ตอนที่ 67 : Error : 0x00000063 สูญเสีย
ERROR Online : Overkill
หนึ่ง...สอง
เหลียงหรือผู้ที่ได้รับฉายาว่าเจ๊กทีมชาติไล่สายตามองดูแนวรุกฝั่งตรงข้ามสองคนที่ขึ้นมายืนเบื้องหน้า
ภาพของนักเรียนผมบลอนด์ออกไปทางน้ำตาลที่กำลังยืนใช้หวีเสยผมของตัวเองพร้อมกับยิ้มอย่างกวนๆ มาให้กับเขา ขณะที่อีกฝั่งก็เป็นเด็กหนุ่มผมดำตัวสูงที่ยืนมองตรงมาที่ลูกฟูตบอลด้วยแววตาเรียบสนิท
อย่างที่เขาคิดไว้ ไอ้ลูกครึ่งตัวแสบนั่นต้องเล่นกองหน้า แต่ที่คิดไม่ถึงก็คือการที่เจ้าของเหรียญทองคณิตศาสตร์โอลิมปิกอย่างนาคา ไพศาลธาราจะลงมายืนเป็นกองหน้าด้วย
ปรี๊ด!
เสียงเป่านกหวีดที่ดังขึ้นฉับพลันจากอาจารย์วิชาพละซึ่งทำหน้าที่เป็นกรรมการเรียกความสนใจของเหลียงให้หันไปมอง
ดูเหมือนว่าคริสต์จะโดนกรรมการตักเตือนเรื่องที่มันดันเอาหวีขึ้นมาเสยผมของตัวเองระหว่างที่เกมกำลังจะเริ่ม
“...”
ไอ้ลูกครึ่งเวรนั่น...มันจะเล่นไปถึงไหนกัน
ตั้งแต่ตอนที่ฝึกซ้อมด้วยกันในค่ายทีมชาติแล้ว หมอนั่นเป็นคนเดียวที่มาสายตลอดทุกครั้งที่มีการฝึกซ้อม นอกจากนี้มันยังไล่ตั้งฉายาให้กับสมาชิกคนอื่นในทีมแทบทุกคน เรียกเพื่อนร่วมทีมว่ากองกลางอบต.บ้าง กองหน้าผ้าเย็นบ้างไม่ก็เทพเจ้าวานรบ้าง ขนาดเขาเองก็ยังถูกมันเรียกว่าเจ๊กทีมชาติเลยด้วยซ้ำ
ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด เหลียงยืนมองกองกลางอภิสิทธิ์สูงยืนทำหน้าละห้อยให้กับหวีรักของมันถูกยึดโดยอาจารย์พละอยู่สักพัก ก่อนที่จะหันไปส่งซิกให้กับโจอี้เพื่อนร่วมทีมชาติของตนด้วยการชี้นิ้วไปที่คริสต์แทนคำสั่งให้ประกบติดลูกครึ่งหน้าตากวนส้นเท้านั่นที่ทางกราบขวา
ส่วนเขาก็จะโจมตีไปทางด้านซ้ายซึ่งเป็นด้านถนัด เด็กเรียนเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกคณิตศาสตร์ที่ประจำตำแหน่งอยู่นั่นน่าจะไม่เกินฝีมือของแบ็คซ้ายทีมชาติแบบเขา
ปรี๊ด!
