ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ALIVE or DEAD

    ลำดับตอนที่ #36 : บทที่ 35 ค่ำคืน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 175
      2
      20 มิ.ย. 58

    บทที่  35  ค่ำคืน

    ณ ห้องโบสถ์ (ห้องสารภาพบาป)

    ชั้น 3

    "กฤต...." 

     ผมยืนมองศพของเพื่อนที่ตอนนี้ถูกผ้าบางๆคลุมทั่วทั้งทัวเขาไว้  ยกเว้นเพียงแต่ใบหน้าที่เปิดให้เห็น  หน้าของเขาตอนนี้ซีดมาก  ทำให้รู้ได้เลยว่า กฤตนั้นได้ตายไปแล้วจริงๆ

    ศพตอนแรกที่เราพบคือ   เขาถูกวางศพพิงไว้กับรูปปั้นศาสดาขนาดใหญ่นี่ที่ตั้งอยู่ตรงหน้าผม   ที่นี่เหมือนกับโบสถ์ในหนังเลย  ทั้งม้านั่งยาวที่วางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ   รูปปั้นศาสดานี่  พร้อมกับผ้าม่านขนาดใหญ่ด้านหลังศาสดาองค์นี้

    คฤหาสถ์นี่มีครบทุกอย่างเลย...

    "......."

    วัฒน์มองศพของเพื่อนเขาด้วยใบหน้าที่เจ็บใจ  ไม่ต่างจากผมเท่าไรวัฒน์กัดฟันจนแน่น

    "ตกลงเชื่อข้ารึยังละ  ว่าที่ข้าพูดมาเป็นความจริง"   ธันกอดอกพูดขึ้นหันมาสบตาพวกเราผลัดกับมองศพของกฤต

    "ก็จริงที่ว่า  กฤตนั้นโดนใครบางคนซึ่งไม่ใช่ไอ้ฆาตกรโรคจิตนั่นฆ่าแน่ๆ  แต่ว่า...."

    "แต่ว่า?"  

    วิยดามองหน้าธันก่อนจะเอ่ยพูดต่อด้วยใบหน้าที่จริงจัง 

     

    "พวกเราจะแน่ใจได้ยังไงว่า ไม่ใช่แกที่เป็นคนฆ่าซะเอง...." 

     วัฒน์เดินเข้ามาแย่งคำพูดของวิยดา  ทำให้วิยดาขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างไม่ชอบใจ  แต่ก็ปล่อยให้เขาพูดต่อ

     

    " แล้วทำไมข้าต้องฆ่ามันด้วยละ  ก็ข้าเป็นคนที่กำลังช่วยควานหาคนร้ายให้  ในขณะที่พวกแกไม่ได้ทำอะไรที่ก่อประโยชน์ขึ้นมา  ไหนพวกแกลองพูดสิว่ามีหลักฐานอะไรมาบอกว่าข้าเป็นฆาตกร" 

     ธันมองมาทางพวกเราอย่างเจ้าเล่ห์  วัฒน์และพวกเรามองไปทางเขาด้วยสายตาหมั่นไส้เล็กน้อยก่อนวัฒน์จะตัดสินใจพูดคำคำนึงออกมา

    "แล้วแกมีหลักฐานอะไรมาบอกว่าตัวเองไม่ใช่ฆาตกรละ...."   วัฒน์จ้องไปที่ธัน  ธันผงะเล็กน้อย

    " แล้วเรื่องที่นายจับพวกเราไปขังอีก  แถมหนึ่งในพวกนายจะข่มขืนฉันด้วย จะให้บอกว่าพวกนายเป็นคนดีหยั่งงั้นเหรอ!"   ขวัญข้าวแทรกขึ้นมาช่วยเสริมวัฒน์   อย่างจะกดดันธันให้จนมุมให้ได้

    "จริงเหรอธัน?"

