คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #38 : บทที่ 37 ยังไว้ใจ
บทที่ 37
ยังไว้ใจ
ชั้น 3
ห้องสมุดใหญ่
ตอนนี้เพื่อนๆส่วนใหญ่ก็หลับไปกันหมดแล้วโดยเฉพาะพวก3สาวกลุ่มข้าวต้ม
นิด แป้ง แพร และก็ยังมี วิยดา สายรุ้ง
ฟ้าใส ส่วนพวกวัฒน์ ฟ้าใส
เดียร์ที่ยังคงตื่นอยู่ได้เข้ามาถามผมกับขวัญข้าวว่าทำอะไรอยู่
เมื่อเห็นพวกเรากำลังทำท่าคุ้ยหาอะไรบางอย่างจากชั้นหนังสือพวกนี้
พอผมบอกพวกเขาไปพวกเขาก็สนใจแล้วก็เริ่มช่วยหาทันที
"อืม...เฮ้อ"
ขวัญข้าวที่ยืนอยู่ข้างผมถอนหายใจขึ้นมา ด้วยท่าทางงัวเงีย
" ไม่เห็นเจออะไรเลยเมฆ...."
ขวัญข้าวหันมาบอกผมพลางขยี้ตาไปด้วย
สงสัยเธอคงง่วงแล้วละมั้ง
"อืม ท่าไม่ไหวก็ไปนอนก่อนก็ได้นะขวัญข้าว"
ผมบอกเธอพลางเดินไปหยิบหนังสือในมือของเธอ
ไปเก็บที่ชั้นอย่างเก่า
"ไม่เป็นไรหรอก
ฉันยังไหวอยู่ไม่ต้องห่วง"
ขวัญข้าวยิ้มบอกเป็นเชิงนัยต์ แต่เธอก็พูดด้วยท่าทางยืนที่โซเซ สงสัยจะง่วงหนักแล้วละมั้งเนี่ย- -
ให้ตายสิไม่ไหวก็ยังฝืนอีก
ปึบ!
"โอ๊ย!"
"เธอง่วงแล้วนะไปนอนเถอะ
ไปนอนเอาแรงต่อเถอะตื่นขึ้นมาจะได้มีแรงไปหาพวกขาน" ผมเอาหนังสือเล่มนึงวางแตะลงบนหัวของเธอเบาๆ ก่อนจะนำมือกลับมากอดอกตัวเอง
"โถ่...ก็ได้"
ขวัญข้าวเกาหัวแกลกๆหลังจากโดนหนังสือเล่มบางตีที่หัวเบาๆ
จากนั้นเธอก็เดินโซเซกลับไปที่โซฟาที่วิยดากำลังนอนหลับปุ๋ยอยู่กับสายรุ้ง จากนั้นเธอก็เทตัวล้มนอนลงทันที แล้วก็หลับไป....ไหนบอกไม่ง่วงไง ล้มตัวปุ้บหลับปั๊บ-_-
"เมฆ"
จู่ๆวัฒน์ก็เดินมาจากด้านหลังผมแล้วก็เรียกผมขึ้นมา
ทำให้ผมที่กำลังมองขวัญข้าวอยู่นั้นหันกลับไปทางมัน ที่รู้สึกจะเรียกเพื่อบอกอะไรซักอย่าง
"มีอะไรวัฒน์?"
