คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #41 : บทที่ 40 สิ่งที่ซ่อนอยู่
บทที่ 40 สิ่งที่ซ่อนอยู่
"ฟ้าใส!
เมฆทำอะไรอยู่รีบไปตามเธอเร็วเข้า!"
ขวัญข้าวที่กำลังกระวนกระวายอยู่ตอนนี้ หันมาบอกผมที่กำลังยืนงุนงงอยู่
ผมที่ได้สติหลุดออกจากภวังค์ของคำพูดของฟ้าใสนั้น ก็พยักหน้าให้ขวัญข้าวแล้วจับมือของขวัญข้าววิ่งตามทางที่ฟ้าใสวิ่งไป
แต่พอมาถึงทางๆหนึ่ง
ก็ทำให้พวกเราที่กำลังวิ่งตามฟ้าใสอย่างร้อนรนนั้นต้องหยุดลง
เมื่อมันเป็นทางแยกหลายทาง....
" ทะ...ทางไหนละเนี่ย
"
ผมมองไปที่ทางแยกทั้งสามอย่างกังวล และผมก็ทำท่าเหมือนจะเดินเลือกซักทางด้วยความรวดเร็ว
เพราะกลัวว่าฟ้าใสจะไปไกลจนพวกเราตามไปไม่ทัน ใช่....เป็นความผิดของผมทั้งหมด
หมับ!
" เมฆเดี๋ยวก่อนอย่าไป!"
จู่ๆขวัญข้าวก็ดึงมือของตัวเองที่กำลังถูกผมดึง ดึงกลับไป
" ทำอะไรของเธอขวัญข้าวพวกเราต้องรีบตามฟ้าใสไปนะ ถ้าเกิดหลงขึ้นมาจะทำยังไง!"
ผมชักหน้ากลับไปถามขวัญข้าวอย่างอารมณ์เสีย
" ฟ้าใสน่ะไม่หลงหรอก เพราะเธอรู้ทางที่นี่ดี แต่พวกเราน่ะสิ...."
ขวัญข้าวพยายามค่อยๆพูดค่อยๆจากับผมอย่างใจเย็น โดยไม่สนใจคำพูดที่ฉุนเฉียวและอารมณ์ร้อนของผม
" แล้วเธอจะให้ทำไง!"
ผมตะโกนกลับใส่เธอ เธอขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อ
"กลับไปทางเดิมของเรา ถึงฉันจะเป็นห่วงฟ้าใสเหมือนกันแต่เธอเอาตัวรอดเองได้แน่
แต่ถ้าเราตามเธอไปเราอาจจะหลงทางจนต้องตายอยู่ที่นี่แน่
เพราะฉะนั้นตอนนี้เรารีบหาทางออกจากเขาวงกตชั้นใต้ดินนี่ให้ได้ก่อน แล้วก็ไปหาพวกขาน ฉันคิดว่ายังไงฟ้าใสต้องหาทางไปที่นั่นแน่"
ขวัญข้าวค่อยๆพูดอย่างใจเย็นให้ผมฟัง ผมก็พยายามฟังคำพูดของเธอทีละเล็กทีละน้อย จนใจเย็นลงได้
" แล้วเธอแน่ใจได้ไงว่าฟ้าใสจะกลับไปหาพวกขาน ฉันคิดว่า.....ถ้าฉันเป็นฟ้าใส
ก็ต้องรู้ว่าพวกเราไม่รู้ทางที่นี่ดีพอหรอกและก็ต้องกังวลว่าพวกเราจะหลงทาง ดังนั้นเธออาจจะแอบตามเรามาก็ได้
ไม่ก็อีกอย่าง.....ถ้าเธอยังโกรธฉันอยู่ คงปล่อยทิ้งพวกเราไว้แบบนี้นั่นแหละ....."
ผมบอกกับขวัญข้าว
พอนึกถึงเรื่องนั้นขึ้นมาผมก็รู้สึกเป้นกังวลต่อความรู้สึกของเธอจริงๆ ผมไม่เคยโดนเธอว่าขนาดนั้นมาก่อนเลย และผมเอง
....ก็ไม่ได้คิดเลยว่าเธอจะรักผม...
"เอาเป็นว่าตอนนี้พวกเราพยายามหาทางออกจากที่นี่ด้วยตัวเองก่อนละกัน ไม่ต้องห่วงฟ้าใสหรอก....ไปกันเถอะ" ขวัญข้าวพูดจบก็ยิ่มเล็กๆมาให้
แต่ผมก็ดูออกว่าเธอเองก็กังวลและเป็นห่วงฟ้าใสอยู่เหมือนกัน
ขวัญข้าวพูดจบก็เดินตรงกลับทางเดิมไป....
จะว่าไปฟ้าใส....เธอรักผมตอนไหนกันนะ
.....ผมรู้สึกดีจริงๆ
ไม่คิดว่าคนสวยๆอย่างเธอจะมาชอบคนหน้าตาธรรมดาอย่างผม
แต่ถึงหยั่งงั้น....ผมก็ยัง....
ตูม!!!
"เอ๊ะ?/เอ๊ะ?"