      แพรถามขึ้นอย่างสงสัย  ในขณะที่แป้ง  นิด หน่อย ข้าวต้ม  และสายรุ้งมองมาที่เขาด้วยสายตาที่สงสัยไม่ต่างกับแพร  และหวังว่าคำตอบของเขาที่จะพูดออกมาจะไม่ทำให้พวกเขาผิดหวัง   ผมพอได้ยินเรื่องขวัญข้าวที่เกือบโดนลวนลามนั่นก็สะดุ้งเล็กน้อย  ก่อนจะเดินย่องไปถามเด็กสาวที่คาดว่าจะเป็นผู้เสียหายนั่น

    "ขวัญข้าวจริงเหรอที่เธอ...." 

    "อะ...อืม  แต่ฉันได้ฟ้าใสมาช่วยทันน่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก"    ขวัญข้าวตอบกลับมาด้วยท่าทีเก้อเขินเล็กน้อย 

    "หา! เธอพูดเรื่องอะไร หนึ่งในพวกฉันจะปล้ำเธอเนี่ยนะ ใครที่เธอพูดถึง!"  ธันขมวดคิ้วแล้วตะโกนย้อนถามด้วยความโมโห  เพราะคิดว่าเขากำลังโดนใส่ร้าย

     

    ปึง!!

    "นี่ไงละ!"

      วัฒน์ที่แอบเดินออกไปนอกห้องตอนไหนไม่รู้  เขามาพร้อมกับคนคนนึงที่ถูกเชือกมัดไว้ 

    "เฮ้ยไอ้ขุน!

     ธันตกใจทันที  เมื่อเห็นพวกตัวเองที่หายไปไหนมาไม่รู้โผล่มาในสภาพแบบนี้

    "ชิ!"  

    ขุนสบถเล็กน้อย  เมื่อโดนวัฒน์ผลักเข้ามาในห้องโบสถ์นี่  ที่มีทุกคนยืนมองมาทางนี้ด้วยสายตาตกใจ  

    " แกนี่มันสร้างเรื่องจริงๆ"  ธันมองขู่มาทางขุน  จนขุนหงอเลยทีเดียว

    " เอาละเท่านี้ก็ทราบความจริงแล้วสินะ  เพราะฉะนั้นฉันขอบอกไว้ก่อนเลยว่ากลุ่มของพวกเราจะไม่มีพวกแกสองคนอยู่ในกลุ่มแน่นอน  ใครที่ยังมั่นใจในตัวไอ้หน้าหล่อเฮงซวยนี่ก็ตามไป  ส่วนใครที่เชื่อพวกเราก็ตามมา!!!"   วัฒน์ตะโกนขึ้นบอกทุกคน

    "เฮ้ๆวัฒน์  แบบนี้จะดีเหรอ?  "  ผมเดินเข้ามาสะกิดเพื่อนของผม  ที่ตอนนี้เหมือนกำลังคลุ้มคลั่งยังไงหยั่งงั้น

    "ไอ้เมฆ  แกนี่มันใจอ่อนจริงๆ  แกก็รู้ไม่ใช่เหรอว่ามันทำอะไรกับแกไว้บ้าง !"  วัฒน์หันมาบอกผมอย่างฉุนเฉียว

    "ก็จริงฉันรู้น่า  แต่ว่าอุตส่าห์รวมกลุ่มกันได้ทั้งที....เวลาแบบนี้พวกเราควรเชื่อใจกันและช่วยกันหาทางออกจากที่นี่นะเว้ย"   ผมเขย่าตัวมัน  พลางบอกย้ำอีกครั้ง    แต่ว่า....

     

    เพียะ!

    จู่ๆวัฒน์ก็ตบมือผมออกจากตัวมันอย่างแรง  จนผมตกใจเล็กน้อย

    " ถ้ามึงยังใจอ่อนอยู่หยั่งงี้  มึงก็ไม่สามารถปกป้องใครได้หรอก....มึงอย่างปกป้องใครบางคนไม่ใช่รึไง   ถ้าสมมติว่าฆาตกรคือหนึ่งในพวกเพื่อนของเราจริงๆ  

