คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #37 : บทที่ 36 อย่าคิดไปเอง
บทที่ 37 อย่าคิดไปเอง
"เฮ้ย! เธอเป็นใครกันเนี่ย!"
ข้าวต้มตะโกนขึ้น
แล้วชี้มาทางฟ้าใส
เสียงของเขาทำให้คนอื่นๆตื่นขึ้นมาทันที
เพราะพวกเราคุยกันจนทำเขาตื่น...
"แย่ละสิ...."
สิ้นสุดเสียงอันดังของเด็กหนุ่ม
ทำให้ทุกคน ณ ที่นี้ตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงียและมองหาต้นตอของเสียง
"อ้าว...เวรแล้วไง"
วัฒน์สบถขึ้นอย่างเบาๆเล็กน้อย
เมื่อเห็นว่าฟ้าใสกำลังโดนข้าวต้มชี้หน้าอยู่นั่นเอง
" เอ๊ะ! ใครกันผู้หญิงคนนี้
ไม่ใช่เด็กในโรงเรียนเรานี่"
แป้งที่ตื่นขึ้นมาก็มองที่ฟ้าใสอย่างตื่นตระหนก
" ทุกคนใจเย็นก่อน
เดี๋ยวฉันจะอธิบายให้ฟังเอง....!"
ขวัญข้าววิ่งเข้ามาแทรกระหว่างฟ้าใสกับพวกเขา เพื่อจะบอกว่าเธอไม่ใช่คนอันตราย
และขณะที่กำลังเล่าเหตุผลที่ฟ้าใสอยู่ที่นี่นั้น เธอก็โดนฟ้าใสดึงกลับมาแล้วก็เข้าไปพูดเอง
" ฉันชื่อฟ้าใส
มาที่นี่เพื่อช่วยเมฆ
และเป็นคนที่รู้เกือบทุกอย่างเกี่ยวกับคฤหาสถ์หลังนี้"
"!!"
ทุกคนสะดุ้งขึ้นทันที เมื่อจู่ๆฟ้าใสก็พูดโพล่งออกมาแบบนั้น
"ฟ้าใสไหนว่าเธอจะไม่...."
"ฉันรู้น่าว่าทำไรอยู่..."
ผมที่เข้ามาเตือนเธอ เพราะคิดว่าถ้าบอกความจริงไป
พวกนั้นอาจจะระแวงเธอและเข้าใจไปอีกเรื่องนึงก็ได้
"เฮ้!เมฆนี่มันหมายความว่าไงกัน"
ข้าวต้มหันมาหาผมผู้ที่ถูกเอ่ยชื่อกล่าวถึง แล้วถามด้วยอาการที่ร้อนรน
ผมที่เหงื่อตกเมื่อได้มองรอบๆแล้วเห็นว่าทุกคนกำลังมองมาที่ฟ้าใส อย่างกลัวๆ
ผมหันมาทางข้าวต้มที่กำลังถามอย่างกดดันผม แต่เพื่อนซี้ของผมก็เป็นคนเข้ามาตอบแทน
"มันเป็นเรื่องจริง"
"วัฒน์!"
วัฒน์เดินเข้ามาพูด
แล้วมองด้วยสายตาจริง....เอ่อ
"วัฒน์...นี่ข้าเฟ้ยไม่ใช่ข้าวต้ม- -"
"อ้าวเวร! โทษทีผิดคน
พอไม่มีแว่นแล้วตามันไม่ค่อยดีอะ
เองเก็บแว่นข้าอยู่ใช่มั๊ยเอามาซักทีดิ้" วัฒน์ขยี้ตาเล็กน้อยก่อนจะบ่นขึ้นมา หมอนี่มันเซอะๆซะๆเป็นเหมือนกันแฮะ
"อะ เอาไป"
ผมยื่นแว่นให้มัน
"พวกนายนี่ตอนนี้กำลังซีเรียสนะ มัวเล่นตลกอะไรกันอยู่!" แป้งตะโกนขึ้นพร้อมขมวดคิ้ว อย่างหงุดหงิดเล็กน้อย
"ทุกคนใจเย็นๆสิ"
เดียร์เดินเข้ามาพยายามบอกทุกคน
ด้วยใบหน้าที่...ขอร้องสุดๆ
"ให้ใจเย็นได้ไงเดียร์
นี่มันเรื่องใหญ่เลยนะ
วัฒน์ตกลงนี่มันเรื่องอะไรกันแน่
ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร!"
