ตอนที่ 68 : Error : 0x00000064 ฟรานเชสก้า
ERROR Online : Overkill
“เฮ่อ...”
เสียงถอนหายใจดังขึ้นเป็นรอบที่สามสิบสองในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าชายภายในยิมเนเซียม นาคาที่อยู่ในชุดนักเรียนเรียบร้อยนั่งกุบขมับบนม้านั่งไม้หน้าล็อคเกอร์ได้สักพักก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงของเจ้าลูกครึ่งตัวแสบที่ดังขึ้นมาจากทางด้านหลังอีกครั้ง
“เครียดอะไรอยู่หรือไง พี่ชาย~” น้ำเสียงคริสต์แฝงความยียวนเล็กน้อยตามปกติ นาคาเหลือบสายตาไปมองก็พบกับภาพของนักเรียนชายผมน้ำตาลประกายทองที่มีผ้าขนหนูสีขาวคาดเอวอยู่
หมอนี่เป็นลูกครึ่งอเมริกัน...แต่ไม่รู้จักคำว่า ‘Personal Space’ หรือไง
เรื่องนั้นยังไม่เท่าไหร่ เขาเองก็ไม่ได้อยากจะตำหนิอะไรมากเพราะมันก็อาจจะเป็นธรรมชาติของหมอนี่ไปแล้ว
เพียงแต่เรื่องที่มันดันมาพูดกับเขาด้วยความไม่รู้สึกผิดอะไรเลยนี่แหละ ที่ทำให้เขาอยากจะปล่อยหมัดขวาตรงใส่หมอนี่สักทีสองที
แน่นอนว่าแม้นาคาจะอยากฆาตกรรมโฉดคริสต์มากแค่ไหน แต่สิ่งที่เขาตอบกลับไปก็มีเพียงแค่รอยยิ้มที่พยายามจะฝืนอารมณ์ไว้
“ม...ไม่มีอะไรหรอก”
คริสต์ไม่ได้พูดอะไรต่อ หมอนั่นยืนมองหน้าเขาอยู่ในผ้าขนหนูไปสักพัก ก่อนที่มันจะเดินมาล้มตัวลงนั่งที่เก้าอี้ข้างซ้าย แล้วจึงเปิดล็อคเกอร์ออกมาพร้อมกับหยิบผ้าขนหนูขึ้นมาเช็ดหน้า
“ว่าแต่ถึงกับทำให้เด็กผู้หญิงที่เย็นชาแบบเจ้าหญิงชอบนายได้ นายนี่ก็เพลย์บอยตัวยงเลยไม่ใช่หรือไง”
คำพูดของคริสต์ทำเอานาคาได้แต่หรี่ตาลงช้าๆ ก่อนที่เขาจะหันไปทางด้านขวา ซึ่งก็เป็นเพียงแค่ชั่วพริบตาเดียวก่อนที่นาคาจะต้องหันกลับมานั่งยกมือกุมหน้าเครียดๆ อีกรอบ
“ช่วย...ใส่เสื้อผ้าเร็วๆ หน่อยเถอะ”
ลูกครึ่งตัวแสบหัวเราะ ก่อนที่หมอนี่จะเอื้อมมือไปเปิดล็อคเกอร์หยิบเชิ้ตสีขาวขึ้นมาใส่
ทำไมมันดันเริ่มใส่เสื้อก่อน
คำถามแห่งศตวรรษที่นาคาไม่ได้ถามมันออกไป สิ่งที่เขาทำก็เพียงแค่นั่งก้มหน้าอยู่ที่เดิม ถอนหายใจเสียงเครียดอยู่สักพักก่อนที่จะถามออกไปว่า
“เมื่อกี้นายเรียกหยกว่า เจ้าหญิง?”
คริสต์หันมายิ้มให้กับเขา
“ก็เธอคือยูสเซอร์ชื่อดังแห่งไวท์แคสเซิล สาวน้อยผู้ทำลายกิลด์วันเดอร์แลนด์ด้วยตัวคนเดียว ปริ้นเซสออฟธอร์น...ใช่ไหมละ”
คำพูดดังกล่าวทำเอานาคาถึงกับขมวดคิ้ว
“นายเล่นเกมนั่นด้วยหรือไง”
คริสต์หัวเราะออกมาเบาๆ
“นั่นเป็นสิ่งที่ฉันต้องถามนายมากกว่า นาคา ไพศาลธารา...อัจฉริยะผู้ชนะเหรียญทองโอลิมปิกด้วยอายุน้อยที่สุดในโลก...”