        แล้วมันก็จะมาฆ่าหนึ่งในพวกของนาย  อาจจะเป็น ข้า วิยดา ขวัญข้าว พล  ไทย ขาน หวาน ริณ  ฟ้าใส หรือ...เดียร์  ....ถ้าถึงเวลาแบบนั้นแกจะไม่ยอมฆ่าฆาตกรนั่นแล้วปล่อยให้พวกเราโดนมันฆ่ารึไง" 

      วัฒน์มองผมด้วยสายตาที่จริงจัง  มันก็ถูกของวัฒน์   แต่แบบนี้มันจะไม่เข้าตามแผนของไอ้นักวิทยาศาสตร์บ้าบอนั่นรึไง

     

    " เท่านี้แหละ  ใครจะไปกับใครก็ตัดสินใจกันเอาเอง  ฉันช่วยพวกแกได้แค่นี้แหละ  ในฐานะเพื่อนร่วมชั้น"

      วัฒน์ไม่พูดพล่ำทำเพลง  เพราะเรื่องที่ธันทำมาตลอดมันไม่ใช่เรื่องดีเลยซักเรื่อง  ขืนอยู่กับมันพวกเราอาจจะตายด้วยความตั้งใจหรือความเห็นแก่ตัวของมันเป็นแน่  ผมคิดแบบนั้น  ผมก็พูดออกมาตามความคิดในใจของวัฒน์นั่นแหละ

     

    ที่จริงตั้งแต่ผมรู้ว่า  ผมมีพลังในการได้ยินเสียงในใจคนอื่น

    ....ตอนนี้ผมยังไม่ได้บอกใครในเพื่อนของผมเลยเกี่ยวกับความสามารถนี้บอกแค่การฟังของผม  และภาพหลอนพวกนั้นเท่านั้น  แต่เสียงในใจนี้เท่านั้นที่ผมไม่กล้าบอกพวกเขา

    .......เพราะผมยังไม่เชื่อใจพวกเขาขนาดนั้น.....ผมอยากมีพลังนี้ไว้เพื่อเป็นการป้องกันตนเอง

    ...ที่จะไม่ให้โดนใครหักหลังอีก....

     

    จะว่าไปพลังของผมมันยังไม่สมบูรณ์งั้นเหรอ  ตอนแรกตั้งแต่รู้ว่ามีพลังนี้หรือความสามารถนี้   ผมก็คิดว่าจะจับคนร้ายที่ฆ่ากฤต  ที่อาจจะเป็นหนึ่งในพวกเราหรือคนในห้องนี้นั้น

    แต่ว่าก็ไม่มีใครที่น่าจะเป็นฆาตกรเลย  เพราะความคิดในใจของแต่ละคน  ไม่มีทางโยงเพื่อบอกว่าคนคนนั้นเป็นฆาตกรได้เลย

    แต่ที่แปลกก็คือ....ผมก็ไม่อยากสงสัยอะไรหรอกนะ

    แต่มันแปลกจริงๆ

     

    ทำไม.......

    ..ผมถึงไม่ได้ยินเสียงภายในใจของ...เดียร์เลยละ 

     

    หรือเป็นเพราะความสามารถของผมไม่สมบูรณ์พอจริงๆ   หรือเพราะเธอไม่ได้คิดอะไร   แต่มันมีด้วยเหรอคนที่ไม่ได้คิดอะไรในใจของตัวเองเลย   แม้แต่ประโยคเดียวเนี่ย

    สงสัยคงเป็นเพราะการฟังเสียงในใจของผมนั้น  ยังไม่ดีพอจริงๆละมั้ง...

    "เอานี่ไป"  

    ผมเดินมาที่ธันและขุนที่โดนมัดไว้อยู่  พลางยื่นกระดาษแผ่นนึงมา....มันคือแผนที่ของคฤหาสถ์ในเกาะนี้ทั้งหมด  ทุกซอกทุกผม

    "เฮ้ยวัฒน์!"  ผมทำท่าจะไปห้ามมัน  เพราะคิดว่าแบบนั้นพวกเราก็ลำบากแย่สิ

    "ไม่เป็นไร  วิยดาซีร็อกซ์จากเครื่องซีร็อคที่ห้องมอร์นิเตอร์ไว้หลายแผ่นแล้ว  เพื่อความชัว  ดีจริงๆดูท่าไอ้นัก...เอ๊ย  หมายถึงดีจริงๆที่ไฟฟ้ายังมีพลังงานสำรองอยู่ถึงแม้จะโดนตัดไฟจากไฟหลักไปแล้วก็เถอะ"

