ตอนที่ 92 : Error : 0x00000087 แมรี่ เซเลส
ERROR Online : Overkill
ย้อนกลับไปเมื่อราวๆ 1 นาทีที่แล้ว
Special Challenge : The Black Horse’s Rite of Passage
[การท้าทายพิเศษ : พิธีกรรมเปลี่ยนผ่านของอาชาดำ]
ภาพของแอเรีย ‘ค่ำคืนที่เงียบเหงา’ ค่อยๆ แปรเปลี่ยน พื้นหญ้าแปรสภาพกลายเป็นพื้นไม้ ขณะที่ผืนดินที่เคยคงที่ก็เริ่มโคลงเคลง จะมีเพียงสิ่งเดียวที่ยังคงเหมือนเดิมอยู่ก็คงจะเป็นท้องฟ้ามืดมิดในยามค่ำคืน กับดวงจันทร์อันโดดเดี่ยวที่ยังคงตระหง่านอยู่กลางท้องฟ้า
Welcome to the Special Stage “Mary Celeste”
[ยินดีต้อนรับเข้าสู่ด่านพิเศษ “แมรี่ เซเลส”]
“แมรี่ เซเลส?”
นาคาหรี่ตา
เรือสำเภาขนสินค้าที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศแคนาดา เสียหายในพายุก่อนที่จะถูกซื้อซากเรือนำมาบูรณะโดยนาวิกโยธินชาวอเมริกันในชื่อใหม่ว่า “แมรี่ เซเลส”
แน่นอนว่า ‘เธอ’ ในชื่อใหม่ว่าแมรี่เซเลสนั้นเป็นเรือที่ดูงดงามและก็เป็นที่คาดว่าการแล่นเรือครั้งแรกของ ‘เธอ’ นั้นจะต้องประสบความสำเร็จเป็นอย่างแน่นอน
ทว่า…
หลังจากผ่านไปราวๆ 1 เดือนหลังจากที่แมรี่เซเลสออกเดินทาง ขณะที่เรือขนน้ำมันที่มีชื่อว่า ‘เดย์ กราเทีย’ กำลังแล่นผ่านหมู่เกาะ ‘อาโซรีส’ ใกล้กับประเทศโปรตุเกส
บางอย่างที่ไม่มีใครคาดคิดก็ปรากฏขึ้น…
เรือ...แมรี่เซเลสที่ปราศจากลูกเรือบนดาดฟ้า เหตุการณ์อันน่าพิศวงกับ ‘เธอ’ ที่ปรากฏขึ้นมาจากความว่างเปล่า แม้กระทั่งในตอนที่พวกเขาส่งสัญญาณไปหา สิ่งที่ตอบกลับมาก็มีเพียงแค่ความเงียบสงัดจนน่าขนหัวลุก
ไร้ผู้คน...หรือแม้แต่ต้นหนที่ควรจะส่งสัญญาณตอบพวกเขาออกมา
น่าประหลาดใจจนกัปตันเรือ ‘เดย์ กราเทีย’ เลือกที่จะจอดเรือเทียบท่า ก่อนที่จะส่งลูกเรือสองคนไปสำรวจ
พวกเขาพบว่าเรืออยู่ในสภาพที่ถูกทอดทิ้ง เสื้อผ้าข้าวของปรากฏร่องรอยเสียหาย ใบเรืออยู่ในสภาพค่อนไปในทางแย่ แต่ท้องเรือส่วนอื่นก็ไม่ได้อยู่ในสภาพที่เลวร้ายเท่าไหร่
บันทึกเหตุการณ์เดินเรือของแมรี่ เซเลสที่พวกเขาพบเจอ...ถูกบันทึกครั้งล่าสุดเมื่อ 9 วันที่แล้ว ระบุตำแหน่งของแมรี่เซเลสครั้งล่าสุดในตอนที่กำลังออกจากเกาะซานตามาเรีย ห่างไปราวๆ 400 ไมล์ทะเล
ที่แปลกที่สุดก็คือ...พวกเขาไม่พบสิ่งที่เป็นสาเหตุให้แมรี่เซเลสตกอยู่ในสภาพดังกล่าวแต่อย่างใด ห้องโดยสารของกัปตันยังคงอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ดาบประจำตัวของกัปตันยังคงอยู่ในฝัก แม้เอกสารบางอย่างจะสูญหาย แต่ถ้าหากพิจารณาจากสภาพของเรือแล้ว
‘เธอ’ ก็น่าจะยังสามารถแล่นไปต่อจนถึงจุดหมายได้อย่างไม่ยากเย็น
แล้วเพราะเหตุใดกันล่ะ? ลูกเรือทั้งหมดถึงหายไปอย่างไม่มีร่องรอย?
