ตอนที่ 58 : Error : 0x00000054 ตอนเช้าในวันพุธ
ERROR Online : Overkill
สายลมบางๆ พัดพาเอามวลอากาศเย็นลอยเข้ามากระทบใบหน้า ไออุ่นของแสงอาทิตย์อ่อนๆ สาดเข้ามาสู่ร่าง เขาก็เริ่มรู้สึกได้ถึงสติที่กลับเข้ามาอยู่กับตัว เด็กหนุ่มเปิดเปลือกตาขึ้นก็พบว่าเขากำลังอยู่ภายในสภาพแวดล้อมที่แสนคุ้นเคย
“บ้าน...สินะ”
นาคาถอดเครื่องเกมออกจากศีรษะช้าๆ ก่อนจะหยิบแว่นสายตาจากโต๊ะไม้ข้างเตียงขึ้นมาใส่แล้วจึงลุกขึ้นเดินไปปรับนาฬิกาปลุกที่นาคาได้ตั้งไว้ในห้อง
เข็มนาฬิกาบอกเวลาหกโมงเช้า ตื่นสายกว่าที่คิดไว้ราวๆ สิบห้านาที
เหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นภายในเกมยังคงฝังแน่นอยู่ในความทรงจำ เดาว่าเขาน่าจะสามารถจัดการกับคุณแมรี่ได้ตามเงื่อนไขของโอเวอร์คิล เพราะในช่วงเวลาก่อนหมดสติ นาคาพอจะยืนยันได้ว่าสิ่งที่เขาเห็นคือร่างของตุ๊กตาเด็กผู้หญิงที่หล่นลงมากองอยู่กับพื้น
น่าคิดว่าของตอบแทนที่เขาได้จากการสังหารเธอคืออะไร แต่จะว่าไปแล้วมันก็มีบางสิ่งที่อยากจะรู้มากกว่าเรื่องสิ่งของที่ได้รับ
ความสามารถ Overkill ช่วงชิง ‘อะไร’ มาจากตัวคุณแมรี่ได้บ้าง
นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่เขาสามารถเอาชนะศัตรูระดับสูงภายในเกมได้ด้วยตัวคนเดียว แถมยังเป็นการเอาชนะศัตรูโดยที่ยังสามารถทำตามเงื่อนไขของอาชีพได้อย่างสมบูรณ์แบบ
คงต้องบอกว่าเป็นผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ
มือของเขายังคงรู้สึกปวดๆ อยู่เล็กน้อย แต่คาดว่าน่าจะหายดีในอีกไม่นาน คงต้องขอบคุณคนใช้ชราของบ้านเขาที่เชี่ยวชาญทักษะด้านการปฐมพยาบาลเป็นอย่างดี
ถือเป็นเรื่องดีที่วันนี้น่าจะไม่ต้องพันแผลไปโรงเรียน
ร่างสูงขยับเท้ามุ่งไปข้างหน้าท่ามกลางลมหนาวในยามเช้า เวลาก่อนคลาสเรียนจะเริ่มค่อนข้างมากทำให้เขาไม่ต้องรีบมุ่งหน้าตรงไปที่โรงเรียน นาคาจึงสามารถเดินเอ้อระเหยปล่อยความคิดในหัวให้ล่องลอยไปได้อย่างไม่ต้องเร่งรีบอะไร
ถ้าอย่างนั้น...ก็ลองมาคำนวณ ‘อำนาจต่อรอง’ ที่ตัวเขาครอบครองอยู่กันเถอะ
อำนาจต่อรองที่ 1 เดสเปอราโด้ อีเกิลส์ [Desperado Eagles]
จุดเด่นคือน้ำหนักที่เบา ตัวปืนค่อนข้างแข็งแรงจากประสบการณ์ในอดีตที่เขาลองเอามันขึ้นมาปัดการโจมตีอยู่บ่อยๆ แรงสะท้อน...ค่อนข้างสูง ในขณะที่ข้อดีอย่างสุดท้ายคือแมกกาซีนที่มีมากถึง 15 นัด
อำนาจต่อรองที่ 2 แกมบิท รีวอลเวอร์ [Gambit Revolver]
ความเสียหาย...สูงพอสมควร แต่ยิงต่อเนื่องไม่ได้ หรือคงจะต้องบอกได้ว่าทุกครั้งที่เขายิงปืนนี่มันก็กระเด็นหลุดออกไปจากมือตลอดวัสดุค่อนข้างหนัก ใช้ลูก .60 เป็นกระสุนหลัก แต่เขาไม่มีจึงใช้ .50 ของเดสเปอราโดอีเกิลส์ที่ก็สามารถทดแทนได้อย่างไม่น่าเกลียด
ข้อดีคือทั้งสองกระบอกสามารถนำมาผสานกันเป็นคอมโบด้วยสกิลนัยน์ตาอินทรีกับรัสเซียนรูเล็ท...