นิดเสริมขึ้นด้วยท่าทางหงุดหงิดไม่ต่างจากแป้ง
"...................."
วัฒน์ไม่พูดอะไรพลางคิดอะไรบางอย่างก่อนจะตอบขึ้นมา ตอนนี้ผมพยายามยืนข้างฟ้าใสให้ใกล้ที่สุด เพราะกลัวว่าพวกเขาอาจทำร้ายเธอได้ถ้าพวกเราพูดอะไรไม่เข้าท่าขึ้นมา
ในขณะที่เดียร์ ขวัญข้าว และวิยดา
ยืนมองอย่างกังวลและพูดอะไรไม่ออกกับสถานการณ์นี้
พวกเธอคงคิดว่าหน้าที่นี้ควรปล่อยให้เป็นของวัฒน์
"ก็อย่างที่เธอบอกมานั่นแหละ
เธอมาจากข้างนอก
เธอรู้ข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่เพราะว่า...."
วัฒน์เล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ฟังทั้งหมด ที่ฟ้าใสเคยเล่าให้พวกเขาฟัง ให้พวกข้าวต้มฟังเช่นกัน ถึงแม้เขาจะคิดว่าการพูดไปแบบนี้อาจเสี่ยงที่ฟ้าใสหรือผมจะถูกกล่าวหาว่าเป็นคนที่เป็นสาเหตุของเรื่องทั้งหมดที่เพื่อนๆต้องมาตายที่นี่ก็เถอะ
แต่ว่าเขาเองก็คงคิดว่าการที่โกหกพวกเขา อาจจะลำบากในภายภาคหน้าก็ได้ ถ้าเกิดว่าพวกเขาได้รู้ความจริงขึ้นมา...
"........."
พวกข้าวต้ม นิด แป้ง แพร หน่อย
เบิกตาโพลงเมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด
สีหน้าของพวกเขาไม่ต่างจากพวกเราที่ได้ฟังจากฟ้าใสครั้งแรกเท่าไรเลย
"เรื่องจริงเหรอเนี่ย...."
แป้งพูดขึ้นพลางนำมือปิดปากอย่างกังวลแล้วมองมาทางผมและฟ้าใสด้วยสายตาที่แฝงด้วยความสงสารจับใจ
"ฉันขอโทษนะที่อาจเป็นสาเหตุที่พวกนายทุกคนต้องมาเสี่ยงไปด้วย....เพราะฉัน" ผมก้มหน้าลงขอโทษทุกคน ทุกคนพอได้ฟังก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเดินมาทางผม
"พวกเธออย่าโทษหรือว่าอะไรเมฆกับฟ้าใสเลยนะ
พวกเขาไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้พวกเราต้องมาโดนด้วยแบบนี้
ถ้าจะโทษพวกเราควรโทษไอ้พวกที่มันทดลองพวกเขา และเอาพวกเรามาทำแบบนี้มากกว่า"
ขวัญข้าวบอกพวกเขาเมื่อเห็นว่าพวกเขาทำท่าเหมือนคิดหนักเกี่ยวกับอะไรบางอย่าง ขวัญข้าวพูดพลางมาสบตาผมเล็กน้อย
และพวกข้าวต้มพอฟังจบก็เดินมาทางพวกผม....
แปะ!
"เอ้ะ?"
"พวกนายอย่าเพิ่งคิดไปกันเองสิ
ฉันไม่โทษเมฆ กับผู้หญิงคนนี้หรอก
พวกเขาต่างหากที่น่าสงสารที่ต้องมาโดนแบบนั้น ทั้งครอบครัวและชีวิตของพวกเขา........และฉันก็ไม่อาจให้พวกเขาเสียเพื่อนไปอีกหรอกนะ
....ใช่พวกนายยังมีพวกเรา ถ้าเรื่องแบบนี้เกิดกับพวกเรา พวกเราก็ไม่อยากที่จะโดนกล่าวหาหรือโทษหรอก
เพราะฉะนั้นพวกเราเข้าใจพวกนาย"
ข้าวต้มเดินมาแตะบ่าไหล่ของผมพลางสบตาฟ้าใสเล็กน้อยก่อนพูดขึ้นมา ด้วยใบหน้าที่อ่อนโยน
"ขอบคุณ..."
