คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #36 : บทที่ 35 ค่ำคืน
บทที่ 35 ค่ำคืน
ณ ห้องโบสถ์ (ห้องสารภาพบาป)
ชั้น 3
"กฤต...."
ผมยืนมองศพของเพื่อนที่ตอนนี้ถูกผ้าบางๆคลุมทั่วทั้งทัวเขาไว้ ยกเว้นเพียงแต่ใบหน้าที่เปิดให้เห็น หน้าของเขาตอนนี้ซีดมาก ทำให้รู้ได้เลยว่า กฤตนั้นได้ตายไปแล้วจริงๆ
ศพตอนแรกที่เราพบคือ
เขาถูกวางศพพิงไว้กับรูปปั้นศาสดาขนาดใหญ่นี่ที่ตั้งอยู่ตรงหน้าผม ที่นี่เหมือนกับโบสถ์ในหนังเลย ทั้งม้านั่งยาวที่วางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ รูปปั้นศาสดานี่ พร้อมกับผ้าม่านขนาดใหญ่ด้านหลังศาสดาองค์นี้
คฤหาสถ์นี่มีครบทุกอย่างเลย...
"......."
วัฒน์มองศพของเพื่อนเขาด้วยใบหน้าที่เจ็บใจ ไม่ต่างจากผมเท่าไรวัฒน์กัดฟันจนแน่น
"ตกลงเชื่อข้ารึยังละ
ว่าที่ข้าพูดมาเป็นความจริง"
ธันกอดอกพูดขึ้นหันมาสบตาพวกเราผลัดกับมองศพของกฤต
"ก็จริงที่ว่า
กฤตนั้นโดนใครบางคนซึ่งไม่ใช่ไอ้ฆาตกรโรคจิตนั่นฆ่าแน่ๆ แต่ว่า...."
"แต่ว่า?"
วิยดามองหน้าธันก่อนจะเอ่ยพูดต่อด้วยใบหน้าที่จริงจัง
"พวกเราจะแน่ใจได้ยังไงว่า ไม่ใช่แกที่เป็นคนฆ่าซะเอง...."
วัฒน์เดินเข้ามาแย่งคำพูดของวิยดา ทำให้วิยดาขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างไม่ชอบใจ แต่ก็ปล่อยให้เขาพูดต่อ
" แล้วทำไมข้าต้องฆ่ามันด้วยละ
ก็ข้าเป็นคนที่กำลังช่วยควานหาคนร้ายให้
ในขณะที่พวกแกไม่ได้ทำอะไรที่ก่อประโยชน์ขึ้นมา ไหนพวกแกลองพูดสิว่ามีหลักฐานอะไรมาบอกว่าข้าเป็นฆาตกร"
ธันมองมาทางพวกเราอย่างเจ้าเล่ห์ วัฒน์และพวกเรามองไปทางเขาด้วยสายตาหมั่นไส้เล็กน้อยก่อนวัฒน์จะตัดสินใจพูดคำคำนึงออกมา
"แล้วแกมีหลักฐานอะไรมาบอกว่าตัวเองไม่ใช่ฆาตกรละ...." วัฒน์จ้องไปที่ธัน ธันผงะเล็กน้อย
" แล้วเรื่องที่นายจับพวกเราไปขังอีก แถมหนึ่งในพวกนายจะข่มขืนฉันด้วย
จะให้บอกว่าพวกนายเป็นคนดีหยั่งงั้นเหรอ!" ขวัญข้าวแทรกขึ้นมาช่วยเสริมวัฒน์ อย่างจะกดดันธันให้จนมุมให้ได้
"จริงเหรอธัน?"