อำนาจต่อรองที่ 3 หนังสือมนต์ดำ เนโครโนมิค่อน [Necronomicon]
จุดเด่นคือการสร้างความเสียหายแบบหมู่ การเสกสัตว์ประหลาดจากตำนานคธูลู?
ข้ามมาที่ดาบยักษ์แห่งกองทัพอัศวินดำ ที่ไม่น่าจะถูกนับด้วย แต่ดูเหมือนว่ามันจะสามารถทำหน้าที่เป็นโล่ป้องกันได้เป็นอย่างดี แน่นอนว่าไม่ได้หมายความว่ามันจะสามารถกันได้ทุกอย่าง รวมไปถึงอีกข้อเสียคือเขายังต้องเปิดหน้าต่างไอเท็มตลอดเวลาจะใช้มันเป็นโล่ป้องกันอีก
สุดท้ายคือเคียวปิศาจจากไซเลนนัส อาวุธแรร์ระดับ B
“...”
ความเห็นต่ออาวุธชิ้นนี้มีอย่างเดียวคือเอามันไปขายเถอะ
เดินไปตามเส้นทางบนฟุตบาทได้จนถึงสี่แยกหน้าปากซอย นาคาก็ต้องสะดุดเท้าหยุดเมื่อเขารู้สึกได้ถึงแรงสะกิดของนิ้วมือเล็กๆ ที่ถูกกดมายังแผ่นหลังของเขา พร้อมกับน้ำเสียงของเด็กผู้หญิงที่ดังขึ้นมาว่า
“ตื่นสายหรือไง ฉันยืนรอนายมาร่วมสิบนาทีแล้วนะ นาคา”
หันหลังไปเผชิญหน้ากับเจ้าของเสียง เขาก็พบเข้ากับร่างของเด็กผู้หญิงในกรอบแว่นสีแดงที่คุ้นเคย เพื่อนร่วมห้องผู้ซึ่งกำลังยืนกอดอกพร้อมกับมองตรงมาที่ตัวเขา
นาคาหรี่ตาลงช้าๆ
น่าประหลาดใจเหมือนกันที่เธอมารอเขาแบบนี้ แต่คิดไปแล้วบ้านของเธอก็ไม่ได้อยู่ไกลกันสักเท่าไหร่ ดังนั้นหากเธอเลือกที่จะเดินผ่านซอยบ้านเขาก่อนไปโรงเรียน ก็คงจะใช้เวลาไม่มาก
“ตื่นเช้าเหมือนกันนี่”
“อื้อ ปกติฉันก็ตื่นเร็วตลอดนั่นแหละ...แต่ข้ามเรื่องนั้นไปก่อน ที่มารอนายก็เพราะว่ามีเรื่องสำคัญที่ฉันจะต้องคุยกับนาย”
“เรื่องที่จะต้องคุย?”
