ตอนที่ 4 : Error : 0x00000002 ความผิดพลาด
ERROR Online : Overkill
ในที่สุดก็ถึงบ้านซักที
นาคาโยนถุงพลาสติกใส่ชาเขียวที่เข้าซื้อจากมินิมาร์ทวางไว้ที่พื้น ก่อนที่จะเดินไปทรุดตัวลงนั่งที่เตียง เหม่อมองไปยังเพดานห้องที่ไร้แสง เสื้อเชิ้ตสีขาวของเขายังคงปรากฏรอยฉีกขาดจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อตอนเย็นขณะที่หญ้าและดินที่ติดบริเวณหลังเสื้อของเขาก็เริ่มแห้งกรัง
เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดดูรูปของสาวน้อยร่างเล็กที่กำลังยืนกอดคอเขาด้วยรอยยิ้มอยู่ในสมัยม.ต้น
ตึง!
เป็นเวลาเดียวกันกับที่เสียงของแข็งกระทบกันจะดังสนั่นขึ้นมาทั่วห้อง การกระทำที่ตัวเขาได้แต่เลิกคิ้วมองมันด้วยความสับสน
กำปั้นขวาของตนที่ทุบเข้ากับผนังห้อง ภาพของมือขวาของตัวเองกับรอยช้ำจางๆ ขึ้นที่บริเวณนิ้วก้อย
ถ้าไม่ใช่อาการกล้ามเนื้อกระตุก หมอนั่นก็คงมีอิมแพ็คต่อตัวเขามากกว่าที่คิด
อัจฉริยะแห่งวงการเกม...บอกไม่ได้ว่าการที่คนแบบนั้นเข้ามายุ่งเกี่ยวกับชีวิตเขาเพราะพระเจ้าต้องการที่จะเล่นตลกหรือเปล่า
ร่างในชุดเสื้อสีขาวนั่งกุมศีรษะอยู่สักพักก่อนที่เขาจะค่อยๆ ถอนหายใจออกมาเบาๆ อีกครั้งหนึ่ง
กี่ครั้งแล้ว
กี่ครั้งแล้วกับเรื่องที่ไม่เป็นไปตามที่เขาต้องการ
ความเป็นจริงที่เขาเผชิญหน้ากับมันมาตั้งแต่จำความได้
กี่ครั้งแล้ว...ที่ทุกคนต่างก็จากเขาไปหมด
ตึง!!!
กำปั้นซ้ายพุ่งเข้าไปกระแทกกับผนังห้องอย่างรุนแรง เป็นเวลาเดียวกันกับที่ความรู้สึกเจ็บแปลบจะแล่นเข้ามีบริเวณหลังมือ
ดวงตาสีดำเลื่อนไปจับยังของของเหลวสีแดงข้นที่ไหลออกมาจากบาดแผลบริเวณหลังมือ อาการบาดเจ็บที่เขาเพียงแค่มองมันด้วยแววตาว่างเปล่าท่ามกลางความเงียบที่ปกคลุมอยู่ทั่วทั้งห้อง
พิรุณ...เกมเมอร์อัจฉริยะวัย 15 ปีแห่งวงการเกมที่โด่งดังไปทั่วประเทศที่ใครๆ ต่างก็ชื่นชม พากันสรรเสริญว่าเป็นบุคคลแห่งยุค ไม่ก็อัจฉริยะในรอบสิบปีที่เกิดมาเพื่อสั่นคลอนโลกแห่งเกม
ต่างกับตัวเขาที่ผู้คนต่างก็พากันหลงลืม เหรียญทองโอลิมปิกคณิตศาสตร์ที่ไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าเครื่องประดับที่แขวนอยู่ในตู้เก็บของ
เส้นทางอันน่าตื่นเต้นของตัวละครหลักในแบบที่เขาไม่อาจจะคิดฝันถึงไปได้
เกม...ที่เขาไม่เคยสนใจมันมาก่อน
เขาพึมพำออกมา ขณะที่ดวงตาของตัวเองก็เลื่อนจับมามองยังภาพภ่ายในโทรศัพท์ที่อยู่ในมือ
แล้วจึงถอนหายใจออกมาช้าๆ
มาลองกันสักรอบละกัน...