เสียงเป่านกหวีดเป็นสัญญาณเริ่มเกมดังขึ้นพร้อมกับเสียงเชียร์ที่ระอุขึ้นมาจากสองฝั่งของสนามภายในโรงยิมเนเซียมขนาดใหญ่
โจอี้เขี่ยบอลส่งมาให้กับเหลียง ก่อนที่กองหน้าทีมชาติผู้มีหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับลิงจะวิ่งไปขวางหน้าคริสต์อย่างรวดเร็ว
“โฮ่ ตรงเข้ามาประกบฉันเลยหรือไง ท่านพญาวานร” คริสต์พูดยิ้มๆ ก่อนที่จะลองขยับตัวยึกยักหาทางฉีกตัวประกบ
“อย่าได้ใจไป คุณฝรั่งขี้เก๊ก” โจอี้พูดพร้อมกับก้าวเท้าไปข้างหน้า จับตายคริสต์โดยการใช้ไหล่เบียดพร้อมกับยื่นขาไปบังทางจังหวะก้าวของอีกฝ่าย “ทีมเรามีเหลียงกับฉันอยู่ อีกสองคนนั่นก็เป็นนักกีฬาอันดับต้นๆ ของโรงเรียน ต่างกันกับทีมนายที่ถึงจะมีเอสของทีมชาติแบบนาย คริสต์ แต่นายก็เป็นคนเดียวที่เล่นฟุตบอลเป็นในทีม”
คริสต์สบถออกมาด้วยความหงุดหงิดจากการที่โดนประกบติดโดยกอริลล่าร่างยักษ์ที่ใช้รูปร่างที่ใหญ่พร้อมกับแรงที่มากในการปิดกันไม่ให้เขามีช่องว่าง
“ฟุตบอลกับฟุตซอลน่ะเป็นกีฬาที่เล่นเป็นทีม พวกบอลชายเดี่ยวแบบนาย ไม่มีทางที่จะเอาชนะแมทซ์นี้ไปได้หรอก คริสต์” โจอี้พูดพร้อมกับออกแรงกระแทกไปที่ไหล่คริสต์ที่กำลังจะม้วนตัวหลบการประกบ
“อุุ๊บ...” ลูกครึ่งสองสัญชาติเซไปข้างหลังเล็กน้อย ก่อนที่จะกลับมาทรงตัวยืนได้อย่างไม่ลำบากเท่าไหร่
การต่อสู้กลายมาเป็นการดูเชิงอีกฝ่ายโดยเว้นระยะห่าง คริสต์และโจอี้ยืนสังเกตท่าทีของอีกฝ่ายโดยที่ไม่มีใครขยับเขยื้อน เวลาผ่านไปสักพักก่อนที่ทางฝั่งคริสต์จะเป็นฝ่ายเหลือบไปเห็นเข้ากับเหตุการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้นบริเวณปีกขวา
เหตุการณ์ที่ทำให้เขาได้แต่เผยอปากออกมาอย่างทึ่งๆ ก่อนที่จะค่อยๆ ยิ้มออกช้าๆ
อย่างที่คิดไว้เลย...
เป็นเวลาเดียวกันกับที่เสียงของผู้ชมที่กำลังร้องตะโกนเชียร์รอบด้านจะหยุดชะงักลง ยิมเนเซียมที่เคยเต็มไปด้วยเสียงกู่ร้องตะโกนเชียร์ห้อง 9 จู่ๆ ก็เปลี่ยนไปเป็นเงียบสนิทขนาดที่ว่าหากเข็มตกก็คงได้ยิน
ราวกับว่าผู้ชมทั้งหมดกำลังต้องเวทมนตร์ ภาพของนักเรียนชายหญิงที่ยืนดูอยู่รอบด้านนั้นมีอาการใกล้เคียงกันหมดคือการอ้าปากค้าง นัยน์ตาเบิกกว้าง บางคนก็ยกมือขึ้นขยี้ตาเพราะนึกว่าตัวเองกำลังฝันไป หรือแม้แต่อาจารย์ผู้เป็นกรรมการก็ได้แต่ยืนช็อคปล่อยนกหวีดซึ่งเคยอยู่ในปากร่วงไปแกว่งอยู่ที่บริเวณลำคอ
“ส...สุดยอด”
“นั่นมัน...อะไรกันวะ หมอนั่น...แค่พริบตาเดียว”