แพรถามขึ้นอย่างสงสัย ในขณะที่แป้ง
นิด หน่อย ข้าวต้ม
และสายรุ้งมองมาที่เขาด้วยสายตาที่สงสัยไม่ต่างกับแพร และหวังว่าคำตอบของเขาที่จะพูดออกมาจะไม่ทำให้พวกเขาผิดหวัง
ผมพอได้ยินเรื่องขวัญข้าวที่เกือบโดนลวนลามนั่นก็สะดุ้งเล็กน้อย
ก่อนจะเดินย่องไปถามเด็กสาวที่คาดว่าจะเป็นผู้เสียหายนั่น
"ขวัญข้าวจริงเหรอที่เธอ...."
"อะ...อืม แต่ฉันได้ฟ้าใสมาช่วยทันน่ะ
ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก"
ขวัญข้าวตอบกลับมาด้วยท่าทีเก้อเขินเล็กน้อย
"หา! เธอพูดเรื่องอะไร หนึ่งในพวกฉันจะปล้ำเธอเนี่ยนะ
ใครที่เธอพูดถึง!"
ธันขมวดคิ้วแล้วตะโกนย้อนถามด้วยความโมโห
เพราะคิดว่าเขากำลังโดนใส่ร้าย
ปึง!!
"นี่ไงละ!"
วัฒน์ที่แอบเดินออกไปนอกห้องตอนไหนไม่รู้
เขามาพร้อมกับคนคนนึงที่ถูกเชือกมัดไว้
"เฮ้ยไอ้ขุน!"
ธันตกใจทันที
เมื่อเห็นพวกตัวเองที่หายไปไหนมาไม่รู้โผล่มาในสภาพแบบนี้
"ชิ!"
ขุนสบถเล็กน้อย
เมื่อโดนวัฒน์ผลักเข้ามาในห้องโบสถ์นี่
ที่มีทุกคนยืนมองมาทางนี้ด้วยสายตาตกใจ
" แกนี่มันสร้างเรื่องจริงๆ" ธันมองขู่มาทางขุน จนขุนหงอเลยทีเดียว
" เอาละเท่านี้ก็ทราบความจริงแล้วสินะ
เพราะฉะนั้นฉันขอบอกไว้ก่อนเลยว่ากลุ่มของพวกเราจะไม่มีพวกแกสองคนอยู่ในกลุ่มแน่นอน
ใครที่ยังมั่นใจในตัวไอ้หน้าหล่อเฮงซวยนี่ก็ตามไป ส่วนใครที่เชื่อพวกเราก็ตามมา!!!" วัฒน์ตะโกนขึ้นบอกทุกคน
"เฮ้ๆวัฒน์
แบบนี้จะดีเหรอ? " ผมเดินเข้ามาสะกิดเพื่อนของผม ที่ตอนนี้เหมือนกำลังคลุ้มคลั่งยังไงหยั่งงั้น
"ไอ้เมฆ แกนี่มันใจอ่อนจริงๆ แกก็รู้ไม่ใช่เหรอว่ามันทำอะไรกับแกไว้บ้าง !" วัฒน์หันมาบอกผมอย่างฉุนเฉียว
"ก็จริงฉันรู้น่า
แต่ว่าอุตส่าห์รวมกลุ่มกันได้ทั้งที....เวลาแบบนี้พวกเราควรเชื่อใจกันและช่วยกันหาทางออกจากที่นี่นะเว้ย" ผมเขย่าตัวมัน พลางบอกย้ำอีกครั้ง แต่ว่า....
เพียะ!