“ไปโดนอะไรมา...นาคา”
คือเสียงที่ดังขึ้นในรุ่งเช้าถัดมา ขณะที่นาคากำลังพยายามจะใช้วิชาพรางตัวเดินไถข้างแบบปูเพื่อหลบสายตาของผู้เป็นมารดาซึ่งนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนโต๊ะในห้องอาหารส่งผลให้เขาต้องหยุดชะงัก
เขาหยุดยืนตัวแข็งไปสักพัก ก่อนที่จะหันไปสบสายตากับแม่ของเขาพร้อมกับยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติ
“ผ้าพันแผลนี่...พอดีสะดุดล้มในห้องน้ำ น่ะครับ” พูดจบก็ยกมืออีกข้างขึ้นลูบหัวพร้อมกับหัวเราะออกมาเบาๆ
เธอมองเขาด้วยแววตานิ่งเรียบไปสักพัก ก่อนที่จะพยักหน้าพร้อมกับพลิกหน้าหนังสือพิมพ์ที่อยู่ในมือ ฝังตัวเองบนโลกแห่งตัวหนังสือตามเดิม
“เป็นหนี้ลุงทองอีกครั้งสิแล้วสินะ” นาคาพึมพำชื่อคนใช้ผู้เป็นคนทำแผลให้กับตัวเอง ออกมาเบาๆ ก่อนที่จะเดินไปนั่งประจำเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามซึ่งถูกจัดอาหารไว้บนโต๊ะเรียบร้อย
ข้าวต้มปลากระพงถูกเขารับประทานลงกระเพาะอย่างรวดเร็ว ก่อนที่นาคาจะรีบพุ่งออกจากบ้านเพื่อจะทำตามกำหนดการที่เขาได้วางแผนไว้ตั้งแต่เมื่อคืน เด็กหนุ่มเดินไปหน้าบ้านจัดแจงหยิบรองเท้าผ้าใบขึ้นมาใส่เพื่อเตรียมพร้อมที่จะมุ่งหน้าไปสู่ดินแดนที่เขาไม่อยากจะย่างกรายเข้าไปมากที่สุด
ย่านร้านค้า
ดินแดนที่แสนน่าหวาดกลัว สยดสยองจนถึงขนาดที่ว่าภาพของเจ้าของร้านที่กระโดดเหยงเป็นผีกองกอย หรือถอดสร้อยพระขึ้นมาอมพร้อมกับท่องคาถาอาคมนั้นถือเป็นเรื่องปกติ
ใช่ ตัวอย่างเช่นเจ้าของร้านขายของชำคนนี้ที่ทันทีที่เห็นหน้าเขาที่กำลังเดินสวนก็เผลอกลืนน้ำลายดังอึ้ก ก่อนที่จะค่อยๆ ก้มลงบนพื้นนั่งคุกเข่าพร้อมกับทำท่าหงายมือเพื่อแสดงให้เห็นว่าตัวเองไม่มีเจตนาร้าย
“ท...ท่านนาคา ขอรับ” คำพูดหลุดออกมาจากริมฝีปากของลุงพีทในวัยห้าสิบในขณะที่นาคาก็ได้แค่ยืนนิ่งโดยไม่ได้พูดอะไร
นี่คือตัวอย่างของความเกรงกลัวต่อผู้เป็นมารดาของเขา ชลธาร ไพศาลธารา อสุรกายอำมหิตผู้มีอำนาจสั่งเป็นสั่งตายของประชากรเจ้าของร้านค้าภายในซอย
นาคาได้แต่เลิกคิ้วออกมาช้าๆ เขายืนมองดูร่างของชายชราที่กำลังนั่งคุกเข่าก้มหัวตัวสั่นไปสักพักก่อนที่จะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงดังกึกก้องว่า
“แถวตรง!”
ร่างของชายวัยชราเปลี่ยนกลับมายืนขึ้นตรงแน๋วอย่างกับไม้บรรทัด เท้าทั้งสองถูกเลื่อนมาชิดแนบสนิทในขณะที่มือของลุงพีทก็ถูกนำมาแนบลำตัวด้วยความรวดเร็ว
“วันธยา...หัตถ์!”
ได้ยินดังนั้นนิ้วทั้งสี่บนมือข้างขวาของลุงพีทก็ถูกยกขึ้นมาแตะที่ปลายคิ้ว
เด็กหนุ่มเดินสำรวจท่าทางของฝั่งตรงข้าม ก่อนที่จะพยักหน้าหงึกๆ อย่างพึงพอใจ
“ดีมาก! ทั้งหมดเลิกแถวได้!”