จู่ๆขณะที่ผมกำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิดนั้น
ก็มีเสียงเหมือนอะไรขนาดใหญ่ตกลงมาจากที่สูงยังไงหยั่งงั้น
ผมที่กำลังเหยียบกับพื้นอิฐที่มีเศษทรายหน่อยๆอยู่นั้น ก็หันคบเพลิงไปทิศทางที่มีเสียงนั่น
"ขวัญข้าวเธอได้ยินเหมือนฉันมั๊ย....เสียงนั่นน่ะ"
"อะ...อื้อ
มันมาจากทางที่พวกเรามาในตอนแรกนี่
ตรงจุดที่เราตกมาจากข้างบน...เอ้ะ!หรือว่า!" ขวัญข้าวทำหน้าเหมือนคิดอะไรแปปนึงก่อนจะพูดขึ้นมา
"มีคนตกลงมาอย่างงั้นสินะ" ผมก็พูดคำพูดที่คิดว่าขวัญข้าวจะพูดออกมา
"อืม พวกเราลองไปดูกันมั๊ย
อาจจะเป็นพวกวัฒน์ วิยดา หรือพวกข้าวต้มก็ได้"
ขวัญข้าวเสนอความคิดขึ้นมา
ผมไม่ตอบอะไรได้แต่พยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วยกับความคิดนั้น แต่ก่อนที่ผมจะทำท่าเดินไปที่มาของเสียงนั่น
ความสามารถของระแบบประสาทผมก็ดันทำงานดีขึ้นมาซะงั้น...
"อึ้ก!"
จู่ๆก็รู้สึกปวดจี๊ดที่หัว เหมือนจะระเบิดออกมายังไงหยั่งงั้น อาการแบบนี้มัน....กำลังบอกว่าอันตรายกำลังเข้ามา
"เมฆเป็นอะไรอาการนั่น...เอ๊ะ!"
ขวัญข้าวที่กำลังเดินเข้ามาประคองอย่างเป็นห่วง ผมก็นำมือทำท่าให้เธอเงียบลง จากนั้นผมก็หลับตา เพื่อฟังเสียงที่อยู่ห่างออกไป
ตึง ตึง ตึง ตึง ตึง ตึง!!!!!!!!!!!!!!!
"แย่แล้วมีบางอย่างกำลังวิ่งมาทางนี้ รีบหนีกันเร็วขวัญข้าว!"
หมับ!
"เดี๋ยวสิ! เมฆอาจจะเป็นพวกวัฒน์ก็ได้ เธอฟังดีแน่แล้วเหรอ" ขวัญข้าวที่กำลังโดนผมวิ่งจูงมือลากไปทางที่ห้องขนาดใหญ่ที่ผมกำลังจะไปในตอนแรก ขัดขึ้นมาด้วยความตกใจในท่าทีของผม
"......ฉันว่าไม่แล้วละเธอลองหันไปดูเอาเองละกัน.."
ผมพาเธอวิ่งต่อโดยเหลือบมองหลังนิดนึง
ก่อนจะหันหน้ากลับมาแล้วจูงมือเด็กสาวพาวิ่งไปอย่างเร็ว!
พร้อมกับทิ้งคบเพลิงที่อยู่ในมือ
ขวัญข้าวถึงจะเกือบวิ่งล้มไปหลายครั้ง
แต่เธอก็พยายามวิ่งให้ทันการวิ่งของเด็กหนุ่ม
ก่อนเธอจะหันหลังเหลือบไปมองอะไรบางอย่างที่เด็กหนุ่มบอก ด้วยสีหน้าที่ซีดเผือก
"!!"
เด็กสาวพอหันไปตามที่เด็กหนุ่มบอก
เธอก็เบิกตาโพลง
เมื่อเห็นว่าคนที่กำลังวิ่งตามหลังมาอย่างบ้าคลั่งนั้น คือ
ฆาตกรถือค้อน!!!!!!
"ฆาตกร!"
ขวัญข้าวอุทานขึ้นด้วยความตกใจและหวาดกลัว
ในขณะที่ผมกำลังพาเธอวิ่งตรงโดยไม่สนใจสิ่งที่วิ่งตามหลังมา
เพราะกลัวว่าถ้ามัวแต่สนใจมันไม่ตั้งใจวิ่งให้ดี อาจจะตกเป็นเหยื่อของมันก็ได้
ตึก ตึก!
"วิ่งเร็วเข้าขวัญข้าว!" ผมหันไปบอกเธอที่ดูท่าเหมือนจะวิ่งช้าลง
"รู้แล้วไม่ต้องห่วงเห็นงี้ฉันก็นักกีฬานะ....แฮ่ก"
ขวัญข้าวยิ้มให้เล็กน้อยด้วยใบหน้าที่กลัวๆปนความเหนื่อย แต่เธอก็รู้สึกเหมือนฝืนร่างกายตัวเอง เธอพยายามวิ่งเร็วกว่าเดิม
"แฮ่ก แฮ่ก จะถึงแล้ว!"
"อื้อออออื้อออออ!!!!!"
ผมพูดขึ้นมาด้วยท่าทีเหมือนหายใจติดขัด กับเสียงของฝ่ายไล่ล่าที่ตะโกนขู่ขึ้น
ตึง ตึง!