ผมถามวัฒน์ สงสัยวัฒน์ต้องมีเรื่องอะไรสำคัญแน่ๆถึงเดินมาพูดกับผมหลังจากที่ขวัญข้าวไปแล้ว
"ตกลงเป็นไงมั่งอาการของนาย" วัฒน์กอดอกถามขึ้นมา พลางเดินไปพิงกับชั้นหนังสือ
"อ๋อ...ก็เหมือนเดิมแหละ
ข้าคิดว่าสิ่งที่ข้ามีตอนนี้คือ...ความสามารถการฟังจากที่ไกล เซ้นรับรู้อันตราย อาการปวดหัวก็เหมือนเดิมมักจะมีผู้หญิงมาอยู่ในหัวฉันตลอดให้เห็นภาพหลอน
หรืออาจจะเป็นนิมิตอะไรซักอย่างนั่น
ฉันก็ไม่รู้เธอต้องการอะไรหรอกนะ
เพราะฟังไม่รู้เรื่องด้วย"
ผมบอกวัฒน์พลางทำหน้าเซงๆ
เมื่อคิดไปถึงคำพูดของผู้หญิงคนนั้น
"ฟังไม่รู้เรื่อง- -?" วัฒน์ทำหน้าสงสัย
"อ่อ ก็เพราะเธอคนนั้นดันเล่นพูดภาษาอังกฤษทั้งดุ้นเลยไง-
-"
ผมบอกวัฒน์ด้วยสีหน้าเซงๆอีกครั้ง
"ผู้หญิงคนนั้นเป็นฝรั่งสินะ....เฮ้อ นายนี่นะ
บอกแล้วคาบอังกฤษให้ตั้งใจเรียนไม่ยอมฟังก็เป็นแบบนี้ละ ถึงได้กากอังกฤษไง" วัฒน์ทำหน้าหน่ายๆใส่ผม
"อ่าวเฮ้ย-*-"
ผมขมวดคิ้วใส่มัน เมื่อรู้ว่าโดนด่าเข้าให้แล้ว
"เอาเถอะ เดี๋ยวข้าจะแปลให้ฟังละกัน
พอถึงตอนนั้นนายก็พูดสิ่งที่เธอพูดมาให้ดีๆละ"
"เฮ้ย แล้วนายจะไปไหนไม่มาช่วยฉันค้นหาหนังสือต่อแล้วเรอะ!"
วัฒน์ทำท่าเหมือนจะดึงเสื้อวัฒน์เมื่อเห็นมันกำลังเดินไปทางโซฟา
"ไปนอนเฟ้ย ตูก็ง่วงเป็นนะเอ็งก็ไปนอนได้แล้ว ห้องสมุดมันไม่มีเบาะแสอะไรหรอก
เบาะแสน่าจะอยู่ในที่ที่ลับกว่านี้เช่นห้องทำงานของเจ้าของคฤหาสถ์งี้ หรือห้องลับน่ะ ก็....ประมาณนั้นแหละไปและราตรีสวัสดิ์ เอ้อ!ถ้าอยากผลัดเวรเฝ้าไปผลัดกะไอ้ข้าวต้มนะ อย่าปลุกข้าละ" วัฒน์พูดจบก็เดินไปแล้วทิ้งลงตัวนอนอีกคน
แล้วมันถามซักคำมั๊ย
ว่าผมอยากเฝ้าเวรรึเปล่า-*-
ครืด...
"หือ?"
จู่ๆผมก็รู้สึกว่า
หนังสือด้านข้างผมถูกแยกออกจากกัน
ด้วยฝีมือใครบางคน
ผมหันไปมองคนที่อยู่อีกฝั่งของชั้นหนังสือที่ถูกเลื่อนออกนั่น ผมมองไปที่ใบหน้าที่ไร้เดียงสาของเด็กสาวตรงหน้าด้วยอาการเก้อเขิน เมื่อเห็นว่าเธอจ้องมาทางผม แล้วยิ้มให้
ด้วยรอยยิ้มเล็กๆนั่น
" ไงเมฆ^^"
เธอยิ้มให้ผมจากอีกฝั่งหนึ่งของชั้นแถวตู้หนังสือ
"ยังไม่ไปนอนอีกเหรอเดียร์-///-"
ผมจ้องไปที่เธอด้วยท่าทางปกติ
แต่ก็แอบใจเต้นเล็กๆเมื่อเห็นใบหน้าของเธอใกล้ๆขนาดนี้ผ่านช่องหนังสือที่แยกออกจากกัน เธอยิ้มมาทางผมก่อนจะจ้องผมด้วยสายตาเหมือนคิดอะไรอยู่ ด้วยดวงตากลมโตนั่นของเธอ แล้วเธอก็พูดขึ้นมา
"เมฆขอคุยอะไรด้วยหน่อยได้มั๊ย...."
"หา?"
จู่ๆเธอก็พูดขึ้น
เธอต้องการคุยกับผมงั้นเหรอ.....เรื่องอะไรกันนะ
"คุยเรื่องอะไรละว่ามาสิ
คุยจบก็รีบไปนอนซะนะ"
ผมบอกเธอก่อนจะทำท่าเดินไปหาเธอที่อีกฝั่ง
แต่เธอก็เดินสวนขึ้นมาเช่นกันและจับมือของผม ทำให้ผมตกใจมากอย่างไม่ทันตั้งตัว
"ไปคุยกันข้างนอก
ฉันกลัวพวกเขาได้ยินน่ะ^^"
"ดะ...เดี๋ยวสิO_O!"