ลุงพีทที่อยู่ในท่าวันทยาหัตถ์ค่อยๆ ลดมือลง กำมันไว้ระดับหน้าอก ก่อนที่จะตบเท้าขวาออกมาข้างหน้าพร้อมกับตะโกนว่า
“เฮ่!”
น่าหวาดกลัว คือความคิดเห็นของเขาต่อผู้เป็นมารดาที่เริ่มก่อตัวขึ้นภายในจิตใจ ไม่รู้ว่าเธอใช้วิธีการเหี้ยมลึกอำมหิตขนาดไหนในการทำให้ลุงพีทแกหวาดกลัวถึงขนาดที่ยอมเชื่อฟังคำสั่งคนรุ่นหลานแบบเขา
นัยน์ตาสีดำเหลือบเข้าไปยังร่างของลุงพีทที่ยังคงยืนก้มหน้าให้เขาหลังจากที่ถูกเอ่ยคำสั่งเลิกแถว นาคาจึงพูดออกมาว่า
“ลุงพีทไม่ต้องทำขนาดนั้นก็ได้ ผมแค่มาเดินดูอะไรแถวนี้เฉยๆ” เสียงเป็นกันเองคลายความกังวลของชายชรา แต่ตัวชายแก่ก็ยังคงก้มหน้ามองพื้นทำมุมเกือบเก้าสิบองศาเหมือนเดิม เขาจึงทำอะไรไม่ได้นอกจากถอนหายใจอย่างปลงๆ
“ตายแล้ว! หนูนาคนี่นา”
จู่ๆ เสียงแหลมปรี๊ดของผู้หญิงคนหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากบริเวณด้านหลังส่งผลให้เขาหันหน้าไปมอง แน่นอนว่าเขารู้จักเธอคนนี้ดี เพราะเธอเป็นหนึ่งในประชากรแถวนี้เพียงไม่กี่คนที่สามารถคุยกับเขาได้อย่างปกติ
ส่วนทางด้านลุงพีท ทันทีที่เขาเห็นผู้หญิงคนนั้นโผล่มา เจ้าของร้านขายของชำก็ลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกกับตัวเองเบาๆ
รอดจากเงื้อมมือปีศาจไปที ไอ้พีทเอ๊ย!
ลุงพีทยืนเนียนเป็นหลังฉากไปสักพัก ก่อนที่จะค่อยๆ ใช้วิชาเร้นกายเดินเรียบถนนหายไปอย่างรวดเร็ว...
“อ้าว สวัสดีครับ พี่ภัทร” เมื่อเห็นอีกฝ่ายเดินตรงมาหา นาคาจึงเอ่ยทักพร้อมกับยกมือสวัสดีผู้หญิงตรงหน้าตามมารยาท “มาเดินเล่นแถวนี้เหมือนกันเหรอครับ”
“พี่มาซื้อกับข้าวจ้ะ” เจ๊ภัทรยกถุงใส่กับข้าวจำนวนมากในมือให้เขาดู ก่อนที่สายตาของเจ้าหล่อนจะเหลือบไปสะดุดกับผ้าพันแผลที่พันอยู่รอบมือซ้ายของนาคา
ซึ่งก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่ถุงแกงของเธอจะถูกวางลงกับพื้นพร้อมกับมือทั้งสองที่พุ่งเข้ามาจับไหล่ของนาคา ก่อนที่จะตามมาด้วยคำพูดเป็นชุดๆ ว่า
“อุ๊ยตาย! นั่นเธอเป็นอะไรจ๊ะ บาดเจ็บมาเหรอ ให้พี่พาหาหมอไหม ต้องผ่าตัดไหม ถ้าหนูนาคเป็นอะไรไปแล้วพี่จะทำยังไงดีละ!!!”