" หือ?"
ผมกับขวัญข้าวที่กำลังมองทางข้างหน้าก็พบว่าห้องขนาดใหญ่นั่นอยู่แค่เอื้อมแล้ว แถมมังยังมีประตูเหล็กอีกด้วย พวกเราต้องรีบวิ่งเข้าไปในนั้น แล้วรีบล๊อคประตูนั่น!
แต่เราจะไปถึงรึเปล่านะ.....ความเร็วของมันไม่ลดลงเลยมีแต่เรา
ฟ้าว!
"หือ?เฮ้ย!!"
ผมที่รู้สึกว่าเหมือนมีเสียงอะไรบางอย่างกำลังลอยเข้ามาก็หันไปดู แล้วพบว่ามันคือค้อนยักษ์ของไอ้ฆาตกรนั่นปามาด้วยความแรง และค้อนนั่นอยู่ตรงหน้าผม....
ตูม!!!
"กรี๊ด!!!"
ผมจับขวัญข้าวและพาตัวเองล้มลงหลบไปนอนกองกับพื้นอย่างทันเฉียดฉิว
ค้อนนั่นกระเด็นไปโดนกำแพงอิฐจนแตกร้ายก่อนจะหล่นลงมาตรงหน้าพวกเรา
"ฮึ้ย!บ้าเอ๊ย!
ขวัญข้าวรีบวิ่งหนีไป ฉันจะอยู่ถ่วงเวลามันให้ รีบไปซะ!"
ผมนอนฟุบอยู่กับพื้นและกำลังจะพยุงตัวเองขึ้นมาก็มองไปเห็นว่าฆาตกรมันมาแล้ว ผมคิดว่าพวกเราคงวิ่งหนีต่อไปไม่ได้แล้ว แต่อย่างน้อยก็ขอให้ขวัญข้าวหนีไปได้ทันก็ยังดี ผมจะไม่ปล่อยให้ใครตายอีกแล้วถ้าชีวิตของผมช่วยได้อีกหนึ่งชีวิตมันก็คุ้มกว่าตายไปสองชีวิตอย่างฟรีๆ พูดจบผมก็วิ่งไปหยิบค้อนยักษ์ของมัน
...แต่ว่าผมกลับยกมันไม่ขึ้นเลย
มันหนักเกินไป....
"พูดอะไรของเธอเมฆ
ฉันจะไม่ทิ้งเธอไว้ที่นี่หรอก
พวกเราต้องไปด้วยกันสิ!"
ขวัญข้าวพอได้ฟังแบบนั้น ก็รีบลุกขึ้นมาแล้วมาตะโกนใส่ผมด้วยสีหน้าที่กระวนกระวาย เมื่อคิดว่าผมจะเสียสละตัวเองเพื่อช่วยเธอ
"ยัยบ้า! ไม่ใช่เวลามาพูดแบบนี้นะ จะมาตายทั้งคู่เลยรึไงเล่ารีบไปเร็ว!"
ผลัก!
"ว้าย!"
ผมผลักเธออย่างแรงจนถอยไปด้านหลังจนเกือบล้ม พวกเรามัวแต่คุยกันจนลืมไปเลยว่าที่นี่ ณ ตอนนี้ไม่ได้มีแค่พวกเราแค่ 2 คน
หมับ!
"อึ้ก!"
"เมฆ!"
ฆาตกรที่เข้ามาตอนที่พวกเราไม่ทันตั้งตัว
มันพุ่งเข้ามาแล้วนำมือของมันเข้ามาบีบคอผมพร้อมจับยกขึ้นจน เท้าของผมลอย
ขวัญข้าวที่เห็นดังนั้นจึงอุทานขึ้นมา
ผมตอนนี้รู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออก....ถ้าไม่ทำอะไรซักอย่างผมต้องตายแน่ๆ
ตอนนี้เด็กหนุ่มที่กำลังขาดอากาศหายใจ เพราะแรงบีบอันมหาศาลของมัน ตาของเขาเริ่มเหลือกขึ้นอย่างทรมาณ
ขณะนั้นเด็กสาวจึงรีบหาทางทำอะไรซักอย่างเพื่อช่วยเขา
แต่ค้อนนั่นขนาดเด็กหนุ่มยังยกไม่ได้แล้วเธอจะยกได้ยังไง
"!"
เด็กสาวเหลือบไปมองเห็นคบเพลิงที่ติดอยู่บนผนัง เธอจึงนึกออกและรู้ว่าควรทำยังไงทันที
"ปล่อยเมฆนะ ไอ้ฆาตกรวิปริต
ไม่ปล่อยก็โดนเผาไปซะเถอะ!"
ขวัญข้าวไม่รีรอที่จะรีบช่วยเด็กหนุ่ม เธอวิ่งถือคบเพลิงจากกำแพงมา
แล้วทำให้ผ้าที่พันตรงเปลวไฟคลายออกมานิดนึงจนทำให้ปลายแหลมของไม้ของคบเพลิงโผล่ออกมา
เธอไม่รอช้า เธอวิ่งไปที่มันที่กำลังจะฆ่าเด็กหนุ่ม
เธอกระโดดแล้วนำปลายแหลมของไม้คบเพลิงที่ติดไฟนั่นแทงไปที่ลำคอของมันจนลึกเข้าไป
ซวบ!!!!!!"