“คนแบบนายน่ะเล่น ERROR Online ด้วยหรือไง”
นาคาที่นั่งก้มหน้าอยู่ไม่ได้พูดอะไร เด็กหนุ่มเพียงแค่เลื่อนสายตากลับมามองคริสต์ที่ในขณะนี้กำลังยืนหวีผมอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวและบ็อกเซอร์ลายทาง
“แล้วเพลย์เมคเกอร์อันดับหนึ่งแห่งวงการฟุตบอลเอเชียแบบนาย ทำไมถึงเล่นเกมนั่นด้วยละ” เขาพูด เลื่อนสายตาไปสบกับคริสต์
“บอกฉันหน่อยสิ...คุณ Little Magician [พ่อมดน้อย]”
ลูกครึ่งผมบลอนด์น้ำตาลชะงักไปชั่วขณะ คริสต์เลิกคิ้วช้าๆ ก่อนที่จะหันมาสบตากับเขาพร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างถูกใจ
“ฮะๆ นายนี่ก็น่าสนใจพอตัวเหมือนกันนี่นา นาคา”
นาคาไม่ได้ตอบอะไรกลับ ก่อนที่เขาจะเหลือบไปสะดุดกับภาพของ ‘อะไรบางอย่าง’ ของคริสต์ที่ทำลายล้างกฏฟิสิกส์ของมนุษย์ธรรมดาอย่างไม่มีชิ้นดี นาคาจึงค่อยๆ ก้มหน้าก่อนที่จะยกมือขึ้นกุมขมับขึ้นมาอีกครั้ง ในขณะที่ริมฝีปากของเขาก็พูดเพียงแค่ว่า
“รีบใส่กางเกงเร็วๆ เข้าเถอะ”
“เซนซิทีฟสินะ นายจะบอกว่าการเป็นคนเซนซิทีฟคือข้อสำคัญสำหรับการเป็นหนุ่มฮ็อทแบบนายสินะ นาคา”
“...”
บางทีเขาอาจจะเป็นคนบาปหนาจนพระเจ้าตัดสินใจส่งหมอนี่เข้ามาเพื่อให้เขาทุกข์ทรมานกับชีวิตมากขึ้น
ลูกครึ่งตัวแสบยืนหวีผมไปสักพัก ก่อนที่จะมันจะเริ่มยื่นข้อแม้ที่แสนประหลาดมาให้ว่า
“เอาเป็นว่าถ้าทำตามที่นายบอก นาคา ตอนเที่ยงนี่ขอฉันไปกินข้าวกับพวกนายได้ไหม”
ขอสารภาพว่านี่เป็นการขอให้คนอื่นใส่กางเกงที่ลำบากที่สุดในชีวิต
“ตามที่นายสะดวก” นาคาตอบ
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ลูกครึ่งสองสัญชาติก็เพียงแค่พยักหน้าหงึกๆ อย่างพึงพอใจ ขณะที่ทางฝั่งนาคาเองหลังจากที่ผ่านไปไม่ถึงเสี้ยววินาทีก็สะกิดใจกับข้อแม้ของอีกฝั่ง พูดทวนคำขึ้นมาว่า
“พวกนาย?”
ลูกครึ่งไทย-อเมริกันพยักหน้า ก่อนที่คริสต์จะเลื่อนมือไปปิดล็อคเกอร์แล้วจึงหันหน้ามาสบตากับนาคา ยกหวีสีน้ำตาลเข้มของตัวเองเสยผมช้าๆ อีกครั้ง
“ถูกต้อง...คำว่า ‘พวกนาย’ น่ะรวมถึงราชินีร้อยศพด้วยน่ะนะ...”