“หลายเรื่อง” เธอพูด “ถ้าจำไม่ผิดวันพุธตอนเช้านายว่างสินะ หวังว่าคนแบบนายคงจะไม่ปฏิเสธคำชวนของเพื่อนร่วมชั้นที่อุตส่าห์ออกมายืนรอนายที่หน้าปากซอยตั้งแต่หกโมงครึ่งหรอกนะ”
“อันที่จริงจะบอกว่าว่าง...ก็ไม่ถูกซะทีเดียวน่ะนะ”
“ที่นายทำก็แค่ไปนั่งอ่านหนังสือที่ห้องสมุดตอน 7:00 ถึง 7:40 หลังจากนั้นนายก็ไปซื้อน้ำดื่มยี่ห้อ ‘Bourgeois’ ที่ร้านขายของข้างล่างห้องสมุด แล้วก็ไปนั่งเล่นที่สวนหย่อมด้านหลังตึกจนถึงเวลาเข้าเรียนไม่ใช่หรือไง” เสียงที่ดังขัดขึ้นมาของเด็กสาวทำเอาคิ้วของนาคาถึงกับกระตุก “เรื่องที่จะคุยกับนายมันสำคัญกว่าเยอะ ไว้นายค่อยไปนั่งอ่านหนังสือคนเดียววันหลังก็ได้”
ถูกเผงจนน่าตกใจ
ไม่รู้ว่าเขาควรจะตกใจอะไรมากกว่ากับการที่เธอมารอเขาอยู่ที่สามแยกหน้าป้ายรถเมล์นี่ หรือการที่เธอรู้ถึงกิจวัตรประจำวันของเขาอย่างละเอียด
“นี่เธอเป็นสตอค....”
“หืม”
ไม่ทันพูดจบเธอก็หันหน้ามามองเขาด้วยแววตาที่...ดูน่ากลัวแบบแปลกๆ แน่นอนว่าสิ่งที่นาคาทำก็เพียงแค่กลืนน้ำลายลงคอเล็กน้อย ก่อนที่จะตอบกลับไปว่า
“ม...ไม่ล่ะ ไม่มีอะไร”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ได้พูดอะไรต่อ หยกจึงถือว่าเป็นการตกลง เด็กสาวจึงพยักหน้าหงึกๆ แล้วเริ่มออกเดินมุ่งหน้าไปสู่โรงเรียน ทิ้งไว้แต่ฝั่งนาคาที่ได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนที่จะเดินตามไปอย่างไม่มีทางเลือก
เอาเถอะ ยังไงเขาก็ไม่ได้คิดจะปฏิเสธคำชวนของเธอตั้งแต่แรกอยู่แล้วนี่นะ...
ถือว่าเป็นภาพที่ดูน่าแปลกพอสมควรกับบรรยากาศภายในโรงอาหารที่ดูค่อนข้างซึมเซา โรงอาหารที่ไร้ผู้คน ภาพอันแสนเงียบเหงาที่ดูไม่ค่อยปกติเท่าไหร่นักสำหรับในตอนเช้าที่ควรจะอัดแน่นไปด้วยบรรดานักเรียน
คิดไปคิดมา บางทีคงอาจจะเป็นเพราะว่าทฤษฎีดังกล่าวคงจะไม่สามารถนำมาใช้กับที่แห่งนี้ก็เป็นได้
“ขอโทษที่ให้รอ” ร่างบางวางจานใส่ขนมเล็กๆ ลงบนโต๊ะ ก่อนที่เธอจะทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตรงข้าม