"ก๊าซซซซซซซซซซ!!!"
ทันใดนั้นเสียงที่แสบแก้วหู ที่ไม่คิดว่ามันจะเปล่งออกมาด้วยความเจ็บปวดนั้น
ด้วยเสียงสัตว์ป่าที่กำลังโอดครวญ
ก็ดังลั่นทั่วทุกทิศทาง
พร้อมกับเปลวไฟที่กำลังลุกลามตามร่างมันตั้งแต่คอจนขึ้นศรีษะและไล่ลงมาด้านล่าง
"เมฆไปเร็วเข้าตอนนี้ละ!"
"แค่ก!แค่ก!.....เธอนี่ร้ายจริงนะขวัญข้าว"
"อย่ามัวแต่พูดเลย
รีบไปเถอะก่อนตายมันอาจจะทำอะไรที่เราไม่คิดได้ก็ได้!"
ขวัญข้าวไม่รอช้า
เธอวิ่งมาทางผมที่เพิ่งหลุดออกมาจากฝ่ามือของมัน มาพยุงผมขึ้นแล้วรีบวิ่งออกไป
ผมตอนนี้ยิ่งคิดไปคิดมาก็รู้แล้วจริงๆแล้วว่า ไอ้ฆาตกรนั่นคือสัตว์ประหลาดแน่แท้ โดนแทงคอขนาดนั้นยังไม่ตาย
แทบยังร้องเสียงลั่นออกมาได้ไงทั้งๆที่จุดที่โดนแทงคือจุดที่เสียงจะลอดออกมาสู่ปากได้
พรึ่บ!
"หือ?"
ผมกับขวัญข้าวที่กำลังเดินตรงออกไปนั้นอย่างรวดเร็ว
เมื่อได้ยินเสียงแปลกๆจากทางฆาตกรนั่นก็ทำให้พวกเราทั้งสองคนหันไปดูเป็นเชิงเล็กน้อยว่า มันตายแล้วรึเปล่า....
แต่ก็กลับไม่เป็นหยั่งงั้น
"เอาจริงดิ...."
ผมมองด้วยสายตาเหลือเชื่อปนหวาดกลัว
เมื่อจู่ๆร่างกายของมันที่ติดไฟ
จนผมคิดว่าถึงมันไม่ตายเพราะโดนแทงคอนั่น
มันก็ต้องตายเพราะโดนไฟครอกจนไม่เหลือซาก
แต่ว่ามันกลับ...
.....เอาชุดคลุมกันฝนตัวเองที่ผมคิดว่าต้องไหม้ไปด้วยแน่ๆ มาคลุมร่างตัวเองจนไฟที่ลามตามตัวหายไป
เฮ้ เฮ้
แบบนั้นเท่ากับว่ามันก็มีสมองด้วยงั้นสิ
ผมคิดในใจด้วยความคิดที่น่าขนลุก
จนน่ากลัว
ถ้ามันใช้สมองได้แบบนี้
ก็มีแต่ตายกับตายสิพวกเรา
บางอย่างที่สามารถต่อกรกับอสูรกายแบบพวกมันได้ คือ สมองของพวกเรา แต่ถ้าอสูรกายก็มีสมองด้วย แล้วพวกเราจะเหลืออะไรละ
หมับ!
ฆาตกรนั่น
เดินไปหยิบค้อนของตัวเองด้วยร่างที่ไหม้เกรียมหน่อยๆนั่น แล้ววิ่งพุ่งมาทางพวกเรา
มันง้างค้อนนั่นเพื่อหวังจะทุบให้พวกเราสมองและร่างกายเหลวแหลกจนเละเทะเลยทีเดียว
"อึ้ก!"
พวกเราทั้งคู่หลับตาลง พร้อมกำมือของกันและกันอย่างเตรียมใจแล้วว่าพวกเราไม่มีทางอื่นแล้ว
ที่จะให้ตัวเองมีชีวิตรอดไปจากที่นี่ได้.....
แต่ถึงแม้พวกเราไม่สามารถที่จะให้ตัวเองมีชีวิตรอดต่อไปได้ ก็อาจจะเป็นคนอื่น
....ที่สามารถทำให้พวกเรามีชีวิตต่อไปได้
ปัง!
จู่ๆร่างของฆาตกรที่กำลังวิ่งมา
ก็เซถอยหลังผงะไปอย่างชะงัก
เสียงอะไรบางอย่างดังขึ้นจากทางด้านหลังพวกเรา.....เสียงเหมือนกับ...ปืน!
"เฮ้ยพวกนายทำอะไรกันอยู่
มาทางนี้เร็วเข้าเว้ย!"
จู่ๆก็มีเสียงของเด็กสาวและเด็กหนุ่มสองคนดังขึ้นมา จากทางเสียงของปืนนั่น และเป็นเสียงที่พวกเราเคยได้ยินมาแล้ว เสียงคุ้นๆแบบนี้มัน
"สุดา ศักดิ์!"
ผมและขวัญข้าวหันไปมองพวกเขา
พวกเขายังมีชีวิตอยู่!