จู่ๆวัฒน์ก็ตบมือผมออกจากตัวมันอย่างแรง จนผมตกใจเล็กน้อย
" ถ้ามึงยังใจอ่อนอยู่หยั่งงี้
มึงก็ไม่สามารถปกป้องใครได้หรอก....มึงอย่างปกป้องใครบางคนไม่ใช่รึไง
ถ้าสมมติว่าฆาตกรคือหนึ่งในพวกเพื่อนของเราจริงๆ
แล้วมันก็จะมาฆ่าหนึ่งในพวกของนาย อาจจะเป็น ข้า วิยดา ขวัญข้าว พล ไทย ขาน หวาน ริณ ฟ้าใส หรือ...เดียร์ ....ถ้าถึงเวลาแบบนั้นแกจะไม่ยอมฆ่าฆาตกรนั่นแล้วปล่อยให้พวกเราโดนมันฆ่ารึไง"
วัฒน์มองผมด้วยสายตาที่จริงจัง
มันก็ถูกของวัฒน์
แต่แบบนี้มันจะไม่เข้าตามแผนของไอ้นักวิทยาศาสตร์บ้าบอนั่นรึไง
" เท่านี้แหละ
ใครจะไปกับใครก็ตัดสินใจกันเอาเอง
ฉันช่วยพวกแกได้แค่นี้แหละ
ในฐานะเพื่อนร่วมชั้น"
วัฒน์ไม่พูดพล่ำทำเพลง
เพราะเรื่องที่ธันทำมาตลอดมันไม่ใช่เรื่องดีเลยซักเรื่อง
ขืนอยู่กับมันพวกเราอาจจะตายด้วยความตั้งใจหรือความเห็นแก่ตัวของมันเป็นแน่ ผมคิดแบบนั้น
ผมก็พูดออกมาตามความคิดในใจของวัฒน์นั่นแหละ
ที่จริงตั้งแต่ผมรู้ว่า
ผมมีพลังในการได้ยินเสียงในใจคนอื่น
....ตอนนี้ผมยังไม่ได้บอกใครในเพื่อนของผมเลยเกี่ยวกับความสามารถนี้บอกแค่การฟังของผม และภาพหลอนพวกนั้นเท่านั้น แต่เสียงในใจนี้เท่านั้นที่ผมไม่กล้าบอกพวกเขา
.......เพราะผมยังไม่เชื่อใจพวกเขาขนาดนั้น.....ผมอยากมีพลังนี้ไว้เพื่อเป็นการป้องกันตนเอง
...ที่จะไม่ให้โดนใครหักหลังอีก....
จะว่าไปพลังของผมมันยังไม่สมบูรณ์งั้นเหรอ
ตอนแรกตั้งแต่รู้ว่ามีพลังนี้หรือความสามารถนี้ ผมก็คิดว่าจะจับคนร้ายที่ฆ่ากฤต ที่อาจจะเป็นหนึ่งในพวกเราหรือคนในห้องนี้นั้น
แต่ว่าก็ไม่มีใครที่น่าจะเป็นฆาตกรเลย เพราะความคิดในใจของแต่ละคน ไม่มีทางโยงเพื่อบอกว่าคนคนนั้นเป็นฆาตกรได้เลย
แต่ที่แปลกก็คือ....ผมก็ไม่อยากสงสัยอะไรหรอกนะ
แต่มันแปลกจริงๆ
ทำไม.......
..ผมถึงไม่ได้ยินเสียงภายในใจของ...เดียร์เลยละ
หรือเป็นเพราะความสามารถของผมไม่สมบูรณ์พอจริงๆ หรือเพราะเธอไม่ได้คิดอะไร
แต่มันมีด้วยเหรอคนที่ไม่ได้คิดอะไรในใจของตัวเองเลย แม้แต่ประโยคเดียวเนี่ย
สงสัยคงเป็นเพราะการฟังเสียงในใจของผมนั้น ยังไม่ดีพอจริงๆละมั้ง...
"เอานี่ไป"
ผมเดินมาที่ธันและขุนที่โดนมัดไว้อยู่
พลางยื่นกระดาษแผ่นนึงมา....มันคือแผนที่ของคฤหาสถ์ในเกาะนี้ทั้งหมด ทุกซอกทุกผม
"เฮ้ยวัฒน์!"