“อ...เอ่อ ผม ม...ไม่ ป..เป็นอะไรหรอก ค...ครับ ค..แค่ ข้อมือ ค...เคล็ดนิดหน่อย” เสียงของนาคาสั่นจากแรงแขนที่กำลังเขย่าร่างของเขารัวๆ
หญิงผู้ตื่นตะหนกเมื่อได้รับรู้ว่าเด็กหนุ่มคนหน้าไม่เป็นอะไรร้ายแรงจึงถอนมือออกจากไหล่ของอีกฝ่าย พร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“อ๋อ แค่แขนเคล็ดเหรอจ๊ะ แหมพี่ก็นึกว่าหนูจะเป็นอะไรมากเสียอีก”
“ครับ แค่แขนเคล็ด อีกไม่นานก็คงจะหาย” เขาพูด ใช้มืออีกข้างเลื่อนแว่นสายตาของตัวเองที่เริ่มจะหลุดมากองอยู่ที่จมูก
“ว่าแต่...หนูนาค มาทำอะไรแถวนี้ละจ๊ะ” เจ๊ภัทรเอ่ยถามด้วยความสงสัย
เด็กหนุ่มเลื่อนแว่นสายตาขึ้นเล็กน้อย
“ผมมาซื้อเกมครับ”
“เธอจะซื้อเกมเหรอ!”
“ครับ เกมที่พี่ภัทรแนะนำมานั่นแหละ” เขาพยักหน้า
ได้ยินคำตอบดังนั้นรอยยิ้มของเจ้าหล่อนก็เริ่มฉีกกว้างไปจนเกือบถึงรูหู ในขณะที่ดวงตาของเธอก็ดูแวววาวแทบจะส่องเป็นประกาย
“แหม พอดีเลย พี่เองก็ไม่มีอะไรทำช่วงบ่ายอยู่พอดี ถ้ายังไงเดี๋ยวพี่พาเธอไปซื้อเองจ้ะ หนูนาค”
ใจนึงก็อยากที่จะปฏิเสธ แต่ดูเหมือนว่าออฟชั่นดังกล่าวอาจจะไม่มีอยู่ในตัวเลือก นาคาจึงเพียงแค่พยักหน้าช้าๆ
“หนูนาค รอพี่ตรงนี้แปบเดียวนะ เดี๋ยวพี่จะกลับมา!” ทันทีที่เธอกล่าวจบ ฝีเท้าสุดแรงเกิดของสาววัยยี่สิบเจ็ดปีก็พุ่งฉิวหายวับไปในพริบตา
ห้างสรรพสินค้าที่เจ๊ภัทรพาเขามานั้นเป็นศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดในแถบตะวันออกของเมืองที่มีชื่อว่าอบิสปาร์ค [Abyss Park] เนื่องจากร้านขายเครื่องเกมภายในซอยที่พวกเขาพากันไปในตอนแรกสินค้าหมด ทั้งสองจึงต้องมาลงเอยที่ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้
พวกเขาทั้งสองมาถึงเป้าหมายด้วยรถเก๋งคันเก่งของเธอ มันเป็นรถญี่ปุ่นที่สภาพค่อนข้างโทรมไม่ต่างอะไรกับซากรถ ฝุ่นจับจนเขาไม่คิดว่ามันจะสามารถสตาร์ทเครื่องติดได้ สภาพที่ทำเอานาคาถึงกับเหงื่อตกยามที่เห็น เพียงแต่...ไม่ทันที่เขาจะได้ขยับปากเอ่ยคำปฏิเสธ ร่างของเขาก็ถูกจับเข้ามาอยู่ในโลงศ...รถคันดังกล่าวแล้ว
และก่อนที่นาคาจะรู้สึกตัว...เขาก็พบว่าตัวเองมาถึงที่หมายเรียบร้อย
“หลับสบายไหม หนูนาค” สาวนักซิ่งกล่าวยิ้มๆ “เห็นเธอนอนยาวตั้งแต่พี่เริมขับเจ้านี่เลย เมื่อคืนคงไม่ค่อยได้นอนละสิท่า”
“อา...ครับ”
หลับสบายมากเลย และอาจจะสบายมากกว่านี้อีกถ้าเขาไม่คาดเข็มขัดนิรภัย
ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกปั่นป่วนผะอืดผะอมในท้องเวียนหัวคล้ายจะอาเจียนเข้าไปเรื่อยๆ เด็กหนุ่มจึงพยายามหันไปทางอื่น สูดลมหายใจลึกๆ มองบรรยากาศร่มรื่นของลานจอดรถชั้นดาดฟ้าที่ถูกตกแต่งด้วยสวนหย่อมเพื่อปรับสภาพ