เดียร์พูดจบก็จูงมือผมแล้วลากผมออกไปนอกห้องสมุด
โดยที่พวกคนอื่นๆก็ไม่เห็นพวกเราที่วิ่งออกไปนอกห้องแล้ว
แอ๊ด...
ตึก ตึก
เดียร์พาผมออกมาข้างนอกห้องสมุดที่มีพวกวัฒน์ ฟ้าใส
และกลุ่มของข้าวต้มหลับอยู่ข้างในนั้น
ตอนแรกผมนึกว่าเธอจะคุยกันหน้าห้องแต่...ไม่ใช่
เธอยังคงจูงผมเดินออกห่างจากห้องสมุดนั่นอย่างช้าๆ เธอเดินจูงผมไปข้างหน้า
ผมถ้าเป็นเมื่อก่อนคงใจเต้นแทบบ้าตายที่โดนผู้หญิงที่ตนแอบชอบมาตลอดมาเดินจูงมืออย่างนี้ แต่ตอนนี้ผมไม่ได้รู้สึกหยั่งงั้น
ผมรู้สึกเริ่มสงสัยเธอมากกว่าว่าเธอคิดจะพาผมไปไหน จะคุยเรื่องอะไร แล้วทำไมเธอยังคงเดินจูงผมต่อไปโดยไม่มีท่าทีจะหันมาพูดอะไรกับผมเลย
"เธอจะพาฉันไปไหนเนี่ยเดียร์?"
ผมถามเธอขึ้นอย่างสงสัย
ผลัดกับมองไปที่มือเล็กๆที่กำลังจับมืออันหยาบกร้านของผม
ตึก....
เดียร์หยุดเดินทันที
เมื่อจู่ๆผมก็พูดขึ้นมา
"เดียร์...."
".........."
ถามเรียกเธออีกครั้งจนเธอหันมามองด้วยสีหน้าที่ไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ ก่อนจะปล่อยมือผมแล้วเดินเข้ามาใกล้ผม
แล้วล้วงอะไรบางอย่างจากด้านหลังของผม..........เฮ้ยเดี๋ยวนั่นมัน!
ฟุบ!
"อ้ะ!"
".........ไปเจอมันที่ไหนเหรอเมฆ"
เดียร์ถามขึ้นพลางมองสิ่งที่หยิบออกมาจากกระเป๋ากางเกงผมด้วยสีหน้าที่ไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆอย่างเช่นเคย
เสียงในใจเธอเองผมก็ไม่ได้ยินเช่นเคยเหมือนเดิม ตอนนี้เธอกำลังจ้องโลหะตัวอักษร D ของเธออยู่
"....เอ่อ...."
"ตกลงเจอที่ไหนเหรอเมฆ..."
เดียร์ถามผมซ้ำอีกครั้งจนผมเริ่มที่กลัวๆที่จะบอกความจริงแล้วสิ ใช่ผมกลัวที่จะบอกความจริง...
"อ๋อ!เจอมันตกตอนที่เจอเธอพร้อมกับพวกธันที่ห้องสมุด ชั้น
2น่ะ
หลังจากนั้นฉันก็เก็บมาตลอดเลยละ
โทษทีนะ...ที่ไม่ได้คืน"
.....ผมก็เลยโกหกเธอ
ไม่รู้ทำไมผมถึงไม่กล้าที่จะพูดความจริงไป
ผมกำลังกลัวงั้นเหรอ
"งั้นเหรอขอบใจนะ^^"
เดียร์เงยหน้ามายิ้มให้ผม ทำให้ผมหายใจอย่างโล่งอก ที่เธอเข้าใจไปแบบนั้นแล้ว
"ตกลงเธอเรียกฉันออกมาเพื่อถามเรื่องนี้งั้นเหรอ?" ผมเลิกคิ้วใส่เธออย่างเกร็งๆ
"เปล่า"
เดียร์ส่ายหน้าเล็กน้อย
"แล้วเรื่องอะไรละที่จะคุย?"