ใช่แล้ว...เพราะที่ๆ พวกเขาอยู่นี่น่ะ มันคือโรงอาหารที่ไม่มีแม้แต่ข้าวแกงหรืออาหารตามสั่งปกติ โรงอาหารที่โดยปกติแล้วมนุษย์ผู้ชายหลายๆ คนไม่คิดแม้แต่จะย่างกรายเข้ามาใกล้
โรงอาหารที่ 3 หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘สวีทแลนด์’ แดนสวรรค์ของคนชอบขนมหวาน โรงอาหารที่ขึ้นชื่อเป็นอย่างดีในเรื่องของอาหารที่จะเข้าไปกระตุ้นน้ำตาลในเลือดให้มันทะลักออกมา
นาคาที่นั่งเท้าคางอยู่หาวออกมาเบาๆ ในขณะที่เด็กสาวผู้นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็เพียงแค่ยกแก้วช็อคโกแลตร้อนของตนขึ้นมาจิบช้าๆ
“ชอบกินของหวานมากเลยสินะ...เธอน่ะ”
“พอสมควร” เธอพยักหน้ารับคำพลางวางโกโก้ร้อนในมือลงกับโต๊ะ ก่อนที่จะเริ่มลงมือจัดการกับเค้กโรลรสวนิลาที่อยู่ในจานแก้วเบื้องหน้า
นี่ขนาด ‘พอสมควร’ นะเนี่ย ลองจินตนาการดูว่าถ้าเกิดความชอบของเธอมันพุ่งขึ้นถึง ‘ชอบมาก’ เมื่อไหร่ เธอคงจะเป็นอาวุธทำลายล้างขนมหวานที่น่าสะพรึงกลัวเลยทีเดียว
ยกส้อมตัดเค้กโรลวนิลาใส่ปากได้คำสองคำ ทางฝั่งเด็กสาวผู้ชอบของหวานแค่พอสมควรจึงเป็นฝ่ายเริ่มเอ่ยคำพูดออกมาว่า
“ว่าแต่นายเถอะ ไม่กินอาหารเช้าหรือไง นาคา”
“ฉันกินมาจากที่บ้านแล้วน่ะ”
ถึงจะไม่ได้กินข้าวเช้ามาจากบ้าน แต่ที่นี่มันก็ไม่มีเมนูไหนที่มีสภาพใกล้เคียงกับคำว่า ‘อาหารเช้า’ ในสายตาของเขาอยู่ดี
นาคานั่งมองดูอีกฝ่ายนั่งกินเค้กไปอย่างเงียบๆ สักพักใหญ่ๆ ก่อนที่เขาจะเอ่ยปากถามออกไปว่า
“ว่าแต่ เรื่องที่เธอจะคุยกับฉันน่ะ มันมีเรื่องอะไรบ้างละ”
เธอขยับปากเคี้ยวโรลนุ่มช้าๆ กลืนมันลงไปในลำคอ ก่อนจะวางส้อมในมือลงบนจาน แล้วจึงยกโทรศัพท์ของตนขึ้นมา ยกนิ้วกดอยู่สักพักแล้วจึงเลื่อนภาพบางอย่างให้เขาดู
“นี่มัน...”
เบื้องหน้าคือภาพของอาณาเขตขนาดใหญ่ แอเรียที่ดูเหมือนจะเคยเป็นทุ่งหญ้าที่ในขณะนี้โล่งเตียน กับพื้นดินที่เต็มไปด้วยซากผ้าใบเละเทะอย่างกับโดนระเบิดลง
ดูเป็นภาพถ่ายที่ค่อนข้างน่าหวาดกลัว เพียงแต่...สิ่งที่น่าสยดสยองมากที่สุดในภาพที่เธอส่งให้เขาน่ะ
น่าจะเป็นโลหิตสีแดงข้นที่กระจัดกระจายไปอยู่ทั่วพื้นที่นั่นน่ะนะ
“เมื่อวานนายบอกว่าจะไปดันเจี้ยนคณะละครสัตว์คนตายใช่ไหม...”
