ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ALIVE or DEAD

    ลำดับตอนที่ #38 : บทที่ 37 ยังไว้ใจ

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 172
      1
      27 มิ.ย. 58

    บทที่ 37  ยังไว้ใจ

    ชั้น 3

    ห้องสมุดใหญ่

    ตอนนี้เพื่อนๆส่วนใหญ่ก็หลับไปกันหมดแล้วโดยเฉพาะพวก3สาวกลุ่มข้าวต้ม นิด แป้ง แพร และก็ยังมี วิยดา สายรุ้ง  ฟ้าใส  ส่วนพวกวัฒน์  ฟ้าใส   เดียร์ที่ยังคงตื่นอยู่ได้เข้ามาถามผมกับขวัญข้าวว่าทำอะไรอยู่  เมื่อเห็นพวกเรากำลังทำท่าคุ้ยหาอะไรบางอย่างจากชั้นหนังสือพวกนี้   พอผมบอกพวกเขาไปพวกเขาก็สนใจแล้วก็เริ่มช่วยหาทันที

    "อืม...เฮ้อ" 

     ขวัญข้าวที่ยืนอยู่ข้างผมถอนหายใจขึ้นมา   ด้วยท่าทางงัวเงีย

     

    " ไม่เห็นเจออะไรเลยเมฆ...."

       ขวัญข้าวหันมาบอกผมพลางขยี้ตาไปด้วย  สงสัยเธอคงง่วงแล้วละมั้ง

    "อืม ท่าไม่ไหวก็ไปนอนก่อนก็ได้นะขวัญข้าว"     ผมบอกเธอพลางเดินไปหยิบหนังสือในมือของเธอ  ไปเก็บที่ชั้นอย่างเก่า

     

    "ไม่เป็นไรหรอก  ฉันยังไหวอยู่ไม่ต้องห่วง" 

     ขวัญข้าวยิ้มบอกเป็นเชิงนัยต์  แต่เธอก็พูดด้วยท่าทางยืนที่โซเซ   สงสัยจะง่วงหนักแล้วละมั้งเนี่ย- - 

    ให้ตายสิไม่ไหวก็ยังฝืนอีก

    ปึบ!

    "โอ๊ย!"

    "เธอง่วงแล้วนะไปนอนเถอะ  ไปนอนเอาแรงต่อเถอะตื่นขึ้นมาจะได้มีแรงไปหาพวกขาน"    ผมเอาหนังสือเล่มนึงวางแตะลงบนหัวของเธอเบาๆ  ก่อนจะนำมือกลับมากอดอกตัวเอง

    "โถ่...ก็ได้"  

    ขวัญข้าวเกาหัวแกลกๆหลังจากโดนหนังสือเล่มบางตีที่หัวเบาๆ  จากนั้นเธอก็เดินโซเซกลับไปที่โซฟาที่วิยดากำลังนอนหลับปุ๋ยอยู่กับสายรุ้ง  จากนั้นเธอก็เทตัวล้มนอนลงทันที  แล้วก็หลับไป....ไหนบอกไม่ง่วงไง  ล้มตัวปุ้บหลับปั๊บ-_-

     

    "เมฆ" 

    จู่ๆวัฒน์ก็เดินมาจากด้านหลังผมแล้วก็เรียกผมขึ้นมา  ทำให้ผมที่กำลังมองขวัญข้าวอยู่นั้นหันกลับไปทางมัน   ที่รู้สึกจะเรียกเพื่อบอกอะไรซักอย่าง

    "มีอะไรวัฒน์?

     ผมถามวัฒน์  สงสัยวัฒน์ต้องมีเรื่องอะไรสำคัญแน่ๆถึงเดินมาพูดกับผมหลังจากที่ขวัญข้าวไปแล้ว

    "ตกลงเป็นไงมั่งอาการของนาย"   วัฒน์กอดอกถามขึ้นมา  พลางเดินไปพิงกับชั้นหนังสือ

    "อ๋อ...ก็เหมือนเดิมแหละ  ข้าคิดว่าสิ่งที่ข้ามีตอนนี้คือ...ความสามารถการฟังจากที่ไกล  เซ้นรับรู้อันตราย  อาการปวดหัวก็เหมือนเดิมมักจะมีผู้หญิงมาอยู่ในหัวฉันตลอดให้เห็นภาพหลอน หรืออาจจะเป็นนิมิตอะไรซักอย่างนั่น   ฉันก็ไม่รู้เธอต้องการอะไรหรอกนะ  เพราะฟังไม่รู้เรื่องด้วย"   ผมบอกวัฒน์พลางทำหน้าเซงๆ  เมื่อคิดไปถึงคำพูดของผู้หญิงคนนั้น