ผมยิ้มอย่างกังวลกลับคืนไปหาพวกเขา
ข้าวต้มพูดออกมาจากใจจริงของเขา
เพราะเสียงในใจของเขาก็ไปในทางเดียวกันกับคำพูดของเขา.........แต่ผมก็รู้สึกใจหาย เมื่อได้ยินเสียงในใจของใครบางคนหนึ่งใน 3
เด็กสาวที่เหลือที่อยู่ด้านหลังข้าวต้ม
"เพราะไอ้เวรพวกนี้
พวกเราเลย....ต้องมาเสี่ยงตายแบบนี้
อยากให้มันตายไปพ้นๆจริงๆ"
เสียงในใจของใครซักคนในกลุ่มของ นิด แป้ง แพร พูดขึ้นมา
ผมพอได้ฟังก็รู้สึกกังวลทันทีเมื่อได้ยินความในใจของเพื่อนร่วมชั้น ที่คิดแบบนั้นกับพวกเรา แต่ผมก็ไปว่าอะไรเขาไม่ได้ สาเหตุหลักๆที่พวกเขาต้องมาโดนแบบนี้ นั่นคือ
เพราะพวกเขาอยู่โรงเรียนเดียวกับผม
"ฉันขอโทษนะที่ปิดบังเรื่องนี้กับพวกนาย...เรื่องของฟ้าใสและฉัน" ผมเอ่ยขอโทษพวกเขาอีกครั้ง
"เอาน่าอย่าคิดมาก
อย่างน้อยนายก็พูดความจริงกับพวกเราแล้วนี่
แล้วฉันก็เชื่อว่าซักวันเมื่อพวกนายพร้อมก็จะบอกพวกเราอยู่ดีใช่มั๊ยละ ถึงไม่ต้องให้พวกเราจับได้ก็เถอะ"
ข้าวต้มหันมายิ้มให้ผมกับฟ้าใส ผมคิดว่าข้าวต้มนี่
นิสัยดีกว่าที่คิดมากเลย
ผมดีใจจริงๆที่ได้รู้จักเพื่อนดีๆแบบนี้เพิ่มขึ้นอีกคน
"เอาละ
นึกว่าจะแย่ซะและขอบใจพวกนายมากนะที่เข้าใจ
และไม่ถือโทษโกรธพวกเราที่พยายามปิดบังพวกนาย และเรื่องที่ฟ้าใสรู้เกี่ยวกับคฤหาสถ์นี้เป็นเรื่องจริงด้วย"
วิยดาที่ปาดเหงื่อหลังจากเรื่องเครียดๆจบลงก็เดินมา ยืนข้างผมกับฟ้าใส ผมมองเธอที่กำลังขยับแว่นของตัวเองก่อนจะพูดเรื่องที่ฟ้าใสพูดมาก่อนหน้านั้นอีกครั้ง
" จริงใช่มั๊ย
แม่ผมสีน้ำตาลสุดสวย!"
ข้าวต้มหันมาถามฟ้าใสที่ยืนอยู่ข้างผม
"อะ...อื้อ
แต่ฉันจะเล่าทุกอย่างขึ้นให้ฟัง
แต่พวกเราต้องไปหากลุ่มของขานพวกของพวกเธอด้วย แล้วฉันจะเล่าทุกอย่างเกี่ยวกับคฤหาสถ์นี้ทีเดียวเลย"
ฟ้าใสหันมาบอกข้าวต้มที่ตอนนี้ดูอารมณ์ดีขึ้นมาแล้ว
"อืม...เอางั้นก็ได้
งั้นพวกเราขอแยกไปนอนกันต่อนะนอนยังไม่เต็มอิ่มเลย หาววว... "
ข้าวต้มพยักหน้าแล้วเดินออกไป แต่ทางแป้ง นิด แพร ก็ยังคงมองมาทางฟ้าใสอย่างสงสัย คงเพราะยังไม่เชื่อใจเธอเท่าไรละมั้ง
".................."