“ใช่”
“ถ้าอย่างนั้น รู้ไหมว่านั่นน่ะคือภาพอะไร”
“ภาพนั้น”
เห็นใบหน้าที่ดูมึนงงของนาคา เธอก็เลิกคิ้วขึ้นช้าๆ ก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“นั่นน่ะคือภาพของคณะละครสัตว์ที่นายไปมาไงละ”
นาคายกแก้วกระดาษในมือกดน้ำจากตู้น้ำอัตโนมัติ เขายืนเหม่อมองภาพของกระแสน้ำเย็นที่ไหลออกมาก่อนที่จะยกมันขึ้นมาดื่ม
ดูเหมือนว่าหลังจากที่เขาเสียชีวิต ‘บางอย่างที่ไม่มีใครคาดคิด’ จะเกิดขึ้นที่คณะละครสัตว์แห่งนั้น เหตุการณ์อะไรสักอย่างที่ส่งผลให้พื้นที่แถบนั้นแหลกเละอย่างน่าหวาดกลัว คิดไปคิดมา บางทีเขาอาจจะโชคดีแล้วก็ได้ที่เดี้ยงไปซะก่อน เลยไม่ต้องอยู่เผชิญหน้ากับอะไรแบบนั้น
“นายไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้นใช่ไหม” หยกผู้ซึ่งยืนกอดอกอยู่ใกล้เคียงเอ่ยถาม
“อือ”
เขาพยักหน้า
เพียงแต่องค์ประกอบบางอย่างภายในภาพดังกล่าวกลับทำให้เขา...รู้สึกติดใจอย่างประหลาด ของเหลวสีแดงข้นที่ดูเหมือนเลือดนั่นมันไปกระตุ้นให้เขานึกถึง ‘บางอย่าง’ ในอดีตที่เขาเผชิญหน้ามาก่อน
“ข้ามเรื่องนั้นไปก่อนละกัน...” ความคิดของเด็กหนุ่มถูกขัดด้วยคำพูดของหยก เธอกระชับแว่นสายตาสีแดงของตนเอง ก่อนที่จะเอ่ยปากออกมาว่า
“อีกเรื่องที่ฉันจะพูด...ก็คือเรื่องเกี่ยวกับบางอย่างที่ฉันได้ไปพิสูจน์มาเรียบร้อยแล้ว”
“พิสูจน์?”
หยกพยักหน้า
“ฉันค้นพบวิธีที่จะทำให้นายสามารถพัฒนาค่าสถานะของนายได้แล้ว”
“วิธีการพัฒนาค่าสถานะ...”
“รายละเอียดจะเป็นยังไงเดี๋ยวจะอธิบายอีกทีตอนเข้าเกม ขอบอกใบ้ไว้วิธีนี้น่ะมันจะทำให้ค่าสถานะของนายพัฒนาไปทีเดียวหลายขั้น ชนิดที่ว่าเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยล่ะ” น้ำเสียงของเธอแฝงไปด้วยความสนุกสนาน ในขณะที่ใบหน้าของเธอก็ปรากฏรอยยิ้มที่ดูร่าเริง
คำพูดที่ดูเต็มไปด้วยมั่นใจของอีกฝ่ายส่งผลให้เขาได้แต่ยิ้มออกมาบางๆ
สาวน้อย...ผู้ซึ่งตัวเขาเพิ่งจะรู้จักเธอได้เพียงแค่ไม่กี่วัน แต่กลับสามารถไว้วางใจได้ราวกับเพื่อนที่สนิทกันมาเป็นเวลานาน
คงต้องบอกว่าโชคดีจริงๆ ที่เขาได้มาเจอกับเธอ
นาคานั่งมองหน้าอีกฝั่งอยู่สักพักก่อนที่จะก้มศีรษะของตัวเองลงช้าๆ เอ่ยคำพูดออกมาว่า
“ขอบคุณที่เธอคอยช่วยฉันมาตลอด...หยก”
คำกล่าวที่มาจากใจจริงของเด็กหนุ่มเรียกรอยยิ้มปรากฏให้ขึ้นบนใบหน้าภายใต้กรอบแว่นสีแดงของเธอเช่นเดียวกับเขา
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก ที่ทำก็เพราะอยากทำเท่านั้นแหละ”
บทสนทนาของทั้งสองถูกปกคลุมด้วยความเงียบไปสักพัก ก่อนที่จะเป็นฝ่ายของหยกที่เริ่มพูดออกมาว่า
“โอเค เอาเป็นว่าตอนนี้ก็มาคุยกันเรื่องของนายบ้าง นาคา” เด็กสาวว่า “เมื่อวานนายไปทำอะไรมาที่คณะละครสัตว์ แล้วก็ทำไมนายถึงไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับคณะละครสัตว์คนตายนั่น...”