      วัฒน์พูดขึ้น  เขาเกือบเผลอบอกไปแล้วว่า   ที่ไฟติดได้เพราะไอ้นักวิทยาศาตร์ที่ทดลองผมที่คุมดูพวกเราจากที่ไหนซักแห่งอยู่  พวกมันคงยอมช่วยแค่เรื่องไฟฟ้าเท่านั้นละมั้ง

    "พวกแกไปได้นี่มาจากไหน?"   ธันถามขึ้นพลางมองแผนที่นั่น

     

    "จะที่ไหนก็ช่างเถอะ  เอาเป็นว่าพวกเราแยกกันตรงนี้แหละพวกนายออกไปได้แล้ว  ใครจะไปกับพวกมันก็เชิญ"

      วัฒน์พูดพร้อมโบกมือไล่พวกธัน  ธันขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างไม่ชอบใจ  แต่เขาคิดว่าถ้าเอาเรื่องทำตัวเป็นใหญ่ ณ ที่นี้โดยการอัดพวกเรา  คงเป็นภาพพจน์ที่ไม่ดีเท่าไร  และอาจทำให้คนที่เหลือทั้งหมดภายในห้องนี้  เลิกไว้วางใจเขาตลอดไป  ธันจึงยอมที่จะเป็นฝ่ายถอยหลังไป  

    "เธอก็อยู่กับมันดีๆละ ฮึ"

      ธันหันมาเหล่มองเดียร์ด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์  ทำให้เดียร์ขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจเล็กน้อย  แต่ว่าพอธัน และขุนที่ถูกธันแก้มัดเดินออกไป   ก็มีคนอื่นตามไปด้วยเช่นกันถึงจะแค่  คนเดียวก็เถอะ

    "หน่อย!

    นิด แป้ง แพร เพื่อนๆของเธอเรียกเธอขึ้นอย่างตกใจ  เมื่อเห็นว่าเด็กสาวหน้ากระ  ผมสั้นสีดำนั้นเดินตามพวกเขาไป

    " โทษทีนะ  ฉันอยากอยู่กับพวกธันมากกว่า  ฉันเชื่อว่าเขาต้องมีทางออกจากที่นี่มากกว่าพวกนี้แน่นอน"  หน่อยหันมาเลิกคิ้วใส่พวกเราอย่างน่าหมั่นไส้  แล้วก็เดินออกไป

    ....................................

    "เอาละตกลงพวกนายจะไปกับพวกเราใช่มั๊ย  ข้าวต้ม นิด แป้ง และแพร"  

      วัฒน์ผมรู้สึกได้เลยว่าเขาเริ่มเป็นผู้นำเราเรื่อยๆแล้ว  ไม่แปลกหรอกเพราะความฉลาดของเขา  น่าจะสามารถช่วยเหลือทุกคนได้....ได้มากกว่าผม

    ผมแค่ใช้พลังของผมนี่ให้เป็นประโยชน์ในการช่วยวัฒน์ก็พอ....

    "อ่า  พวกเราคิดดีแล้ว  พอดูจากเรื่องทั้งหมด  ถ้าเรื่องฆาตกรนั่นเป็นความจริง  พวกเราก็ควรอยู่ด้วยกันเยอะๆมากกว่า"  ข้าวต้มพูดขึ้น

    "อืมพวกนายคิดถูกและ  เดี๋ยวพวกเราจะไปรวมกลุ่มกับพวกขาน หวาน และริณ"   วัฒน์พูดขึ้น

    "โห พวกนั้นยังมีชีวิตอยู่สินะ  ดีจริงๆ"