     

    "ฟังไม่รู้เรื่อง- -?"  วัฒน์ทำหน้าสงสัย 

    "อ่อ ก็เพราะเธอคนนั้นดันเล่นพูดภาษาอังกฤษทั้งดุ้นเลยไง- -"   ผมบอกวัฒน์ด้วยสีหน้าเซงๆอีกครั้ง

    "ผู้หญิงคนนั้นเป็นฝรั่งสินะ....เฮ้อ นายนี่นะ บอกแล้วคาบอังกฤษให้ตั้งใจเรียนไม่ยอมฟังก็เป็นแบบนี้ละ  ถึงได้กากอังกฤษไง"  วัฒน์ทำหน้าหน่ายๆใส่ผม

    "อ่าวเฮ้ย-*-"

      ผมขมวดคิ้วใส่มัน   เมื่อรู้ว่าโดนด่าเข้าให้แล้ว

     

    "เอาเถอะ เดี๋ยวข้าจะแปลให้ฟังละกัน  พอถึงตอนนั้นนายก็พูดสิ่งที่เธอพูดมาให้ดีๆละ"  

    "เฮ้ย แล้วนายจะไปไหนไม่มาช่วยฉันค้นหาหนังสือต่อแล้วเรอะ!"  วัฒน์ทำท่าเหมือนจะดึงเสื้อวัฒน์เมื่อเห็นมันกำลังเดินไปทางโซฟา

    "ไปนอนเฟ้ย ตูก็ง่วงเป็นนะเอ็งก็ไปนอนได้แล้ว  ห้องสมุดมันไม่มีเบาะแสอะไรหรอก   เบาะแสน่าจะอยู่ในที่ที่ลับกว่านี้เช่นห้องทำงานของเจ้าของคฤหาสถ์งี้  หรือห้องลับน่ะ  ก็....ประมาณนั้นแหละไปและราตรีสวัสดิ์ เอ้อ!ถ้าอยากผลัดเวรเฝ้าไปผลัดกะไอ้ข้าวต้มนะ  อย่าปลุกข้าละ"  วัฒน์พูดจบก็เดินไปแล้วทิ้งลงตัวนอนอีกคน

    แล้วมันถามซักคำมั๊ย  ว่าผมอยากเฝ้าเวรรึเปล่า-*-

    ครืด...

    "หือ?"

    จู่ๆผมก็รู้สึกว่า  หนังสือด้านข้างผมถูกแยกออกจากกัน  ด้วยฝีมือใครบางคน   ผมหันไปมองคนที่อยู่อีกฝั่งของชั้นหนังสือที่ถูกเลื่อนออกนั่น  ผมมองไปที่ใบหน้าที่ไร้เดียงสาของเด็กสาวตรงหน้าด้วยอาการเก้อเขิน   เมื่อเห็นว่าเธอจ้องมาทางผม  แล้วยิ้มให้  ด้วยรอยยิ้มเล็กๆนั่น

    " ไงเมฆ^^

     เธอยิ้มให้ผมจากอีกฝั่งหนึ่งของชั้นแถวตู้หนังสือ 

    "ยังไม่ไปนอนอีกเหรอเดียร์-///-" 

      ผมจ้องไปที่เธอด้วยท่าทางปกติ    แต่ก็แอบใจเต้นเล็กๆเมื่อเห็นใบหน้าของเธอใกล้ๆขนาดนี้ผ่านช่องหนังสือที่แยกออกจากกัน  เธอยิ้มมาทางผมก่อนจะจ้องผมด้วยสายตาเหมือนคิดอะไรอยู่  ด้วยดวงตากลมโตนั่นของเธอ  แล้วเธอก็พูดขึ้นมา

    "เมฆขอคุยอะไรด้วยหน่อยได้มั๊ย...."

    "หา?"

    จู่ๆเธอก็พูดขึ้น  เธอต้องการคุยกับผมงั้นเหรอ.....เรื่องอะไรกันนะ

     

    "คุยเรื่องอะไรละว่ามาสิ  คุยจบก็รีบไปนอนซะนะ"

      ผมบอกเธอก่อนจะทำท่าเดินไปหาเธอที่อีกฝั่ง   แต่เธอก็เดินสวนขึ้นมาเช่นกันและจับมือของผม  ทำให้ผมตกใจมากอย่างไม่ทันตั้งตัว

    "ไปคุยกันข้างนอก  ฉันกลัวพวกเขาได้ยินน่ะ^^"

    "ดะ...เดี๋ยวสิO_O!"