บ้างก็ว่า ‘เธอ’ ถูกโจมตีจากโจรสลัด บ้างก็ว่าลูกเรือของแมรี่ เซเลสร่วมกันฉ้อโกงกับกัปตันของเรือ ‘เดย์กราเทีย’ เพื่อโกงเงินที่ได้จากการกอบกู้เรือ
ขณะที่การคาดเดาที่ไร้เหตุผลมากที่สุดก็คงจะเป็นทฤษฎีที่ว่าลูกเรือทั้งหมดโดนลักพาตัวจากมนุษย์ต่างดาว…
จะอย่างไรก็ตาม นั่นก็คือเรื่องราวของแอเรียที่ตัวเขากำลังยืนอยู่ในขณะนี้
เรือแมรี่ เซเลส ตำนานเรือผีสิงชื่อดังในสภาพที่ถูกทอดทิ้งของเธอ
ร่างในชุดสูทสีดำเลื่อนสายตามองไปรอบข้าง
สิ่งที่นาคาได้ยินคือเสียงเอี๊ยดอ๊าดของแผ่นกระดานเก่าๆ กับคลื่นทะเลที่ซัดเข้าสู่เรือสำเภาที่เขากำลังยืนอยู่
สภาพโคลงเคลงของพื้นเรือทำให้เขาต้องปรับตัวเล็กน้อย แต่มันก็ไม่ได้เป็นอะไรที่แปลกใหม่กับเขามากมาย เนื่องจากตัวนาคาก็มีโอกาสได้ขึ้นเรือประมงบ้างในอดีต
ซึ่งก็เป็นในจังหวะไม่กี่นาทีหลังจากที่เขามองไปมาเพื่อสังเกตรอบข้าง ดวงตาสีดำของนาคาก็ไปหยุดอยู่ที่ร่างของใครบางคนผู้ที่กำลังยืนอยู่ที่บริเวณท้ายเรือ ใกล้ๆ กับพังงาเรือ
เจ้าของหน้ากากโอเปร่าครึ่งเสี้ยว...กับเรือนร่างในชุดเลโอทาร์ดสีดำที่บ่งบอกว่าเธอน่าจะเป็นผู้หญิง
เจ้าของผ้าคลุมสีดำ...ผู้ที่ทันทีที่หันมาสบตากับเขา ความรู้สึกเย็นวาบก็พุ่งเข้ามาแตะที่สันหลังของนาคา
พร้อมกับร่างของเธอที่หายไปอย่างรวดเร็ว
เคร๊ง!
เสี้ยววินาทีถัดมา…หรือถ้าพูดให้ถูกก็คงจะเป็น 0.467 วินาทีถัดมา ร่างที่หายไปก็มาปรากฏขึ้นที่ด้านหน้า พร้อมกับคมเล็บที่พุ่งเข้าใส่ปากลำกล้องเดสเปอราโดอีเกิลส์ที่ถูกยกขึ้นมาป้องกันลำคอของเขา
“เป็นไปไม่ได้…”
คือเสียงพูดที่ดังขึ้นมา พร้อมกับนัยน์ตาสีครามที่เบิกกว้างของหญิงสาวในชุดแปลกตา ก่อนที่ร่างของเธอจะหายไปอีกครั้ง
แน่นอนว่าตัวเขาเองก็ได้แต่ตกอยู่ในสภาพตะลึงงันเช่นเดียวกัน
คู่ต่อสู้ในรอบพิเศษ อาชาดำหนึ่งในสี่จตุรอาชาแห่งวันสิ้นโลก...