ตอนนี้สุดากำลังกวักมือเรียกพวกผม และตอนนี้ศักดิ์กำลังเอาปืนพกที่เอามาจากไหนไม่รู้ ยิงใส่ฆาตกรจนมันไม่สามารถเดินต่อได้ เพราะโดนศักดิ์ยิงสกัดไว้อยู่
พวกเราเห็นแบบนั้นก็ยิ้มอย่างมีความหวัง
พวกเรามองหน้ากันเล็กน้อยก่อนจะจับมือกันไป
และวิ่งตรงไปยังห้องที่สว่างปลายทางข้างหน้านั่น......
ปึง!
"แฮ่ก....แฮ่ก..."
ผมหายใจอย่างหอบแฮ่ก ซึ่งก็ไม่ได้ต่างจากขวัญข้าวในตอนนี้เท่าไร พวกเราเข้ามาภายในห้องอย่างรวดเร็ว
ก่อนจะวิ่งกลับไปดันประตูเหล็กขนาดหนาพอสมควรช่วยกันกับสุดา ในขณะที่ศักดิ์กำลังยิงสกัดมันไว้
แล้วพวกเราก็ปิดและล็อคประตูเหล็กนั่นได้สำเร็จ...
ตึง ตึง!
ถึงแม้ประตูจะปิดลงแล้ว
แต่ผู้บุกรุกก็พยายามที่จะเข้ามาตลอด
เสียงค้อนขนาดใหญ่ทุบกับประตูเหล็กหนาดังขึ้นมาอย่างไม่หยุด แต่ท่าทางประตูนี่จะแข็งแรงพอสมควร เพราะมันไม่มีท่าทีจะบุบหรือพังเลย ประตูเหล็กหนานั่นแค่สั่นเล็กๆเพียงเท่านั้น
ทำให้พวกเราทั้งสี่คนที่ยืนมองที่ประตูบานนั้นอย่างหวาดหวั่นก็โล่งใจลง
เมื่อคิดว่ายังไงมันก็ไม่สามารถทำลายประตูนั่นได้แน่
"เฮ้อ...."
ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่
พลางนำมือคลำคอของตัวเองเล็กน้อย
รอยจ้ำทั้งสีเขียวและสีม่วงเป็นรอยรูปมือที่เกิดจากการบีบด้วยมืออันใหญ่ของมัน
ผมคลายมือออกแล้วมองดูรอบๆว่าที่นี่มันคือที่ไหนกันแน่
พอผมมองไปรอบๆนั้นก็เห็นเครื่องจักรมากมาย
ที่ดูทันสมัยพอสมควรถ้าไม่ติดตรงที่มันเริ่มมีสนิมเกาะเนี่ย แล้วเครื่องจักรพวกนี้มีไว้ทำไมกันนะ?
ผมนึกสงสัยกับตัวเอง
ก่อนจะมองเช็คอีกรอบ
มีทั้งสายไฟระโยงระยางเต้มไปหมด
มีเครื่องคอมพิวเตอร์เก่าๆหลายเครื่องตั้งอยู่ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะใช้ได้รึเปล่า
บรรยากาศของห้องนี้ดูชื้นๆ อับๆอย่างแปลกๆ ทางข้างหน้าก็มีประตูอยู่ถึง 3
ประตูซึ่งตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าภายในประตูทั้ง3นั้นคืออะไร
แถมยังมีโต้ะยาวตั้งอยู่ใจกลางห้อง
ซึ่งมีเอกสารกองอยู่บนนั้นจำนวนพอสมควร.....
..เป็นเอกสารอะไรกันแน่นะ
"พวกนายก็โดนกับดักร่วงลงมาเหมือนกันเรอะ" ศักดิ์พูดขึ้นมา เมื่อเห็นบรรยากาศที่เงียบจนเกินไป
"อืมจะว่าหยั่งงั้นก็ได้น่ะ...."
ผมเลิกดูเอกสารบนโต้ะตัวนั้น
แล้วหันมาตอบศักดิ์คนที่อยู่กลุ่มเดียวกับผมและได้หายตัวไปพร้อมกับสุดาในตอนนั้น เด็กหนุ่มที่ดูหน้าตาคล้ายโจร เขามีผิวสีแทนและมีหนวดเคราเล็กน้อย
ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมโรงเรียนถึงไม่ว่าอะนะ
จนเขาไว้จนหน้าตาเหมือนโจรป่าแล้วเนี่ย....แต่ช่างหัวเรื่องนั้นเถอะ-_-
ผมตอบศักดิ์ไปโดยไม่ได้บอกไปทั้งหมดว่า
ฟ้าใสเป็นคนทำเพื่อช่วยชีวิตผมจากฆาตกรนั่น
เรื่องของฟ้าใสผมยังไม่อยากอธิบายพวกสุดากับศักดิ์ เพราะขี้เกียจอธิบายจนบอกไปแค่นั้น
"ดีจริงๆที่พวกนายยังมีชีวิตอยู่นะ ตอนนั้นฉันก็สงสัยว่าพวกนายหายไปไหนกัน ราวกับว่าหายไปดื้อๆเลยงั้นแหละ"
ผมมองหน้าพวกเขาพลางยิ้มเล็กๆ
เพราะดีใจเป็นอย่างมากเมื่อเห็นว่าเพื่อนๆที่หายตัวไปในตอนนั้นยังมีชีวิตอยู่ที่นี่
"ก็ตกใจเหมือนกันละ
เดินตามพวกนายอยู่ดีๆ
ก็ตกร่วงลงมาเฉยอย่างไม่ทันตั้งตัว....แทบแย่เลยละ"
ตุบ
ศักดิ์พูดพลางปาดเหงื่อของตัวเอง
ก่อนจะนั่งลงพิงกับกำแพง
"นี่ๆเดี๋ยวก่อนแล้วพวกเธออยู่กันได้ยังไงเนี่ย
ถ้าพวกเธอตกมาที่นี่ตั้งแต่วันแรกก็น่าจะผ่านมาหลายวันเลยนะ พวกเธออยู่กินกันยังไงเนี่ย!