“เป็นไปไม่ได้…เหลียงห้องเราเป็นแบ็คซ้ายทีมชาติ U17 เลยไม่ใช่หรือไง”
ภาพเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้น ในขณะที่ผู้อยู่ในเหตุการณ์แบบเหลียงก็ได้แต่ยืนเบิกตากว้าง เหงื่อท่วมร่างอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
มัน...เกิดอะไรขึ้นกันแน่
ย้อนกลับไปเมื่อสามวินาทีที่แล้ว
ลูกฟุตบอลอยู่ในการครอบครองของเหลียง เขาเคลื่อนที่ไปทางริมเส้นด้านซ้ายเพื่อบีบบังคับให้อีกฝั่งแย่งบอลได้จากทางขวาเพียงอย่างเดียว
นัยน์ตาของเขาจับไปยังร่างของเด็กหนุ่มผมดำที่ยืนประกบห่างไปราวๆ สองเมตร ดูจากการเคลื่อนไหวทื่อๆ ของฝั่งตรงข้ามเขาก็รู้แล้วว่าเด็กเรียนแชมป์โอลิมปิกแบบหมอนี่ไม่มีทักษะทางด้านกีฬาเลยแม้แต่น้อย
การก้าวเท้าที่เป็นไปอย่างเชื่องช้ารวมไปถึงการหายใจถี่อย่างไม่เป็นจังหวะที่เกิดขึ้นตั้งแต่ที่เริ่มเกมเป็นตัวบอกได้เป็นอย่างดีว่านักเรียนชายที่มีชื่อว่า นาคา ไพศาลธารา นั้นไม่เคยเล่นฟุตบอลมาก่อน
หมอนี่...หมูชัดๆ
เหลียงแอบยิ้มในใจ ก่อนที่จะตัดสินใจตอบแทนผู้ชมที่กำลังส่งเสียงเชียร์พวกเขาอยู่รอบข้างโดนการเล่นท่า ‘Rainbow Flick’ แบ็คซ้ายทีมชาตินำส้นเท้ากับข้างเท้าด้านในมาประกบไว้ที่บอล ก่อนที่จะกระดกมันข้ามหัวของเด็กหนุ่มผมดำเบาๆ
ง่ายยิงกว่าปอกกล้วยเข้าปาก
เหลียงคิดในใจ ก่อนที่จะฉีกตัวหลบฝั่งตรงข้ามเพื่อที่จะขยับไปรับบอลซึ่งอยู่ด้านหลัง
เพียงแต่ว่า…
จังหวะที่เขากำลังจะก้าวเท้าพุ่งตัวออกไป นัยน์ตาของเหลียงก็เหลือบเข้าไปเห็นกับอะไรบางอย่างที่ทำให้เท้าที่เกือบจะพุ่งไปแล้วของเขาต้องชะงักกลับมาอยู่ที่เดิม
ภาพเบื้องหน้าคือภาพของแชมป์คณิตศาสตร์ที่กำลังยื่นขาซ้ายกลับหลังไปตอกส้นใส่ลูก ‘เรนโบว์ฟลิค’ ที่เขากระดกข้ามหัวไปเมื่อครู่ ส้นเท้าของหมอนั่นสัมผัสกับลูกฟุตซอลอย่างแผ่วเบาก่อนที่มันจะลอยกลับมาที่เบื้องหน้าของเด็กหนุ่มผมดำอย่างแม่นยำ
หมอนี่…เล่นฟุตบอลเป็นหรือไง?
ถ้าอย่างนั้นทำไมการเคลื่อนไหว…
จังหวะที่เหลียงกำลังใช้ความคิดอยู่นั่นเอง จู่ๆ ขาขวาที่เชื่องช้าของหมอนั่นก็ค่อยๆ ใช้ข้างเท้าด้านนอกแตะบอลคล้ายกับว่าจะพยายามเลี้ยงหลบเขาไปที่สุดเส้น
แต่...ถ้าคิดว่าแค่เล่นฟุตบอลเป็นแล้วจะเอาชนะแบ็คซ้ายทีมชาติแบบเขาได้แล้วละก็
นั่นน่ะผิดมหันต์
เหลียงที่จับตามองอยู่ตลอดนั้นย่อมไม่ปล่อยให้การเคลื่อนไหวนั้นผ่านไปได้ เจ๊กทีมชาติยื่นขาซ้ายข้างถนัดพุ่งเข้าไปสกัดที่ลูกบอลด้วยความรวดเร็วในทันที
เสร็จฉันละ!