เป็นคู่ต่อสู้สายใช้ความเร็ว?
“...”
เจ้าของใบหน้าภายใต้หน้ากากยิ้มแหงนขึ้นมองดูเงาสีดำที่ปรากฏขึ้นเป็นริ้วอยู่บนอากาศเหนือเสากระโดงเรือ
แมรี่เซเลสไม่ได้เป็นเรือใหญ่ หมายความว่าพื้นที่การต่อสู้ค่อนข้างจะจำกัดและความเร็วนั่นก็เกินกว่าที่เขาจะสามารถตอบโต้ได้
เพียงแต่คาดว่า ‘อาชาดำ’ น่าจะยังไม่รู้ว่าความเร็วของเธอนั้นเกินกว่าความสามารถของเขาไปลิบ จากการป้องกันที่เกิดขึ้นในตอนแรกหลังจากที่เขายกปืนของตัวเองขึ้่นมาปัดการโจมตี
เดาว่าการที่เธอกำลังใช้ความเร็วของตัวเองพุ่งไปพุ่งมาอยู่บนเสากระโดงเรือในขณะนี้คือการดูเชิง แสดงว่าน่าจะมีเวลาอยู่สักพักก่อนที่อีกฝั่งจะพุ่งเข้ามาโจมตีอีกระลอก
พิธีกรรมเปลี่ยนผ่าน [Rite of Passage] หรือว่ามันจะมีเงื่อนไขพิเศษอะไรบางอย่างที่ไม่ใช่การเอาชนะอีกฝั่ง...
ถึงยังไงเขาก็ตามความเร็วนั่นไม่ได้อยู่แล้ว ไม่อาจปฏิเสธว่าการต่อสู้โดยตรงกับอาชาดำ น่าจะเป็นการต่อสู้เขาไม่สามารถเอาชนะได้
หน้าต่างกิจกรรม...ข้อมูลการแข่งขัน...เงื่อนไขในการเอาชนะ
หากเป็นไปได้เขาก็อยากที่จะลองเปิดหน้าต่างข้อมูลเกี่ยวกับการต่อสู้รอบนี้ขึ้นมาดู แต่คาดว่ามันน่าจะเป็นไปไม่ได้จากร่างของอีกฝั่งที่อาจพุ่งเข้ามาปลิดชีพเขาภายในชั่วพริบตา
“คุณแมรี่”
คือคำพูดที่เขาเอ่ยขึ้นมา ขณะที่นัยน์ตาก็ยังคงจับไปที่เงาที่ยังคงพุ่งไปพุ่งมาบนอากาศของนักฆ่าสาว
“มีอะไรเหรอคะ พี่ชาย?”