ผมเงียบและคิดอะไรบางอย่าง
ที่เพิ่งผุดขึ้นมาในสมองของผม
.....มันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ
ฟ้าใสรู้อะไรมากันแน่นะถึงคิดว่ามั่นใจที่จะพาออกจากที่นี่ได้ ผมคิดว่าจากประสบการณ์ที่ผ่านมา เบาะแสที่อาจจะพาพวกเราออกจากที่นี่ได้ มาจากผู้หญิงในภาพหลอนของผม หรือเบาะแสต่างๆที่เกี่ยวข้องกับคฤหาสถ์หลังนี้ซะอีก
ผมยืนคิดแล้วคิดเองโดยไม่สนใจคนรอบข้างเลย ว่าพวกเขาแยกย้ายกันไปนั่งคุยแยกกลุ่มกันแล้ว
"เมฆยืนทำอะไรอยู่วะ? เขาแยกย้ายกันไปนอนแล้วนะเว้ย"
วัฒน์ที่เดินมาพร้อมสายรุ้งพูดขึ้นมาแล้วมองผมอย่างงงๆ
"อ่าวงั้นเหรอ! "
ผมอุทานตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าทุกคนไปจองที่นอนของตัวเองกันแล้ว
"กำลังคิดอะไรอยู่รึไง? " วัฒน์ถามขึ้น
"เอ่อ....ไม่มีอะไรหรอก ฉันขอตัวไปหาหนังสือห้องสมุดนี่อ่านหน่อยละกัน นายไปนอนเถอะ
เธอด้วยนะสายรุ้งอย่ามัวแต่ติดหมอนี่แจนะ^^"
ผมเดินออกไปทางชั้นตู้หนังสือขนาดใหญ่ที่เรียงตั้งกันเป็นแนวลึกหลายๆแถว ก่อนจะหันไปมองสายรุ้งด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
"ไม่ได้ติดซะหน่อย>3<"
สายรุ้งเบ้ปากใส่ผมอย่างเก้อเขิน ด้วยใบหน้าที่เริ่มแดงขึ้นมาเล็กๆ ขณะที่ผมกำลังเดินไปก็หันไปเหลือบมองทางกลุ่มของฟ้าใส
ที่ตอนนี้กำลังนั่งคุยกับเดียร์และวิยดาอย่างสนิทสนมกัน......เดียร์
ผมพอเห็นเดียร์ก็นึกถึงเรื่องตอนนั้นได้ขึ้นมาทันที เรื่องที่ผมทิ้งมันไปชั่วขณะ
เรื่องที่เธอ........เป็นคนที่ฆ่ากฤตจริงรึเปล่า
"เมฆ!"
"!!!!"
ผมที่กำลังทำหน้าครุ่นคิดหน้านิ้มคิ้วขมวด (มากไป-_-)
เกี่ยวกับเรื่องที่ผมเครียดและกังวล
มากที่สุดในตอนนี้จนทำให้ผมไม่รู้ตัวเลยว่ามีใครเดินมาใกล้ๆผมแล้ว เธอคนนั้นเรียกผมจากด้านหลังโดยที่ผมยังไม่ทันตั้งตัว
ผมสะดุ้งเฮือก
เหมือนหัวใจตกอยู่ตาตุ่มเลย
ผมจับหน้าอกตัวเองหายใจอย่างหอบๆก่อนจะหันมามองเด็กสาวที่เป็นต้นเหตุ
"ทำอะไรของเธอเนี่ย ตกใจหมดเลยขวัญข้าว เฮ้อ..." ผมถอนหายใจอีกครั้ง เพื่อรวบรวมสติกลับมา
"แฮะ แฮะ โทษทีก็ฉันเรียกตั้งนานแล้วนี่ เธอไม่สนใจฉันนี่เลยต้องแกล้งแบบนี้ไง แบร่!:P"
ขวัญข้าวแลบลิ้นใส่ แล้วยิ้มหัวเราะคิกคักอย่างมีความสุข นี่ผมคิดไปเองรึเปล่าเนี่ย ผมรู้สึกว่าขวัญข้าวเปลี่ยนไปเยอะเลย
ตามหลักขวัญข้าวที่ผมเคยรู้จักที่โรงเรียนถึงจะไม่ค่อยคุยกันเท่าไร เพราะไม่สนิทกัน เธอเป็นคนเงียบๆไม่ค่อยคุยกับใครเท่าไรโดยเฉพาะผู้ชายนี่แทบไม่เคยคุยเลย เธอมักจะคุยอยู่กับพวกวิยดาตลอด
ในสายตาของผมหรือมุมทองของผมเลยคิดว่าเธอเป็นคนเย็นชา แต่ในตอนนี้เมื่อได้มองหน้าเธอที่กำลังล้อเลียนผมอยู่นั้น...