ผมทำท่าจะไปห้ามมัน
เพราะคิดว่าแบบนั้นพวกเราก็ลำบากแย่สิ
"ไม่เป็นไร
วิยดาซีร็อกซ์จากเครื่องซีร็อคที่ห้องมอร์นิเตอร์ไว้หลายแผ่นแล้ว เพื่อความชัว
ดีจริงๆดูท่าไอ้นัก...เอ๊ย
หมายถึงดีจริงๆที่ไฟฟ้ายังมีพลังงานสำรองอยู่ถึงแม้จะโดนตัดไฟจากไฟหลักไปแล้วก็เถอะ"
วัฒน์พูดขึ้น เขาเกือบเผลอบอกไปแล้วว่า
ที่ไฟติดได้เพราะไอ้นักวิทยาศาตร์ที่ทดลองผมที่คุมดูพวกเราจากที่ไหนซักแห่งอยู่ พวกมันคงยอมช่วยแค่เรื่องไฟฟ้าเท่านั้นละมั้ง
"พวกแกไปได้นี่มาจากไหน?" ธันถามขึ้นพลางมองแผนที่นั่น
"จะที่ไหนก็ช่างเถอะ
เอาเป็นว่าพวกเราแยกกันตรงนี้แหละพวกนายออกไปได้แล้ว ใครจะไปกับพวกมันก็เชิญ"
วัฒน์พูดพร้อมโบกมือไล่พวกธัน
ธันขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างไม่ชอบใจ
แต่เขาคิดว่าถ้าเอาเรื่องทำตัวเป็นใหญ่ ณ ที่นี้โดยการอัดพวกเรา คงเป็นภาพพจน์ที่ไม่ดีเท่าไร และอาจทำให้คนที่เหลือทั้งหมดภายในห้องนี้ เลิกไว้วางใจเขาตลอดไป ธันจึงยอมที่จะเป็นฝ่ายถอยหลังไป
"เธอก็อยู่กับมันดีๆละ ฮึ"
ธันหันมาเหล่มองเดียร์ด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์
ทำให้เดียร์ขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจเล็กน้อย
แต่ว่าพอธัน และขุนที่ถูกธันแก้มัดเดินออกไป ก็มีคนอื่นตามไปด้วยเช่นกันถึงจะแค่ คนเดียวก็เถอะ
"หน่อย!"
นิด แป้ง แพร เพื่อนๆของเธอเรียกเธอขึ้นอย่างตกใจ เมื่อเห็นว่าเด็กสาวหน้ากระ ผมสั้นสีดำนั้นเดินตามพวกเขาไป
" โทษทีนะ
ฉันอยากอยู่กับพวกธันมากกว่า
ฉันเชื่อว่าเขาต้องมีทางออกจากที่นี่มากกว่าพวกนี้แน่นอน" หน่อยหันมาเลิกคิ้วใส่พวกเราอย่างน่าหมั่นไส้ แล้วก็เดินออกไป
....................................
"เอาละตกลงพวกนายจะไปกับพวกเราใช่มั๊ย ข้าวต้ม นิด แป้ง และแพร"
วัฒน์ผมรู้สึกได้เลยว่าเขาเริ่มเป็นผู้นำเราเรื่อยๆแล้ว ไม่แปลกหรอกเพราะความฉลาดของเขา น่าจะสามารถช่วยเหลือทุกคนได้....ได้มากกว่าผม
ผมแค่ใช้พลังของผมนี่ให้เป็นประโยชน์ในการช่วยวัฒน์ก็พอ....