“เธอคิดว่าตัวเองพอจะตามความเร็วของผู้หญิงคนที่อยู่บนอากาศนั่นทันไหม”
คำตอบมีเพียงความเงียบไปสักพัก ก่อนที่เธอจะเอ่ยกลับมาว่า
“ถ้าให้คุณแมรี่ ‘ตาม’ เธอละก็ น่าจะไม่ทัน...แต่ถ้าให้คุณแมรี่เล่น ‘ซ่อนหา’ กับเธออาจจะพอ ‘จับ’ เธอได้สักครั้งแบบเฉียดฉิวละมั้ง พี่ชาย”
คำพูดดังกล่าวเรียกรอยยิ้มขึ้นมาติดที่ริมฝีปากบางๆ ก่อนที่เขาจะตอบไปว่า
“แค่ครั้งเดียวก็เกินพอแล้วละ คุณแมรี่”
ปืนในมือค่อยๆ ถูกลดลงไปช้าๆ ก่อนที่เขาจะเอื้อมมันไปเสียบไว้ที่กางเกงด้านหลัง นาาถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนที่เขาจะค่อยๆ ยกมือข้างขวาขึ้นกำหมัดติดไว้ที่หน้ากาก ก่อนที่จะค่อยๆ ตั้งการ์ดขึ้นเป็นท่าออโธดอกซ์ซ้ายนำที่เขาใช้ประจำในตอนฝึกมวย
ดวงตาสีดำยังคงเหลือบไปยังคู่ต่อสู้ของตนอยู่ตลอด ชั่วจังหวะที่เขาเปลี่ยนจากการใช้อาวุธปืนมาเป็นการต่อสู้มือเปล่า ร่างของเธอก็หยุดนิ่งอยู่ที่เสากระโดงเรือชั่วขณะ ก่อนที่จะพุ่งไปพุ่งมาด้วยความรวดเร็วเช่นเดิม
อย่างที่คิด...ผู้หญิงคนนี้ เป็นประเภทที่จะเลือกอ่านการเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้ก่อนที่จะเข้าโจมตี ไม่ใช่ประเภทที่จะโจมตีพร่ำเพรื่อ
จะว่าไปมันก็ควรจะเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว จากการตัดสินใจของเธอที่เลือกที่จะถอยออกห่างก่อนยามที่เขาป้องกันเธอได้ แทนที่จะบุกโจมตีต่อไป
นักฆ่า...ที่มีความรวดเร็ว นอกจากนั้นยังคงสุขุมรอบคอมและใจเย็น
อันตรายพอสมควร
การ์ดบริเวณหน้าของเขาถูกเกร็งแน่น ก่อนที่เขาจะเริ่มกระโดดฟุ๊ตเวิร์คไปมา
พื้นแบบนี้น่าจะได้ผล
ส่วนคุณแมรี่ก็...น่าจะเตรียมตัวพร้อมเรียบร้อยแล้วสินะ
ถ้าอย่างนั้นก็
“หน้าต่างไอเท็ม” คือคำพูดที่เขาเอ่ยขึ้นพร้อมกับหน้าต่างสีฟ้าที่เด้งขึ้นมาด้านหน้า
ช่วงเวลาเดียวกันกับที่ร่างที่พุ่งไปมาของเธอบนอากาศ ริ้วสีดำที่วนเวียนอยู่บริเวณเสากระโดงเรือจะดิ่งลงมาหาเขาด้วยความเร็วที่มหาศาลเกินกว่าที่มนุษย์จะสามารถมองทัน
ซึ่งก็แน่นอนว่าตัวเขาที่เป็นมนุษย์นั้นไม่สามารถที่จะหลบหรือแม้แต่จะตอบรับการโจมตีนั้นได้ทันอยู่แล้ว
สิ่งที่เขาทำหลังจากเรียกหน้าต่างสีฟ้าขึ้นมา...ก็มีเพียงแค่การเลื่อนนิ้วของตัวเองไปที่หน้าต่างสวมใส่ แล้วจึงกดเรียกไอเท็มที่มีรูปร่างเป็นดาบใหญ่ออกมาด้วยความรวดเร็ว
ตึง!!