ทว่า...ในช่วงเวลาดังกล่าวที่ปลายเท้าของเหลียงกำลังจะสัมผัสกับลูกบอลนั้นเอง
เหตุการณ์ที่ทำให้เสียงเชียร์รอบข้างหยุดลงก็เกิดขึ้น...
“บ้าน่า...”
เหลียงได้แต่อุทานออกมาด้วยความตกใจ พร้อมกับเบิกตาโพลงมองดูภาพของเด็กหนุ่มนัยน์ตาดำที่วิ่งฉีกเขาไปอย่างรวดเร็ว
เป็นไป...ไม่ได้...
เมื่อกี้นี้มัน ‘Elastico’ ?
ภาพจังหวะเคาะเบาๆ ด้วยข้างเท้าด้านนอกของนาคาที่ถูกเปลี่ยนไปเป็นการกระดกข้ามปลายเท้าของแบ็คซ้ายทีมชาติที่กำลังจะพุ่งไปสกัด ความเร็วที่เปลี่ยนไปในชั่วพริบตาของนาคานั้นทำเอาแม้แต่พิรุณก็ได้แต่เบิกตามองอย่างทึ่งๆ
ทักษะที่เป็นเครื่องหมายการค้าของโรนัลดิญโญ่อดีตนักเตะพรสวรรค์อันดับหนึ่งของโลก การเคลื่อนไหวหลอกโดยการเคาะบอลด้วยข้างเท้าด้านนอกก่อนที่จะเลื่อนข้างเท้าด้านในไปสะกิดกับบอลอีกทีด้วยความเร็วสูงที่ถึงแม้จะมองตามก็ยากที่จะสกัดทัน
“ชิ...หมอนั่น” โจอี้ หรือพญาวานรที่กำลังเหลือบมองเหตุการณ์อยู่ฝั่งขวาของสนาม ได้แต่สบถออกมากับตัวเองเบาๆ
‘Change of Pace’ คือชื่อของสิ่งที่นักเรียนแชมป์โอลิมปิกนั่นใช้ มันคือทักษะสำคัญของผู้เล่นฟุตซอลในแนวรุก การเคลื่อนไหวที่เปลี่ยนขั้วจากเชื่องช้าไปเร็วสุดในชั่วพริบตาเพื่อสร้างความสับสนให้กับคู่ต่อสู้
โจอี้เคยเป็นอดีตนักฟุตซอลมาก่อนเขาเลยพอจะจับจังหวะได้ แต่คนที่ไม่ค่อยได้เล่นฟุตซอลสนามเล็กแบบเหลียงคงจะไม่ค่อยได้เจอกับทักษะแบบนั้นมากเท่าไหร่
แต่ถึงกับเอา ‘Elastico’ มารวมกับ ‘Change of Pace’ แบบนั้นได้
หมอนั่น...ก็เป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งอยู่พอตัวไม่ใช่หรือไง
ดูท่าทางแมทซ์นี้ จะไม่ง่ายอย่างที่คิดซะแล้ว...
“มัวแต่เหม่ออะไรอยู่ ซุนหงอคง” เสียงกวนประสาทของเจ้าลูกครึ่งตัวแสบเรียกสายตาของโจอี้ให้กลับมาสนใจยังตัวประกบของตัวเอง ซึ่งก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่กองกลางพรสวรรค์สูงจะม้วนตัวฉีกออกข้าง ก่อนที่จะวิ่งไปข้างหน้าพร้อมกับหันไปตะโกนเรียกเพื่อนร่วมทีมที่กำลังครองบอลอยู่ว่า
“เฮ้ สุดหล่อที่ทำลายศักดิ์ศรีของแบ็คซ้ายทีมชาติซะเละไม่เหลือชิ้นดีนั่นน่ะ ส่งบอลมาทางนี้หน่อย!”