“ไปกันเถอะจ้ะ ร้านนี้เป็นร้านเพื่อนของพี่เอง มันน่าจะลดราคาเครื่องเล่นให้สิบเปอร์เซ็นต์ ถ้ารวมกับแผ่นที่พี่ให้ไปน่าจะได้ถึงสามสิบเปอร์เซ็นต์เลยละ”
“เอ่อ...กระดาษนั่น ผมทำหายไปแล้วน่ะครับ”
“อ้าว อย่างนั้นเหรอ” เธอขมวดคิ้วไปสักพัก ก่อนจะสรุปออกมาว่า “ไม่เป็นไรหรอกหนูนาค ยังไงพี่ก็จะให้มันลดอยู่ดีนั่นแหละ”
น่าสงสารเจ้าของร้านคนนั้นเป็นบ้า…
ห้างสรรพสินค้าในวันเสาร์ไม่ได้อัดแน่นไปด้วยผู้คนอย่างที่คิด นาคาคิดพลางเลื่อนแว่นสายตาให้กระชับขึ้น ดูเหมือนว่าเนื้อที่ที่ค่อนข้างกว้างใหญ่ของอบิสปาร์คจะเป็นตัวช่วยแบ่งเบาประชากรตามแต่ละชั้นได้อย่างดีเยี่ยม
เจ๊ภัทรเดินนำเขาผ่านประตูทางเข้ามาสู่ชั้นห้า ก่อนที่จะเดินลงบันไดเลื่อนมาสู่ชั้นสี่ เดินตรงมาตามทางเดินไม่นานก่อนที่ทั้งสองจะมาหยุดอยู่ตรงหน้าร้านขายเครื่องเกมอิเล็คทรอนิกส์ขนาดใหญ่ที่มีชื่อว่า Ladsproject
“อ้าว ยายภัทรนี่นา ไปไงมาไงเนี่ย ถึงมาที่ร้านฉันแบบนี้” คำพูดทักทายหลุดขึ้นมาทันทีที่พวกนาคาเข้าสู่ร้าน เมื่อทั้งสองหันหน้าไปก็พบกับชายร่างผอมในกรอบแว่นซึ่งกำลังมองมาที่นาคาอย่างอารมณ์ดี
“โฮ่ เด็กในสังกัดเรอะยายภัทร”
“ไม่ใช่ย่ะ ไอ้เอ ฉันพาน้องเขามาซื้อเกมต่างหากล่ะ”
“เกมเหรอ... ERROR สินะ” ผู้ถูกเรียกว่าเอตอบกลับ ก่อนที่จะหันมาเอ่ยคำพูดกับนาคาว่า “หวัดดี ไอ้หนู ฉันชื่อเอ เป็นเพื่อนกับแม่สาวใกล้ขึ้นคานที่พาเธอม…”
“อ่อก!”
วิชาดัชนีคู่ของเจ๊ภัทรที่พุ่งกระแทกเข้ากับลำคอของชายเจ้าของร้านด้วยความรุนแรงส่งผลให้เขาได้แต่ชะงักตัวอย่างเจ็บแทน
“ถ้าอยากตายทำไมไม่บอกฉันตั้งแต่แรกละ ไอ้เอ เดี๋ยวแม่จะจัดให้แบบจำหน้าศพไม่ได้เลยคอยดู” คำขู่เสียงเย็นยะเยือกทำเอาบุรุษที่ถูกเรียกว่าเอได้แต่ยิ้มแหยๆ
“เอาละๆ ฉันไม่แซวเธอก็ได้ยายภัทร แหม แซวนิดแซวหน่อยทำเป็นขึ้น” เอพูดพร้อมกับยกมือที่กำลังสั่นๆ ขึ้นมาเลื่อนแว่นสายตาของตัวเองช้าๆ
“เรื่องนั้นน่ะ เรื่องคอขาดบาดตายสำหรับผู้หญิงย่ะ”
เอหัวเราะ ก่อนที่จะหันกลับมายังนาคาที่กำลังยืนอยู่ใกล้ๆ แล้วจึงพูดเข้าเรื่องว่า “เธออยากได้แพ็คเกจไหนละ”
“มีแบบไหนบ้างครับ”
เอยิ้ม ก่อนที่จะเริ่มอธิบายว่า
“แพ็คเกจที่ถูกที่สุดคือความผิดพลาดของยาจก [Poor Man’s ERROR] ที่มีอัตราความผิดพลาด [ERROR Rate] หนึ่งเปอร์เซ็นต์ สนนราคาที่ห้าหมื่น ส่วนแพ็คเกจต่อมาก็คือความผิดพลาดแห่งปี [ERROR of the Year] สนนราคาตอนนี้อยู่ที่หนึ่งแสน อัตราความผิดพลาดอยู่ที่ 0.5 เปอร์เซ็นต์ แพ็คเกจสุดท้ายที่ร้านของฉันมีคือความผิดพลาดขั้นร้ายแรง [Fatal ERROR] อัตราความผิดพลาดอยู่ที่ 0.1 เปอร์เซ็นต์แล้วก็สนนราคาอยู่ที่ห้าแสนบาทถ้วน”
“ราคา...ถือว่าเอาเรื่องอยู่พอสมควร” เขาพึมพำพลางเลื่อนแว่นสายตาของตัวเองขึ้น