ผมถามเธออย่างสงสัย โดยที่ความรู้สึกที่กลัวเธอจนต้องโกหกไปมะกี้ยังไม่หายไป.....แต่ผมจะกลัวเธอทำไมกันนะไม่เข้าใจเลยจริงๆ
ทั้งๆที่ผมเชื่อใจตัว้เองแล้วว่าเธอไม่ใช่คนร้ายจริงๆหรอก....ทำไมกันนะ
"คือ....จากนี้ไป
พวกเราหนีไปด้วยกันได้มั๊ย..."
"เอ๋!"
เดี๋ยวๆ
จู่ๆเดียร์พูดอะไรของเธอออกมาเนี่ย ผมฟังอะไรผิดรึเปล่า
"เดี๋ยวๆเธอพูดล้อเล่นอะไรเนี่ยฉันไม่ตลกนะ" ผมถามเธออย่างร้อนรนด้วยท่าทางที่ตื่นตระหนก
"ฉันไม่ได้ล้อเล่น
ฉันพูดจริง..." เดียร์มองมาที่ผมด้วยสายตาที่จริงจัง
"ทำไม..."
ผมมองไปที่เธออย่างต้องการคำตอบ ว่าอะไร และทำไมเธอถึงต้องการแบบนี้ ทำไมต้องหนีออกจากทุกคน ทำไมต้องป็นผมที่ต้องไปกับเธอ
"ฉันกลัว..."
"กลัว?"
"ใช่...."
"เธอกลัวเรื่องอะไรฉันไม่เข้าใจ
อยู่กันหลายคนมีอะไรต้องกลัวอีก
แล้วจะหนีจากพวกเขาทำไม
และทำไมต้องไปกับฉัน
ฉันไม่เข้าใจ"
ผมถามเธอเป็นชุดพลางจับไหล่ของเธอไว้แน่น
"กลัวว่าพวกเขาจะเข้าใจผิดแล้วทำร้ายฉันน่ะ....ถ้าเรื่องมันแดงขึ้นมา"
"เรื่องอะไร?"
ผมถามเธออีกครั้งเมื่อยังไม่เข้าใจคำตอบของเธอ
"เรื่องที่อักษรที่ห้อยคอของฉันไปตกในมือกฤตไงละ...."
เธอจ้องมาทางผม
ทำให้ผมสะดุ้งแล้วเผลอถอยหลังเล็กน้อย
เพราะตอนนั้เธอรู้แล้วว่าผมโกหก
" ฉันรู้แล้วละว่าเธอรู้แล้ว
ฉันเห็นตอนที่เธอหยิบมันออกมาจากมือของกฤตพอดี.....แต่ฉันไม่ได้ทำจริงๆนะฉันสาบานได้ มันหายตอนไหนฉันยังไม่รู้เลย และจู่ๆทำไมถึงไปอยู่ในมือกฤตก็ไม่รู้!!!"
เธอเอามือสองข้างกุมขมับตัวเอง พร้อมกำลังทำท่ากระวนกระวายและไม่รู้ว่าควรทำไงดี
เธอเหมือนทำท่าจะร้องไห้ได้ตลอดเวลาเพราะความกลัวที่อาจจะโดนเข้าใจผิด
"เมฆเธอเชื่อฉันสินะ
ไม่งั้นเธอคงไม่โกหกว่าเจอมันที่ห้องสมุดนั่นหรอก เธอเชื่อใจฉันใช่มั๊ยเมฆ!"
เดียร์เข้ามาบีบไหล่ผมทั้งน้ำตา ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสารเธอจริงๆ
แต่ก็โล่งอกไปในตัวเพราะเธอคงไม่ใช่ฆาตกรหรอกพอมาคิดดีๆแล้วคนแบบเธอเนี่ยนะจะฆ่าใครได้ แถมถ้าเป็นฆาตกรจริงๆคงฆ่าผมปิดปากไปแล้ว
แต่ยังไงผมก็ไม่คิดสงสัยผู้หญิงที่ตัวเองรักแต่แรกอยู่แล้วละนะ.....
"ฉันเชื่อเธอเดียร์....แต่ว่าจะให้หนีจากพวกเขาไปนั้นคงไม่ได้หรอกนะพวกเราไม่ควรทิ้งพวกเขาไป"
"ไม่ ไม่ ขอร้องละแค่เธอไปกับฉันก็พอฉันรู้แล้วว่ามีใครคนหนึ่งในพวกเขาก็รู้เรื่องที่เธอเจอหลักฐานสร้อยคอของฉันแล้ว เขาต้องคิดว่าฉันเป็นคนร้ายไปแล้วแน่ๆเลย"
เดียร์ตะโกนขอร้องผมทั้งน้ำตา แต่อาการร้อนรนที่ผมไม่เคยเห็นของเธอนั้น
ทำให้ผมรู้สึกสงสัยในความไม่เป็นธรรมชาตินั้นเลย หรือผมคิดไปเอง เธอกำลังกลัวจริงๆสินะ.......