คำพูดถี่ยิบ กับท่าทางที่เปลี่ยนไปซีเรียสขึ้นในทันทีทำเอานาคาหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ
สมกับเป็นเธอ พอเข้าเรื่องสำคัญทีไรก็ยิงคำถามแบบไม่ยั้ง
เขาดื่มน้ำที่เหลือจนหมดก่อนที่เขาจะทิ้งแก้วกระดาษในมือลงถังขยะ แล้วจึงเอ่ยปากออกมาว่า
“มันค่อนข้างยาวพอสมควร แต่ถ้าอยากฟังมันจริงๆ ฉันก็ยินดีที่จะเล่า”
นั่นคือคำพูดสุดท้ายที่หลุดออกมาจากริมฝีปากของนาคา ก่อนที่เสียงกริ่งบอกเวลาเข้าเรียนจะดังขึ้น ส่งผลให้บทสนทนาของทั้งสองต้องหยุดพักลงไปก่อน
เพียงแต่มันก็หยุดลงแค่ไม่ถึงสิบห้านาทีน่ะนะ...
“ตายที่คณะละครสัตว์ ถูกส่งไปนรก ฆ่านายทวาร พอพบว่าตัวเองกลับว่ามาอยู่โลกจริง ก็มาอยู่ในดันเจี้ยนบ้านตุ๊กตา แล้วก็จัดการเก็บบอสประจำดันเจี้ยนนั่น” หยกทวนสิ่งที่อีกฝั่งพูดออกมาด้วยสีหน้าที่ดูไม่อยากจะเชื่อ
“ประมาณนั้น”
อันที่จริงโดยปกติเวลาแปดโมงครึ่งในขณะนี้ควรจะเป็นเวลาเรียน แต่ด้วยความที่ว่ามาสเตอร์แฟรงค์อาจารย์ประจำชั้นผู้มีหน้าที่สอนช่วงเช้าเกิดมีธุระฉุกเฉิน คาบเรียนจึงกลายเป็นคาบว่าง นาคากับเธอจึงได้มานั่งต่อโต๊ะเปิดวงสนทนากันสองคนอย่างที่เห็น
“ฉันเริ่มจะเข้าใจความรู้สึกสนใจในตัวนายของคุโร ฮิทสึกิแล้วละ...”
ได้ที่หนึ่งในกิจกรรมที่มีแรงค์กิ้งยูสเซอร์เข้าร่วมถึงสี่คน เผชิญหน้ากับบอสระดับสูงที่ของเกมที่ไม่มีใครรู้ข้อมูลถึงสามครั้ง โดยที่สามารถเอาชนะมาได้ถึงทั้งสองครั้งที่เจอ
แถมครั้งล่าสุดยังเป็นการเผชิญหน้าด้วยตัวคนเดียวอีก
อีกแค่สามวัน...แต่ถ้าเป็นนาคา บางทีโอกาสในการเอาชนะทัวร์นาเมนท์นั่นอาจจะไม่ใช่ศูนย์
บางที...หมอนี่อาจจะทำมันได้
“นาย...สนใจจะเสี่ยงอะไรดูสักหน่อยไหม”
“หืม?”
