกนะ
แต่ผมเห็นร่างกายฟ้าใสแล้วอารมณ์มันพลุ่งพล่านไปหมด
"วอร์มโดยการต่อยเพื่อนจนสลบนี่นะ-////-"
ฟ้าใสยังคงเอ่ยแซวอยู่ ผมฟังดังนั้นก็ไม่พูดอะไรต่อก่อนจะถามเธอชึ้น
"ละ..แล้วเธอถอดเสื้อทำไมฮะ
ต่อหน้าผู้ชายเนี่ยอายเป็นไหม-*-"
ผมขมวดคิ้วขึ้นมาใส่เธออย่างไม่สบอารมณ์เล็กน้อย ที่จู่ๆเธอก็มาเปลื้องผ้าต่อหน้าผมกับไอ้พล
"ก็พวกเราต้องดำน้ำว่ายไปนะฉันกลัวมันจะไม่ถนัด แถมถ้าเสื้อเปียกขึ้นมาพวกเราจะแย่นะที่นี่ไม่ได้มีเสื้อเปลี่ยนด้วย"
ฟ้าใสอธิบายขึ้นมา
ถึงผมจะไม่ชอบใจนักแต่ก็จริงอย่างที่เธอพูด
ผมส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนจะถอดเสื้อตามเธอจนเหลือแต่บอกเซอร์ แล้วค่อยมาปลุกพลขึ้นมา
มันตื่นขึ้นผมก็เลยเอาปืนพกให้มันไว้ป้องกันตัว พร้อมกัยให้มันรอที่นี่จนกว่าพวกเขาจะกลับมา และถ้าเกิดอะไรขึ้นก็ให้รีบดำลงน้ำทันที
พลพยักหน้าเข้าใจ......หรือเปล่าก็ไม่รู้ มันยังคงแอบเหลือบไปมองฟ้าใสตลอด
"งั้นไปก่อนนะ"
"อะ..เอ่อระวังตัวด้วย"
พูดจบผมกับฟ้าใสก็กระโจนลงน้ำทันที....
ซูม!!
ทางด้านนึง....
ที่ไหนซักที่...ในห้องมืดๆ
ใจกลางห้องมืดๆนั่นก็มีร่างของเด็กสาวคนนึงนั่งกอดเข่าอยู่กับพื้น แสงที่ทอดลงมาตกที่ร่างของเด็กสาวคนนั้น ทำให้รู้ว่าเธอกำลังโศรกเศร้าอยู่
ก่อนจะมีเสียงเอ่ยขึ้นมาเบาๆว่า.....
"เมฆ.......ได้โปรดช่วยฉันที"
ความคิดเห็น