“ไม่ชอบกินของหวานไม่ใช่หรือไง...นาคา” คำพูดดักคอดังขึ้นมาจากสาวน้อยกรอบแว่นสีแดงทันทีที่เขาเดินมาถึงโต๊ะของเธอ ขณะที่ผู้ที่เดินตามเขามาแบบคริสต์ก็เพียงแค่หันซ้ายหันขวาโบกมือเรียกเสียงกรี๊ดจากเด็กผู้หญิงที่นั่งอยู่รอบโรงอาหารอย่างอารมณ์ดี
“นั่นสินะ”
“แล้วหมอนั่น...สนิทกันแล้ว?” หยกชี้นิ้วมาที่เจ้าลูกครึ่งซึ่งกำลังโปรยยิ้มเรียกเสียงกรี๊ดอย่างถูกใจจากเด็กผู้หญิงที่โดยรอบโรงอาหารไปทั่ว
“นั่นสินะ”
“นายถูกคำสาปให้พูดได้แต่คำว่า ‘นั่นสินะ’ ใช่ไหมนาคา” หยกเอ่ยถามพร้อมกับใช้ส้อมจิ้มสตรอว์เบอร์รี่ชีสเค้กที่อยู่ตรงหน้าขึ้นเคียวหยับๆ
“นั่นสินะ”
“คำว่า ‘ไม่ได้รังเกียจ’ ที่ฉันพูดกับนายน่ะ จริงๆ แล้วมันหมายความว่า ‘ฉันชอบนาย’ รู้ไหม”
“นั่นส…”
เขาชะงักกึกทันทีที่คำพูดดังกล่าวออกจากปากของหยก ก่อนที่จะหันมาสบตากับเด็กสาวในกรอบแว่นสีแดงที่ยังคงมองมาที่เขาด้วยนัยน์ตานิ่งสนิทเช่นเคย
“เธอนี่...สุดยอดจริงๆ ที่พูดอะไรแบบนั้นได้โดยสีหน้าไม่เปลี่ยนไปเลยน่ะนะ”
หยกไม่ได้พูดอะไรกลับ เธอตักส้อมจิ้มชีสเค้กใส่เข้าปาก เคี้ยวชิ้นเค้กไปสักพักก่อนที่จะกลืนมันลงลำคอ แล้วจึงเอื้อมนิ้วเรียวไปหยิบแก้วชาร้อนที่อยู่ข้างๆ ขึ้นจิบ ยิ้มออกมาช้าๆ แล้วจึงพูดออกมาว่า
“ฉันจะถือว่านั่นเป็นคำชมละกัน”
นาคาไม่ได้พูดอะไรต่อ ก่อนที่คริสต์ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ จะเข้ามาร่วมบทสนทนาโดยการพูดออกมาว่า
“ราชินีร้อยศพ ชีสเค้กที่เธอกินอยู่ จากคะแนนเต็ม 10 คิดว่าเธอจะให้มันเท่าไหร่”
หยกเลิกคิ้ว เธอหันมาสบตากับลูกครึ่งต่างชาติที่มองตรงมาที่เธอยิ้มๆ ก่อนที่เด็กสาวจะตอบกลับไปตามตรงว่า
“น่าจะอยู่ที่ราวๆ 8”
คริสต์พยักหน้าหงึกๆ ก่อนที่จะคว้าหมับเข้าไปที่คอของนาคาที่ยังคงยืนมึนๆ อยู่ข้างๆ แล้วจึงก้าวเท้าไปข้างหน้าพร้อมกับลากเด็กหนุ่มผมดำไปด้วยโดยที่ไม่ปล่อยให้อีกฝั่งได้เอ่ยปฏิเสธแต่อย่างใด
“ไปซื้อเค้กกันเถอะ เพื่อนยาก” นั่นคือคำพูดสุดท้ายก่อนที่ทั้งสองจะเดินตรงไปยังร้านเค้กทิ้งไว้แต่เด็กสาวที่กำลังนั่งจิ้มเค้กขึ้นเคี้ยวหยับๆ อยู่คนเดียว
หยกค่อยๆ กลืนเนื้อเค้กลงคอก่อนที่จะยกแก้วชาร้อนที่วางอยู่ข้างๆ ขึ้นจิบช้าๆ แล้วจึงพูดพึมพำออกมาว่า
“หมอนั่น...บางทีก็ดูน่าสงสารเหมือนกัน”
“...”