พริบตาที่เสียงดังกล่าวดังขึ้น ลูกฟุตซอลที่อยู่ในการครอบครองของนาคาก็ถูกงัดขึ้นขณะที่วิถีลอยของมันก็ตรงมาที่ร่างของคริสต์อย่างแม่นยำ
ลูกครึ่งต่างชาติฉีกยิ้มออกมาบางๆ ร่างของคริสต์ยืนหันหลังให้ประตูในขณะที่นัยน์ตาก็ยังคงจับไปที่ลูกบอล รอคอยจังหวะที่มันจะลงมาใกล้ๆ
เพราะอย่างนี้แหละ ฉันได้ถึงบอกว่า…
“มีแค่นายกับฉันเท่านั้นที่จะทำให้ทีมนี้ชนะได้ นาคา!”
เปรี้ยง!
ลูกฟุตบอลสัมผัสกับหลังเท้าของคริสต์สงเสียงดังสนั่นไปทั่วยิมเนเซียมอย่างรุนแรง ก่อนที่มันจะพุ่งแหวกอากาศตรงไปเสียบมุมสามเหลี่ยมซ้ายบนของประตูโดยที่โกล์อีกฝั่งได้แต่ยืนค้าง ก่อนที่จะหันไปมองยังลูกบอลที่ยังคงหมุนอยู่ที่ตาข่ายอย่างงงๆ
ร่างของคริสต์ลงจอดกับพื้นอย่างสวยงามก่อนที่เจ้าลูกครึ่งตัวแสบจะวิ่งไปฉลองประตูกับนาคาโดยการชกหมัดให้ท่ามกลางสายตาตะลึงงันของผู้ชมทั้งหมด
“1-0… ห้องเรากำลังโดนนำ แถมคนที่แอสซิสต์คือเด็กเรียนที่ได้รางวัลคณิตศาสตร์โอลิมปิก นี่พวกเรากำลังฝันอยู่หรือเปล่าเนี่ย”
“ถ้าฝัน งั้นก็พวกเราก็คงกำลังฝันร้ายอยู่สินะ”
“บ้าเอ๊ย...แพ้การเรียนพวกนั้น แล้วยังต้องแพ้เรื่องกีฬาด้วยหรือไง!”
เสียงพูดด้วยความสิ้นหวังดังระงมจากกลุ่มผู้ชมที่ประกอบด้วยเด็กนักเรียนห้อง 9 นาคายืนมองภาพดังกล่าวอยู่สักพักก่อนที่จะหันไปยังพิรุณซึ่งกำลังยืนช็อคอยู่ใกล้ๆ
จังหวะที่เขาเลี้ยงผ่านแบ็คซ้ายทีมชาติ หมอนี่คือคนที่พุ่งเข้ามาสกัดต่ออย่างรวดเร็ว และสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือการแตะบอลลอดขาของนาคาที่ทำให้เขาสามารถผ่านพิรุณที่พุ่งเข้ามาได้ในชั่วพริบตา
“อัจฉริยะวัย 15 ปีแห่งเอเชีย เล่นฟุตซอลไม่เห็นจะเก่งเท่าเกมเลยนี่นา”
นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มตวัดมาหาผู้พูดอย่างนาคา หมอนั่นจะสบตากับตัวเขาที่กำลังยืนยกมือขึ้นปาดเหงื่อบนใบหน้า
พิรุณยืนนิ่งไปสักพัก ก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“คุณ...เล่นฟุตบอลเป็นใช่ไหมครับ คุณนาคา”
นาคาหัวเราะออกมาเบาๆ
“ก็พอใช้ได้ แต่คงจะไม่เก่งเท่านายที่ควบหน้าที่การงานตำแหน่งคนทรงอัจฉริยะแห่งเอเชียด้วยหรอก”
พิรุณเพียงแค่ยืนมองสบสายตานาคาด้วยแววตาที่แสดงถึงจิตใจที่ไม่หวั่นไหว เห็นดังนั้นนาคาจึงไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาเพียงแค่หัวเราะออกมาเบาๆ