     

       เดียร์พูดจบก็จูงมือผมแล้วลากผมออกไปนอกห้องสมุด  โดยที่พวกคนอื่นๆก็ไม่เห็นพวกเราที่วิ่งออกไปนอกห้องแล้ว

    แอ๊ด...

    ตึก ตึก

    เดียร์พาผมออกมาข้างนอกห้องสมุดที่มีพวกวัฒน์ ฟ้าใส และกลุ่มของข้าวต้มหลับอยู่ข้างในนั้น   ตอนแรกผมนึกว่าเธอจะคุยกันหน้าห้องแต่...ไม่ใช่

    เธอยังคงจูงผมเดินออกห่างจากห้องสมุดนั่นอย่างช้าๆ   เธอเดินจูงผมไปข้างหน้า  ผมถ้าเป็นเมื่อก่อนคงใจเต้นแทบบ้าตายที่โดนผู้หญิงที่ตนแอบชอบมาตลอดมาเดินจูงมืออย่างนี้  แต่ตอนนี้ผมไม่ได้รู้สึกหยั่งงั้น

    ผมรู้สึกเริ่มสงสัยเธอมากกว่าว่าเธอคิดจะพาผมไปไหน  จะคุยเรื่องอะไร  แล้วทำไมเธอยังคงเดินจูงผมต่อไปโดยไม่มีท่าทีจะหันมาพูดอะไรกับผมเลย

    "เธอจะพาฉันไปไหนเนี่ยเดียร์?"

      ผมถามเธอขึ้นอย่างสงสัย  ผลัดกับมองไปที่มือเล็กๆที่กำลังจับมืออันหยาบกร้านของผม 

    ตึก....

    เดียร์หยุดเดินทันที  เมื่อจู่ๆผมก็พูดขึ้นมา

    "เดียร์...."

    ".........."

    ถามเรียกเธออีกครั้งจนเธอหันมามองด้วยสีหน้าที่ไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ   ก่อนจะปล่อยมือผมแล้วเดินเข้ามาใกล้ผม   แล้วล้วงอะไรบางอย่างจากด้านหลังของผม..........เฮ้ยเดี๋ยวนั่นมัน!

    ฟุบ!

    "อ้ะ!"

    ".........ไปเจอมันที่ไหนเหรอเมฆ"

      เดียร์ถามขึ้นพลางมองสิ่งที่หยิบออกมาจากกระเป๋ากางเกงผมด้วยสีหน้าที่ไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆอย่างเช่นเคย  เสียงในใจเธอเองผมก็ไม่ได้ยินเช่นเคยเหมือนเดิม   ตอนนี้เธอกำลังจ้องโลหะตัวอักษร D ของเธออยู่

    "....เอ่อ...."

    "ตกลงเจอที่ไหนเหรอเมฆ..."

     เดียร์ถามผมซ้ำอีกครั้งจนผมเริ่มที่กลัวๆที่จะบอกความจริงแล้วสิ  ใช่ผมกลัวที่จะบอกความจริง...

    "อ๋อ!เจอมันตกตอนที่เจอเธอพร้อมกับพวกธันที่ห้องสมุด ชั้น 2น่ะ   หลังจากนั้นฉันก็เก็บมาตลอดเลยละ  โทษทีนะ...ที่ไม่ได้คืน"   .....ผมก็เลยโกหกเธอ  ไม่รู้ทำไมผมถึงไม่กล้าที่จะพูดความจริงไป  ผมกำลังกลัวงั้นเหรอ

    "งั้นเหรอขอบใจนะ^^"

     เดียร์เงยหน้ามายิ้มให้ผม  ทำให้ผมหายใจอย่างโล่งอก   ที่เธอเข้าใจไปแบบนั้นแล้ว 

    "ตกลงเธอเรียกฉันออกมาเพื่อถามเรื่องนี้งั้นเหรอ?"  ผมเลิกคิ้วใส่เธออย่างเกร็งๆ

    "เปล่า"   เดียร์ส่ายหน้าเล็กน้อย 

    "แล้วเรื่องอะไรละที่จะคุย?