นาคาได้แต่นั่งมองเค้กช็อคโกแลตที่อยู่บนจานข้างหน้าของตัวเองด้วยนัยน์ตาที่ว่างเปล่า ขณะที่ทางฝั่งเจ้าลูกครึ่งตัวแสบทันทีที่ก้มลงนั่งที่โต๊ะไม้ฝั่งตรงข้ามกับหยก มันก็เริ่มจิ้มเค้กเข้าปากก่อนที่จะพรรณาถึงความอร่อยของสตรอว์เบอร์รี่ชีสเค้กที่มันกำลังกินอยู่ออกมาว่า
“Amazing! เค้กนี่มันทำให้ฉันนึกถึงตอนที่ไปเที่ยวฟาร์มนมที่สวิทเซอร์แลนด์กับครอบครัว มันทำให้ฉันนึกถึงมอสซาเรลล่าชีสรสเยี่ยมที่ฉันได้กินในวันนั้น ชีสนั่นมันช่างสุดยอดถึงขนาดที่รสชาติของมันยังคงตราตรึงอยู่ในใจของฉันมาจนถึงทุกวันนี้”
สาวน้อยไม่ได้พูดอะไรนอกจากนั่งเคี้ยวสตรอว์เบอร์รี่ชีสเค้กของเธอไปอย่างเงียบๆ ในขณะที่ทางฝั่งนาคาก็ยังคงนั่งเข้าโหมดขับเคลื่อนอัตโนมัติมองชิ้นเค้กช็อคโกแล็ตสีเข้มในจานของเขาเรื่อยๆ เช่นเดิม
“Oh God! สตรอว์เบอร์รี่นี่มันช่างสุดยอดจริงๆ ทันทีที่ลิ้นของฉันสัมผัสกับมัน...ราวกับว่าฉันสามารถที่จะเห็นภาพของชาวสวนที่แคลิฟอเนียกำลังเด็ดมันขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม ความทะนุถนอมของชาวสวนที่ทุ่มเทหยาดเหงื่อและชีวิตให้กับมัน อา สตรอว์เบอร์รี่ชีสเค้กนี่มันช่างสุดยอดจริงๆ!!”
สาวน้อยยังคงนั่งกินเค้กต่อไปเรื่อยๆ ในขณะที่ทางฝั่งนาคาที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ก็เพียงแค่เลื่อนส้อมของตนตัดเค้กช็อคโกแลตก่อนที่จะจิ้มมันเข้าไปในปากแล้วจึงพึมพำออกมาแค่ว่า “ก็ไม่เลว...”
“นายก็คิดเหมือนกับฉันใช่ไหมละ นาคา เค้กนี่ช่างงดงามราวกับว่ามันคือโลกใหม่แห่งวงการทำขนมเลยไม่ใช่หรือไงกัน”
“ก็คงงั้น” นาคาพยักหน้าเออออตามน้ำไปเพื่อให้อีกฝั่งไม่ตามรังควานเขาต่อ
หยกเองหลังจากที่เธอจัดการเค้กที่อยู่ตรงหน้าจนหมด สาวน้อยจึงค่อยๆ ยกชาร้อนขึ้นจิบ เลื่อนสายตาไปสบกับเจ้าลูกครึ่งผมน้ำตาลที่กำลังนั่งกินเค้กอยู่
“ชีสเค้กที่นายกินอยู่ทำมาจากครีมชีสนิวซีแลนด์ ส่วนสตรอว์เบอร์รี่ได้ข่าวว่าเจ้าของร้านสั่งมาจากฉางซา มณฑลหูหนาน ประเทศจีน” พูดจบเธอก็เลื่อนสายตากลับมาที่นาคาซึ่งกำลังกินเค้กอยู่เงียบๆ
“เพื่อนใหม่นายนี่เป็นคนตลกดีนะ นาคา”
นาคาถอนหายใจออกมาเบาๆ เขาตัดแบ่งเค้กช็อคโกแลตเป็นสองส่วน จิ้มเค้กก้อนโตใส่ปากเคี้ยวไม่กี่ครั้งก่อนที่จะกลืนมันลงคอ แล้วจึงทำเช่นเดียวกับเค้กอีกชิ้น ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือไปหยิบขวดน้ำแร่ที่ซื้อมาจากร้านเค้กขึ้นดื่มล้างคอ จากนั้นจึงหันไปถามกับคริสต์ว่า