คือเสียงของดาบใหญ่แห่งกองทัพอัศวินดำที่หล่นลงมาทำลายพื้นดาดฟ้าเรือจนปรากฏเป็นรูโหว่พร้อมกับพาร่างของนาคาซึ่งยืนอยู่ที่บริเวณดังกล่าวร่วงหล่นลงไปด้วย
เหตุการณ์ที่ทำเอาร่างของอาชาดำซึ่งพุ่งเข้ามาใช้กงเล็บของเธอใส่ลำคอของเขาคว้าได้เพียงแค่อากาศ
“อุ๊บ”
ความเจ็บปวดแล่นเข้ามาสู่ร่างในชุดสูทสีดำที่กำลังนอนแหงนหน้าขึ้นฟ้า จังหวะหล่นกระแทกเข้ากับท้องเรือที่สูงเกินกว่าที่คาดทำเอานาคาถึงกับชะงักไปเล็กน้อย
แต่อย่างน้อยมันก็ได้ผล…อาชาดำไม่ตามเขาลงมาที่ห้องนี้จริงๆ
คือสิ่งที่นาคา ผู้ซึ่งตกลงมาสู่ห้องอันมืดมิดด้านล่างของเรือคิด ก่อนที่จะเขาจะค่อยๆ ทรงตัวลุกขึ้นช้าๆ พร้อมกับแหงนหน้าขึ้นไปมองบนท้องฟ้าอีกครั้ง
หวังว่าคุณแมรี่...จะเข้าใจสิ่งที่เขาบอก
น่าประหลาด…
เอ็กไซล์เหลือบดวงตาของเธอไปยังรูโหว่บนดาดฟ้าเรือตำแหน่งที่ร่างในชุดสูทสีดำตกลงไป
ชั่วระยะเวลาเพียงแค่ไม่ถึงวินาทีก่อนที่กงเล็บของเธอจะตวัดเข้าไปที่ลำคอ ร่างของผู้เล่นเจ้าของหน้ากากยิ้มก็ตกลงไปสู่ท้องเรือ ผลที่เกิดขึ้นมาจากจากดาบยักษ์ที่หล่นลงทำลายดาดฟ้าเรือ
ช่างเป็นสไตล์การต่อสู้ที่น่าประหลาด...ไปจนถึงน่าชื่นชมในเวลาเดียวกัน
สติที่มั่นคงในการเรียกหน้าต่างไอเท็มขึ้นมา ก่อนที่จะเปลี่ยนมันไปยังหน้าต่างไอเท็มสวมใส่แล้วจึงนิ้วกดลงที่ปุ่มไอเท็มถึงสองครั้งเพื่อยืนยันการเรียก
ภายในช่วงเวลาไม่ถึง 1 วินาที
เจ้าของหน้ากากโอเปร่าครึ่งเสี้ยวยกมือขึ้นกุมใบหน้าของตัวเอง ก่อนที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ
“ที่เอเชียนี่ นอกจากหมอนั่นแล้วก็ยังมีผู้เล่นที่น่าสนใจเหมือนกันนี่นา”
เธอพึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนที่จะดีดตัวพุ่งไปยืนพิงเสากระโดงเรือบริเวณกลางลำเรือต้นเดิมที่เธอเคยยืนอยู่ตอนแรกเพื่อวิสัยทัศน์ที่ได้เปรียบจากบนที่สูง
เพียงแต่ว่า...
ชั่วระยเวลาไม่นานหลังจากที่ ‘อาชาดำ’ ขึ้นมายืนพิงอยู่ที่เสากระโดงเรือ
เสียงหัวเราะคิกคักของเด็กผู้หญิงก็ดังขึ้น
บางอย่าง...ที่ทำเอาเธอได้แต่หันขวับไปมาเนื่องจากตำแหน่งรอบด้านเสากระโดงเรือที่เธอยืนพิงอยู่นั้นเป็นเพียงแค่อากาศว่างเปล่าที่สูงจากพื้นดินร่วม 40 เมตร ขณะที่ตำแหน่งบนเสาที่พอจะยืนได้นั้นก็ไม่มีใครยืนอยู่เลยสักคน
เพราะฉะนั้น มันก็หมายความว่าใครหรือ ‘อะไร’ ก็ตามที่เพิ่งจะหัวเราะคิกคักให้กับเธอเมื่อกี้นั้น
กำลังลอยอยู่
“ฉันคือคุณแมรี่...”