แถมปืนนั่นเอามาจากไหน!"
ขวัญข้าวอุทานขึ้นมาเมื่อรู้ว่าพวกเขาคือกลุ่มของเพื่อนเมฆที่หายไปในตอนแรกตามที่เมฆเล่าให้ฟังในตอนนั้น
พลางชี้ไปที่ปืนกระบอกนั้นที่ศักดิ์ถืออยู่
" เฮอะ เธอดูสภาพพวกฉันไม่ออกรึไงยัยขวัญข้าว
ฉันกับศักดิ์โทรมขนาดนี้....ใช่พวกเรายังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่ตกลงมาที่นี่ ได้กินก็แค่น้ำเท่านั้นแหละ ส่วนปืนนี่ก็เจอบนโต้ะยาวตัวนั้น น่าจะเป็นของคนที่เคยอยู่ที่นี่แหละ"
สุดาหัวเราะแห้งๆขึ้นมาด้วยใบหน้าที่ซูบผอมเล็กน้อย
จะว่าไปดูดีๆแล้วพวกเขาทั้งสองคนดูเหมือนคนไม่ได้กินอะไรมานานแล้วจริงๆนั่นแหละ
"งั้นเหรอ....แล้วน้ำที่ว่าเนี่ยเอามาจากไหน?"
ขวัญข้าวถามพวกเขาขึ้นอย่างสงสัย
เพราะเมื่อมองรอบๆดูก็ไม่เห็นที่ไหนน่าจะมีเครื่องดื่ม หรือ
แหล่งน้ำให้บริโภคเลย
"นั่นไง ในห้องนั้นน่ะ
มันมีเครื่องปั๊มน้ำขนาดใหญ่อยู่
พวกเราเปิดฝาข้างบนมันแล้วก็เอามือตักขึ้นมาดื่ม" ศักดิ์ที่กำลังนั่งฟังอยู่ ชี้ไปทางประตูที่อยู่ซ้ายสุดของทั้งสามประตูนั้น
"เฮ้ๆเดี๋ยวนะจะว่าไป
พวกนายอยู่ที่นี่ตลอดเลยเหรอ
พวกนายไม่คิดจะหาทางออกจากที่นี่เลยรึไง!"
ผมที่กำลังฟังพวกเขาว่าใช้ชีวิตกันยังไงนั้น
ก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่มันขัดๆชอบกลขึ้นมา จนในที่สุดผมก็นึกออกว่ามันคืออะไร
"..........."
ผมเขาทั้งสองคนพอได้ฟังเรื่องที่ผมถามก็สะดุ้งขึ้นเล็กน้อย พลางมองหน้ากันอย่างเป็นกังวล
แล้วสุดาก็เดินมาทางผมกับขวัญข้าวที่กำลังรอฟังคำตอบจากพวกเขา
สุดามองหน้าพวกเราทั้งสองคนก่อนจะเอ่ยปากพูดขึ้น
"พวกพยายามมาตลอดแล้ว
แต่ก็หาวิธีออกจากที่นี่ไม่ได้เลย...." สุดาเดินเข้ามาแตะไหล่ผมกับขวัญข้าว พลางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดูสิ้นหวัง
"หา!เป็นไปไม่ได้หรอกน่า!" ผมอุทานขึ้นอย่างตกใจ
"อืม....ฉันก็คิดว่าเป็นไปไม่ได้หรอก
เพราะดูจากสถานที่นี้แสดงว่าต้องเคยมีคนทำงานอยู่ที่นี่....."
สุดาพูดค้างคาไว้ก่อนจะตัดสินใจเดินไปที่โต้ะยาวตัวนั้น เธอเอามือวางลงบนเอกสารพวกนั้น
พลางหันมามองผมกับขวัญข้าวเป็นนัยน์ว่าให้มาดูนี่สิประมาณนั้น
ตึก ตึก
".............."
ผมกับขวัญข้าวมองหน้ากันซักพัก
ก่อนจะตัดสินใจเดินไปตามสายตาเชิงชวนของสุดา พอพวกเราเดินมาถึงโต้ะยาวตัวนั้น
พวกเราทั้งคู่ก็มองเอกสารที่โต้ะตัวนั้นอย่างระเอียดถี่ถ้วน
"อ้ะ!เมฆนี่มัน...!"