" เธออย่าเพิ่งคิดไปเองสิ
เดี๋ยวฉันจะอธิบายเรื่องสร้อยคอนั่นให้พวกเขาฟังเอง พวกเขาต้องเข้าใจแน่ๆเชื่อฉันสิ"
ผมพยายามบอกเธอให้ใจเย็นลง
แล้วคิดให้รอบคอบก่อนจะทำอะไร
เพราะผมคิดว่ายังไงพวกนั้นก็ต้องรับฟังอย่างมีเหตุผลอยู่แล้ว
ขนาดเรื่องของฟ้าใสพวกเรายังคุยกันรู้เรื่องได้เลย
".............ตกลงเธอจะไม่ยอมไปด้วยใช่มั๊ย"
จู่ๆเดียร์ก็เปลี่ยนน้ำเสียงทันทีจนผมแปลกใจ เมื่อน้ำเสียงของเธอดูเบาลง
"ชิ....ฉันกะจะให้นายมีชีวิตรอดต่อไป
เพื่อความสนุกของฉันซะหน่อย แต่ก็ช่างเถอะทุกอย่างยัไงก็ต้องจบลงซักวัน....
....แค่มันเร็วขึ้นก็เท่านั้น..."
เดียร์เงยหน้ามามองผมด้วยสายตาที่ไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ มีแต่ผมที่กำลังช๊อคและงุนงง กับคำพูดของเธอ เพราะสิ่งที่เธอพูดออกมาเหมือนไม่ใช่เธอเลย
"เดี๋ยวเธอหมายความว่าไงเดียร์ฉันไม่เข้าใจ!"
ฉึก!
"เอ้ะ!"
ขณะที่ผมกำลังจะยื่นมือไปแตะไหล่เธอ
เพื่อจะถามในสิ่งที่เธอพูด
แต่จู่ๆเธอก็ล้วงอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วนำสิ่งนั้นมาแทงที่คอของผม
"นี่มัน....เข็มฉีดยางั้นเหรอ....ทะ...เธอทำแบบนี้...ทำไม"
ผมหลังจากโดนเข็มฉีดยาฉีดเข้าไปที่ลำคอนั่น ก็เริ่มรู้สึกไร้เรี่ยแรง ผมค่อยๆทรุดลงกับพื้น
พร้อมมองเข็มฉีดยาที่เธอดึงออกไปว่าเข็มฉีดยานั่นและยาข้างในมันกำลังทำอะไรกับร่างกายของผม
ตกลงที่ผมเห็นว่าเธอหยิบอะไรที่ห้องพยาบาลในตอนนั้น....คือสิ่งนี้นี่เองเรอะ...
"ทำไมน่ะเหรอ เพื่อเอาชีวิตรอดออกจากที่นี่ไงละ สิ่งที่พวกนักทดลองมนุษย์พวกนั้นต้องการนายยังไม่รู้อีกเหรอว่าพวกเขาต้องการอะไรจากพวกเรา" เดียร์นั่งยองมองหน้าผมอย่างยิ้มแย้ม
"ตะ...ต้องการอะไร.."
ผมที่เริ่มตาพร่าขึ้นทุกที
ถามเธออย่างเสียงสั่นๆ
พร้อมสายตาที่เริ่มชิงชังกับเด็กสาวตรงหน้านี้ แม่เธอจะเป็นเด็กสาวที่ผมชอบก็ตามที
แต่ผมแค่รู้แค่ว่าตอนนี้ควรรู้สึกยังไงกับการกระทำของเธอ
"ต้องการคนที่รอดชีวิตจากที่นี่ไงละ เพียงคนเดียวเท่านั้น..."