ทำให้ผมเปลี่ยนความคิดไปเลยทันที.........ผมคิดว่าเธอเป็นคนที่น่ารักมากเลย
ตึก ตัก
"............"
เสียงหัวใจของผมตอนนี้เต้นไม่เป็นจังหวะเลย เมื่อได้เห็นเด็กสาวคนนี้ เป็นเพราะพวกเราอยู่ด้วยกันมาตลอดตั้งแต่เกิดเรื่องรึเปล่านะ
และยิ่งอยู่กับเธอนานขึ้นก็ยิ่งรู้จักเธอมากขึ้น เห็นมุมมองของเธอที่ผมยังไม่เคยเห็น....
ทั้งๆที่ผมรักเดียร์แท้ๆ หรือว่าเพราะความสงสัยในตอนนี้ที่มีต่อเดียร์ทำให้ผมเริ่ม..........ไม่
ไม่ ผมรักเดียร์ ผมในตอนนี้ที่สามารถทำเพื่อเธอได้คือหาหลักฐานที่จะลบล้างความสงสัยของผมที่มีต่อเธอต่างห่ากละ
"ทำอะไรเมฆ- -?"
ขวัญข้าวมองมาที่ผม
ด้วยสายตาสงสัยเมื่อเห็นผมส่ายหัวไปมา
ด้วยใบหน้าที่มีเหงื่อผุดขึ้นเต็มใบหน้า
"อ๋อ เปล่าหรอก
เธอมาก็ดีและฉันคิดว่าเราควรหาเบาะแสเพิ่มเติมเกี่ยวกับคฤหาสถ์หลังนี้ดีกว่า ดีกว่านอนเฉยๆ เธอจะไปนอนก็ได้นะฉันไม่ว่า แต่จะมาช่วยฉันค้นห้องสมุดนี้ด้วยก็ดี" ผมยิ้มแล้วพลางยักคิ้วใส่เธอเป็นทำนองเชิงชวน
"อืม...ฉันช่วยเธอดีกว่า นอนมาเยอะและมา เดี๋ยวฉันช่วย"
ขวัญข้าวว่าปุ้บก็เดินหยิบดูหนังสือต่างๆนานาที่อยู่ใกล้ผม เธอหาที่น่าจะบอกเบาะแสอะไรได้ แล้วยื่นมาทางผมเรื่อยๆ
ขณะที่ผมกับขวัญข้าวกำลังช่วยกันค้นหาข้อมูลจากหนังสือของห้องสมุด ตอนนั้นผมไม่รู้เลยว่ามีเด็กสาวอีกคนมองมาที่ผมด้วยสายตาไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ
เธอมองมาที่โลหะที่มีแสงส่องสะท้อนออกมาแวบๆ จากตรงกระเป๋ากางเกงของผม ผมไม่รู้เลยว่าตัวเองยัดไม่ลึกพอ ทำให้ตัวอักษร'D' โผล่ออกมาเล็กน้อย
และคนที่กำลังมองอยู่นั้นไม่ใช่ใครที่ไหน เธอก็คือ ....เดียร์....นั่นเอง
ทางด้านนึง
ตึก ตึก
เสียงของฝีเท้าที่บอกก็รู้ได้เลยว่า
เจ้าของฝีเท้ามีขนาดตัวเท่าไหน
ชายชุดกันฝนสีดำร่างใหญ่
กำลังเดินถือค้อนของตัวเอง
เดินวนเวียนอยู่ชั้น 3 และกำลังเดินมุ่งไปทาง....ห้องสมุดใหญ่
ความคิดเห็น