     ผมถามเธออย่างสงสัย  โดยที่ความรู้สึกที่กลัวเธอจนต้องโกหกไปมะกี้ยังไม่หายไป.....แต่ผมจะกลัวเธอทำไมกันนะไม่เข้าใจเลยจริงๆ  ทั้งๆที่ผมเชื่อใจตัว้เองแล้วว่าเธอไม่ใช่คนร้ายจริงๆหรอก....ทำไมกันนะ

    "คือ....จากนี้ไป  พวกเราหนีไปด้วยกันได้มั๊ย..."

    "เอ๋!"

    เดี๋ยวๆ  จู่ๆเดียร์พูดอะไรของเธอออกมาเนี่ย  ผมฟังอะไรผิดรึเปล่า

    "เดี๋ยวๆเธอพูดล้อเล่นอะไรเนี่ยฉันไม่ตลกนะ"   ผมถามเธออย่างร้อนรนด้วยท่าทางที่ตื่นตระหนก

    "ฉันไม่ได้ล้อเล่น  ฉันพูดจริง..." เดียร์มองมาที่ผมด้วยสายตาที่จริงจัง

    "ทำไม..."

     ผมมองไปที่เธออย่างต้องการคำตอบ  ว่าอะไร และทำไมเธอถึงต้องการแบบนี้  ทำไมต้องหนีออกจากทุกคน  ทำไมต้องป็นผมที่ต้องไปกับเธอ

    "ฉันกลัว..."

    "กลัว?"

    "ใช่...."

    "เธอกลัวเรื่องอะไรฉันไม่เข้าใจ  อยู่กันหลายคนมีอะไรต้องกลัวอีก  แล้วจะหนีจากพวกเขาทำไม  และทำไมต้องไปกับฉัน  ฉันไม่เข้าใจ"  ผมถามเธอเป็นชุดพลางจับไหล่ของเธอไว้แน่น

    "กลัวว่าพวกเขาจะเข้าใจผิดแล้วทำร้ายฉันน่ะ....ถ้าเรื่องมันแดงขึ้นมา"  

    "เรื่องอะไร?"   ผมถามเธออีกครั้งเมื่อยังไม่เข้าใจคำตอบของเธอ 

    "เรื่องที่อักษรที่ห้อยคอของฉันไปตกในมือกฤตไงละ...." 

    เธอจ้องมาทางผม  ทำให้ผมสะดุ้งแล้วเผลอถอยหลังเล็กน้อย  เพราะตอนนั้เธอรู้แล้วว่าผมโกหก

     

    " ฉันรู้แล้วละว่าเธอรู้แล้ว   ฉันเห็นตอนที่เธอหยิบมันออกมาจากมือของกฤตพอดี.....แต่ฉันไม่ได้ทำจริงๆนะฉันสาบานได้  มันหายตอนไหนฉันยังไม่รู้เลย  และจู่ๆทำไมถึงไปอยู่ในมือกฤตก็ไม่รู้!!!

     เธอเอามือสองข้างกุมขมับตัวเอง  พร้อมกำลังทำท่ากระวนกระวายและไม่รู้ว่าควรทำไงดี  เธอเหมือนทำท่าจะร้องไห้ได้ตลอดเวลาเพราะความกลัวที่อาจจะโดนเข้าใจผิด

     

    "เมฆเธอเชื่อฉันสินะ  ไม่งั้นเธอคงไม่โกหกว่าเจอมันที่ห้องสมุดนั่นหรอก  เธอเชื่อใจฉันใช่มั๊ยเมฆ!"

     เดียร์เข้ามาบีบไหล่ผมทั้งน้ำตา  ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสารเธอจริงๆ  แต่ก็โล่งอกไปในตัวเพราะเธอคงไม่ใช่ฆาตกรหรอกพอมาคิดดีๆแล้วคนแบบเธอเนี่ยนะจะฆ่าใครได้   แถมถ้าเป็นฆาตกรจริงๆคงฆ่าผมปิดปากไปแล้ว

    แต่ยังไงผมก็ไม่คิดสงสัยผู้หญิงที่ตัวเองรักแต่แรกอยู่แล้วละนะ.....

     

    "ฉันเชื่อเธอเดียร์....แต่ว่าจะให้หนีจากพวกเขาไปนั้นคงไม่ได้หรอกนะพวกเราไม่ควรทิ้งพวกเขาไป"

    "ไม่ ไม่ ขอร้องละแค่เธอไปกับฉันก็พอฉันรู้แล้วว่ามีใครคนหนึ่งในพวกเขาก็รู้เรื่องที่เธอเจอหลักฐานสร้อยคอของฉันแล้ว  เขาต้องคิดว่าฉันเป็นคนร้ายไปแล้วแน่ๆเลย"

     เดียร์ตะโกนขอร้องผมทั้งน้ำตา   แต่อาการร้อนรนที่ผมไม่เคยเห็นของเธอนั้น  ทำให้ผมรู้สึกสงสัยในความไม่เป็นธรรมชาตินั้นเลย  หรือผมคิดไปเอง  เธอกำลังกลัวจริงๆสินะ.......