      แป้งพูดขึ้นด้วยใบหน้าที่ดีใจ  เพราะเมื่อคิดว่าพวกเราจะกลายเป็นกลุ่มที่ใหญ่ขึ้น  ด้วยกำลังคนที่มากจะทำให้รู้สึกปลอดภัย

     

         "งั้นก่อนอื่นฉันคาดว่าพวกนายคงเริ่มเพลียจากทั้งวันแล้ว  แล้วฉันถึงไม่รู้ว่าผ่านมากี่วันแล้ว  แต่ก็เดาได้ว่าพวกเราแทบไม่ได้นอนกันเลย  เพราะฉะนั้นพวกเราไปหาห้องกว้างๆ และปลอดภัยในการพักผ่อนกันดีกว่า  ตื่นขึ้นมาค่อยไปหาพวกขานกัน"

      วัฒน์พูดขึ้นอย่างผู้นำด้วยความมีเหตุผล  ทุกคนพยักหน้าตาม  ผมเองก็เข้าใจที่คิดว่าทำไมถึงไม่นอนห้องนี้หรือห้องมอร์นิเตอร์   นอกจากจะแคบเกินไปแล้ว  ทางออกก็มีทางเดียวถ้าเกิดอะไรขึ้นพวกเราจะลำบากแย่

    " ไปกันเถอะ  ชั้น 3  มีอยู่ห้องห้องนึงที่น่าจะเหมาะกับพวกเรา เดี๋ยวฉันนำเองตามมาละกัน"  วัฒน์พูดจบก็เดินนำทุกคนออกไปพร้อมกับสายรุ้งที่เดินตามเขาแจ

    ผมมองพวกเขาที่เดินออกไป  พลางเดินมากระซิบขวัญข้าวที่กำลังเดินมาทางผม  อย่างรู้ว่าผมจะพูดอะไรกับเธอ

    " ขวัญข้าวเดินตามพวกเขาไปเลยนะ  เดี๋ยวฉันไปตามฟ้าใสเอง"   ผมบอกเธอ

    "เข้าใจแล้วรีบตามมาให้ทันละเมฆ"   ขวัญข้าวพูดจบก็เดินจูงวิยดาและเดียร์ไปตามที่กลุ่มวัฒน์ที่ก่อตั้งขึ้นมาใหม่ไป

    แต่ก่อนที่ผมจะไปตามฟ้าใส  ผมก็หันมามองศพกฤตอีกครั้ง  เพื่อจะเป็นการจากลาครั้งสุดท้าย

     

    "ฉันต้องตามหาคนฆ่านายให้ได้เลยกฤต....หือ?"

     ขณะที่ผมกำลังคุกเข่าพูดคุยกับศพของเพื่อน  ผมก็สังเกตุอะไรบางอย่างที่ปลายนิ้วมือของเขา 

    "นี่มันเศษเนื้องั้นเหรอ...มีเลือดด้วยแฮะ

    ....แสดงว่ากฤตไม่ได้ตายเฉยๆสินะ  เขาพยายามขัดขืนจนทำร้ายฆาตกรได้   แบบนี้ฆาตกรที่ฆ่ากฤตก็ต้องมีบาดแผลสินะ...อืม...หือ?นี่มัน"

    ผมที่จู่ๆก็สังเกตุอะไรอีกอย่างที่มืออีกข้างของกฤต  มีบางอย่างส่องสว่างจากมือที่กำแน่นข้างขวาของเขา  ผมจึงรีบแงะมือของเขาออกมา  แล้วหยิบสิ่งนั้นขึ้นมาดู

    "อ้ะ!"  

    ผมอุทานอย่างตกใจทันที  และพยายามรวบรวมสติเพื่อไม่ให้สติแตกขึ้นมา  เพราะสิ่งที่ผมเจอมันสามารถบอกไปถึงคนร้ายที่ไม่คิดว่าจะเป็นได้เลย

    สัญลักษณ์ตัวอักษรโลหะรูปตัว'D '  แบบนี้มัน....เหมือนกับ

     

    "ที่อยู่บนสร้อยคอของ....เดียร์เลย"    

     

    "เมฆ"

    "อ้ะ!"