“อย่างนี้แหละ เกมนี้เป็นเกมแรกที่ประสบความสำเร็จกับการจำลองโลกเสมือนจริงที่สมบูรณ์แบบขึ้นมา ค่าพัฒนา AI อะไรพวกนั้นก็เยอะแยะ เพราะงั้นถึงราคามันจะแพง แต่ฉันก็คิดว่าทางบริษัทแฟร์กับผู้บริโภคมากสุดๆ แล้วละ”
นาคายืนใช้ความคิดอยู่สักพัก ก่อนที่จะเอ่ยถามออกมาว่า
“อัตราความผิดพลาด...คืออะไรเหรอครับ”
ได้ยินคำถาม ชายในกรอบแว่นก็ยิ้มออกมาบางๆ
“นั่นเป็นสิ่งที่ทางบริษัทเออเร่อคอร์เปอร์เรชั่นกำชับไว้ว่าห้ามฉันบอกผู้เล่นทุกคนเกี่ยวกับมัน” เอพูดก่อนที่จะเหลือบมาเห็นเข้ากับร่างของเจ๊ภัทรที่กำลังมองตรงมาที่เขาด้วยสายตากินเลือดกินเนื้อ
“ต...แต่ บอกใบ้สักนิดก็คงจะไม่เสียหายละมั้ง” เอเอ่ยเสียงตะกุกตะกัก เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนที่จะบอกเด็กหนุ่มตามตรงไปว่า
“สรุปย่อๆ ก็คือนายอยากที่จะให้มันน้อยที่สุด ไอ้เจ้าค่าอัตราความผิดพลาดนั่น”
นาคาพยักหน้าช้าๆ เด็กหนุ่มยืนใช้ความคิดในหัวไปสักพักจึงเอ่ยถามออกมาว่า
“แล้ว...มีส่วนลดไหมครับ”
“เครื่องเกมนี่เป็นของมือหนึ่ง แถมราคาที่รับจากบริษัทก็มาในราคานี้ จะให้ฉันลดก็คงจะ…” ไม่ทันที่เอจะเอ่ยจบ เขาก็รู้สึกได้ถึงจิตสังหารของอดีตเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยของตนที่พวยพุ่งออกมาไม่ต่างอะไรกับยักษ์ในขุมนรก
“ค...ค...ค...คง...จะ” เอที่พยายามต้านทานแรงเหนือธรรมชาติได้แต่ขยับปากตะกุกตะกักในขณะที่ร่างกายของเขาก็เริ่มสั่นกึกๆ จากความหลังสมัยมหาลัยที่ตนเองไม่อยากจะจำ
“คงจะอะไรเหรอ ไอ้เอ” คำพูดถูกเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยียบพร้อมกับมือข้างขวาที่ถูกยกขึ้นมาเกร็งแน่น
ชายคนดังกล่าวทำท่าเหมือนจะขยับปากพูดแต่ก็ไม่มีเสียงอะไรออกมา เอพยายามที่จะกลั่นเสียงออกจากปากอยู่สักพักใหญ่ๆ ก่อนที่เขาจะยอมแพ้ให้กับอีกฝั่งพร้อมกับเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ใกล้จะร้องให้เต็มที่ว่า
“ลดให้ก็ได้ ลดให็ก็ได้! โธ่เว้ย แค่ลดให้ก็พอแล้วใช่ไหมละ”
เจ๊ภัทรยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ ก่อนที่เธอจะค่อยๆ ชูนิ้วเลขสามขึ้นมาช้าๆ
“เออ สามสิบเปอร์เซ็นต์ใช่ไหมละ” เอตอบเสียงเครียด เขายกมือกุมขมับพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ อยู่สักพัก ก่อนที่จะหันมาสบสายตากับเด็กหนุ่มแล้วจึงเอ่ยออกมาว่า
“อยากได้แพ็คเกจไหนละ ไอ้หนู”
นาคากระแอมไอเล็กน้อย แล้วจึงค่อยๆ ชี้นิ้วไปยังแพ็คเกจขนาดกระเป๋าเดินทางที่วางอยู่บนตู้โชว์หน้าร้านท่ามกลางเสียงอุทานด้วยความตกใจของเจ๊ภัทรและเอที่ดังขึ้นมาพร้อมกันว่า
“เธอจะซื้อชุดนั่นน่ะนะ!!”