"อ่า
พวกเราคิดดีแล้ว
พอดูจากเรื่องทั้งหมด
ถ้าเรื่องฆาตกรนั่นเป็นความจริง
พวกเราก็ควรอยู่ด้วยกันเยอะๆมากกว่า"
ข้าวต้มพูดขึ้น
"อืมพวกนายคิดถูกและ
เดี๋ยวพวกเราจะไปรวมกลุ่มกับพวกขาน หวาน และริณ" วัฒน์พูดขึ้น
"โห พวกนั้นยังมีชีวิตอยู่สินะ
ดีจริงๆ"
แป้งพูดขึ้นด้วยใบหน้าที่ดีใจ
เพราะเมื่อคิดว่าพวกเราจะกลายเป็นกลุ่มที่ใหญ่ขึ้น ด้วยกำลังคนที่มากจะทำให้รู้สึกปลอดภัย
"งั้นก่อนอื่นฉันคาดว่าพวกนายคงเริ่มเพลียจากทั้งวันแล้ว แล้วฉันถึงไม่รู้ว่าผ่านมากี่วันแล้ว แต่ก็เดาได้ว่าพวกเราแทบไม่ได้นอนกันเลย เพราะฉะนั้นพวกเราไปหาห้องกว้างๆ
และปลอดภัยในการพักผ่อนกันดีกว่า
ตื่นขึ้นมาค่อยไปหาพวกขานกัน"
วัฒน์พูดขึ้นอย่างผู้นำด้วยความมีเหตุผล
ทุกคนพยักหน้าตาม
ผมเองก็เข้าใจที่คิดว่าทำไมถึงไม่นอนห้องนี้หรือห้องมอร์นิเตอร์ นอกจากจะแคบเกินไปแล้ว
ทางออกก็มีทางเดียวถ้าเกิดอะไรขึ้นพวกเราจะลำบากแย่
" ไปกันเถอะ ชั้น 3 มีอยู่ห้องห้องนึงที่น่าจะเหมาะกับพวกเรา
เดี๋ยวฉันนำเองตามมาละกัน"
วัฒน์พูดจบก็เดินนำทุกคนออกไปพร้อมกับสายรุ้งที่เดินตามเขาแจ
ผมมองพวกเขาที่เดินออกไป
พลางเดินมากระซิบขวัญข้าวที่กำลังเดินมาทางผม อย่างรู้ว่าผมจะพูดอะไรกับเธอ
" ขวัญข้าวเดินตามพวกเขาไปเลยนะ
เดี๋ยวฉันไปตามฟ้าใสเอง"
ผมบอกเธอ
"เข้าใจแล้วรีบตามมาให้ทันละเมฆ"
ขวัญข้าวพูดจบก็เดินจูงวิยดาและเดียร์ไปตามที่กลุ่มวัฒน์ที่ก่อตั้งขึ้นมาใหม่ไป
แต่ก่อนที่ผมจะไปตามฟ้าใส
ผมก็หันมามองศพกฤตอีกครั้ง
เพื่อจะเป็นการจากลาครั้งสุดท้าย
"ฉันต้องตามหาคนฆ่านายให้ได้เลยกฤต....หือ?"
ขณะที่ผมกำลังคุกเข่าพูดคุยกับศพของเพื่อน ผมก็สังเกตุอะไรบางอย่างที่ปลายนิ้วมือของเขา
"นี่มันเศษเนื้องั้นเหรอ...มีเลือดด้วยแฮะ
....แสดงว่ากฤตไม่ได้ตายเฉยๆสินะ
เขาพยายามขัดขืนจนทำร้ายฆาตกรได้
แบบนี้ฆาตกรที่ฆ่ากฤตก็ต้องมีบาดแผลสินะ...อืม...หือ?นี่มัน"
ผมที่จู่ๆก็สังเกตุอะไรอีกอย่างที่มืออีกข้างของกฤต
มีบางอย่างส่องสว่างจากมือที่กำแน่นข้างขวาของเขา ผมจึงรีบแงะมือของเขาออกมา แล้วหยิบสิ่งนั้นขึ้นมาดู
"อ้ะ!"
ผมอุทานอย่างตกใจทันที
และพยายามรวบรวมสติเพื่อไม่ให้สติแตกขึ้นมา
เพราะสิ่งที่ผมเจอมันสามารถบอกไปถึงคนร้ายที่ไม่คิดว่าจะเป็นได้เลย
สัญลักษณ์ตัวอักษรโลหะรูปตัว'D ' แบบนี้มัน....เหมือนกับ
"ที่อยู่บนสร้อยคอของ....เดียร์เลย"
"เมฆ"
"อ้ะ!"