“ฮะๆๆ”
นาคายืนยกมือกุมใบหน้าหัวเราะไปอยู่สักพัก ก่อนที่มันจะค่อยๆ หยุดลงช้าขึ้นเรื่อยๆ แล้วจึงเงียบไปในที่สุด
พร้อมกับแววตาของเขาที่ปลี่ยนไปเย็นชากว่าที่เคย
“เกม...ที่นายเล่น นาย...สนุกกับมันไหม พิรุณ”
พิรุณหรี่ตา นักเรียนหัวยุ่งยืนสบตากับตัวเขา ก่อนที่จะตอบกลับไปตามความเป็นจริงว่า
“สนุกครับ”
นาคารู้สึกได้ถึงใบหน้าของตนที่เริ่มกระตุกเล็กน้อยทันทีที่ได้ยินคำตอบดังกล่าว
เขายืนกุมใบหน้าอยู่สักครู่นึง ก่อนที่จะเหลือบไปมองยังเพื่อนสมัยเด็กของเขาที่ยืนแอบดูพวกเขาอยู่ในระยะไกล
เพียงแต่ทันทีที่เธอสบสายตากับเขา สิ่งที่เธอทำก็เพียงแค่การก็ชะงักเท้าถอยหลังเล็กน้อย ก่อนที่จะเบือนสายตาเศร้าของเธอไปทางอื่น
“นายสนุกกับมัน...อย่างนั้นสินะ” นาคาพึมพำออกมาเบาๆ
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเพิ่งจะตระหนักได้เกี่ยวกับอาชีพภายในเกม ERROR Online
ครั้งแรก...ที่เขาตระหนักได้ถึงความสามารถที่ถูกบรรจุอยู่ในทักษะโอเวอร์คิล
“ฉันเอง...ก็หวังว่า นายจะยังคงสนุกกับมันอยู่ พิรุณ” นาคาพูด เลื่อนดวงตาสีดำสบไปยังร่างของเด็กหนุ่มผมยุ่งที่ยืนอยู่ข้างหน้า ก้าวเท้าเข้าไปใกล้กับร่างของอีกฝั่งยิ่งขึ้น แล้วจึงพูดทิ้งท้ายเบาๆ เพียงแค่ว่า
“ตอนที่นายสูญเสียทุกอย่างไปแล้วน่ะนะ...”
การแข่งขันฟุตซอลดำเนินต่อไปท่ามกลางความสิ้นหวังของนักเรียนห้อง 9 ที่มุงดูอยู่โดยรอบ แม้ทีมของพวกเขาจะได้เป็นฝ่ายบุก แต่ทั้งโจอี้และเหลียงก็ไม่สามารถดึงความสามารถออกมาได้เต็มที่เนื่องจากเทคนิคลับที่คริสต์ทำการสอนผู้เล่นแนวรับห้อง 1 ทั้งสองคนที่อยู่ด้านหลัง
‘Dirty Play’ หรือการเล่นสกปรกที่ประกอบไปด้วยการดึงเสื้อดึงกางเกงพุ่งล้มรวมไปถึงการสกัดขาโดยที่กรรมการไม่สามารถมองเห็น ทั้งเคนและธีระมีความสามารถพอที่จะเดาการเคลื่อนไหวของนักเตะทีมชาติทั้งสอง ถึงแม้จะเคลื่อนไหวตามได้ไม่เร็วพอ แต่การก่อกวนสภาวะจิตใจรวมไปถึงการกระตุ้นให้ผู้เล่นทั้งสองหงุดหงิดนั้นเป็นสิ่งที่สามารถบั่นทอนความสามารถของอีกฝ่ายได้อย่างดีเยี่ยม
“อ๊าก! หงุดหงิดโว้ย! ไอ้ไม้เสียบผีนั่นตามติดฉันเป็นตังเมเลย แถมนอกจากนั้นยังไม่พอ มันยังชอบดึงเสื้อดึงกางเกง ไม่ก็แอบสกัดขาอีก พอกรรมการจ้องมันก็ปล่อยแล้วมีมุมโหว่จากสายตากรรมการมันก็ดึงอีก ให้ตายสิ!”