    ผมรีบลุกขึ้นทันทีเมื่อได้ยินเสียงใครคนหนึ่งเรียกขึ้นจากด้านหลัง   ผมรีบเก็บตัวอักษณนั่นใส่กระเป๋ากางเกงอย่างรวดเร็ว

    "มีอะไรงั้นเหรอ....เดียร์"

     ผมถามอย่างเสียงสั่น  เพราะเพิ่งเกิดเรื่องที่น่าตกจำหรับผมไปเมื่อกี้   ไม่หรอกแค่บังเอิญ  ถ้าเป็นแบบในหนังอาจจะมีคนใส่ร้ายเดียร์ก็ได้  หรือไม่ก็ฆาตกรมีของของเดียร์และเก็บกับตัวไว้   หลังจากนั้นก็มีเรื่องกับกฤต  แล้วก็ไม่รู้ตัวว่ากฤตดึงออกจากตัวเขาไปก็เท่านั้นเอง....ใช่มันต้องเป็นแบบนั้นแน่..

    "..................."

      เดียร์จ้องมาทางผมอย่างสงสัยในท่าทีของผม

    " ตกลงมีอะไรงั้นเหรอเดียร์?"  ผมรวบรวมสติแล้วพูดแบบปกติกับเธอ

     

    "เปล่าฉันแค่จะไปตามฟ้าใสกับเธอด้วยน่ะ  รีบไปกันเถอะเดี๋ยวจะตามพวกวัฒน์ไม่ทันนะ  ไปเร็ว!"

     เดียร์ไม่พูดพร่ำทำเพลง  เธอวิ่งมาทางผมแล้วจูงมือลากผมออกไป  โดยหัวใจผมยังเต้นรัวๆครั้งนี้ไม่ใช่เพราะเขินที่ได้ถูกคนที่ชอบอย่างเธอมาจูงมือลากผมแบบนี้   แต่อาจเป็นเพราะ....ผมกำลังกังวลความจริงของเธอในตอนนี้ตังหาก

    เพราะจ้องไปที่หน้าอกเธอ....เธอไม่ได้ใส่สร้อยคอนั่นแล้วจริงๆ

     

    และผมเองก็ยังไม่ได้ยินเสียงภายในใจเธอเหมือนเคย......ตกลงมันเพราะอะไรกันแน่

    ห้องสมุดใหญ่ 

    ชั้น 3

    "คร่อก...."  

    ทุกคนกำลังตกอยู่ในห้วงนิทรา   แต่ก็เพื่อความไม่ประมาทก็ได้มีการผลัดกันเฝ้าเวรของพวกผู้ชายไว้ให้แล้ว   ห้องนี้มันใหญ่จริงๆ   กว้างกว่าห้องสมุดชั้น 2 อีก   ชั้นหนังสือมีถึง  2ชั้นแน่ะ   กว้างมากด้วยประตูทางออกมีถึง 3 ทาง  และที่สำคัญมีโซฟายาวสำหรับการนอนที่ดีตั้งหลายตัว

    ตอนนี้มีแค่ผมกับวัฒน์ที่เฝ้าเวรอยู่   แต่วัฒน์ด้วยความเหนื่อยทำให้เขาเผลอหลับไป   แต่ผมไม่ได้ง่วงแม้แต่อย่างใดเลย   เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ผมนอนไม่หลับ

    ผมคิดในใจพลางมองไปที่เดียร์ที่กำลังนอนหลับอยู่บนตักขวัญข้าวที่กำลังหลับไหลเช่นเดียวกัน

    "ไม่หรอก....อาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดจริงๆคนอย่างเธอไม่น่าจะทำแบบนั้นได้หรอก"   ผมพูดกับตัวเองพลางมองไปที่ประตูทางเข้าออกทั้งสามว่าล๊อคดียัง  

    ตอนนี้ผมให้ฟ้าใสแอบขึ้นไปนอนที่ชั้นบน ของห้องสมุดนี่   โดยแอบพาเธอขึ้นไป 

    ตึก ตึก

    ผมตัดสินใจเธอไปรอบๆทุกคนที่กำลังหลับอยู่....ผมเดินผ่านสายรุ้งที่กำลังละเมอถึงวัฒน์ 