ขวัญข้าวพอเห็นอะไรบางอย่างที่ดูจากรูปภาพแล้วเหมือนแผนผังหรืออะไรซักอย่างจึงพูดขึ้นมา
แล้วเธอก็รีบหยิบขึ้นมาดู
แต่ก่อนเธอจะพูดว่าสิ่งนี้คืออะไรก็โดนศักดิ์ที่นั่งอยู่ตรงประตูขัดขึ้นซะก่อน
"นั่นคือแผนที่ของชั้นใต้ดินทั้งหมดไงละ...."
ศักดิ์พูดโดยไม่ได้มองมาที่พวกเรา เขามองไปทางอื่นอย่างเหม่อลอย แล้วทำไมพวกเขาถึงคิดว่าไม่มีทางออกละ ในเมื่อมีแผนที่ของที่นี่อยู่ตรงนี้
"แปปนึงนะขวัญข้าว... แล้วไหนว่าไม่มีทางออกไงสุดา ก็นี่มันแผนที่นี่
แล้วที่ห้องที่อยู่ริมสุดนี่ก็คือทางออกไม่ใช่เหรอ!"
ผมหยิบกระดาษออกมาจากมือของขวัญข้าว
แล้วชูพร้อมใช้นิ้วของผมชี้ไปที่ห้องที่อยู่บนและมุมสุดของแผนที่นี้ ด้วยใบหน้าที่ต้องการคำตอบ ผมจ้องไปที่สุดาด้วยสายตาที่จริงจัง
"ใช่
ตอนแรกฉันก็คิดเหมือนนายแหละ....พวกเราจึงเดินตามแผนที่นี้ไปแต่พวกเราก็ไม่สามารถข้ามประตูนั่นได้"
สุดานั่งลงที่เก้าอี้ที่อยู่ข้างๆกับโต้ะตัวยาวนั้น
"ข้ามประตู...หมายความว่าไง?"
ผมเอียงคอถามอย่างสงสัย
สุดาพอฟังดังนั้นจึงถอนหายใจเล็กน้อย
ก่อนจะเดินมาทางผมที่กำลังมองแผนที่อย่างสงสัย
เธอดึงกระดาษออกจากมือของผมแล้วชี้ที่จุดนึงของแผนที่
"ตรงนี้....มีประตูเหล็กขวางกั้นไว้อยู่ คาดว่ามันจะเสียน่ะ
ด้านบนของประตูงอออกมาเล็กน้อยจนฉันคิดว่ามันน่าจะลอดไปได้"
"อ้าว! ถ้างั้นพวกเธอก็ปีนขึ้นไปสิ ง่ายจะตาย" ผมเลิกคิ้วใส่สุดา เพื่อจะบอกประมาณว่ามันยากตรงไหน
"มันไม่ง่ายหยั่งงั้นน่ะสิ
นายก็เห็นความสูงของชั้นนี้แล้วนี่มันสูงแค่ไหน.....แม้จะให้ต่อตัวถึง
2คนก็ไม่คิดว่าจะปีนถึงเลยด้วยซ้ำ"
สุดาบอกกับผมก่อนจะนั่งเท้าคางมองมาที่ผม
จะว่าไปเพดานของที่ชั้นใต้ดินนี่
ก็สูงมากจริงๆนั่นแหละ
"แสดงว่าพวกเราต้องหาอะไรเพื่อปีนขึ้นไปได้สินะ...!"
ขณะที่ผมกำลังปรึกษาวิธีเพื่อจะข้ามประตูนั่นกับสุดา
ขวัญข้าวก็ตะโกนเรียกผมขึ้นให้ไปดูอะไรบางอย่างที่โต้ะตัวนั้น
"เมฆมาดูนี่สิ!"
ขวัญข้าวตะโกนเรียกผม โดยสายตาของเธอยังไม่ละจากเอกสารบนโต้ะนั่น
"มีอะไรขวัญข้าวฉันกำลังคิดหาทางช่วยกับ....เอ้ะนี่มัน!"
" เอกสารการทดลอง...หมายเลข....001หรือว่า!"
"ใช่! นี่อาจจะเป็นเอกสารข้อมูลของ.......001
ที่เธอคิดว่าเป็นเดียร์ตอนนี้ยังไงละ"
ขวัญข้าวมองเอกสารนั่นพลางมองมาทางผมด้วยสายตาจริงจัง ในขณะที่สุดากับศักดิ์กำลังงุนงงกับประโยคของพวกเรา
" เยี่ยม....ที่นี้ก็จะได้รู้ซักทีว่า 001คือใครกันแน่....."
ผมหยิบเอกสารนั่นขึ้นมา
พลางมองด้วยแววตาแห่งความหวัง
จะได้รู้ว่าเดียร์คือ001จริงอย่างที่เธอพูดรึเปล่า หรือไม่ก็001เกี่ยวข้องอะไรกับเธอ และที่ผมอยากรู้001คือใครกันแน่.....
ทางด้านนึง
ชั้น 1
ห้องรับประทานอาหาร
" ขาน ริณ หวานได้ยินเปล่านี่พวกข้าเอง วัฒน์ไงละ!