    " เธออย่าเพิ่งคิดไปเองสิ  เดี๋ยวฉันจะอธิบายเรื่องสร้อยคอนั่นให้พวกเขาฟังเอง  พวกเขาต้องเข้าใจแน่ๆเชื่อฉันสิ"

      ผมพยายามบอกเธอให้ใจเย็นลง  แล้วคิดให้รอบคอบก่อนจะทำอะไร  เพราะผมคิดว่ายังไงพวกนั้นก็ต้องรับฟังอย่างมีเหตุผลอยู่แล้ว  ขนาดเรื่องของฟ้าใสพวกเรายังคุยกันรู้เรื่องได้เลย

     

     

    ".............ตกลงเธอจะไม่ยอมไปด้วยใช่มั๊ย"  

     

    จู่ๆเดียร์ก็เปลี่ยนน้ำเสียงทันทีจนผมแปลกใจ  เมื่อน้ำเสียงของเธอดูเบาลง

     

    "ชิ....ฉันกะจะให้นายมีชีวิตรอดต่อไป เพื่อความสนุกของฉันซะหน่อย  แต่ก็ช่างเถอะทุกอย่างยัไงก็ต้องจบลงซักวัน....

    ....แค่มันเร็วขึ้นก็เท่านั้น..."

      เดียร์เงยหน้ามามองผมด้วยสายตาที่ไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ  มีแต่ผมที่กำลังช๊อคและงุนงง  กับคำพูดของเธอ  เพราะสิ่งที่เธอพูดออกมาเหมือนไม่ใช่เธอเลย

    "เดี๋ยวเธอหมายความว่าไงเดียร์ฉันไม่เข้าใจ!"

    ฉึก!

    "เอ้ะ!"

    ขณะที่ผมกำลังจะยื่นมือไปแตะไหล่เธอ  เพื่อจะถามในสิ่งที่เธอพูด   แต่จู่ๆเธอก็ล้วงอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วนำสิ่งนั้นมาแทงที่คอของผม

    "นี่มัน....เข็มฉีดยางั้นเหรอ....ทะ...เธอทำแบบนี้...ทำไม"

       ผมหลังจากโดนเข็มฉีดยาฉีดเข้าไปที่ลำคอนั่น  ก็เริ่มรู้สึกไร้เรี่ยแรง  ผมค่อยๆทรุดลงกับพื้น  พร้อมมองเข็มฉีดยาที่เธอดึงออกไปว่าเข็มฉีดยานั่นและยาข้างในมันกำลังทำอะไรกับร่างกายของผม

    ตกลงที่ผมเห็นว่าเธอหยิบอะไรที่ห้องพยาบาลในตอนนั้น....คือสิ่งนี้นี่เองเรอะ...

    "ทำไมน่ะเหรอ  เพื่อเอาชีวิตรอดออกจากที่นี่ไงละ  สิ่งที่พวกนักทดลองมนุษย์พวกนั้นต้องการนายยังไม่รู้อีกเหรอว่าพวกเขาต้องการอะไรจากพวกเรา"  เดียร์นั่งยองมองหน้าผมอย่างยิ้มแย้ม

    "ตะ...ต้องการอะไร.."

      ผมที่เริ่มตาพร่าขึ้นทุกที  ถามเธออย่างเสียงสั่นๆ  พร้อมสายตาที่เริ่มชิงชังกับเด็กสาวตรงหน้านี้  แม่เธอจะเป็นเด็กสาวที่ผมชอบก็ตามที   แต่ผมแค่รู้แค่ว่าตอนนี้ควรรู้สึกยังไงกับการกระทำของเธอ

    "ต้องการคนที่รอดชีวิตจากที่นี่ไงละ  เพียงคนเดียวเท่านั้น..."