“เข้าเรื่องเลยดีกว่า คริสต์ สรุปว่านายมีธุระเรื่องอะไรละ...ที่บอกว่าให้พามาเจอกับหยกที่นี่น่ะ”
ผู้เชี่ยวชาญด้านชีสและสตรอว์เบอร์รี่ดูเหมือนจะยังช็อคไม่หายจากการถูกลับคมโดยเด็กสาว คริสต์นั่งหัวเราะกลบเกลื่อนไปสักพักก่อนที่เขาจะกระแอมไอออกมาเบาๆ แล้วจึงหันมาสบตากับหยก
“เธอ...รู้จักหัวหน้ากิลด์วันเดอร์แลนด์ใช่ไหม ราชินีร้อยศพ”
ดวงหน้าของหยกกระตุกเล็กน้อยทันทีที่เธอได้ยินคำพูดดังกล่าว เด็กสาวหรี่ตาลงช้าๆ
“ถ้านายหมายถึงในเกมละก็...ใช่ ฉันรู้จักผู้หญิงคนนั้น”
ทันทีที่ได้ยินแบบนั้น นัยน์ตาสีฟ้าของคริสต์ก็ปรากฏแววลำบากใจอย่างชัดเจน ขณะที่ท่าทางที่ลูกครึ่งผมบลอนด์แสดงออกมาก็มีเพียงแค่การสบถออกมาเป็นภาษาอังกฤษเบาๆ
“Damn that girl...always doing what she wants.
[บ้าเอ๊ย...แม่นั่นเอาแต่ทำอะไรตามใจตัวเองตลอดเลย ให้ตายสิ]”
“นายเกี่ยวข้องอะไรกับกิลด์นั้นหรือไง”
คริสต์ถอนหายใจเสียงเครียดอยู่สักพักก่อนที่จะหันมาสบตากับหยก แล้วจึงลุกขึ้นยืนพร้อมกับก้มศีรษะลงช้าๆ
“ขอโทษเธอด้วยละกัน ราชินีร้อยศพ!”
“ขอโทษ...หมายความว่ายังไง?”
“ผู้เล่น ฟรานเชสก้า [Francesca] ที่เป็นหัวหน้ากิลด์วันเดอร์แลนด์น่ะ…” คริสต์ยังคงก้มหัวอยู่ด้วยความรู้สึกผิด เขาสูดลมหายใจเข้าปอดรวบรวมความกล้าอยู่สักพักใหญ่ๆ ก่อนที่จะขยับริมฝีปากเอ่ยคำสารภาพออกมาตามตรง
คำสารภาพ...ที่ทำเอาสาวน้อยในกรอบแว่นได้แต่เบิกตากว้าง พร้อมกับเสียงของแก้วน้ำชาในมือของเธอที่หล่นไปกระแทกกับโต๊ะไม้จนเกิดรอยร้าว
“เธอเป็น...พี่สาวของฉันเอง”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

and yes , I gonna believe in Naka X Alice. Nothing else matter.
5555555555555+
"คำว่า 'ไม่ได้รังเกียจ' ที่ฉันพูดกับนายน่ะ จริง ๆ แล้วมันหมายความว่า 'ฉันชอบนาย' รู้ไหม
"คำว่า 'ไม่ได้รังเกียจ' ที่ฉันพูดกับนายน่ะ จริง ๆ แล้วมันหมายความว่า 'ฉันชอบนาย' รู้ไหม
"คำว่า 'ไม่ได้รังเกียจ' ที่ฉันพูดกับนายน่ะ จริง ๆ แล้วมันหมายความว่า 'ฉันชอบนาย' รู้ไหม
ถึงจะไม่รู้ว่าพูดฆ่าคนโดนคำสาป 'นั่นสินะ' จริง ๆ หรืออะไรก็เถอะ.....
ต่อๆน่ะค่ะ
อยากให้คริสต์มาอยู่ด้วย สี่คนคงวุ่วายน่าดู