นาคาพยักหน้าช้าๆ ก่อนที่เขาจะกระชับแว่นสายตาของเขาขึ้นอีกครั้ง
“ใช่ครับ ผมต้องการจะซื้อชุด ความผิดพลาดขั้นร้ายแรง [Fatal ERROR] ในราคาสามแสนห้าหมื่นครับ”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เป็นกำลังใจให้ค่ะะ
จิตใจ ความนึกคิดของคนมันแตกต่างกันอยู่แล้วตามสันดานและการเลี้ยงดู เพราะงั้นอย่าเอาบรรทัดฐานตัวเองไปตัดสินคนอื่นเลย(ถึงมันเป็นแค่นิยาย แต่ตัวละครแต่ละตัวก็มีคาแร็คเตอร์เหมือนคนปกตินั่นแหละ อย่างนาคาก็เหมือนคนมองโลกแบบเรียลๆ พูดจามะนาวไม่มีน้ำ Prideๆหน่อย แต่ก็ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใครหนิ)
ทำไมผิดพลาดน้อยถึงดีละ แล้วเปอร์เซนต์ต่างกันแค่ 0.5 เอง
แต่ราคาห่างกันราวฟ้ากับเหว คงไม่ใช่ความผิดพลาดแบบพวกติดอยู่ในเกมใช่มะ
พระเอกเราจิตหน่อยๆ ขี้อิจฉา เลยพาลเกลียดพิรุณ เกลียดเกม และต้องเสียน้ำหวานให้พิรุณนี่เอง
ปล.ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องหรอกแต่เราไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพวกผู้ชายนี่ชอบต่อยกระจกกันจัง มันได้ฟีลเท่ๆประมาณว่าจิตใจนายมันแตกร้าวเหมือนกระจกนี่หรอ แบบที่โรงเรียนเราต้องเปลี่ยนกระจกเป็นว่าเล่นทุกครั้งที่มีคนอกหักกันเลยทีเดียว555 แถมบางทีกระจกนี่อันตรายจะตาย เส้นเอนฉีกกันมานักต่อนักแล้ว ขอร้องล่ะค่ะวัยรุ่นชายทั้งหลาย เวลาอกหักนี่ได้โปรดไปต่อยผนังแทนจะดีต่อตัวคุณและทรัพย์สินนะคะ(......ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่อเลยนี่หน่า//ข้ามเม้นนี้ไปค่ะ5555)
อวดฉลาดไกลๆ??(อันนี้แปลว่าไรงง)😡บ้าปล่า ไปออกแนวคิดขวางโลกแบบนี้ทางเพจเด็กแว้นโน้น
ปล.😡หลงเวปเปล่า อ่านชื่อเวปก็เข้ามาด้วย!!หรืออ่านไม่ออก
ปล.ใน ปล. เว็ปนี้ชื่อเด็กดีนะครับไม่ได้ชื่อเว็บว่า ‘เว็บห้ามออกความคิดเห็นเรื่องวัยรุ่นต่อยกระจก’ แล้วการที่คุณมาต่อว่าคนอื่นอย่างไม่มีเหตุผลแบบนี้มันก็ไม่ใช่เด็กดีเอาซะเลยนะครับ
หลังรีไรท์เลยต้องลบเพื่อไม่ให้สปอยคนอ่านครับ