ผมรีบลุกขึ้นทันทีเมื่อได้ยินเสียงใครคนหนึ่งเรียกขึ้นจากด้านหลัง
ผมรีบเก็บตัวอักษณนั่นใส่กระเป๋ากางเกงอย่างรวดเร็ว
"มีอะไรงั้นเหรอ....เดียร์"
ผมถามอย่างเสียงสั่น เพราะเพิ่งเกิดเรื่องที่น่าตกจำหรับผมไปเมื่อกี้ ไม่หรอกแค่บังเอิญ
ถ้าเป็นแบบในหนังอาจจะมีคนใส่ร้ายเดียร์ก็ได้ หรือไม่ก็ฆาตกรมีของของเดียร์และเก็บกับตัวไว้ หลังจากนั้นก็มีเรื่องกับกฤต
แล้วก็ไม่รู้ตัวว่ากฤตดึงออกจากตัวเขาไปก็เท่านั้นเอง....ใช่มันต้องเป็นแบบนั้นแน่..
"..................."
เดียร์จ้องมาทางผมอย่างสงสัยในท่าทีของผม
" ตกลงมีอะไรงั้นเหรอเดียร์?" ผมรวบรวมสติแล้วพูดแบบปกติกับเธอ
"เปล่าฉันแค่จะไปตามฟ้าใสกับเธอด้วยน่ะ รีบไปกันเถอะเดี๋ยวจะตามพวกวัฒน์ไม่ทันนะ ไปเร็ว!"
เดียร์ไม่พูดพร่ำทำเพลง เธอวิ่งมาทางผมแล้วจูงมือลากผมออกไป
โดยหัวใจผมยังเต้นรัวๆครั้งนี้ไม่ใช่เพราะเขินที่ได้ถูกคนที่ชอบอย่างเธอมาจูงมือลากผมแบบนี้ แต่อาจเป็นเพราะ....ผมกำลังกังวลความจริงของเธอในตอนนี้ตังหาก
เพราะจ้องไปที่หน้าอกเธอ....เธอไม่ได้ใส่สร้อยคอนั่นแล้วจริงๆ
และผมเองก็ยังไม่ได้ยินเสียงภายในใจเธอเหมือนเคย......ตกลงมันเพราะอะไรกันแน่
ห้องสมุดใหญ่
ชั้น 3
"คร่อก...."
ทุกคนกำลังตกอยู่ในห้วงนิทรา
แต่ก็เพื่อความไม่ประมาทก็ได้มีการผลัดกันเฝ้าเวรของพวกผู้ชายไว้ให้แล้ว ห้องนี้มันใหญ่จริงๆ กว้างกว่าห้องสมุดชั้น 2 อีก ชั้นหนังสือมีถึง 2ชั้นแน่ะ
กว้างมากด้วยประตูทางออกมีถึง 3 ทาง
และที่สำคัญมีโซฟายาวสำหรับการนอนที่ดีตั้งหลายตัว
ตอนนี้มีแค่ผมกับวัฒน์ที่เฝ้าเวรอยู่
แต่วัฒน์ด้วยความเหนื่อยทำให้เขาเผลอหลับไป แต่ผมไม่ได้ง่วงแม้แต่อย่างใดเลย เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ผมนอนไม่หลับ
ผมคิดในใจพลางมองไปที่เดียร์ที่กำลังนอนหลับอยู่บนตักขวัญข้าวที่กำลังหลับไหลเช่นเดียวกัน
"ไม่หรอก....อาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดจริงๆคนอย่างเธอไม่น่าจะทำแบบนั้นได้หรอก"
ผมพูดกับตัวเองพลางมองไปที่ประตูทางเข้าออกทั้งสามว่าล๊อคดียัง
ตอนนี้ผมให้ฟ้าใสแอบขึ้นไปนอนที่ชั้นบน ของห้องสมุดนี่ โดยแอบพาเธอขึ้นไป