“เรื่องสุดท้ายที่ฉันจะมาคุยกับนายในวันนี้น่ะ ตอนแรกฉันก็ว่าจะข้ามมันไป แต่ดูๆ แล้วถ้าเป็นนาย บางทีอาจจะมีโอกาส ถึงจะไม่มากก็เถอะ”
เธอขยับริมฝีปากพูดในขณะที่ดวงตาก็มองตรงไปยังใบหน้าของอีกฝ่าย
“มันเกี่ยวข้องกับหลายเรื่องเลยละ แต่เอาเป็นว่าฉันจะสรุปให้สั้นๆ ก็แล้วกัน” หยกกระแอมไอเบาๆ แล้วจึงเริ่มเอ่ยปากออกมาว่า
“คุโร ฮิทสึกิ ประกาศลงจากตำแหน่งแรงค์กิ้งยูสเซอร์อันดับสิบแล้ว”
“ลงจากตำแหน่งอันดับสิบ...คุณคุโระน่ะนะ?”
นาคาเลิกคิ้วอย่างงงๆ ก่อนที่เขาจะเริ่มเอ่ยถามเธอกลับมาว่า
“เหตุผลละ...”
“หมอนั่นบอกว่าเบื่อ”
สิ่งแรกที่นาคาทำหลังจากที่ได้ยินเรื่องดังกล่าวคือการยกมือขึ้นตบเข้ากับหน้าผากของตัวเองเบาๆ
“ตอนที่ได้ยินเรื่องนี้ ปฏิกิริยาของฉันก็เหมือนกับนายเปี๊ยบเลยน่ะนะ...” เธอว่ายิ้มๆ “ที่มาบอกนายก็เพราะทัวร์นาเมนท์ท้าชิงตำแหน่งแรงค์กิ้งอันดับสิบคนใหม่จะเริ่มขึ้นในอีกสามวันข้างหน้า ค่อนข้างจะกระชั้นชิดอยู่เหมือนกัน แต่ถ้านายอยากจะเข้าใกล้เป้าหมาย ‘อันดับสาม’ ของนายเร็วๆ ละก็ มันก็ถือเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจพอสมควรละนะ นาคา”
“นั่นก็ถูก...แต่เธอก็น่าจะคิดแบบเดียวกันใช่ไหมล่ะว่ายังไม่พร้อม บางทีการไปท้าสู้กับพวกผู้เล่นระดับสูงเลยมันอาจจะเร็วเกินไป”
“แค่สี่วัน นายกลับเอาชนะบอสประจำดันเจี้ยนระดับสูงที่ทรงพลังพอๆ กับแรงค์กิ้งยูสเซอร์ได้ถึงสองตัวน่ะนะ...ถ้านายไม่พร้อมก็คงไม่มีใครพร้อมแล้วล่ะ”
ถ้าเป็นนาคา...เธอเชื่อว่าหมอนี่จะสามารถทำมันได้
เขานั่งเงียบอยู่สักพักปล่อยความคิดให้ล่องลอยในหัวไปชั่วขณะ ก่อนที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ ในลำคอแล้วจึงหันมาตอบกับเธอว่า
“งั้นก็เอาตามนั้น”
“คิดอยู่แล้วว่านายจะต้องตอบแบบนี้”
คือสิ่งที่เธอตอบ ในขณะที่นาคาก็หัวเราะเบาๆ
“เธออ่านใจฉันออกตั้งแต่แรกแล้วสินะ”
บทสนทนาเรื่อยเปื่อยของทั้งสองดำเนินต่อไปจนถึงช่วงสาย นาคาจึงช่วยยกโต๊ะเรียนของเธอกลับไปประจำที่ หยกกล่าวขอบคุณก่อนที่จะแยกกันไปนั่งที่ของตัวเองเพื่อเตรียมตัวเข้าสู่บทเรียนในคาบที่สอง
อีกสามวัน หวังว่านาคาจะสามารถทำมันได้
ฉันเอาใจช่วยนายอยู่นะ...นาคา
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