โจอี้เหลือบไปมองยังเพื่อนร่วมทีมชาติของตนที่กำลังยืนกุมขมับพร้อมกับบ่นออกมาอย่างหัวเสีย
ผ่านจากครึ่งแรกมาสู่ครึ่งสอง สกอร์บอร์ดปัจจุบันคือ 3-1 พวกเขาเพิ่งจะยิงคืนได้เพียงแค่ลูกเดียวจากการเสี่ยงยิงไกล ซึ่งคงจะใช้ไม่ได้ผลบ่อยๆ
สองลูกที่พวกเขาถูกยิงหลังจากลูกแรกมาจากการทำเกมของเจ้าลูกครึ่งตัวแสบกับนักเรียนเจ้าของเหรียญทองคณิตศาสตร์โอลิมปิกที่เล่นเข้าขากันได้อย่างดี
ประตูสองคือการไขว้หลอกราโบน่าพาสของคริสต์ที่ส่งให้กับนาคายิงผ่านผู้รักษาไปอย่างงดงาม ขณะที่ลูก 3 ก็คือลูกชิพหลอกโกล์ของนาคาอีกเช่นกัน
การเล่นบอลที่เกือบจะเป็นหนึ่งจังหวะทำให้การประกบตัวทำได้ยาก รวมไปถึงความสามารถเฉพาะตัวของทั้งสองที่ทำให้แย่งบอลลำบาก
แถมเหลียงก็ดูจะสติหลุดไปแล้วอีกต่างหาก
โจอี้คิดพลางถอนหายใจออกมาเบาๆ
ดูท่าพวกเรา...คงจะแพ้ห้อง 1 แล้วสินะ
ปรี๊ด...ปรี๊ด...ปรี๊ดดด!!
เสียงนกหวีดสามครั้งบ่งบอกว่าการแข่งขันได้จบลงแล้ว สกอร์บอร์ดโชว์ผลการแข่งขันระหว่างห้อง 1 และห้อง 9 ที่ตัวเลข 5-2 โดยห้อง 1 เป็นฝ่ายเก็บชัยชนะไปได้อย่างสวยงาม
“แฮ่ก...แฮ่ก”
นาคายืนก้มหน้าหอบหายใจด้วยความเหน็ดเหนื่อย เหงื่อจำนวนมากผุดขึ้นตามร่างกายขณะที่ใบหน้าของเขาก็เปียกชุ่มอย่างกับถูกถังน้ำสาด
หลังจากแข่งขันจบทั้งสองฝ่ายก็จับมือกันเพื่อแสดงน้ำใจนักกีฬา นาคาจับมือกับฝั่งตรงข้ามทุกคนตามมารยาท แน่นอนว่ารวมถึงพิรุณที่ดูเหมือนจะยังช็อคกับสกอร์ที่ฝั่งตัวเองแพ้อยู่พอสมควร
“นายเล่นฟุตซอลเก่งเหมือนกันนี่ นาคา” เสียงคุ้นเคยของใครบางคนที่ดังขึ้นพร้อมกับผ้าขนหนูสะอาดผืนเล็กที่ถูกยื่นมาที่เบื้องหน้า เขาหันไปมองก็พบกับร่างของเด็กสาวในกรอบแว่นสีแดงที่กำลังยืนแสยะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์อยู่ข้างๆ
“ขอบใจ” นาคาพูดขอบคุณก่อนที่จะยื่นมือไปหยิบผ้าขนหนูจากมืออีกฝ่ายมาเช็ดหน้า
“หมอนั่น...ช็อคพอสมควรละมั้ง ที่แพ้นายน่ะ” เธอพูดพลางชี้ไปยังพิรุณที่กำลังนั่งกอดเข่าก้มหน้าอยู่ที่มุมสนาม ในขณะที่เพื่อนร่วมห้องหลายคนก็เดินเข้าไปช่วยปลอบให้กำลังใจ
นาคาไม่ได้พูดอะไรออกไป เขาเพียงแค่ยืนเช็ดเหงื่ออย่างเงียบๆ โดยไม่ได้พูดอะไรออกมา