ตึก ตึก
ผมตัดสินใจเธอไปรอบๆทุกคนที่กำลังหลับอยู่....ผมเดินผ่านสายรุ้งที่กำลังละเมอถึงวัฒน์
"วัฒน์ฉันจะช่วยเธอเอง...งึม งำ"
ชัดเลยว่าสายรุ้งชอบวัฒน์แน่ๆ
ผมขำออกมาเล็กๆ ผมผ่านข้าวต้มที่กำลังกรนอย่างดัง ผมเห็นแบบนั้นจึงจับมันลากออกจากพวกคนอื่นๆ กลัวทุกคนจะตื่นเพราะมัน
และผมก็เดินผ่า นิด แป้งและแพระที่กำลังนั่งหลับพิงไหล่กัน และในที่สุดผมก็เดินไปถึงเดียร์
และขวัญข้าวที่กำลังหลับสนิท
ผมมองดูพวกเธออย่างเอ็นดู
และพยายามลืมเรื่องที่สงสัยเดียร์ไปชั่วขณะเลยทีเดียว
เพราะเมื่อใดมองใบหน้าของเดียร์หัวใจของผมก็เต้นอีกครั้ง เพื่อย้ำความจริงที่ว่าผมรักผู้หญิงคนนี้หมดใจ
ผมเริ่มหน้าแดงขึ้นเรี่อยๆ
พวกกับการเต้นแรงของหัวใจ
เมื่อได้มองริมฝีปากที่เรียวเล็กสีชมพูนมของเธอนั่น ขนตาที่งามงอนยาวนั่น ผมสีดำสนิทที่พริ้วสไหวนั่นอีก
มันทำให้ผมเผลอที่จะขยับร่างกายตัวเองไปหาร่างของเด็กสาวอันเป็นที่รักนั่นอย่างอดใจไม่ไหว
ผมนำใบหน้าของตัวเองเข้าใกล้เธอขึ้นเรื่อยๆ
ผมกำลังนำริมฝีปากของตัวเองไปที่ริมฝีปากที่เรียวเล็กของเธอ....
แต่ก็ไม่รู้ว่าดีหรือแย่สำหรับผม
เมื่อจู่ๆก็มีเสียงของใครบางคนขัดขึ้นมาซะก่อน
"เมฆ ทำอะไรน่ะ"
ผมที่ได้ยินรแบบนั้นจึงรีบหันควับทันทีไปทางเจ้าของเสียงนั่น
"ฟ้าใส..."
ฟ้าใสยืนมองด้วยใบหน้าที่ช๊อคและตกใจเป็นอย่างมาก
"คือ...ไม่ใช่นะ...คือฉัน.."
ผมพยายามหาข้อปฏิเสธมาช่วยตัวเอง แต่ก็นำคำๆใดไม่ออกเลย
"นายไม่ควรทำอะไรกับผู้หญิงที่กำลังหลับอยู่นะ....แบบนั้นมันฉวยโอกาสชัดๆ ถึงนายจะชอบเธอมากแค่ไหนก็ตาม" ฟ้าใสเบี่ยงหน้าหลบตาผม พร้อมพูดด้วยเสียงสั่นๆ
"ฉันแค่จะมาคุยเป็นเพื่อนเฉยๆ
พอรู้ว่านายเฝ้าเวร...แต่ดูท่าฉันไม่อยู่น่าจะดีซักกว่านะ" ฟ้าใสพูดขึ้น
ขณะที่ผมก็ไม่ได้คิดจะพูดอะไรตอบเธอกลับเลย ผมยืนฟังอย่างรู้สึกผิด
แต่เสียงอีกเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาทำให้พวกเราสะดุ้งขึ้นทั้งคู่
"เฮ้ย! เธอเป็นใครกันเนี่ย!"
ข้าวต้มตะโกนขึ้น
แล้วชี้มาทางฟ้าใส
เสียงของเขาทำให้คนอื่นๆตื่นขึ้นมาทันที
เพราะพวกเราคุยกันจนทำเขาตื่น...
"แย่ละสิ...."
ความคิดเห็น