จะได้กินของหวานอย่างนาคาที่สุขง่อมได้เร็วขึ้น
นาคาจะได้เลือดทั้งหมด 2000 กับ พลังโจมตี 110-140 และคาดว่าน่าจะกินเวลาค่อนข้างนาน อาจจะเป็น 1 หรือ 2 วัน
ที่สำคัญคือนาคาเรียนสกิลไม่ได้ และเนื่องจากการไล่ฆ่ามอน 1 พันตัวของเกมนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แถมยังต้องแข่งกับคนทั่วไปทั่ฟาร์มมอนสเตอร์อยู่อีก
ไอเดียนั้นถูกแล้วครับ แต่ต้องเพิ่มจำนวนปริมาณให้มากกว่านั้นไปอีก เป็น 1 หมื่น หรือ 1 แสนตัว และต้องทำการร่นระยะเวลาให้เร็วที่สุดเพราะจะให้เดินไปตีเรื่อยๆ มันก็ใช่ที่
ใบ้ว่ากำลังจะถึงแล้วครับช่วงนั้นแล้วครับ อีกไม่นาน
1.อลิส ยอมให้ฆ่า (นางไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด )
2.คุณแมรี่ โชคดีที่คริติคอลทีเดียวตาย ถ้าไม่ตายนาคาก็แพ้
3.นายทวาร มันประมาทนาคามีปืนที่ไม่สน DEF
2.คุณแมรี่...อย่าลืมเลเวลของนาคาด้วยสิครับ 18 ในขณะที่สู้กับคุณแมรี่ ถ้าไม่ตายนาคาก็แพ้ นั่นก็ถูกครับ
แต่จะให้นั่งเครียดยอมแพ้กับชีวิตโดยไม่หาทางสู้? ก็ไม่ใช่นาคาละครับ
3. นายทวาร ประมาทนาคา... ทุกคนในเรื่องประมาทนาคาหมดแหละครับ ผมถ้าเล่นเกมเจอนาคาก็คงจะประมาทหมอนี่เหมือนกันนั่นแหละ เวล 18
ปล. ปืนนาคาคิด def นะครับ แค่ดาเมจไม่แกว่งเฉยๆ
น้ำหวานให้คู่กับวรุณอะดีแล้ว
ว่าแต่ ตอนที่จะเปิดกล่องทอง ผมว่าน่าจะเปิดก่อนแข่งละมั้ง
ประมาณไพ่ตาย ^^
อันที่จริงไรท์เองก็วางแผนไว้แล้วน่ะครับไม่ต้องเป็นห่วงไปแต่อย่างใด
ส่วนตอนจบเป็นยังไงคงต้องขออุบเป็นความลับน่ะครับ
ด้านกล่องทองนี่คงรออีกไม่นานหรอกครับ
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 26 มกราคม 2559 / 03:38
แก้ไขครั้งที่ 2 เมื่อ 26 มกราคม 2559 / 03:39
1. สามารถเรียกแฟน(อริสซาเบธ) มาได้เมื่อตาย มันจะทำไงต่อ
2.สามารถเรียกคุณแมรี่มาได้ ด้วยตุ๊กตาที่ได้มา จะเอาไปทำไรต่อ
3.รู้ว่า ตัวเองเป็นเจ้าของดันลับบ้านตุ๊กตา จะใช้ยังไง
4.รู้ว่า เวลาตายสามารถคืนชีพได้ ถ้าเอาชนะนายทวารประตู (เป็นมันคนเดียวแหละ ผลจาก Error user)
เป็นกำลังใจให้ไรต์ครับ สู้ๆนะครับ
เชื่อว่าหลังจากจบทัวร์นาเมนท์ นาคาต้องดังมากแน่ๆ55555
ชอบความสัมพันธ์ของคู่นี้จัง
ดูเป็นการช่วยเหลือซึ่งกันและกันดี