“อย่างที่ฉันคิดไว้เลย นายนี่ทักษะฟุตบอลเจ๋งพอตัวเลยไม่ใช่หรือไง นาคา” คริสต์ที่เดินมาจับไหล่จากทางด้านหลังเอ่ยคำพูดชม ก่อนที่ลูกครึ่งผู้นี้จะเหลือบไปเห็นหยกที่ยืนอยู่ใกล้ๆ จึงยิ้มออกมาพร้อมกับใช้ศอกสะกิดเอวเขาเบาๆ
“เห ราชินีร้อยศพของโรงเรียน แฟนนายหรือไง นาคา” คริสต์กระซิบ
“ราชินีร้อยศพ?” นาคาหรี่ตา
“เมื่อปีที่แล้ว ชมรมวารสารโรงเรียนเรามีการจัดอันดับเด็กผู้หญิงยอดนิยมในโรงเรียน แล้วเธอก็คว้าคะแนนอันดับหนึ่งได้ขาดลอย ฉายานั่นได้มาจากการที่มีรุ่นพี่ร่วมร้อยคนที่ไปสารภาพรักกับเธอ แล้วโดนเธอหักอกนอนตายเกลื่อนกลาดไปหมดนั่นแหละ”
นาคาพยักหน้ารับคำ ก่อนที่จะตอบคำถามแรกที่อีกฝั่งถามว่า
“ถ้าถามว่าเธอเป็นอะไรกับฉัน คงจะต้องบอกว่าเธอ เป็นผู้มีพระคุณ...ละมั้ง”
คำตอบทำเอาคริสต์เลิกคิ้วอย่างงงๆ ก่อนที่เจ้าลูกครึ่งตัวแสบจะหันไปทางหยกที่กำลังยืนกอดอกพร้อมกับเอ่ยคำถามด้วยใบหน้าซื่อๆ ออกมาว่า
“ราชินีร้อยศพ เธอชอบนาคาหรือเปล่า”
คำตอบทำเอาเด็กหนุ่มผมดำถึงกับสะดุ้งเบาๆ ขณะที่หยกเองก็ได้แต่ยืนกอดอกหรี่ตาอย่างงงๆ
อันตราย...หมอนี่อันตรายสุดๆ
ถึงคำถามดังกล่าวจะเป็นบางสิ่งที่เขารู้สึกติดใจมาสักพัก แต่การที่ลูกครึ่งปากเปราะนี่ดันยิงคำถามหน้าตายใส่เธอไปแบบนั้น มันก็เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงเช่นกัน
แน่นอนว่าหยกเองไม่ได้ตอบอะไรกลับในทันที เธอยืนนิ่งอยู่สักพักก่อนที่จะหันไปสบสายตากับนาคาที่กำลังยืนใช้ผ้าขนหนูเช็ดหน้าอยู่
ทั้งสองยืนสบตากันไปสักพัก ก่อนที่เด็กสาวจะถอนหายใจออกมาเบาๆ จากนั้นเธอจึงเอ่ยคำพูดบางอย่างที่ทำให้เขาได้แต่เบิกตากว้าง
คำพูด...ที่ออกมาจากริมฝีปากด้วยใบหน้าที่ยังคงไม่เปลี่ยนไปจากเดิมว่า
“นั่นสินะ ฉันเองก็ไม่ได้รังเกียจอะไรหมอนี่หรอก”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ส่วนพิรุณเชิญไปแสดงความถูกต้องที่อื่นเนอะ ดูเหมือนเรื่องนี้จอมมารจะไม่แพ้ผู้กล้า(ขี้-)อ่ะ
ทีมหยก!! เชียร์หยกๆๆ เย่ๆๆ
ไม่ได้เจอคุโระกับหยกด้วยนะ ;w;
ปล. ไม่ชอบน้ำหวานตั้งแต่ฉากแรกๆละ เมื่อไหร่นาคาจะเลิกให้ความสนใจนางสักทีน้า
คริสจะมาเข้าก๊วนวิปลาสด้วยกันมั้ย