ถ้าได้ยินช่วยเปิดประตูหน่อยขาน!"
แอ๊ด!
"กลับมาแล้วเหรอพวกนาย
รีบเข้ามาเร็วเข้า!"
ขานได้ยินดังนั้นจึงรีบวิ่งเข้ามาเปิดประตูให้
เมื่อแน่ชัดแล้วว่าเสียงๆนี้เป็นวัฒน์ไม่มีผิดแน่
"แฮ่ก แฮ่ก
โชคดีจังที่จำทางกลับได้แฮะเรา"
วัฒน์พูดขึ้นด้วยท่าทางเหนื่อยล้า ขานที่กำลังเอาที่กั้นและท่อเหล็กมาล็อคกั้นประตูดังเดิมนั้น
ก็หันมามองกลุ่มของวัฒน์เพราะรู้สึกว่ากลุ่มของเขาจะเพิ่มขึ้นจริงๆ
ทั้งวิยดา ข้าวต้ม นิด แป้ง แพร
และก็.....
"เดียร์....."
"หือ? ดีจ้ะขาน
เธอยังปลอดภัยอย่างที่วัฒน์กับเมฆบอกจริงด้วย^^"
ขานมองหน้าเธอ
แต่พอเธอพูดถึงชายคนนึงเข้าก็ทำให้เขาเอะใจขึ้นมา
ก่อนเขาจะถามสิ่งที่เขาสงสัยด้วยท่าทางที่ร้อนรนนั้นก็โดนริณพูดขัดขึ้น
ตึก ตึก!
"เดียร์! ดีจังเลยเธอปลอดภัยสินะT-T"
ริณพอเห็นเพื่อนสาวของเธอก็วิ่งเข้ามากอดทันที จนขานรู้สึกรำคาญเล็กน้อยก่อนจะมองหาคนพวกนั้นอีกรอบ
แล้วก็เป็นอย่างที่เขาคิด.....เขาหาพวกนั้นไม่เจอ
"เฮ้ยวัฒน์....แล้ว ไอ้ไทย ขวัญข้าวและเมฆละ....มันเกิดอะไรกันขึ้น"
ขานหันมาถามวัฒน์ที่พอได้ฟังเขาก็รู้สึกสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะกัดฟันกรอดพูดขึ้น จนทำให้สีหน้าในทุกคนในที่นี้ซีดเผือกทันที เมื่อย้อนกลับไปเมื่อเหตุการณ์ตอนนั้น
ทั้งความกลัวที่ได้เจอกับฆาตกรอำมหิตถือค้อนนั่นจนเกือบตาย
แต่........ที่พวกเขากำลังกลัวที่สุดในตอนนี้คือ
.......ความจริงที่ว่าพวกเขานั้น
เป็นคนส่งฆาตกรนั่นไปหาพวกเมฆที่ตกลงไปในกับดัก.......
"..........."
วัฒน์ถึงแม้จะไม่ได้เป็นคนทำ
เพราะคนที่ทำคือพวกนิด แป้ง แพร
ที่เห็นฟ้าใสกดกลไกในตอนนั้นจึงเลียนแบบเธอตอนที่ฆาตกรนั่นอยู่ตรงจุดเดียวกับเมฆ
ฟ้าใส และขวัญข้าวที่ตกลงไป
แต่เขาก็เป็นคนที่อยู่ในสถานการณ์นั้นด้วย และเขาก็รู้สึกผิดมากเพราะ.....
......เขาไม่ได้เอ่ยปากห้ามพวกนั้นเลย
ฮึ....แบบนี้ละ เวลาแบบนี้ละเหมาะที่สุดเลย
ความมืดกำลังครอบงำจิตใจของพวกนายทีละเล็กทีละน้อยแล้ว แม้แต่วัฒน์กับวิยดาก็เป็นไปด้วย แบบนี้หนทางที่ฉันจะเหลือรอดเป็นคนสุดท้ายแล้วออกจากที่นี่
ก็เป็นเรื่อง่ายนิดเดียวแล้ว.......เมฆ กับยัยฟ้าใสอะไรนั่นก็ไม่อยู่แล้ว
จะฆ่าพวกนี้ให้หมดก็ง่ายแสนง่ายแล้ว....
ในขณะที่พวกวัฒน์กำลังอ้ำอึ้งกับคำถามของขาน
ก็ได้มีความคิดในใจของเด็กสาวคนนึงผุดขึ้นมาท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดนั่น
เดียร์ที่กลับเข้ามารวมกลุ่มกับวัฒน์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ และไร้ข้อสงสัยใดๆ
กำลังวางแผนการที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นความคิดของเด็กสาวหน้าตาน่ารักคนนี้ได้เลย แผนการที่จะกำจัดทุกคน...
เด็กสาวที่กำลังยิ้มกริ่มด้วยรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์นั่น ตอนนั้นเธอไม่ได้รู้ตัวเลยว่า....
....มีชายคนนึงกำลังมองมาที่เธออย่างสงสัย
ขานมองมาที่รอยยิ้มนั่น
ด้วยท่าทีที่ฉงนใจในรอยยิ้มที่ดูอันตรายนั่น......
ความคิดเห็น