คือเสียงที่ลอยขึ้นมาจากอากาศ คำพูดของเด็กผู้หญิงที่ดังขึ้นมาท่ามกลางอากาศที่ว่างเปล่า
คำพูด...จากตำแหน่งบริเวณด้านหลังของเธอ
“ตอนนี้ฉันอยู่ข้างหลังเธอ...”
น่าประหลาดใจที่ถึงแม้เอ็กไซล์จะรู้อยู่แก่ใจว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม ยังไงตัวเธอเองก็สามารถที่จะหลบหลีกการโจมตีของอีกฝั่งได้อย่างแน่นอน
แม้เธอจะรู้อยู่แก่ใจว่าจากความเร็วของตัวเธอแล้ว ยังไงก็ไม่มีทางที่อีกฝั่งจะโจมตีเธอได้...
ความรู้สึกบางอย่าง สัญชาติญาณ...ที่อยู่ภายในจิตใจลึกๆ บ่งบอกกับเธอว่า
เธอไม่ควรจะหันหน้ากลับไป
ราวกับยามที่เธอเผชิญหน้ากับเอ็นม่า ราชาแห่งนรก [Enma, The God of Hell] บรรยากาศที่กดดัน เย็นยะเยือกราวกับว่ามันคือวาระสุดท้ายของชีวิต
ช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายที่เธอแสนจะ…ชื่นชอบเป็นอย่างที่สุด
ฟึ่บ!
ชั่วพริบตาถัดมา ร่างของหญิงสาวเจ้าของหน้ากากโอเปร่าในชุดเลโอทาร์ดที่อยู่ภายใต้ผ้าคลุมดำหมุนร่างกลับมาเผชิญหน้ากับเจ้าสิ่งใดก็ตามที่กำลังยืนอยู่ด้านหลังของเธอ ซึ่งก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่เสียงระเบิดจะแผดดังลั่นขึ้นมา
เปรี้ยง!
0.17 วินาทีให้หลัง ทันทีที่ที่เอ็กไซล์ผู้ซึ่งหันหลังขวับไปเห็นเข้ากับกระบอกปืนรีวอลเวอร์ อาวุธที่ร่างของตุ๊กตาเด็กผู้หญิงที่กำลังลอยอยู่บนอากาศถืออยู่ หญิงสาวเจ้าของหน้ากากโอเปร่าครึ่งเสี้ยวผู้นี้ก็ชะโงกศีรษะหลบด้วยความรวดเร็วเหนือมนุษย์ หลบหัวกระสุนที่พุ่งผ่านใบหน้าของเธอไปได้อย่างเฉียดฉิว
ตุ๊กตานี่...ที่อยู่บนหัวของผู้เล่นหน้ากากยิ้มนั่นไม่ใช่หรือไง แต่ถ้าสามารถเคลื่อนไหวได้รวมถึงยังมีทักษะที่เฉพาะตัวแบบนี้อีกแสดงว่า
นี่มัน...บอสระดับสูง?
หรือว่าคู่ต่อสู้ของเธอในรอบนี้จะเป็น…
เปรี้ยง!
คือเสียงอีกเสียงที่ดังขึ้นมาอีกครั้ง เสียงระเบิดดังลั่นของดินปืนที่ดังขึ้นมาจากบริเวณเสากระโดงเรือด้านหลังตำแหน่งที่เธอยืนอยู่...
กับหัวตะกั่วของกระสุน .50 ACP ที่กำลังพุ่งผ่านอากาศตรงเข้าหาศีรษะของเธอด้วยระยะทางเพียงแค่ไม่ถึง 1 ฟุต
ใกล้…เกินกว่าที่เธอจะขยับตัวหลบ
เคร๊ง!
เคร๊ง!