    "วัฒน์ฉันจะช่วยเธอเอง...งึม งำ" 

      ชัดเลยว่าสายรุ้งชอบวัฒน์แน่ๆ  ผมขำออกมาเล็กๆ    ผมผ่านข้าวต้มที่กำลังกรนอย่างดัง  ผมเห็นแบบนั้นจึงจับมันลากออกจากพวกคนอื่นๆ   กลัวทุกคนจะตื่นเพราะมัน

    และผมก็เดินผ่า นิด แป้งและแพระที่กำลังนั่งหลับพิงไหล่กัน   และในที่สุดผมก็เดินไปถึงเดียร์ และขวัญข้าวที่กำลังหลับสนิท

     

    ผมมองดูพวกเธออย่างเอ็นดู  และพยายามลืมเรื่องที่สงสัยเดียร์ไปชั่วขณะเลยทีเดียว  เพราะเมื่อใดมองใบหน้าของเดียร์หัวใจของผมก็เต้นอีกครั้ง  เพื่อย้ำความจริงที่ว่าผมรักผู้หญิงคนนี้หมดใจ

    ผมเริ่มหน้าแดงขึ้นเรี่อยๆ  พวกกับการเต้นแรงของหัวใจ   เมื่อได้มองริมฝีปากที่เรียวเล็กสีชมพูนมของเธอนั่น   ขนตาที่งามงอนยาวนั่น   ผมสีดำสนิทที่พริ้วสไหวนั่นอีก   มันทำให้ผมเผลอที่จะขยับร่างกายตัวเองไปหาร่างของเด็กสาวอันเป็นที่รักนั่นอย่างอดใจไม่ไหว  

    ผมนำใบหน้าของตัวเองเข้าใกล้เธอขึ้นเรื่อยๆ   ผมกำลังนำริมฝีปากของตัวเองไปที่ริมฝีปากที่เรียวเล็กของเธอ....

    แต่ก็ไม่รู้ว่าดีหรือแย่สำหรับผม  เมื่อจู่ๆก็มีเสียงของใครบางคนขัดขึ้นมาซะก่อน

     

    "เมฆ ทำอะไรน่ะ"

      ผมที่ได้ยินรแบบนั้นจึงรีบหันควับทันทีไปทางเจ้าของเสียงนั่น

    "ฟ้าใส..."

    ฟ้าใสยืนมองด้วยใบหน้าที่ช๊อคและตกใจเป็นอย่างมาก

    "คือ...ไม่ใช่นะ...คือฉัน.." 

     ผมพยายามหาข้อปฏิเสธมาช่วยตัวเอง  แต่ก็นำคำๆใดไม่ออกเลย

    "นายไม่ควรทำอะไรกับผู้หญิงที่กำลังหลับอยู่นะ....แบบนั้นมันฉวยโอกาสชัดๆ  ถึงนายจะชอบเธอมากแค่ไหนก็ตาม"  ฟ้าใสเบี่ยงหน้าหลบตาผม  พร้อมพูดด้วยเสียงสั่นๆ

    "ฉันแค่จะมาคุยเป็นเพื่อนเฉยๆ  พอรู้ว่านายเฝ้าเวร...แต่ดูท่าฉันไม่อยู่น่าจะดีซักกว่านะ"  ฟ้าใสพูดขึ้น  ขณะที่ผมก็ไม่ได้คิดจะพูดอะไรตอบเธอกลับเลย  ผมยืนฟังอย่างรู้สึกผิด

    แต่เสียงอีกเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาทำให้พวกเราสะดุ้งขึ้นทั้งคู่

     

    "เฮ้ย! เธอเป็นใครกันเนี่ย!"

    ข้าวต้มตะโกนขึ้น  แล้วชี้มาทางฟ้าใส  เสียงของเขาทำให้คนอื่นๆตื่นขึ้นมาทันที

    เพราะพวกเราคุยกันจนทำเขาตื่น...

    "แย่ละสิ...."


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×