    เดียรพูดขึ้นแล้วเหมือนนึกอะไรบางอย่างได้ขึ้นออกมา  จึงพูดต่อ

    "  อ้อ!ไม่ได้หมายถึงคนธรรมดาอย่างพวกวัฒน์นะ  หมายถึงพวกหนูทดลองแบบพวกเราไงละ^^"

    "นะ....หนูทดลองแบบพวกเรา....ดะ...เดี๋ยวนะ...เธอเป็นใครกันแน่"   ผมถามด้วยดวงตาที่เบิกตาโพลงต่อคำพูดนั้น  ขณะเดียวกันร่างกายก็เริ่มจะทรุดลงกับพื้นเรื่อยๆ  

    "ฉัน....ก็เป็นเหมือนเธอไงละ หนูทดลอง 001 คือฉันเอง^^"   เดียร์ยิ้มด้วยใบหน้าที่ไร้เดียงสา  ผิดกับคำพูดของเธอ

    "มะ....ไม่จริง...เธอกำลังล้อเล่นใช่มั๊ยเดียร์"   ผมพยายามยื่นมือไปมาเด็กสาวที่ผมรัก  เพื่อหวังว่าเธอจะจับมือผมแล้วบอกผมว่าล้อเล่น  ผมต้องการให้เธอพูดแบบนั้น  พูดแบบนั้นจริงๆ....  ได้โปรดเถอะช่วยพูดทีเดียร์

    ฟุบ!

    "เอาละถ้างั้นก็ลากันตรงนี้แหละนะเมฆ.....น่าเสียดายจริงๆเพราะเธอรักฉันแท้ๆเลยตกหลุมพลางล่อออกมาง่ายขนาดนี้  เลยไม่สนุกเท่าไรเลย....หือ?มาแล้วสินะ"   เดียร์ลุกขึ้นและหันหลังใหผมก่อนจะมองไปยังอะไรบางอย่างที่กำลังเดินมาข้างหน้า  ซึ่งสิ่งนั้นไม่ห่างจากพวกเรานัก  ผมมองด้วยตาพร่า  แต่ก็ยังเห็นเป็นเค้าๆลางๆ

    ฆาตกรถือค้อน!

    " ไปนะเมฆลาก่อน..."

     เดียร์พูดจบเธอก็เดินไปที่กำแพง  แล้วแตะมัน  กำแพงนั่นก็หมุนพลิกเหมือนประตู...มันคือกลไกที่ซ่อนไว้นั่นเอง  เธอรู้ได้ยังไงกัน...  

    ตึก ตึก

    "..........อึก.."  

     แย่แล้วมันกำลังใกล้เข้ามาแล้ว  แบบนี้เราต้องโดนมันฆ่าแน่เลย  ต้องทำอะไรซักอย่าง...ต้องทำอะไรซักอย่าง  สิ่งที่เธอฉีดเข้าคอผมคือยานอนหลับงั้นเหรอ  เพราะผมเริ่มที่จะปิดตาลงเรื่อยๆแล้วสิ  แรงก็เริ่มหมดหายไป

    ผมจะต้องตายอยู่ที่นี่งั้นเหรอ.....

    ทำไมเรื่องแบบนี้ต้องเกิดขึ้นกับเราด้วยนะ...

    นี่เราเสียทั้งครอบครัว....เพื่อการทดลองบ้าๆนั่น

    โดนคนที่คิดว่าเป็นครอบครัวหักหลัง....มาตลอด

    แถมตอนนี้ก็ยังโดนคนที่ตัวเองแอบรักมาตลอด  หลอกมาฆ่า.....

    "มะ...ไม่เหลืออะไรแล้ว..."   ผมหลับตาลงทั้งน้ำตา  แล้วก็รอยอมรับชะตากรรมตรงหน้า

    แต่ว่า....

    "เมฆ!!

     เสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้น  พร้อมกับเสียงฝีเท้าของฆาตกรถือค้อนตรงหน้าวิ่งเข้ามาเช่นกัน

    " เฮ้ยไอ้ฆาตกรถือค้อน!  เดี๋ยวฟ้าใสอย่าไปทางนั้น!!

    ผมตอนนี้มองไม่เห็นอะไรแล้วได้ยินแต่เสียงที่เลือนลางของใครบางคน  แต่ผมก็รู้สึกได้ว่ามีคนกำลังประคองผมอยู่

    "ชิ! ไม่ทันแล้วสินะ  ต้องใช้วิธีนี้สินะ..."

    ปึบ!

    พรึ่บ!!

    "ฟ้าใส!!!"

    ผมตอนนั้นไม่รู้เลยว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นรอบๆตัวผม   แต่ผมรู้สึกได้ว่าเหมือนผมกำลังตกลงสู่เบื้องล่างยังไงหยั่งงั้น

    .............................................


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×