เบื้องหน้า...คือร่างอรชรของหญิงสาวในชุดเลโอทาร์ด
อาวุธ...ที่อยู่ในมือคือปืนสั้นลายอินทรีที่ยังคงปรากฏเขม่าควันคาอยู่ที่ปากกระบอก
กับใบหน้าภายใต้หน้ากากยิ้มของเขาที่ได้แต่เบิกตาขึ้นกว้างอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
กงเล็บข้างขวาของเธอสองนิ้วถูกยกขึ้นมาคีบยังหัวกระสุนที่พุ่งหลุดออกมาจากเดสเปอราโดอีเกิลส์ของเขากับระยะทางเพียงแค่ไม่ถึง 30 เซนติเมตรป้องกันมันไม่ให้พุ่งตรงเข้าไปปะทะกับศีรษะของเธอ
นี่มัน...เกินกว่าความคาดหมายของเขาไปเยอะเลยไม่ใช่หรือไง
ปฏิกิริยาการตอบรับที่ไวแบบนี้…ไม่ต่างอะไรกับพิรุณที่ยกดาบขึ้นมาป้องกันการโจมตีจากกระสุนของเขาโดยที่หันหลังอยู่เลยแม้แต่น้อย
ผู้หญิงคนนี้…ปีศาจพอๆ กับแรงค์กิ้งอันดับ 3 ของเซิร์ฟเวอร์เอเชียเลยไม่ใช่หรือไง
Congratulations, you have passed The Black Horse’s Rite of Passage!!
[ขอแสดงความยินดี คุณได้ผ่านพิธีกรรมเปลี่ยนผ่านของอาชาดำ!!]
คือเสียงที่ดังขึ้นมาจากระบบ คำพูดแสดงความยินดีที่ดังขึ้นพร้อมกับตัวเลขสีแดงที่ออกมาจากบริเวณนิ้วมือและโลหิตที่ซึมออกมาจากกงเล็บของเธอเล็กน้อย
2,313!
“หึ...หึ นายนี่ก็เก่งเหมือนกันนะ ถึงกับผ่านเงื่อนไขนั้นภายในเวลาไม่ถึง 1 นาทีได้น่ะ”
คือคำพูดที่ร่างตรงหน้าเขาเอ่ยขึ้น พร้อมกับกระสุนที่ถูกกงเล็บของเธอคีบโยนทิ้งไป
“เงื่อนไข?”
เขาหรี่ตา ขณะที่เดสเปอราโดอีเกิลส์ในมือก็ยังคงจับตรงไปที่ศีรษะของอาชาดำโดยไม่มีที่ท่าจะลดมันลง
เธอเลื่อนดวงตาสีครามภายใต้หน้ากากโอเปร่าครึ่งเสี้ยวของเธอมาสบกับเขา ก่อนที่จะเหลือบสายตาไปยังกงเล็บในมือของตัวเอง แล้วจึงค่อยๆ ชูกงเล็บเป็นเลข 1 ขึ้นมา
“นั่นก็คือโจมตีให้ถูกตัวฉัน 1 ที”
โจมตีให้ถูกตัว 1 ที...เงื่อนไขที่ดูง่ายแสนง่าย
แต่มันกลับไม่ง่ายเท่าที่คิด ยามเมื่อคู่ต่อสู้ที่จะต้องโจมตีให้ถูกเป็นพวกที่มีความเร็วในระดับเกินกว่าที่สติสัมปชัญญะของมนุษย์จะตอบโต้ทันแบบนี้น่ะนะ
“คุณ...เป็นผู้เล่น?”