เดียรพูดขึ้นแล้วเหมือนนึกอะไรบางอย่างได้ขึ้นออกมา จึงพูดต่อ
" อ้อ!ไม่ได้หมายถึงคนธรรมดาอย่างพวกวัฒน์นะ หมายถึงพวกหนูทดลองแบบพวกเราไงละ^^"
"นะ....หนูทดลองแบบพวกเรา....ดะ...เดี๋ยวนะ...เธอเป็นใครกันแน่" ผมถามด้วยดวงตาที่เบิกตาโพลงต่อคำพูดนั้น
ขณะเดียวกันร่างกายก็เริ่มจะทรุดลงกับพื้นเรื่อยๆ
"ฉัน....ก็เป็นเหมือนเธอไงละ หนูทดลอง 001 คือฉันเอง^^" เดียร์ยิ้มด้วยใบหน้าที่ไร้เดียงสา ผิดกับคำพูดของเธอ
"มะ....ไม่จริง...เธอกำลังล้อเล่นใช่มั๊ยเดียร์" ผมพยายามยื่นมือไปมาเด็กสาวที่ผมรัก
เพื่อหวังว่าเธอจะจับมือผมแล้วบอกผมว่าล้อเล่น ผมต้องการให้เธอพูดแบบนั้น พูดแบบนั้นจริงๆ.... ได้โปรดเถอะช่วยพูดทีเดียร์
ฟุบ!
"เอาละถ้างั้นก็ลากันตรงนี้แหละนะเมฆ.....น่าเสียดายจริงๆเพราะเธอรักฉันแท้ๆเลยตกหลุมพลางล่อออกมาง่ายขนาดนี้ เลยไม่สนุกเท่าไรเลย....หือ?มาแล้วสินะ"
เดียร์ลุกขึ้นและหันหลังใหผมก่อนจะมองไปยังอะไรบางอย่างที่กำลังเดินมาข้างหน้า ซึ่งสิ่งนั้นไม่ห่างจากพวกเรานัก ผมมองด้วยตาพร่า แต่ก็ยังเห็นเป็นเค้าๆลางๆ
ฆาตกรถือค้อน!
" ไปนะเมฆลาก่อน..."
เดียร์พูดจบเธอก็เดินไปที่กำแพง แล้วแตะมัน
กำแพงนั่นก็หมุนพลิกเหมือนประตู...มันคือกลไกที่ซ่อนไว้นั่นเอง เธอรู้ได้ยังไงกัน...
ตึก ตึก
"..........อึก.."
แย่แล้วมันกำลังใกล้เข้ามาแล้ว แบบนี้เราต้องโดนมันฆ่าแน่เลย ต้องทำอะไรซักอย่าง...ต้องทำอะไรซักอย่าง
สิ่งที่เธอฉีดเข้าคอผมคือยานอนหลับงั้นเหรอ เพราะผมเริ่มที่จะปิดตาลงเรื่อยๆแล้วสิ แรงก็เริ่มหมดหายไป
ผมจะต้องตายอยู่ที่นี่งั้นเหรอ.....
ทำไมเรื่องแบบนี้ต้องเกิดขึ้นกับเราด้วยนะ...
นี่เราเสียทั้งครอบครัว....เพื่อการทดลองบ้าๆนั่น
โดนคนที่คิดว่าเป็นครอบครัวหักหลัง....มาตลอด
แถมตอนนี้ก็ยังโดนคนที่ตัวเองแอบรักมาตลอด หลอกมาฆ่า.....
"มะ...ไม่เหลืออะไรแล้ว..." ผมหลับตาลงทั้งน้ำตา แล้วก็รอยอมรับชะตากรรมตรงหน้า
แต่ว่า....
"เมฆ!!"
เสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้น
พร้อมกับเสียงฝีเท้าของฆาตกรถือค้อนตรงหน้าวิ่งเข้ามาเช่นกัน
" เฮ้ยไอ้ฆาตกรถือค้อน!
เดี๋ยวฟ้าใสอย่าไปทางนั้น!!"
ผมตอนนี้มองไม่เห็นอะไรแล้วได้ยินแต่เสียงที่เลือนลางของใครบางคน แต่ผมก็รู้สึกได้ว่ามีคนกำลังประคองผมอยู่
"ชิ! ไม่ทันแล้วสินะ
ต้องใช้วิธีนี้สินะ..."
ปึบ!
พรึ่บ!!
"ฟ้าใส!!!"
ผมตอนนั้นไม่รู้เลยว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นรอบๆตัวผม
แต่ผมรู้สึกได้ว่าเหมือนผมกำลังตกลงสู่เบื้องล่างยังไงหยั่งงั้น
.............................................
ความคิดเห็น