คือคำพูดที่เขาลองยิงถามอีกฝั่ง
“ถูกต้อง”
คือคำตอบที่ถูกเอ่ยจากริมฝีปากของเธอที่เริ่มขยับยิ้มออกมา
ผู้เล่น...ที่มีความเร็วเทียบเท่าหรือมากกว่าคุณคุโระ
“นายชื่ออะไรล่ะ ในฐานะคนแรกและอาจจะเป็นคนเดียวในกิจกรรมที่สามารถผ่านการทดสอบของฉัน คงจะไม่รังเกียจหรอกนะ ถ้าหากฉันจะอยากรู้จักชื่อเสียงเรียงนามของนาย”
“นาคา” เขาตอบ ร่างในชุดสูทสีดำยืนนิ่งไปสักพักก่อนที่จะเลื่อนดวงตาสีดำไปสบกับเธอแล้วจึงพูดต่อขึ้นมาว่า
“จะว่าไป...โดยปกติแล้วการจะถามชื่อใครสักคน ต้องเป็นฝ่ายแนะนำชื่อตัวเองมาก่อนไม่ใช่หรือไงครับ”
“หืม...ปากกล้าเหมือนกันนี่”
“มันก็แค่เรื่องมารยาททางสังคมน่ะครับ”
เธอยิ้ม เขาหรี่ตา บรรยากาศบนเสากระโดงเรือในยามค่ำคืนดำเนินไปด้วยความกระอักกระอ่วน ก่อนที่อาชาดำจะเป็นฝ่ายเอ่ยออกมาว่า
“ฉันชื่อเอ็กไซล์”
“เอ็กไซล์?” นาคาทวนคำ
เธอพยักหน้า
“ไม่รู้จักสินะ” หญิงสาวผู้ที่มีชื่อว่าเอ็กไซล์กล่าวพร้อมกับถอนหายใจออกมาเบาๆ “แต่ก็ไม่แปลกหรอก เพราะนายเป็นผู้เล่นของเอ็นโทร่านี่นะ”
ผู้เล่นของเอ็นโทร่า...
“งั้นก็ไว้เจอกันอีกถ้านายผ่านเข้ารอบ ทักษะประหลาดๆ ของนายน่าสนใจดี รวมไปถึงแม่ตุ๊กตาที่ยืนถือปืนจ่ออยู่ที่ข้างหลังฉันนี่ด้วย” พูดจบเอ็กไซล์ก็ยกนิ้วชี้ไปยังคุณแมรี่ ตุ๊กตาตัวน้อยที่ยังคงทำตามที่เด็กหนุ่มบอก ลอยตัวถือปืนจ่ออยู่ที่ด้านหลังของเธอ
“ไว้เจอกันใหม่ครับ” เขาตอบกลับ
อีกฝั่งได้ยินดังนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เธอเพียงแค่หันหลังโบกมือลา ก่อนที่จะเริ่มกลายสภาพเป็นริ้วสีดำ พุ่งออกห่างเด้งไปตามผิวน้ำทิ้งระยะออกห่างจากเรื่อแมรี่เซเลสไปเรื่อยๆ
“คาดไม่ถึงจริงๆ ว่าที่เซิร์ฟเวอร์นี้จะมี…เรกิอัส [Regius] อยู่ด้วย” คือคำพูดที่อาชาดำพึมพำออกมาเบาๆ ขณะที่นัยน์ตาสีครามของเธอก็เหลือบกลับไปยังร่างของผู้เล่นหน้ากากยิ้มและตุ๊กตาผมบลอนด์ที่อยู่ไกลขึ้นเรื่อยๆ
“แถมแม่ตุ๊กตาเด็กผู้หญิงนั่น...”
ดูยังไงก็อยู่ในข่ายมาลั่ม [Malum] ไม่ใช่หรือไง
บันทึกข้อมูล [Data Entry]
Regius : N. (คำนาม) Derived from the oblique stem Reg- of Rex [สืบต่อมาจากรากศัพท์ Reg- ของ Rex]
Latin for Ruler / King [ภาษาละตินสำหรับ ‘ผู้ปกครองหรือกษัตริย์’]
Malum : N. (คำนาม) Latin for Evil [ภาษาละตินสำหรับ ‘ความชั่วร้าย’]
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

และเพิ่มเติมคืออยากอ่านนนนนน ทำไมไม่มาทุกวันน้า
มีใครมีเครื่องเร่งความเร็วกระสุนไหมครับ ~
รับประมูลในราคาสูงเอามาให้นาคาใช้
งือออออ
regia คืออารายยยยยยย????